"อ๊อด โอภาส" ประกาศตัวเชียร์พันธมิตร กระโดดขึ้นเวทีฯ ลั่นไม่อยากให้คนไม่ดีปกครองบ้านเมือง สับแหลก คนที่จาบจ้วงเบื้องสูงคือกบฏแผ่นดิน พร้อมวอนคนไทยออกมาช่วยกันปกป้องก่อนที่บ้านเมืองจะหายนะ
ฮือฮาทีเดียว สำหรับการก้าวมาเป็นแนวร่วมกู้ชาติกับพันธมิตรฯ ด้วยการขึ้นร้องเพลงให้กำลังใจผู้ชุมนุมในช่วงต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ของ "อ๊อด โอภาส ทศพร" อดีตนักร้องนำวง "บรั่นดี" ที่เคยโด่งดัง และเป็นอดีตสามีของนักแสดงหญิง "แก้ว อภิรดี ภวภูตานนท์"
โดยเจ้าตัวเผยถึงสาเหตุที่ปล่อยเวลาให้เนิ่นนานก็เพราะต้องกรองข่าวสารให้ดีก่อนจะตัดสินใจเลือกข้าง บอกต้องออกมาเพราะรับไม่ได้กับความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลหลายๆ เรื่อง อีกทั้งยังรู้สึกเจ็บปวดกับเหตุการณ์จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซัดเป็นพวกกบฏ
“ผมมากับโครงการ We Love The King We Love Thai Land แล้วส่วนตัวก็รู้จักกับพี่หรั่ง เพราะก่อนหน้านี้ไปเล่นคอนเสิร์ตด้วยกัน แต่เป็นงานส่วนตัวไม่เกี่ยวกับคอนเสิร์ตของพันธมิตร อยากมาก็เลยโทรหาพี่หรั่งขอมาด้วยคน อยากมาเชียร์ พี่เขาก็บอกว่ารีบมาเลยอ๊อด ผมก็บอกไปว่ามาวันนี้เลยนะ”
“จุดประสงค์พวกเราคืออยากปลูกจิตสำนึกให้คนไทยรักในหลวงให้มากขึ้น รักประเทศไทยให้มากขึ้นอีก ผมดูเอเอสทีวีมาตลอด ถึงจะไม่ได้มาที่นี่ก็ตาม มีความรู้สึกว่าอยากมาให้กำลังใจทุกคน อยากให้ทุกคนแฮปปี้อยากให้ทุกคนรักกัน"
"ส่วนจะเป็นไปได้แค่ไหนนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผมเป็นกำลังใจให้ทุกคนต่อสู้ในเรื่องที่ถูกต้อง ทำในเรื่องที่ถูกต้อง เพราะในระบอบประชาธิปไตยพวกเราคนไทยมีสิทธิออกเสียงและมีความคิดแตกต่างได้ แต่ความถูกต้องไม่ถูกต้องนั้น คนส่วนใหญ่ก็จะเห็นกันเองครับ”
“หลักๆ คืออยากจะมาเชียร์พี่น้องพันธมิตร ผมดูเอเอสทีวีเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่จะดูในเว็บไซต์ ดูมานานแล้วครับ ผ้าสีเหลืองผมยังมีเลยครับ (พร้อมกับหยิบผ้าออกจากกระเป๋ามาให้ดู) แต่วันนี้มาในนามโครงการฯ ก็เลยไม่ได้คาดมา"
"วันนี้ก็ไม่ได้มีใครชวน ผมพูดไม่เก่งได้แต่มาร้องเพลงให้ฟัง อยากให้ทุกคนได้ผ่อนคลาย แล้วก็อยากเป็นกำลังใจให้พันธมิตร ร้องไปสองเพลง เลือกเพลงตัวเองเพราะอยากให้ทุกคนเปลี่ยนบรรยากาศสบายๆ คือเพลงคิดถึงพี่ไหม กับเพลงมนต์รักลูกทุ่ง เพลงแรกเป็นเพลงที่ฟังสบายๆ แต่มนต์รักลูกทุ่งเพราะเห็นภาพบรรยากาศของความเป็นไทย ที่ควรหวงแหนและรักษาไว้”
