“ตั้ว ศรัณยู” ยืนหยัดบนเวทีพันธมิตรฯ ซัด “เจ๊เพ็ญ” หน้าด้าน ประกาศลาออก แต่ขาดจิตสำนึก จวกนายกฯ “สมัคร” ที่ผ่านมาทำอะไรอยู่ถึงไม่ปกป้องสถาบัน ไม่หวั่นสมัครขู่สลายม็อบ ประกาศสู้ไม่ถอยขอตายเพื่อบ้านเมือง
หลังจากที่ออกมาจวก “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” โกงกิน พร้อมกับสับเละ “จักรภพ เพ็ญแข” จาบจ้วงหมิ่นเบื้องสูง ชนิดไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลใดๆ จนได้รับความชื่นชมไปทั่วประเทศไปเมื่อหลายวันก่อนนั้น วันนี้หลังจากที่พนักงานสอบสวนคดีนายจักรภพ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สรุปความเห็นและมีมติว่า “นายจักรภพ มีพฤติกรรมความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี” เป็นเหตุให้ จักรภพ ประกาศลาออก แต่ยังไม่ยอมยุติบทบาททางการเมือง บอกว่า “เป็นการถอยเพื่อให้ขุนอยู่เก็บชัยชนะ”
งานนี้เลือดรักชาติ “ตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง” เลยพุ่งปรี๊ดออกมากระหน่ำอีกรอบ ซัดขาดจิตสำนึก “หน้าด้าน” พร้อมกับประกาศสู้ไม่ถอย ไม่หวั่น “สมัคร สุนทรเวช” ที่ออกทีวีขู่จะสลายม็อบให้แตกหักภายในวันนี้ผ่านรายการคุยกันภาษาสมัครเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
“มันเป็นอย่างอื่นไม่ได้ถ้าเราอยู่บนมาตรฐานของความถูกต้อง มันชัดเจนมันเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ตะแบงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ก็ต้องชื่นชมตำรวจที่ตรงไปตรงมากับหลักฐานกับสิ่งที่มันเห็นกันอยู่ เพียงแต่ว่าทำไมมันพึ่งจะมาเป็นวันนี้ ต้องเท้าความไปถึงภาครัฐโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของท่าน จริงๆ แล้วท่านเป็นคนแรกเลยที่จะต้องออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ถ้าตรงไปตรงมามันต้องดำเนินการเร็วกว่านี้ แต่ก็ช่างเหอะ ด้วยความกดดันของประชาชนและในภาคสื่อเขาก็ต้องลาออก”
“เพียงแต่ว่าถ้าคิดว่าลาออกแล้วจะหวังให้ภาคประชาชนหยุดความเคลื่อนไหว หยุดความรู้สึกที่ไม่พอใจในการปฏิบัติงานของรัฐบาลมันก็คงไม่ใช่ มันเกินไปแล้วมันช้าเกินไปแล้ว การลาออกมันไม่ใช่การปลดชนวนให้ทุกอย่างจบหรอกครับ เพราะว่าความรู้สึกของประชาชนมันยกระดับไปอีกขั้นหนึ่ง มันมองไปที่ภาครัฐทั้งหมดแล้ว เพราะปัญหามันถาโถมมาเยอะแยะมาก นอกจากเรื่องนั้นแล้วเรื่องสำคัญที่สุดคือเรื่องปากเรื่องท้อง ความยากลำบากข้าวยากหมากแพงน้ำมันแพงท่านก็ไม่ได้ทำอะไรเลย”
“มิหนำซ้ำเรื่องรัฐธรรมนูญที่มีการถอนชื่อเนี่ย อย่าคิดว่าถอนแล้วเราจะหยุดมันไม่ใช่ เพราะมันไม่มีอะไรยืนยันได้ สุดท้ายพอเปิดพอประชุมสภาก็อาจจะยื่นได้อีก มันเป็นเรื่องกลอุบายทั้งนั้นเลย ฉะนั้นการต่อสู้การชุมนุมด้วยการแสดงความรู้สึกมันจะยังคงเป็นไปเหมือนเดิม”
