เป็นที่รู้กันดีว่าความสัมพันธ์ระหว่าง "เวเนสซา เม" นักไวโอลินสาวอัจฉริยะแห่งวงการ และแม่นักเปียโนที่ปลุกปั้นเธอจนมีวันนี้ ยังไม่ได้รับการฟื้นฟู หลังจากเหตุการณ์ที่ไวโอลินสาวได้ปลดผู้เป็นแม่ของเธอออกจากการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอไปเมื่อปี 1999 เป็นต้นมา
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เวเนสซาก็หวังอยู่เสมอว่าโอกาสในการกลับมาคืนดีกันของสองแม่ลูกจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ จนกระทั้งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้เป็นแม่ส่งมาหาเธอได้ทำลายความหวังที่เหลือจนหมดสิ้น
พาเมลา นิโคลสัน นักเปียโนสาวซึ่งเป็นผู้เลี้ยงดู เวเนสซา เม มาแต่อ้อนแต่ออก ได้รับการเชื้อเชิญจากทางสถานีโทรทัศน์ BBC1 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในสารคดี The Making of Me ที่มีเทปหนึ่งเป็นการย้อนรอยความเป็นมาของนักไวโอลินสาวเลือดไทย-สิงคโปร์วัย 29 ที่โด่งดังในโลกป็อป-คลาสสิก ที่จะออกอากาศในวันพุธที่ผ่านมา
แต่ข้อความสั้นๆ ที่เธอตอบกลับมามีเพียงแค่ "ลูกสาวฉันก็ใกล้จะ 30 แล้ว เธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตของฉันอีกต่อไป"
หลังจากได้รับจดหมายตอบกลับจากผู้เป็นแม่ดังกล่าว เวเนสซาก็กล่าวว่ามันเป็นสิ่งที่เธอคาดจะได้ยินมาจากผู้หญิงที่สร้างอาชีพทางดนตรีให้กับเธออยู่แล้ว
"ดูจากอีเมล์ที่เธอตอบกลับมา มันชัดเจนแล้วว่าเธอไม่ได้ใยดีฉันในฐานะลูกสาวของเธอ แต่ฉันไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่หรอก แต่ทาง BBC ที่อ่านจดหมายนี้พร้อมกับฉันคงจะตกใจแน่ๆ ฉันโตมากับผู้หญิงคนนี้ ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนอย่างไร"
ในสารคดีดังกล่าว เวเนสซาได้เปิดใจถึงประสบการณ์ที่ได้รับจากการเลี้ยงมาโดยแม่ผู้เข้มงวด ในฐานะนักเปียโนผู้มีพรสวรรค์ที่ปลุกปั้นเธอให้เป็นนักไวโอลินที่มีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้
เวเนสซาที่ได้ชื่อว่าเป็นนักไวโอลินที่อายุน้อยที่สุดที่บันทึกผลงานเด่นๆ ของทั้งเบโธเฟนและไวโอลิน คอนแชร์โต ของ ไชคอฟสกีได้ตั้งแต่อายุ 13 ขวบ เผยว่าแม่ของเธอไม่เชื่อว่าลูกสาวคนนี้ของเธอควรสนใจเรื่องอื่นๆ ในชีวิตนอกจากทุ่มเททุกอย่างให้กับดนตรี
"เธอคิดว่าหลายๆ อย่างในดนตรีคือ 'การแข่งขัน' ต้องเป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุดที่อัดเพลงโน้นเพลงนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฉันไม่ให้ความสำคัญกับมันแม้แต่น้อย พวกเรานักดนตรีไม่ใช่นักกีฬาที่จะมานั่งทำลายสถิติกันท่าเดียว"