เผยที่ยังไม่ออกมาแสดงตัวก่อนหน้านี้ ก็เพราะใช้เวลาในการกลั่นกรองข้อมูลข่าวสาร แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าอะไรผิดอะไรถูก คนไหนเป็นคนดีคนไหนเป็นคนไม่ดี จึงได้ก้าวออกมาแสดงจุดยืนของตนเอง ในฐานะประชาชนคนไทยที่มีสิทธิแสดงออกได้ตามระบอบประชาธิปไตย
“ก่อนหน้านี้ที่ไม่มาเพราะดูอยู่หลายอย่าง ว่าที่นี่ทำอะไรกัน เพราะตัวผมเองไม่ได้มีความรู้เรื่องการเมืองอะไรมากมาย เพียงแต่ว่ามองด้วยตาเห็นว่าบ้านเมืองเราเกิดอะไรขึ้น คือผมเองก็ต้องกรองสารก่อนน่ะครับ แต่ ณ วันนี้เราเห็นแล้วว่าอะไรเป็นอะไร"
“ผมไม่แม่นเรื่องการเมือง แต่เราเห็นว่าบ้านเมืองกำลังเกิดวิกฤตอะไร ก็เลยมาแสดงออกในฐานะประชนชนคนหนึ่ง ที่รู้สึกต่อบ้านเมืองนะ นอกจากจะมาในฐานะโครงการฯแล้ว ก่อนหน้านี้ผมได้อ่านพระราชดำริของในหลวง หลายเรื่องโดนใจผมมากๆ"
"โดยเฉพาะเรื่องอย่าให้คนไม่ดีได้ปกครองบ้านเมือง ดูเอาครับ ใครดีไม่ดีดูเอา เห็นๆ อยู่แล้วครับ ไม่ต้องพูดด้วยซ้ำ มองก็เห็นครับ ผมไม่เห็นด้วยหลายเรื่อง อย่างเรื่องการใช้ความรุนแรงผมก็ว่าไม่ถูกต้องนักที่ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้ เรื่องน้ำมันที่แพงขึ้นๆ เพราะมันกระทบกับธุรกิจทุกชนิด"
"จริงอยู่น้ำมันโลกมันขึ้นราคา แต่มันก็น่าจะมีวิธีการที่ทำให้คนระดับล่างไม่เดือดร้อนแบบนี้ เพราะว่าน้ำมันเป็นต้นทุนของทุกอย่าง ไม่ได้บอกว่าน้ำมันห้ามขึ้น ไม่ใช่ เพียงแต่ว่ารัฐบาลจะทำยังไงให้พวกเขาเดือดร้อนน้อยที่สุด ซึ่งผมเชื่อว่ารัฐบาลสามารถทำได้ แต่ไม่รู้ทำไมไม่ทำ"
"หลังๆ เห็นออกนโยบายชั่วคราวมา 6 เดือน แต่ก็โอเค ยังดีกว่าไม่ทำอะไร แต่แค่คิดว่าน่าจะมีทางออกมีทางเลือกที่แก้ระยะยาวที่ดีกว่านี้ รวมถึงความไม่เป็นธรรมหลายๆ เรื่อง สังเกตว่าคนยากคนจนเวลาทำผิดติดคุกอย่างเดียว แต่คนมีเส้นมีสายมีอำนาจมักจะไม่ค่อยติดคุก ไม่ค่อยโดนคดี หรือถ้าติดก็ต่อสู้กันยืดเยื้อยาวนาน อย่างที่เห็นๆ กัน ผมว่ามันไม่ค่อยเป็นธรรม บ้านเมืองไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของคนไทยทุกคน จะรวยอยู่กลุ่มเดียวมันก็ไม่ถูก แล้วคนระดับรากหญ้าจะทำยังไง เค้าก็ต้องกินต้องใช้ ผมห่วงเรื่องปากเรื่องท้องของคนไทยด้วย เรื่องปากท้องสำคัญ"
"จะเห็นว่าตอนนี้จะมีคดีฉกชิงวิ่งราว คดีชิงทรัพย์เยอะแยะมากเลย คนฆ่าตัวตายเพราะธุรกิจล้มเหลว มันสะท้อนให้เห็นว่าบ้านเมืองเราตกอยู่ในสภาวะน่าเป็นห่วง"
ส่วนกับคนที่บังอาจหมิ่นสถาบันเบื้องสูงจะด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ นักร้องคุณภาพขอประณามคนพวกนี้ว่า พวกกบฏ!!...“กบฏครับ เขาทำไม่ถูก ประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เวลาจะแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีจะต้องมีการโปรดเกล้าก่อน ไม่อย่างนั้นตำแหน่งนั้นก็ไม่สมบูรณ์"
