AP - ธรรมเนียมของงานประกาศรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปีของสหรัฐฯ หรือ ออสการ์ จะเต็มได้ด้วยผลงานตัวเต็งที่คาดเอาไว้ตั้งแต่ล่วงหน้า และผลงานม้ามืดที่มาสร้างความเซอร์ไพรส์ในนาทีสุดท้าย
แต่ทุกวันนี้การออกมาคาดเดาผลเริ่มเป็นเข้ามามีบทบาทมากขึ้น จนกลายเป็นว่าตอนที่ชื่อถูกประกาศออกไป แทบจะไม่มีความตื่นเต้นใดๆ หลงเหลืออยู่อีกเลย
จริงที่ว่าความเซอร์ไพรส์อยู่คู่เวทีออสการ์มาเสมอ ย้อนไปเมื่อปีที่ จอห์น สจ๊วร์ต มาเป็นพิธีกรออสการ์ครั้งแรก ปีนี้ทั้งวงการต่างตะลึงไปตามๆ กันเมื่อหนังรักสีม่วงสุดฮิตอย่าง Brokeback Mountain ที่กวาดรางวัลสำคัญมาแล้วทุกสำนัก กลับมาพ่ายต่อ Crash หนังที่ว่าด้วยเรื่องราวความขัดแย้งของสีผิวในแอล.เอ.ในนาทีสุดท้าย เช่นเดียวกับปีก่อนหน้านั้นที่ไม่มีใครคาดว่า Million Dollar Baby หนังดรามาสุดรันทดของปู่ คลินต์ อิสต์วูด จะแซงหน้าหนังชีวประวัติของ มาร์ติน สกอร์เซซี อย่าง The Aviator ไปได้
"ออสการ์ชอบความเซอร์ไพรส์ แต่คืนนี้ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ เหตุการณ์เช่นนั้นสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น ใครๆ ก็ชอบเซอร์ไพรส์กันทั้งนั้น" แดเนียล เดย์ ลูอิส ผู้ที่คว้าสาขาดารานำชายไปแบบไม่เซอร์ไพรส์ เปิดใจจากหลังเวทีเมื่อคืนวาน
สิ่งที่ใกล้เคียงกับความเซอร์ไพรส์ที่ว่าที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้แก่ชัยชนะของ ทิลดา สวินตัน ในสาขาสมทบหญิงจากเรื่อง Michael Clayton ที่เธอแซงหน้าตัวเต็งอย่าง เคท แบลนเช็ตต์ ที่แปลงร่างเป็น บ็อบ ดีแลน ใน I'm Not There ขณะที่สาขาที่เดากันไม่ออกจนนาทีสุดท้ายอย่างดารานำหญิง มาริยง โกทิลยาร์ จาก La Vie En Rose ก็แซงหน้ารุ่นใหญ่อย่าง จูลี คริสตี จาก Away From Her ไปได้ในที่สุด
สาขาที่แทบไม่ต้องลุ้นกันเลยในปีนี้ได้แก่สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่ No Country for Old Men ของพี่น้องโคเอน เมื่อกวาดรางวัลสำคัญมาแล้วทั้งจากสมาคมผู้สร้างภาพยนตร์,สมาคมนักแสดง และสมาคมนักวิจารณ์แห่งชาติ ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ทั้งคู่เป็นเต็งหนึ่งแบบนานมาก่อนการประกวดผลเป็นเดือนๆ
ต่างจากปีที่แล้วที่ในสาขานี้ตำแหน่งผู้ชนะเปิดกว้างกว่ามาก ซึ่งสุดท้าย The Departed ก็ชนะคู่แข่งที่สูสีอย่าง Babel, The Queen, Little Miss Sunshine และ Letter from Iwo Jima ไปครองในท้ายที่สุด
แต่ออสการ์ปีที่แล้วในสาขานักแสดงนำนั้น ตำแหน่งยอดเยี่ยมที่ทั้ง ฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์ จาก The Last King of Scotland และ เฮเลน เมียร์เรน จาก The Queen คว้าไปครองนั้นไม่มีการพลิกโผแต่อย่างใด ขณะที่ออสการ์ตัวแรกในฐานะผู้กำกับยอดเยี่ยมของ มาร์ติน สกอร์เซซี เมื่อปีก่อนก็อยู่ในการคาดการณ์ของทุกคนว่าสมควรแก่เวลาแล้ว
แม้ชัยชนะของ Crash เมื่อปี 2006 จะเต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์ แต่ในสาขาใหญ่อื่นๆ ทั้ง ดารานำชายของ ฟิลลิป ซีมัวร์ ฮอปแมน จาก Capote, ดารานำหญิงของ ริส วิทเธอร์สพูน จาก Walk the Line หรือดาราประกอบชายของ จอร์จ คลูนีย์ จาก Syriana ล้วนเป็นไปตามคาดทั้งสิ้น
