“รอง เค้ามูลคดี” โต้ข่าวหมอสั่งผ่าตัดด่วน “ปทุมวดี” รับภรรยามีอาการป่วยกำเริบจริง แต่อยู่ในช่วงวินิจฉัยโรค แต่ยังไม่มีคำสั่งผ่าตัด เผยที่ผ่านมาภรรยาน้ำหนักลดเกือบ 30 กิโลฯ ทำให้ความจำเสื่อมจำใครไม่ได้อยู่พักใหญ่ ย้ำตอนนี้แพทย์หวั่นอาการกำเริบ สั่งงด “เหล้า-บุหรี่” พร้อมเตือนนักแสดงพักผ่อนมากๆ
หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า นักแสดงอาวุโส “ปทุมวดี เค้ามูลคดี” ไม่สบายอย่างหนักถึงขั้นต้องหามส่งโรงพยาบาลเวชธานี เมื่อกลางดึกของวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา สาเหตุเนื่องจากเกิดอาการโรคไทรอยด์ขึ้นตา ลงลำไส้ และจะมีกำหนดออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 15 ม.ค.
แต่แล้วล่าสุดเมื่อเช้านี้ (14 ม.ค.) อาการป่วยดังกล่าวของนักแสดงชื่อดังทรุดลงอย่างหนักถึงขึ้นที่อาจจะต้องผ่าตัด เนื่องจากนักแสดงรุ่นใหญ่มีอาการปวดท้องอย่างหนัก
ล่าสุด เมื่อเวลา 17.30 น.ผู้สื่อข่าว “บันเทิงออนไลน์” ได้สอบถามไปยัง “รอง เค้ามูลคดี” สามีสุดที่รักของปทุมวดี นักแสดงอาวุโสเปิดใจว่า ภรรยาไม่ต้องเข้าผ่าตัดแล้ว เนื่องจากอาการปวดดังกล่าวลดลง พร้อมย้ำแพทย์เจ้าของไข้กำชับขาดห้ามดื่มเหล้า-สูบบุหรี่
“แม่ทุม เขาไม่ได้เป็นอะไรใหญ่โตอย่างที่มีข่าวลือเลย ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ส่วนที่ข่าวบอกว่าจะต้องมีการผ่าตัดด่วนนั้น ก็ไม่มีแล้ว แต่หมอเขาขอให้อยู่โรงพยาบาลต่อ เพื่อรอดูอาการอีก 1 เดือน คือ หมอเขาก็พยายามตรวจอยู่ว่าอาการแม่เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง ถึงขั้นจะต้องผ่าตัดไหม คือ แม่เขาเป็นโรคลำไส้แปรปรวน ลำไส้มันบิดตัวมันเลยทำให้อาหารลงไปในกระเพาะไม่ได้ มันก็เลยทำให้สำไส้เป็นแก๊สเลยเกิดอาการอักเสบอย่างตอนนี้”
“กับอาการนี้จริงๆ แม่เขาก็ปวดและทรมานมาตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคมแล้ว อาการปวดของเขามันดันให้อาการไทรอยด์มันกำเริบขึ้นมาอีก พอมันกำเริบแล้วมันก็ขึ้นมาที่ตา ทำให้ตาของแม่มันบวมออกมา ความปวดมันก็เลยทำให้สมองมันเบลอ แล้วก็จำใครไม่ได้เลย ตอนนั้นจนถึงวันนี้แม่เขาก็อยู่โรงพยาบาลมาวันนี้ก็ 20 วันแล้ว ยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลเลย แต่วันนี้อาการเขาก็ค่อยยังชั่วแล้วล่ะ เริ่มพูดคุยได้แล้ว”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าตกลงแล้วอาการปวดถึงขั้นที่จะต้องผ่าตัดด่วนเลยหรือไม่ นักแสดงอาวุโสเผยว่า...
