ในภาพยนตร์ของ"เจนนิเฟอร์ อนิสตัน" และ "คาเมรอน ดิแอซ"2นักแสดงสาวชั้นนำของวงการฮอลลีวูดดูเหมือนส่วนใหญ่จะจบลงอย่างแฮปปี้ หากแต่ทำไมในชีวิตจริงความรักของเธอทั้งคู่ถึงไม่จบลงอย่างสวยงามเฉกเช่นในบทละครบ้าง
ทั้งเจนนิเฟอร์ อนิสตัน และ คาเมรอน ดิแอซ ต่างก็ขึ้นชื่อว่าสวย, เซ็กซี่, ตลก และยังเป็นนักแสดงสาวค่าตัวแพงของวงการฮอลลีวูด แต่น่าเศร้าที่ชีวิตรักของเธอไม่สวยงามเหมือนคนทั่วไปถ้ามีการเข้าชิงออสการ์สาขา "Loser In Love" เป็นไปได้ทีเดียวที่ใครคนหนึ่งในสองสาวจะถูกเลือกให้ได้รับรางวัลนี้
เส้นทางรักของสองสาวต่างดำเนินไปด้วยความสัมพันธ์ที่แตกหัก และล่าสุดยิ่งถูกพูดถึงมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อสองสาวต่างสลับอดีตคู่ควงกันใช้ ส่งให้เห็นว่าหลายๆอย่างบนเส้นทางรักคงไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนอย่างที่คิดไว้
เจนนิเฟอร์ หรือ "เจนผู้น่าสงสาร" เธอเป็นที่รู้จักและโด่งดังที่สุดเมื่อเธอเลิกรากับแบรด พิตต์ และเธอก็เพิ่งกลับมาเป็นโสดอีกครั้งหลังจากที่เลิกรากับ จอห์น เมเยอร์นักดนตรีหนุ่มอดีตคู่ควงของสาวคาเมรอน วัย 30 ปี โดยที่เขาให้เหตุผลง่ายๆถึงการแยกทางว่าเป็นเพราะทั้งคู่มีชีวิตที่แตกต่างกัน
ทางด้านความสัมพันธ์ของสาวแคมมี่กับพอล สคัลเฟอร์ อดีตแฟนนายแบบของเจนนิเฟอร์ วัย 37 ปี ก็ต้องร่วงกราวลงพื้นอีกครั้ง เมื่อสาวที่กลัวชีวิตคู่อย่างเธอเพิ่งปฏิเสธแผนบินไปอังกฤษเพื่อพบพ่อแม่ของแฟนหนุ่ม และเพิ่งหยุดแผนเที่ยวมัลดีฟส์ในช่วงวันหยุดลงกระทันหันด้วย
สำหรับสองสาวที่มีอายุเฉียดเลข 4 กันแล้ว ต่างก็ช่วยไม่ได้ที่จะหยุดเวลาไม่ให้หมุนไปแต่ก็หยุดวิวัฒนาการทางด้านร่างกายไม่ให้เสื่อมไว้ได้ เช่นสาวเจนที่ครั้งหนึ่งเคยจะเก็บไข่ตนเองแช่แข็งไว้เพื่อไม่ให้ฝ่อไปก่อนตามเวลาเพราะเธอเองก็อยากมีลูกของตนเองเช่นกัน หลังประสบปัญหาชีวิตคู่ด้วยเหตุผลหนึ่งของสาวเจนนั่นคือยังไม่อยากมีลูก
ทำไมกันที่สองสาวสวยและประสบความสำเร็จขนาดนี้ถึงยากที่จะหาคนที่ใช่ให้กับตนเองได้เสียที??