ในปีนี้เหล่าตัวเต็งในสาขาใหญ่ๆ มีทั้ง ผู้กำกับยอดเยี่ยม - โจลและอีธาน โคเอน จากเรื่อง No Country for Old Men, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม - แดเนียล เดย์ ลูอิส จากเรื่อง There Will Be Blood, นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม - ฮาเวียร์ บาร์เดม จากเรื่อง No Country for Old Men, บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม - เดียโบล โคดี จากเรื่อง Juno, บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม - โจลและอีธาน โคเอน จากเรื่อง No Country for Old Men, เพลงประกอบยอดเยี่ยม - Falling Slowly จาก Once, ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม - Atonement, กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม - Sweeney Todd the Demon Barber of Fleet Street และ ภาพยนตร์แอนนิเมชั่นยอดเยี่ยม - Ratatouille
ซึ่งในเว็บบล็อกอย่าง Movie City News ที่รวบรวมคำทำนายของเว็บไซต์ภาพยนตร์ชื่อดังตั้งแต่ Variety จนถึง Entertainment Weekly โดยผลของการคาดเดาออกมาตรงกับย่อหน้าที่ผ่านมาทุกประการ
แถมปีนี้ไม่มีหนังใหญ่ประเภทกวาดเรียบทุกสาขาอย่าง Titanic หรือ Lord of the Rings ร่วมสังฆกรรมด้วยซ้ำ
"เดี๋ยวนี้การคาดการณ์มันแคบลงจนคุณแทบจะคำนวณผลที่ออกมาได้ แต่ท้ายที่สุด คุณก็ไม่มีวันรู้ว่ามาริยง โกทิลยาร์หรือจูลี คริสตีจะเป็นผู้ชนะ ไม่มีใครรู้ว่า Michael Clayton จะโค่น No Country for Old Men ได้หรือเปล่า ยังไงมันก็ต้องมีอะไรให้ลุ้นกันอยู่ดี" เดวิด โปแลนด์ บรรณาธิการของ Movie City News กล่าว
สิ่งที่ว่าน่าจะได้แก่การคว้า 3 รางวัลออสการ์อย่างไม่มีใครคาดคิดของหนังไล่ล่าแอ็คชั่น The Bourne Ultimatum แม้จะเป็นสาขาการตัดต่อและบันทึกเสียงก็ตาม แต่ที่สร้างความประหลาดในที่สุดเมื่อคืนที่ผ่านมาคงเป็นการโค่นเต็งหนึ่งอย่าง Transformers ในสาขาสเปเชียลเอฟเฟคของ The Golden Compass นั่นเอง
หนึ่งในคำทำนายที่เสี่ยงต่อการหน้าแตกที่สุดแห่งปีได้แก่ การคาดการณ์ว่า Juno หนังอินดี้สุดฮิต จะคว้าภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของนาย สก็อต ไฟน์เบิร์ก ที่เขาประกาศเอาไว้อย่างกล้าหาญที่เว็บบล็อกของเขา
แม้ผลที่ออกมาเมื่อวันอาทิตย์จะทำให้คนชอบสวนกระแสอย่างเขาหน้าแตกไปบ้าง แต่เขาก็ยังอดแปลกใจไม่ได้ที่หนังที่เต็มไปด้วยความรุนแรงแต่ฉลาดในการเล่าเรื่องอย่าง No Country for Old Men สามารถแหกด่านธรรมเนียมปฎิบัติของออสการ์คว้ารางวัลใหญ่ไปครอง จนเขาคิดว่าชัยชนะของพี่น้องโคเอนแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงรสนิยมในปีนี้ของออสการ์
"ผมไม่รู้ว่าอะไรเป็นเป็นเหตุผลที่ทำให้ No Country for Old Men กลายเป็นตัวเต็งและคว้าชัยไปในที่สุด มันมีหลายๆ อย่างที่อยู่ในหนังเรื่องนี้ที่ทำให้มันจะไม่ได้รับการเสนอชื่อด้วยซ้ำถ้าเป็นปีอื่นๆ" ไฟน์เบิร์กกล่าว
