“เอ” งานเข้า 3 นักปั้น “พจน์-โกโก้-อุ๊บ” แทกทีมถล่ม ออกรายการทีวีแฉกลางรายการ “ไนน์เอ็นเตอร์เทน” พจน์ยันไม่ให้อภัย ถ้าจะขอโทษไปเปลี่ยนนิสัยเลิกฉกเด็กดีกว่า ลั่นไม่เชื่ออีกฝ่ายนับถือเหมือนพ่อ ด้าน "เด็กพจน์" แฉ เอชวนไปเซ็นสัญญาจริงแต่ตนไม่เล่นด้วย "อุ๊บ" เผยรับไม่ได้ บอกถ้าโดนต่อหน้าคงชกคว่ำ ฟาก "โกโก้" ดีใจมีคนเข้าใจความรู้สึก รับเสียใจ "มาริโอ้" ไม่พูดขอบคุณซักคำ หลังรับรางวัลท็อปอวอร์ด
ต้องเรียกว่าทอล์คออฟเดอะทาวน์ทีเดียวสำหรับ กรณีแย่งเด็กของเหล่าผู้จัดการส่วนตัว หรือนักปั้น หลังจากที่ “เอ ศุภชัย” ผู้จัดการส่วนตัว “อั้ม พัชราภา” ที่เพิ่งคว้า “มาริโอ้ เมาเร่อ” จากอก “โกโก้ นิรุณ” ได้สำเร็จพร้อมกับการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกันอีก กว่า 6 ล้านบาท เรื่องราวไม่จบง่าย เมื่อโมเดลลิ่ง พยายามจีบเด็กในสังกัด “พจน์ อานนท์” จนอีกฝ่ายปรี๊ดแตก ด่าผู้จัดการคนดังเสียผู้เสียคนเลยทีเดียว จนอีกฝ่ายต้องออกมาแถลงข่าว ยืนยันว่าไม่เคยคิดเรียกเด็กมาเซ็นสัญญา แค่เป็นการทาบทาม โดยยืนยันว่าพจน์ อานนท์ เข้าใจผิด แต่ตนไม่ถือโทษในคำด่า เพราะถือว่าพ่อสอนลูกร้อนจนถึง 3 นักปั้นต้องออกทีวีชี้แจงกรณีดังกล่าวกันเลยทีเดียว
“พจน์” ลั่นไม่เข้าใจผิด เชื่อ “เอ” จ้องฉกเด็กจริง บอกถ้าเคารพเหมือนพ่อคงไม่แถลงข่าว
ฟากของพจน์หลังไปอัดรายการ “ไนน์เอ็นเตอร์เทน” เจ้าตัวยังเหน็บอีกฝ่าย บอกชอบตีหน้าเศร้าออกทีวี เชื่อไม่ใช่การเข้าใจผิด แต่ที่ไม่ชอบคือการเสียมารยาทในการทำงาน “เอ ศุภชัย”
“ก็ฟังเขาแล้วรู้สึกเฉยๆเพราะเห็นเขาออกทีวีกี่ครั้งๆก็สไตล์นี้อยู่แล้ว มันเป็นสไตล์ของเขาไง เราก็เลยรู้สึกเฉยๆเพราะว่าการที่มาขอเบอร์เด็กคนอื่น แย่งเด็กจากสังกัดคนอื่นมันไม่ผิดไงมันก็เลยเป็นเรื่องเฉยๆ เราเลยรู้สึกเฉยๆสำหรับเรื่องนี้เพราะว่าเขาบอกเขาเฉยๆผมก็เฉยๆด้วย”
“ ผมไม่เข้าใจผิดหรอก เขาหมุนโทรศัพท์เบอร์ผมถูกแสดงว่าเขาหมุนถูกคนแล้วแหละ คือถ้าเห็นเป็นธรรมดาสำหรับการทำงานก็คือโทรมาแล้วก็บอกอยากเอาน้องไปทำงาน แต่ไม่ใช่ว่าชวนน้องไปเซ็นสัญญา เขาพูดคำว่าเซ็นสัญญาเด็กผู้หญิงที่เห็นอ้วนๆในจอเขาบอกเอาไปเซ็นสัญญาเพราะเขาบอกอั๋นว่าว่างๆเมื่อไหร่มาคุยเรื่องสัญญานะ อันนี้มันก็คือไม่เหมือนที่น้องบอกเพราะว่ามันเป็นอะไรที่แบบว่าเซ็นสัญญาคือหลุดจากพี่ไปเลยนะ เรียกใช้ทำงานก็ต้องผ่านเขาตลอดเลยนะเพราะเขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนิ เพาระตอนนี้ทุกคนเวลาเขาจะตามมาริโอ้ก็ตามที่เขาไม่ใช่ตามที่โกโก้แล้ว”
