"วิศาล" สับ "ชูวิทย์" ป่าเถื่อนใช้ความรุนแรง บอกคนมีการศึกษาไม่ทำกัน เผยโดนต่อยหลังลงจากเวทีแต่ไม่ตอบโต้ บอกจะฟ้องแพ่งให้ถึงที่สุด แต่หากอีกฝ่ายมาขอโทษก็ยินดีให้อภัย แต่ไม่ยอมความ ด้าน "ชูวิทย์" เอ่ยขอโทษศอกคู่กรณีจริง แต่ไม่ขอโทษ สับเป็นสื่อไม่มีจรรยาบรรณก่อน ด้าน "ลีน่า จัง" ได้ทีบอกไม่รู้จักควบคุมอารมณ์โผล่ให้กำลังใจวิศาลถึงโรงพัก
เกิดเหตุโกลาหลขึ้นเมื่อช่วงประมาณ 12.40 น. ที่ผ่านมาที่ห้องส่งข่าวช่อง 3 เมื่อผู้ประกาศข่าวช่อง 3 "วิศาล ดิลกวณิช" ผู้วิเคราะห์ข่าวช่อง 3 เชิญผู้สมัครผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร เบอร์ 8 นาย "ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์" มาออกรายการ "เที่ยงวันทันเหตุการณ์"ในช่วงโค้งสุดท้ายของการของการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ที่จะมาถึงในวันที่ 5 ต.ค. นี้ เบื้องต้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะถ่ายทำรายการเองนายชูวิทย์ก็มีอาการไม่พอใจแล้วในคำถามหลายคำถาม และมีการถามถึงจุดเด่นจุดด้อยในการลงสมัครครั้งนี้ รวมทั้งคำถามที่ว่าทำไมป้ายของชูวิทย์ถึงเปลี่ยนไป ดูเคร่งเครียดขึ้น นายชูวิทย์มีอารมณ์โกรธอย่างชัดเจน และทันทีที่จบรายการ นายชูวิทย์มุ่งตรงเข้าต่อยนายวิศาลทันที ล่าสุดนายวิศาลได้เข้าตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
ล่าสุด นายวิศาลได้เข้าแจ้งความที่สน.ทองหล่อแล้ว โดยยืนยันก่อนเข้าบันทึกประจำวันว่าอีกฝ่ายยอกย้อนในการตอบคำถามและต่อยตนจริง แฉอีกฝ่ายยอกย้อน และหัวเสียมาจากที่อื่น
"ผมนัดคุณชูวิทย์ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แล้วก็ได้สัมภาษณ์ผู้สมัครท่านอื่นไปหมดแล้ว ก็มีคุณประภัทร์ อภิรักษ์ ดร.แดน ก็เหลือคุณชูวิทย์คนเดียว ก็คุยกันก่อนว่าจะถามเรื่องนโยบาย เรื่องปากท้องของประชาชน ก่อนเข้ารายการก็ได้นัดคุย ว่ามีนโยบายอะไรโดดเด่น ให้กับประชาชนก่อนเข้ารายการ คุณชูวิทย์ก็คือพูดเร็ว พูดแรง ผมก็พูดปกติ แต่บรรยากาศมันชวนทะเลาะ ตั้งแต่เข้ารายการแล้ว คุณชูวิทย์คุยว่าผมเพิ่งไปตรวจสอบเรื่องบีอาร์ที แล้วก็โรงฆ่าสัตว์ เรื่องกทม. คุณชูวิทย์บอกว่าไม่คุยเรื่องนโยบาย ใครๆก็พูด ผมจะเข้าไปสะสางเรื่องความไม่โปร่งใส ความไม่สะอาด ความทุจริต เป็นต้น"
