xs
xsm
sm
md
lg

"ยุ้ย รจนา" เผยชีวิตบัดซบ จากนางแบบโลกสู่ชีวิตสาวโรงงาน-กินข้าวกับเกลือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยุ้ย รจนา ปัจจุบัน
"ยุ้ย รจนา" เปิดหมดเปลือกถึงชีวิตตกอับ เคยเป็นนางแบบระดับโลก มีรายได้ปีละ 50 ล้าน แต่ชีวิตผกผันตกต่ำ เพราะติดยา ปัจจุบันต้องเร่ร่อนสมัครงานตามโรงงาน เผยไม่มีจะกิน ขนาดต้องกินข้าวกับเกลือ เปิดใจรู้สึกผิดที่เคยเอาขันตีแม่ แต่ตอนนี้สำนึกแล้ว สารภาพเอาน้ำล้างเท้าแม่มาอาบ และก้มลงกราบเท้าเพื่อล้างบาปที่เคยเป็นลูกอกตัญญู

เคยเป็นนางแบบไทยที่ไปโด่งดังในเวทีนางแบบระดับโลก มีรายได้ต่อปีสูงถึง 50 ล้านบาท แต่ "ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา" กลับใช้ชีวิตผิดพลาด เอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการติดยาเสพติดจนติดงอมแงม สุดท้ายต้องโซซัดโซเซกลับมาเมืองไทย หนำซ้ำยังตกเป็นข่าวทำร้ายร่างกายแม่บังเกิดเกล้า เพราะเมาขาดสติ โดนจับขังคุกหมดอนาคต หมดทางทำมาหากิน เพราะสังคมไทยรับการกระทำที่เป็นลูกอกตัญญูไม่ได้ จนเจ้าตัวต้องหันหลังให้วงการนางแบบ เร่ร่อนรับจ้างหาเช้ากินค่ำไปวันๆ
 
ชีวิตที่ผ่านมาต้องปากกัดตีนถีบ รับจ้างมาหมดทุกอย่าง ทั้งงานโรงงาน ขายรองเท้าตามตลาดนัด และเป็นเด็กเสิร์ฟ สุดท้ายเหมือนเป็นกงกรรมกงเกวียน ต้องมาถูกสามีคนไทยซ้อมปางตายจนฟันหักหมดสภาพ

วันนี้เจ้าตัวยินดีจะเปลือยถึงชีวิตตกอับอย่างหมดเปลือก ว่า 8 ปีที่เฉิดฉายบนเวทีนางแบบระดับโลก มีรายได้ปีละหลายสิบล้าน กับ 8 ปีที่ต้องดิ้นรนอย่างหมาจนตรอก กินข้าวกับเกลือ มันช่างต่างกันอย่างน่าหดหู่ใจ

จากสาวอีสานสู่อาชีพนางแบบระดับโลก ที่มีรายได้ต่อปีสูงถึง 50 ล้านบาท
“ยุ้ยเป็นคนอุบลฯ หลังจากที่ยุ้ยชนะการประกวดซูเปอร์โมเดล ออฟ ไทยแลนด์ ก็ย้ายไปอยู่เมืองนอก 8 ปี หลักๆ จะปักหลักที่ 4 ประเทศ คือ อังกฤษ นิวยอร์ก มิลาน ปารีส ซึ่งนอกจากจะเดินแบบแล้วก็มีถ่ายแบบลงหนังสือเล่มดังๆ หลายเล่มเหมือนกัน และก็ถ่ายแบบให้กับผลิตภัณฑ์ยี่ห้อดังๆ รายได้ตอนนั้นถือว่าหาง่ายมาก ต่อปีก็เยอะนะจะประมาณ 50 ล้านบาทได้ ช่วงที่ตัวเองมีเงินเยอะที่สุดคือช่วงอายุ 21-23”


“ช่วงนั้นใช้เงินแบบไม่รู้ตัวเลยค่ะ อยากได้อะไร จะเอาอะไรก็ต้องเอาต้องได้ทุกอย่าง อยากใช้เงินซื้อเสื้อผ้า ทานอาหาร ไปไนต์คลับ เลี้ยงเพื่อน ช่วงนั้นจะสปอร์ตมาก เพราะเงินหามาได้ง่าย เราก็จะใช้ๆๆ ส่วนมากจะหมดไปกับเที่ยว ดื่มเพราะว่าเราคิดว่าเงินหามาได้อย่างง่ายดาย แล้วก็ได้มาเยอะ เราต้องได้อีก ไม่มีทางที่จะหมด เราต้องได้มาเรื่อยๆ ยุ้ยคิดอย่างนี้ คือคล้ายๆ ว่าใจแตกด้วย”