ก่อนหน้านี้ ที่ “สมัคร สุนทรเวช” ออกมาแก้ต่างให้ “จักรภพ เพ็ญแข” เรื่องหมิ่นเบื้องสูงนั้น “ตั้ว ศรัณยู” บอกว่า รู้ดีอยู่แก่ใจว่าทำอะไรอยู่ พร้อมกับเรียกร้องให้ถอยออกมาจากอำนาจที่ครอบงำ
“ก็ไม่รู้จะบอกอะไร ท่านเองก็น่าจะรู้ว่าทำอะไรอยู่ ท่านเองก็เป็นนักการเมืองมากี่ปีผ่านโลกมาเท่าไหร่ ทั้งประสบการณ์วัยวุฒิคุณวุฒิก็เยอะแยะ เพราะฉะนั้นท่านย่อมรู้ว่าคนอื่นเขาคิดยังไง ท่านย่อมรู้ว่าอะไรคืออะไร เพียงแต่ว่าท่านต้องกล้าแล้ว ต้องกล้าตัดสินใจที่ถูกต้องอยู่บนธรรมนองครองธรรมจริงๆ ท่านต้องถอยออกมาจากอะไรก็ตามที่เป็นเงาครอบงำท่านอยู่ ท่านต้องกล้าเดินออกมาแล้ว ยังจะมีโอกาสได้ยินเสียงชื่นชมจากประชาชน แต่ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปก็ช่วยไม่ได้แล้วแหละ ด้วยวัยขนาดนี้และพาตัวเองมาขนาดนี้ต้องบอกเลยว่ามันไม่คุ้มเลยครับ”
จวก “จักรภพ” เชื่อมั่นในอำนาจของพวกพ้องจนไม่ยอมลาออกในครั้งแรก
“นี่แหละคือการดันทุรังคือการตะแบงเชื่อในอำนาจของตัวเอง การเชื่อในพวกพ้องการเชื่อในการที่เขากุมอำนาจกุมระบบทั้งหมดไว้ เขาเชื่ออย่างนั้นเมื่อเชื่ออย่างนั้นถึงไม่ยอม แต่สุดท้ายแล้วไม่ได้หรอกครับ ความถูกต้องและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีสวรรค์มีตา พี่น้องประชาชนมีพลังจะเรียกร้อง ความจริงมันก็ย่อมคือความจริงอยู่ไม่ได้หรอก”
สวรรค์มีตา พวกไม่มีจิตสำนึกระวังจะโดนมือดึงลงนรก!
“สวรรค์มีตานานแล้ว เพียงแต่ว่าสวรรค์ก็อยากให้มนุษย์มีจิตสำนึกเองและจัดการกันเอง แต่ถ้ามนุษย์ผู้ใดที่ยังไม่มีจิตสำนึกพินิจพิเคราะห์ว่าตัวเองทำอะไรไป สวรรค์มีตาอยู่แล้วแต่นรกอาจจะมีมือดึงลงไปมันอาจจะหนักกว่านั้น”
“ที่เขาแถลงการณ์เขาก็ปากแข็งยังไม่ยอมรับผิด ได้ยินว่าเขาพูดคล้ายๆ ว่า ความคิดเขายังจะอยู่ยาวนานเหมือนให้ดูระยะยาว คือ ถ้าฟังจากนักวิชาการที่วิเคราะห์และที่หลายๆ คนรู้สึกก็คือ เขายังไม่รู้สึกว่าเขาแพ้ เขายังรู้สึกว่านี่เป็นการถอยบนกระดานหมากรุกอย่างที่เขาบอกเพื่อรักษาขุน ยังประครองตัวเพื่อให้ขุนของเขาซึ่งเขาหมายถึงใคร นายกสมัคร หรืออดีตนายกฯทักษิณก็ไม่รู้ เขาก็ยังคิดว่าเขาจะพยุงตรงนั้นไว้ เพื่ออะไรเพื่อให้ตรงนั้นยังมีอำนาจอยู่ เขาก็ยังหวังว่าเขาจะกลับมาด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง นั่นก็คือความคิดของเขา แต่ความคิดของประชาชนไม่ใช่ครับ ไปแล้วไปเลยแน่นอน เรายอมไม่ได้หรอกครับ”
กำลังจะบอกว่าการแถลงข่าว “จักรภพ เพ็ญแข” ไม่ได้เกิดจากการสำนึกผิด
“พยายามถามเพื่อจะให้ผมพูดคำว่าหน้าด้านใช่ไหม ก็มันไม่มีคำอื่นแล้วหน้าด้านจริงๆ หน้าด้าน หน้าด้าน คืออย่างนี้ตกนรกก็ไม่มีการลดหย่อนโทษหรอกครับ ติดคุกก็คงไม่ลดหย่อนโทษ”
นอกจาก “จักรภพ เพ็ญแข” จะประกาศลาออกแล้ว ก็ยังประกาศจะไม่หยุดบทบาททางการเมือง ซึ่งเป็นไปได้ว่าจักรภพอาจจะกระโดดขึ้นเวที นปก.จัดม็อบชนม็อบกับพันธมิตร
ฯ ซึ่งเรื่องนี้ “ตั้ว ศรัณยู” บอกว่า เป็นสิทธิและเสรีภาพสามารถทำได้ แต่อย่าใช้กำลัง
