กลายเป็นหัวโจกด้านทะเลาะวิวาทไปแล้ว สำหรับอดีตนักร้อง-พระเอกชื่อดัง “เต๋า สมชาย เข็มกลัด” ที่ล่าสุดเพิ่งถูก “นายวีระชาติ เบญศิริกุล” หรือโกตา ชายแก่คราวพ่อหอบใบตรวจร่างกายของโรงพยาบาลศูนย์ลำปาง เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าถูกอดีตนักร้องดังทำร้ายร่างก่ายจนได้รับบาดเจ็บ โดยไม่ทราบสาเหตุ คาร้านบะหมี่ แถมยังเมาสุรามาด้วย ก่อนจะล่องหนหายเข้ากลีบเมฆ กระทั่งถึงวันนี้ก็ยังตามตัวไม่พบ
แต่จะว่าไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดคิด เนื่องจากหนนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนที่หนุ่มเต๋ามีเรื่องชกต่อยจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ที่ยังคงจำกันได้ ก็เหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนที่เจ้าตัวยกพวกรุมยำหนุ่มเชียงใหม่กับพี่สาว จนถูกสั่งจำคุก 6 เดือน และปรับเป็นเงินหลายพันบาท
โดยล่าสุดมีรายงานข่าวว่า หนุ่มเต๋าเตรียมแถลงข่าวเคลียร์สิ่งที่เกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้(9 ม.ค.) หลังปล่อยให้พ่อ-แม่บุญธรรม ที่เป็นชาวเชียงใหม่ ออกมารับหน้าให้สัมภาษณ์แก้ต่างแทน แถมยังแสดงความมั่นอกมั่นใจในตัวลูกชาย เชื่อว่าไม่ได้เมา และไม่ได้ต่อยคนแก่อย่างที่ถูกใส่ความ คาดเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน
"นายคนนั้นอายุตั้ง 56 ปี แล้ว ถ้าเต๋าต่อยจริงๆ นะ หน้าตาเละไปหมดแล้ว จำคดีที่แล้วได้ไหม ที่มีเรื่องที่แยกสนามบิน อันนั้นต่อยจริง หน้าตาเละแบบนั้น แล้วนี่อายุ 56 ปี แล้วไม่มีบาดแผลเลยสักนิดหนึ่ง ผู้เสียหายไม่มีบาดแผลอะไรเลย มีรอยที่ล้มไปนิดหนึ่งที่แขน ถ้าต่อยจริงใครจะไปต่อยที่แขนตั้ง 3-4 หมัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเต๋าที่พ่อเจอคืนนั้นยังมีบาดแผลด้วยซ้ำ แต่เขาไม่ไปหาหมอ เพราะเห็นว่ามันเล็กน้อยและเห็นว่าเรื่องมันก็คงจะจบ”
“เรื่องที่มีการกอดรัดกันแล้วล้มไปด้วยกันทั้งคู่ จนได้รับบาดเจ็บจากการหกล้มคงจะมี ในสายตาของเรามันเป็นคดีกิ๊กก๊อกมาก แต่บังเอิญมาเกิดกับเจ้าเต๋าที่เป็นดารา…”
ซึ่งขัดแย้งกับพยานหลายปาก ทั้งพนักงานในผับ และเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่หนุ่มเต๋าพาแฟนสาวเข้าไปใช้บริการก่อนจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับโกตา โดยพนักงานผับผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า เจ้าตัวได้เดินทางมาพร้อมกับแฟนสาว และกลุ่มเพื่อนจำนวนหนึ่ง และปรี่ไปที่ข้างเวที และยืนคุยกับนักดนตรีอยู่พักใหญ่ เพื่อขอขึ้นร้องเพลง จากนั้นได้ขึ้นร้องเพลงใจนักเลง และต่ออีก 2 เพลง ซึ่งนักดนตรีก็ไม่ขัดใจ แต่ขณะร้องเพลงที่ 3 ปรากฏว่าแขกที่มาเที่ยวเริ่มเบื่อ จึงส่งเสียงโห่ หนุ่มเต๋าถึงยอมลงเวที ทั้งๆ ที่ยังร้องเพลงไม่จบ