“ชีวิตเริ่มแกว่งตอนที่ยุ้ยติดยา ยุ้ยไปเมืองนอกตอน 18 ได้ลองครั้งแรกก็ช่วงอายุ 20 ตอนแรกเพื่อนแนะนำก็อยากลองก่อน ยังไม่ติด พอหนักๆ เข้าพอมีรายได้เพิ่มขึ้นๆ นึกสนุกก็เลยเทคมันทุกวัน แล้วหลังจากนั้นก็ติดมาเลย ติดหนักๆ ก็ตอนอายุ 24-25 ยุ้ยติดโคเคนอย่างเดียว แต่เคยใช้เห็ดเหมือนกัน มันเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่งใช้กิน พอกินแล้วก็ทำให้ประสาทหลอนค่ะ”

“เสพเข้าไปมันทำให้เรามีความกระตือรือร้น มีความสนุกสนาน ตื่นเต้น มองอะไรก็ดูสวยงามไปหมดค่ะ คึกคัก ครึกครื้น ทำให้เราดูมีชีวิตชีวา ปกติคนเราจะเรียบๆ ธรรมดาไม่มีอะไร พอเทคเข้าไปก็รู้สึกน่าตื่นเต้น พอหนักเข้าก็เทคยาจนถึงเช้า ไม่ไปทำงานบ้าง อย่างมีงานตอนเช้า ยุ้ยเทคไม่ได้หลับได้นอนไปทำงานทั้งๆ ที่เมายา งานก็เสีย ทีมงานก็เลยไม่โอเคกับยุ้ย ทางเอเยนซีก็เลยบอกให้ยุ้ยกลับเมืองไทย เพราะว่ายุ้ยเบี้ยวงานบ่อย”

แฉวงการนางแบบเมืองนอกอัปยาเป็นแฟชั่น บอกซื้อขายกันได้ง่ายดายเหมือนของถูกกฎหมาย
“ยุ้ยแน่ใจว่าวงการนางแบบมีเรื่องแบบ (ยาเสพติด) นี้ค่ะ เพราะตอนเป็นนางแบบหลักๆ ยุ้ยจะทำงานอยู่ 4 ประเทศ คือ อังกฤษ นิวยอร์ก มิลาน ปารีส ซึ่งเป็นแหล่งของวงการแฟชั่นชั้นนำที่ดีที่สุดในโลก เพราะฉะนั้นมีแต่คนระดับโลกเท่านั้นที่จะมาอยู่ และยุ้ยก็เห็นกับตามาแล้วถึงเชื่อ ว่าประเทศอื่นก็น่าจะมีบ้างนะ อย่างนางแบบดังๆ นี่เขาแบ่งห้องน้ำกันคนละห้องเลยค่ะ แล้วก็สูดพร้อมกัน คือรู้กัน พอปิดประตูเข้าห้องน้ำปุ๊บ ก็เอาเลย ส่วนมากเขาใช้ผงขาว โคเคน ใส่ในกระดาษแล้วสูดใส่จมูก ปิดจมูกไว้ข้างหนึ่ง”

“มันเหมือนกับเป็นแฟชั่นไปแล้ว หาซื้อง่ายมาก เพราะจะมีคนส่งให้ แค่บอกกันว่าเอายานะ เขาก็จะมายืนตามจุดเลยคนซื้อจะรู้กัน คือ จริงๆ อันนี้เขาไม่ค่อยเปิดเผยกันนะคะที่เมืองนอก แต่ยุ้ยก็ไม่รู้ว่ายุ้ยทำถูกหรือเปล่าที่เอามาพูด แต่เท่าที่ยุ้ยรู้ที่เมืองนอกเหมือนกับเป็นแฟชั่นค่ะ ใครๆ ก็ใช้ทั้งนั้น และไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องผิด เพราะเขาใช้กันเป็นเรื่องปกติ ยกตัวอย่าง เคท มอส คือตอนแรกเขาอาจจะทำแต่ไม่มีใครรู้ แต่ตอนหลังมันกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ซึ่งเขาทำก็ไม่มีใครว่า คิดว่าไม่มีใครสนใจ เขาก็เลยทำ ก็เลยเป็นข่าว”