“ แต่ถามว่าโกรธมั้ย ไม่โกรธแต่รู้สึกว่ามันเป็นการเสียมารยาท ถ้าเขาบอกว่าพี่เป็นไอดอลของเขา เขาจะต้องไม่ชวนเด็กไปเซ็นสัญญา คือถ้าเซ็นสัญญาคือเขาไม่บริสุทธิ์ใจแล้วนะ โอเ.คถ้ามีงานให้ทำก็เอาไปแล้วก็หักเปอร์เซ็นไปก็จบก็ไม่ว่ากันอยู่แล้ว แต่เรียกเด็กไปเซ็นสัญญามันไม่ถูกต้องเพราะเราก็ไม่เคยเรียกเวียร์ เรียกอั้มมาเซ็นสัญญานะ แล้วก็ไม่คิดจะเรียก อันนี้เราพูดกันตรงๆ”
บอกส่งลูกน้องมาทำแล้วบอกตัวเองไม่รู้เรื่องย่อมเป็นไปไมได้ แจงที่ไม่รับสายเพราะหวั่นมาโทรมาขอเด็กอีก
“น้องหนูคือลูกน้องเขาถ้าลูกพี่ไม่สั่งลูกน้องจะทำได้ยังไงถูกต้องมั้ยเหมือนพี่ติ๋มสั่งมาทีวีพูลถึงออกมาได้ไง แล้วถ้าเขาอยากขอโทษ ก็ไม่ต้องมาขอโทษเพราะว่าเขาบอกเขาไม่ผิดเพราะว่าการที่เขาไปแย่งเด็กใครมาแล้วเป็นการที่ถูกต้องล่ะมันไม่ผิดก็ไม่ต้องมาขอโทษกัน เพราะว่ามันไม่ผิดจะขอโทษเรื่องอะไรล่ะ ไม่ต้องเคลียร์หรอกเพราะทุกวันนี้เราก็เหนื่อยที่จะเคลียร์ เพลียที่จะอธิบาย”
“ที่เราไม่กล้ารับสายหรอกเดี๋ยวโทรมาขอเด็กเราไง เพราะเด็กพี่มีต้องหลายคนมีต้อง 10 กว่าคน ที่หล่อๆก็ 7-8 คน ถ้ารับสายไปเห็นคนนั้นหล่อขออีก เดี๋ยวทะเลาะกันอีกไม่เอาน่ะ ไม่รับสายดีกว่าเนอะ”
ไม่เชื่ออีกฝ่ายเคารพเหมือนพ่อ ตามที่แถลง เพราะไม่งั้นคงไม่แถลงข่าวพร้อมทนาย เหน็บตนเตรียม “ลีน่า จัง” ไว้ ไม่หวั่นโดนฟ้องเพราะพูดความจริง
“ ถ้าบอกว่าพ่อสอนลูกเนี่ยเขาไม่สมควรที่จะแถลงข่าว เพราะว่าพ่อจะสอนลูกเป็นเรื่องส่วนตัวในครอบครัวเราเป็นพ่อลูกกัน แต่เขาแถลงข่าวฆ่าพ่อหรือเปล่า ไม่รับเป็นลูกด้วยเพราะไม่มีลูกสวยอย่างนี้”
“เขาฟ้องอะไรได้ ฟ้องอะไรเราล่ะ เราไม่ได้ว่าเขาเลวร้ายอะไรนี่ ก็พูดความจริงทั้งหมดว่าเขาโทรมาขอเด็กแล้วเรียกเด็กไปเซ็นสัญญา มันก็ไม่บริสุทธิ์ใจแล้ว จะให้เรามาตีหน้าเศร้าพอออกทีวีก็เศร้า พอลับหลังก็เต้น ตัวจริงเป็นยังไงออกทีวีก็เป็นอย่างนั้น เขาเอาทนายมา อ่อ เราชวนลีน่า จังแล้ว ลีน่า จังถ่ายหนังอยู่กับเรา เขาบอกจะมาด้วยนะ เราบอกอย่ามาเลยเดี๋ยวนักข่าวตกใจ”
บอกจะไม่มีการพูเคลียร์เรื่องนี้อีกเพราะไม่อยากทะเลาะ แต่หากเจอก็ทักทายได้
“ผมว่าไม่คุยดีกว่าเพราะว่าเดี๋ยวคุยไปเดี๋ยวขอเด็กไปอีก เราก็ปฏิเสธไปอีกก็ทะเลาะกันอีก เจอกันก็คุยกันปกติ เพราะเขาก็บอกว่าพรรคพวกเขาเยอะ ไม่ชอบมีพรรคพวกอะไรมากมายคืออยู่ของเราอย่างนี้ดีกว่า แล้วพี่ก็เงียบไปตั้งปีนึง ไม่ใช่ว่าอยากจะมีเรื่องอะไรแบบนี้ แต่แบบอ้าว..อย่างนี้มันไม่ถูกต้องเพราะหนังจะปิดกล้องแล้ว คุณมากระชากเด็กเราไปอย่างนี้ แล้วเวลาพี่ขอคิวพี่เข็ดไง ขอคิวดาราแต่ละคน อย่างขอเต๋าขออะไรอย่างเนี่ย โอ้โห..เข็นครกขึ้นภูเขาง่ายกว่าอีกน้อง”
