xs
xsm
sm
md
lg

"ฅ.คน" เดินช้า/อำนาจ

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ

แม้จะยังไม่เคยคิดถึงอนาคตไกลๆ ที่เป็นรูปธรรม (ชนิดที่ว่าอายุ 30 มีรถ, 35 มีบ้าน, 40 มีครอบครัว) อยู่ในหัวเอาเสียเลย ทว่าตลอดระยะเวลาช่วง 3 - 4 ปีหลังมานี้ ผมกลับมีความรู้สึกว่าทั้งชีวิตของผมนั้นดูเหมือนจะเดินเร็วเสียเหลือเกิน

แต่ก็นั่นแหละครับ

ด้วยเหตุผลที่ยังไม่รู้ถึงเป้าหมายปลายทางของชีวิตหากแต่มีความสุขอยู่กับอนาคตใกล้ๆ ประเภท เย็นนี้จะดื่มร้านไหน, ศุกร์นี้จะได้เตะบอลหรือเปล่า ฯ หลายครั้งผมเองก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่าการเดินเร็วของผมมันได้ก่อประโยชน์ให้กับตัวของตัวเองอย่างแท้จริงหรือไม่?

ร่างกายไม่ต้องพูดถึงครับ (เนื่องจากกิจกรรมที่ทำเป็นหลักๆ นอกจากจะไม่เป็นผลในด้านบวกแล้วยังอุดมไปด้วยผลในทางลบอีกต่างหาก) ที่น่าสนใจมากกว่าก็คือเรื่องของกระบวนการความคิด และความรู้สึก

ผมมาฟุ้งซ่านต่อเรื่องนี้(มากขึ้น)หลังได้รับเวลา(ที่ปกติต้องใช้ไปกับการจัดรายการวิทยุ) เพิ่มเติมเข้ามาในชีวิต จนพบว่าจริงๆ แล้วการเดินเร็วของผมอันเนื่องมาจากกระบวนการบีบรัดของเวลาในหลายๆ เงื่อนไขนั้นมันเกิดขึ้นมาจากการเอารูปแบบชีวิตไปโยงใยอยู่กับวิถีแห่งรูปแบบชีวิตของคนในสังคมเมืองส่วนใหญ่ซึ่งกระหวัดรัดเกี่ยวอยู่กับการเสพสุขด้วยสัมผัสแห่งรูป รส กลิ่น และเสียงเป็นหลักจนมากเกินไปนั่นเอง

จะว่าไปแล้วอาจจะไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกกระมังครับที่คิดว่าทุกวันนี้มนุษย์เราโดยส่วนใหญ่ต่างก็กำลังเดินกันเร็วจนเกินไป

เดินเร็วเสียจนกระทั่งหลายคนตกหล่นในรายละเอียดของความรู้สึกที่แท้จริงในบางอย่าง

เดินเร็วเสียจนกระทั่งลืมไปว่าการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายทั้งปวงล้วนคืออนิจจังที่ไม่อาจจะเอาชนะ

เดินเร็วกันเสียจนไม่เข้าใจว่าแท้ที่จริงสุดท้ายของชีวิตเราต้องการความสุขทางด้านอารมณ์หรือความสุขทางด้านจิตวิญญาณ ความสงบทางด้านจิตใจกันแน่

ที่สำคัญคือ เดินเร็วกันเสียจนไม่เข้าใจถึงคำว่าพอ การให้ การเสียสละ อันเป็นพื้นฐานง่ายๆ ที่จะทำให้กิเลสในร่างกายลดลง หากแต่พร้อมใจกันที่จะกระโจนสู่สนามแห่งการแข่งขัน ทั้งสนามแข่งขันกันมีเงิน แข่งกันสวย แข่งกันหล่อ แข่งกันมีอำนาจ แข่งกันสบาย แข่งกันเป็นผู้ถูก ฯ โดยมิได้นำพาต่อข้อห้ามที่อยู่ในรูปของจารีต บวกรวมเข้ากับการอาศัยช่องโหว่ของตัวบทกฏหมาย

จริงอยู่ที่ว่าสถานการณ์ ณ วันนี้ มันอาจจะยังไม่ได้เลวร้ายถึงระดับที่ว่า แต่หลายเรื่องมันชี้ชัดถึงสัญญาณอันตรายมิใช่หรือ?