"ผมไม่รู้พวกเขาคิดได้ยังไง เราเป็นคนไทยทำไมไม่ภูมิใจในความเป็นคนไทย เวลาไปดูหนังการยืนตรงเคารพในหลวง ยืนตรงเคารพเพลงสรรเสริญฯ หรือตอนเช้ายืนตรงเคารพธงชาติ เป็นสิ่งที่เราคนไทยปฏิบัติกันมายาวนาน ถ้าจะไม่ยืนก็คือพวกฝรั่งที่เขาไม่รู้ เขาไม่เข้าใจ แต่พอเขาเห็นคนไทยลุกเขายังลุกตามเลย"
"คนไทยที่ไม่เคารพผมว่า...กบฏครับ (ยิ้ม) กับคนพวกนี้คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามบทกฎหมาย เพราะการกระทำนี้เป็นเรื่องผิดกฎหมายนะครับ คืออยากให้ระลึกไว้ถ้าปู่ย่าตายายเราไม่รักษา มันจะมีวันนี้ได้ยังไง"
"เราเป็นรุ่นลูกรุ่นหลานต้องรักษาเมืองไทยไว้ ถ้าไม่มีเมืองไทยบัตรประจำตัวไทยก็ใช้ไม่ได้ครับ เพราะไม่อย่างนั้นเราก็ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ เพราะผมดูข่าวศึกษาข้อมูลมา มันมีหลายกระบวนการที่จ้องทำลายเมืองไทยอยู่เหมือนกัน ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าคนไทยรักกัน รักในชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ จริงๆ ไม่มีใครทำอะไรเราได้หรอกครับ"
"ทั้งเรื่องดินแดนเขาพระวิหาร ปัญหาคนไทยกับเขมรจะไม่เกิดเลยครับ ผมว่าโลกนี้อยู่ได้ด้วยความรักนะ ผมอยากให้คนไทยรักกัน ที่มาวันนี้อย่างน้อยๆ ก็หวังว่าทุกคนที่นี่จะมีรอยยิ้มกับเพลงที่เราร้อง เป็นกำลังใจให้กันไป ผมตั้งใจมา ผมมาที่นี่บอกเลยว่าไม่ได้ตังค์ ปกติร้องเพลงที่อื่นเราได้ตังค์นะ แต่มาร้องที่เวทีพันธมิตรเราเสียตังค์นะ (หัวเราะ)”
ลั่นไม่กลัวผลกระทบเพราะไม่ได้ทำในสิ่งที่ผิด พร้อมแสดงทัศนคติถึงจำนวนพันธมิตรที่เพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ ว่าพิสูจน์ความเชื่อที่ประชาชนมอบให้กับเวทีฯ นี้ได้
“ไม่มีอะไรน่ากลัว ผมเป็นคนไทยมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น มีสิทธิที่จะมีความเห็นแตกต่างได้ เรามาแบบนิ่มนวลไม่ได้ใช้ความรุนแรง มาแสดงความคิดเห็นในแบบของผม เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรต้องกลัว เราไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย คนทำผิดกฎหมายต่างหากที่ต้องกลัว ผมไม่ได้อยากมีเรื่องกับใครนะ เพียงแต่เห็นแล้วอยากมาให้กำลังใจ เค้าเหนื่อยนะครับ”
“จำนวนพันธมิตรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันพิสูจน์ความเชื่อได้ เชื่อในสิ่งที่เวทีฯนี้พูดในทุกวันๆ ถ้าไม่มีใครเชื่อจะไม่มีใครมาอยู่ได้นานขนาดนี้ จะไม่มีการรวมตัวได้นานขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นความรักด้วย ถ้าคนไม่รักกันจะมาอยู่ได้ยังไง ถามหน่อยเพราะตรงนี้ฝนตกก็เปียก ร้อนก็ร้อนมาแออัดกันอยู่ กลางวันทุกคนต้องทำงานเหนื่อย พอกลางคืนก็มานั่งกัน มันไม่มีการจ้าง”