“เรื่องนี้จะจบอย่างไร ก็ในเมื่อเขาบอกว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้สื่อสารผิด ไม่รู้เอไอเอสหรือเปล่านะ แต่หมุนเบอร์พี่ถูกก็เป็นเรื่องของเขา แต่ถ้าเจอก็คุย ทักทายกันปกติ ก็อย่างที่บอกว่าเป็นไอดอล ไอดอลไม่เคยแย่งเด็กใคร ผมคงมองหน้าเขาได้อยู่แล้วในทีวี ผมไม่ได้ฉะเลยพี่พูดความจริงทั้งนั้น จะเกาเหลามั้ย มันคงไม่เป็นเกาเหลาหรอก เพราะว่าในชีวิตผมมีเกาเหลาอยู่จานเดียวแหละ น้องก็รู้ว่าอะไร”
ก่อนทิ้งท้ายถึงผู้จัดการรุ่นน้อง บอกทำอะไรคิดเสียก่อน เพราะตนเองไม่เคยหวงเด็ก ถ้าไปได้ดี ย้ำถ้าเจอ “คุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์” ตนจะถามที่โดนแอบอ้างเป็นเรื่องจริงหรือไม่
“ก็อยากบอกว่าทำอะไรก็ต้องคิดหน่อย เพราะว่าการที่เขาไปเอาเด็กของคนอื่นมาเนี่ย คิดง่ายๆถ้าพี่ไปเอาเวียร์มาเขาจะรู้สึกยังไง ถ้าพี่ไปเอาเวียร์มาอยู่ในสังกัดพี่เขารู้สึกยังไง เขาก็คงไม่ยอม เขาก็คงออกมายิ่งกว่าพี่อีก ความรู้สึกเดียวกัน แล้ววันนี้มา มันก็ไม่ได้มารุมหรอกถ้ารุมเราคนเดียวก็อยู่ ที่เขามาเขาก็อยากพูดว่าเขาโดนเหมือนกันแล้วมาพูดให้ฟังว่าอยู่วงการเดียวกันมันต้องรักษาน้ำใจกันอย่ามาทำแบบนี้ เพราะทุกคนก็ทำมาหากินเหมือนกัน เพราะว่าเราก็เหมือนนักข่าวก็แย่งข่าวกัน
“เดี๋ยวเดือนหน้าไปอยู่กับมาริโอ้กูจะด่าให้ ใครทาบทามก็ให้อยู่แล้ว ให้ทุกคนเลย ถ้าไปเล่นละครแล้วได้เงินได้บทที่ดีๆก็ให้อยู่แล้ว ไม่เคยกีดกันอยู่แล้ว คนอื่นเขาจะมองว่าพี่หวงเด็กไม่ได้หวงคือให้ไปเล่นแต่ขอบทให้มันสมน้ำสมเนื้อ เพราะว่าเล่นหนังมันยากกว่าเล่นละครนะ การที่คนจะมาเล่นหนังยากกว่าที่จะไปเล่นละคร เพราะละครมันดูฟรีหนังมันเสียตังค์ เราให้อยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาพี่ก็ให้หมดนี่”
“แต่ถ้าเอขอเขาไม่ใช่เป็นคนทำไง เขาเป็นอีกต่อนึง เขาไม่ได้เป็นผู้กำกับ ผู้จัดเขาเป็นแค่คนหาเด็กไปเสิร์ฟให้ผู้จัดแค่นั้นเอง เขาคงไม่ขอแล้วละเรื่องมันขนาดนี้ แต่เคยฝากเด็กเขา มันเป็นเรื่องปกติ ถ้ามีงานก็เอาน้องไปใช่ได้ต้องพูดอย่างนี้ถูกต้องมั้ย เพราะเราไม่ได้หวงเด็กนี่ ไม่ใช่ไปบอกเด็กว่าช่อง 7 ต้องการเอาไปเล่นละครคือพี่เจอเขาทีไรก็อ้างแต่ช่อง 7 พี่อยากไปเจอคุณแดงจังเลยว่าคุณแดงพูดหรือเปล่า”