"อ่าว ตกลงไม่คุยเรื่องนโยบาย คนอื่นเขาคุยกันนะ เดี๋ยวจะเสียเปรียบ ก็เลยบอกคุณชูวิทย์ว่ามันอยู่ที่คุณชูวิทย์ถ้าคุณไม่พูด เดี๋ยวจะเสียเปรียบนะ ก็แล้วแต่คุณ ผมก็เตรียมตัวเข้ารายการ พอก่อนเข้ารายการผมก็นั่งเก้าอี้ ก่อนออนแอร์2 นาที ถามคุณชูวิทย์ว่าป้ายหาเสียงที่มีกล้องส่องทางไกล ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แล้วมีคำบรรยายว่าปัญหาอยู่ทีไหน ชูวิทย์ไปที่นั่น ทำไมป้ายนั้นกับป้ายล่าสุดไม่เหมือนกัน ทำไมป้ายใหม่ดุสุขุมเรียบร้อย เขาก็ตอบว่าต้องปรับภาพลักษณ์คู่กับอภิรักษ์ ก็คุยกันประเด็นเหล่านี้ ซึ่งสาธารรชนเขาก็รู้เรื่องป้าย เขาก็รู้อยู่แล้ว ว่าเดี๋ยวผมจะจับเรื่องป้าย ปรากฏว่าพอเข้ารายการจริงปั๊บ เมื่อเช้าคุณชูวิทย์ไปยื่นหนังสือให้กับปปช.ตรวจสอบเรื่องรถดับเพลิงคุณอภิรักษ์"
" ก็ถามว่าไปยื่นหนังสือจุดประสงค์เพื่ออะไร เขาก็บอกว่าต้องตรวจสอบเพราะเป็นเงินภาษีของประชากร ผมก็ถามว่าก่อนสมัครผู้ว่าทำไมไม่ไปยื่น ไปยื่นตอนนี้ ไปดิสเครดิตคุณอภิรักษ์หรืออย่างไร แกบอกแกต้องตรวจสอบ ทีนี้ก็พูดมีอารมณ์ พูดเร็ว แรง และหยาบเวลาพูดเร็วผมก็ฟังไม่ทัน ผมก็ต้องคอยเบรค เบรคไม่พอ เพราะคำพูดของชูวิทย์บางเรื่องล่อแหลม พาดพิงถึงคนอื่นเขาเสียหาย เขาเสียคะแนนนิยม เข้าข่ายล่อแหลมกกต. เราก็โดนสอบ ผู้สมัครคนอื่นไม่มีใครพาดพิงคนอื่นเลย พูดแต่นโยบายของคนอื่นเท่านั้น คุณชูวิทย์เป็นผู้สมัครคนเดียวที่ออกแนวประมาณนี้"
"ผมคุยรายการเวลามี 15 นาที ต้องควบคุมทั้งประเด็นและเวลา บางทีพูดนอกเรื่องผมก็ต้องดึงเข้ามาในเรื่อง ถือเป็นหน้าที่ ถ้าไปดูเทปผมให้โอกาสว่าก่อนหน้านี้ คุณชูวิทย์ไม่พูดนโยบายใช่มั้ย คุณจะพูดเรื่องตรวจสอบ พอสัมภาษณ์จริง เขาเปลี่ยนใจ ผมจะพูดนโยบายก็ได้ ก็เลยถามอ้าว มีนโยบาย มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องปากท้องเป็นอย่างไร ถ้าแกตอบเหมือนคุณประภัทร์ เหมือนคุณอภิรักษ์ ดร.แดน ตามเนื้อผ้าแล้วประชาชนได้ประโยชน์ที่สุด ไม่มีปัญหา แต่เวลาแกตอบชวนหาเรื่องผม ซึ่งผมไม่มีอคติกับแกเลย"
