“หยวน” ยัน ยังได้ค่าตัวไม่ครบ ทำใจ “พจน์” คงไม่จ่าย แฉ คนที่เคยโดนผู้กำกับคนนี้โกง เตือนว่าอย่าไปทวง เพราะไม่ควรเล่นกับอิทธิพลมืด เหน็บ หากได้เงินที่เหลือคืนจะเอาไปทำบุญ จะได้ส่งให้คู่กรณีมีบารมีเพิ่มขึ้น
หลังจากที่ผู้กำกับ “พจน์ อานนท์” ออกมาท้า ว่า มีหลักฐานการเงินที่สามารถยืนยันได้ว่า ได้จ่ายค่าตัวให้หนุ่ม “หยวน นิธิชัย ยศอมรสุนทร” ครบถ้วนแล้ว อีกทั้งยังยืนกรานว่า ค่าตัวที่ตกลงกันไว้แค่ 3 แสน ไม่ใช่ 4 แสน อย่างที่เข้าใจ พร้อมกับไล่ให้ไปถามต้นสังกัดแกรมมี่เอาเอง เนื่องจากเป็นคนรับเงินแทน
ล่าสุด หนุ่มหยวนก็ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ยัน ยังได้ค่าตัวไม่ครบ แต่ไม่คิดจะทวงหนี้ เพราะคนที่เคยโดนผู้กำกับคนนี้โกง เตือนว่า อย่าไปเล่นกับอิทธิพลมืด
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสองสามปีที่แล้วครับ ไปเล่นหนังให้กับผู้กำกับแล้วได้รับค่าตัวไม่ครบตามที่ตกลงกันไว้ ที่ตกลงกันไว้ คือ ประมาณ 4 แสนบาท แล้วก็บอกทางแกรมมี่ไว้ ว่าเรื่องนี้ค่าตัวไม่เยอะนะ แล้วเขาก็ใช้่งานเหนื่อยมาก แต่เราก็โอเคอยากเก็บประสบการณ์ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เพราะทุกอย่างติดต่อผ่านทางแกรมมี่หมดเลยแล้วผู้ใหญ่ก็ได้ดูให้หมด พอถ่ายจบก็ไม่ได้ค่าตัว”
“ทางนั้นเขาก็จะจ่ายเป็นงวดๆ ครับ ทีละนิดละหน่อย แล้วจะจ่ายเป็นก้อนทีเดียวตอนหนังจบ ผมไม่ได้พูดพาดพิงถึงผู้กำกับนะครับ ไม่ได้พูดให้ร้ายหรือว่าร้ายเขาเลย ไม่ได้มีการตำหนิเขาเลยนะครับ ในส่วนที่ไม่ได้รับก็เป็นแสนครับ”
“ในส่วนของค่าตัวนักแสดง คือ ผู้อำนวยการสร้างจะให้เงินก้อนหนึ่งกับผู้กำกับมาจัดการเอง มันก็เลยมีปัญหาแบบนี้ครับ และถ้าค่ายไหนตัวนักแสดงเองได้รับค่าตัวจากผู้อำนวยการสร้างเองก็จะไม่มีปัญหา ได้ไปเต็มๆ แต่สำหรับเรารับกับผู้กำกับ”
“คงไม่ได้พูดคุยอะไรกันครับ เพราะว่ามันหลายปีมาแล้ว อีกอย่างก็เคยมีการพูดคุยกันแล้ว ตอนที่เกิดเรื่องแรกๆ ว่า ให้ผู้ใหญ่แกรมมี่ช่วยดูให้หน่อย เพราะว่าเราทำงานหนักมาก แล้วคิวที่ใช้ไปมันเกินกว่าที่ตกลงเยอะมาก มันเป็นคิวที่ไม่ได้ตกลงไว้เลย เป็นคิวที่ขอก็ขอเลยเดี๋ยวนี้ อย่างอยากได้ตอนนี้ เดินแบบอยู่ก็ต้องลงใต้ไปถ่ายเลย กลับมากรุงเทพฯได้ ก็ต้องลงไปได้ คือ ถ้าอยากได้ก็ต้องลงไปให้เลย”
“แต่เราในลักษณะของนักแสดงก็ต้องทำ เพราะว่าเป็นงานของเรา เราต้องทำให้ได้เพราะว่าบางทีมีนักแสดงร่วมคนอื่นด้วย เขาทำได้เราก็ทำได้ แต่ว่าการทำมันอาจจะเป็นการทำที่ลำบากมาก จริงๆ มีงานเดินแบบต้องยกเลิกกลางอากาศ ทั้งๆ ที่ทางออแกไนซ์ตกลงกับทางลูกค้าไว้แล้ว มันก็มีปัญหาก็ต้องให้ทางแกรมมี่มาเคลียร์ให้"