ฝ่าย “เด็กพจน์” ยัน “เอ” โทรมาจริง แต่ไม่คิดตีจาก
ด้าน “อั๋น พีรวิชญ์ บุนนาค” หลานของ “ดร.เสรี วงษ์มณฑา” เจ้าของเรื่องราวการปรี๊ดแตกจนเป็นประเด็น กำลังมีผลงานหนังเรื่อง “นักเตะตีนระเบิด” ของ “พจน์ อานนท์” เผยอีกฝ่ายติดต่อผ่านแม่มาจริง แต่ตนไม่คิดเปลี่ยนใจ
อั๋น : “เขาโทรมาหาอั๋นครับ แล้วอั๋นก็คุยกับแม่ปรึกษาแม่ แม่ก็บอกว่าให้อยู่กับพี่พจน์ดีกว่าเพราะเราเข้ามาได้เพราะพี่เขา ไม่คิดจะไปครับ ไม่ครับ อย่างที่บอกเราเข้ามาที่นี่ได้เพราะพี่เขาเห็นแววเรา ก็เลยอยากอยู่กับพี่เขามากกว่า”
พจน์ : “อั๋นเขาเป็นเหมือนเขานับถืออาจารย์เสรีเป็นญาติกัน เพราะว่าแม่ของอั๋นเป็นอาจารย์อยู่ที่สวนสุนันทาแล้วอาจารย์เสรีเป็นอธิการอะไรสักอย่างไม่รู้ อาจารย์เสรีก็ฝากไว้ให้ดูหลานด้วย เขาบอกว่ารู้จักเอมั้ย ผู้จัดการอั้ม อั๋นบอกไม่รู้จัก เขาบอกผู้จัดการมาริโอ้อั๋นรู้จักอั๋นบอกเองถามได้
อั๋น :ใช่ เขาบอกว่าเอ ผู้จัดการอั้มก็งงๆ แต่คุยกับแม่บอกว่าเอที่เป็นข่าวอยู่หรือเปล่าไม่แน่ใจ ผมอยู่กับพี่พจน์ปีนึงครับกำลังมีผลงานชิ้นแรกเลยครับเจอพี่เขาที่เมเจอร์ครับ แล้วก็คุยกะอั๋น อั๋นก็เลยพาเขาไปดุนักเรียนที่สุรศักดิ์มนตรีครับ อั๋นเป็นคนพาไปดูนักแสดงใหม่ๆ เขามาขอเบอร์จากคุณแม่ ก็เลยลองไปแคสหนังดู ก็ได้ เลยโทรมาพาออกงานต่างๆ ครับ แต่ไม่ได้เซ็นสัญญาครับ อยู่กันแบบพี่น้องมากกว่าครับ ก็สนิทครับ เพราะพี่พจน์เขารู้จักกับลุงอั๋นด้วย คือก็เหมือนญาติกันค่อนข้างไว้วางใจครับ แม่กับพี่พจน์ก็สนิทกัน”
“จริงๆก็พอทราบข่าวเรื่องพี่เอมาบ้าง ตอนแรกไม่คิดจะเจอกับตัวเองครับ แต่พอเจอข่าวนี้ งงตัวเอง เริ่มรู้สึกว่าหนังยังไม่ทันออกยังขนาดนี้แล้วหรอ เรายังไม่เคยอยู่ตรงจุดนี้ๆ ไม่รู้หรอกครับ
เชื่อพจน์ ไม่ด่าแรงเกินไป ฟุ้งอีกฝ่ายไม่เคยหักเปอร์เซ็นต์ในการทำงาน
“พี่พจน์เขาเป็นผู้ใหญ่เขาย่อมรู้ว่าต้องทำอะไรมั่งมากกว่า เรามีหน้าที่แค่ทำตามที่เขาบอก เพราะเราอยู่กับเขา ต้องทำตามที่เขาบอกจะได้ไม่มีปัญหาอะไรมากมายครับ แล้วพี่พจน์ไม่ยุ่งเลยครับ คือได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น พี่พจน์ไม่เคยแตะเลยครับ ตรงนี้สบายใจครับ รู้สึกพี่เขาดีกับเรา”
“ปัจจุบันอั๋นอยู่กับพี่พจน์ก็อยากทำเวลานี้ให้ดีที่สุด ส่วนอนาคตข้างหน้ามันเอาแน่นอนไม่ได้ แต่ผมกล้าบอกได้เลยว่าผมจะอยู่กับพี่เขา เพราะพี่เขาก็ดูแลเราตลอดเวลา ส่วนพี่เอเราไม่เคยคุยกันเลยจะไปอยู่กับเขาก็ใช่เรื่องอะครับมีผู้หญิงโทรเข้ามาอั๋นก็ไม่รู้ว่าใคร โทรมาบอกว่าว่างๆ จะนัดมาคุยเรื่องสัญญาอีกที โทรมาตอนเย็นครับ ถามคุณแม่ได้ เพราะนั่งอยู่ในโต๊ะอาหารกับแม่ ก็ไม่รู้จะโกหกไปเพื่ออะไรด้วย”
