“หมอกฤษฏ์-แม่” ปล่อยโฮกลางรายการสยามทูเดย์ เผย สุดอัดอั้น “ลีเดีย” ให้สัมภาษณ์พาดพิงไม่เลิก แถมไม่ยอมมาไกล่เกลี่ย ลั่นต้องออกมากอบกู้ศักดิ์ศรีความเป็นคน ด้านแม่บอก ที่ผ่านมา เงียบแล้วแต่อีกฝ่ายก็ไม่หยุดวอนสังคมเห็นใจ
หลังจากที่ “ศันสนีย์ วนะไชยเกียรติ” คุณแม่ของ “ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา” ออกมาให้สัมภาษณ์รายการต่างๆ ปกป้องลูกสาวอยู่หลายรอบ ล่าสุด “ภัทรา ปทุมศรีวิโรจน์” คุณแม่ของ “หมอกฤษฏ์" ศุภกษฏ์ ปทุมศรีวิโรจน์ ก็ออกมาปกป้องลูกชายเช่นกัน งานนี้สองแม่ลูกถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “สยามทูเดย์” เปิดเผยถึงเหตุผล ที่ฟ้องกลับนักร้องสาว 3 คดีรวด
หมอกฤษฏ์ : “อย่างที่ได้เรียนไป ที่ผ่านมา คุณแม่บอกให้ผมเงียบมาตลอด ให้อดทนอดกลั้น เราพยายามกันมาโดยตลอด และคิดว่าวันเวลามันจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น ผมยอมมาโดยตลอด แต่อะไรๆ มันเกิดขึ้นมาพร้อมๆ กัน ตอนนี้ศักดิ์ศรีความเป็นคนมันหายไปหมดแล้ว และที่ผ่านมา ผมเงียบ แต่ทางเขาออกรายการมาโดยตลอด ผมไม่อยากพูด ตอนนี้ผมมีแฟนคลับ เขาช่วยหาหลักฐานด้วย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และประเด็นตรงนั้นที่ผมทายไป มันมีมาก่อนนานแล้ว ก่อนที่ผมจะทาย”
ทนาย : “หลังจากมีการไกล่เกลี่ยแล้วไม่มีผล ทางคุณลีเดีย บอกว่า มีการไกล่เกลี่ยกับหมอกฤษฏ์ จริงๆ ไม่ได้มีการไกล่เกลี่ยอย่างที่เป็นข่าวแน่นอน ตอนแรกที่มีการคุยกัน ตกลงจะมีการไกล่เกลี่ยก็เลยไม่คิดจะฟ้อง แต่พอไม่มาก็เลยคิดครับ”
หมอกฤษฏ์ : “บอกว่าจะดูพฤติกรรมผมก่อน จะดูอะไรอีก มันเลยขั้นไกล่เกลี่ยมาแล้ว มันจบไปแล้วขั้นนั้น ผมออกมาขอโทษ ผมเสียใจทุกอย่าง ผมยึดอาชีพหมอดูมานาน และพอมีข่าวแบบนี้ออกไป ลูกค้าผมหายไปเกินครึ่งหนึ่ง ศักดิ์ศรีของผมมันหายไปหมดเลยครับ ครอบครัวผมบากหน้าไปที่ศาลกันหมด แต่ปรากฏว่า ทางโน้นไม่มา แล้วที่บอกว่ามีการไกล่เกลี่ย ไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวลงเลยครับ และผมอยากจะบอกว่า คำพูดที่ออกมามันออกมาจากใจ ผมไม่เฟคอยู่แล้วครับ”
ด้านแม่ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ บอกสงสารที่เห็นลูกทุกข์ใจ วอนสังคมให้โอกาสลูกชาย ทำเอาหมอคอนเฟิร์มถึงกับปล่อยโฮตาม
แม่ : “แม่ต้องขอพูดในฐานะที่เป็นแม่คนหนึ่ง ตอนเกิดเรื่องแม่บอกให้ลูกมีความอดทนอดกลั้น เพราะตั้งแต่เด็ก สอนให้กฤษฏ์มีความอดทนมาตั้งแต่เด็ก บอกลูกเลยค่ะว่าหยุดนะลูกนะ หยุดเถอะ และเราก็เงียบมาโดยตลอด อย่างที่ทนายเรียนมาให้ทราบ เราน่าจะคุยและมาปรับความเข้าใจกันได้ แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดไว้”
“(ร้องไห้) ต้องเรียนตามตรง หัวใจคนเป็นแม่ เห็นลูกเจ็บเราก็เจ็บ ลูกเจ็บหนึ่งเท่าแม่เจ็บกว่าเป็นร้อยๆ เท่า เจ็บแทนลูก ตอนกฤษฏ์ยังเด็กต้องต่อสู้และเข้มแข็งมาโดยตลอด อยากให้สังคมเห็นใจ และครอบครัวเราไม่ได้เป็นครอบครัวที่ร่ำรวยอะไร แม่ก็เป็นพนักงานกินเงินเดือนธรรมดา แต่แม่ก็สอนให้ลูกอดทนมาโดยตลอด”
หมอกฤษฏ์ : “แม่ไม่ให้ผมพูด มันสุดๆ แล้วครับ (ร้องไห้)”
