ระบำไฟ ตอนที่ 7
ตรีประดับจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งส่งข้อความไปหาพัดชาว่า “พี่กับพยสอยากพบน้องพัดอีกนะคะ” ตามด้วยสติ๊กเกอร์ยิ้มแฉ่งไปให้ พัดชาอ่าน แต่ไม่ตอบ
ตรีประดับนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงกดโทร.จากโปรแกรมแชทไปหา แปลกใจที่สัญญาณว่าง แต่ไม่มีคนรับสาย เลยตัดสินใจพิมพ์ข้อความทิ้งไว้
“น้องพัดยุ่งคงกำลังยุ่ง เอาไว้ว่างค่อยคุยกันก็ได้จ้ะ แต่ถ้ากลับมาเมืองไทยแล้ว ต้องรีบติดต่อหาพี่นะ เราจะได้นัดเจอกัน พี่มีหนังสือเกี่ยวกับงานแปลที่น้องพัดอ่านแล้วน่าจะได้แรงบันดาลใจในการไล่ตามฝัน พี่ยังอยากเห็นผลงานของนักแปลหน้าใหม่อย่างน้องพัดอยู่นะจ๊ะ อย่าเพิ่งล้มเลิกความตั้งใจ”
ตรีประดับพิมพ์กดส่งเสร็จ ก็ได้ยินเสียงรถพยสแล่นเข้ามาในบ้านพอดี
ชั้นล่างของบ้านมืดสนิท ในขณะที่ตรีประดับเดินลงบันไดมา มองไปเห็นประตูบ้านเปิดแง้มไว้มีรองเท้าพยสวางอยู่
“กลับมาแล้วเหรอคะพยส”
ขณะเดินไปที่สวิทช์ไฟตรงผนัง ทันใดนั้นตรีประดับก็ต้องตกใจเพราะถูกรวบกอดจากด้านหลัง
“อุ๊ย”
“จนป่านนี้แล้วยังจำอ้อมกอดผมไม่ได้อีกหรือจ๊ะ” พยสเย้าหยอก
ตรีประดับหันไปตีแขนเผียะ
“ก็คุณโผล่มามืดๆ ไฟก็ไม่เปิด”
“ผมเหนื่อย แทบจะคลานเข้าบ้านอยู่แล้ว เพิ่งจะมีแรงก็ตอนได้กอดเมียนี่แหละ”
พยสทำน้ำเสียงออดอ้อน ยิ้มกรุ้มกริ่ม ซุกไซ้จมูกหอมแก้มตรีประดับไปหลายฟอด
ชิงฉัตรเปิดประตูห้องพอดี เห็นอากับอาสะใภ้กอดออดอ้อนกันอยู่จึงยืนนิ่งไม่กล้าออกไป ได้แต่ยืนแอบดู เด็กหนุ่มมองสองคนแสดงความรักต่อกันด้วยความอิจฉา จดสายตามองจ้องแต่ตรีประดับที่ถูกกอดหอม
“ดื่มมาใช่ไหมคะเนี่ย”
“นิดหน่อยเอง” พยสซุกไซ้ “เหม็นเหรอครับ”
ตรีประดับไม่ขัดขืน “ไม่เหม็นหรอกค่ะ หอมด้วยซ้ำ”
พยสผละออกยิ้มกระหยิ่ม นึกว่าตรีประดับเล่นด้วย แต่พอจะจูบซ้ำ ตรีประดับก็พูดเชิงถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ยสซื้อน้ำหอมใหม่เหรอคะ ขวดที่อยู่บนห้องไม่ใช่กลิ่นนี้”
พยสหน้าเสียรีบจับปกเสื้อมาดม ได้กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงจริงๆ เลยมองตรีประดับหน้าเจื่อนๆ ไป
ตรีประดับหน้านิ่ง ไม่ได้โกรธ ไม่ได้คิดอะไรมากด้วย แค่ทักเฉยๆ
พยสเปิดประตูตามตรีประดับเข้ามาในห้อง สีหน้ายุ่งยากใจ
“ตรีฟังผมก่อน คือผมไปงานเลี้ยงของลูกค้า แล้วเผอิญ...”