“เขาบอกว่าคนนี้หล่อ น่าจะมีอนาคตที่ดีในด้านนี้ก็เลยให้ไปแคสละครดู แล้วถ้าว่างๆ ก็จะมาเซ็นสัญญา”
บอกส่วนตัวไม่คาดหวังกับวงการนี้สักเท่าใด แต่ยอมรับมีข่าววันเดียวโด่งดังทั้งโรงเรียน
“วันนี้อาจารย์เขาก็มาแซวว่า ดังใหญ่แล้วนะ แต่อั๋นไม่อยากดังในด้านนี้น่ะครับผู้ใหญ่สองคนต้องมาทะเลาะกัน มันไม่ใช่น่ะครับ คงไม่ถึงกับฮ็อตละมั้งครับ อาจเป็นแค่บางช่วงมากว่า ช่วงเวลาของแต่ละคน คือที่เล่นกับอั๋นหลายคนที่ดีกว่าอั๋นก็เยอะ แต่เขาอาจจะยังไม่เห็นเพราะนักแสดงเยอะมาก ก็คละๆ กันไป เขาอาจจะเพิ่งเห็นอั๋น แต่ถ้าเห็นหลายๆ คนก็จะอย่างที่พี่พจน์บอกอะครับ ว่าคงมาอีกเรื่อยๆ แต่ผมไม่คาดหวังเลยครับ แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด”
“อุ๊บ” นักปั้นรุ่นเดอะ ยันถ้าแย่งเด็กต่อหน้าอาจโดดชกคว่ำ
ส่วน “อุ๊บ วิริยะ” นักปั้นรุ่นเดอะที่ครั้งหนึ่งเคยมีปัญหาคาใจกับ “พจน์ อานนท์" แต่จับมือเคลียร์กันไปแล้วนั้น เผยว่าที่มาในวันนี้ เพราะเห็นความไม่ถูกต้อง และไม่เคยตบตีกับใคร บอกเคยดูแล “อั้ม พัชราภา”มาตั้งแต่ยังไม่โด่งดัง แม้จากกันก็ยังรักกันเสมอ และเข้าใจธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง
“ที่มาก็มาในฐานะที่เป็นนักปั้นผู้อาวุโสที่สุด ก็อยากเห็นความถูกต้อง ก็ใครผิดใครถูกก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้า ถ้ามันเป็นจริงก็คงรู้สึกแย่มากๆ เพราะเราอยู่ตรงนี้มา 20 ปีไม่เคยตบตีเพื่อที่จะมาแย่งเด็กแย่งอะไรกัน เคยตีกันจริงแต่ตอนนั้นมันเด็กก็จับมือกันตอนนี้ก็ไม่มีอะไร เราเริ่มปั้นเด็กมาตั้งแต่ศูนย์ตั้งแต่ยังไม่มีอะไรแต่โหตอนนี้มันมีการปาดหน้าเค้ก การชุบมือเปิบ ความผิดนี้รับไม่ได้ครับ ใครที่จะเป็นนักปั้นต้องรู้ครับว่าเขาเริ่มมาจากศูนย์นะเป็นอย่างไง ผมก็เคยเจอปาดหน้าเค้กนะเราก็ไม่ได้สนใจอยากไปก็ไป และตอนนี้เม็ดเงินมันเยอะขึ้นและโกโก้มาโดนตรงนี้เราก็เข้าใจเขา ก็เลยอยากที่จะชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจด้วย"
