แฟนหนังหลายคนคงเคยเพลิดเพลินกับการแสดงของ "ทิลดา สวินตัน" ดาราสาวใหญ่ชาวอังกฤษจากนาร์เนียทั้ง 2 ภาค เจ้าของรางวัลนักแสดงสมทบหญิงจากเวทีออสการ์คนล่าสุด แต่จะมีกี่คนที่ทราบว่าเบื้องหลังชีวิตรักของสาวผู้มีการศึกษาและชาติตระกูลสูงส่งเช่นเธอจะผิดแปลกแหวกแนวไปมากเช่นไร
เป็นที่รู้กันว่า ทิลดา สวินตัน ดาราสาววัย 47 นั้นอยู่กินฉันสามีภรรยาโดยไม่จดทะเบียนสมรสมาเป็นเวลา 18 ปีกับ จอห์น ไบร์น จิตรกรและนักเขียนบทละครชาวสก็อตวัย 68 ปี และมีลูกแฝดเพศชายวัย 11 ขวบด้วยกัน 2 คนอย่าง ฮาเวียร์ และ ออเนอร์ เป็นโซ่คล้องใจ
ความรักของทั้งคู่ดูไม่แตกต่างอะไรกับคู่รักต่างวัยธรรมดาๆ คู่หนึ่ง จนกระทั้งช่วงต้นปีที่ผ่านมา ที่ผู้คนเริ่มสังเกตว่าเธอมักจะออกงานไปไหนมาไหนกับหนุ่มคู่กายคนใหม่นามว่า ซานโดร ค็อป จิตรกรหนุ่มเลือดเยอรมัน-นิวซีแลนด์วัย 29 ตั้งแต่งานบาฟต้าจนถึงคืนออสการ์ที่เธอคว้าเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ทางการแสดงมาครอง รวมไปถึงกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่ทั้งสองแทบจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
แต่กลายเป็นความสัมพันธ์ครั้งใหม่ไม่ได้ทำให้ชีวิตคู่ของเธอและสามีคราวพ่อต้องถึงคราวแตกหักอย่างที่หลายคนคิด ซึ่งคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดไม่ใช่ใครนอกจากจอห์น ไบร์น นั่นเอง ที่ออกมายืนยันอย่างจริงจังว่าชีวิตรักของเขาและทิลดาจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เพื่อดูแลลูกชายทั้งสองของทั้งคู่ที่อาศัยอยู่ในบ้านพักที่เมือง Nairn ทางตอนเหนือของสก็อตแลนด์ ที่ๆ บางครั้งซานโดรก็มาเป็นแขกพักค้างคืนในบ้านหลังนั้น ท่ามกลางการต้อนรับที่ดีจากลูกชายทั้งสองของทิลดา รวมทั้งความเต็มใจของจอห์นด้วย
ทิลดาและจอห์น
ตามพื้นเพแล้วทิลดาและจอห์นมาจากสังคมที่แตกต่างกันสิ้นเชิง เมื่อตระกูลสวินตันของเธอสืบเชื้อสายขุนนางแองโกล-สก็อตย้อนประวัติไปได้ถึงศตวรรษที่ 9 เป็นบุตรสาวของพลตรีเซอร์ จอห์น สวินตันและแม่ชาวออสเตรเลีย เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนสตรีเวสต์ฮีธ ห้องเดียวกับ ไดอานา สเปนเซอร์ ผู้ต่อมาจะได้เป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์ ที่เธอทำหน้าที่เป็นหัวหน้าห้อง และสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีคณะรัฐศาสตร์ที่วิทยาลัยสตรีนิว ฮอลล์แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ แต่สุดท้ายเธอก็เข้ามาสู่โลกของละครและการแสดงอย่างในทุกวันนี้
ขณะที่จอห์นนั้นเกิดในชุมชนแออัดของเมืองเพสลีย์ในสก็อตแลนด์ เริ่มอาชีพวัยหนุ่มในฐานะช่างวาดรูป ก่อนที่จะผันตัวเองและมีชื่อเสียงอย่างมากในการประพันธ์บทละครเวทีหลายๆ เรื่อง