แต่ปรากฏว่าเจ้าตัวกลับไม่จบ เพราะหลังจากเดินลงจากเวที นักร้องบนเวทีได้กล่าวขอบคุณที่ขึ้นร่วมร้องเพลง แต่อาจจะเป็นเพราะเมาไปหน่อย เมื่อหนุ่มเต๋าได้ยินจึงเกิดความไม่พอใจ และพยายามเข้าไปเคลียร์กับนักร้อง แต่ถูกห้ามปรามเอาไว้ก่อน สุดท้ายแฟนสาวกับเพื่อนที่มาด้วยกันต้องรีบดึงตัวออกไปจากผับ ก่อนที่เรื่องจะบานปลาย
เช่นเดียวกับเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุหนุ่มเต๋าเดินทางมาที่ร้าน พร้อมแฟนสาวกับกลุ่มเพื่อนประมาณ 5-6 คน และมีอาการมึนเมาสุรามาด้วย แต่ขณะนั้นทางร้านไม่ได้ขายเครื่องดื่มทุกชนิดให้ เนื่องจากเป็นวันเลือกตั้ง ส.ส.ล่วงหน้า และงดจำหน่ายเครื่องดื่มของมึนเมาทุกชนิด หนุ่มเต๋าจึงพาพรรคพวกกลับออกไปจากร้าน
ในสายตาหลายๆ คน จึงไม่แปลก ที่จะเกิดความรู้สึกเอือมระอากับพฤติกรรมเลือดร้อนของหนุ่มเต๋า ที่กระทำซ้ำซาก และอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าตัว ทั้งที่อายุ วุฒิภาวะ แถมยังผ่านการบวชมาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่กลับควบคุมจิตสำนึกของตัวเองไม่(เคย)ได้เลยสักครั้ง
ย้อนกลับไปดูรายชื่อดาราที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท จนตกเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งมีอยู่ไม่น้อย หากยังจำกันได้ก่อนหน้านี้ก็นักร้องลูกทุ่งรุ่นลายคราม “สุรชัย สมบัติเจริญ” ที่ถูก “นายวาสุ เลิศจรรยา” ดีเจ.และผู้อำนวยการฝ่ายสถานีวิทยุคลื่นลูกทุ่งชื่อดัง FM 95 ลูกทุ่งมหานคร แจ้งความดำเนินคดี หลังเจ้าตัวบุกเข้าไปในสถานีวิทยุ อสมท แล้วใช้กำปั้นและเท้ากระทืบดีเจคนดังจนน่วม เหตุเพราะไม่พอใจที่ผอ.คลื่นฯไม่เปิดสปอตโฆษณาให้
“ก่อนหน้านี้พี่แอ๊ด (นายสุรชัย) นำสปอตโฆษณามาลงที่รายการ ลูกทุ่งเอ็ฟเอ็ม 95 ซึ่งเป็นงานคอนเสิร์ตสุรชัย สมบัติเจิญ ครอบรอบ 40 ปี ที่จัดงานไปแล้ว ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในราคา 50,000 บาท แต่เมื่อเปิดสปอตโฆษณาไปแล้ว ปรากฏว่าบริษัทเมโทรแผ่นเสียงเทป ได้โทรมาแจ้งว่า คอนเสิร์ตดังกล่าวเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท และยังไม่ได้มีการขออนุญาตแต่อย่างใด ผมในฐานะผอ.สถานีจึงต้องงดการออกอากาศ แต่เงินจำนวน 50,000 บาทที่รับมานั้น จะต้องคืนให้ แต่ที่ยังไม่ได้คืนเนื่องจากอยู่ในขั้นตอนของทาง อสมท. ในการทำเรื่องคืนให้"