ผมเองมิได้จะมาตกผลึกความคิดทางด้านจิตวิญญาณ มีจิตใจสูงส่งจนไม่มีอารมณ์ต่อเรื่องใดๆ, หรือมิได้นำพาต่อเรื่องเงินๆ ทองๆ, หรือจะมาทำเป็นผู้รู้ชอบเห็นจริงแล้วขอเสนอตัวเป็นผู้นำทางด้านทฤฎีกันแต่อย่างใดหรอกครับ

เพียงแต่ไปอ่านเจอเรื่องที่ตรงกับจริตที่อยากจะเป็น อยากจะทำ ก็เลยอยากจะเอามาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟัง

ไม่ใช่หนังสือลึกลับ ไม่ใช่หนังสือหายาก ไม่ใช่หนังสือที่มีราคาแพงแต่อย่างใด เป็นนิตยสารของค่ายทีวีบูรพา อย่าง "ฅ.คน" ที่ออกมาได้ร่วมๆ กว่า 3 ปีแล้ว

ก่อนอื่นต้องขอบคุณไปยังบริษัทเจเอสแอลฯ ที่ส่งนิตยสารเล่มนี้มาให้บ่อยครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่าได้อ่านบ้าง ไม่อ่านบ้าง แต่อย่างที่บอกครับว่าช่วงนี้มีเวลามากขึ้นก็เลยได้อ่านเต็มๆ ทั้งเล่มในฉบับล่าสุดหน้าปกเป็นเรื่องของซาไก(ในวันและคืนที่ผันเปลี่ยน)

พออ่านจบความรู้สึกที่อยากจะเดินช้าลงก็เกิดขึ้นมาในทันที(อีกครั้งหนึ่ง)

ทุกเรื่องอ่านแล้วได้อะไรเยอะแยะครับ แต่ที่ผมชอบมากๆ ในเล่มนี้ก็คือบทสัมภาษณ์ของพระฝรั่ง "ชยสาโรภิกขุ" ในหัวข้อ "วิถีพุทธ วิถีแห่งสากล" กับสกู๊ปพิเศษ "ถนนสายนี้กลับบ้าน ทางเลือกสายความสุขที่บ้านเกิด" เรื่องราวการเดินทางออกจากระบอบอะไรบางอย่างเพื่อกลับเข้าสู่ถนนแห่งความเรียบง่ายของ 2 ชายหนุ่มชาวบ้านธรรมดาๆ อย่าง "เหวิน มหรรณพ ต้นวงศ์ษา" กับ "มาโนช พรมสิงห์"

ถ้าใครมีโอกาสก็ลองหามาอ่านกันดูนะครับ เนื้อหาอาจจะไม่หวือหวาแบบรู้สึกว่าโอเวอร์ หากแต่ในวิถีแห่งความเรียบๆ ง่ายๆ ที่เป็นจริงของชีวิตนี่แหละที่ผมว่ามีอะไรให้น่าขบคิดมากมายทีเดียว

"สิ่งที่เราได้แน่ๆ ก็คือเราได้ความเป็นตัวตนของเรากลับมา ไม่ต้องไปยึดติดกรอบของสังคมที่มันซ้ำๆ ซากๆ อะไรๆ ก็ใช้แต่เงิน..."

"บ้านสำหรับผมคือที่ที่อยู่แล้วมีความสุข ที่ใดอยู่แล้วไม่มีความสุขที่นั่นไม่ใช่บ้าน..."


ไม่ได้ต้องการให้ท่านผู้อ่านต้องคิดหรือถึงขนาดต้องทำแบบทั้งสองหรอกหรอกครับ

แต่แค่อยากให้คิดกันสักนิดว่า...ที่เดินกันเร็วๆ ในช่วงเวลาที่ผ่านเข้ามา ชีวิตทำอะไรตกหล่นไปบ้าง?
กำลังโหลดความคิดเห็น