หลังจากที่ปิดปากเงียบมานานก็ได้เวลาอ้าปากพูดได้เสียทีสำหรับเรื่องราวความรักสุดขมขื่นของ"เจนนิเฟอร์ อนิสตัน" และคนรักคนใหม่ของอดีตสามีอย่าง "แองเจลินา โจลี" ที่ครั้งนี้มีการรื้อฟื้นความหลังที่เจ้าตัวระบุว่าไม่เคยระแคะระคายมาก่อน
โดยนิตยสารเล่มใหม่ล่าสุดของ Vouge ที่มีสาวเจนถ่ายแบบขึ้นปกนั้น ภายในเล่มเจนนิเฟอร์ได้พูดถึงการให้สัมภาษณ์ของแองเจลินา ในนิตยสารแฟชั่นเมื่อเดือน ม.ค. ปี 2007 ที่ครั้งนั้นเธอได้เผยรายละเอียดเกี่ยวกับการริ่มสานสัมพันธ์กันระหว่างเธอกับแบรด พิตต์
"มันมีเรื่องราวตีพิมพ์ออกมาในตอนนั้นซึ่งฉันเองก็ไม่ได้ระวังเลยว่ามันกำลังจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น" อนิสตัน ให้สัมภาษณ์ในนิตยสาร Vogue ฉบับเดือน ธ.ค. 2008 "ฉันรู้สึกว่ารายละเอียดเหล่านั้นเป็นแค่การพูดกันถึงความไม่เหมาะสมเล็กๆน้อยๆ"
หากจะว่าไปแล้วสิ่งที่เจนนิเฟอร์พูดถึงบทสัมภาษณ์ที่แองเจลินา พูดไว้ในเดือน ม.ค. ปี 2007 ที่ให้ไว้กับ Vogue นั้นคงเป็นเรื่องที่เธอทราบเรื่องแบรดว่า "ตอนนี้เขาอยู่กับเพื่อนสนิท ใครคนหนึ่งที่เขารักและเคารพ" แต่ความเห็นของแองเจลินา เกี่ยวกับความตื่นเต้นที่เธอได้ทำงานและเข้าฉากในภาพยนตร์เรื่อง Mr. & Mrs. Smith ภาพยนตร์ที่เธอได้เจอกับแบรดนั้น เป็นเรื่องที่แทงใจสาวเจนอย่างมาก
แม้ว่างานนี้ใครต่อใครจะพูดและเห็นใจสาวเจน และต่างก็บอกว่าเธอคือผู้หญิงที่ไม่โชคดีเรื่องความรัก นับตั้งแต่ที่อดีตสามีของเธอวิ่งเข้าไปซบอกผู้หญิงอีกคนอย่าง แองเจลินา โจลี เมื่อปี 2005 แต่ถึงอย่างไร อนิสตัน ก็ยังคงยืนยันนักหนาว่าเธอคือหญิงสาวที่โชคดีในเรื่องความรักเอามากๆ
นักแสดงสาวจากซีรีย์ดัง Friends ที่กำลังออกเดตกับ จอห์น เมเยอร์ นักร้อง-นักดนตรีหนุ่มชื่อดัง เธอได้เผยว่าถึงจะเลิกรากับอดีตสามีแต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังคงสนิทและเป็นเพื่อนซี้กับ แบรด พิตต์ อยู่ดี
โดยเธอได้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์กับจอห์น เมเยอร์หนุ่มคนปัจจุบันที่กลับมาคืนดีกันอีกครั้งหลังต้องแยกทางกันไปเพราะแรงกดดันว่า "เราต่างก็แคร์กันและกัน มันตลกมากเลย เมื่อเราต้องมาตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่ต่างก็ต้องมานั่งตระหนักว่า "เราคงจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ" แต่คุณก็ยังคงรักในกันและกันมากๆ มันเจ็บปวดมากนะ เราต่างก็ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีต่อกัน ฉันแคร์เขามากๆ เราคุยกัย เรารักและเคารพซึ่งกันและกัน และมันก็เป็นอย่างที่เห็น"
และเมื่อกล่าวถึงการเลิกรากันของเธอกับ แบรด พิตต์ เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า "ทั้งหมดจะประมาณว่า เจนผู้ถูกทอดทิ้งแสนน่าสงสาร ความคิดเหล่านี้มันหมายความว่า ฉันไม่ใช่คนที่โชคดีเรื่องความรักไม่ใช่เหรอ? ฉันรู้สึกแน่ใจนะว่าฉันไม่เคยเชื่อในเรื่องโชคลางของความรัก"
พร้อมกันนั้นเธอยังพูดเป็นนัยๆถึงเรื่องการสร้างครอบครัวของเธอด้วย "ฉันเคยบอกหลายครั้งแล้วนะ ว่าฉันกำลังจะมีลูก ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกัน???"