“เรื่องนี้ยังตอบไม่ได้ แต่เมื่อเช้านี้คุณหมอเขาก็เอาแม่ลงไปตรวจดูในลำไส้แล้วว่าเป็นอย่างไร กับอาการตรงนั้นมันต้องดูว่าถ้าอาการของแม่เขาไม่หนักหนาอะไรมากคุณหมอเขาก็จะให้ยาประคองไปเรื่อยๆ ตอนนี้พ่อก็พยายามให้คุณหมอเขาหาทางช่วยแม่อยู่”
“เพราะตัวคุณหมอเองเขาก็ไม่อยากผ่าตัด พ่อและน้องยุ้ยก็ไม่อยากให้ผ่าตัดเหมือนกัน เพราะว่าตัวแม่เขายังไม่ค่อยแข็งแรง ก็เลยไม่อยากให้ผ่าตัด แม่เขาอายุ 60 ปีแล้ว ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ อีกอย่างตอนนี้แม่เขาก็ผอมมากเลย น้ำหนักแม่ลงไปเยอะมากลดไปตั้ง 27 กิโลกรัม ตอนนี้แม่เขาผอมน้ำหนักเหลือประมาณ 42 กิโลกรัมแล้ว จากเมื่อก่อนน้ำหนัก 67 กิโลกรัม”
“สำหรับอาการปวดท้องนั้น ตอนนี้มันก็ยังเหลืออยู่นิดๆ ตอนนี้พ่อสงสารแม่มากเลย ให้คุณหมอเอายานอนหลับมาฉีดให้แม่หลับไปก่อน เขาจะได้ไม่ทรมานมาก พ่อเห็นแล้วสงสารเขาเพราะแม่เขาปวดและทรมานมาก เขาปวดขนาดที่โวยวายลั่นเลย เขาร้องตลอดว่าไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว จะตายอยู่แล้ว... พ่ออยากบอกว่าแม่เขาเป็นคนที่อดทนมาก พ่อไม่เคยเห็นแม่เขาเป็นได้ขนาดนี้เลย”
ต่อข้อถามที่ว่าคิดไหมว่าอาการป่วยดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับการทำศัลยกรรมของภรรยาหรือไม่นักแสดงอาวุโสรีบปฏิเสธทันทีว่าไม่น่าเกี่ยวข้องกัน
“ไม่เกี่ยวกันหรอก ไม่เกี่ยวอันนี้ไม่เกี่ยวแน่นอน พ่อมั่นใจ เพราะตอนทำแม่เขาทำศัลยกรรมเสร็จใหม่ๆ พ่อยังเห็นว่าเขาก็ไปเที่ยวทั่วประเทศเลย ไปไหนต่อไหนตั้งมาก ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร หมอเขาบอกนะว่ามันไม่เกี่ยวกันแน่นอน แต่ตอนนี้ที่พ่อเป็นห่วงแม่เขาที่สุดคงเป็นอยู่เรื่องเดียว คือเรื่องการพักผ่อน”
“เนื่องจากว่าช่วงนี้พอแม่เขาคุยได้ปกติ เขาก็จะคุยไม่หยุด คือ ถ้าคุยมากๆ พักผ่อนไม่เพียงพอ ตอนกลางคืนมันก็จะปวดท้องอีก เขาไม่ยอมพักผ่อนตอนกลางวัน หมอเขาก็เลยต้องฉีดยานอนหลับตลอดเวลา เรียกได้ว่าช่วงนี้แม่เขาต้องปรับเปลี่ยนทุกอย่างใหม่หมดเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทานเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารที่เป็นของหมักของดอง พวกนี้ต้องเลิกให้หมด หมอเขาสั่งห้ามเลย”
“หมอเขาก็อึดอัดใจมาก เพราะว่าแม่เขาดื้อ หมอเขาสั่งให้พักผ่อนตอนกลางวัน แต่พอคุณหมอเขาเปิดเข้ามาในห้องแม่เขาก็นั่งคุย หมอเขาก็เลยต้องฉีดยานอนหลับ พอ 3 ทุ่มเขาฉีดแล้วเพื่อที่จะให้แม่ไปตื่นอีกทีตอนตี 4 แม่เขาดื้อมาก เพราะว่าพอมีใครเข้ามาเยี่ยมเขาก็จะลุกมาคุยตลอด หรือถ้าไม่มีใครมาเยี่ยมเขาก็จะเดินออกไปคุยกับพยาบาลข้างนอกห้อง ตอนนี้พ่อหนักใจเรื่องนี้มาก หนักใจอยู่เรื่องเดียว”