เวเนสซายังอ้างอีกว่าแม่เคยบอกกับเธอครั้งหนึ่งว่าความรักที่แม่มีต่อเธอนั้นมี 'เงื่อนไข' ขึ้นอยู่กับการแสดงของเธอในฐานะนักดนตรี
ครั้งหนึ่งที่เธอเปิดใจต่อทาง Daily Mail แม่เคยบอกกับเธอว่า 'ฉันรักเธอเพราะเธอเป็นลูกสาวของฉัน แต่เธอไม่มีวันเป็นคนพิเศษของฉันถ้าเธอไม่ได้เล่นไวโอลิน'
ความกดดันที่มองไม่เห็น
หลังจากลืมตาดูโลกที่ประเทศสิงคโปร์ เวเนสซา เม ย้ายมาอยู่ที่กรุงลอนดอนเมื่ออายุ 3 ขวบ ซึ่งเป็นตอนที่เธอเริ่มจะได้รับการฝึกฝนจากผู้เป็นแม่เพื่อหวังจะให้เธอกลายเป็นนักดนตรีแล้ว พอเธออายุได้ 8 ขวบแม่เธอต้องไปรับเธอจากโรงเรียนตั้งแต่ครึ่งวัน เพื่อให้เธอกลับมาสนใจกับการฝึกฝนทางการเล่นไวโอลินต่อที่บ้าน
จนกระทั้งอายุ 11 ปี เธอได้รับการคัดเลือกให้เข้าศึกษาใน Royal College Of Music สถาบันทางดนตรีอันทรงเกียรติของอังกฤษ ในที่ๆ เพื่อนส่วนใหญ่จะแก่กว่าเธอถึง 7 ปีด้วยกัน
ช่วงนี้เองที่พาเมลาได้อุทิศตนเพื่อเข้ามาควบคุมชีวิตของเวเนสซาอย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่เรื่องเงินฝากในธนาคาร, การแต่งตัวและการแต่งหน้า แม้แต่การใช้เวลาว่าง จนรวมไปถึงการไม่ได้รับอนุญาตให้ทาเนยบนขนมปังด้วยตัวเองเพราะแม่กลัวว่ามันอาจจะทำให้มือเธอได้รับบาดเจ็บ
รวมไปถึงการบังคับให้ลูกสาวเลิกสุงสิงกับเพื่อนๆ ในโรงเรียนเพราะเธอคิดว่าเพื่อนๆ จะทำให้เธอไขว้เขวจากเส้นทางดนตรีของเธอ
ขณะที่ความเจ็บป่วยก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่เวเนสซาจะใช้กับแม่ของเธอได้ ถ้าเธอเล่นออกมาไม่ได้ดีอย่างที่แม่เธอหวังเอาไว้
"ตอนที่ฉันเป็นวัยรุ่น จำได้ว่าวันหนึ่งฉันเกิดป่วยก่อนขึ้นแสดง สายตาที่แม่มอบให้ฉันหลังจากลงจากเวทีที่ฉันไม่ได้ทำได้สมบูรณ์เต็มร้อยช่างเป็นสิ่งที่เย็นชาเหลือเกิน"
"เธอพร่ำสอนฉันว่าฉันจะหาสามีดีๆ ได้ก็ต่อเมื่อฉันประสบความสำเร็จ และเธอก็อนุญาตด้วยถ้าครูดนตรีของฉันจะตบหน้าถ้าเกิดฉันไม่ได้ทุ่มเททุกอย่างให้กับการเล่น"
จนกระทั้งเมื่อเธออายุ 21 ความกดด้นที่เธอสั่งสมมาก็ถึงจุดระเบิด จนเธอตัดสินใจไล่แม่เธอออกจากการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอ
แต่แรก ความสัมพันธ์ที่ใครๆ คิดว่าจะขาดสะบั้นกลับไม่เป็นดังคาด เพราะสองแม่ลูกยังคงเข้ากันได้ดี
ไม่นานหลังจากที่เธอไล่แม่ของเธอออก ตอนที่เวเนสซาเดินทางกลับมาที่สิงคโปร์เพื่อเปิดการแสดงเดี่ยวไวโอลิน แม่ก็ตามมากับเธอด้วย
"ในฐานะคู่หูทางดนตรี เรายังคงเข้าขากันมากๆ เรายังคงมีอุดมการณ์เดียวกัน ความฝันเดียวกัน และเรายังผูกพันอย่างแนบแน่น" เวเนสซากล่าวถึงการเปิดการแสดงครั้งนั้น
