"บีอีซีเวิลด์" รอจังหวะเหมาะสมขายหุ้น "ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์" ที่ถือในมือทั้งหมด 19% ให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง ยันไม่ได้รีบร้อน เพราะรายได้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี คาดตัวเลขโฆษณาปี 52 ยังไปได้สวย พร้อมยอมรับ ยอดโฆษณาเดือน ม.ค.-ก.พ.ตัวเลขวูบไปบ้าง เพราะลูกค้าบริษัทขนาดเล็กหายไปกว่า 100 ราย มั่นใจผังรายการใหม่ก่อนข่าว-หลังข่าวค่ำ กระตุกเรตติ้งพุ่งได้ ประกาศปลดรายการ "จับเข่าคุย" ของเจ้าพ่อคุยข่าว "สรยุทธ" โดยยังไม่มีช่วงเวลาที่เหมาะสม พร้อมส่งรายการ "ทูไนท์ โชว์" ของ "เสี่ยต๋อย ไตรภพ" เสียบแทน หวังปลุกสีสัน-ค่าโฆษณา ให้กลับมาเหมือนเดิม
มีรายงานข่าวว่า บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC เตรียมขายหุ้น บริษัท ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CVD ที่ถืออยู่ในมือ หากมีจังหวะที่เหมาะสม โดยอาจพิจารณาขายให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง แต่ก็ยังไม่รีบร้อนดำเนินการในเร็วๆ นี้ เพราะขณะนี้ ผลประกอบการของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยคาดว่ารายได้ค่าโฆษณาในปีนี้จะเติบโตจากปีก่อน แม้ว่าช่วงไตรมาส 1 ปี 2552 อาจจะชะลอไปบ้างเมื่อเทียบกับปลายปี 2551
ทั้งนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเตรียมเดินทางไปโรดโชว์ชี้แจงข้อมูลให้นักลงทุนต่างประเทศเข้าใจพื้นที่ธุรกิจที่ นิวยอร์ก บอสตัน และลอนดอน ร่วมกับคณะของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2552 นี้ จากที่ได้เดินทางไปโรดโชว์ที่ฮ่องกงมาแล้วในช่วงก่อนหน้านี้
นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน BEC กล่าวว่า บริษัทยอมรับว่ามีแผนขายหุ้น CVD ที่ถืออยู่ 19% นั้น เราก็พร้อมที่จะขายออก แต่คงจะไม่รีบร้อนเนื่องจากกำไรจากธุรกิจของ BEC ในปัจจุบนยังเติบโตได้ดี แต่การขาย เนื่องจาก BEC ถือมาในระยะเวลานาน ประกอบกับการที่ CVD ยังไม่มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะเน้นธุรกิจผลิตโฮม เอ็นเตอร์เทนเมนท์ หรือ ผลิตรายการทีวี อีกทั้งเวลามีแผ่นละเมิดลิขสิทธิ์ในตลาดก็ไม่เดือดร้อน ซึ่งการขายหุ้น CVD อาจจะเป็นการขายให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจงมากกว่า
นายฉัตรชัย ยังกล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของ BEC ในปีนี้ เชื่อว่าจะยังมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี รวมทั้งเม็ดเงินโฆษณายังมีอยู่ แม้ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2552 เม็ดเงินโฆษณาจะชะลอลงไปบ้าง โดยเฉพาะจากบริษัทขนาดเล็กที่หายไปกว่า 100 ราย
อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทปรับผังรายการช่วงก่อนข่าวและหลังข่าวภาคค่ำ ทำให้รองรับเม็ดเงินโฆษณาได้มากขึ้น และการปรับราคาค่าโฆษณาในรายการตีสิบ และสตอเบอรี่ชีสเค้กตั้งแต่ช่วงต้นปี ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยให้มีเม็ดเงินเข้ามาเพิ่มขึ้น
"ถ้าให้ผมประเมินการเติบโตในตอนนี้เท่าไหร่นั้นผมไม่รู้ เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่รู้จะเป็นยังไง แต่ลึกๆ ก็ยังมั่นใจว่ายังดีกว่าปีก่อนแน่นอน เพราะการที่เรามีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็น Product Mix โดยหากช่วงไหนคนดูเยอะก็ใส่ละครมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้า อีกทั้งการที่การแข่งขันของธุรกิจยังมีอยู่ ยังไงเม็ดเงินโฆษณาก็ยังมีอยู่แน่นอน"
สำหรับการย้ายกลับมาของนายไตรภพ ลิมปพัทธ ผู้ผลิตรายการชื่อดัง จากช่อง 7 มาอยู่กับช่อง 3 นั้น ยังต้องรอดูว่าเอเจนซีที่เคยซื้อเวลาโฆษณาในรายการ "Club 7" ของนายไตรภพ จะตามมาด้วยหรือไม่ แต่ก็มองว่ารายการใหม่ "ทูไนท์ โชว์" ของนายไตรภพ จะช่วยสร้างสีสันให้กับช่อง 3 และรายได้ค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น เพราะทีมงานรายการที่เคยทำงานร่วมกันมา เริ่มติดตลาดแล้ว ซึ่งรายการนี้จะมาแทนรายการ "จับเข่าคุย"
ส่วนรายการ "จับเข่าคุย" ของนายสรยุทธ จะมีการปรับเปลี่ยนเวลา แต่จะเป็นช่วงเวลาใด จะพูดคุยกับนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เจ้าของรายการอีกครั้ง
นายฉัตรชัย กล่าวถึนราคาหุ้น BEC ที่ปรับตัวลดลงในขณะนี้ว่า เป็นเรื่องปกติตามภาวะตลาด แต่ก็ยอมรับว่าหุ้น BEC มีสัดส่วนการถือหุ้นของรายย่อยน้อย แต่ไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง โดยปัจจุบันมีการซื้อขายเฉลี่ย 3 ล้านหุ้นต่อวัน ปัจจุบัน Free float 43% ส่วนใหญ่สัดส่วนการถือจะอยู่ในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและกองทุน
อย่างไรก็ตาม การที่ BEC เป็นหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงเมื่อเทียบกับเงินฝาก จึงทำให้หุ้น BEC ยังมีความน่าสนใจ บริษัทมีแผนจะโรดโชว์ที่ นิวยอร์ก บอสตัน และลอนดอน ร่วมกับคณะของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2552 นี้ เพื่อชี้แจงข้อมูลให้นักลงทุนต่างประเทศเข้าใจพื้นที่ธุรกิจ หลังจากที่ได้เดินทางไปโรดโชว์ที่ฮ่องกงมาแล้วในช่วงเดือนมีนาคม 2552 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และส่วนใหญ่เข้าใจว่า BEC เป็นธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการเมือง และเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับด้านการอุปโภคบริโภค
