“หยวน” ออกโรงโต้ “พจน์” บอกไม่เคยสาย ไม่เคยกั๊กคิวอย่างที่โดนกล่าวหา แฉกลับไม่ใช่ตนที่โดนโกงคนเดียว ทีมงานคนอื่นก็โดนเหมือนกัน แค่ไม่มีใครอยากพูด เผยตอนนี้ยังไม่คิดฟ้องร้อง ไม่อยากได้อะไร เพราะแค่ความถูกต้องยังหาไม่เจอ
หลังจากที่นักแสดงหนุ่ม “หยวน นิธิชัย ยศอมรสุนทร” ออกมาเปิดเผยเรื่องที่ผู้กำกับ-แมวมองชื่อดัง “พจน์ อานนท์” เบี้ยวค่าตัวจากการที่ได้ไปเล่นภาพยนตร์เรื่อง “ไฉไล” เมื่อ 3 ปีก่อนเป็นเงินเหยียบแสนบาท และถ้าไม่ยอมมาเคลียร์ให้เรียบร้อย จะให้ผู้ใหญ่ทางแกรมมี่จัดการเอง ด้าน “พจน์” จึงออกมาโต้ทันทีว่าไม่ได้เบี้ยว และจ่ายเงินครบเรียบร้อยไปตั้งนานแล้ว แถมฉะอีกฝ่ายว่าชอบทำตัวมีปัญหา ขอคิวยาก ขาดความรับผิดชอบ ไม่ขอร่วมงานด้วยอีก
ล่าสุด นักแสดงหนุ่มเลยขอเผยประเด็นร้อนทุกอย่างแบบหมดไส้หมดพุง โดยที่เจ้าตัวอ้างว่าใจจริงแล้ว ไม่เคยอยากออกมาพูด แต่เพราะมีคนมาถาม จึงต้องเล่าให้ฟัง โดยไม่มีเจตนาจะขุดคุ้ย หรือใส่ร้ายป้ายสีฝั่งตรงข้ามแต่อย่างใด แต่หลักฐานการเงินมีครบทุกอย่าง
“เรื่องนี้มันเกิดขึ้นหลายปีแล้วนะครับ เพราะจะรู้กันแค่ไม่กี่คน มีผม ผู้ใหญ่ทางแกรมมี่และก็ผู้กำกับ แต่วันนั้นที่เคลียร์กันผมก็เก็บเงียบ เพราะผู้ใหญ่เขาแนะนำว่าให้ทำใจเถอะ เพราะเขาคงจะจ่ายค่าตัวไม่ครบแล้วล่ะ ไม่เป็นไรก็ให้ทำใจซะ ผู้ใหญ่ท่านก็ทำเต็มที่แล้วครับ”
“แต่อยู่ดีๆ วันนึงก็มีพี่นักข่าวมาสัมภาษณ์ ก็งงเหมือนกันว่ารู้ได้ยังไง เพราะจริงๆ เรื่องนี้เก็บเงียบหมด ผมก็ไม่ได้ออกมาพูด หรือมีทีท่าว่าจะฟ้องผู้กำกับเลยนะครับ ผมก็ไม่มั่นใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะตอนแรกที่คุยกันไว้ เขาได้ตกลงค่าตัวกับทางผู้ใหญ่แกรมมี่เรียบร้อยหมดแล้ว ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมกำลังจะหมดสัญญาพอดี ก็เลยมาคุยกับผู้ใหญ่ว่าจะเล่นหรือไม่เล่นดี เขาก็บอกว่าให้เล่นไปเถอะ เพราะผมก็อยากเล่นหนัง แล้วเรื่องนั้นเป็นแนวแอ็คชั่น บู๊ๆ เราก็อยากอยู่”
“พี่พจน์เขาก็มาที่บริษัทเลย มาเคลียร์กับทางผู้ใหญ่ มาขอเราไปเล่น เขาก็ตกลงค่าตัวอะไรเรียบร้อย ซึ่งเคลียร์เรียบร้อยว่ามันเป็นกรณีพิเศษ คือ ไม่ได้เยอะมากนะครับ และผมกำลังจะหมดสัญญากับแกรมมี่ ก็เลยขอทางผู้ใหญ่ว่าไม่ต้องหักเปอร์เซ็นได้มั้ย ผู้ใหญ่ก็อนุมัติ แต่เรื่องของการจ่ายจะเป็นผู้ใหญ่ทางแกรมมี่ดูแลให้ แต่เช็คสั่งจ่ายเป็นชื่อผม เพราะกว่าเรื่องจะเข้าบริษัทกว่าจะออกมาก็หลายเดือน”
“ซึ่งตอนนั้นก็แฮปปี้ทั้งสองฝ่าย พอเริ่มไปถ่ายก็จ่ายเช็คเป็นงวดๆ งวดแรกมันก็ไม่กี่หมื่นหรอกครับ ก็จะมีงวดสุดท้ายที่เป็นงวดปิด หนังจบงวดนี้ก็ได้เต็มๆ ซึ่งที่ตกลงไว้ที่ผมจำได้คือ 4 แสน แต่ได้มาทั้งหมดแค่ประมาณครึ่งเดียวครับ เพราะผมเองก็ไม่สามารถยืนยันตัวเลขได้ชัดเจน เพราะว่ามันก็หลายปีแล้ว”
