แม้จะไม่ได้เป็นญาติ-เป็นเพื่อน แต่ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่เคยใช้บริการความตลกของ "สายัณห์ ดอกสะเดา" (สายัณห์ ม่วงเจริญ) สร้างความฮาครื้นเครงให้กับอารมณ์ตนเอง ผมจึงรู้สึกอดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมากับการเสียชีวิตของเขาในวัย 48 ปี
ความรู้สึกที่ว่าก็คือใจหาย
แม้จะมีการฝึก มีการสอน มีการเตี๊ยมจากคนรอบข้าง แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าสายัณห์คือคนที่เล่นตลกด้วยจิตใจ อารมณ์ที่ซื่อบริสุทธิ์ และจริงใจที่สุด
เป็นการเล่นตลกที่ไม่มีอะไรแอบแฝง (บางทีอาจจะเรียกว่าเล่นไม่ได้ด้วยซ้ำไปเพราะเขาทำจริงๆ)
ที่สำคัญก็คือเขาสามารถทำให้มุกตลกธรรมดาๆ กลายเป็นมุกฯ ที่ "ลึก" และ "ลับ" ที่สุดได้
ที่บอกเช่นนี้ก็เพราะใครจะตอบได้บ้างล่ะครับว่า ทุกครั้งที่เล่นตลกเขาคิดอะไรอยู่?
ไม่ใช่เรื่องของการเป็นคนอารมณ์ดีเท่านั้นนะครับ หลายครั้งที่ผมสังเกตเห็นจากการดูสายัณห์เล่นตลก สิ่งหนึ่งที่เขามักจะแสดงออกมาให้เห็นบ่อยครั้งก็คือ การเป็นคนที่รักความยุติธรรม รักสันติ ไม่ชอบใช้ความรุนแรง ไม่ชอบเห็นใครแกล้งใคร และไม่อยากเห็นใครทำร้ายใคร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงและเด็กๆ
มีอยู่ครั้งหนึ่งระหว่างที่เพื่อนๆ ในคณะเล่นมุกตลกตีหัวกันอยู่ สายัณห์ปรีเดินเข้าไปล็อกคอคนตีโดยไม่มีสคริปต์กำหนด
"ตีๆๆๆ เขาทำไม ไอ้ๆๆ บ้าาาา..." ฮีโร่ผู้ผดุงควาามยุติธรรมเปล่งเสียงออกมา พร้อมทำหน้ายิ้มโชว์ฟัน และตาเหล่(โดยไม่ต้องทำ)
ถึงบรรทัดนี้ก็ต้องขอแสดงความอาลัยด้วยหัวใจที่เคารพ และชื่นชมจริงๆ ครับกับการจากไปของ "สายัณห์ ดอกสะเดา"
...
บุคลิกของ "สายัณห์ ดอกสะเดา" ทำให้ผมนึกไปถึง "ไอ้แขก"
ไอ้แขกเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกับผม (วัดตะเฆ่ฯ ม่วงงามนุเคราะห์ ต.มวงงาม อ.เสาไห้ จ.สระบุรี) อายุของมันน่าจะรุ่นราวคราวเดียวหรือไม่ก็อาจจะแก่กว่าผม(ที่จะมีอายุครับ 32 ปีเต็มในวันที่ 30 มกราคม2552) ประมาณปีหรือสองปี
ไม่แน่ใจว่าเหมือนกันครับว่าไอ้แขกถูกฟ้าสั่งให้เป็นแบบสายัณห์มาตั้งแต่เกิดเลยหรือเปล่า? แต่ที่จำได้แม่นก็คือ ผมในวัยเด็กรวมถึงเพื่อนๆ และเด็กในรุ่นถัดๆ มาเกือบจะทั้งหมู่บ้าน ล้วนแล้วแต่กลัวไอ้แขกเป็นอย่างมาก
ประมาณว่าถ้าเด็กคนไหนร้องไห้ เพียงแค่บอกว่า...ไอ้แขกมาแล้ว เดี๋ยวไอ้แขกมานะ...เท่านั้นแหละ เงียบกริบ
สรรพคุณของไอ้แขกดีกว่าตุ๊กแก(กินตับ)เสียอีก
เหตุที่เด็กๆ กลัวไอ้แขกนอกจากจะเป็นเพราะความผิดปกติในเรื่องของรูปร่าง หน้าตา ตลอดจนพฤติกรรมการแสดงออกแล้ว ก็คงจะเป็นเพราะการเป็น "มือทุบ" ของมันนั่นเอง
