“ซึ่งเราก็จำได้นะว่าเค้าเคยเล่นหนัง AV แต่เมื่อเราเช็กกลับไปแล้วทราบว่าเธอไม่ได้เล่นหนังพวกนี้แล้ว และตอนนี้ก็เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น จึงตกลงเลือกเธอเข้ามาเล่นหนังเรื่องนี้ครับ...'
ส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์จาก “ย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์” ผู้กำกับหนังเรื่อง “ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น” ต่อกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการดึงเอาอดีตดาราหนังเอวีชื่อดังของญี่ปุ่น “โซระ อาโออิ” มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์
ทั้งนี้ หนึ่งในเสียงคัดค้านต่อกรณีนี้ที่ดังพอควร ก็คือ “ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช” ในฐานะของนายกสมาคมเสริมสร้างครอบครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข โดยเจ้าตัวให้ความเห็นว่าการที่ทีมงานผู้ผลิตเลือกอดีตดาราเอวีคนนี้มาก็เพราะต้องการให้เป็นจุดดึงงดูดเด็ก พวกหัวงูและไอ้เฒ่าทั้งหลายไปดูหนัง
“ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีเจตนา หวังเงินในกระเป๋ามากกว่าความสำนึก ที่จะรับผิดชอบต่อภาพรวมของสังคมที่มีผลต่อเด็ก...” อดีต ส.ว.ขอนแก่นที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูกับดารา นักร้อง นางแบบที่เน้นขายความเซ็กซี่ทั้งหลายเผย พร้อมยอมรับด้วยว่าแม้แต่สามีตนก็ยังอยากจะไปดูด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อเรื่องดังกล่าว ทว่า เมื่อมองบรรยากาศของสถานการณ์โดยรวมแล้วต้องถือว่าเสียงต่อต้านที่ออกมาดูจะไม่รุนแรงนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากย้อนกลับไปเปรียบเทียบกรณีที่มีลักษณะคล้ายๆ กันกับสาวไทย “แนท เกศรินทร์ ชัยเฉลิมพล” ซึ่งถูกต่อต้านอย่างหนักเมื่อครั้งที่ชื่อของเธอเริ่มเป็นที่รู้จักขึ้นมาในวงการฯ ยุคที่หนังแผ่นกำลังได้รับความนิยม หลังมีการเปิดโปงออกมาว่า ในอดีตเธอถ่ายหนังโป๊ในระดับเรตเอ็กซ์มาก่อน
อะไรคือสิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าทั้งๆ ที่ทั้งคู่ต่างก็ผ่านสมรภูมิของวงการหนังโป๊ในระดับเดียวกันมาก่อน?
“ประเด็นตรงนี้ทุกคนมองไปไกลมาก ถ้าเกิดว่าบทนี้มันเหมาะสมกับน้องแนท ตนก็เอาน้องแนทมาเล่น แต่นี่มันไม่เหมาะ...” ผู้กำกับฯ ปิดเทอมใหญ่ฯ เคยตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการดึงเอา “โซระ อาโออิ” มาร่วมงาน ที่เป็นการยืนยันว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับ “อดีต” ที่ผ่านมาของนักแสดงหญิงแต่อย่างใด
อาจจะดูคล้ายกันในบริบท ทว่ามีอยู่หลายประเด็นทีเดียวที่ทำให้กระแสแห่งการยอมรับของนักแสดงอดีตดาวโป๊ของญี่ปุ่นและไทยคู่นี้มีความต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เริ่มกันตั้งแต่ประเด็นแรกเกี่ยวกับพื้นฐานความคิด กฏเกณฑ์ของสังคมระหว่างญี่ปุ่นและไทยต่อหญิงสาวที่ประกอบอาชีพนักแสดงหนังในแนวเรตเอ็กซ์ ซึ่งแหล่งข่าวที่เป็นนักข่าวสายบันเทิงคนหนึ่งมองเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า...