" ผมให้โอกาสชี้แจงนโยบายแต่แกไม่ชี้แจง คุณชูวิทย์ก็หงุดหงิดมาชวนทะเลาะกับผม ผมต้องควบคุมเวลา ควบคุมเนื้อหาอีก แล้วชวนผมทะเลาะต่อเนื่อง ใช้คำถามยอกย้อนกวนประสาท ผมไม่ว่าอะไร แต่เสียดายเวลา แทนที่ชาวบ้านจะได้รู้ว่าแก้ปัญหาอะไร กลายเป็นหาเรื่องทะเลาะ ในระหว่างออกอากาศตอนท้าย ในฐานะที่เป็นสื่อผมก็ระวังไม่ไปพาดพิงบุคคลที่สาม สองซักถามให้ชาวบ้านเห็นข้อเท็จจริงทุกด้าน เลยถามว่าไปยื่นปปช.เป้าหมายเพื่ออะไร เป็นหน้าที่ของสื่อมวลชนรับรองสิทธิในรัฐธรรมนูญต้องตรวจสอบ เขาจะเข้ามาเป็นนักการเมือง ก็ถามตรงๆไปสไตล์ผม เขาก็เลี่ยงไปเลี่ยงมา"
"สุดท้ายถามเรื่องป้ายก็ย้อนกลับอีกชวนทะเลาะ ยอกย้อนก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะว่าการปรับป้ายเนี่ยมันคือการปรับกลยุทธ์ ใครๆก็ปรับป้ายหาเสียง เขาก็ไม่ยอมตอบยอกย้อน ถามคำถามผม ก็เลยบอกแกตอนแรกตอบผมก่อนเข้ารายการว่า ปรับเพื่อสู้คุณอภิรักษ์ ทำไมข้างหลังรายการเอามาคุย เราก็อ้าว ตัวตนของชูวิทย์หน้ากล้องกับหลังกล้องเหมือนกันหรือเปล่า เพราะเท่าที่ผมคุยไม่ได้คุยเป็นความลับ ทีมงานคุณชูวิทย์ก็อยู่ ทีมงานในกล้องสตูก็อยู่ ไม่ได้ตกลงว่าเป็นความลับ ถามตรงๆเรื่องป้ายก็ไม่ได้เสียหายอะไร แล้วมาระเบิดอารมณ์เขาก็มีปะทะเสร็จผู้กำกับบอกเลยเวลากินเวลาคนอื่น"
บอกไม่เคยคิดตอบโต้ เพราะไม่มีนิสัยอันธพาล ด่ากลับคนมีสติปัญญาไม่ทำเหมือน "ชูวิทย์" บอกไม่เคยรู้จักหรือบาดหมางกันมาก่อนแต่อย่างใด
"พอเสร็จผมก็เดินลงจากฉากถอดไมค์ออกจากรายการไป หลังกล้องสตู คุณชูวิทย์ถอดไมค์เสร็จปั๊บ ผมหันหน้ามายังไม่ทันไรเลย ตรงเข้ามาต่อยผมแล้วเอาศอกกระแทกเต็มๆที่ตรงนี้ (นิ้วชี้ที่กกหู) โดนกดหัวและท้ายทอย ผมล้มลงเลยเพราะเขาตัวใหญ่ ศีรษะฟาดพื้น หูด้านขวากระแทกพื้น เอาขากระทืบหลังผม แล้วกระทบขาผมอีกที น้องทีมในสตูแยกผมส่วนทีงานคุณชูวิทย์ก็ช่วยกันแยกคุณชูวิทย์"
" ผมไม่ตอบโต้ ผมไม่ใช่คนเถื่อน ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ใช้กำลัง ผมไม่ได้มีนิสัยอันธพาลนักเลง สามัญชนคนมีการศึกษาเขาทำ ผมก็ทำหน้าที่ของผมก็ไปตรวจร่างกายไปโรงพักตามเรื่องของผม และอาจจะฟ้องแพ่งถ้าเป็นไปได้ อย่างน้อยต้องเรียนรู้บทเรียนไม่ใช่วิสัยคนมีสติปัญญาทำคุณชูวิทย์ต้องเปรียบเทียบกับผู้สมัครคนอื่น เขารุนแรงเหมือนคุณกันมั้ย เขาสู้ด้วยเนื้อหาประเด็นเนื้อหาความคิดใหม่ คุณสู้ด้วยอะไร ผู้สมัครท่านอื่นมีนิสัยนักเลง อันธพาลแบบนี้หรือเปล่า ผมก็รักษาสิทธิ์ไม่ตอบโต้ ดำเนินคดีไปแจ้งความแล้วเจอกันที่ศาล"
