xs
xsm
sm
md
lg

คู่กรณี "เวิร์คพอยท์" แฉก๊อกสอง หอบหลักฐานโต้ "ปัญญา"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้บริหาร อะเบาท์ ไอเดีย หอบหลักฐานแฉ “เวิร์คพอยท์” รอบสอง ยันไม่ได้ทำผิดสัญญา จวกกลับ “ปัญญา” พยามยามบ่ายเบี่ยง สุดปลื้มหลังตกเป็นข่าวมีคนมาให้กำลังใจเพียบ และสนับสนุนให้สู้คดีต่อไป

หลังจากที่ “ศศิธร เผ่าสัจจ” ผู้บริหารบริษัท อะเบาท์ ไอเดีย ได้ออกมาเปิดเผยถึงการชนะคดีกรณีฟ้องร้องบริษัทเวิร์คพอยท์เบี้ยวการจ่ายค่าจ้างจัดงาน “มหกรรมแก้จน” จนเป็นเหตุให้ “ปัญญา นิรันดร์กุล” ผู้บริหารบริษัทเวิร์คพอยท์คู่กรณีต้องออกมาโต้ว่า ไม่ได้เบี้ยวเงินค่าจ้าง แต่เนื่องจากบริษัทอะเบาท์ ไอเดียทำงานได้ไม่ตรงตามเป้า แล้วจะเอามาค่าจ้างได้อย่างไร

ล่าสุดเจ้าตัวก็หอบหลักฐานการสัญญาการจ้างงานมาเปิดเผย พร้อมทั้งยืนยันว่าตนเองทำงานบรรลุเป้าหมายตามที่ได้ทำสัญญา เผยหลังจากตกเป็นข่าวมีคนให้กำลังใจมากมาย

“เขาควรลงมาฟังข้อเท็จจริงจากเรามากกว่าไม่ใช่ฟังแต่ลูกน้องแล้วก็พูดไปเรื่อยเหมือนกับว่าพยายามบ่ายเบี่ยงยังไม่ได้รับรายงาน ในฐานะที่เขาเป็นประธานบริษัททำไมเขาไม่มาสืบสวนข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องที่บอกว่าไม่เคยเจอกับเราตรงนี้เรามีพยานบุคคล และหลักฐานยืนยันได้ว่า เราเข้าไปพูดคุยกับเขาจริงที่งานแถลงผังของช่อง 5”

“สำหรับเรื่องการโอนเงินเราขอยืนยันตามเดิมที่เราเคยบอกไปแล้วว่า เราโอนเงินให้กับบริษัทเวิร์คพอยท์ไปแล้วประมาณ 10 ล้านบาท เรามีหลักฐานที่จะเอามายืนยันได้ เมื่อตอนที่ขึ้นศาลทางผู้บริหาร และฝ่ายบัญชีของบริษัทเวิร์คพอยเขาก็ยอมรับกับศาลว่า ได้รับเงินก้อนนี้จากบริษัท อะเบาท์ ไอเดีย จริง”

"ส่วนในเรื่องเอกสารสัญญาที่เวิร์คพอยท์กำหนดว่าจะจ่ายเงินค่าจ้างให้กับเราเป็นจำนวนเงิน 13 ล้านกว่าบาท โดยมีการแบ่งจ่ายเป็น 5 งวด นั้นเขาก็ผิดสัญญาตั้งแต่งวดแรกแล้วไม่ได้จ่ายยกเอามารวมกับงวดที่สองเป็น จำนวนเงิน 4 ล้านบาท ซึ่งทางเราก็ได้รับแค่วงวดนี้เพียงงวดเดียวเท่านั้นจากบริษัทเวิร์คพอยท์"

“ส่วนอีกสองล้านที่จะฟ้องว่าเรายักยอกนั้น ตรงนี้เรายอมรับกับศาลไปแล้วว่าเงินจำนวนนี้อยู่กับเราจริง เพราะว่าทางคุณนุวัทฐ ผู้บริหารเวิร์คพอยท์ บอกว่าให้เอาเงินสองล้านนี้โยกไปใช้จ่ายหน้างานก่อนเนื่องจากว่าทางบริษัททำเช็คจ่ายให้ไม่ทัน แต่มันกลายเป็นว่าเขาจะมาเอาผิดเรากับเงินส่วนนี้อีก”

“ในเรื่องการขายบูธเขากำหนดให้เราขายประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ จากยอดขายทั้งหมด ซึ่งในตอนนั้นที่ตกลงกันจะมีการจัดงานทั้งหมดสามฮอล์ปรากฏว่า เราขายได้ทั้งหมด 455 บูธ ถ้าเทียบกับงานมีสามฮอล์เท่ากับว่าขายได้ 52 เปอร์เซ็นต์ แต่ก่อนวันงานไม่กี่วันเขาก็มายุบเหลือแค่สองฮอล์ ซึ่งเมื่อเป็นสองฮอลล์เราก็ขายได้เกิน 75 เปอร์เซ็นต์แน่นอน จริงๆ มันไม่มีอะไรผิดอยู่แล้ว”