พระเอกเลือดร้อนอีกคนก็หนุ่ม “น้ำ รพีภัทร เอกพันธ์กุล” เด็กปั้นช่อง7 หลังยกพวกรุมสกรัมนักบินฝึกหัดการบินไทย “เรืออากาศตรีพิชญะ บำรุงราชหิรัณย์” กลางร้านแดนเนรมิต ซ.พหลโยธิน 26 จนร่างกายสะบักสะบอม โหนกแก้มขวาแตก จมูกมีเลือดไหล ตามตัวมีรอยถลอก เหตุเพราะเขม่นกันเรื่องสาว สร้างความแค้นใจให้หนุ่มนักบิน ถึงกับรุดเข้าแจ้งความเอาผิดกับพระเอกหน้าอ่อนอย่างถึงที่สุด แต่สุดท้ายแม้จะจับมือตกลงกันได้ด้วยดี หลังหนุ่มน้ำยอมขอโทษ แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายผู้เสียหายจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่
“ก่อนเกิดเหตุผมได้ไปเที่ยวที่ร้านแดนเนรมิตกับเพื่อน 3 คน ระหว่างที่นั่งดื่มกันอยู่เห็นผู้หญิงที่นั่งดื่มกินที่โต๊ะข้างๆ เพียงคนเดียว จึงได้เข้าไปพูดคุยทักทายเพื่อขอเบอร์โทรศัพท์ และสานสัมพันธไมตรี แต่ฝ่ายหญิงไม่เล่นด้วย จึงกลับมานั่งที่โต๊ะ หลังจากนั้นได้มีกลุ่มวัยรุ่นเข้ามาในร้าน และเข้าไปนั่งโต๊ะเดียวกับน้องคนนั้น และหนึ่งในกลุ่มนั้นมีน้องเขา(น้ำ รพีภัทร) รวมกลุ่มอยู่ด้วย”
“พอเขาพูดคุยกับผู้หญิงสักพัก ก็ได้เรียกผมออกไปพูดคุยกันด้านนอกร้าน จึงเดินตามออกไป แต่ยังไม่ทันจะได้พูดคุยอะไรกัน ทุกคนก็รุมเข้ามาทำร้ายทันที หนึ่งในนั้นก็มีเขาด้วย”
แม้จะเป็นผู้หญิง แต่ต้องบอกว่าสองศรีพี่น้อง “เอ อัญชลี-โย ยศวดี หัสดีวิจิตร” บ้าบิ่นน่าดู เมื่อทั้งคู่เปิดศึกรุมตบ “น.ส.นภัสนันทร์ พสวงศ์” หรือ โม ลูกสาวร้านทองฮั่วเซ่งเฮง หลังฝ่ายคู่กรณีมีเรื่องเข้าใจผิดกันกับสาวเอผู้พี่ และได้โทรศัพท์พร้อมกับตามมาเคลียร์ที่ร้านแอนนาการ์เดน ย่านซอยทองหล่อ กระทั่งมีปากเสียงและจบด้วยการตบตีกันตามที่ตกเป็นข่าวดังกล่าว ซึ่งงานนี้สาวโยออกโรง ต่อยหน้าสาวโมก่อนเพราะต้องป้องกันตัว เนื่องจากอีกฝ่ายเมา
“วันนั้นโยกับเอและเพื่อนนางแบบไปเที่ยวที่ร้านแอนนากาเด้นท์ ก็มีเด็กเสิร์ฟมาตามไปรับโทรศัพท์ ก็ทราบว่าเป็นคุณโมโทรมา เสียงหมือนคนเมาและได้พูดว่า “ช่วยบอกให้พี่มึงเนี่ยไปไกลๆ เนื่องจากว่าไม่ชอบที่พี่มึงพูดจาไม่เพราะ” และยังบอกว่าไม่พอใจที่พี่เอไปพูดว่า “ผัวของมึงเนี่ยหล่อมาก ขอเอามาทำผัวได้มั้ย” แต่พี่เอยืนยันว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะไม่เคยพูดแบบนั้น”
"เราก็เลยนั่งคิดกับเจ้าของร้านว่าจะทำยังไงดี ก็เลยบอกว่าตอนนี้อยู่ที่ร้านแอนนาฯ ถ้าเกิดจะเคลียร์อะไรให้มาที่นี่ได้เลย กระทั่งเที่ยงคืนคุณโมเปิดประตูเข้ามา แล้วก็ถือแก้วและขวดเบียร์ขวดใหญ่สีเขียวลักษณะแบกเข้ามา สักพักตรงเข้ามาหาพี่สาวโยในลักษณะยกขวดขึ้น ณ ตอนนั้นเราเองเป็นน้องไม่ได้คิดอะไรเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น คิดอยู่อย่างเดียวว่าตีพี่กูแน่นอน ก็เลยตัดสินใจว่าโป้งเข้าหน้าเต็มแรงเลย เป็นหมัดเดียวที่ได้ต่อยเข้าหน้าคุณนภัสนันท์"