“ถ้าเขาอยากมาตั้งม็อบก็ทำได้แต่ต้องทำอย่างสันติ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยอยากจะตั้งเวทีพูดกับประชาชนด้วยเหตุผลก็ทำได้ แต่ถ้าทำเกินเลยกว่านั้นและใช้กำลังก่อกวนมันก็เป็นกลียุคเป็นปัญหามันไม่ถูกต้อง”
สำหรับกรณีที่ “สมัคร สุนทรเวช” ออกรายการคุยกันภาษาสมัครขู่จะสลายม็อบให้แตกหักภายในวันนี้นั้น “ตั้ว ศรัณยู” ประกาศสู้ตาย
“วันนี้ได้ยินว่าตำรวจจะสลายม็อบ ก็มีคนโทร.มาเตือนเยอะแยะมากเลยทั้งส่งข้อความและโทรศัพท์มา ก็คือ ถ้าดูจากจำนวนคนที่มาและกล้าทำอะไรในวันนี้ก็แย่ก็ฆ่าตัวเองแหละครับ ทำอย่างนี้ไม่ได้หรอกประชาชนมาเยอะขนาดนี้ เขาควรจะกลัวนะที่เห็นคนมาขนาดนี้ ส่วนเราไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย”
“ก็อยากจะฝากบอกไปยังตำรวจทุกคน ใครที่มายืนบริเวณนี้ก็คงได้ยินได้เห็นได้รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ได้รู้ว่าพี่น้องประชาชนที่มาวันนี้มาด้วยความรู้สึกยังไง และก็รู้ว่าผู้หลักผู้ใหญ่คนเฒ่าคนแก่มาด้วยจิตใจยังไง เราไม่ได้มีความรุนแรง เราแค่เอาความรู้สึกนึกคิดมารวมกันเท่านั้น ถ้าตำรวจมองด้วยบริสุทธิ์ใจเข้าใจมันจริงๆ ก็ย่อมจะเข้าใจ คุณมองไปที่คนเหล่านี้คุณกล้าทำร้ายเขาได้เหรอ ไม่ได้หรอกครับ นอกจากว่าคุณเชื่อมั่นในอำนาจอะไรที่ครอบงำคุณอยู่ ก็อยากจะถามว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า ถ้าเป็นคนไทยก็ต้องเห็นว่า คนไทยด้วยกันแล้วมาด้วยความบริสุทธิ์ใจคุณจะทำอะไรเขาเหรอ”
“ถามว่า กลัวตายไหม ตายมันก็ตายทุกคนแหละครับ เราก็คงอยากมีชีวิตอยู่ที่ยืนยาวและตายอย่างปกติอย่างนั้น แต่ถ้าเราอายุยืนยาวกว่านี้แต่อยู่ท่ามกลางสังคมที่มีปัญหาเต็มไปหมดเราจะมีความสุขเหรอ ฉะนั้น ถ้าจะต้องตายแบบปัจจุบันทันด่วน ตายเพื่อบ้านเมืองมันน่าภาคภูมิใจ แต่ไม่ใช่ไม่กลัวตายนะครับ กลัว แต่คิดว่ามันไม่น่าจะเกิดหรอก”
สำหรับพลังเงียบที่คิดว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตัวเองนั้น “ตั้ว ศรัณยู” ฝากบอกว่า.........
“ผมเคารพการตัดสินใจของทุกคน บางคนไม่มาเพราะเขาอาจจะไม่เห็นด้วยเลยเราก็เป็นสิทธิ์ของเขา บางคนอาจจะเห็นด้วยแต่เราก็ต้องยอมรับในความจำเป็นของเขา แต่ละคนอาจจะมีความจำเป็นที่ไม่สามารถมาขยับขยายปรากฏตัวได้ เราต้องเข้าใจและยอมรับ ถ้าจะฝากบอก ก็คงจะฝากบอกไปยังคนที่ไม่มีปัญหาเหล่านั้นและคิดเห็นเหมือนเราก็มากันเถอะ เพราะมันมีผลเติมเต็มพลังให้เยอะขึ้น แต่ถ้าใครมีความจำเป็นมาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรส่งกำลังใจมาจากที่ใดก็โอเคครับ”
“แต่สำหรับผมก็จะอยู่กับเวทีนี้ไปเรื่อยๆ อยู่จนกว่าจะไม่มีเวทีนี้ให้อยู่ อย่างที่ผมบอก ผมไม่รู้ว่าชัยชนะมันเป็นยังไง แต่ถ้าบ้านเมืองมันยังเป็นแบบนี้ ผมมีความรู้สึกแบบนี้ และมีเวทีแบบนี้ให้มารวมกัน ผมก็จะมา”