“ถามว่าเพราะทำให้ผอมหรือเปล่า ก็มีส่วนค่ะ ใช้ยาแล้วผอมจริงค่ะ แต่ขอบตาจะดำ โทรม แก้มตอบ จะแห้ง ไม่มีพุง เพราะการเทคยาจะทำให้เราอิ่ม เราจะไม่หิวแล้ว ดีกับรูปร่างแต่เสียกับงาน อย่างเขานัดทำงานเช้า แล้วยุ้ยไปปาร์ตี้กลับถึงบ้านเช้า แล้วได้รับข้อความว่ามีงานตอน 7 โมง เราก็ไปที่ทำงานเลย ไม่ได้นอน ก็เลยโทรมเป็นผีตายซาก แล้วตอนไปทำงานเขาจัดเตรียมอะไรไว้เรียบร้อยแล้ว ออร์แกไนซ์อะไรไว้ทุกอย่างแล้ว พอไปถึงครึ่งทางยุ้ยไม่อยากไปก็เลยไม่ไปดีกว่า ก็กลับซะเฉยๆ อย่างนั้น ก็เลยเสียงาน บางทีสายทีมงานต้องรอ 3-4 ชั่วโมง”
สมัยยังรุ่งโรจน์ในอดีต



“มันมีผลทำให้ความจำไม่ค่อยดี ขี้หลงขี้ลืม เพราะว่าเทคเยอะ จนตอนนี้เป็นโรคพ่วงมา คือ ตอนนี้เป็นเหมือนสมองมันกลวง แล้วยุ้ยเป็นไบโพลาร์ด้วย คือ สารในสมองหลั่งไม่เท่ากัน ผลมาจากที่ยุ้ยเทคยาเยอะ ปัจจุบันนี้ยุ้ยก็ยังเป็นอยู่ ตอนนี้ยุ้ยต้องทานยาเป็นประจำทุกวัน ต้องไปหาหมอ 6 เดือนต่อ 1 ครั้ง ต้องไปเอายาทุกเดือน และอยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิด”

“ตอนนี้ไม่อยากยาแล้วค่ะ ไม่เอาแล้วเพราะว่ามันหนักมาก ยุ้ยใช้เวลานานมากกว่าจะฟื้นฟูมาได้ขนาดนี้ นานมากเลยค่ะ ช่วงนั้นมันแย่มากเลย อาการตอนนี้ยุ้ยดีขึ้นมาแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์จากที่เป็นศูนย์ ตอนนั้นลิ้นแข็ง พูดไม่ได้ ความจำก็เบลอๆ เหมือนเด็ก 3 ขวบ เป็นขนาดนั้นเลยนะคะ หนักสุดคือพูดไม่ได้เลย เบลอๆ เหมือนคนเอ๋อ”

เหมือนเป็นกงกรรมกงเกวียน อดีตเคยเอาขันตีแม่ ทำตัวเป็นลูกอกตัญญู วันนี้ต้องมาถูกสามีซ้อมปางตาย
“คือ ยุ้ยไม่ได้ตีแม่ ณ ตอนนั้น แม่ก็ดื่ม ยุ้ยก็ดื่ม แล้วแม่มาตามยุ้ย แม่เขาจะเข้ามาตียุ้ยก่อน แต่ยุ้ยต้องป้องกันตัวโดยการปัดออก แล้วแม่ก็ไปสะดุดตอล้ม แล้วเขาก็คิดว่ายุ้ยตีเขาเพราะเขาเมา ทั้งๆ ที่ความคิดของยุ้ย ยุ้ยจะไปตีแม่ทำไม เรามีแม่คนเดียว แล้วยุ้ยพูดไม่ได้ เพราะถ้ายุ้ยพูดไปก็เหมือนกับว่าทำให้แม่เราโกรธ ดูเหมือนว่าแม่โกหกคน ถ้ายุ้ยแก้ตัวเขาก็อาจคิดว่ายุ้ยพยายามแก้ตัว แต่ไม่ใช่ ถ้ายุ้ยพูดความจริงแม่ก็ต้องโกรธยุ้ยอีก ที่ผ่านมาคนเข้าใจผิด เพราะยุ้ยปล่อยไปตามข่าว ไม่แก้ข่าว เพราะยุ้ยอยู่ในห้องขัง”

“ตอนนั้นที่แม่เขาจับยุ้ยเข้าห้องขัง แล้วก็มีสื่อมวลชนมาสัมภาษณ์แม่ แล้วยุ้ยก็ไม่มีโอกาสคุยอะไรเลย เรื่องก็เลยตามเลย นักข่าวก็เอาไปเขียน คือ เขาก็เข้าใจผิด เพราะแม่ยุ้ยบอกว่า ยุ้ยตี แม่เขาก็ยกข้อศอก แก้ม ที่เป็นแผลโชว์ให้ดูแต่ที่จริงคือเขาล้ม เพราะคนล้มก็ต้องโดนพื้นเป็นธรรมดา แต่ที่จริงยุ้ยแค่ปัดไป เพราะแม่จะมาทำร้ายยุ้ย ยุ้ยก็แค่ป้องกันตัวเอง สาบานว่าไม่ได้ทำร้ายแม่ แต่เพราะว่ายุ้ยกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเหมือนกัน"