ทั้งสองคนมาพบกันครั้งแรกเมื่อปี 1985 เมื่อเขามาออกแบบฉากละครเวทีให้กับเธอที่เมืองเอดินเบรอะ หลังจากนั้นจอห์นก็เขียนบทโรทัศน์เรื่อง Your Cheatin' Heart ให้เธอเล่น จนกระทั้งในปี 1990 เขาก็ทิ้งภรรยาและลูกสาวมาอยู่กินกับทิลดาในลอนดอน จนในปี 1992 ทิลดาก็โด่งดังระดับสากลครั้งแรกกับการสวมบทเป็นชายหนุ่มในเรื่อง Orlando และในปี 1997 ทิลดาก็คลอดลูกชายฝาแฝดให้กับจอห์น และตัดสินใจย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่สก็อตแลนด์จนทุกวันนี้
ที่นั่นเธอเลี้ยงดูลูกชายทั้งสองของเธออย่างทุ่มเทและไม่เหมือนใคร เธอไม่ยอมให้มีทีวีอยู่ในบ้านเพราะไม่อยากให้ลูกๆ ของเธอตกเป็นทาสของมัน เธอให้ลูกๆ ของเธอเข้าเรียนในโรงเรียนที่เด็กๆ จะไม่ได้เรียนหนังสือตามหลักสูตรจนกว่าจะอายุ 6 ขวบครึ่ง ที่ส่งเสริมให้เด็กใช้จินตนาการมากกว่าการเรียนตามหลักสูตรทั่วไป ซึ่งทิลดาและไบร์นได้อุทิศช่วงเวลาดังกล่าวร่วมกิจกรรมนอกสถานที่ในชนบทอันสวยงามของสก็อตแลนด์กับลูกๆ ของพวกเขาอยู่เสมอๆ
"เรารักลูกๆ และลูกๆ ก็รักเรา จอห์นเขาเป็นพ่อที่ดีมาก เราร่วมกันเลี้ยงพวกเขามาอย่างดี" ทิลดากล่าว
หลังจากที่ลูกๆ ของทั้งสองเริ่มที่จะโตมากขึ้น การหันหลังให้กับวงการกลายๆ เพื่อมาทำหน้าที่แม่ให้สมบูรณ์ของเธอก็ยุติลง จนในหลายปีที่ผ่านมาเธอเริ่มกลับมามีผลงานการแสดงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นได้แก่บทแม่มดขาวใน The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe ที่ๆ เธอได้พบกับ ซานโดร ค็อป เป็นครั้งแรก
ทิลดา,จอห์น และซานโดร
ซานโดร ค็อป มารับเล่นบทเซนทอร์ครึ่งคนครึ่งม้าในผลงานชิ้นนี้ เป็นสาเหตุที่เขามารู้จักกับนักแสดงสาวรุ่นพี่อย่างเธอ และหลังจากนั้นทั้งสองก็เริ่มที่จะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ในฐานะที่เป็นศิลปินหนุ่มที่มีบ้านอยู่ทั้งในนิวยอร์ก, ปาริส, เยอรมนี, โรม และนิวซีแลนด์ เขาจะเดินทางกับเธอในทุกที่ที่เธอไปถ่ายทำภาพยนตร์
"ซานโดรและฉันเดินทางรอบโลกด้วยกัน สิ่งที่คุณต้องรู้ก็คือพวกเรามีความสุขกันมาก" ดาราสาวเปิดใจกับนักข่าว
แต่เมื่อเธอกลับบ้าน เธอจะกลับบ้านไปหาจอห์น
เพื่อนบ้านในละแวกเมือง Nairn ต่างรู้จักครอบครัวที่แปลกประหลาดของดาราสาวผู้นี้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านหลังนั้น ซึ่งจากการเปิดเผยของคนที่รู้จักกับครอบครัวสวินตันในลอนดอนก็เป็นที่ชัดเจนว่า "เธอต่างรักชายทั้งคู่มากๆ ทิลดามีความสุขกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่มากๆ"
ในการเปิดใจสัมภาษณ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมาของทิลดาและจอห์น ซึ่งมีซานโดรมาเป็นแขกในวันนั้นด้วย ดาราสาวใหญ่พยายามให้ความเห็นว่าสิ่งที่เป็นอยู่นี้ไม่ผิดแผกแตกต่างจากคู่รักรายอื่นๆ แต่อย่างใด
"เรื่องจริงก็คือฉันและจอห์นอยู่ที่นี่กับลูกๆ และซานโดรก็มาอยู่กับเราเป็นบางครั้ง เพราะส่วนใหญ่ฉันและซานโดรจะไปท่องโลกด้วยกันเสมอๆ เราทั้งหมดเป็นครอบครัวใหญ่" และเมื่อถามไปถึงประเด็นเรื่องความสัมพันธ์อันลึกซึ้งฉันชู้สาวว่าเป็นอย่างไร เธอก็ตอบอย่างทันทีว่า "มันไม่ใช่กงการอะไรของคุณ"