ใครเผลอเป็นไม่ได้ ไอ้แขกมันทุบทันที และไม่ทุบเบาๆ นะครับ ดังบึ้ก ดังอั้ก เลย
ทุบเสร็จมันก็หัวเราะ แฮะๆๆๆ ฮี่ๆๆๆ เอามือขยี้ขี้ตาเขรอะ
แต่ทั้งนี้ก็ใช่ว่าไอ้แขกจะไม่มีจุดอ่อนเอาเสียเลยนะครับ แล้วจุดอ่อนของไอ้แขกนี่ผมว่าบรรดาดารา นักร้อง คนดังที่เกลียดกลัวอะไรแปลกๆ ต้องชิดซ้ายสุดๆ
เพราะสิ่งที่ไอ้แขกกลัวก็คือ "น้ำเปล่า" ครับ
โดยเฉพาะน้ำเย็นลอยน้ำแข็ง
ทุกครั้งที่โดนทั้งคนที่โตกว่า คนรุ่นเดียวกัน หรือเด็กๆ (ในระยะหลังๆ ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีเด็กที่กลัวไอ้แขกแล้ว) แกล้ง ด้วยการเอาน้ำไปราดใส่เท้าใส่ตัว ไอ้แขกจะร้องเสียงหลง แล้วพอมันตั้งสติวิ่งหนีได้ ทีนี้มันหันมาด่าเปิง หยิบอะไรได้เป็นขว้างใส่ เขวี้ยงใส่
"ไอ้เอี้ย ไอ้อิบหาย"
ครั้นพอโตขึ้นมาพร้อมๆ กับไอ้แขก(แต่มันจะเน้นหนักไปเฉพาะทางด้านร่างกาย) ผมจึงได้รู้ว่า จริงๆ ไอ้แขกมันเป็นคนไม่มีพิษมีภัยอะไรเลย
เพียงแต่อาจจะเป็นเพราะว่าในตอนเด็กการทักทาย การเล่น การแสดงความเป็นมิตรด้วยการทุบของมันทั้งกับเด็กๆ และคนแก่นั้นอาจจะดูรุนแรง(ไปสักนิด)เนื่องด้วยตัวของมันที่ค่อนข้างจะใหญ่กว่าคนรุ่นๆ เดียวกัน และที่สำคัญคือมันคงไม่รู้หรอกว่าตัวเองออกแรง(ทุบ)ไปในระดับที่พอจะเรียกว่าแรงหรือไม่แรง น้ำหนักขนาดไหนถึงจะเรียกว่าหยอกล้อ
นับตั้งแต่ที่ต้องเข้ามาเรียนและทำงานในกรุงเทพฯ ทำให้การเจอะเจอกับไอ้แขกไม่ค่อยจะเกิดขึ้นสักเท่าไหร่ ทว่าทุกครั้งที่เจอ ไอ้แขกเป็นต้องยิ้มให้พร้อมกับทักผมประโยคเดิมๆ ที่ว่า
"ไอ้ไก่ ไอไหนมา...ยายแอ๋วอยู่ที่อ้าน..." (ไอ้ไก่ ไปไหนมา ยายแจ๋ว(แม่ผม)อยู่ที่บ้าน)
จุดน่ารักของไอ้แขก(นอกจากความสามารถในการแก้เชือก ที่ไม่ว่าจะเป็นเชือกชนิดไหน พันกันแค่ไหน มันแก้ได้หมด)ซึ่งมันจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ก็คือการที่มันไม่เคยเย่อหยิ่ง ไม่เคยจองหอง อารมณ์ดี ชอบทักคน (ถ้ามันรู้จักและจำได้) รวมถึงใช้งานง่ายแล้ว(ยายของมันกับพระที่วัดชอบใช้มันไปซื้อก๋วยเตี๋ยวให้) คือมันชอบเข้าวัดครับ
ในบรรดาคนรุ่นๆ เดียวกับผมและไอ้แขก ผมว่าไอ้แขกน่าจะเป็นคนที่ไปทำบุญทุกวันพระมากที่สุดในหมู่บ้านแล้ว
บางทีบางวันผมก็เห็นมันกวาดลานวัดบ้าง รดน้ำต้นไม้ตามกุฏิพระบ้าง (ส่วนผลของงานที่ออกมาจะเป็นอย่างไรนั้นอีกเรื่องหนึ่ง)
ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่า การกระทำของไอ้แขก(ที่อาจจะเป็นไปเพียงเพราะความสนุกจะทำให้มันได้ "บุญ" เหมือนกับที่คนปกติเขาหวังจากการ "ทำบุญ" กันหรือเปล่า?