“ประเด็นนี้ค่อนข้างจะชัดนะ เพราะที่บ้านเขา หญิงสาวที่เล่นหนังแบบนี้แม้ว่าเขาจะไม่ได้ถึงขนาดที่จะยกย่องเชิดชู หรือใครที่เป็นพ่อเป็นแม่มีลูกสาวแล้วจะสนับสนุนให้ลูกทำ ทว่าคนที่นั่นเขาก็ไม่ถึงกับจะรังเกียจอะไรกันสุดๆ ชนิดรับไม่ได้เลย”
“แล้วในสายงานนี้ของเขาก็มีกฏ มีกติการองรับอยู่ คือมันค่อนข้างจะเป็นระบบแล้วก็อยู่ในที่แจ้งพอสมควร ไม่ถึงกับมืดมิดไปเลย”
“แต่ของเรานอกจากเรื่องของจารีตแล้ว มันยังเกี่ยวกับเรื่องของกฏหมายด้วย เอาแค่ว่าเล่นเป็นดาวโป๊ไม่ต้องอะไรหรอกนะก็ถูกด่าแล้ว แล้วอย่างน้องแนทที่นี่จะไปเหลืออะไร ที่สำคัญอย่างที่บอก คือต้องไม่ลืมว่าของเรามันเป็นงานที่มันผิดกฎหมายนะ อย่างน้องแนทนี่เริ่มต้นขึ้นมาเพราะเป็นข่าวถูกดำเนินคดี แค่นี้ก็ต่างกันเยอะแล้ว”
ประเด็นถัดมาที่ถือว่าสำคัญไม่น้อยทีเดียว ก็คือ สถานภาพของทั้งคู่ในปัจจุบัน เพราะในขณะที่สาวจากแดนปลาดิบประกาศตัวว่าเลิกแสดงหนังในแนวที่เคยเล่นมาแล้วอย่างเด็ดขาดและก็ดูเหมือนว่าเธอมีความตั้งใจจะทำเช่นนั้นจริงๆ
ผิดกับฟากของสาวไทย ซึ่งยังคงวนเวียนอยู่ในสายงานที่ไม่ห่างจากสิ่งที่เคยทำมาเท่าไหร่นัก ทั้งงานโชว์ตัวในสถานบันเทิง, ถ่ายไดอารี่ นู้ด ร่วมกับแฟนหนุ่ม หรือแม้กระทั่งแนวคิดในการตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อปั้นนางแบบในแนววาบหวิว
“ตรงนี้ผมว่าสำคัญนะ เพราะมันบอกไม่ได้เลยว่านี่คือการเปลี่ยนแปลง นี่คือการกลับตัวของคุณ มันเหมือนผู้ร้ายที่เคยติดคุกมาแล้ว แต่พอออกมาคุณก็ยังไปวนๆ เวียนๆ อยู่ในสังคมเดิมๆ รูปแบบเดิมๆ โอเค คุณอาจจะไม่ได้เลวเท่าเดิม ไม่ได้ทำอะไรผิดเท่าเดิม แต่มันก็ยากนะที่คุณจะให้คนรอบข้าง คนในสังคมมองว่าคุณไม่ใช่คนเดิมที่ไม่ดีแล้ว”
“ผมว่าคนในสังคมเราให้โอกาสอยู่แล้ว ทว่าคุณก็ต้องแสดงให้เห็นด้วยว่าคุณอยากได้โอกาสนั้นจริงๆ และคุณก็ต้องยอมรับด้วยว่า จริงๆ แล้วไอ้สิ่งที่คุณทำมามันไม่ใช่เรื่องที่ดีจริงๆ เพราะไม่เช่นนั้น มันก็คงจะไม่มีอะไรต่างกันเลยระหว่างอดีตกับปัจจุบัน”
ท้ายที่สุดก็คงจะต้องบอกว่า แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนนั่นเอง