"เราไม่มีอะไรกับเอนะ อย่างผมก็ดูแลอั้ม พัชราภามาตั้งแต่แรกโปรโมต มาตั้งแต่เป็นสาวแฮคเริ่มเข้าวงการมาใหม่ๆพาออกงานถ่ายแบบครั้งแรกได้ 1000 ก็ตั้งแต่ศูนย์ครั้งแรกที่ดูแลตั้งแต่การวางตัว ทุกอย่างการทำข่าวเรียกว่าดูแลทุกอย่าง อันนี้เขาโตขึ้นก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองต้องมีผู้จัดการคนใหม่ดูแล ก็ไม่ได้ซีเรียสไม่ได้ติดใจอะไร ไม่ได้เคืองกัน เพราะเรามีอะไรก็ช่วยกัน อย่างผมเลี้ยงหมาแมวไว้เยอะมาก น้องอั้มก็จะมาช่วย ทางคุณแม่ก็ส่งค่าซื้ออาหารเม็ดมาให้ ผมก็รู้สึกว่าเออก็ดี ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไร แต่ผมอยากเห็นความถูกต้อง เราต้องอยู่ในจุดของเราแล้วก็ไม่คิดที่จะไปเอาเปรียบใคร ผมยังเปรยๆกับน้องๆอยู่เลยว่าเออเดี๋ยวพี่จะตั้งตัวให้เป็นนายกสมาคมนักปั้นแห่งประเทศไทยไปเลย จะได้มาเคลียร์กับน้องๆ”
“ที่ตบตีแย่งเด็กกัน ก็อยากให้ทุกคนสมานฉันท์กันและภาพตรงนี้มันจะได้ดูดี เพราะภาพมันก็แย่อยู่แล้ว บางคนคิดว่านักปั้นมันก็กินเด็กฉกเด็ก บางทีเจอแม่ค้ายังถามเราก็ อุ้ยตายแล้ว มันแรงอยู่นะ"
บอกแต่ถ้าหากโดนแย่งเด็กซึ่งหน้า ก็ชกคว่ำเช่นกัน เชื่อ “โกโก้” น่าสงสาร
" คือตอนนี้ดูแล้ว รู้สึกไม่ดีนะ แย่มากๆเลยตรงนี้ ถ้าเป็นมาฉกของเรานะ เราชกหน้าคว่ำเลยนะ จริงๆคือความรู้สึกไม่ดีก็อยากให้เคลียร์กัน จะได้จบกันไปดีกว่า อย่างพี่อุ๊บอย่างพี่พจน์ยังผวาเลย การปั้นเด็กปั้นไม่ได้ก็ปั้นใหม่หาเด็กคนใหม่ดีกว่าสบายใจ แต่ก็ให้กำลังใจทุกคนที่ทำงานตามหลักการที่มีจรรยาบรรณ ยังไงก็ตามผมก็ยังยืนยันว่าโกโก้ต้องการกำลังใจเพราะเขาเป็นคนที่น่าสงสาร ความจริงก็คือความจริงผมว่าอย่างนั้นนะ"
"โกโก้" ซึ้งมีคนเข้าใจความรู้สึก แต่เสียใจ "มาริโอ้" ไม่พูดขอบคุณซักคำ รางวัลท็อปอวอร์ด
"โกโก้ นิรุณ" เผยรู้สึกดีใจมีคนเข้าใจความรู้สึกตัวเองหลังโดนฉกเด็ก บอกไม่น่าเชื่อจะเกิดขึ้นซ้ำกับคนอื่นอีก สุดดีใจได้เจอนักปั้นรุ่นพี่ที่เข้าใจหัวอกตัวเอง
"โก้เห็นข่าวแล้ว ก็ยังงๆอยู่ แล้วคิดว่าจริงๆมันก็ไม่น่าจะเกิดนะ ไม่ควรจะเกิดเพราะว่าทุกคนก็น่าจะมีจรรยาบรรณนะครับ เพราะสำคัญคือการที่ไม่แย่งเด็กคนอื่นก็เลยคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น"
"วันนี้ก็รู้สึกดีใจครับ เพราะก็ได้เจอพี่อุ๊บกับพี่พจน์มาหลายงานแต่ไม่ได้มานั่งคุยกันอะไร เพราะว่าตัวโก้ก็ไม่ได้สนิทแล้วก็ไม่กล้าเข้าหา เพราะว่าเขาดูยิ่งใหญ่เพราะโก้ก็เห็นเขามาตั้งแต่โก้เด็กๆก็แอบกลัวนิดหนึ่งแต่พอวันนี้ได้มาเจอก็เป็นโอกาสที่ดีมากเพราะเกิดเรื่องก็ทำให้โก้ได้รู้จักพี่พจน์กับพี่อุ๊บในมุมที่โก้ไม่ได้รู้จักมาก่อน พี่อุ๊บก็น่ารักมากเป็นผู้ใหญ่มากดูสุขุมมาก แต่วันนี้พี่พจน์ดูร้อนมาก แต่เขาก็เป็นคนพูดตรงๆ ก็ทำให้วันนี้เรารู้สึกดีที่มาเจอ ส่วนเอโก้คิดว่ายังไงความจริงก็ต้องพิสูจน์ครับ"
