ดูเหมือนจะเป็น ออสการ์ ไวลด์ ที่กล่าวไว้ว่า “ใบหน้าของบุรุษบ่งบอกตัวตนที่แท้จริงของเขา แต่ใบหน้าของสตรีบ่งบอกความเท็จของเธอ”
นั่นเป็นการเปรียบเปรยให้เห็นภาพของ “ผู้หญิง” ในแง่ของความสลับซับซ้อน จิตใจที่ไม่มั่นคง และเราไม่สามารถตัดสินพวกเธอจากรูปลักษณ์ภายนอกได้
อย่างไรก็ดี การยกคำพูดของออสการ์ ไวลด์มาอ้าง คงไม่เหมาะสมนักเนื่องจากข้อกังขาเรื่องรสนิยมทางเพศของเขา แต่ใครกันจะเข้าใจผู้หญิงได้เป็นอย่างดี นักรักบันลือโลกอย่างดอน ฮวน อาจผ่านผู้หญิงมาเป็นร้อยพัน แต่จะมีสักคนหรือไม่ที่เขาเข้าใจตัวเธออย่างจริงจัง
ผู้หญิงเป็นสัตว์โลกที่ลึกลับที่สุด – อย่างน้อยๆ ก็สำหรับผู้ชาย พวกเธอ “ไม่ง่าย” เลยในทุกกรณี
In the Land of Women เป็นหนังเรื่องแรกของ โจนาธาน แคสแดน (ลูกชายของมือเขียนบทและผู้กำกับ ลอว์เรนซ์ แคสแดน) ที่พูดถึงการค้นหาตัวเองของชายหนุ่มคนหนึ่ง และในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องรับมือกับผู้หญิงที่เข้ามาพัวพันในชีวิต
ผู้หญิง 7 คนที่ คาร์เตอร์ (อดัม โบรดี) ได้พบมีบุคลิกแตกต่างกันออกไป การหาคนที่ใช่สำหรับคาร์เตอร์ ยากพอๆ กับการทำความรู้จักผู้หญิงแต่ละคน และเรียนรู้ – รวมถึงเข้าใจว่า ผู้หญิงแบบไหนที่จะเหมาะกับตัวเขาเอง
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นอย่างง่ายๆ คาร์เตอร์ถูกบอกเลิกจาก โซเฟีย (เอเลน่า อนาย่า) แฟนสาวซึ่งกำลังไต่เต้าเป็นนางแบบชื่อดัง เธอบอกกับชายหนุ่มว่า “ฉันต้องการระยะห่างเท่านั้นเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่ได้รักเธอ”
คำพูดที่ฟังดูง่ายดายอย่างนั้นออกจะเป็นเรื่องซับซ้อนและรบกวนจิตใจคาร์เตอร์มากพอดู ในตรรกะของเขา การบอกเลิกหมายถึงการไม่ได้รัก และการรักษาระยะห่างก็ไม่จำเป็นต้องหมายถึงการเลิกรา
ในขณะที่กำลังช้ำรักและงานเขียนบทหนังของเขายังไม่เห็นหนทางคืบหน้า คาร์เตอร์ได้รับข่าวจากแม่ว่า ยายซึ่งใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังกำลังล้มป่วย ชายหนุ่มถือโอกาสหาที่เลียแผลใจด้วยการเดินทางออกจากแอลเอไปหายายยังแถบชานเมืองในดีทรอยต์
นอกเหนือจากการต้องรับมือกับ ฟิลลิส (โอลิมเปีย ดูคาคิส) ยายที่เป็นโรคป้ำๆ เป๋อๆ - ที่มีคำพูดกวนประสาทตลอดเวลา- คาร์เตอร์ได้เจอกับตัวละครที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตเขาอีกคนหนึ่งคือ ซาร่าห์ (เม็ก ไรอัน) แม่บ้านที่มีลูกสาว 2 คน ผู้เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาแต่มีดวงตาเศร้าสร้อย และดึงเอาสมาธิในการบำเพ็ญตนของคาร์เตอร์ออกไปจนหมด
หนังดำเนินไปตามเงื่อนไขง่ายๆ ระหว่างการสนทนาของคาร์เตอร์และซาร่าห์ ชายหนุ่มค่อยๆ ถอยกลับมามองตัวเองในอีกมุมที่เขาไม่เคยสนใจมาก่อน เขาเล่าให้ซาร่าห์ฟังถึงการบอกเลิกอันเป็นปริศนาจากแฟนสาว และฝ่ายหญิงก็ให้ความเห็นว่า “บางทีคุณอาจเป็นผู้ฟังที่ไม่ดีพอ” – ซึ่งคาร์เตอร์เถียงข้างๆ คูๆ ว่าไม่จริง
ราวกับว่าเท่านั้นยังไม่พอ หญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของคาร์เตอร์ในเวลาไล่เลี่ยกัน คือ ลูซี่ (คริสเตน สจวร์ต) ลูกสาววัยรุ่นของซาร่าห์ ที่ใบหน้าบ่งบอกถึงการไม่มีความสุขในชีวิต เธอมักหมกตัวอยู่ในห้องใต้ดินเพื่อวาดรูป หรือบางครั้งก็แอบขึ้นไปสูบบุหรี่บนหลังคาบ้าน เธอไม่เอนจอยกับชีวิตนัก โดยเฉพาะการได้รับรู้ว่าผู้เป็นแม่ป่วยเป็นโรคร้าย กำลังรอวันตายแบบที่เข้าไปจัดการไม่ได้