แต่หลังจากนั้นทั้งคู่ก็แยกทางกันเดิน และสองแม่ลูกก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกเลยนับจากนั้น
Vanessa Mae - Toccata & Fugue
ของขวัญจากแม่
แต่ถึงจะมีเรื่องผิดใจกัน แต่ตัวนักไวโอลินสาวที่มียอดขายรอบโลกกว่า 10 ล้านชุด รู้ดีว่าถ้าขาดความทุ่มเทของผู้เป็นแม่ เธอคงไม่มีวันนี้
"ฉันเกิดมาในสภาพแวดล้อมที่อึดอัดและเต็มไปด้วยความกดดัน แต่ฉันก็เอาสิ่งนั้นมาเป็นแรงขับดันให้กับตัวฉันเอง เด็กๆ หลายคนอาจจะเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ แต่ถ้าขาดการกระตุ้นและผลักดัน ฉันก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จได้"
"ฉันคงไม่มีวันนี้ถ้าไม่มีแม่ เธอทำให้ฉันได้ยืนอยู่บนเส้นทางอาชีพที่ฉันรัก ฉันรู้สึกเศร้าที่สุดท้ายมันต้องแลกมาด้วยความสัมพันธ์ของฉันกับแม่"
เธอยังกล่าวอีกว่ายีนอัจฉริยะจากแม่เป็นหัวใจสำคัญในทักษะทางดนรีของเธอทั้งหมด
คุณพ่อชาวไทยของเวเนสซาที่หย่ากับแม่เมื่อตอนที่เธอ 4 ขวบไม่ได้เป็นนักดนตรี และเธอยอมรับว่าแม่ของเธอเป็นนักดนตรีที่อ่านโน้ตได้แตกฉานที่สุดตั้งแต่เธอเคยพบมา
"ถ้ายีนนั้นสืบทอดทางสายเลือดจริง ความสามารถของฉันก็รับมาจากเธอเต็มๆ"
ความหวังที่หลุดลอย
เวเนสซาเผยว่าการที่เธอสนใจร่วมผลิตรายการกับทาง BBC1 เพื่อเป็นโอกาสให้เธอและแม่จะได้กลับมาติดต่อกันอีกครั้ง โดยการเชื้อเชิญผู้เป็นแม่มาร่วมในรายการที่ทำขึ้นเพื่อลูกสาวคนนี้
เวเนสซาหวังที่จะค้นหารากเหง้าทักษะทางดนตรีของเธอ ว่ามันเป็นเพราะพรที่เธอได้รับจากสวรรค์ หรือเป็นเพราะความมุ่งมั่นในการเคี่ยวกรำจากสองมือของผู้เป็นแม่ที่เลี้ยงเธอมาจนประสบความสำเร็จในทุกวันนี้
แต่อีเมล์ฉบับนั้นได้ทำลายความหวังในการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับผู้เป็นแม่ของเธออย่างสิ้นเชิง
เมื่อถามว่าเธอคิดถึงแม่บ้างหรือเปล่า เวเนสซาตอบว่า "เธอไม่ได้มาอยู่ข้างๆ ฉันเพื่อให้คำปรึกษาพูดคุยมาหลายปีแล้ว"
"แต่ฉันจะเก็บอีเมล์ที่เธอส่งมาให้ BBC เอาไว้ เผื่อว่าวันหนึ่งฉันกลับไปคิดถึงเรื่องความเป็นไปได้ในการสานสัมพันธ์ของเราที่แล้วๆ มา ฉันจะหยิบมันขึ้นมาอ่าน แล้วระลึกว่ามันคงจะไม่มีวันเกิดขึ้น"
5 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับ เวเนสซา เม
1. เธอเล่นดนตรีครั้งแรกตอน 3 ขวบ แต่เป็นเปียโน เปลี่ยนมาเล่นไวโอลินตอน 5 ขวบ
2. ฝึกซ้อมวันละ 4 ชม.ทุกๆ วัน วันเกิดคือวันหยุดประจำปีสำหรับการซ้อม
3. เป็นผู้ที่อายุไม่ถึง 30 ที่ร่ำรวยที่สุดในเกาะอังกฤษเมื่อปี 2006 ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 86 ล้านเหรียญ
4. ออกเดทกับหนุ่มครั้งแรกตอนอายุ 20 "แม่ฉันส่งบอดีการ์ดมาด้วย หลังจากเจอกันแล้วเราสองคนก็ต้องไปพบแม่ด้วยกันทั้งคู่"