บอกไม่เคยพูดคุยกับเอ ตั้งแต่เกิดเรื่องและคงไม่ได้ติดต่อกันอีก พร้อมรับเสียใจมาริโอ้ ขึ้นรับรางวัล หนังที่ตนวิ่งให้ได้เล่น แต่กลับไม่พูดขอบคุณซักคำ ยันนั่งถ่ายรูปทุกคนไม่ใช่แค่อดีตเด็กปั้น
"คิดว่าคงไม่มีการติดต่อแล้วครับ แล้วดูจากคำพูดน้องวันท็อปอวอร์ดน้องเขาก็บอกว่าไม่แน่นอน ไม่มีการไกล่เกลี่ยเท่าที่ทราบจากสื่อนะครับ แต่โก้ก็ไม่เห็นน้องเขานะครับว่าน้องเขาไปทางไหน วันนั้นโก้ถ่ายทุกคนนะรูปน่ะครับ ตั้งแต่ต้นยันเคนรับรางวัลเลยครับ โก้ชอบถ่ายเก็บเพราะนั่งเฉยๆมันง่วง"
"ก็แอบเสียใจ ก็พูดได้เลยว่าเสียใจ เพราะว่าน้องเขาไปไม่ได้ขอบคุณเราเลยพูดตรงๆ รู้สึกน้อยใจแล้วหนังเรื่องที่เขาได้รับรางวัลเรื่องเฟรนด์ชิปโก้พยายามมาก เพราะที่เขาได้ไปเล่นหนังเรื่องนี้เพราะว่าสายป่านได้เล่นก่อนเพราะว่าเขาดังเรื่องพลอย ส่วนมาริโอ้เพิ่งจะถ่ายรักแห่งสยามเสร็จ แล้วก็ยังไม่มีชื่อเสียงอะไรเลย เราเลยยังไม่รู้ว่าถ้าหนังออกมาจะเป็นอย่างไงเพราะที่น้องได้รับเป็นบทที่เป็นเกย์ เราก็หวังอยากให้น้องเขาเปลี่ยนบทบาท ตอนไปถ่ายต้องขึ้นไปที่เขาข้อหนาวมากกลัวผีก็กลัว เราลำบากมากกับหนังเรื่องเฟรนด์ชิปแต่พอเราเห็นเขาได้รับรางวัล เขาไม่พูดชื่อเราเลยแม้แต่นิดเดียว แต่พูดถึงบางคนที่ไม่เกี่ยวข้องเลย เขาควรจะพูดถึงทุกคนพูดถึงบริษัทมากกว่านี้"
"น้อยใจมั้ย ตรงนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งด้วย ทำไมทีคนอื่นยังพูดถึงได้เลย โก้ก็ลุ้นว่าน้องจะขอบคุณไหม เพราะถ้าอย่างน้อยน้องขอบคุณโก้ โก้ก็ยังรู้สึกดีครับ ก็รู้สึกเสียใจมาก แต่มันไม่ถึงขนาดนั้นร้องไห้ จริงๆมาร้องไห้ตอนบ่ายเรื่องพี่พจน์มากกว่า คือว่าเอ๊ะอะไรมีอีกแล้วเหรอ คุณแม่ดูไปยังร้องไห้เลย เขาก็ยังรู้สึกว่าเฮ้ยยังมีคนเข้าใจเรา แล้วจริงๆเจอพี่อุ๊บตั้งแต่เมื่อวาน คือพี่อุ๊บเข้าใจเราก็พอและเออมีพี่ชายที่เข้าใจเราก็ดีใจ แล้วมาตอนบ่ายเจอพี่พจน์ แล้วเขาพูดว่าเขาเข้าใจเราเราก็รู้สึกว่าเออ พี่พจน์ก็เป็นผู้ใหญ่ในวงการดูน่าเกรงขามดูใหญ่ไปเลยเหมือนอย่างที่เราบอกทุกคนคือเข้าใจเราหมด พอได้ดูข่าวเราก็ร้องไห้กับแม่ แม่ยังซึ้งเลย"
รับเรื่องคดีเสียใจที่อีกฝ่ายพูดผ่านสื่อว่าเลยการไกล่เกลี่ยไปแล้ว