แม่: “ตอนนี้คุณแม่ขอโอกาสสังคมให้กับลูกบ้าง ที่ผ่านมา แม่ไม่เคยออกมาปกป้องลูก วันนี้แม่ขอโอกาสสักครั้งละกันค่ะ ลูกมีลูกค้า ทุกคนให้ความเชื่อมั่นในการทำนายของลูก แต่เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นมา ลูกก็ไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นคนแล้ว อยากจะขอความเห็นใจบ้างค่ะ”
ยอมรับเหตุการณ์ครั้งนี้ ส่งผลให้ความน่าเชื่อถือทดถอย จนลูกค้าหายไปเกือบครึ่ง
“ลูกค้าไม่ได้หายหมด แต่หายไปเกือบครึ่งหนึ่ง ครอบครัวผมเป็นคนจน ไม่มีกิจการร่ำรวยอะไร ครอบครัวผมไม่เคยมีคดีความ ไม่เคยมีเรื่องกับใคร ไม่เคยขึ้นศาล และคนธรรมดาที่โดนฟ้องมันต้องเสียเงินด้วย ผมก็คิดอยู่นานเหมือนกัน แต่ถ้าคนที่ไม่มีเงินล่ะ เจอแบบนี้เขาจะมีโอกาสมั้ย”
เผย แอบเช็กดวงตัวเองไว้แล้ว ส่วนจะชนะคดีหรือไม่ บอกขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
หมอกฤษฏ์ : “ดูครับ ผมเรียนเลยว่าดู แต่วันเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง ว่าจะชนะหรือไม่ชนะ ผมบอกไม่ได้ครับ”
ทนาย : “จะชนะหรือไม่ชนะอยู่ที่ดุลพินิจของศาล แต่หลักฐานผมก็เตรียมไว้เหมือนกัน ความเสียหายที่เกิดจากเรื่องนี้ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว มันก็ต้องมีความเสียหายของชื่อเสียงศักดิ์ศรีของความเป็นคน เป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้เราคิดที่จะฟ้อง สังคมอาจจะมองว่าไปรังแกผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ไม่มีทางสู้ แต่ผมคิดว่าปัญหาต่างๆ มันน่าจะตกลงกันได้ เพราะมันเป็นเรื่องของเด็ก หมอก็ยังเด็ก แต่มันมีผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง ในการตัดสินใจครั้งนี้หมอไม่ได้ใช้อารมณ์”
“ตอนนี้เราทำทุกอย่างตามกระบวนการของกฎหมาย เพื่อรักษาสิทธิ การฟ้องคดีนี้เราไม่ได้ปิดหนทางการคุยกับคู่กรณี ถ้าคิดจะมาไกล่เกลี่ย ทางเรายินดีจะหาทางออก น่าจะหันหน้าเข้ามาคุยกัน ผมคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ปฏิกิริยาที่แสดงออกในวันที่ 15 ที่แม่ของคุณลีเดียไปในงาน บอกหมอให้ขอโทษ หมอก็ทำ ก็อยากให้สังคมให้โอกาสเขา เพราะเขายังมีอนาคต”
หมอกฤษฏ์ : “ผมยินดีจะไกล่เกลี่ยมาโดยตลอดครับ ผมพยายามไปทุกครั้ง แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกครั้งที่ไปทางโน้นก็ส่งทนายมาอย่างเดียวครับ ผมไม่รู้สึกอะไรแล้วครับ แต่เรียนกันตรงๆ เลยว่าผมพูดอะไรพูดจาใจ ไม่เฟค ไม่โกหก จริงๆ คนเราอาจจะสามารถโกหกคนอื่นได้ แต่เราไม่สามารถโกหกตัวเองได้อยู่แล้วครับ ใครทำอะไรรู้อยู่แก่ใจ”
“ผมบอกก่อนว่าตอนที่ผมพูด ผมบอกแค่ว่าแค่มีเกณฑ์ แต่ทางฝ่ายโน้น (ลีเดีย)จะไปเสริมเติมแต่งอะไรผมไม่ทราบ และที่เขาบอกว่าผมหมิ่นประมาท มันก็หมิ่นประมาทด้วยกันทั้งคู่แหละครับ ตอนนี้ส่วนตัวผมไม่มีอะไรแล้ว เป็นขั้นตอนของศาลแล้วครับ ครั้งนี้การฟ้องของผมจะดำเนินต่อไปครับ ด้วยหลักฐานที่ผมมี แต่จะชนะหรือไม่ชนะก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลครับ”
ยอมรับ รู้สึกบั่นทอนที่โดนสังคมด่า แต่วันนี้ดีใจที่ได้กอบกู้ศักดิ์ศรีความเป็นคนของตัวเองคืน
“มันก็ต้องมีอยู่แล้วครับ แต่วันนี้ผมไม่มารักษาศักดิ์ศรีความเป็นคนของผมคืน อยากให้สังคมเห็นใจผมบ้าง และคนที่เชื่อในคำทำนายของผมครับ ไม่ต้องเป็นกังวลเพราะผมยึดอาชีพนี้มานานแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วครับ ผมได้มากู้ศักดิ์ศรีของผมคืนก็พอแล้วครับ”