ตรีประดับหันมา “ไม่ต้องอธิบายหรอกค่ะ ตรีรู้ว่าเป็นงานเลี้ยงประเภทไหน”
“แต่มันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ นะครับ ผมสังสรรค์กับพวกเขาตามมารยาท พอสมควรแก่เวลาก็ขอตัวกลับ ไม่ได้ไปเถลไถลที่ไหนกับใครแน่นอน ตรีเชื่อผมนะ”
พยสเข้าไปกอดอ้อน
“เมื่อก่อนผมอาจจะมีแว่บไปโน่นไปนี่บ้าง แต่พอมีตรีแล้ว ผมก็ไม่อยากจะไปไหนอีก นอกจากกลับมาหาคุณ”
ตรีประดับยิ้มให้
“ตรีเชื่อคุณค่ะ ที่จริงก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก แค่ทักเพราะกลิ่นมันหอมดี วันหลังฝากถามน้องเขาด้วยนะคะว่าใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไร เผื่อตรีจะซื้อมาใช้บ้าง”
“โธ่ เหม็นจะตาย ไม่เอาละ ผมไปอาบน้ำดีกว่า”
พยสปลดกระดุมเสื้อ แล้วชะงัก ยิ้มเจ้าเล่ห์ ดึงแขนตรีประดับ
“ตรีอาบให้ผมดีกว่า จะได้ทำความสะอาดให้หมดทุกซอกทุกมุม”
“ไม่ล่ะค่ะ ตรีไม่อยากเปียก”
“เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้ไง”
พยสยิ้มกรุ้มกริ่มดึงแขนอ้อน ตรีประดับแกะมือออก
“ยสนั่นแหละเข้าไปอาบ เดี๋ยวตรีเตรียมผ้าเช็ดตัวไว้ให้”
“ก็ได้ครับ รอผมแป๊บนะ”
พยสเข้าห้องน้ำไป ตรีประดับมองตามยิ้มๆ เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า จัดเตรียมชุดนอนให้ตามแบบภรรยาที่ดี
พยสอาบน้ำอยู่ ยินเสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีดังมาจากในห้องน้ำ สักครู่ใหญ่ๆ ทนายหนุ่มสวมเสื้อคลุมอาบน้ำออกมา มองไปที่เตียงเห็นเหมือนตรีประดับนอนอ่านหนังสืออยู่ พยสยิ้มกริ่มก้าวขึ้นเตียง พลิกตัวเข้าไปกอดภรรยาคนสวย แล้วต้องชะงักเมื่อพบว่าตรีประดับหลับไปแล้ว ทั้งที่หนังสือวางอยู่บนอกนั่นเอง
“ตรีขี้โกงนี่ ไหนว่าจะรอผมไง”
พยสดึงหนังสือออก ซุกไซ้ใบหน้าคลอเคลียข้างแก้มตรีประดับ แกล้งจี๋เอวให้รู้สึกตัว
“ผมรู้นะว่าตรียังไม่หลับ ลืมตาขึ้นมาคุยกันก่อน”
พยสนึกสนุกยังแกล้งจั๊กจี้ต่อ ตรีประดับขยับตัว งัวเงียปัดมือพยสออกเบาๆ
“ตรีง่วงแล้วล่ะค่ะ ยสก็นอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ”
ตรีประดับพลิกตัวนอนหันหลังให้ พยสอารมณ์ค้างเติ่งเพราะเมียไม่เล่นด้วย พลิกตัวกลับมานอนหงายแรงๆ อย่างผิดหวัง และไม่สบอารมณ์