" คือเรื่องศาลเนี่ย โก้ไม่ได้อะไรยังไง ไม่ได้คิดอะไรล่วงหน้าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนายตลอด ส่วนเรื่องไกล่เกลี่ยทางนั้นไม่มีทีท่าโก้ว่าทางนั้นเขาคงไม่ไกล่เกลี่ยแล้วแหละ ส่วนตัวโกโก้เป็นฝ่ายฟ้องไง แต่ถ้าเขาเข้ามาไกล่เกลี่ยก็ต้องดูเลยครับ ต้องถามทนายต้องดูว่าเขาเข้ามายังไง เขายังไม่เคยโทรมาหาโก้เลยครับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวา"
"ความรู้สึกตอนนี้ไม่รู้เลยครับ มันหลายอย่าง บางทีก็โกรธว่าทำไมน้องพูดอย่างนั้นออกมาได้ยังไง ยังไงก็ไม่ไกล่เกลี่ยอย่างนี้ คือบางครั้งเราก็สงสาร แต่พอมาอ่านเจอในสื่อเราก็โกรธ มันเปลี่ยนไปเรื่อยครับแล้วแต่วันแล้วเต่สถานการณ์"
บอกที่ว่าจะเขียนหนังสือแฉอดีตเด็กปั้นนั้นตอนนี้ยังไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด..."อันนี้ขอยืนยันเลยครับ ว่าตอนนี้ยังไม่ได้เขียนเลยครับ แต่ในอนาคตก็ยังไม่แน่ใจแต่ว่าคงยังไม่ใช่ระยะเวลาอันใกล้แน่นอน ตอนแรกโก้ก็ลังเลเหมือนกันเพราะว่ามีคนเชียร์ให้เขียนเยอะมากแต่พอเราคิดไปคิดมาก็รอให้เรื่องคดีมันจบก่อน น้องสายป่านยังตกใจว่าพี่โก้จะแฉเหรอ เขาก็ไม่อยากให้คนมองว่าโก้แฉ ก็เลยคุยกัน ก็คิดว่าคงยังไม่เขียนตอนนี้"
ก่อนทิ้งท้ายมีคนตามฉกเด็กในสังกัดจริง ส่วนเด็กจะไปหรือไม่บอกแล้วแต่การตัดสินใจ เพราะขนาดมีสัญญาอย่าง "มาริโอ้" ยังดึงไว้ไม่ได้
"ตอนนี้โก้กำลังโดนเลยครับ โก้ขอพูดเลยว่าโก้โดนแล้ว แต่โก้ไม่อยากเอ่ยชื่อว่าใคร แต่คือคนนั้นเขามีการใช้น้องผู้หญิงคนหนึ่งแล้วใช้ตัวมาริโอ้เองโทรมาหาเด็กโก้บอกช่วยไปนั่งคุยที่บ้านพี่คนนั้นหน่อยเป็นเรื่องจริงครับ แล้ววันนี้โก้อยากเอาน้องคนนั้นมาด้วยจริงๆ เขาอยากได้มากและก็เขามีการขอเบอร์สายป่านไปด้วยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่ออะไร เขาโทรไปหาเด็กโก้ทุกคนเลยครับทุกคนที่กำลังจะมีผลงานเร็วๆนี้ครับแล้วก็บอกว่าช่วยมานั่งกินข้าวกับพี่คนนี้หน่อยเขามีเรื่องจะคุยด้วย โก้ก็รู้สึกว่ามันมีหลายอย่างที่อยากจะพูดแต่ว่าเราพูดไม่ได้ด้วยความที่เราเป็นเด็ก และที่โก้ร้องไห้ก็เพราะว่าโก้รู้สึกดีที่ยังมีคนเข้าใจ"
" เด็กเขาก็ไม่ไปครับ เขาก็มาฟ้องโก้ อย่างพ่อแม่น้องเขาก็ดีมากเหมือนเขาไม่สนใจเรื่องคดีเลยครับ เด็กโก้ยังบอกเอาไปให้หมดเลยแหละกันเอาไปให้หมดจะได้จบ จบชีวิตโก้นะ..(หัวเราะ) คิดว่าคงไม่ไปนะส่วนหนึ่งน้องเขาเซ็นสัญญาแล้วด้วย แต่ก็ไม่แน่ใจนะเพราะว่ามาริโอ้เซ็นแล้วก็ยังโดนเลย ก็ไม่มั่นใจดีกว่าเพราะตรงนี้มั่นใจไม่ได้ครับ"
***
"เอ" ขอโทษ "พจน์" ทำให้เข้าใจผิด ลั่นไม่โกรธโดนด่าเลว บอกเหมือนพ่อสอนลูก
“พจน์” เดือด ด่า “เอ” เลวมาก! หลังคิดฉกเด็ก อีกฝ่ายเตรียมแถลงข่าวแก้