5. ตอนนี้อาศัยอยู่กับแฟนหนุ่มนายหน้าค้าไวน์วัย 38 ลิโอเนล คาตาลัน ที่แมนชั่นในลอนดอน
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เวเนสซาก็หวังอยู่เสมอว่าโอกาสในการกลับมาคืนดีกันของสองแม่ลูกจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ จนกระทั้งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้เป็นแม่ส่งมาหาเธอได้ทำลายความหวังที่เหลือจนหมดสิ้น
พาเมลา นิโคลสัน นักเปียโนสาวซึ่งเป็นผู้เลี้ยงดู เวเนสซา เม มาแต่อ้อนแต่ออก ได้รับการเชื้อเชิญจากทางสถานีโทรทัศน์ BBC1 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในสารคดี The Making of Me ที่มีเทปหนึ่งเป็นการย้อนรอยความเป็นมาของนักไวโอลินสาวเลือดไทย-สิงคโปร์วัย 29 ที่โด่งดังในโลกป็อป-คลาสสิก ที่จะออกอากาศในวันพุธที่ผ่านมา
แต่ข้อความสั้นๆ ที่เธอตอบกลับมามีเพียงแค่ "ลูกสาวฉันก็ใกล้จะ 30 แล้ว เธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตของฉันอีกต่อไป"
หลังจากได้รับจดหมายตอบกลับจากผู้เป็นแม่ดังกล่าว เวเนสซาก็กล่าวว่ามันเป็นสิ่งที่เธอคาดจะได้ยินมาจากผู้หญิงที่สร้างอาชีพทางดนตรีให้กับเธออยู่แล้ว
"ดูจากอีเมล์ที่เธอตอบกลับมา มันชัดเจนแล้วว่าเธอไม่ได้ใยดีฉันในฐานะลูกสาวของเธอ แต่ฉันไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่หรอก แต่ทาง BBC ที่อ่านจดหมายนี้พร้อมกับฉันคงจะตกใจแน่ๆ ฉันโตมากับผู้หญิงคนนี้ ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนอย่างไร"
ในสารคดีดังกล่าว เวเนสซาได้เปิดใจถึงประสบการณ์ที่ได้รับจากการเลี้ยงมาโดยแม่ผู้เข้มงวด ในฐานะนักเปียโนผู้มีพรสวรรค์ที่ปลุกปั้นเธอให้เป็นนักไวโอลินที่มีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้
เวเนสซาที่ได้ชื่อว่าเป็นนักไวโอลินที่อายุน้อยที่สุดที่บันทึกผลงานเด่นๆ ของทั้งเบโธเฟนและไวโอลิน คอนแชร์โต ของ ไชคอฟสกีได้ตั้งแต่อายุ 13 ขวบ เผยว่าแม่ของเธอไม่เชื่อว่าลูกสาวคนนี้ของเธอควรสนใจเรื่องอื่นๆ ในชีวิตนอกจากทุ่มเททุกอย่างให้กับดนตรี
"เธอคิดว่าหลายๆ อย่างในดนตรีคือ 'การแข่งขัน' ต้องเป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุดที่อัดเพลงโน้นเพลงนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฉันไม่ให้ความสำคัญกับมันแม้แต่น้อย พวกเรานักดนตรีไม่ใช่นักกีฬาที่จะมานั่งทำลายสถิติกันท่าเดียว"
เวเนสซายังอ้างอีกว่าแม่เคยบอกกับเธอครั้งหนึ่งว่าความรักที่แม่มีต่อเธอนั้นมี 'เงื่อนไข' ขึ้นอยู่กับการแสดงของเธอในฐานะนักดนตรี