แต่ผมว่าไอ้แขกเองกมันก็คงไม่รู้หรอกครับว่าบุญคืออะไร
...
บันทึกท้ายคอลัมน์
14 ธันวาคม 2551 ผมรู้สึกใจหายต่อการจากไปของชายคนที่ชื่อ "สายัณห์ ดอกสะเดา" ผู้ชายที่ถูกมองว่าเป็นคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง
ครั้นถัดมาเพียงวันเดียว ในเช้าของวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม วันที่มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งประวัติศาสตร์ ในวันนี้ผมก็ได้เห็นคนปัญอ่อนอีกครั้ง แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันกลับแปลกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เพราะคราวนี้มันมากไปด้วยความรู้สึกที่สมเพชและหดหู่
สมเพชและหดหู่ต่อคนที่อยู่ในรัฐสภา ที่บางคนไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นคนโคตรจะ(ทำตัว)ปัญญาอ่อนเอามากๆ
...แต่กลับเรียกตัวเองว่า "ผู้ทรงเกียรติ"
...
หมายเหตุ : เนื่องด้วยงานเขียนหลายๆ ชิ้นที่ผ่านมา(และที่ยังมาไม่ถึง)มีเนื้อหาที่ไม่ตรงกับชื่อคอลัมน์ "เรื่องจากจอ" ผู้เขียนจึงขอเปลี่ยนชื่อคอลัมน์เสียใหม่เป็น "ก.ไก่ ข.เขียน" ตั้งแต่งานเขียนชิ้นนี้เป็นต้นไป เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดหากจะต้องเขียนเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับ "จอ"
ความรู้สึกที่ว่าก็คือใจหาย
แม้จะมีการฝึก มีการสอน มีการเตี๊ยมจากคนรอบข้าง แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าสายัณห์คือคนที่เล่นตลกด้วยจิตใจ อารมณ์ที่ซื่อบริสุทธิ์ และจริงใจที่สุด
เป็นการเล่นตลกที่ไม่มีอะไรแอบแฝง (บางทีอาจจะเรียกว่าเล่นไม่ได้ด้วยซ้ำไปเพราะเขาทำจริงๆ)
ที่สำคัญก็คือเขาสามารถทำให้มุกตลกธรรมดาๆ กลายเป็นมุกฯ ที่ "ลึก" และ "ลับ" ที่สุดได้
ที่บอกเช่นนี้ก็เพราะใครจะตอบได้บ้างล่ะครับว่า ทุกครั้งที่เล่นตลกเขาคิดอะไรอยู่?
ไม่ใช่เรื่องของการเป็นคนอารมณ์ดีเท่านั้นนะครับ หลายครั้งที่ผมสังเกตเห็นจากการดูสายัณห์เล่นตลก สิ่งหนึ่งที่เขามักจะแสดงออกมาให้เห็นบ่อยครั้งก็คือ การเป็นคนที่รักความยุติธรรม รักสันติ ไม่ชอบใช้ความรุนแรง ไม่ชอบเห็นใครแกล้งใคร และไม่อยากเห็นใครทำร้ายใคร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงและเด็กๆ
มีอยู่ครั้งหนึ่งระหว่างที่เพื่อนๆ ในคณะเล่นมุกตลกตีหัวกันอยู่ สายัณห์ปรีเดินเข้าไปล็อกคอคนตีโดยไม่มีสคริปต์กำหนด
"ตีๆๆๆ เขาทำไม ไอ้ๆๆ บ้าาาา..." ฮีโร่ผู้ผดุงควาามยุติธรรมเปล่งเสียงออกมา พร้อมทำหน้ายิ้มโชว์ฟัน และตาเหล่(โดยไม่ต้องทำ)
ถึงบรรทัดนี้ก็ต้องขอแสดงความอาลัยด้วยหัวใจที่เคารพ และชื่นชมจริงๆ ครับกับการจากไปของ "สายัณห์ ดอกสะเดา"
...
