xs
xsm
sm
md
lg

“สายัณห์ ดอกสะเดา” ตลกดาวน์ฯ ที่เป็นดาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ใครจะคิดบ้างว่า ผู้ชายวัย 40 กว่าปี แต่มีสติปัญญาระดับความคิดเท่ากับเด็ก 5 ขวบ จะกลายมาเป็นคนดังในวงการบันเทิง

ใครจะคิดบ้าง ว่า ผู้ชายวัย 40 ที่ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรม พูดจาไม่รู้เรื่อง จะสามารถทำงานหาเงินเลี้ยงดูพ่อ-แม่ได้

และใครจะคิดบ้าง ว่า คนไม่เต็มเต็งคนหนึ่งจะสามารถทำให้คนรอบข้างยิ้ม และหัวเราะได้อย่างบริสุทธิ์ใจ

แต่ทุกอย่างเป็นไปแล้ว กับชายที่ชื่อว่า “สายัณห์ ดอกสะเดา”

สายัณห์ ดอกสะเดา มีชื่อจริงว่า นายสายัณห์ ม่วงเจริญ เป็นบุตรของ ร.ต.ทองหล่อ ม่วงเจริญ และ นางบังอร ม่วงเจริญ มีที่พักอาศัยอยู่ในย่านงามวงศ์วาน

แม้ โรคดาวน์ซินโดรม ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดจะเป็นเสมือนจุดด้อยในสายตาของคนทั่วไป ทว่ามันหาได้เป็นอุปสรรคสำหรับการเป็นคนอารมณ์ดี ขี้เล่น ของชายหนุ่มคนนี้ ซึ่งด้วยความที่เป็นคนสนุกสนานเฮฮานั่นเอง ที่ทำให้เพื่อนบ้านต่างไม่เคยรู้สึกถึงปมด้อยปมนี้ของเขาแต่อย่างใด

ในทางกลับกัน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นปมเด่นเสียด้วยซ้ำ

จุดเริ่มต้นที่ทำให้ สายัณห์ เป็นที่รู้จักขึ้นมาต้องย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 16 ปีที่แล้ว เมื่อสมาชิกคนหนึ่งของ คณะเด๋อ ดอกสะเดา ที่มีบ้านอยู่ในละแวกเดียวกับบ้านสายัณห์ได้บอกเล่าถึงความเป็นคนสนุกสนาน อารมณ์ดี สร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนบ้านอยู่เป็นประจำให้กับหัวหน้าคณะฟัง ก่อนจะพาสายัณห์มาแนะนำกับเด๋อ ซึ่งเจ้าตัวก็รู้สึกถูกชะตาทันทีจนต้องขอตัวมาอยู่ด้วย

เบื้องต้นตลกชื่อดังไม่ได้มีความคิดที่จะให้สายัณห์เล่นตลกแต่อย่างใด เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำได้ เพียงแต่ต้องการให้มาเป็นเพื่อนเวลาที่ขับรถไปเล่นตลก หรือถ่ายละคร

กระทั่งวันหนึ่ง เด๋อ จึงตัดสินใจชวน สายัณห์ ขึ้นเล่นเวทีแบบไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะเล่นได้ หรือเล่นแล้วต้องขำ เนื่องจากวันดังกล่าวมีแขกเข้าคาเฟ่จำนวนไม่มาก จึงไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย แต่เรื่องกลับตาลปัตร เพราะกลายเป็นว่าคนที่เรียกเสียงหัวเราะจากแขกได้มากที่สุดในคืนนั้น ก็คือ สายัณห์ นั่นเอง

เมื่อเห็นแวว เด๋อ จึงสอนมุกต่างๆ ให้กับ สายัณห์ โดยใช้วิธีการย้ำคิด ย้ำทำ ซึ่งแม้ว่าเจ้าตัวจะจำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่มันก็กลายเป็นสไตล์ส่วนตัวของเขาที่ไม่มีตลกคนไหนสามารถเลียนแบบได้

จากนั้นเป็นต้นมา สายัณห์ ก็กลายเป็นสมาชิกของคณะเด๋อ ดอกสะเดา อย่างสมบูรณ์ ก่อนจะกลายมาเป็นหนึ่งในครอบครัวของ เด๋อ ภายหลังที่เขาแต่งงานกับ “ปู กนกวรรณ”

ในระยะแรกๆ ของการขึ้นเล่นตลกของสายัณห์นั้น ตัวของเด๋อเองค่อนข้างจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่พอสมควรไปในลักษณะที่ว่าเอาคนปัญญาอ่อนมาหากิน ทว่า เมื่อวันเวลาผ่านไปเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทำนองนี้ก็ค่อยๆ จางหาย ก่อนจะหมดไปในที่สุด เมื่อตัวของสายัณห์เองแสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีความสุขจริงๆ กับการสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้าง

คงไม่มีตลกคนไหนอีกแล้วที่จะเล่นมุก หรือแสดงความรู้สึกออกมาด้วยความคิดที่ใสซื่อ บริสุทธิ์ ได้เหมือนกับเขาคนนี้ ซึ่งแม้จะมีความบกพร่องในเรื่องของสมอง แต่คำพูดและการกระทำของชายคนนี้ ไม่เคยโกหกต่อความคิดและความรู้สึกของตัวเองอย่างแน่นอน

ปี พ.ศ.2548 สายัณห์ ได้รับโล่เกียรติคุณบุคคลพิการตัวอย่างในวันคนพิการ ซึ่งนำความยินดีมาสู่ตัวเขา ครอบครับ และคนรอบข้างเป็นอย่างมาก โดยรายได้จากการเล่นตลกคาเฟ่ในแต่ละเดือนของสายัณห์นั้นจะอยู่ที่ราวๆ หนึ่งหมื่นห้าพันบาท และเจ้าตัวจะมอบให้กับพ่อทุกครั้งที่มารับตัวกลับบ้านที่งามวงศ์วาน

ตลอดระยะเวลาของการอยู่ในวงการ นอกจากการเล่นตลกแล้ว สายัณห์ ยังมีโอกาสได้ร่วมงานแสดงละครด้วย อาทิ แก้วกลางดง จอมใจจอมแก่น รวมถึงงานภาพยนตร์อีกหลายต่อหลายเรื่องทั้ง ผีหัวขาด, บุปผาราตรี, ดึก ดำ ดึ๋ย, ฅนปีมะ, คนหอนขี้เรื้อน ในคืนเดือนเสี้ยว, หลวงพี่เท่ง, โว๊กว๊าก(โอ๊กอ๊าก), วิมานมังกร รับบทเป็น ฮัลโหล

โดยที่ดูเหมือนจะสร้างความประทับใจให้กับคนดูเป็นอย่างมาก ก็คือ การเข้าไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเรียลิตี้ของรายการ “เจาะใจ” ที่เจ้าตัวได้รับภารกิจโบกรถจากกรุงเทพฯ เพื่อไปตามหาหมีแพนด้าที่เชียงใหม่ ซึ่งภาพต่างๆ ที่ออกมาตลอดห้วงระยะเวลาของการเดินทางนั้น เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าเขาคนนี้มีคนรักและเอ็นดูมากน้อยเพียงใด

ไม่ว่าจะเป็นภาพที่ป้าขายผ้าคนหนึ่งที่โผเข้าไปกอดสายัณห์ พร้อมกับบอกว่า รักสายัณห์เหมือนลูก, ภาพที่สายัณห์กราบเจ้าของบ้านที่ให้ที่พักอาศัย (แถมเจ้าตัวยังเล่นกีตาร์ร้องเพลงให้ฟังเป็นการตอบแทนบุญคุณอีกต่างหาก) หรือจะเป็นภาพที่เจ้าตัวเดินลมปราณโชว์เจ้าอาวาสที่พยายามสอนให้ตัวเองนั่งสมาธิ ฯลฯ

นอกจากจะมีอาชีพเป็นตลกแล้ว สายัณห์ ยังมีตำแหน่งเป็นถึงผู้จัดการฝ่ายการตลาดให้กับกิจการขายลูกชิ้นของ ปู กนกวรรณ อีกด้วย

บ่ายวันที่ 3 ตุลาคม 2551 สายัณห์ ถูกนำตัวเข้าห้องไอซียูหลังล้มป่วยด้วยอาการท้องเสียอย่างรุนแรง จนชัก และหมดสติ แพทย์ตรวจพบว่ามีแบคทีเรียติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งในระยะแรกของการรักษาเจ้าตัวมีอาการที่ดีขึ้น ก่อนจะค่อยๆ ทรุดหนักลงอีกครั้ง และเสียชีวิตในที่สุดด้วยวัย 48 ปี

วันนี้ อาจจะไม่มีอีกแล้วซึ่งร่างที่มีลมหายใจของสายัณห์ แต่ด้วยรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะที่ได้สร้างเอาไว้ เชื่อได้เลยว่า ชื่อของ “สายัณห์ ดอกสะเดา” ตลกดาวน์ฯที่เป็นดาวคนนี้ คงจะอยู่ในใจและความคิดถึงของใครหลายคนอีกนานทีเดียว





กำลังโหลดความคิดเห็น