“เอกสารที่เขาให้เราเซ็นตกลงในเรื่องการขายและรับค่าคอมมิชั่นนั้นมันไม่มีระบุเรื่องว่าขายไม่ได้ต้องถูกปรับเท่านั้นเท่านี้ เพียงแต่ว่าให้เราเซ็นเพื่อให้ทางผู้บริหารเขารับรู้ว่ามีเงื่อนไขแบบนี้ ซึ่งทางคุณนุวัทฐเองก็บอกว่าไม่ต้องไปซีเรียสจริงๆ เขามีลูกค้าอยู่แล้ว 300 บูธ ที่เหลือคุณก็ไปขายอีก แค่ 400 บูธ ก็พอ แต่พอเอาเข้าจริงลูกค้ากลับมีมาแค่ 40 บูธ เท่านั้นเอง”

“พอเป็นแบบนี้เราก็ต้องมาคิดว่าจะทำยังไงดีเลยเสนอว่า ให้ทางบริษัทเวิร์คพอยท์ช่วยพูดประชาสัมพันธ์ในรายการหรือว่าจัดงานแถลงข่าวให้ เพราะการขายนั้นมันจะประสบความสำเร็จก็ต้องมีการโฆษณาควบคู่ไปด้วย เขาก็รับปากว่าจะโฆษณาให้เราเต็มที่ไม่ต้องไปซื้อสื่อที่อื่นให้เปลือง พอถึงเวลากับมาบอกเราว่ารายการเขาอัดล่วงหน้าไปหมดแล้วใน เมื่อคุณปัญญา นิรันดร์กุล เองยังไม่เคยพูดถึงเรื่องการจัดงานนี้ในรายการเลย แล้วเราจะไปขายของได้ยังไง ลูกค้าส่วนใหญ่จะบอกว่ารอดูในรายการก่อน มันก็เหมือนกับว่าเราไปแอบอ้าง ส่วนการแถลงข่าวเขาจัดให้จริง แต่จัดก่อนหน้าการจัดงานหกวันแล้วใครจะไปขายได้ทัน”

“ตรงนี้เขาไปอ้างกับศาลว่า เขามีงบประมาณในการโฆษณาให้อยู่แล้ว แต่เราไม่ได้ใช้ ถามหน่อยว่าเราจะเอาเงินค่าโฆษณาไปซื้อรายการเขาอีกทำไม ในเมื่อเขาบอกว่าจะช่วยเราอยู่แล้ว เราเอางบนี้ไปซื้อสื่ออื่นไม่ดีกว่าเหรอ”

“อยากจะบอกเขาว่า ถ้าเขาบริสุทธิ์ใจและอยากที่จะแก้ปัญหาจริงๆ ทำไมไม่หันหน้ามาคุยกัน ถ้าคุณปัญญาไม่เข้าใจตรงไหน เราพร้อมที่จะชี้แจงในเอกสารที่เราสรุปงานให้ หลังจัดงานเสร็จก็ชี้แจงรายละเอียดทุกอย่างไว้หมดว่า งานประสบความสำเร็จแค่ไหน และมีตรงไหนบ้างที่มันไม่สำเร็จ เอกสารทุกอย่างที่เป็นตัวจริงก็ส่งมอบให้หมดเราถือว่าบริสุทธิ์ใจ แต่นี่ไม่มีการติดต่อมาเลย เวลาออกสื่อก็บอกแต่ว่าทุกอย่างไม่มีปัญหาพอเราจะชี้แจงก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้เราเข้าไปชี้แจงโยนให้เราเป็นแพะลูกเดียว”

“ในเมื่อเขาคิดว่าศาลตัดสินมาว่าต่างคนต่างไม่ผิด แต่ในเมื่อเราทำงานแล้วยังไม่ได้รับค่าจ้าง เราก็ต้องเข้าไปขออุธรณ์ และชี้แจงเรื่องตัวเลขอีกครั้ง ถามว่าเราควรจะได้มากกว่า 9 ล้านไหม มันก็ควรจะได้มากกว่านั้น แต่เราขอแค่ในส่วนที่เราต้องลงทุนและเสียหายไปเท่านั้นเอง”

“ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบริษัทเขาหลังมีกระแสข่าวออกไปนั้นคิดว่า คงเป็นส่วนน้อยที่จะมาบริโภคสื่อทางอินเตอร์เน็ต แต่บางคนที่เขาบริโภคและรับรู้เขาคงไม่ดูรายการเวิร์คพอยท์แล้วล่ะ ทางด้านบริษัท อะเบาท์ ไอเดีย มีลูกค้าโทรมาให้กำลังใจให้สู้ต่อไปเยอะมาก บางคนก็บอกว่าดีแล้วจะได้เปิดหน้ากากเขาออกมาซะที บริษัทลูกค้าที่เขาเคยเข้าใจผิดและฟ้องร้องเราเขาก็โทรมาขอโทษแล้วก็เข้าใจเราเรียบร้อยแล้ว ทางเวิร์คพอยท์ซะอีกที่ยังเงียบเหมือนเดิม”




เอกสารส่งมอบงานทั้งหมดของอะเบาท์ไอเดีย






กำลังโหลดความคิดเห็น