หากว่าเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาชัยนะตกเป็นของ Juno ดังที่นายสก็อตคาดการณ์เอาไว้ละก็ คงจะเป็นการสร้างความเซอร์ไพรส์บนเวทีออสการ์เหมือนกับที่ Shakespeare In Love หักปากกาเซียนเฉือน Saving Private Ryan คว้าหนังยอดเยี่ยมไปครองในปี 1999 หรือเมื่อครั้งที่หนังเพลงสุดดัง An American in Paris ชนะ หนังดรามาเข้มข้น A Streetcar Named Desire เมื่อปี 1952, หนังกีฬาดรามา Rocky แซงหน้าหนังตัวเต็งกว่าทั้ง All the President's Men, Network และ Taxi Driver เมื่อ 1977 หรือ มาริสา โทเม คว้าประกอบหญิงในปี 1993 หรือ เอเดียน โบรดี ชนะ แจ็ค นิโคลสัน คว้าดารานำชายไปครองเมื่อปี 2003
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ แม้การแข่งขันบนเวทีออสการ์จะถูกสร้างให้ใหญ่โตน่าตื่นเต้น พยายามให้การหาผู้ชนะมีการลุ้นไม่ต่างจากการหาตัวประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ไม่ปาน หลายคนก็เลือกที่จะประหยัดเวลาด้วยการพึ่งพาการคาดการณ์ล่วงหน้าจากสื่อต่างๆ ที่ ปกป้องข้อมูลของตนด้วยข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ออสการ์หรือตามตัวผู้ที่เป็นสมาชิกที่มีสิทธิในการลงคะแนนมาเก็บข้อมูลคืบหน้ากันให้วุ่น
"ใครๆ ก็อยากมีเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยกันทั้งนั้น แล้วการคาดการณ์อย่างหนักหน่วงเช่นนี้จะทำให้การลุ้นจืดชืดลงหรือเปล่า? เรื่องจริงก็คือยังมีแฟนพันธุ์แท้ที่เหนี่ยวแน่นอยู่มากมายที่ชอบการพยาการณ์ออสการ์ และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ความมันของมันไม่ต่างจากการลุ้นผลกีฬาดีๆ นี่เอง" เดวิด โปแลนด์ จาก Movie City News ทิ้งท้าย
"ใกล้ตัว-กลัวเกย์" สองเหตุผลที่ Crash ซิวออสการ์?
Departed: ออสการ์ที่ได้มาเพราะความสงสาร?
แต่ทุกวันนี้การออกมาคาดเดาผลเริ่มเป็นเข้ามามีบทบาทมากขึ้น จนกลายเป็นว่าตอนที่ชื่อถูกประกาศออกไป แทบจะไม่มีความตื่นเต้นใดๆ หลงเหลืออยู่อีกเลย
จริงที่ว่าความเซอร์ไพรส์อยู่คู่เวทีออสการ์มาเสมอ ย้อนไปเมื่อปีที่ จอห์น สจ๊วร์ต มาเป็นพิธีกรออสการ์ครั้งแรก ปีนี้ทั้งวงการต่างตะลึงไปตามๆ กันเมื่อหนังรักสีม่วงสุดฮิตอย่าง Brokeback Mountain ที่กวาดรางวัลสำคัญมาแล้วทุกสำนัก กลับมาพ่ายต่อ Crash หนังที่ว่าด้วยเรื่องราวความขัดแย้งของสีผิวในแอล.เอ.ในนาทีสุดท้าย เช่นเดียวกับปีก่อนหน้านั้นที่ไม่มีใครคาดว่า Million Dollar Baby หนังดรามาสุดรันทดของปู่ คลินต์ อิสต์วูด จะแซงหน้าหนังชีวประวัติของ มาร์ติน สกอร์เซซี อย่าง The Aviator ไปได้
"ออสการ์ชอบความเซอร์ไพรส์ แต่คืนนี้ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ เหตุการณ์เช่นนั้นสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น ใครๆ ก็ชอบเซอร์ไพรส์กันทั้งนั้น" แดเนียล เดย์ ลูอิส ผู้ที่คว้าสาขาดารานำชายไปแบบไม่เซอร์ไพรส์ เปิดใจจากหลังเวทีเมื่อคืนวาน
สิ่งที่ใกล้เคียงกับความเซอร์ไพรส์ที่ว่าที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้แก่ชัยชนะของ ทิลดา สวินตัน ในสาขาสมทบหญิงจากเรื่อง Michael Clayton ที่เธอแซงหน้าตัวเต็งอย่าง เคท แบลนเช็ตต์ ที่แปลงร่างเป็น บ็อบ ดีแลน ใน I'm Not There ขณะที่สาขาที่เดากันไม่ออกจนนาทีสุดท้ายอย่างดารานำหญิง มาริยง โกทิลยาร์ จาก La Vie En Rose ก็แซงหน้ารุ่นใหญ่อย่าง จูลี คริสตี จาก Away From Her ไปได้ในที่สุด