"ไม่เคยเจอกันมาก่อนเลย สัมภาษณ์ครั้งนี้ครั้งแรก ไม่มีอคติ ไม่เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน เพิ่งเห็นที่นี่ครั้งแรก หลังเกิดเหตุทีมงานของคุณชูวิทย์มาไหว้ขอโทษผม บอกคุณชูวิทย์ทำแบบนี้ไม่ถูก เพื่อนสนิทของคุณชูวิทย์ก็มาบอกว่าคุณชูวิทย์ทำผิดเต็มๆ ถ้าดูในคำสัมภาษณ์ทีมงานเขาสองท่านที่คุยกับผม บอกว่าผมพยายามให้โอกาสคุณชูวิทย์ ถามในทัศนคติที่ดีด้วยซ้ำไป แต่เขามาทำแบบนี้ก็ไม่ไหว แต่ว่าก่อนออกรายการอารมณ์ก็เหมือนคนหัวเสียไปจากไหนมา พูดด้วยดีๆก็กระแทกแรงๆ"ยันเอาเรื่องถึงที่สุด เพราะคดีอาญายอมความไม่ได้ เตรียมฟ้องแพ่งอีกคดี เหน็บสมัครเป็นพ่อเมืองมีนิสัยแบบนี้จะเป็นได้อย่างไร
"ผู้ใหญ่ฝ่ายข่าวบก.ดูแลผมเต็มที่ คดีอาญายอมความไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาทำร้ายร่างกายคนอื่น กฎหมายรับรองไว้ แต่ถ้ามาขอโทษผมยินดีให้อภัย เป็นคนไม่ผูกใจเจ็บ ถ้ามาขอโทษก็อภัยกัน แต่กฎหมายก็ต้องดำเนินต่อไป คุณชูวิทย์ต้องมีบทเรียน คนจะปกครองบ้านเมืองมีวุฒิภาวะแบบนี้ คุณคิดต่อแล้วกัน ไม่รู้จะว่าอย่างไร"
หลังชี้แจงกับสื่อมวลชนเสร็จ ผู้สมัครผู้ว่ากทม.อีกราย "ลีน่า จังจรรจา" บอกเดินทางมาให้กำลังใจนายวิศาล ได้ทีด่ากลับ "ชูวิทย์" ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ เหน็บทำร้ายสื่อไม่ใช่ฮีโร่อาจตกกระป๋องเหมือนสมัคร
"ที่มาเนี่ยมาให้กำลังใจวิศาลเป็นสื่อที่มีจรรยาบรรณที่ดี ไม่สนับสนุน ขอประณามการกระทำของชูวิทย์ คุณอาสามาเป็นพ่อเมืองแต่ไม่ควบคุมด้านอารมณ์ อยากเรียกร้องให้มากราบขอโทษ และชดใช้ค่าเสียหายและมามอบตัว ถ้ามาขอโทษ ชูวิทย์สร้างกระแสมั้ย คงไม่ใช่การสร้างกระแส การทำร้ายสื่อถือว่าสอบตก เหมือนคุณสมัครชอบทะเลาะกับสื่อตกกระป๋องไปแล้ว การทำร้ายคนเป็นการก่ออาชญากรรมถือเป็นผู้ร้ายไม่ใช่ฮีโร่"
อย่างไรก็ฝ่ายของนาย "ชูวิทย์" ก็ออกแถลงข่าวเช่นกัน โดยยืนยันว่าตอนรับผิดที่ทำรุนแรงต่อนายวิศาล แต่จะไม่ขอโทษต่อการกระทำที่นายวิศาลถามตนบนเวที เพราะไม่ให้เกียรติตน และจะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากตนไม่ได้รับเกียรติจากผู้ประกาศข่าวชื่อดังก่อน
