xs
xsm
sm
md
lg

วาทะคนดัง (เลือกข้าง) หลังเวทีพันธมิตรฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม้จะมีคนจำนวนไม่น้อยที่มองว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถ.ราชดำเนิน ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศชาติ และสังคมโดยรวม ทว่า เรื่องน่าแปลก ก็คือ ณ เวทีเหล่านี้กลับปรากฏบุคคลที่มีต้นทุนทางสังคมที่ค่อนข้างสูงมาร่วมด้วยอยู่ตลอดเวลาในหลากหลายสาขาวิชาชีพ

และนั่นก็ให้รวมถึงเหล่าดารา-นักร้อง ชื่อดังหลายต่อหลายคนด้วยเช่นเดียวกัน

เพราะอะไรที่ทำให้เขาและเธอตัดสินใจเช่นนี้? และพวกเขารู้สึกอย่างไรกับการแสดงออกทางด้านการเมืองที่ค่อนข้างจะถูกมองว่าเลือกข้างแล้วเช่นนี้ในขณะที่คนในวงการส่วนใหญ่มักจะบอกคล้ายๆ กันว่า...ขอยืนอยู่ตรงกลาง?
...
“ตั้ว ศรัณยู”
“ความรู้สึกของผมในวันนี้ไม่เหมือนความรู้สึกที่มาเมื่อสองปีก่อน ครั้งนั้นผมมีความรู้สึกร่วมประมาณหนึ่ง ก็มาร่วมฟังข้อมูลที่มีอยู่ แต่คราวนี้ไม่ต้องเพราะมันชัดเจนมากเลย ชัดเจนทุกมุมเลย”

“เด็กแค่ไหนก็เข้าใจได้ แล้วใครจะไปทนได้ไง เราจะก้มหน้าก้มตาดูได้ไง อ้างความสมานฉันท์แล้วอยู่เฉยๆ มันไม่ใช่ และการที่เรามา เราก็มาอย่างสงบด้วย ไม่ใช่ทนไม่ได้แล้วก็ไปอาละวาดตีใคร ตรงนี้มันคือช่องทางเดียวที่ทำได้ เป็นช่องทางที่สันติ มันผิดตรงไหน ถ้าไม่มาตรงนี้ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว”

“เพราะฉะนั้น ผมจึงต้องมา ผมมาโดยไม่รู้หรอกว่า ชัยชนะมันคืออะไร เมื่อไหร่จะถึงวันที่มีชัยชนะ ไม่รู้ด้วยว่าบทสุดท้ายจะเป็นยังไง แต่ผมรู้แค่ว่า วันนี้ความรู้สึกของผมที่มีต่อผู้บริหารบ้านเมืองเป็นแบบนี้ คนที่นี่ก็รู้สึกแบบนี้ รู้เท่าทันแบบนี้ ผมจึงต้องมาเติมเต็มให้ความรู้สึกเหล่านี้มันโตขึ้นมันใหญ่ขึ้น”

“ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ถ้าเราศรัทธาและเชื่อมั่นต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ก็จะนำพาเราไปสู่จุดจบที่ดีงามผมเชื่ออย่างนั้น และก็ผมก็เชื่อว่าคนเหล่านี้ที่ล่วงเกินชาติกษัตริย์ก็คงไม่ตายดีต้องมีอันเป็นไป ผมเชื่ออย่างนั้น”
...
“หรั่ง ร็อคเคสตร้า”
“การมายืนบนเวทีนี้ ผมไม่เคยผิดหวัง ผมทำอะไรผมปรึกษาทุกฝ่าย ผมทำด้วยสติ เมื่อมีสติผมย่อมเกิดปัญญาในการทำงานทุกอย่างครับ...”

“ซึ่งมีเรื่องนี้เรื่องเดียว ด้านอื่นไม่มีปัญหาครับ คือ ผมไม่ได้ไปทำร้ายใคร ผมต้องการเรียกร้องให้ทุกคน ประชาชนอย่าทิ้งประเทศชาติ และประชาชนอย่าทิ้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ของเรา ผมไม่ได้มาเพื่อสิ่งใดๆ แต่จริงๆ แล้วผมอยากให้สื่อช่วยกันนะครับ ออกสื่อในช่องที่ไม่ได้ออก 50 เปอร์เซ็นต์ แล้วออกในฝั่งที่คุณอยากจะออก 50 เปอร์เซ็นต์ ลองคุณยุติธรรมสิครับ เรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นครับ”