ความเจ็บปวดที่ได้รับจากอดีตคนรัก
ทั้งเจนและแคมมี่มักจะตกเป็นข่าวให้ได้อายทุกครั้งจากพฤติกรรมนอกใจและสัมภาษณ์บางอย่างของบรรดาหนุ่มๆที่เธอหลงรักหัวปักหัวปำ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทำให้ทั้งสองสาวยากที่จะเชื่อใจในบรรดาแฟนใหม่ของเธอโดยสิ้นเชิง
3 ปีหลังจากแบรด พิตต์ ทิ้งเจนไปหาแองเจลินา โจลี สาวที่มีอายุอ่อนกว่าเธอถึง 6 ปี ทำให้เจนรู้สึกขมขื่นเล็กน้อย
"มันเป็นเรื่องยากสำหรับเจนที่เธอจะมองข้ามเรื่องแบรดกับแองเจลินา เมื่อเธอไม่สามารถหนีพวกเขาได้เลย" แหล่งข่าววงในของฮอลลีวูดกล่าว
"พวกเขาต่างก็มีลูกด้วยกันเพิ่มอีกแล้วยังช่วยเหลือชาวโลก เจนนิเฟอร์ยังไม่อาจทนได้นะกับการเผชิญหน้ากันระหว่างเธอกับแบรดและแองจี้ มีครั้งหนึ่งเธอรู้สึกแย่มากเมื่อดูเหมือนว่าเธออาจจะต้องเจอกับพวกเขาในปาร์ตี้รางวัลออสการ์แต่โชคดีที่พวกเขาถอนตัวไปเสียก่อน"
ทางด้านสาวคาเมรอน ก็เศร้าใจพอๆกันเมื่ออดีตแฟนหนุ่มรุ่นน้องของเธออย่างจัสติน ทิมเบอร์เลกที่ควงกันมานานถึง 4 ปีต้องล้มเหลวเจ็บปวดเช่นเดียวกับที่แบรดทำกับเจนนิเฟอร์ เพราะเพียงแค่ 3 เดือนหลังการเลิกรากันเขาก็ควงสาวใหม่คือ เจสสิกา เบียล และตอนนี้ถึงขั้นพูดเรื่องแต่งงานกันแล้ว โดยแคมมี่เคยโกรธสุดๆเมื่อครั้งได้ยินว่าจัสตินและเจสสิกาอยู่ด้วยกันในงานเลี้ยง จนทำให้เธอพุ่งตรงไปยังจัสตินและมีปากเสียงกันใหญ่โตจนกลายเป็นข่าวดังเมื่อครั้งงานปาร์ตี้รางวัลลูกโลกทองคำเมื่อปี 2007 เพราะครั้งนั้นแคมมี่ฉุนขาดมีปากเสียงกับจัสตินนานถึง 40 เลยทีเดียว
เลิกยุ่งกับหนุ่มแบดบอย
ยากที่จะจินตนาการทีเดียวหากเปรียบเทียบว่าหนุ่ม 3 คนที่ผ่านมาของสาวเจนและแคมมี่คนไหนเหมาะที่จะหลงหลักปักฐานด้วยเพราะทั้ง วินซ์ วอห์น, พอล สคัลเฟอร์ และ จอห์น เมเยอร์ ต่างก็ขึ้นชื่อเรื่องสาวๆทั้งนั้น แถมยังชื่นชอบการออกปาร์ตี้เป็นอย่างมากด้วย
เมื่อครั้งที่พวกเขาปรากฏตัวเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ตามหน้าหนังสือกอสซิปต่างๆระหว่างออกเดตกับสองสาวโสดชื่อดังระดับโลก ดูเหมือนว่าสิ่งที่น่าสนใจที่สุดของข่าวคงอยู่ที่การคบกันแบบสนุกของพวกเขามากกว่าการปั๊มลูก
แล้วทำไมสองสาวถึงยังคงสานสัมพันธ์รักกับหนุ่มๆที่ไม่ใช่อยู่ร่ำไป?
"ส่วนหนึ่งของปัญหาคือผู้ชายเหล่านั้นมักจะเป็นประเภทที่มั่นใจและเชื่อมั่นในตนเองจนกล้าที่จะเดินเข้าไปถามเชิญชวนผู้หญิงอย่างเจนนิเฟอร์และคาเมรอนออกเดตได้ พวกเธอทั้งสวยทั้งประสบความสำเร็จซึ่งเรื่องพวกนี้ทำให้หนุ่มๆหลายคนขยาดและไม่กล้าเข้าใกล้แล้ว"
"ดังนั้นตามปกติแล้วผู้ชายชนิดที่กล้าพูดคุยกับผู้หญิงแบบพวกเธอต้องเป็นหนุ่มที่มั่นใจในเสน่ห์ของตนเองอย่างเต็มเปี่ยมและมีวิธีที่จะทำให้ผู้หญิงชอบได้ง่ายๆ"
ยังไม่สมบูรณ์ และ ยังไม่มั่นคง
เพื่อนๆของสองสาวระบุว่าถึงอย่างไรพวกเธอก็ยังคงดึงดูดหนุ่มๆที่ไม่เหมาะกับพวกเธออยู่ตลอดคงเป็นเพราะชอบหนุ่มที่ดูดีมากกว่าจะดูหนุ่มๆที่เข้ากับเธอได้
