“มะหมี่” เผยเล่นหนัง “ลองของ 2” เจอดีของขึ้นกลางกองถ่ายเกือบตาย แจงทุกครั้งที่มีฉากต้องท่องคาถาเขมรจะต้องเจอเหตุการณ์แปลกประหลาดแทบทุกครั้ง บอกหลังจากปิดกล้องเร่งทำบุญแก้เคล็ดเป็นการด่วนเหตุกลัวสิ่งเร้นลับที่มองไม่เห็น
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งนักแสดงสาวที่ใจกล้าอย่างมากสำหรับ “มะหมี่-นภคปภา นาคประสิทธิ์” ที่ล่าสุดโดดมารับเล่นภาพยนตร์สุดสยองอย่าง “ลองของ 2” เป็นครั้งที่สอง แต่แล้วล่าสุดมีกระแสข่าวว่า สาวมะหมี่เจอดีของขึ้นกลางกองถ่าย ถึงขั้นทีมงานต้องรีบหามตัวส่งเข้าโรงพยาบาลเป็นการด่วน พอมีโอกาสเจอตัวสาวมะหมี่เธอเลยออกมาเปิดใจถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่าตลอดการถ่ายทำเจออุปสรรคทุกฉาก
“มันน่ากลัวมากเลยค่ะในกองถ่าย เพราะว่าทุกครั้งที่เราถ่ายภาพยนตร์นี่ต้องเกิดอุปสรรคตลอดทุกครั้งที่เราทำการถ่าย อย่างเช่นฉากตอนที่เราต้องท่องคาถาที่เป็นภาษาเขมรนั้น พอถ่ายไปได้สักพักมะหมี่ก็ขออนุญาตลงมาเข้าห้องน้ำ แต่พอตอนเดินลงมาอยู่ดีๆ นีก็ลื่นตกบันไดลงมาไปกองอยู่กับพื้นแบบไม่มีสาเหตุเลย คือ ถ้าเราสามารถควบคุมตัวเองได้เราจะรู้ว่าตัวเราดี แต่นี่คือหลังเราไปก่อนเลย แต่พอเราหันหลังมาก็ไม่มีใครอยู่สักคน”
“ตอนนั้นเราก็ใจหาย ขนลุกหมดเลยเลย แต่ความคิดเรามันเหมือนกับว่ามีคนมาอยู่ข้างหลังเรา เพราะเรารู้สึกเหมือนกับว่าโดนถีบเลย ตอนแรกก็คิดว่ามีคนตามลงมาเข้าห้องน้ำ แต่พอหันมาแล้วมันก็ไม่มีใคร เราก็เริ่มอึ้งแล้วค่ะตอนนั้นทีมงานก็มาอุ้มเราให้ไปโรงพยาบาล เราก็เแบบว่าลุกไม่ไหวแล้ว พอไปถึงโรงพยาบาลหมอเปิดแผลให้ดูเราก็ตกใจค่ะ เพราะหมอไม่เคยเห็นแผลที่เป็นแบบนี้ แผลที่เป็นถุงน้ำอ่ะค่ะ เป็นเลือดอยู่ข้างใน ใต้ผิวหนัง คือ เลือดมันเยอะมาก มะหมี่ตกใจมาก ใช้เวลารักษา 3 เดือนน่ะค่ะกว่าที่เลือดมันจะยุบลงไป”
เผยกลัวมาก เพราะฉากที่ถ่ายทำนั้นเป็นสถานที่จริงทั้งหมด รับเจอดีของขึ้นเกือบตายเป็นเหตุต้องรีบสักยันต์กับ “อาจารย์หนู” แก้เคล็ดเป็นการด่วน...