“เรื่องชนะไม่ชนะ คือ น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ แต่ถ้าน้ำเยอะไฟก็ดับครับ มันอยู่ที่ประชาชน ประชาชนไม่ได้ปิดหูปิดตา แต่คนรักษาผลประโยชน์ของตัวเองเยอะกว่าเท่านั้นเอง”

“ผมขึ้นในฐานะที่ผมคือประชนคนไทย ที่รักสถาบันชาติ และ พระมหากษัตริย์ ผมพูดได้แค่นี้ ใครที่รักแต่ปากไม่ทำอะไรเลย ผมถือว่ามันน่าอายครับ ผมไม่อยากอายอยู่กับบ้านเฉยๆ”
...

“อ๊อด คีรีบูน”
“ถามว่า กลัวมั้ย ผมว่าใครก็ต้องกลัว เพราะว่าผมมีพนักงานที่ผมต้องดูแลเขาอยู่นะครับ เงินทองเราก็ต้องทำมาหากินด้วยความสุจริต แต่พวกเราตอบตัวเราเองได้ว่าวันนี้ ก็เป็นครู เมื่อเราเป็นครูเราจะสอนเด็ก เรายังสอนให้เขาคิดดีทำดีไม่ได้ แล้วเรายังกลัวอย่างนี้แล้วเราจะเป็นครูอยู่ได้อย่างไร ผมคิดอย่างนั้นครับ”

“ผมมีวิธีคิดอย่างนี้ครับว่า การที่เราจะสรุปว่าใครถูกใครผิด เราต้องใช้ปัจจัยเท่าๆ กัน นั่นหมายความว่า คุณฟังความฟากไหน คุณมีโอกาสฟังความอีกฟากหนึ่งด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าคุณฟังแล้ว ตรงนั้นมันจะทำให้คุณเกิดการพิจารณาตรึกตรองด้วยความสำนึกของคุณ”

“แต่หลายคนมักจะติดยึดในตัวบุคคล ซึ่งผมเรียนได้เลยว่า อดีตผมก็เช่นเดียวกัน ไทยรักไทย ผมก็เป็นหนึ่งในแกนนำ ที่พยายามระดมเพื่อหาคะแนนเสียงไปให้กับไทยรักไทย นั่นหมายถึงว่า ญาติพี่น้องเพื่อนฝูง หรืออะไรก็แล้วแต่ นั่นในสมัยที่หนึ่งนะครับ แต่สมัยที่สองผมเริ่มเห็นสัญญาณแล้วว่ามันมีบางอย่างที่มันไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นผมเปลี่ยนได้ เราต้องเปลี่ยนได้ ไม่ใช่ติดยึดอยู่ในตัวบุคคล แต่เราต้องติดยึดอยู่ในความถูกต้องต่างหาก”

...
“จอย ศิริลักษณ์”
“จริงๆ มันไม่ต้องยกเรื่องเยอะนักหรอก เหตุผลถ้ามีอะไรที่อาจเอื้อมถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ จอย ว่า ทุกคนที่เป็นคนไทยต้องลุกขึ้นมาอยู่แล้ว และมันก็รวมๆ ไปถึงทุกเรื่อง แต่ว่าทุกๆ เรื่องที่ว่าเราก็ฟังหลายทาง บางอันที่เรามีหลักฐานในการตรวจสอบ เห็นชัดๆ เราก็เชื่ออันนั้น อันไหนที่เราไม่เห็นหลักฐานในการตรวจสอบ ยังไม่มีหลักฐานที่ชัด ทุกอย่างมันก็เป็นกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจอยไม่ได้เอาตรงนั้นมาคิดนัก”

“จอยฟังข้อมูลหลายๆ ทาง อ่านพระบรมราโชวาทหลายๆ อัน แล้วใช้สติปัญญาเท่าที่กำลังตัวเองจะมี ตัดสินใจ แล้วจอยก็ตัดสินใจมา แต่ว่า อีกอันนึงก็เพราะมีเด็กกับคนแก่เยอะ รู้สึกว่าถ้าเราเป็นคนหนึ่งที่มาแล้วทำให้คนมาเยอะขึ้น มันก็น่าจะดีขึ้น ไม่ใช่แค่คนในวงการบันเทิง จอย เข้าใจว่า ทุกคนมีหน้าที่ ทุกคนมีเงื่อนไข มีหน้าที่หมด แต่หน้าที่นั้นคืออาชีพ แต่อีกหน้าที่หนึ่งที่เราทุกคนมีเหมือนกันหมด ก็คือ เป็นพลเมืองไทย ไม่อย่างนั้นจะร้องเพลงชาติไทยทำไม ถ้าแปลความหมายไม่ได้”