“ซึ่งผมก็เห็นแล้วว่ามันเป็นความคิดเห็นทางการเมืองอีกแนวหนึ่ง เป็นเรื่องของพี่น้องร่วมอุดมการณ์ ผมเห็นมีการบริจาคกันอยู่เรื่อย แล้วการบริจาคก็ไม่ได้ไปขอเขามานี่ครับ แต่ประชาชนมีจิตใจจะบริจาคช่วยเหลือกัน เพราะการต่อสู้การทำตรงนี้มันก็มีค่าใช้จ่ายเหมือนกัน"
"ตอนแรกก็งงว่าชุมนุมแบบนี้มันมีค่าใช้จ่าย เขาเอาตังค์จากไหนมาเยอะแยะ เพราะถ้าต้องควักกันเองต้องรวยขนาดไหนถึงจะพอ พอดูข่าวจากเอเอสทีวีถึงได้รู้ว่าเขาบริจาคกันตลอดเลย จากพี่ๆ น้องๆ ร่วมอุดมการณ์ที่มีความคิดเดียวกัน เขาช่วยเหลือกัน ทุกคนไม่มีใครบีบบังคับใครให้บริจาค หรือเมคตัวเลขกัน ไม่บริจาคก็ไม่มีใครไปว่าคุณ ไม่มีการบังคับ”
ส่วนกระทู้ในอินเทอร์เน็ตที่หาว่าเอเอสทีวีมีสภาพไม่ต่างจากทีวีขอทานนั้น เรื่องนี้นักร้องชื่อดังเผยว่า...“ไปขอทานใครล่ะครับ ผมไม่เห็นเอเอสทีวีไปขอทานใคร ก็เห็นยืนด้วยลำแข้งตัวเอง ไม่เห็นมีกะลานะครับ ไม่เห็นมีขันเลย มันเป็นเรื่องของน้ำใจ การรับบริจาค เป็นการรับความช่วยเหลือจากพี่น้องร่วมอุดมการณ์เดียวกันมากกว่า ไม่ใช่การขอทาน"
"มันคนล่ะเรื่อง การต่อสู้การชุมนุมมันมีค่าใช้จ่าย การที่พี่น้องช่วยเหลือกัน มันเป็นเรื่องที่ดีนะครับ อย่างหนึ่งที่ทำให้ผมเชียร์พันธมิตรก็คือ การต่อสู้ของพวกเขาไม่มีการใช้ความรุนแรงเลย แต่กลับเป็นอีกฝ่ายต่างหากที่รุนแรง ซึ่งตรงนี้ผมไม่เห็นด้วย และไม่สนับสนุนวิธีการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ"
"ซึ่งที่นี่เขารวมตัวกันด้วยความสงบ เขาก็ทำได้นะถ้าจะทำ แต่เขาก็ไม่ได้ทำ อยู่ในระเบียบของกฎหมายตลอด แล้วถ้าคนเขาจะช่วยกันมันผิดตรงไหน”
พร้อมบอก การที่คนภายนอกมองว่าพันธมิตรทำให้บ้านเมืองแตกแยกวุ่นวาย และทำให้คนไทยตีกันเองนั้น จริงๆ แล้วมันมีอะไรลึกซึ้งซ่อนอยู่มากกว่าที่สื่อต่างๆ นำเสนอข่าวออกไป
“คือมันมีเรื่องที่ลึกซึ้งกว่านั้น มันไม่ใช่แค่ที่เห็นในข่าวที่เสนอออกไป คนที่มีสื่ออยู่ในมือจะทำอะไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับจรรยาบรรณของแต่ละสื่อ แต่ความจริงเป็นอย่างไรคนอ่านจะกรองได้เอง จริงๆ ต้องดูให้ดีใครเป็นคนทำให้แตกแยก คนเรามีสิทธิคิดแตกต่างได้"
"ขนาดพี่น้องเพื่อนฝูงยังคิดไม่เหมือนกัน แต่มันไม่ได้แปลว่าคนที่คิดไม่เหมือนกันผิดนี่ครับ เมืองไทยเป็นเมืองประชาธิปไตย เรามีสิทธิคิดมีสิทธิทำในสิ่งที่ถูกต้อง ที่อยู่ในกระบวนกฎหมายบ้านเมือง ยังไงก็ตามความรักเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เหมือนกับเราที่มาพันธมิตร ไม่รักกันมาแบบนี้ไม่ได้"
