"แอนนี่" ช็อคไฟไหม้บ้าน ทำยายช็อกเสียชีวิตกะทันหัน บอกตั้งตัวรับไม่ทัน ถือเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต เผยยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดต้นเพลิงเกิดจากสาเหตุใดแน่ เสียใจยายไม่ทันดูหน้าเหลนทั้งที่อวยพรไว้ในวันแต่งงาน
หลังจากแต่งงานไปเมื่อสัปดาห์ก่อน มาอาทิตย์นี้วีเจสาวจากเอ็มทีวีไทยแลนด์"แอนนี่ อนัญญา ทรัพย์เสริมศรี" เจอข่าวร้าย และต้องสูญเสียคุณยายเมื่อไฟไหม้บ้าน จนทำให้คุณยายช็อกเสียชีวิต ตลอดการให้สัมภาษณ์วีเจสาวร่ำไห้ตลอด เพราะการจากไปของ "คุณยายพาณี ปัทมะสุคนธ์" ด้วยวัย 79 ปี
"คือจริงๆที่ไหม้เป็นส่วนของบ้านหลังเก่า เป็นส่วนที่ต่อออกมาคือครึ่งด้านหลังของหลังเก่าคือส่วนที่ไหม้ทั้งหมด ยังไม่ทราบแน่ชัดนะคะว่าเกิดสาเหตุมาจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือเปล่า แต่ตำรวจก็บอกว่าจะเข้าไปพิสูจน์หลักฐานอีกที พอดีเมื่อวานเป็นวันเสาร์และวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เขาก็เลยต้องปิดบ้านปิดทุกอย่างเอาไว้ให้หมดคาดว่าเป็นไฟฟ้าลัดวงจรค่ะแต่ก็ยังไม่แน่ใจ เพราะยังไม่มีใครยืนยันได้ว่าเกิดมาจากอะไร"
"คือตัวแอนนี่แอนนี่ทราบตอนสิบเอ็ดโมงคือพี่ข้างบ้านโทรมาบอกเมื่อวานแอนนี่กำลังเรียนหนังสืออยู่ประมาณสิบเอ็ดโมงบอกว่าไฟไหม้บ้านรีบมาด่วนจากนั้นแอนนี่ก็เลยรีบออกมาจากที่โรงเรียนเลย แล้วก็โทรหาคุณแม่ คุณแม่ก็บอกว่ากำลังกลับไม่มีใครอยู่บ้านเลยค่ะมีแค่คุณยายและก็พี่เลี้ยงอยู่ค่ะ"
"ตอนแรกก็รู้สึกว่าเหมือนจะไม่เป็นอะไรแต่ทำไม คือใจตอนที่รับโทรศัพท์คิดว่าคงไม่เป็นอะไรเท่าไหร่แต่พอขับรถมาถึงหน้าปากซอยบ้านเห็นรถตำรวจอยู่หน้าปากซอยเข้าบ้านไม่ได้คือต้องลงจากรถพอลงมาจากรถแล้วนี่ก็คือว่ารู้แล้วว่าไม่น้อยแล้วแหละ ไม่น้อยอย่างที่คิดแล้วก็ตกใจมากเลยวิ่งเข้ามาในบ้าน ตอนแรกคุณพ่อคุณแม่ยังบอกไม่เป็นไรนะลูก ไม่เป็นไรนะของนอกกายเพราะว่าคุณยายเนี่ยเป็นลมออกมาแล้ว แล้วเป็นลมอยู่หน้าบ้านและระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาลก็ยังมีสติอยู่ก็ยังคุยเราก็เลยไม่ได้ห่วงคุณยายเลยคิดว่าถึงมือหมอแล้วแน่ๆที่ช็อคที่สุดก็คือตรงนั้เพราะทุกคนก็เป็นห่วงบ้านอยู่ตอนนั้น ก็คิดว่าคุณยายไม่น่าเป็นอะไรเราก็กลัวว่าบ้านเราจะลามไปขนาดไหน"
ลั่นเสียใจยายอยากอุ้มเหลนแต่ไม่ทัน บอกกำหนดสวด 7 วัน บอกตั้งตัวรับแทบไม่ทันมีงานมงคลแล้วต้องมาแต่งชุดดำงานศพทันที