เช้ามืด พัดชานั่งพิงกระจกร้านกาแฟหลับสนิทโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งถูกเขย่าตัวปลุก
“คุณ คุณคะ”
พัดชาสะดุ้งลืมตาขึ้นมางงๆ เห็นพนักงานเข้ามาเช็ดโต๊ะ จะหยิบถาดกาแฟกับของว่างที่วางทิ้งไว้ข้ามคืน เช็ดโต๊ะ
“ขออนุญาตเก็บโต๊ะนะคะ เช้าแล้วค่ะ”
พัดชาหน้าเจื่อนๆ “เอ่อ ค่ะ”
พนักงานเก็บถาดออกไป พัดชามองไปรอบๆ ไม่เห็นมีลูกค้าเหลือสักโต๊ะนอกจากตัวเอง ขยับลุกเดินออกไป ผ่านเคาน์เตอร์ มีเสียงพนักงานนินทาลอยมาเข้าหู คนแรกเอ่ยขึ้นว่า
“ดี๊ดีอ่ะแกร อาศัยนอนตามร้านกาแฟ ประหยัดค่าโรงแรมโนะ”
อีกคนเสริมว่า “มันน่าชวนมาเฝ้าร้านด้วยกันนะ กะดึกยิ่งหาคนยากอยู่”
พนักงานหัวเราะคิกคัก พัดชาไม่สนใจเสียงนินทาเดินออกไป แต่สายตาไปสะดุดกับป้ายประกาศรับสมัครงานปิดอยู่ตรงทางออกพอดี ในป้ายบอกว่าสัมภาษณ์แล้วรู้ผลเลย หญิงสาวชะงักหันกลับไปมองที่เคาน์เตอร์ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เช้าวันเดียวกันนี้ พยสแต่งตัวพร้อมไปทำงาน เดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร ซึ่งจัดมื้อเช้าไว้รอท่าเรียบร้อยแล้ว ตรีประดับชงกาแฟมาวางไว้ให้พอดี
พยสยิ้มเจ้าเล่ห์ จำได้ว่าวันนี้ครบรอบแต่งงาน 1 ปี แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ กะเซอร์ไพรส์ตรีประดับทีหลัง
“วันพิเศษอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมตรีลุกขึ้นมาทำอะไรเยอะจัง”
“ตรีตื่นตั้งแต่เช้ามืดแล้วค่ะ ยังคิดงานไม่ออก” ตรีประดับยิ้มเนือยๆ
พยสมองตรีประดับอย่างเห็นใจ เอื้อมมือแตะแขนตรีประดับ
“ผมไม่อยากให้ตรีเหนื่อยเกินไป งานบ้านก็ต้องทำ งานเขียนก็ต้องรับผิดชอบ ลองหาแม่บ้านดูไหม”
“คุณแม่ส่งป้าอึ่งมาช่วยทำงานบ้านอยู่แล้วนี่คะ”
“ป้าอึ่งมาเช้าเย็นกลับ ตรีน่าจะมีคนอยู่เป็นเพื่อนซักคน จะได้ไม่เหงาด้วย” พยสคิดแล้วตัดสินใจเลย “เอางี้ ผมจะทำงานให้น้อยลง จะได้รีบกลับบ้านมาอยู่กับตรี”
ตรีประดับหัวเราะ “ไม่ต้องหรอกค่ะ บ้านเรายังมีชิงฉัตรอีกคน ตรีไม่เหงาเลย”
“ถ้าตรีเปลี่ยนใจก็บอกผมนะ”
ตรีประดับพยักหน้ายิ้มๆ แล้วหันไปตักข้าวให้พยส พยสมองยิ้มๆ แกล้งถามอีก พยายามรีเช็คให้แน่ใจว่าตรีจำวันพิเศษไม่ได้
“เอ๊ะตรี วันนี้วันอะไรเหรอครับ”
ตรีประดับชะงัก มองหน้าพยสงงๆ ตอบพาซื่อ
“วันพฤหัสไงคะ”