"ความสิ้นหวังของเจนที่จะหาคู่รักและคนที่จะลงหลักปักฐานนั่นหมายถึง เธอมักจะชื่นชอบหนุ่มหน้าตาดีที่กล้าเข้ามาชวนเธอออกเดตก่อนมากกว่าที่จะประเมิณค่าโดยรวมว่าเขาดีพอและเหมาะเป็นคู่ชีวิตกับเธอหรือไม่" แหล่งข่าวในแวดวงฮอลลีวูดกล่าว
"เธอจะกังวลกันอยู่ตลอดเวลาในเรื่องรูปร่าง และความสามารถทางด้านการแสดง แต่ก็ไม่ใช่ความลับเมื่อท้ายสุดแล้วเป้าหมายของเจนในความสัมพันธ์แต่ละครั้งก็คือการแต่งงานและมีลูก รับประกันได้จากผู้ชายส่วนมากที่มักจะวิ่งหนีเมื่อถึงจุดนั้น"
ทางด้านสาวแคมมี่ที่ยืนยันว่ารักชีวิตโสดมาก แต่เธอก็ยังชื่นชอบที่จะเก็บหนุ่มๆไว้ในอ้อมแขน เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะไม่กลับไปเจ็บเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้ง"
"คาเมรอนดูเหมือนผู้หญิงที่ยังไม่โต เพราะเมื่อใดที่ชายหนุ่มพูดจริงจังกับเธอเรื่องชีวิตคู่ เธอมักจะรู้สึกจั๊กจี๋ และเมื่อใดที่ได้ยินเธอคุยคุณจะต้องคิดว่าเธอเป็นสาว 17 ไม่ใช่สาว 35 อย่างแน่นอน"
คาเมรอนมีแนวโน้มที่จะมีอาการทางประสาทเมื่อเธอยอมรับว่าเจ็บปวดกับอาการ OCD เธอล้างมือและถูพื้นในบ้านเธอวันละหลายๆรอบ และชอบที่จะเปิดหน้าต่างด้วยข้อศอก ซึ่งมันมีผลโดยตรงต่อสมรรถภาพของเธอในเรื่องความสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอสารภาพว่า "ฉันไม่ได้กลัวพวกเชื้อโรคหรอกนะ ฉันแค่ระวังไว้เฉยๆ ฉันไม่ได้จะไปเปลี่ยนแปลงคนอื่นให้เป็นแแบฉันหรอกนะ ยกเว้นตัวฉันเองเท่านั้นแหละที่รู้จักพวกมันเป็นอย่างดี"
อย่างไรก็ตามทั้งสองสาวก็ยังคงมุ่งมั่นและยังไม่เข็ดกับความรัก แม้พวกผู้ชายจะทำให้สองสาวใจสลายแต่พวกเธอก็จัดการปัดความรู้สึกเหล่านั้นออกไปและพยายามลองค้นหาความรักครั้งใหม่ต่อไป แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ที่เจ้าหญิงฮอลลีวูดเหล่านี้จะต้องจูบกบอีกสักกี่ตัวเผื่อจะได้เจอกับเจ้าชายตัวจริงเพื่อให้ความรักของพวกเธอจบลงอย่างสวยงามเหมือนในเทพนิยายเสียที
เจนนี เทรนท์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องความสัมพันธ์ระบุให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้ว่า
"ผู้หญิงมักจะสนใจหนุ่มๆที่รูปร่างหน้าตาของเขาในช่วงปีแรกๆที่คบกันมากกว่าแม้ว่าพวกเขาจะไม่เหมาะกับเธอก็ตาม"
"พวกเธอก็เหมือนกับเราๆ ที่ยังคงตามหาคนที่ใช่โดยหวังว่าผู้ชายคนนั้นจะเข้ามาเติมเต็มและทำให้ชีวิตของพวกเธอสมบูรณ์ขึ้น ดูเหมือนว่าเจนและคาเมรอนต่างก็มีพร้อมในทุกๆสิ่งแล้วยกเว้นก็แต่ผู้ชายเพอร์เฟ็กต์ และยังคงที่จะตามหาคนรักที่ทำให้ชีวิตของพวกเธอรู้สึกสมบูรณ์ที่สุด"
"อย่างไรก็ตาม ในขั้นแรกพวกเธอต้องรับมือกับพวกปิศาจทั้งหลาย มากกว่าจะไปคาดหวังว่าคนที่ใช่จะเป็นคนที่ช่วยซ่อมแซมชีวิต และพวกเธอจะต้องเลิกกดดัน เพราะคนที่ใช่จะมาหาคุณทันทีเมื่อคุณเลิกตามหาเขา"