“ช่วงนั้นคุณหมอก็บอกว่าห้ามให้มันแตกเลย เพราะว่ามันอาจจะเป็นหนองได้ ตอนนี้เราก็พยายามเอายาทาตลอด แต่พออีกวันมะหมี่มีโอกาสเจออาจารย์หนูก็เล่าเรื่องให้เขาฟังเขาก็บอกว่ามะหมี่ต้องไปลงยันต์แล้วล่ะ เพราะว่าคาถาภาษาเขมรที่มะหมี่พูดนั้นมันเป็นคาถาจริงทั้งนั้น”
“คือ ตอนนั้นมะหมี่กลัวมาก แต่ก็ไม่อยากที่จะลบหลู่อะไร เอาเป็นว่ากันไว้ดีกว่าแก้ดีกว่า มะหมี่ก็เลยไปลงยันต์กับอาจารย์หนูค่ะ สักที่หลัง เป็นยันต์น้ำมันอักขระ เป็นยันต์ป้องกันภูตผีปิศาจ เพราะในกองถ่ายต้องบอกเลยค่ะว่าฉากแต่ละซีนนี่เราถ่ายจากสถานที่จริงหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นโกดังร้าง ลานป่าช้า อะไรนี่เป็นที่ๆ อาจารย์หนูบอกว่าสัมภเวสีจะเดินผ่านไปผ่านมาตลอด เพราะว่าไม่มีบ้านคนอยู่เลยแถวนั้น”
ต่อข้อถามที่ว่าสาวมะหมี่เจอเหตุการณ์ลึกลับทำนองเดียวกันนี้บ่อยหรือไม่ นักแสดงสาวเผยว่า...“มะหมี่เจอแรงๆ แบบนี้แค่ครั้งเดียวค่ะ อ๋อ...แล้วมันก็มีอีกครั้งหนึ่ง คือ มะหมี่โดนมีดเสียบอีกทีหนึ่ง แบบว่าทุกๆ ซีนที่เกิดขึ้นจะเป็นซีนที่เราต้องท่องภาษาเขมรหมดเลย อย่างตอนมีดจิ้มนี่เราไม่รู้ตัวเลยนะ เพราะมันเป็นซีนที่เรากำลังของขึ้น คือ มีดมันจิ้มไปเป็นรูเลย ตอนแรกไม่รู้ตัวเลย พอเสร็จแล้วเราจะดึงออกก็รู้ตัวตอนหลังว่ามีดมันจิ้มลงไปแล้ว”
“ตอนเล่นนั้นเรายังไม่รู้สึกเจ็บเลยค่ะ เราก็ยังท่องคาถาต่อไปเรื่อยๆ แต่น้ำตามันก็จะไหลอยู่แล้วตอนนั้น แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้เราก็ได้แต่ขอขมาลาโทษและบวงสรวงไป เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเราไปล่วงเกินหรือลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรบ้างหรือเปล่า”
“บอกตามตรงว่าช่วงที่ถ่ายทำนั้นมะหมี่หลอนมากค่ะ ถึงขั้นต้องกินยานอนหลับเลย คือ ตอนตกกลางคืนมาจะนอนไม่หลับตลอดเวลา แล้วตอนเวลาท่องภาษาเขมรนั้นมันไม่ใช่แค่ท่องวันเดียวแล้วหมดไป คือ มันต้องทำความเข้าใจแล้วท่องให้มันติดปากไปเรื่อยๆ เตรียมตัวทีหนึ่งประมาณ 3 อาทิตย์ เพราะว่าแต่ละบทที่ให้ท่องนั้นมามันยาวมาก เพราะฉะนั้นเราต้องทำการบ้านทุกอย่างเลย”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า แล้วที่ผ่านมาสาวมะหมี่เคยมีโอกาสไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรบ้างหรือไม่ นักแสดงสาว เผยว่า ได้บริจาคโลงศพแก้เคล็ดไปแล้ว
“ก็มีการไปทำบุญมาค่ะ ไปบริจาคโลงศพ เพราะมันถือเป็นการแก้เคล็ดเลยไปในตัว คือ เราไม่ได้ทำให้แค่คนเดียว เราทำให้กับศพที่ไม่มีญาติคือเขาสามารถเข้าไปใช้กันได้หมด เหมือนกับว่าทำให้กับสัมภเวสีที่ไม่มีญาติสามารถเข้าไปใช้ได้ด้วย บอกตามตรงว่ามะหมี่ค่อนข้างที่จะเชื่อเรื่องแบบนี้ค่ะ พอทำบุญแล้วเราก็สบายใจขึ้นเยอะ”