"ผมไม่แนะนำให้คุณถามอะไรทำนองนั้น มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเรา ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น" จอห์นกล่าวเสริม
ส่วนซานโดรก็กล่าวถึงบทบาทของตนในครอบครัวอันยุ่งเหยิงนี้ว่า "กับทิลดาแล้ว บทบาทของผมที่มีกับเธอมันหลากหลาย อย่างตอนไปรอบปฐมทัศน์ของนาร์เนียผมก็ไปกับเธอด้วย"
"ซึ่งจัดที่อัลเบิร์ต ฮอล ส่วนใหญ่ซานโดรและทิลดาจะไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน ส่วนผมมีงานต้องทำที่นี่" จอห์นเสริม
"การแบ่งภาคเป็นสิ่งสำคัญที่สุด บางครั้งฉันว่ามันเป็นชีวิตที่แบ่งเป็นสอง แต่จริงๆ แล้วมันคือการผสมผสานที่ลงตัวมากกว่า ชีวิตมันทำหน้าที่ของมัน ฉันจากไปแล้วกลับมา จอห์นก็จะอยู่รอรับฉันที่บ้านเสมอ" ทิลดาทิ้งท้าย
ทิลดา,จอห์น, ซานโดร และเจนีน
และความยุ่งเหยิงของครอบครัวคนดังแห่งสก็อตก็ข้ามไปสู่อีกขั้นหนึ่ง เมื่อจอห์นออกมาเปิดใจกับหนังสือพิมพ์ Daily Express เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้ว่าตัวเขาเองได้พบรักใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วกับ เจนีน เดวีส์ สาววัย 42 ผู้กำกับแสงละครเวทีที่รู้จักกันมากว่า 2 ปี และร่วมงานกับเขาในผลงานละครเวทีเรื่องล่าสุดอย่าง Nova Scotia และไปออกงานร่วมกับเขาในรอบเปิดตัวกันสองคนด้วย
ซึ่งจอห์นเผยว่าความสัมพันธ์ของเขาและทิลดายังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในฐานะผู้ปกครองของลูกๆ ของทั้งคู่
"มันเป็นสถานการณ์ที่ผ่อนคลายและเข้าใจกันดีทุกฝ่าย เราไม่มีอะไรต้องปิดบังและเจนีนก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม ทิลดารู้เรื่องราวทั้งหมดอย่างดีและมีความสุขกับสถานการณ์ครั้งนี้อย่างมาก พวกเราทั้งหมดยังอยู่ด้วยกัน มันอบอวลไปด้วยความรัก หวังว่าพวกคุณคงจะเข้าใจน่ะ"
"เรารักลูกๆ ของพวกเราและพวกแกก็รักเราเช่นกัน ลูกๆ รับมันได้อย่างดี แต่มันไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ต้องมาเปิดเผย ไม่ได้หมายความว่าพวกเราทั้งคู่เป็นพวกมีหลายคู่นอน ซึ่งมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย"
"เจนีนมาเจอลูกๆ ของเราแล้ว เธอเจอกับทิลดาแล้ว แต่ผมไม่มั่นใจว่าเราจะออกมาทำกิจกรรมร่วมกันทั้งหมดเลยหรือเปล่า แต่เธอก็เจอซานโดรแล้ว และเราทั้งหมดก็อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ทิลดาและผมยังอยู่ด้วยกัน ผมรู้ว่าผู้คนคงสับสนกับเรื่องนี้ แต่แนวทางของทุกๆ ความสัมพันธ์ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน"
"มันเป็นการจัดการที่แสนศิวิไลซ์ที่ผมเข้าใจว่าหลายคนคงยากที่จะเข้าใจแต่มันเวิร์คสำหรับเรา มันไม่ได้เป็นเรื่องเลวทราม ผมรู้ว่าหลายคนคงประหลาดใจ แต่มันเป็นเรื่องของพวกเราจริงๆ ทุกคนมีความสุขและทุกอย่างก็ลงตัว"