ครั้งหนึ่งที่เธอเปิดใจต่อทาง Daily Mail แม่เคยบอกกับเธอว่า 'ฉันรักเธอเพราะเธอเป็นลูกสาวของฉัน แต่เธอไม่มีวันเป็นคนพิเศษของฉันถ้าเธอไม่ได้เล่นไวโอลิน'
ความกดดันที่มองไม่เห็น
หลังจากลืมตาดูโลกที่ประเทศสิงคโปร์ เวเนสซา เม ย้ายมาอยู่ที่กรุงลอนดอนเมื่ออายุ 3 ขวบ ซึ่งเป็นตอนที่เธอเริ่มจะได้รับการฝึกฝนจากผู้เป็นแม่เพื่อหวังจะให้เธอกลายเป็นนักดนตรีแล้ว พอเธออายุได้ 8 ขวบแม่เธอต้องไปรับเธอจากโรงเรียนตั้งแต่ครึ่งวัน เพื่อให้เธอกลับมาสนใจกับการฝึกฝนทางการเล่นไวโอลินต่อที่บ้าน
จนกระทั้งอายุ 11 ปี เธอได้รับการคัดเลือกให้เข้าศึกษาใน Royal College Of Music สถาบันทางดนตรีอันทรงเกียรติของอังกฤษ ในที่ๆ เพื่อนส่วนใหญ่จะแก่กว่าเธอถึง 7 ปีด้วยกัน
ช่วงนี้เองที่พาเมลาได้อุทิศตนเพื่อเข้ามาควบคุมชีวิตของเวเนสซาอย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่เรื่องเงินฝากในธนาคาร, การแต่งตัวและการแต่งหน้า แม้แต่การใช้เวลาว่าง จนรวมไปถึงการไม่ได้รับอนุญาตให้ทาเนยบนขนมปังด้วยตัวเองเพราะแม่กลัวว่ามันอาจจะทำให้มือเธอได้รับบาดเจ็บ
รวมไปถึงการบังคับให้ลูกสาวเลิกสุงสิงกับเพื่อนๆ ในโรงเรียนเพราะเธอคิดว่าเพื่อนๆ จะทำให้เธอไขว้เขวจากเส้นทางดนตรีของเธอ
ขณะที่ความเจ็บป่วยก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่เวเนสซาจะใช้กับแม่ของเธอได้ ถ้าเธอเล่นออกมาไม่ได้ดีอย่างที่แม่เธอหวังเอาไว้
"ตอนที่ฉันเป็นวัยรุ่น จำได้ว่าวันหนึ่งฉันเกิดป่วยก่อนขึ้นแสดง สายตาที่แม่มอบให้ฉันหลังจากลงจากเวทีที่ฉันไม่ได้ทำได้สมบูรณ์เต็มร้อยช่างเป็นสิ่งที่เย็นชาเหลือเกิน"
"เธอพร่ำสอนฉันว่าฉันจะหาสามีดีๆ ได้ก็ต่อเมื่อฉันประสบความสำเร็จ และเธอก็อนุญาตด้วยถ้าครูดนตรีของฉันจะตบหน้าถ้าเกิดฉันไม่ได้ทุ่มเททุกอย่างให้กับการเล่น"
จนกระทั้งเมื่อเธออายุ 21 ความกดด้นที่เธอสั่งสมมาก็ถึงจุดระเบิด จนเธอตัดสินใจไล่แม่เธอออกจากการเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอ
แต่แรก ความสัมพันธ์ที่ใครๆ คิดว่าจะขาดสะบั้นกลับไม่เป็นดังคาด เพราะสองแม่ลูกยังคงเข้ากันได้ดี
ไม่นานหลังจากที่เธอไล่แม่ของเธอออก ตอนที่เวเนสซาเดินทางกลับมาที่สิงคโปร์เพื่อเปิดการแสดงเดี่ยวไวโอลิน แม่ก็ตามมากับเธอด้วย
"ในฐานะคู่หูทางดนตรี เรายังคงเข้าขากันมากๆ เรายังคงมีอุดมการณ์เดียวกัน ความฝันเดียวกัน และเรายังผูกพันอย่างแนบแน่น" เวเนสซากล่าวถึงการเปิดการแสดงครั้งนั้น
แต่หลังจากนั้นทั้งคู่ก็แยกทางกันเดิน และสองแม่ลูกก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกเลยนับจากนั้น
Vanessa Mae - Toccata & Fugue
ของขวัญจากแม่