พยสพยักหน้ารับ ลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่ได้โกรธที่ตรีประดับลืมวันครบรอบแต่งงาน
พัดชาได้งานทำที่ร้านกาแฟ 24 ชั่วโมง แห่งนั้น จึงกลับมาเอากระเป๋าเสื้อผ้า เพื่อย้ายไปอยู่ใกล้ที่ทำงาน มีอรณากอดอกยืนมองอยู่
“เธอไม่ได้โกรธเรื่องเมื่อคืนใช่ไหมพัด ไลฟ์สไตล์ฉันก็แบบนี้แหละ อยากกินอะไรก็เดลิเวอรีมาถึงห้องตลอด จะไปกินที่อื่นก็ไม่อร่อย”
พัดชาหันมามองเพื่อนสมัยเด็กแว่บหนึ่ง ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ฉันเข้าใจ”
“ใช่มะ เพราะเธอเองก็ไปอยู่เมืองนอกมา เรื่องแบบนี้มันปกติจะตาย เธอเองก็คงเคยมาบ้างแหละน่า”
อรณายิ้มกริ่มเหมือนจะดักคอว่าพัดชาก็ต้องเปรี้ยวพอตัว
พัดชาฝืนยิ้มตอบ แล้วหันไปเก็บของต่อ อรณาชวนคุยอีก ลึกๆ ก็เป็นห่วงเพื่อนไม่ได้
“แล้วจะย้ายไปอยู่ที่ไหนเนี่ยพัด เลือกดีๆ นะ หอพักถูกๆ บางทีก็ไม่น่าอยู่”
“แถวที่ทำงานน่ะ ไม่แพงมากหรอก แต่สภาพแวดล้อมดี ขอบใจที่เตือนนะ”
พัดชาหิ้วกระเป๋าตามหลังเจ๊เจ้าของอพาร์ตเมนต์ขึ้นไปที่ห้องพัก ระหว่างทางเห็นสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นอย่างที่บอกอรณาซักนิด มีเด็กวิ่งกันกระจองอแง บางห้องเจ้าของเปิดประตูอ้าซ่า อวดข้าวของรกเรื้อ บางห้องเป็นพวกสาวกลางคืนล้อมวงจกส้มตำ บางห้องคนเช่าเป็นผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้ใจออกมายืนมองดูเพื่อนบ้านใหม่ พัดชาเห็นแล้วต้องหลบสายตารีบเดินจ้ำไปที่ห้องตัวเอง
เจ๊เปิดประตูให้พัดชาเข้าไปสำรวจห้อง พัดชายื่นหน้าเข้าไปมอง อดถามไม่ได้
“ไหนเจ๊บอกว่าห้องนี้มีเฟอร์นิเจอร์ครบไงคะ”
“ก็หนูวางมัดจำได้แค่หมื่นเดียว เจ๊ก็ต้องเอาตู้เย็นกะทีวีออกสิ จะจ่ายเพิ่มไหมล่ะ”
พัดชาส่ายหน้า เพราะไม่มีเงินอีกแล้ว ควักเงินหมื่นที่เตรียมไว้ให้เจ๊ไป
พัดชาปิดล็อกห้อง เดินมานั่งริมเตียงนับเงินสดที่เหลือติดตัว เปิดดูสมุดบัญชี มีเงินติดบัญชีอยู่ไม่มาก
“ค่าเช่าบวกกับเงินเดือนที่ร้านกาแฟ น่าจะพออยู่ได้”
ได้ยินเสียงผัวเมียทะเลาะกันล้งเล้งอยู่ที่ถนนหน้าตึกแว่วมา พัดชาลุกไปเปิดหน้าต่างดู เห็นผัวตบเมีย เสียงร้องไห้ ฯลฯ พัดชามองเครียดๆ หดหู่กับสภาพแวดล้อมเหลือเกิน ปลุกปลอบให้กำลังใจตัวเอง
“อย่างน้อยที่นี่ ก็ดีกว่าในนรกนั่น”
