ตามหาฝันอีกคนสำหรับเด็กพันธุ์ไทยแท้อย่าง “โมโต-ณิธิกร สมบัติธรรม” นักเรียนจากวิทยาลัยดนตรีและศิลปะการแสดง SCA (Superstar College of Asia) ที่มีอายุอานามเพียงแค่ 17 ปีกับการก้าวสู่การเป็นสมาชิกของวงดนตรีสายพันธุ์แท้แดนปลาดิบวง “10jinactor” (เทนจิน) ที่เพิ่งเปิดตัวในฐานะนักร้องสมาชิกคนใหม่พร้อมวงไปไม่นาน พร้อมกับซิงเกิลแรกของวง
“ล้มไม่ได้แปลว่าแพ้ แต่ล้มเลิกต่างหากที่แปลว่าแพ้” เป็นคำบอกเล่าที่เจ้าตัวใช้เป็นเหมือนคติเตือนใจให้ได้ทำงานตั้งแต่สมัยผมเด็กๆ เพราะตั้งแต่ซีรีส์เรื่องแรก รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ในบทพี่ชายนางเอกตอนเด็ก ออกฉายก็ได้รับการตอบรับดี พอได้มีโอกาสมาแสดงภาพยนตร์เรื่อง กรรไกร ไข่ผ้าไหมฯ รับบทเป็น 1 ในสมาชิกแก๊งหน้าหล่อ ก็ถือว่าได้โอกาสที่ดีอีกเช่นกันครับ”
ถือเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของเด็กไทยที่ได้ไปทำงานระดับอินเตอร์
“ถือว่าเป็นโอกาสมากๆ แต่ด้วยความชอบส่วนตัวทั้งดนตรีและงานแสดง ผมเลยไม่เคยย่อท้อที่จะแคสติ้งงาน และงานดนตรีก็เป็นการออดิชันที่ตั้งใจมากๆ ครับ และผมเองก็ถือเป็นเด็กไทยที่อายุน้อยคนล่าสุดที่ได้เซ็นสัญญากับค่าย Sony Music Entertainment Japan (International) ตอนแรกคงจะมองว่ามันเหมือนฝัน แต่ตอนนี้เป็นเหมือนฝันที่เป็นจริงๆ แล้ว เพราะการร้องเพลงและเต้นถือว่าอยู่สายเลือดมาตลอด แต่ยอมรับนะครับว่าตอนเด็กๆ ไม่กล้าเรื่องพวกนี้หรอก อายเลยแหละ พูดน้อย ถามคำตอบคำ แต่วันหนึ่งพอได้มีโอกาสเรียนรู้และได้แสดงออก จากคนที่ชื่นชอบดนตรีอยู่แล้วก็ทำให้ชีวิตตัวเองเปลี่ยน ด้วยแรงผลักดันของคุณแม่ที่อยากให้ลูกเป็นคนกล้าแสดงออก ไม่ตื่นเวทีและกล้า เลยทำให้มาเรียนแอ็คติ้งและดนตรีเพิ่มที่ SCA (Superstar College of Asia)”
โชคดีมีคนคอยแนะนำแต่ก็ต้องอาศัยการปรับตัวหลายอย่าง รวมไปถึงเรื่องภาษา
“ผมโชคดีครับที่ทุกๆ คนและพี่ๆ ในวงเอ็นดู คอยสอนและชี้แนะตลอด ซึ่งไปตอนแรกๆ รับว่าคุณแม่เป็นห่วงแหละ จะกินอย่างไง จะนอนอย่างไง พอท่านได้มีโอกาสไปดูสถานที่และความเป็นอยู่พร้อมกับได้มีโอกาสคุยกับพี่ๆ สมาชิกคนอื่นๆ ในวงที่ดูแลผมเป็นอย่างดีก็เลยหมดห่วง”
“เรื่องภาษาแรกๆ อาจจะมีบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะผมเองก็พอจะมีพื้นฐานมาอยู่แล้ว พี่ๆ เขาก็ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาหลักในการสนทนากันเลยปัญหา ที่สำคัญอยู่ที่ญี่ปุ่นต่างก็ซ้อมเต้น เล่นดนตรีเวลาส่วนตัวก็จะได้คุยกันบ้างก็ช่วงกินข้าว อาบน้ำ”
ยอมรับมีความกดดันในการทำงานบ้างแต่ปรับตัวได้
“ตอนที่ประกาศว่าผ่านการออดิชันก็ถือว่า ตกใจมากๆ เพราะไม่คิดว่าจะได้ แต่พอได้แล้วกดดันกว่าเดิม ด้วยความที่โมโตเอง ยังเรียนม.ปลายอยู่เพื่อนก็จะไม่ค่อยได้อยู่ก๊วนๆ เดียวกันก็เลยตัดปัญหาเรื่องของเพื่อนๆ ที่จะมาพะวง ได้ในระดับหนึ่ง”
ได้รับฉายา “เจ้าชายผักชี” และนำวัฒนธรรมกับรอยยิ้มไทยๆไปใช้ที่ญี่ปุ่นอีกด้วย
“ถือเป็นเรื่องที่ดีนะครับที่ผมไปอะไรที่ญี่ปุ่นและล่าสุดที่มีคนญี่ปุ่นนิยมกินผักชี และสุดท้ายนี้โมโตยังบอกอีกว่า “การไปญี่ปุ่นครั้งนี้สิ่งที่ผมมีและอยากสร้างเป็นเอกลักษณ์ให้กับทุกๆ คนที่ได้พบเห็นคือ รอยยิ้มและวัฒนธรรมการไหว้แบบไทยๆ ที่ผมจะทักทายและจะสอนพี่ๆ ทุกคนในวง ซึ่งเชื่อวัฒนธรรมแบบนี้แหละที่ ใครเห็นก็ต้องชอบและชื่นชมอย่างแน่นอน เพราะเชื่อว่าคนไทยยิ้มสวยและไหว้งาม”