“เรื่องของค่าตัวผมก็คงทำอะไรไม่ได้แล้วครับ เพราะถ้าเขาจะรับผิดชอบจริงๆ เขาคงรับผิดชอบแล้ว นี่มันหลายปีแล้ว แล้วที่มันเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ก็เพราะว่ามีนักข่าวมาถาม อันนี้ต้องบอกก่อนว่าเราไมได้เป็นคนพูด และไม่มีผู้ใหญ่คนไหนเป็นคนพูดเลย ผมก็ไม่ได้อยากให้เขามารับผิดชอบอะไรเลย แต่อยากทำเพื่อคนอื่นๆ ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับใครอีก เพราะคนเราก็ทำอาชีพสุจริต ก็อยากให้ได้ค่าเหนื่อยเท่าที่เราทำไป บางทีเราทำเหนื่อยกว่าค่าแรงที่ได้รับอีก”
ลั่น ตัดใจกับเงินที่เหลือ แต่ตนไม่ได้คิดติดใจจะเอาความอะไร พร้อมยัน ไม่คิดที่จะฟ้อง
“ผมตัดใจกับเงินก้อนนั้นนานแล้วครับ เพราะผู้ใหญ่ก็ให้คำแนะนำว่าหยวนทำใจได้เลยนะ เพราะไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่คนเดียวที่ตามให้ และผมก็รู้ว่าทางผู้ใหญ่เขาทำให้เต็มที่จริงๆ ถ้ามันไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่ได้ฟ้องครับ เพราะด้วยความเกรงใจทางผู้ใหญ่แกรมมี่ ก็ค่อนข้างจะเกรงใจ และกรณีผมไม่ใช่กรณีแรก เรื่องค่าตัวกับทางแกรมมี่ เคยมีปัญหาแบบนี้มาแล้ว”
“สำหรับหยวนไม่ติดใจ และก็ไม่ได้คิดอะไรที่ไม่ได้เลยครับ หยวนเจอพี่พจน์หยวนก็สามารถทำความเคารพได้ เพราะเขาก็เหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่งในวงการบันเทิง เป็นผู้ที่มีอายุที่มากกว่า ส่วนเรื่องผิดเรื่องถูกไว้คุยกันอีกที เพราะว่าต่อให้ผู้ใหญ่ผิดก็คือผิดนะครับ ไม่ใช่จะมาวัดกันที่ความเป็นผู้ใหญ่กับเด็ก”
บอก หลังข่าวออกไปไม่สนใจกับฟีดแบกที่กลับมา ลั่น เพราะไม่คิดว่าจะได้เงิน
“ฟีดแบกจากที่พูดออกไป คือ มันมีมาตั้งแต่ยังไม่พูดเลยนะ พอข่าวออกไปเหมือนเป็นการสื่อสารที่ผิดออกไป หยวนไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ที่ต้องพูดเพราะมีนักข่าวมาถาม จริงๆ ก็พูดออกไปแค่ที่ถาม ไม่มีการปล่อยข่าวนี้ออกมาก่อนแน่นอน เพราะผมก็พูดเคลียร์ชัดเจน ผมไม่เคยว่าร้ายใคร และผมก็ไม่สามารถที่จะไปตัดสินใคร ให้ดีหรือไม่ดีได้ เพียงแต่ทุกคนควรจะรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง”
“พอเกิดเรื่องแบบนี้ มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยอะไรไม่ได้ครับ เพราะเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าท้อและก็ทำต่อไป แต่ถ้าเราทำไปแล้ว มันเป็นสิ่งที่ผิดก็หยุด และก็หันกลับมาคิด และก็ปรับปรุงตัวเองซะ ผมไม่ได้อยากได้อะไรจากผู้กำกับคนนั้นเลยครับ ไม่ได้อยากได้เงินเลยสักบาทเดียว เพราะดูท่าทางแล้วก็น่าจะไม่จ่ายครับ (หัวเราะ) เตรียมใจไว้แล้วครับ”