"ไม่รักกันไม่บริจาค ไม่รักกันก็ไม่ทนร้อนทนหนาวอยู่ด้วยกัน ผมเป็นศิลปินถึงอยากมาให้กำลังใจ ถึงอยากมาเชียร์ มาเห็นแล้วอบอุ่นครับ (ยิ้ม)"
ฝากถึงนายทุนที่ใจแคบยกเลิกงานศิลปินดาราที่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เพียงแค่เหตุผลที่กลัวตัวเองจะโดนผลกระทบโดนเช็คบิลไปด้วยว่าทำไม่ถูกต้อง พร้อมยังบอกอย่างกล้าหาญว่า ทำในสิ่งที่ถูกต้องจะต้องกลัวอะไร
“มันก็ไม่ถูกต้อง ความคิดเห็นแตกต่างไม่ได้หมายความว่าจะไปรังแกเขาในทุกเรื่อง ผมไม่กลัวนะ ผมก็มีธุรกิจแต่ไม่กลัว ถึงแม้ผมจะมีความคิดแตกต่าง แต่ไม่ได้แปลว่าผมเป็นคนเลว ผมมีความสุขที่ได้มาร้องเพลงให้ทุกคนฟังมันผิดตรงไหน ผมมีความสุขที่มาทำให้คนรักกันมันผิดตรงไหนครับ”
“ผมมาโดยที่ไม่ได้บอกใครที่บ้านเลย อีกอย่างอยู่คนเดียวด้วย แต่ลูกๆ เองก็รู้อยู่แล้วว่าผมสนใจเรื่องบ้านเมือง แล้วก็ติดตามพันธมิตร จริงๆ สนใจมานานแล้วเพียงแต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร จะเรียกว่าเป็นพลังเงียบก็ได้"
"ผมว่าคนแบบผมก็มีเยอะ คือมองดูอยู่ข้างนอก รู้เรื่องแต่ไม่กล้าแสดงตัว บางคนก็กลัว บางคนก็งานการรัดตัวจนไม่สามารถทำอะไรได้ ซึ่งก็เห็นใจนะครับ ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้เค้าแย่โดยส่วนตัวเลยครับ ไม่สามารถเจียดเวลาไปทำอะไรได้ เวลาว่างต้องรีบนอนเพื่อที่พรุ่งนี้เช้าต้องตื่นไปทำงาน"
"แล้วยังเจอกับสภาพเศรษฐกิจน้ำมันแพง ข้าวของก็ขึ้นราคาเรื่อยๆ เขาแย่นะครับ อันนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขก่อนด้วยซ้ำ อย่าให้มีข่าวว่าคนไทยอดตายเลย มันเกินไปครับ คนใกล้ตัวที่ผมเห็นบางคนเขาแย่ถึงขนาดนั้นแล้ว เดือดร้อนรายได้ไม่พอรายจ่าย เขาเครียดนะครับ ผมพูดตามที่เห็น เห็นว่าเป็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไขในฐานะประชาชนที่อยู่ในบ้านเมืองนี้”
“ถ้ามีโอกาสผมมาอีกแน่นอนครับ ถึงจะนานแต่ก็อยากให้ทุกคนต่อสู้ต่อไป ผมมีความรักมีความปรารถนาดีให้กับทุกคนนะครับ และมีความจริงใจให้ทุกคน อยากให้ทุกคนรักกัน ไม่ว่าจะต่อสู้ในอุดมการณ์หรือความคิดแง่ไหน ความคิดแตกต่างไม่ใช่เรื่องผิด สู้กันมานานก็ขอให้สำเร็จในสิ่งที่ต่อสู้ ผมเชียร์ครับ”
“เชื่อว่าชัยชนะต้องเป็นของประชาชน เพราะการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่ของคนมีอำนาจ พวกเราเป็นแค่ชาวบ้าน เป็นแค่คนทำมาหากิน ไม่ใช่คนมีอำนาจในมือ เราเป็นแค่ประชาชนที่สู้จากความรู้สึกข้างในใจ”