บุคลิกของ "สายัณห์ ดอกสะเดา" ทำให้ผมนึกไปถึง "ไอ้แขก"
ไอ้แขกเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกับผม (วัดตะเฆ่ฯ ม่วงงามนุเคราะห์ ต.มวงงาม อ.เสาไห้ จ.สระบุรี) อายุของมันน่าจะรุ่นราวคราวเดียวหรือไม่ก็อาจจะแก่กว่าผม(ที่จะมีอายุครับ 32 ปีเต็มในวันที่ 30 มกราคม2552) ประมาณปีหรือสองปี
ไม่แน่ใจว่าเหมือนกันครับว่าไอ้แขกถูกฟ้าสั่งให้เป็นแบบสายัณห์มาตั้งแต่เกิดเลยหรือเปล่า? แต่ที่จำได้แม่นก็คือ ผมในวัยเด็กรวมถึงเพื่อนๆ และเด็กในรุ่นถัดๆ มาเกือบจะทั้งหมู่บ้าน ล้วนแล้วแต่กลัวไอ้แขกเป็นอย่างมาก
ประมาณว่าถ้าเด็กคนไหนร้องไห้ เพียงแค่บอกว่า...ไอ้แขกมาแล้ว เดี๋ยวไอ้แขกมานะ...เท่านั้นแหละ เงียบกริบ
สรรพคุณของไอ้แขกดีกว่าตุ๊กแก(กินตับ)เสียอีก
เหตุที่เด็กๆ กลัวไอ้แขกนอกจากจะเป็นเพราะความผิดปกติในเรื่องของรูปร่าง หน้าตา ตลอดจนพฤติกรรมการแสดงออกแล้ว ก็คงจะเป็นเพราะการเป็น "มือทุบ" ของมันนั่นเอง
ใครเผลอเป็นไม่ได้ ไอ้แขกมันทุบทันที และไม่ทุบเบาๆ นะครับ ดังบึ้ก ดังอั้ก เลย
ทุบเสร็จมันก็หัวเราะ แฮะๆๆๆ ฮี่ๆๆๆ เอามือขยี้ขี้ตาเขรอะ
แต่ทั้งนี้ก็ใช่ว่าไอ้แขกจะไม่มีจุดอ่อนเอาเสียเลยนะครับ แล้วจุดอ่อนของไอ้แขกนี่ผมว่าบรรดาดารา นักร้อง คนดังที่เกลียดกลัวอะไรแปลกๆ ต้องชิดซ้ายสุดๆ
เพราะสิ่งที่ไอ้แขกกลัวก็คือ "น้ำเปล่า" ครับ
โดยเฉพาะน้ำเย็นลอยน้ำแข็ง
ทุกครั้งที่โดนทั้งคนที่โตกว่า คนรุ่นเดียวกัน หรือเด็กๆ (ในระยะหลังๆ ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีเด็กที่กลัวไอ้แขกแล้ว) แกล้ง ด้วยการเอาน้ำไปราดใส่เท้าใส่ตัว ไอ้แขกจะร้องเสียงหลง แล้วพอมันตั้งสติวิ่งหนีได้ ทีนี้มันหันมาด่าเปิง หยิบอะไรได้เป็นขว้างใส่ เขวี้ยงใส่
"ไอ้เอี้ย ไอ้อิบหาย"
ครั้นพอโตขึ้นมาพร้อมๆ กับไอ้แขก(แต่มันจะเน้นหนักไปเฉพาะทางด้านร่างกาย) ผมจึงได้รู้ว่า จริงๆ ไอ้แขกมันเป็นคนไม่มีพิษมีภัยอะไรเลย
เพียงแต่อาจจะเป็นเพราะว่าในตอนเด็กการทักทาย การเล่น การแสดงความเป็นมิตรด้วยการทุบของมันทั้งกับเด็กๆ และคนแก่นั้นอาจจะดูรุนแรง(ไปสักนิด)เนื่องด้วยตัวของมันที่ค่อนข้างจะใหญ่กว่าคนรุ่นๆ เดียวกัน และที่สำคัญคือมันคงไม่รู้หรอกว่าตัวเองออกแรง(ทุบ)ไปในระดับที่พอจะเรียกว่าแรงหรือไม่แรง น้ำหนักขนาดไหนถึงจะเรียกว่าหยอกล้อ
นับตั้งแต่ที่ต้องเข้ามาเรียนและทำงานในกรุงเทพฯ ทำให้การเจอะเจอกับไอ้แขกไม่ค่อยจะเกิดขึ้นสักเท่าไหร่ ทว่าทุกครั้งที่เจอ ไอ้แขกเป็นต้องยิ้มให้พร้อมกับทักผมประโยคเดิมๆ ที่ว่า