เจ้าตัว เผยตั้งแต่มีข่าวออกไปยังไม่มีโอกาสเจอ และไม่ได้เคลียร์กัน แต่ถ้าเจอกันก็สามารถทักทายกันได้
“ตั้งแต่หนังเรื่องไฉไลจบก็ไม่เคยเจอพี่พจน์เลย ไม่มีการโทร.เคลียร์อะไรทั้งนั้นครับ ผมไม่มีเบอร์ด้วย ผมก็เชื่อฟังผู้ใหญ่ และในสิ่งที่ผมเชื่อ ผมก็คิดแล้วว่าในสิ่งที่ผู้ใหญ่ได้เตือนมา ผมก็มาคิดไตร่ตรองดูแล้ว ว่าที่เขาพูดมันก็ถูกหรือจะให้เรื่องมันแดงออกมา ก็ไม่มีประโยชน์อะไร กลายเป็นว่ามันก็มีแต่เสีย แฉกันไปกันมา ก็เลยกลายเป็นว่าเราทำให้คนรอบตัวต้องหนักใจ”
“ถ้าวันหนึ่งเจอก็ไม่เป็นไรครับเจอได้ เพราะหยวนก็เคยโดนโกงอย่างนี้มาแล้วครับ เป็นแสนเหมือนกัน ก็เป็นคนใกล้ตัว ทุกวันนี้เจอกันก็ยิ้มทักกัน คนทำก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร”
“ผมนะเป็นคนที่รอบคอบมากนะครับ (หัวเราะ) การรับงานก็มีผู้ใหญ่สนับสนุนอยู่ด้านหลัง แต่ว่ามันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่เกิดเรื่องแบบนี้ และการคุยผมจะคุยละเอียดมาก แล้วผมก็ทำงานให้เต็มร้อยด้วย เพราะว่าผมเต็มที่มาก แล้วทุกคนก็จะได้เห็น ว่าเรามีระเบียบวินัย เป็นคนที่ทำงานจริงตั้งใจ ไม่ได้ทำเพราะว่าแค่ตัวเงินที่ให้มา เราทำเพราะเป็นจิตวิญญาณของเรา ทำเพราะว่าใจมันอยากทำ ไม่ได้อยากทำเพราะเงิน แต่เงินมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราควรจะได้”
“ถ้าพี่เขาคิดจะใช้ค่าเสียหายจริงๆ ผมจะเอาเงินตรงนี้ไปทำบุญครับ ให้พี่เขามีบารมีเพิ่มขึ้นไปเยอะๆ ให้มีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นในสังคม เพราะผมได้มาก็เหมือนว่าผมได้เปล่า เพราะเหมือนว่าผมไม่ได้อยู่แล้ว ผมอยากเอาไปช่วยเหลือสังคมให้มีอะไรที่ดีขึ้น”
แฉ เพื่อนนักแสดงก็เคยโดนผู้กำกับคนเดียวกันโกง และเคยเตือนว่าไม่ควรยุ่งกับคนคนนี้ เพราะไม่ควรเล่นกับอิทธิพลมืด
“เพื่อนๆ ก็เคยเจอ กับท่านนี้เลยครับ เรื่องสมัยนานมาแล้ว คือ เคยมีคนเตือน แต่เราก็คิดว่าเราหลังใหญ่ไงครับ คนหนุนเราดี มีผู้ใหญ่ดูอยู่มันก็ทำให้เราสบายใจ คนเล่นเยอะเราก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นแบบนี้ หลายคนก็เจอทุกหน่วยไม่ว่าช่างหน้าช่างผม ไม่ใช่แค่คนเดียว”
“มันมีเรื่องน่ากลัวกว่านั้นเยอะ เท่าที่ผมทราบมานะครับ แต่ผมบอกไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องอะไร แต่มันเป็นเรื่องที่น่ากลัว ถ้าเราจะไปตามเอาเงินของเราคืน มันก็เป็นเรื่องที่น่ากลัว คือ เราไม่ควรเล่นกับอำนาจมืด หรืออะไรที่มันน่ากลัว เราก็ไม่ควรมี เพราะเราต่างหากที่จะเสีย”