“ผมก็เลยมาปรึกษาผู้ใหญ่ว่าทำยังไงดี ยังได้เงินไม่ครบเลย ก็ให้ทางผู้ใหญ่แกรมมี่เป็นคนตามให้ ทางเขาก็บอกว่าเขาจ่ายแล้ว บอกว่าที่ตกลงกันไว้คือ 3 แสนบาท เราก็เลยงงว่าตกลงยังไงกันแน่ ก็ให้ผู้ใหญ่ไปเคลียร์ครับ ซึ่งเขาก็ทำเต็มที่ จนสุดท้ายก็สงสัยว่าเขาไม่จ่ายแน่ ให้ทำใจเลย เราก็เลยโอเคทำใจครับ”
“ผมเองก็ไม่อยากขุดคุ้ยนะครับ ก็พอดีมีพี่นักข่าวมาถาม ซึ่งถ้าเขายืนยันว่าจ่ายหมดแล้ว ผมเองก็คงจะพูดอะไรไม่ได้ แต่ว่าเรื่องหลักฐานเราก็มีอยู่ครับ แต่ผมก็ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องเป็นราวนะ แต่ว่าถ้าสิ่งที่จะทำก็อยากชี้แจงให้มันชัดเจน ให้คนได้รู้มากกว่าว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง แล้วก็คงจะทำเพื่อคนอื่นด้วย เพราะเราก็ไม่อยากให้คนอื่นโดนอย่างเราด้วย”
“เพราะไม่ใช่แค่เราคนเดียว มีทีมงานหลายๆ คนที่โดนเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่ได้บอกนะครับว่าการกระทำของเขาไม่ดี เพราะผมก็ไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งที่เขาทำมันผิดหรือถูก เพราะมันเป็นสิทธิของเขาที่เขาจะทำ แต่ว่าสำหรับผม ผมเป็นคนที่โดนและได้รับผลจากการกระทำนั้น”
ยืนยันไม่อยากฟ้อง เพราะสุดท้ายตัวเองจะเจ็บเอง ย้ำเป็นคนไม่เคยมีปัญหา ทำงานมีระเบียบวินัย และไม่เคยกั๊กคิวตัวเองเลย
“ถามว่าจะฟ้องมั้ย คงต้องปรึกษาผู้ใหญ่ครับ ซึ่งมุมมองผมมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าคนๆ นั้นเป็นยังไง ผมคงต้องขอคำปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน ผมไม่อยากข้ามหน้าข้ามตา เพราะถ้าฟ้องมันก็มีตัวอย่างให้เห็นหลายคนแล้ว และยิ่งเราทำอะไรหนักขึ้นๆ คนที่จะเจ็บและถลอกที่สุดก็คือตัวเราเอง”
“กลัวมีปัญหากันมั้ย ผมว่าไม่หรอกครับ จริงๆ ผมก็ไม่อยากจะพูด ผมเลยเก็บเงียบมาก ไม่ได้บอกใครเลย แต่ที่ออกมาพูดเพราะพี่ๆ นักข่าวคงอยากจะรู้ว่าจริงๆ เป็นยังไง อีกอย่างผมก็พูดในลักษณะความเป็นจริงอย่างเดียว ผมเองไม่ซีเรียสหรอกครับว่าเขาจะว่าผมอะไรยังไง เพราะเราทำงานมาเป็น 10 ปีแล้ว”
“เรื่องของระเบียบวินัย ถ้าคนที่ทำงานกันจะรู้ว่าผมมาก่อนเวลาตลอด เรื่องของคิวผมก็จะเคลียร์ให้เรียบร้อย อย่าง ซิตคอม เฮง เฮง เฮง ผมถ่ายมา 8 ปี เราก็จะรู้ว่ายังไงแล้วก็ต้องเอางานเป็นชิ้นเป็นอันใหญ่ๆ ไว้ก่อน แต่เรื่องคิวพูดได้ว่ามีคนรับรู้เหตุการณ์ตลอด ว่าผู้กำกับเขาอยากได้คิวแบบไหน เขาไม่มีล็อกคิวกันไว้ล่วงหน้า อันนี้คือชี้แจงนะครับ ไม่ได้ใส่ร้ายอะไร”
“คิวผมไม่มีกั๊กแน่นอน แต่เขานึกอยากถ่ายก็ถ่าย ไม่อยากก็ไม่ถ่าย อย่างถ่ายกันอยู่ดีๆ กล้องจมน้ำก็บอกให้กลับ พองมขึ้นมาได้ก็เรียกกลับไปถ่าย และมีเหตุการณ์หนึ่งซึ่งผมก็เสียชื่อเหมือนกัน คือผมไปเดินแบบที่เซ็นทรัลชิดลม กำลังจะเดินแบบ เขาก็โทรมาบอกว่าต้องให้ลงใต้เดี๋ยวนี้ไปถ่ายหนัง ผมก็โทรไปเคลียร์กับทางผู้ใหญ่แกรมมี่ บอกว่าผมทำตามเขาไม่ได้จริงๆ ผมรับงานไว้แล้ว ซึ่งเขาก็ไม่ได้ล็อคคิวผมล่วงหน้า แต่สุดท้ายก็ต้องเอาใจผู้กำกับนะครับ ผมก็ต้องหานายแบบมาแทน แล้วลงใต้ไปถ่ายหนังกับเขา”
“ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่เจอแบบนี้ แต่เพียงแค่ว่าทุกคน นักแสดง ทีมงานไม่มีใครเขาอยากเอาเรื่องไม่ดีมาพูด ทุกคนก็เก็บและอดทน ซึ่งตอนนี้ผมก็ทำใจครับ ถ้าพี่เขาจะทำอะไรผมก็ได้เลย แต่ถ้าผมอยากได้จริงๆ เรื่องค่าตัวมันก็เป็นสิทธิที่ผมควรจะได้ถูกมั้ยครับ แต่ก็ปล่อยผ่านไป โกงก็โกง ไม่เป็นไร”
“ตอนนี้ผู้ใหญ่บอกให้นิ่งๆ ไปก่อนครับ เราไม่อยากกระโตกกระตาก อยากจะอดทนให้มากที่สุด ซึ่งมันก็ยังมีมากอยู่ เพราะผมปฏิบัติธรรมนะ หลายๆ อย่างมันก็สอนในเรื่องให้เราใช้ชีวิต เรื่องฟ้องมันเลยยังไม่มีในความคิดจริงๆ ครับ ซึ่งตัวผมเองการจะให้ข่าวก็ต้องเซฟ ผมจะไม่เอ่ยชื่อเขาเลยว่าเป็นใคร แต่ผมจะเรียกผู้กำกับตลอด ไม่มีการพูดจาที่ไม่ดี ซึ่งถ้าผมเจอเขาก็ยังยกมือไหว้ได้นะ ไม่เป็นไร แต่มันเป็นเรื่องของการทำงานที่เรารู้แล้วว่าแบบนี้มันไม่ได้”
เผยต่อไม่ต้องไต่ถามผู้จัดการส่วนตัวอย่างที่ผู้กำกับ “พจน์” อ้างว่าจ่ายไปหมดแล้ว เพราะตนรู้ดี และมีหลักฐานการจ่ายเงินครบทุกอย่าง ทำใจทุกอย่างเป็นประสบการณ์ และไม่หวังเรียกร้องอะไรคืน
“ผมไม่ได้ไปติดใจถามผู้จัดการผมหรอกครับว่าเขาได้รับเงินมาตามที่ผู้กำกับพูดรึเปล่า เพราะผมรู้แก่ใจอยู่แล้ว ผู้ใหญ่ก็เข้าใจทุกอย่าง ใครจ่ายตังค์เอาเช็คมาให้ผมรู้ตลอด มีรายละเอียดหมดทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะแต่งเรื่องขึ้นมาได้ มีสัญญาว่าจ้าง มีผู้ใหญ่รับรู้และไม่ใช่ผู้ใหญ่ธรรมดานะครับ เพราะผู้ใหญ่แกรมมี่คือผู้ใหญ่จริงๆ มีทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิ”
“ผมก็อยากจะบอกพี่เขาเหมือนกันว่าเราคงต้องเคลียร์กันหลายๆ เรื่องๆ ในเรื่องของการทำงานมันเป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องโดนโกง บางคนถึงกับล้มละลายก็มี สำหรับผมมันถือเป็นประสบการณ์ แต่ก็ไม่ใช่ว่านี่เป็นครั้งแรกของผมหรอก เพราะผมก็เคยเจอเรื่องแบบนี้มาเหมือนกัน คราวนั้นก็หลายแสน ก็เป็นคนกันเองนี่แหละครับ ส่วนใหญ่คนอื่นไม่ค่อยทำกันหรอก เป็นคนกันเองทั้งนั้นเลย ซึ่งผมก็ยังเจอคนๆ นี้อยู่นะ ยังเจอ ยังคุยกันอยู่ ซึ่งเขาก็ไม่ได้มีทีท่ารู้สึกอะไร แล้วเราจะไปรู้สึกอะไรทำไม แต่เราก็ไม่ได้อยากให้เรื่องอย่างนี้มันเกิดขึ้นกับเราหรือใครอีก อยากให้มันจบจริงๆ”
“ผมไม่ได้อยากได้อะไรจากเขาเลย ไม่ได้ต้องการเงินจากเขา ความถูกต้องก็ไม่ต้องการ เพราะไม่รู้จะไปหาได้ที่ไหน (หัวเราะ) ผมไม่ถือครับ ยังไงผมก็ยังเด็ก แต่อะไรที่มันถูกผิดก็ต้องว่าไปตามนั้น แต่ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากเขาเลยจริงๆ”