แม้โดยเนื้องานที่ออกมาจะมีบทสรุปที่ไม่ได้แสดงถึงความก้าวหน้าในเชิงคุณภาพหรือเป็นทางเลือกที่แปลกแตกต่างอันหลากหลายสักเท่าไหร่ใด หากแต่ในแง่ของการโฆษณาที่ออกมา ในรอบปีสองปีนี้ ต้องถือว่าทำให้วงการหนังไทยของบ้านเรานับวันจะยิ่งมีสีสันมากขึ้นเรื่อยๆ เลยทีเดียว
ซึ่งในจำนวนหนัง(ไทย)ปริมาณเฉียดกว่า 50 เรื่องที่เตรียมจะสร้าง/ฉายกันในปี พ.ศ.2551 นี้ หากถอดเอาเปลือกอันฉูดฉาดในการประชาสัมพันธ์ภายนอกออก โดยพิจารณาถึงความเป็นจริงแล้ว หนังเรื่องไหนจะมีแนวโน้มในโอกาสที่จะเจ๋งหรือเจ๊งกันบ้าง?
เริ่มกันตั้งแต่ค่ายใหญ่ "สหมงคลฟิล์ม" มองโดยรวมถึงหนังที่จะออกมาจากค่ายหนังค่ายนี้ยังคงทำหนังในแนวตลาดเพื่อขายให้กับคนทุกกลุ่มทุกวัยเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็น "ช็อคโกแลต" (7 ก.พ.)ที่ได้ ปรัชญา ปิ่นแก้ว จับมือกับ พันนา ฤทธิไกร เตรียมปั้นดาวบู๊หญิงคนใหม่ จีจ้า ญาณิน วิสมิตะนันทน์ ประดับวงการ เรื่องนี้หากโปรโมตดีๆ มีสิทธิ์ทำเงินได้อย่างไม่ยากนักเพราะระยะหลังๆ ไม่ค่อยจะมีหนังไทยแอ็กชั่นที่นักแสดงได้โชว์ลีลาความสามารถจริงๆ ออกมาเลย
แต่ในทางตรงกันข้าม หนังเรื่องนี้ก็มีสิทธิ์จะแป้กอยู่สูงเช่นเดียวกับ "เกิดมาลุย" เหมือนกัน
ถัดมาเป็น "สลัดตาเดียวกับเด็ก 200 ตา" (6 มี.ค.) โดย "ปื๊ด ธนิตย์ จิตนุกูล" เรื่องนี้ถ้าพูดถึงในส่วนของรายได้หากขาดทุนก็คงจะไม่มาก ถ้าได้กำไรก็คงจะไม่มากเช่นกัน เนื่องจากในระยะหลังชื่อของผู้กำกับคนนี้ไม่ค่อยจะขลังสักเท่าไหร่
ที่ถือว่าเป็นสีสันของค่ายสหมงคลฯ ในปีนี้คงต้องยกให้กับภาพยนตร์ 3D แอนิเมชั่นเรื่อง "นาค" (20 มี.ค.) จากฝีมือของ "บอย โกสิยพงษ์" ซึ่งหากว่ากันถึงเนื้องานนั้นน่าจะออกมาดีอย่างแน่นอน แต่เรื่องรายได้คงต้องลุ้นกัน และที่ต้องลุ้นหนักอีกเรื่องก็คือ "ส้มตำ" (3 เม.ย.) หนังแอ็กชั่นคอมเมดี้ซึ่งได้นักแสดงร่างยักษ์ "นาธาน โจน์" มาจับคู่กับลูกสาวของเจ้าของค่าย "เกรซ นวรัตน์"
"เทวดาท่าจะเท่ง" ที่กำหนดจะเข้าฉายวันแรงงงาน 1 พ.ค.เรื่องนี้น่าจะทำเงินได้ไม่ยากนัก หากว่า(ถึงวันนั้น)ตัวเอกของเรื่อง "เท่ง เถิดเทิง" จะยังไม่ช้ำไปมากกว่านี้ เช่นเดียวกับตัวของผู้กำกับ "อังเคิล" ที่ทำให้หลายคนผิดหวังมาแล้วจาก "วาไรตี้ ผีฉลุย"
ส่วนที่ยังไม่มีกำหนดฉายอย่าง "พาวเวอร์คิด" "ฮะเก๋า" และ "ความสุขของกะทิ" สองเรื่องแรกต้องบอกว่ายากเหลือเกินที่จะทำเงินเพราะต้องถือว่าไม่ได้มีอะไรที่แปลกใหม่ไปจากเรื่องอื่นๆ ที่ฉายมาก่อนหน้านี้ทั้งในส่วนของนักแสดงหน้าเดิมๆ อารมณ์หนังแบบเดิมๆ ขณะที่ "ความสุขของกะทิ" นั้นต้องถือว่าเป็นโจทย์ที่ยากในการทำพอสมควรเนื่องจากอารมณ์ของเรื่องราวจากหนังสือแม้จะน่ารัก อ่านได้เรื่อยๆ แต่ก็ค่อนข้างราบเรียบไปสักนิด
ที่ดูจะคึกคักของค่ายใบโพธิ์ก็คงจะเป็น 3 หนังฟอร์มใหญ่อย่าง "ปืนใหญ่จอมสลัด" โดย นนทรีย์ นิมิตรบุตร ซึ่งได้นักแสดงมาร่วมงานคับคั่ง อาทิ อนันดา, ติ๊ก เจษฎาภรณ์, จารุณี สุขสวัสดิ์, สรพงษ์ชาตรี ฯ ถัดมาเป็นหนังภาคต่อที่หลายคนรอคอย "องค์บาก 2" และปิดท้ายด้วย ภาค 3 ของ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช"
ฝั่ง "จีทีเอช" ยังคงทำงานแบบเน้นทั้งเงินและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เริ่มกันตั้งแต่ “กอด” ของผู้กำกับที่ย้ายเข้ามาใหม่ "คงเดช จาตุรันต์รัศมี" ซึ่งมีชื่อการันตีมาระดับหนึ่งจาก "เฉิ่ม" ขณะที่ทาง "ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค" ก็เตรียมส่งหนังรักสุดซึ้งอย่าง “รัก/สาม/เศร้า” ออกมาให้ได้ชมกัน
ด้านหนึ่งผู้กำกับที่สร้างเงินและชื่อให้กับค่ายจากกลุ่ม "แฟนฉัน" อย่าง "ย้งทรงยศ สุขมากอนันต์" ก็เตรียมดึงตัวเอกจากหนังทั้ง แฟนฉัน, Season Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย, ไฟนอล สกอร์ 365 วันตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์ มาพบกันใน หนัง “ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น” และอีกหนึ่งโปรเจ็คต์ที่น่าสนใจก็คือ “Four” กับการรวมตัวของ 4 ผู้กำกับ (แต่ทำคนละตอน) ทั้ง ทอง สิน-ยงยุทธ ทองกองทุน, โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล, ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ และ ปวีณ ภูริจิตปัญญา
โดยรวม หนังของจีทีเอชในปี พ.ศ.2551 นี้คงไม่น่าจะเจ็บตัวแต่อย่างใด โดยที่อาจจะต้องลุ้นสักหน่อยก็คือ สองเรื่องแรก "กอด" และ "รัก/สาม/เศร้า"
ทำหนังได้กล่องกับคำชมมากกว่าเงินซะเป็นส่วนใหญ่ มาปีนี้ “ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น” ก็น่าจะยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่ ทั้ง "อินทรีแดง" โดยพระเอกขายดี - ผู้กำกับมีสไตล์ อย่าง "อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม - วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง" รวมถึงการกลับมาอีกครั้งของ “บุญชู 9” จากผู้กำกับคนเดิม บัณฑิต ฤทธิ์ถกล ซึ่งเชื่อว่าทางค่ายเองคงจะทำออกมาได้ดีกว่าหนังในอารมณ์เดียวกันอย่าง "วัยอลวน 4" ซึ่งไม่ค่อยประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่
อีกเรื่องของค่ายห้าดาวนี้ก็คือ "ลองของ 2" โดยนางเอกคนเดิม มะหมี่ นภคประภา กับพระเอกคนใหม่ นะโม ทองกำเหนิด หนังแหวะที่ทางค่ายคงต้องโหมโปรโมตกันเหนื่อยหน่อย
ส่วนที่ทำหนังดูเหมือนจะขายแลกเงินอย่างเดียวเลยก็คือ อาร์เอสฯ โดยค่าย "อาวอง" ไล่ไปตั้งแต่หนังเก่าเก็บมานานกว่า 4 ปี “รักสยามเท่าฟ้า” มีพระเอก หนุ่ม ศรราม เป็นตัวชู ซึ่งไม่น่าจะได้เงินสักเท่าไหร่ นอกนั้นที่เหลือเป็นหนักตลกทั้งหมด ทั้ง ดรีมทีม, โหดหน้าเหี่ยว และ หล่อแหบ แสบคูณสอง
โดยที่น่าจะได้เงินมากกว่าใครเพื่อน(หากคนดูไม่เอียนกันเสียก่อน) ก็คือ โหดหน้าเหี่ยว ของ ยอร์ช ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร ซึ่งถนัดมากๆ กับหนังแนวนี้ ส่วนเนื้อหาที่น่าสนใจก็คือหนังเด็ก "ดรีมทีม" จากฝีมือของ เรียว กิตติกร ขณะที่ “หล่อแหบ แสบคูณสอง” นั้นก็ไม่น่าจะเจ๊งเนื่องจากวางดาราชูโรงไว้ที่ หนุ่ม ฟิล์ม รัฐภูมิ กับนักร้องหญิง มด ชุตินนท์
ขณะที่ค่ายเล็กๆ เชื่อว่าปีนี้คงต้องคิดกันหนักหน่อยหากจะซื้อใจคนให้มาดูหนังในโรงฯ จริงๆ เพราะดูเหมือนว่าการทำหนังประเภทตีหัวเข้าบ้านหวังจะขายแผ่นนั้นดูจะเป็นมุกที่หลายคนเขาเรารู้เท่าทันแล้ว
เริ่มกันที่ เอจี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ นอกจากโปรเจ็กต์ใหญ่ “สะใภ้บรื๋อ...อ์อ์” แล้วก็มีเรื่อง “อรหันต์ซัมเมอร์” ที่ดึงเอาหนุ่มหล่อจากบ้านเอเอฟ ตูน ธัชพล ชุมดวง หนุ่มหล่อ นำแสดง ซึ่งดูจากฟอร์มแล้วไม่น่าจะทำเงินสักเท่าไหร่ โดยที่จะดูดีหน่อยของค่ายนี้ก็คือ “Memories” แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องรอดูกันว่าชื่อของพระเอกขายดี อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม กับ ใหม่ เจริญปุระ ซึ่งมีข่าวกุ๊กกิ๊กกันนอกจอมาก่อนหน้านี้จะช่วยได้หรือไม่
นักแสดงรุ่นใหญ่ "พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง" ที่ผันตัวเองมาเป็นผู้กำกับ ปีนี้ขอเดินตามรอยความสำเร็จเดิมจาก "Me mySelf ขอให้รักจงเจริญ" ด้วยหนังชื่อที่ตั้งชื่อไว้อย่างคร่าวๆ ว่า “Happy Birth day” ในสังกัด “โมโนฟิล์ม” โดยค่ายนี้มีหนังเรื่อง “เพื่อนกันเฉพาะวันพระ” และ “Miss You Two” รอฉายก่อน
น้องใหม่ค่าย “เอ็นจีอาร์” ที่ประสบความสำเร็จทั้งเงินและกล่องจาก "มะหมาฯ" มาจากปีที่แล้ว ปีนี้มีหนังตลกเรื่อง “Valentine คริตกะ จ๋า บ้าสุดสุด” เรื่องนี้แม้จะได้ดารามือดีอย่าง ชาคริต แย้มนาม กับ จ๋า-ณัฐฐาวีรนุช มาจับคู่กันแต่ถ้าพิจารณาอารมณ์ของหนังโดยมองไปถึงเรื่องของการทำเงินแล้วดูเหมือนจะไม่เท่าไหร่
หนังที่น่าสนใจของค่ายนี้ในปีนี้ก็คือ “Coffin โลงต่อวิญญาณ” เนื่องจากได้ทั้งผู้กำกับมือคุณภาพ "เอกชัย เอื้อครองธรรม" มาร่วมงานกับนักแสดงขายดี "อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม" แถมยังมีนักแสดงชื่อดังของฮ่องกง "คาเรน ม็อก" มาร่วมประชันฝีมือกับ "มะหมี่ นภคปภา นาคประสิทธิ์" อีกต่างหาก
ครึ่งแรกของรอบปีที่ผ่านมาชื่อค่อนข้างจะขายดีก่อนจะมาแผ่วๆ ในช่วงครึ่งปีหลังสำหรับหนุ่ม "ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล" ซึ่งถ้าหากค่ายหนังค่ายเล็กอีกค่ายอย่าง “อลังการ สตูดิโอ” จะลุ้นเอาเงินจากหนังเรื่อง “Soul’s Code ถอดรหัสวิญญาณ” โดยอาศัยกระแสของเจ้าตัวคงจะเป็นอะไรที่หนักถึงหนักมากๆ อย่างแน่นอน
ปิดท้ายที่ “พระนครฟิล์ม” ยังคงคอนเซ็ปต์ทำหนังเอาใจตลาดต่างจังหวัดกับการทำหนังขายดาราที่มาร่วมแสดงเป็นหลักไม่ว่าจะเป็น “สวย สิงห์ กระทิง แซ่บ” จาก "กบ สุวนันท์ คงยิ่ง" กับ "วีรภาพ สุภาพไพบูลย์" ต่อด้วย “หนุมานคลุกฝุ่น” โดย "หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์" จับคู่กับ "หยาดทิพย์ ราชปาล", “คู่ป่วนก๊วนเมษา” จาก "สเตฟาน สันติ วีระบุญชัย" รวมถึง “Deep in The Jungle” โดยหนุ่ม"ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี"
รวมถึงหนังตลกที่ขายฮาอย่างเดียวอย่าง “ผีตาหวานกับอาจารย์ตาโบ๋” ซึ่งเมื่อพิจารณาโดยรวมแล้วทั้งหมดไม่น่าจะขาดทุน แต่ก็ไม่น่าจะทำเงินสักเท่าไหร่