ตามรายงานระบุว่า ในระหว่างที่สัมภาษณ์เจนไม่ได้พูดถึงแบรดในทางที่ไม่ดีเลย เธอยังคงกล่าวว่า เธอยังรักและห่วงในตัวแบรดเสมอ และในระหว่างที่เธอบอกว่าการกระทำของแองจี้นั้นไม่ค่อยสวยเท่าใดนัก ตามรายงานระบุว่าระหว่างที่เธอฟังเทปสัมภาษณ์ของแองเจลินาเธอได้แต่ส่ายศีรษะอย่างไม่อยากจะเชื่อและพูดขึ้นมาว่า "คำพูดที่เธอบอกว่าเธอแทบจะรอไม่ไหวที่จะไปทำงานทุกวันนั่นน่ะนะ? มันไม่สวยเอาซะเลยจริงๆ" เจนนิเฟอร์ กล่าว
และด้วยความที่เธอไม่ชอบใจในคำสัมภาษณ์แบบเต็มๆที่แองเจลินาให้ไว้กับนิตยสารเล่มเดียวกันกับที่เธอลงปกนี้แต่อย่างใดหรือไม่ เธอถึงได้สั่งให้โจนาธาน แวน มีเตอร์ ช่วยปิดเทปอัดเสียงดังกล่าวเมื่อได้ยินแองเจลินา แสดงความคิดเห็นใดๆออกมา
ในส่วนของแบรด พิตต์เธอได้กล่าวว่าเธอยังคงเป็นเพื่อนสนิทของเขา และเธอยังกล่าวถึงความรักที่เธอมีต่อนักร้องหนุ่ม จอห์น เมเยอร์ และ แฟนเก่าของเธออย่าง วินซ์ วอห์น
โดยเริ่มจากเรื่องของแบรด ว่า "ฉันไม่มีอะไร แต่ฉันยังคงชื่นชมในตัวเขามากจริงๆ และฉันก็ภูมิใจในตัวเขามากๆด้วย เราต่างก็ยังสับเปลี่ยนที่จะพูดคุยทักทายกันบ้างเล็กน้อย และก็อวยพรขอให้เจอแต่สิ่งดีๆ และก็ส่งความรักและความยินดีไปให้เมื่อมีทายาทคนใหม่"
และเมื่อกล่าวถึงการหย่าร้าง เจนนิเฟอร์ระบุว่า การแยกทางกันเดินของเธอกับแบรด พิตต์นั้นมันไม่ได้เกิดจากความรุนแรงอย่างที่คนอื่นๆคิดกัน "มันไม่ได้เลวร้ายอย่างนั้น ฉันหมายถึง มันไม่เหมือนกับว่าการหย่าคือสิ่งที่ทำให้คุณหลุดพ้นแบบว่า "โอ้ รอแทบไม่ไหวที่จะได้หย่า!" มันไม่ได้รู้สึกสนุก แต่ฉันแค่อยากบอกคุณว่า มันค่อนข้างคลุมเครือในจุดนั้น มันไกลจากความรู้สึกฉันมากแล้ว ฉันไม่เคยจำความเลือนลางนั้นเลย"
"ฉันหมายถึง ในท้ายสุดแล้ว เราแยกทางกันแต่เราก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มันไม่ได้หมายถึงการเกลียดชัง และทั้งหมดนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ว่าพวกเขาจะมานั่งนึกว่า แบรดไม่สามารถคุยกับเจนได้ และ เจนไม่สามารถคุยกับแบรดได้ เพราะว่าคนนี้ไม่อนุญาติ เรื่องแบบนี้มันไม่เกิดขึ้น แค่การแต่งงานมันไม่ค่อยเวิร์ค"
"และทันทีหลังจากที่เราแยกทางกัน เราต่างก็เดินต่อไป และเราก็ยังคุยกันได้ยาวนานขึ้น และคุยกันได้หลายสิ่งมากขึ้น และนับตั้งแต่นั้นเราก็มีแต่ความรัก ความอบอุ่น ความเคารพในกันและกัน"
"ใครก็ตามที่บอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะคงอยู่ตลอดไป นั่นก็เพราะเขาตั้งความหวังไว้ให้คุณสูงมาก มันเป็นแรงกดดันมหาศาล และฉันคิดว่าถ้าคุณผลักดันแรงกดดันเหล่านั้นมาใส่ตัวฉัน นั่นก็เป็นเพราะฉันทำตัวฉันเอง!"
"เทพนิยาย! มันจะมีคนที่ใช่! มันไม่มีทางทำได้อย่างนั้นหรอก"
และเพื่อเป็นการปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่สาวอาภัพรัก และการที่ใครต่อใครมองเธอเป็นเช่นนั้นเธอรู้สึกว่าเธอไม่เชื่อในเรื่องโชคของความรัก "แค่เพราะว่าชีวิตของฉันไม่ได้เดินไปในแบบคนทั่วไปที่ต้องมีสามี มีลูก 2 คน และมีบ้านอยู่ในคอนเนกติกัต ก็นั่นมันชีวิตฉัน ประสบการณ์ของฉัน และถ้าคุณไม่ต้องการหนทางในแบบของฉัน ก็หยุดสิ! ไม่ต้องมอง เพราะว่าฉันโอเค ฉันรู้สึกดี และไม่ได้รู้สึกว่าฉันจะได้รับการสนับสนุนต่อไปหรือบางทีอาจจะไม่ ฉันแค่สนับสนุนในสิ่งที่ฉันเป็น"
นอกจากนั้นในส่วนของวินซ์ วอห์น อดีตแฟนเก่าของเธอ เธอก็ได้กล่าวถึงเขาว่า "เขาคือผู้ที่ทำให้ฉันกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ฉันหัวเราะอ้าปากค้างได้เป็นครั้งแรก มันเจ๋งมาก ฉันรักเขา เขาทั้งน่ารักและตลก และช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันเพอร์เฟ็กต์มาก"
และข่าวดีที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องที่เธอกลับมาคืนดีกับแม่ของเธออีกครั้ง หลังจากที่เธอและแนนซี แม่วัย 73 ปี ไม่ได้พูดคุยกันมานานหลายปี
ก่อนจะพูดถึงผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเธออย่าง "Marley & Me" และ "He's Just Not Into You" ที่ดูเหมือนว่างานนี้เธอจะลบคำสบประมาทของใครต่อใครพร้อมแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นสาวที่ลัคกี้อินเกมและลัคกี้อินเลิฟด้วยในคราวเดียว