ฝ่ายเทศราชนั่งพลิกดูภาพถ่ายโสเภณีเด็กที่เพิ่งอัดมา แล้วเอาใส่ซองเก็บไว้ในลิ้นชัก แต่พอดึงลิ้นชักออกมา รูปแอบถ่ายตรีประดับก็ไหลออกมาจากด้านใน เขาหยิบขึ้นมาดูด้วยความคิดถึง ไม่ทันสังเกตว่าพยางค์เดินเข้ามายืนมองสักพักหนึ่งแล้ว
“ถุย ทำเป็นไม่สน ไม่อยากเจอ แต่วันนี้รีบเข้ามาแต่เช้าเชียวนะไอ้เทศ”
เทศราชรีบเก็บรูป ทำไม่รู้ไม่ชี้ “ผมมาประชุมกับฝ่ายอาร์ต เดี๋ยวก็ต้องออกไปแล้ว”
“แน่ใจเร้อว่าจะรีบไป ฉันว่าหนูตรีน่าจะใกล้ถึงแล้วนะ นั่นไง มาพอดี”
เทศราชหลงกลเหลียวขวับตามสายตาผู้เป็นอาไปทันที พยางค์สะใจที่หลอกหลานชายได้
“แน่ะ ไอ้ปากแข็ง”
พยางค์หัวเราะร่าเดินครึ้มอกครึ้มใจออกไป
เทศราชนั่งนิ่ง เซ็งตัวเองเหมือนกัน ที่ยังตัดเยื่อใยตรีประดับไม่ขาดจนบัดนี้ ทั้งที่อีกฝ่ายแต่งงานไปหนึ่งปีเต็มๆ แล้ว
ตรีประดับนั่งอ่านปรู๊ฟนิยายแปลของตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจ ตรงหน้าพยางค์ภายในห้องทำงานบอกอ
“หนูตรีมีอะไรจะโต้แย้งก็บอกมาได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ไม่มีหรอกค่ะ ตรีเชื่อใจบอกอ”
เลขาเคาะประตู เดินเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ทั้งสองคน พยางค์เห็นแก้วของตรีประดับเป็นชาเขียว ก็แปลกใจ
“อ้าว เมื่อกี้ฉันสั่งกาแฟสองแก้วไม่ใช่หรือไง”
เลขาอึกอัก “เอ้อ ก็...”
พยางค์มองหน้าเลขาแล้วนึกรู้ทันทีว่าใครเปลี่ยน รีบโบกมือ แล้วหันไปถามตรี
“หนูตรีทานได้ไหม หรือจะแลกกับอา”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เลขารีบออกห้องไป ผ่านหน้าเทศราชที่หลบมุมดูอยู่แถวหน้าประตู รอจนเห็นตรีประดับจิบชาเขียว จึงยิ้มสมใจออกมา
โดยก่อนหน้านี้ ในขณะที่เลขากำลังชงกาแฟให้ตรีประดับกับพยางค์อยู่ตรงแพนทรี เทศราชเดินเตร่เข้ามาหา
“ของคุณตรีประดับไม่เอากาแฟนะ”
“คะ” เลขางง
“คุณตรีดื่มกาแฟไปแล้วตอนเช้า ตอนกลางวันชอบจิบชาเขียวร้อนมากกว่า”
ตรีประดับจิบชาเขียวโดยไม่เอะใจว่าเพื่อนรักของเธอเป็นคนจัดแจงให้
“เลขาคุณอาเหมือนรู้ใจตรีเลยนะคะ ตรีชอบจิบชาเขียวก่อนทำงาน มันอุ่นท้องดีค่ะ แล้วก็ช่วยให้มีสมาธิด้วย”
พยางค์ยิ้ม รู้ว่าเป็นฝีมือหลานขี้เก๊กปากแข็ง แต่ทำเงียบไว้
“สงสัยกาแฟจะหมด แต่ถ้าหนูตรีชอบก็แล้วไป”
ตรีประดับตรวจปรู๊ฟต่อ แล้วนึกได้ เหลียวมองหา
“แล้วนี่เทศอยู่ออฟฟิศหรือเปล่าคะ ตรีอยากเจอ”