สำหรับวิศาล นั้นนับว่าเป็นนักวิเคราะห์ข่าว วัย 38 ปี จบการศึกษาปริญญาตรีจาก ภาควิชาวิทยุโทรทัศน์ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท เศรษฐศาสตร์มหาบัณฑิต และ MBA เคยปฏิบัติงานประวัติการทำงานในฝ่ายผลิตรายการนอกสถานที่ ที่ ไอบีซี เคเบิลทีวี ผู้สื่อข่าววิทยุ ศูนย์ข่าวแปซิฟิก รอ.1-1008 นักข่าวสายเศรษฐกิจและไอที ที่สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ปัจจุบัน อาชีพนักข่าวอิสระ วิเคราะห์ข่าวในรายการ “เช้าวันใหม่” กับ “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” ของช่อง 3 และ รายการ “บ่ายนี้มีคำตอบ” ทางช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ ทีวี อีกทั้งเปิดบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ บริษัท เมไก แมส มีเดีย ปัจจุบันแต่งงานแล้วกับ สินีนาฏ คุปตภากร
ด้านบอสใหญ่วิก 3 "ประวิทย์ มาลีนนท์" เผยตกใจเพิ่งทราบข่าวจากทีวีในขณะที่กำลังนั่งรถไปร่วมงาน "เปิดวิกบิ๊ก 3" ครั้งที่ 2 ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน บอกไม่คาดคิดมาก่อนจะมีเหตุการณ์ผู้ร่วมรายการทำร้ายผู้ดำเนินรายการ ยัน "วิศาล" ทำหน้าที่ถูกต้องแล้ว
"เขาเคลียร์ทางหน้าจอไปแล้วใน "เรื่องเด่นเย็นนี้" เมื่อกี้เพิ่งนั่งดูข่าวในรถ ไม่คิดว่าจะมีเกิดแบบนี้ขึ้น ไม่ทราบเรื่องเลยก็เห็นจากในข่าวต่างคนต่างฝ่ายได้พูดแล้วแหละ ไม่ต้องเรียกเขามาคุยต่างคนต่างทำหน้าที่ได้ถูกแล้ว ก็ตกใจไม่น่ามี ยังไม่ได้ถามวิศาลเเลย วันนี้ผมออกไปข้างนอกทั้งวันมือถือก็ไม่ได้เอาไป เพิ่งได้เห็นข่าวตอนนั่งรถมานี่แหละ"
แจงการสัมภาษณ์สไตล์ตรงไปตรงมาเป็นบุคลิกเฉพาะตัว ไม่มีการสัมภาษณ์แบบรุนแรง
"ก็เป็นปกติแกก็สัมภาษณ์แบบนี้ทุกวัน พอดีวันนี้เท่าที่เห็นเขาสวนกันไปสวนกันมาอาจเวลาน้อยต่างคนต่างพูดกลายเป็นลักษณะโต้แย้งกันแต่จริงๆ ไม่น่ามีอะไรหรอก เขาจะดำเนินการยังไงเป็นเรื่องของเขาแล้วครับ จริงๆ ไม่น่าใช้กำลังกันไม่น่าเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น เราไม่เคยคิดว่าจะเกิดลักษณะแบบนี้ขึ้น คราวหลังต้องระวังตัวหน่อยแล้วกัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก"
ชมคลิปรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ 2 ต.ค. 2551 ต้นเหตุชูวิทย์ก่อเหตุทำร้ายร่างกายพิธีกรช่อง 3