“อนันดา” ไม่หวั่นคนหมั่นไส้ บอกรัก "จี๊ด" กลางงานสุพรรณหงส์

“อนันดา” ยอมรับช่วงนี้หวานกับ "จี๊ด" แบบไม่กลัวคนมองหมั่นไส้ เผยเตรียมหาซื้อที่ไว้ที่เชียงใหม่ หวังจะไปใช้ชีวิตแบบสงบสุข แต่ตอนนี้ยังเป็นแค่แผนการ และยืนยันไม่ได้สร้างเพราะตั้งใจให้เป็นเรือนหอ เพราะอนาคตแต่งงานยังไม่มีในหัว

ตั้งแต่บอกรักกันกลางเวทีประกาศรางวัล สุพรรณหงส์ ดูคนจะจับตามองคู่รัก “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” กับนางแบบสาว “จี๊ด แสงทอง เกตุอู่ทอง” ไม่น้อย ซึ่งหนุ่ม “อนันดา” ได้เปิดใจอีกครั้งในงานเปิดตัวลูกอม “ดับเบิ้ลมินต์ มินต์”ว่า การบอกรักกันเป็นเรื่องปกติ และไม่ได้กลัวเรตติ้งตัวเองจะตกด้วย

“ช่วงนี้หวานเหรอ ไม่รู้เหมือนกันครับ มันอาจจะมาจากที่พูดบนเวทีคนก็เลยจะฮือฮากัน แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นนะครับ คือมันเป็นเรื่องปกติคนเขามากับเรา เราก็ต้องทักเขา เราก็ทักตามความรู้สึกจริงของเราเท่านั้นเอง ก็เลยกลายเป็นว่าคนมองน่าหมั่นไส้ไป”

“ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรล่วงหน้าไว้ เพราะพอขึ้นเวทีก็ไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เพราะเตรียมไว้ก็จำไม่ได้อยู่ดี ตอนนั้นก็นึกถึงคนสำคัญๆ ที่อยู่ในชีวิตเรา ก็พูดไปอย่างที่คิดครับ ปกติก็บอกรักกันอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้วครับ มันไม่ใช่สิ่งที่จะต้องเก็บไว้ หรือจะต้องอาย ความรักถ้าเรารู้สึกยังไงก็พูดไป”

“ปัญหาคือผมว่าคนส่วนมากมักจะรอให้อีกฝ่ายพูดก่อน หรือรอให้มันชัวร์ว่าอีกฝ่ายรักเราอะไรอย่างเนี้ย ซึ่งไม่เป็นไรหรอก เรารักเขาก็พูดไปเหอะ เขาไม่รักเราก็ไม่เป็นไรนี่ เรารู้สึกของเราน่ะ หรือดาราส่วนใหญ่ห้ามมีความรักเหรอ หรืออาจจะเพราะผมไม่ใช่ดาราที่มีค่าย มีสังกัด ที่จะมานั่งบอกผมว่าควรจะเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ คือผมก็เป็นแบบที่ผมเป็น มันง่ายสุดแล้ว ใช้ชีวิตอย่างนี้แหละ”

ไม่หวั่นเรตติ้งตก
“เรตติ้งตกเหรอ ไม่นะ ดูเรตติ้งดีออก(หัวเราะ) ผมถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีแล้วกัน พูดๆ ไปเหอะ อยากจะสารภาพหรือจะอะไรก็พูดไปเหอะ ผมว่าเขาก็ทำกันปกติ”

เผยถึงเรื่องที่เตรียมดูซื้อที่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เจ้าตัวบอกว่าต้องการความสงบจึงเลือกที่จะไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น แต่ยังไม่คิดให้ถึงเป็นเรือนหอ และเรื่องแต่งงานยังไม่เคยคิดเหมือนกัน

“มีแผนปลูกบ้านที่เชียงใหม่ แต่ไม่ใช่เรือนหอครับ เอาไว้อยู่เอง คือตอนนี้ราคาที่มันยังเฟ้ออยู่ ตังค์ไม่พอ ผมดูไว้ประมาณ 4-5 ที่ครับ ผมก็ให้แม่ผมไปเลือก แม่ผมเขาก็ไม่ได้ดูที่ราคาหรอก เขาก็ดูว่าอันไหนสวยสุด แต่อันที่เขาจิ้มน่ะแพงที่สุดเลย(หัวเราะ) ก็หน้ามืดนิดหน่อย รอทำงานเก็บเงินอีกสักปีค่อยว่ากัน”

“คือด้วยอาชีพแล้ว ผมว่าที่นั่นเหมาะกับจิตผม อยู่กรุงเทพฯ แล้วผมแบบรู้สึกโรคจิต อยู่เชียงใหม่ผมรู้สึกสบายใจ แล้วผมเล่นหนังก็ไม่ค่อยเหมือนงานประจำอยู่แล้ว ลงมาทีผมก็มาทำงาน เล่นหนัง 2-3 เรื่องก็จะมีเวลาว่าง 1-2 เดือนก็จะกลับไปอยู่ที่โน้น ทำจิตใจให้สงบ”

“เรื่องแต่งงานยังไม่ได้คิดไกลขนาดนั้นนะ คำว่าแต่งงานมันไม่ได้อยู่ในโฟกัสของพวกเรา ชีวิตตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้ว ผมรู้สึกว่ากระดาษแผ่นนึงมาผูกมัดกันไว้ มันจะทำให้รักกันมากขึ้นเหรอ มันก็ไม่ใช่หรอก”