"พอเห็นคนเข้าคนออกก็แบบจะเป็นลมลงไปนั่งล้มลงไปแล้ว ในชีวิตไม่คิดว่าจะเจออะไรที่หนักขนาดนี้เลย เรื่องนี้ก็หนักที่สุดในชีวิตแล้วแหละค่ะ เพราะบ้านนี้เป็นบ้านที่แอนนี่อยู่มาตั้งแต่เด็ก แล้วก็เพิ่งย้ายออก คือวันงานแต่งงานคุณยายก็ยังอยู่ คุณยายก็ยังพูดเลยว่ารีบมีหลานไวๆนะเพราะว่าคุณยายอยากเป็นทวดแล้ว คุณยายจะได้มีเหลนดูแลจะได้เป็นทวดเราก็ยังคุยเล่นกันอยู่เลย เพราะจริงๆแล้วคุณยายเป็นคนแข็งแรง อาจจะมีโรคประจำตัวก็เป็นโรคคนแก่ คือคุณยายสามารถไปเที่ยวกับแอนนี่ได้ในขณะที่แอนนี่เมารถเมาเครื่องบินแต่คุณยายนี่ไม่เป็นอะไร ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคุณยายที่จากไปพอพาไปโรงพยาบาลพอสักชั่วโมงต่อมาทางโรงพยาบาลก็บอกว่าคุณยายเสีย ปั๊มหัวใจหนึ่งชั่วโมงแล้วให้ยาแบบที่ดีที่สุดแล้วคุณยายก็ยังฟื้นนะคะ"
"กำหนดการคือสวด 7 วัน เรื่องเก็บศพคุณแม่ยังไม่แน่ใจ ตอนนี้ทุกอย่างมันเร็วมากแล้วก็บ้านเราก็ต้องวิ่งไปซื้อเสื้อผ้ากันใหม่ ไม่รู้จะบอกยังไงดีคือไปซื้อทุกอย่างมาใหม่หมด"
ยืนยันแม่บ้านโดนไฟไหม้แต่ครอบครัวก็ยังไม่คิดขาย เพราะพ่อแม่รักบ้านหลังนี้มาก เผยแม่รู้บ้านไฟไหม้ถึงขั้นกินข้าวไม่ได้
"คือพอคุณแม่รู้คุณแม่อยู่ในอาการที่ไม่ทานข้าว ใครถามอะไรก็จะเอาแต่ร้องไห้ และคุณแม่เป็นคนที่รู้เยอะที่สุดว่าที่บ้านมีอะไรบ้าง คือมีเซฟอยู่แต่คือเรายังไม่ได้ไปงัด ตอนนี้ก็เป็นกล่องดำไปแล้วก็ยังไม่ทราบว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไงก็เพียงแต่ให้กำลังใจคุณแม่"
"คุณพ่อคุณแม่เขารักค่ะคงไม่ขายหรอกค่ะ ก็คงไม่ขายกินแน่นอนก็คงอาจจะเคลียร์พื้นที่ก่อนแล้วก็คงตกลงกันว่าจะสร้างใหม่หรือว่าจะอะไรยังไงบ้าง คือที่บ้านไม่เคยมีเรื่องอะไรเลยแต่พอมีก็คือว่าหนักมาก แต่ที่หนักที่สุดก็คงเป็นเรื่องคุณยาย ทุกคนเห็นไฟ ช็อคหมดแหละค่ะ แต่ทุกคนคิดว่าคุณยายอยู่ในมือคุณหมอคุณยายต้องไม่เป็นไรแต่พอโทรศัพท์มาอีกทีบอกว่าคุณยายเสีย ก็หมดแล้วทุกอย่างก็หมดแล้ว"
ส่วนสามี "เล็ก สมบัติ เลิศอัษฎมงคล" ที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ ให้กำลังใจตนตลอดเวลา
"คือพี่เขานะแอนนี่โทรกลับไปบอกเขาก่อนตอนรับสาย แอนนี่ก็บอกว่าพี่บ้านไฟไหม้พี่เขาก็บอกว่าพี่จะไปเดี๋ยวนี้แหละ เขาไปถึงก่อน ก็โทรหาเขาตลอดเขาก็ให้กำลังใจ เขาทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่มีอะไรเพราะเขาบอกว่ามันไม่มีอะไร เขาก็บอกมันไม่มีอะไรนะไม่เป็นอะไรก็มันไม่มีอะไร คือพี่เขาก็เหมือนปลอบเราไม่มีอะไรนะ แต่ก็ไม่มีใครให้แอนนี่เข้าไปข้างในก็คือจะกันแอนนี่ไว้ค่ะ"
ส่วนเรื่องงานนั้นเจาตัวตั้งใจงดตั้งแต่เข้าพิธีแต่งงาน แต่ส่วนเรื่องเรียนบอกหยุดไม่ได้ ต้องทำให้ดีที่สุด
"คือเรื่องงานจริงๆแอนนี่ขอหยุดตั้งแต่ตอนแต่งแล้วค่ะ เพราะตอนนี้ก็ไปเรียนแล้วก็บอกอาจารย์ว่ายังไงแอนนี่ก็ยังไปเรียนค่ะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำได้เต็มที่แค่ไหน แต่ตอนนี้ก็ต้องทำหน้าที่ทุกอย่างให้ดีที่สุด"