เทียบกับลูซี่, เพจ (เมเคนซี่ เวก้า) ลูกสาวคนเล็กของซาร่าห์รับมือกับปัญหาได้ดีทีเดียว แต่เหตุผลแก่แดดของเธอเพื่อเป็นข้ออ้างในการปลดเปลื้องความไม่สบายใจทั้งหลายออกไปก็คือ “หนูยังไม่โตพอที่จะมีชีวิตเป็นของตนเอง”
ถ้ายึดตามที่เพจบอก บางทีการมีชีวิตเป็นของตัวเองก็คงเป็นเรื่องยากทีเดียว ลูซี่ถึงรับมือกับมันด้วยการทำตัวร้ายๆ และแสดงตนว่าอยู่ตรงกันข้ามกับแม่ตลอดเวลา ในฉากหนึ่งที่ลูซี่แสบจนถึงขีดสุด คาร์เตอร์ตะคอกใส่เธอ และเตือนสติเธอว่า ทุกคนรู้ดีว่าโลกนี้มันวุ่นวายและชีวิตของแต่ละคนก็ซับซ้อนไม่แพ้กัน “เราทุกคนสามารถกลัวได้ แต่ไม่ใช่ต่อสู้กับปัญหาด้วยการทำตัวมีปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่รักเธอ”
เหมือนจะเป็นการเตือนสติลูซี่ได้ชะงัด และเช่นกัน คาร์เตอร์เองก็ไม่คิดว่าตนเองคิดอย่างนั้น และพูดอะไรแบบนั้นออกไปได้
เทียบกับงานของพ่อ โจนาธาน แคสแดนทำหนังของตัวเองง่ายกว่ามาก ทั้งในแง่ของสไตล์และเนื้อหา ตัวละครหลักอย่างคาร์เตอร์ – บุคคลที่ถือเป็นภาพจำลองของตัวเขาเอง – ไม่ได้เกิดพุทธิปัญญาอันยิ่งใหญ่หลังจากหนังดำเนินมาถึงบทสรุป
การได้พบกับผู้หญิงทั้ง 7 คน (ตั้งแต่แฟนสาว, แม่, ยาย, ซาร่าห์, ลูซี่, เพจ และสาวเสิร์ฟตอนจบเรื่อง) เป็นเพียงชุดเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาแทนการฟุ้งซ่านอย่างบ้าคลั่งระหว่างช่วงอกหักของผู้ชายไม่เอาไหนคนหนึ่งมากกว่าจะถูกจัดวางให้คนดูเข้าสู่ประเด็นอย่างจริงจัง
ข้อดีข้อเสียของ In the Land of Women อยู่ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน กล่าวคือ หนังดูเรียบง่ายเป็นธรรมชาติดีทีเดียว แต่ในอีกทางหนึ่งมันกลับเบาบางเกินไปในการจะวิพากษ์อะไรสักอย่างหนึ่ง
การจัดระเบียบตัวละครหญิงยังห่างไกลกับคำว่าลงตัว เมื่อเทียบกับหนังที่พูดถึงผู้หญิงเรื่องอื่นๆ แล้ว นับว่าแคสแดนยังให้ความลึกกับพวกเธอไม่เพียงพอ
คนดูไม่ได้รับการอธิบายที่แน่ชัดและคมคายว่าการทำความเข้าใจผู้หญิงนั้นต้องทำอย่างไร นอกเหนือจากการเป็นผู้รับฟังที่ดี หรือรักเธอให้มาก – หรือบางทีนั่นอาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว
หรือในทางตรงข้าม ข้อด้อยเกี่ยวกับการแจกแจงผู้หญิงและปัญหาของพวกเธอ เกิดจากหนังเรื่องนี้ต้องการจะพูดถึงผู้ชายมากกว่าจะไปให้รายละเอียดอย่างที่ชื่อเรื่องบอก
แคสแดนวางให้คาร์เตอร์เป็นผู้ชายที่ง่ายต่อการเข้าถึงผู้หญิง เขาเปิดรับมากกว่าจะปิดกั้น รวมถึงอดทนต่ออารมณ์อันไม่แน่นอนของอีกฝ่าย - ในอย่างที่ผู้ชายส่วนใหญ่มักทำกันไม่ได้
น่าชื่นใจที่แคสแดนให้คาร์เตอร์ประเมินตัวเองอย่างเป็นธรรม ในจดหมายที่เขาส่งถึงซาร่าห์ตอนหนึ่ง กล่าวถึงความผิดพลาดอันนำไปสู่ความผิดหวังของเขาเอง นั่นคือการเหยาะแหยะและไม่ค่อยรับผิดชอบ
นิสัยไม่เอาไหนของผู้ชายที่คาร์เตอร์ยินยอมตำหนิตัวเอง เหมารวมถึงการทึกทักทุกอย่างอย่างง่ายๆ, ไร้ความพยายามในการทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น, หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบและการผูกมัดทุกประเภท
แน่นอนว่าไม่ใช่ผู้ชายทุกคนที่มีความบกพร่องแบบนั้น แต่กล่าวอย่างถึงที่สุด จะมีผู้ชายสักกี่คนที่นั่งลงสำรวจข้อด้อยของตนอย่างจริงจัง
เพราะส่วนใหญ่มักจะสะดุดอัตตาความเป็นชายก่อนที่มันจะเริ่มต้นเสียด้วยซ้ำ