“แต่ก็รู้ว่าแม่มีเรื่องไม่พอใจยุ้ยอยู่ เขาฝังใจเจ็บ คือก่อนหน้านี้ตอนที่ติดยายุ้ยเคยทำร้ายแม่จริง เพราะแม่ขังยุ้ยไว้ในห้องน้ำแล้วเอาขันตีแม่จริง ฤทธิ์ยาทำให้ไม่รู้เรื่อง โอเคอันนั้นยุ้ยยอมรับว่าใช่ แต่เรื่องที่โดนจับเข้าคุกเนี่ย ยุ้ยไม่ได้ตี แม่ต่างหาก ชาวบ้านเขาก็เห็น คนแถวนั้นก็รู้กันหมด ว่ายุ้ยไม่ได้ตี เสร็จแล้วเรื่องมันก็เลยตามเลยมา เพราะยุ้ยไม่แก้ข่าว ยังไงเขาก็แม่”

“ที่ชีวิตยุ้ยเป็นแบบนี้ ใจก็รู้ว่าคนต้องมองว่ามันเป็นกงกรรมกงเกวียนอย่างแน่นอน แต่ยุ้ยคิดว่ายุ้ยโชคร้ายมากกว่าที่มาเจอผู้ชายแบบนี้ ดวงยุ้ยไม่ดี คือยุ้ยมองคนผิด แล้วก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนก้าวร้าว ขอย้ำว่าเป็นความโชคร้ายของยุ้ยมากกว่า แล้วยุ้ยคิดว่าต่อไปจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับยุ้ยอีกแล้ว คือ ครั้งนี้ครั้งเดียว”

“ตอนคบกันแม่ก็ไม่เห็นด้วยเพราะว่าเหมือนกับว่าเขาไม่ค่อยถูกชะตากับผู้ชายคนนี้ เขาก็เลยไม่ให้ยุ้ยคบ แต่เราก็ไม่ฟังไปอยู่ด้วยกันประมาณหนึ่งปี ที่ผ่านมายอมรับว่าเขาก็เคยตบยุ้ยเวลาไม่พอใจ แต่ไม่เคยรุนแรงขนาดนี้ เขาขี้หึงแต่ยุ้ยไม่เคยนอกใจนะ แต่เขาเหมือนโรคจิต มีครั้งนี้ที่เขากระทืบตามตัว ตัวนี่ช้ำเป็นจ้ำๆ เขาชกหน้ายุ้ยประมาณ 10 หมัดได้ เขาดึงหัวยุ้ยไว้แล้วก็จับชกๆๆ คือ เขาดึงหัวเราไว้แรงมาก แล้วจับไหล่เราเหวี่ยง และผลักตกบันได หน้านี่ก็บวมปิดเลย ฟันก็หักเลือดออกมาเต็มปาก คนที่รู้จักยุ้ยเขาเห็นเขายังเวทนาน้ำตาไหลเลย”





ทำมาหากินไม่ขึ้นตกอับสุดขีด ต้องปากกัดตีนถีบรับจ้างหาเลี้ยงปากท้องไปวันๆ สำนึกผิดขอไถ่บาปด้วยการเอาน้ำล้างเท้าแม่มาอาบ พร้อมกราบขอขมาสาบานจะไม่เป็นลูกอกตัญญูอีก
“ยุ้ยไม่ใช่คนเลือกงานนะ 8 ปีที่ผ่านมาทำได้หมด เคยไปทำงานโรงงาน ไปขายชา ขายรองเท้าตามตลาดนัด เป็นเด็กเสิร์ฟก็เป็นมาแล้ว ยุ้ยได้ภาษาก็จริงแต่วุฒิการศึกษาของยุ้ยไม่ได้ เพราะจบแค่ ป.6 อย่างถ้าจะไปสมัครงานโรงแรม วุฒิก็ไม่ถึง ม.6 จะไปสมัครงานที่เงินเดือนดีหน่อยเขาก็ต้องเอาวุฒิ ซึ่งวุฒิของยุ้ยไม่ได้ เพราะฉะนั้นมีอย่างเดียวคือต้องทำงานโรงงาน”