สาขาที่แทบไม่ต้องลุ้นกันเลยในปีนี้ได้แก่สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่ No Country for Old Men ของพี่น้องโคเอน เมื่อกวาดรางวัลสำคัญมาแล้วทั้งจากสมาคมผู้สร้างภาพยนตร์,สมาคมนักแสดง และสมาคมนักวิจารณ์แห่งชาติ ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ทั้งคู่เป็นเต็งหนึ่งแบบนานมาก่อนการประกวดผลเป็นเดือนๆ
ต่างจากปีที่แล้วที่ในสาขานี้ตำแหน่งผู้ชนะเปิดกว้างกว่ามาก ซึ่งสุดท้าย The Departed ก็ชนะคู่แข่งที่สูสีอย่าง Babel, The Queen, Little Miss Sunshine และ Letter from Iwo Jima ไปครองในท้ายที่สุด
แต่ออสการ์ปีที่แล้วในสาขานักแสดงนำนั้น ตำแหน่งยอดเยี่ยมที่ทั้ง ฟอเรสต์ วิทเทคเกอร์ จาก The Last King of Scotland และ เฮเลน เมียร์เรน จาก The Queen คว้าไปครองนั้นไม่มีการพลิกโผแต่อย่างใด ขณะที่ออสการ์ตัวแรกในฐานะผู้กำกับยอดเยี่ยมของ มาร์ติน สกอร์เซซี เมื่อปีก่อนก็อยู่ในการคาดการณ์ของทุกคนว่าสมควรแก่เวลาแล้ว
แม้ชัยชนะของ Crash เมื่อปี 2006 จะเต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์ แต่ในสาขาใหญ่อื่นๆ ทั้ง ดารานำชายของ ฟิลลิป ซีมัวร์ ฮอปแมน จาก Capote, ดารานำหญิงของ ริส วิทเธอร์สพูน จาก Walk the Line หรือดาราประกอบชายของ จอร์จ คลูนีย์ จาก Syriana ล้วนเป็นไปตามคาดทั้งสิ้น
ในปีนี้เหล่าตัวเต็งในสาขาใหญ่ๆ มีทั้ง ผู้กำกับยอดเยี่ยม - โจลและอีธาน โคเอน จากเรื่อง No Country for Old Men, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม - แดเนียล เดย์ ลูอิส จากเรื่อง There Will Be Blood, นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม - ฮาเวียร์ บาร์เดม จากเรื่อง No Country for Old Men, บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม - เดียโบล โคดี จากเรื่อง Juno, บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม - โจลและอีธาน โคเอน จากเรื่อง No Country for Old Men, เพลงประกอบยอดเยี่ยม - Falling Slowly จาก Once, ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม - Atonement, กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม - Sweeney Todd the Demon Barber of Fleet Street และ ภาพยนตร์แอนนิเมชั่นยอดเยี่ยม - Ratatouille
ซึ่งในเว็บบล็อกอย่าง Movie City News ที่รวบรวมคำทำนายของเว็บไซต์ภาพยนตร์ชื่อดังตั้งแต่ Variety จนถึง Entertainment Weekly โดยผลของการคาดเดาออกมาตรงกับย่อหน้าที่ผ่านมาทุกประการ
แถมปีนี้ไม่มีหนังใหญ่ประเภทกวาดเรียบทุกสาขาอย่าง Titanic หรือ Lord of the Rings ร่วมสังฆกรรมด้วยซ้ำ
"เดี๋ยวนี้การคาดการณ์มันแคบลงจนคุณแทบจะคำนวณผลที่ออกมาได้ แต่ท้ายที่สุด คุณก็ไม่มีวันรู้ว่ามาริยง โกทิลยาร์หรือจูลี คริสตีจะเป็นผู้ชนะ ไม่มีใครรู้ว่า Michael Clayton จะโค่น No Country for Old Men ได้หรือเปล่า ยังไงมันก็ต้องมีอะไรให้ลุ้นกันอยู่ดี" เดวิด โปแลนด์ บรรณาธิการของ Movie City News กล่าว