"ไอ้ไก่ ไอไหนมา...ยายแอ๋วอยู่ที่อ้าน..." (ไอ้ไก่ ไปไหนมา ยายแจ๋ว(แม่ผม)อยู่ที่บ้าน)
จุดน่ารักของไอ้แขก(นอกจากความสามารถในการแก้เชือก ที่ไม่ว่าจะเป็นเชือกชนิดไหน พันกันแค่ไหน มันแก้ได้หมด)ซึ่งมันจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ก็คือการที่มันไม่เคยเย่อหยิ่ง ไม่เคยจองหอง อารมณ์ดี ชอบทักคน (ถ้ามันรู้จักและจำได้) รวมถึงใช้งานง่ายแล้ว(ยายของมันกับพระที่วัดชอบใช้มันไปซื้อก๋วยเตี๋ยวให้) คือมันชอบเข้าวัดครับ
ในบรรดาคนรุ่นๆ เดียวกับผมและไอ้แขก ผมว่าไอ้แขกน่าจะเป็นคนที่ไปทำบุญทุกวันพระมากที่สุดในหมู่บ้านแล้ว
บางทีบางวันผมก็เห็นมันกวาดลานวัดบ้าง รดน้ำต้นไม้ตามกุฏิพระบ้าง (ส่วนผลของงานที่ออกมาจะเป็นอย่างไรนั้นอีกเรื่องหนึ่ง)
ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่า การกระทำของไอ้แขก(ที่อาจจะเป็นไปเพียงเพราะความสนุกจะทำให้มันได้ "บุญ" เหมือนกับที่คนปกติเขาหวังจากการ "ทำบุญ" กันหรือเปล่า?
แต่ผมว่าไอ้แขกเองกมันก็คงไม่รู้หรอกครับว่าบุญคืออะไร
...
บันทึกท้ายคอลัมน์
14 ธันวาคม 2551 ผมรู้สึกใจหายต่อการจากไปของชายคนที่ชื่อ "สายัณห์ ดอกสะเดา" ผู้ชายที่ถูกมองว่าเป็นคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง
ครั้นถัดมาเพียงวันเดียว ในเช้าของวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม วันที่มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งประวัติศาสตร์ ในวันนี้ผมก็ได้เห็นคนปัญอ่อนอีกครั้ง แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันกลับแปลกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เพราะคราวนี้มันมากไปด้วยความรู้สึกที่สมเพชและหดหู่
สมเพชและหดหู่ต่อคนที่อยู่ในรัฐสภา ที่บางคนไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นคนโคตรจะ(ทำตัว)ปัญญาอ่อนเอามากๆ
...แต่กลับเรียกตัวเองว่า "ผู้ทรงเกียรติ"
...
หมายเหตุ : เนื่องด้วยงานเขียนหลายๆ ชิ้นที่ผ่านมา(และที่ยังมาไม่ถึง)มีเนื้อหาที่ไม่ตรงกับชื่อคอลัมน์ "เรื่องจากจอ" ผู้เขียนจึงขอเปลี่ยนชื่อคอลัมน์เสียใหม่เป็น "ก.ไก่ ข.เขียน" ตั้งแต่งานเขียนชิ้นนี้เป็นต้นไป เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดหากจะต้องเขียนเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับ "จอ"