“แต่เงินเดือนน้อย เดือนละ 5,000-6,000 อย่างสมมติยุ้ยใช้วันละ 200 บาท กินข้าว 3 มื้อ ตีว่ามื้อละ 30 บาท 3 มื้อก็ 90 บาทแล้ว แล้วค่ารถ ถ้ารีบก็ต้องนั่นรถไฟฟ้าอีก 40 บาทแล้วบางทีเราอยากกินอย่างอื่นก็หมดแล้วค่ะ เดือนนึงก็หมดแล้วบางทีไม่พอใช้ สุดท้ายก็เลยกลับมาช่วยแม่ทำร้านเสริมสวยดีกว่า อย่างน้อยไม่ต้องเสียค่ารถ ถึงจะเป็นร้านเล็กๆ ได้เงินหลักสิบหลักร้อย แต่เราก็ประหยัดไปได้ ช่วงที่แย่สุดๆ ไม่มีเงินเลยยุ้ยต้องกินข้าวกับปลาร้าถ้วยเก่า ซ้ำๆ เป็นอาทิตย์ๆ บางทีก็กินข้าวกับเกลือ มันลำบากมาก”

“ที่ชีวิตเป็นแบบนี้ยุ้ยไม่โทษใครหรอกค่ะ ยุ้ยคิดว่าเป็นเพราะเราทำตัวเอง คือ ถ้าเกิดมีสติก็คงไม่พลาดแบบนี้ คือยุ้ยติดนิสัยอิสระมาเยอะ ถ้าย้อนเวลาได้ยุ้ยอยากแก้ไขเรื่องยาเสพติดนี่แหละ ถ้าเราใจแข็งไม่อยากลอง ชีวิตก็คงไม่เป็นแบบนี้ เคยคิดสั้นทำร้ายตัวเองหลายครั้ง มีครั้งนึงกระโดดบ้านจากชั้น 2 ลงมา แต่โชคดีไม่เป็นอะไรมาก”

“รู้สึกเสียใจกับการกระทำที่ผ่านมามากๆ รู้ว่าตัวเองทำหน้าที่ลูกไม่ดีพอ เคยกราบขอโทษแม่ เอาน้ำล้างเท้าแม่มาอาบ อยากให้แม่รับการขอโทษจากเรา ให้แม่รับว่าไม่โกรธไม่ติดใจอะไรกับเรา ที่เราเคยทำร้ายเขาเคยติดยาทำให้เขาทุกข์ใจ อยากทำให้รู้ว่ายุ้ยสำนึกแล้วจริงๆ มองหน้าแม่เขาก็เอามือลูบหัว แล้วน้ำตาไหลเลย แต่ยุ้ยไม่ร้องนะ เพียงแต่บอกว่า หนูขอโทษนะแม่นะ อภัยให้ลูกด้วยนะ ความรู้สึกมันบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าเราตั้งใจทำให้แม่นะ”

“ความเป็น รสนา เพชรกัณหา วันก่อนกับวันนี้มันต่างกันมาก รสนาในวันนี้ตกต่ำ คือ มันต่างกันเยอะเลยค่ะ แต่ตรงนี้เป็นที่คนมองนะคะ เพราะถึงยังไงยุ้ยก็ยังภูมิใจในตัวเอง เพราะเรารู้ว่าต้องเหนื่อยขนาดไหนกว่าจะมาถึงขนาดนี้ ชีวิตยุ้ยไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทุกวันนี้ยุ้ยมีความสุข แล้วก็ภูมิใจกับตรงนี้มากๆ อย่างที่เขาพูดเลย สูงสุดคืนสู่สามัญ (ยิ้ม) แต่คิดว่าจะผ่านมันไปได้นะ เรายังมีมือมีเท้าอยู่ เราไม่ได้อยู่เฉยๆ แค่อย่าไปท้อถอย”

“ต้องขอบคุณแม่คนเดียวเลย ที่ทำให้เราผ่านช่วงชีวิตที่เลวร้ายนั้นมาได้ เพราะแม่เป็นหลักให้เรา ถ้าไม่มีแม่เราก็ไม่มีหลัก เคว้งคว้างไม่รู้จะไปทางไหน ความหวังตอนนี้ถ้าเป็นไปได้อยากคืนกลับมาทำงานในวงการ จะเป็นอะไรก็ได้ ใจจริงอยากเป็นนางแบบอีกครั้ง ไม่รู้จะมีใครให้โอกาสหรือเปล่า ในอนาคตยุ้ยอยากจะมีบ้านให้แม่สักหลังหนึ่ง อยากจะมีงานประจำจริงๆ ทำ อยากจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ อยากจะมีครอบครัวที่ดี อยากจะมีคนที่รักเราและเรารักเขา อยากมีความสุขให้มากที่สุด”


กำลังโหลดความคิดเห็น