สิ่งที่ว่าน่าจะได้แก่การคว้า 3 รางวัลออสการ์อย่างไม่มีใครคาดคิดของหนังไล่ล่าแอ็คชั่น The Bourne Ultimatum แม้จะเป็นสาขาการตัดต่อและบันทึกเสียงก็ตาม แต่ที่สร้างความประหลาดในที่สุดเมื่อคืนที่ผ่านมาคงเป็นการโค่นเต็งหนึ่งอย่าง Transformers ในสาขาสเปเชียลเอฟเฟคของ The Golden Compass นั่นเอง
หนึ่งในคำทำนายที่เสี่ยงต่อการหน้าแตกที่สุดแห่งปีได้แก่ การคาดการณ์ว่า Juno หนังอินดี้สุดฮิต จะคว้าภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของนาย สก็อต ไฟน์เบิร์ก ที่เขาประกาศเอาไว้อย่างกล้าหาญที่เว็บบล็อกของเขา
แม้ผลที่ออกมาเมื่อวันอาทิตย์จะทำให้คนชอบสวนกระแสอย่างเขาหน้าแตกไปบ้าง แต่เขาก็ยังอดแปลกใจไม่ได้ที่หนังที่เต็มไปด้วยความรุนแรงแต่ฉลาดในการเล่าเรื่องอย่าง No Country for Old Men สามารถแหกด่านธรรมเนียมปฎิบัติของออสการ์คว้ารางวัลใหญ่ไปครอง จนเขาคิดว่าชัยชนะของพี่น้องโคเอนแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงรสนิยมในปีนี้ของออสการ์
"ผมไม่รู้ว่าอะไรเป็นเป็นเหตุผลที่ทำให้ No Country for Old Men กลายเป็นตัวเต็งและคว้าชัยไปในที่สุด มันมีหลายๆ อย่างที่อยู่ในหนังเรื่องนี้ที่ทำให้มันจะไม่ได้รับการเสนอชื่อด้วยซ้ำถ้าเป็นปีอื่นๆ" ไฟน์เบิร์กกล่าว
หากว่าเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาชัยนะตกเป็นของ Juno ดังที่นายสก็อตคาดการณ์เอาไว้ละก็ คงจะเป็นการสร้างความเซอร์ไพรส์บนเวทีออสการ์เหมือนกับที่ Shakespeare In Love หักปากกาเซียนเฉือน Saving Private Ryan คว้าหนังยอดเยี่ยมไปครองในปี 1999 หรือเมื่อครั้งที่หนังเพลงสุดดัง An American in Paris ชนะ หนังดรามาเข้มข้น A Streetcar Named Desire เมื่อปี 1952, หนังกีฬาดรามา Rocky แซงหน้าหนังตัวเต็งกว่าทั้ง All the President's Men, Network และ Taxi Driver เมื่อ 1977 หรือ มาริสา โทเม คว้าประกอบหญิงในปี 1993 หรือ เอเดียน โบรดี ชนะ แจ็ค นิโคลสัน คว้าดารานำชายไปครองเมื่อปี 2003
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ แม้การแข่งขันบนเวทีออสการ์จะถูกสร้างให้ใหญ่โตน่าตื่นเต้น พยายามให้การหาผู้ชนะมีการลุ้นไม่ต่างจากการหาตัวประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ไม่ปาน หลายคนก็เลือกที่จะประหยัดเวลาด้วยการพึ่งพาการคาดการณ์ล่วงหน้าจากสื่อต่างๆ ที่ ปกป้องข้อมูลของตนด้วยข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ออสการ์หรือตามตัวผู้ที่เป็นสมาชิกที่มีสิทธิในการลงคะแนนมาเก็บข้อมูลคืบหน้ากันให้วุ่น
"ใครๆ ก็อยากมีเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยกันทั้งนั้น แล้วการคาดการณ์อย่างหนักหน่วงเช่นนี้จะทำให้การลุ้นจืดชืดลงหรือเปล่า? เรื่องจริงก็คือยังมีแฟนพันธุ์แท้ที่เหนี่ยวแน่นอยู่มากมายที่ชอบการพยาการณ์ออสการ์ และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ความมันของมันไม่ต่างจากการลุ้นผลกีฬาดีๆ นี่เอง" เดวิด โปแลนด์ จาก Movie City News ทิ้งท้าย
"ใกล้ตัว-กลัวเกย์" สองเหตุผลที่ Crash ซิวออสการ์?
Departed: ออสการ์ที่ได้มาเพราะความสงสาร?