"ปลื้ม" ไม่สนคำวิจารณ์ เชื่อหนังโดนใจกลุ่มวัยรุ่นแน่

"ปลื้ม" ยอมรับตัวเองสไตล์กวนประสาทชาวบ้าน มักทำอะไรที่คนอื่นไม่อยากให้ทำ มั่นใจหลังหนังฉายเจาะกลุ่มวัยรุ่นได้อีก ฟุ้งบทบาทใหม่เป็นตัวเองสุดๆ เพราะเป็นคนแรง จริงจัง ลั่นหากเล่นบทรุนแรงถนัดกว่าอ่อนโยน เผยชอบงานแสดงแต่ทำงานวิจารณ์ได้ดีกว่า คาดคงไม่มีงานละครให้ดู

เรียกว่าทำมาเกือบหมดทุกอย่างแล้วสำหรับงานในวงการบันเทิง ล่าสุด "ปลื้ม ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล" มาในบทบาทใหม่กับการการแสดงหนังเรื่องแรก "Soul's Code...ถอดรหัสวิญญาณ" ในบทตำรวจมาดขรึมที่เจ้าตัวบอกไม่ยากเพราะไม่ได้ฉีกความเป็นตัวเองมากเท่าไร ซึ่ง "ปลื้ม" เปิดใจกับการแสดงครั้งนี้ว่า....

"เป็นตำรวจมาดขรึมไม่ต้องปรับตัวออกจากความเป็นปลื้มตัวจริงมาก เรื่องนี้ผมแทบไม่ต้องยิ้มเลยไม่ต้องปั้นหน้าขึ้นมา ไม่ต้องหัวเราะ เพราะผมเองแรงๆ ขรึมๆ เอาจริงเอาจัง ชอบมันไม่ใช่หนังรัก ตลก ซีเรียสเนื้อเรื่องมันดี ได้เป็นประสบการณ์ที่ดีว่าได้แสดงหนังเป็นยังไง อยากรู้มานานและเพราะเราก็เป็นคนดูหนังเหมือนกัน"

"มันไม่มีคำว่าติดใจ ไม่ติดใจ ผมชอบในบทบาทตรงนี้อยู่ที่ว่ามันได้โอกาสทำหรือเปล่า ตอนนั้นมีเรียนการแสดงวันเว้นวันก่อนถ่ายทำประมาณ 2 เดือน ฝึกความรู้สึกและแสดงความรู้สึกออกมา แสดงความรู้สึกอ่อนโยนยาก ความรู้สึกรุนแรงสะดวกกว่า และมีไปซ้อมยิงปืนในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ"

ยอมรับหากให้รับบทบาทเล่นแนวอื่น คงทำได้ยาก
"มันเล่นยากไง บทตลกกับแนวโรแมนติกมันเล่นยาก เพราะฉะนั้นสำหรับผมถ้าแอคชั่นหรือดราม่าเล่นได้สะดวกกว่า อยู่ที่เล่นได้ไม่ได้มากกว่า เรื่องหน้าจะมีอีกหรือเปล่า ประเด็นคือผมมีงานทำทุกวันไง ในชีวิตผมมีแผนการทำอะไรอีกเยอะ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไป อย่างทุกวันผมจัดรายการวิทยุ 3 รายการ ยากที่จะไปถ่ายหนังแต่ละตอน เป็นเรื่องของเวลาและจังหวะชีวิตมากกว่า การแสดงจริงๆ ผมชอบ ละครก็ยังไม่มีใครชวน คงไม่มีมั้งครับ"

บอกงานแสดงยังทำได้ไม่ถนัดเท่างานวิจารณ์...."จริงๆ แล้วผมถนัดงานที่ได้วิพากษ์วิจารณ์ สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ไม่ว่าจะวิจารณ์ดาราหรือวิจารณ์นักการเมือง ซึ่งจะเป็นรายการวิทยุที่ทำ รายการทีวีบางรายการได้พูด หรือคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์"

ต่อข้อถามว่าคิดถึงเสียงวิจารณ์ที่จะกลับมามั้ยว่าจะดีหรือไม่ดี เจ้าตัวแสดงอาการมั่นใจเชื่อการเล่นหนังของเขาสามารถเอาชนะกลุ่มวัยรุ่นได้หลังเจาะมาหลายกลุ่มเป้าหมายแล้ว

"ไม่ สไตล์ผมคือจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปเรื่อยๆ ผมชอบทำอะไรที่คนไม่ค่อยอยากให้ผมทำนะผมจะยิ่งทำ สไตล์กวนประสาทชาวบ้าน เด็ก 5 ขวบดูรายการเกมโชว์ผม ผู้ใหญ่อายุ 40 นักลงทุนอ่านคอลัมน์ผม คุณแม่อายุ 30 ฟังรายการผม วัยรุ่นมาดูหนังเรื่องนี้ก็ได้ ทั้งหมดคือจุดประสงค์ ผมเจาะทุกกลุ่ม ในที่สุดผลงานของผมก็จะเป็นสิ่งที่ประชาชนโดยรวมจะตัดสินใจยอมรับไม่ยอมรับ ดูเหมือนมั่นใจมากเหรอ นั่นเป็นผมอยู่แล้วไง"