"จากนั้นก็ตะลุมบอนกันสองคน ไม่ถึงประมาณ 10 วินาที ก็มีคนมาห้าม คุณชนม์สวัสดิ์เป็นคนดึงโยออกมา หลังจากนั้นคนขับรถของคุณชนม์สวัสดิ์ถึงได้เข้าไปห้ามให้คุณเอกับคุณโมแยกออกจากกัน พอแยกออกกันได้ปุ๊บ คุณชนม์สวัสดิ์เป็นคนดึงคุณโมออกไปนอกร้าน แล้วก็ตะโกนให้แฟนคุณโมพาตัวคุณโมกลับ”
ตัวแสบรุ่นเล็กที่ขึ้นชื่อเรื่องความมุทะลุ ก็คืออดีตนักแสดงวัยรุ่น "เบียร์ สรณัฐ มัสยวานิช" น้องชายต่างมารดาของ “ฟลุค เกริกพล” ที่ขยันมีเรื่องมีราวรายวัน ทั้งชกต่อยกับรปภ.ของโรงแรมแห่งหนึ่งที่หัวหิน เพราะไม่ยอมให้เจ้าตัวจอดรถตรงทางเข้า-ออก เมื่อหลายปีก่อน
แต่ที่กลายเป็นข่าวครึกโครม และมีผลทำให้ชื่อของหนุ่มเบียร์ถูกลืมไปจากวงการบันเทิงชนิดกู่ไม่กลับ ก็คือเหตุการณ์ในงานโปรโมตหนัง "พันธุ์เอ็กซ์สุดคู่สุดขั้ว" ของค่ายแกรมมี่ที่เบียร์ร่วมแสดงด้วย เพราะมีข่าวว่าหนุ่มเบียร์ยัวะทีมงาน จนถึงขั้นจะกระโดดชกปากกันมาแล้ว ด้วยชนวนเหตุแค่หนุ่มเบียร์ต้องแข่งยิงเพ้นท์บอลกับฝ่ายตรงข้าม ทว่าออกสตาร์ทได้ไม่กี่นาทีหนุ่มเบียร์ก็โดนคู่แข่งยิงไปหลายนัด ทำเอาเจ้าตัวไม่พอใจ เดินไปต่อว่าฝ่ายตรงข้าม และเดินตรงไปหาทีมงานพร้อมกับถอดเสื้อทำท่าว่าจะต่อยปากทีมงาน ดีที่มีคนเข้ามาห้ามไว้ก่อน
"มันเกินไปไม่มีอะไรจะเขียนกันแล้วหรือไง ผมไม่ได้ไปต่อยทีมงานซะหน่อย แต่ที่ผมถอดเสื้อก็เพราะว่าผมต้องการจะให้เค้าดูแผลที่ผมโดนยิง ผมต้องการให้เค้าเห็นว่านี่ผมห้อเลือดไปทั้งตัว ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ในเมื่อผมมาเพื่อช่วยงาน เงินค่าตัวก็ไม่ได้นี่ผมเป็นนักแสดงนะ ผมเป็นศิลปิน ไม่ใช่สตันท์แมน จะให้มาเจ็บตัวอย่างนี้ได้ไง มันไม่ใช่หน้าที่ของผมที่ต้องมาเจ็บตัว"
"ผมก็เลยออกมาคุยกับทีมงานว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเค้าไม่มีเซฟให้ผม ก็แค่นั้นเอง ผมยืนยันว่าไม่ได้ไปต่อยเค้า แล้วก็ไม่ได้ไปโวยวายใส่ฝ่ายตรงกันข้ามที่ยิงมาโดน ผมไม่ใช่พวกขี้แพ้ชวนตี แต่มันเป็นเรื่องที่ผมไม่ยอมเจ็บตัว ที่ผ่านมาผมทุ่มเทกับงานหนังเรื่องนี้มาตลอด เค้าขอคิวผมเมื่อไหร่ผมให้หมด ไม่เคยมีปัญหา แต่พอมีเรื่องแบบนี้มันรู้สึกแย่ ถ้ามาแล้วเจ็บตัวจะมาทำไม สู้อยู่เป็นไฮโซเชิดๆไม่ดีกว่าเหรอ"
คู่สุดท้ายเป็นนักร้องระดับแถวหน้า ที่ไปสร้างวีรกรรมแลกหมัดซัดกันไกลถึงเมืองนอก สำหรับ “เสกสรร สุขพิมาย” หรือ เสก โลโซ กับ “กฤษดา สุโกศล แคลปป์” หรือ น้อย วงพรู หลังข้ามน้ำข้ามทะเลไปแสดงโขนเรื่อง “รามเกียรติ์ ตอนนางลอย นาฏกรรมแห่งรักแอนด์โรล” ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในงานมหกรรมดนตรี “ลินคอล์น เซ็นเตอร์ เฟสติวัล” ของโรงละครชื่อดังในรัฐนิวยอร์ก