แต่ถึงจะมีเรื่องผิดใจกัน แต่ตัวนักไวโอลินสาวที่มียอดขายรอบโลกกว่า 10 ล้านชุด รู้ดีว่าถ้าขาดความทุ่มเทของผู้เป็นแม่ เธอคงไม่มีวันนี้
"ฉันเกิดมาในสภาพแวดล้อมที่อึดอัดและเต็มไปด้วยความกดดัน แต่ฉันก็เอาสิ่งนั้นมาเป็นแรงขับดันให้กับตัวฉันเอง เด็กๆ หลายคนอาจจะเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ แต่ถ้าขาดการกระตุ้นและผลักดัน ฉันก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จได้"
"ฉันคงไม่มีวันนี้ถ้าไม่มีแม่ เธอทำให้ฉันได้ยืนอยู่บนเส้นทางอาชีพที่ฉันรัก ฉันรู้สึกเศร้าที่สุดท้ายมันต้องแลกมาด้วยความสัมพันธ์ของฉันกับแม่"
เธอยังกล่าวอีกว่ายีนอัจฉริยะจากแม่เป็นหัวใจสำคัญในทักษะทางดนรีของเธอทั้งหมด
คุณพ่อชาวไทยของเวเนสซาที่หย่ากับแม่เมื่อตอนที่เธอ 4 ขวบไม่ได้เป็นนักดนตรี และเธอยอมรับว่าแม่ของเธอเป็นนักดนตรีที่อ่านโน้ตได้แตกฉานที่สุดตั้งแต่เธอเคยพบมา
"ถ้ายีนนั้นสืบทอดทางสายเลือดจริง ความสามารถของฉันก็รับมาจากเธอเต็มๆ"
ความหวังที่หลุดลอย
เวเนสซาเผยว่าการที่เธอสนใจร่วมผลิตรายการกับทาง BBC1 เพื่อเป็นโอกาสให้เธอและแม่จะได้กลับมาติดต่อกันอีกครั้ง โดยการเชื้อเชิญผู้เป็นแม่มาร่วมในรายการที่ทำขึ้นเพื่อลูกสาวคนนี้
เวเนสซาหวังที่จะค้นหารากเหง้าทักษะทางดนตรีของเธอ ว่ามันเป็นเพราะพรที่เธอได้รับจากสวรรค์ หรือเป็นเพราะความมุ่งมั่นในการเคี่ยวกรำจากสองมือของผู้เป็นแม่ที่เลี้ยงเธอมาจนประสบความสำเร็จในทุกวันนี้
แต่อีเมล์ฉบับนั้นได้ทำลายความหวังในการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับผู้เป็นแม่ของเธออย่างสิ้นเชิง
เมื่อถามว่าเธอคิดถึงแม่บ้างหรือเปล่า เวเนสซาตอบว่า "เธอไม่ได้มาอยู่ข้างๆ ฉันเพื่อให้คำปรึกษาพูดคุยมาหลายปีแล้ว"
"แต่ฉันจะเก็บอีเมล์ที่เธอส่งมาให้ BBC เอาไว้ เผื่อว่าวันหนึ่งฉันกลับไปคิดถึงเรื่องความเป็นไปได้ในการสานสัมพันธ์ของเราที่แล้วๆ มา ฉันจะหยิบมันขึ้นมาอ่าน แล้วระลึกว่ามันคงจะไม่มีวันเกิดขึ้น"
5 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับ เวเนสซา เม
1. เธอเล่นดนตรีครั้งแรกตอน 3 ขวบ แต่เป็นเปียโน เปลี่ยนมาเล่นไวโอลินตอน 5 ขวบ
2. ฝึกซ้อมวันละ 4 ชม.ทุกๆ วัน วันเกิดคือวันหยุดประจำปีสำหรับการซ้อม
3. เป็นผู้ที่อายุไม่ถึง 30 ที่ร่ำรวยที่สุดในเกาะอังกฤษเมื่อปี 2006 ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 86 ล้านเหรียญ
4. ออกเดทกับหนุ่มครั้งแรกตอนอายุ 20 "แม่ฉันส่งบอดีการ์ดมาด้วย หลังจากเจอกันแล้วเราสองคนก็ต้องไปพบแม่ด้วยกันทั้งคู่"
5. ตอนนี้อาศัยอยู่กับแฟนหนุ่มนายหน้าค้าไวน์วัย 38 ลิโอเนล คาตาลัน ที่แมนชั่นในลอนดอน