“ที่จอยทำอยู่ตอนนี้ ก็คือ ถ้าเจอเพื่อนดาราคนไหน จอยจะเสนอช่องทางในการรับข้อมูลข่าวสารให้เขา แล้วให้เขาไปคิดเอง ตัดสินใจเอง จะไม่บอกว่ามันอย่างนั้น อย่างนี้ หรือทางนั้นดี ทางนี้ดี เพราะไม่รู้สิ... เราไม่ได้ไปบอกว่าอันนั้นดี อันนี้ไม่ดี เราแค่บอกว่าดูฟรีทีวีแล้ว ดู ASTV ด้วย แล้วคิดเอา แล้วตัดสินใจเอง”

“ถามว่ากลัวมั้ย... ไม่อยากตายอย่างทาส อยากตายอย่างเทพ (หัวเราะ) เข้าใจไหม แค่นั้นแหละ ก็ไม่รู้คนเรามันจะตายเมื่อไหร่ ตายเพราะอะไรก็ไม่รู้”
...

“สุกัญญา มิเกล”
“ก่อนหน้านี้ คิดว่าจะไม่มา แต่คอยเป็นแรงใจอยู่แล้วนะ อยู่ที่บ้านดูเอเอสทีวีตลอด แต่ไม่อยากให้คนมองว่าเรามาใช้เวทีสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง อันนี้ยอมรับว่า กลัวมาก เพราะไม่ได้มีความคิดนั้นเลย มิเกล นั่งคุยกับสามีที่บ้าน ดูสิเขามากันทั้งครอบครัวนะ ทั้งคนแก่คนเฒ่า มันรู้สึกอาย...”

“มีน้องที่เป็น รปภ.อยู่ที่นี่ คือ เขามาช่วยงานที่นี่ มิเกล ก็เลยส่งเงินและจดหมายมา บอกเขาว่าพี่ไม่ไปนะ เพราะไม่อยากให้คนมองว่ามาหาชื่อเสียง เพราะมันมีหลายคนที่คิดอะไรแบบลบๆ แต่พอนั่งอายอยู่บ้านหลายๆ วัน มันรู้สึกตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วพี่ตั้วก็ขึ้นบ่อย ใครต่อใครก็บ๊อย บ่อย เราก็เลยเอาวะ อย่างน้อยมาเป็นกำลังใจ มาสร้างสีสันให้เขามีกำลังใจก็ยังดี”

“มีคนคิดอกุศลว่าเราถูกจ้างมา พูดตรงๆ เลยนะ เมื่อวานโทร.ไปชวนเพื่อน ทั้งดังและไม่ดัง เพื่อนเราถามว่าเค้ามีงบให้มั้ย เราก็ตอบไปว่าไม่มีงบ และก็บอกนักดนตรีที่มาเล่นให้วันนี้ ว่า ไม่มีงบนะลูก ทุกคนก็ครับพี่ ส่วนศิลปินท่านนั้นเขาก็ไม่มา แล้วก็โทร.ไปหาเพื่อนหลายๆ คน เขาก็บอกเหมือนกันว่า คนนั้นไม่ต้องชวนหรอก ถ้าไม่มีงบเขาไม่ไปอยู่แล้ว ที่นี่ไม่มี ไม่มีแล้วยังเสียตังค์ด้วย ไม่ได้อยากได้ตังค์คืนนะ แต่อยากได้ข้าวแกงจานละ 15 บาทเหมือนเดิม ไม่อยากกินข้าวแกงจานละ 35 เพราะกินแล้วเจ็บท้องมาก สงสารลูกด้วยว่าอนาคตจะเป็นยังไง”

“ที่จริงเราไม่ต้องการเป็นปรปักษ์กับรัฐบาล ไม่ว่าจะชุดไหนๆ ก็แล้วแต่ ขอแค่ฟังเสียงประชาชนบ้าง คิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ ให้ฟังคนตัวเล็กพูดบ้าง คนแก่ทำผิดมีเยอะแยะไป เด็กทำผิดยังเป็นความผิดบริสุทธิ์ แต่ถ้าผู้ใหญ่รู้แล้วยังทำเนี่ย มันก็ไม่น่าให้อภัย จะตายมั้ยเนี่ยเรา... (ยิ้ม)”
กำลังโหลดความคิดเห็น