โดยตามข่าวรายงานว่า เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเสก โลโซ โชว์ลีลาโซโลกีต้าร์กลางเวทีจนจบ แต่ไม่เดินกลับเข้าที่ แต่กลับเดินลงมาโวยวายหน้าเวทีด้วยอาการเหมือนคนเมา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ น้อย วงพรู ต้องขึ้นโชว์บนเวทีต่อ จึงเดินลงไปห้าม เลยถูกตบเข้าที่บ้องหูหลายฉาด บางรายงานบอกว่าหนุ่มเสกได้ตบหัวคู่กรณีด้วยร้องเท้าอีกด้วย ก่อนที่น้อย วงพรูเองก็ได้หยิบรองเท้าขึ้นมาปาใส่หนุ่มเสกอย่างเต็มแรงเช่นกัน จนกระทั่งเกิดการตะลุมบอนกันเกิดขึ้น ท่ามกลางสายตาคนดูทั้งไทยและเทศนับพันคู่ เป็นเหตุให้บางส่วนทยอยเดินออกจากโรงละครด้วยอาการสุดเซ็ง
ซึ่งภายหลังจากเกิดเรื่อง หนุ่มเสกก็ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทีวีรายการหนึ่ง โดยยอมรับว่าได้ตบน้อย วงพรู จริง เพราะไม่พอใจที่คู่กรณีขว้างรองเท้ามาโดนก่อน แต่ปฏิเสธเรื่องดื่มหนักจนเมาระหว่างทำการแสดง แต่ยอมรับว่ามีการดื่มไวน์จริง แต่ดื่มไม่เกิน 3 แก้ว และไม่ได้มีอาการเมามายอย่างที่ตกเป็นข่าว อีกทั้งเรื่องที่มีข่าวว่า ทำตัวไม่เป็นที่พอใจของทีมงาน จนกลายเป็นตัวปัญหานั้น เจ้าตัวก็บอกว่าไม่เป็นความจริงเช่นกัน และยืนยันว่า ภาพที่ตนกำลังถือรองเท้าจะเข้าเอาไปตบน้อยนั้น เป็นภาพตัดต่อ โดยบอกว่าก่อนหน้านั้นอีกฝ่ายเป็นคนขว้างรองเท้ามาก่อน
ในขณะที่น้อย วงพรู เองก็ออกมาตอบโต้ผ่านคำแถลงการณ์เช่นกัน โดยซัดว่าถูกอีกฝ่ายด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายก่อน เป็นเหตุให้เกิดอารมณ์ทำให้เกิดการปะทะกันดังกล่าว "ตลอดระยะเวลา 4 เดือน ผมใส่ใจและทุ่มเทกับงานชิ้นนี้มาก หมั่นเพียรกับการซ้อม เพื่อต้องการให้งานออกมาดี และที่สำคัญงานชิ้นนี้จะออกมาดีได้ ต้องอาศัยทีมเวิร์ค...”
“แต่การซ้อมกลับไม่เป็นไปตามบทที่วางไว้ และเมื่อการแสดงจริงเกิดขึ้น ทุกอย่างจึงหลุดคิวตลอด ทั้งที่ผมพยายามแก้สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อให้การแสดงไปได้ด้วยดี แต่กลับถูกเสกด่าคำไม่สุภาพอย่างมากใส่ผม เลยทำให้ผมรู้สึกอึดอัด เหมือนถูกบีบบังคับให้ผมต้องกระทำอะไรสักอย่าง จึงหยิบรองเท้าปาลงที่พื้น โดยมิได้มีเจตนาที่จะไปกระทบโดนใครทั้งสิ้น ขณะนั้นผมรู้สึกเสียใจมาก ผมก็ยังแสดงต่อจนครบ 3 รอบ 3 วันแสดงครับ เพราะผู้ชมเขาซื้อบัตรกันหมด ผมเป็นนักแสดงต้องมีความรับผิดชอบ ในหน้าที่และแสดงอย่างมืออาชีพ"
นี่เป็นเพียงบางส่วนของ “ดาราเลือดร้อน” ที่เกือบ “ซวย” เพราะหมัดตัวเอง!!