พยางค์อึกอัก สบช่องด่าหลานชาย “มัน...ไม่ค่อยมาหรอก ไปโน่นไปนี่ตลอด พอทวงงานก็อ้างว่าติดจ๊อบใหญ่เมืองนอก อย่างว่า เรามันนายจ้างงบน้อย แถมยังเป็นอามันอีก มันให้รอก็ต้องรอ”
ตรีประดับยิ้มขำๆ ไม่ได้คิดอะไร พยางค์แกล้งถาม
“แล้วนี่หนูไม่ได้คุยกับมันเลยเหรอ”
“ตั้งแต่แต่งงาน ตรีก็ไม่ได้เจอเทศเลยค่ะ ติดต่อไปก็เงียบหาย ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง เขาคงสบายดีนะคะ”
พยางค์พยักหน้าให้
บ่ายคล้อย พยางค์เดินลงมาส่งตรีประดับที่หน้าตึก แล้วกลับเข้าออฟฟิศไป ตรีประดับกำลังเดินไปที่รถ โดยไม่รู้ว่าเทศราชแอบมองอยู่มุมหนึ่ง แววตาเต็มไปด้วยความคิดถึง ชั่งใจว่าจะเข้าไปทักดีไหม สุดท้ายก็แพ้ใจตัวเอง ขยับขาจะก้าวเดินไปหาแต่ต้องชะงักกึก เพราะในจังหวะที่ตรีประดับเดินผ่านรถตู้คันหนึ่งประตูฝั่งคนขับก็เปิดออก มีคนส่งของก้าวลงรถเดินมาหา
“คุณตรีประดับใช่ไหมครับ”
ตรีประดับหันมารับคำงงๆ “ใช่ค่ะ”
“เซ็นรับของด้วยครับ”
ตรีประดับงงๆ แต่ก็เซ็นรับโดยดี พนักงานหันไปเปิดประตูตอนกลางรถ แล้วยกช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ยักษ์ออกมาส่งให้ ตรีประดับยืนอึ้ง
“สุขสันต์วันครบรอบแต่งงานนะครับ” พนักงานพูดเสียงดัง ดังพอที่เทศราชจะได้ยิน
ตรีประดับรับช่อดอกไม้ยักษ์มาถือไว้แบบงงๆ แล้วพลิกการ์ดที่ติดอยู่ออกมาดู ก่อนจะอมยิ้มมีความสุข
เทศราชก้าวขาไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นสีหน้าแช่มชื่นของตรีประดับที่กำลังสูดดมดอกไม้ในมือ เขาตัดสินใจไม่เข้าไปทัก หันหลังเดินหลบออกไปเงียบๆ
พยสนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ เห็นตรีประดับโทร.มาก็ยิ้มกว้าง รีบรับสาย
“Happy Anniversary นะครับ คุณภรรยาคนสวย”
ตรีประดับนั่งอยู่ในรถที่ขับแล่นมาตามทาง มือข้างซ้ายยังจับช่อดอกไม้ที่วางตรงเบาะข้างตัวไม่วางเว้น และรู้สึกผิดที่หลงเลือนวันสำคัญไปได้
“เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้ว่า ทำไมยสถึงถามย้ำจังว่าวันนี้วันอะไร ตรีขอโทษนะคะ ตรีเป็นภรรยาที่แย่จริงๆ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ดีซะอีกที่ตรีจำไม่ได้ ไม่งั้นผมคงเซอร์ไพรส์ไม่สำเร็จ”
“ตรีจะชดเชยยสยังไงดีเนี่ย”
“อ่านการ์ดใบเล็กๆ ที่ผมสอดไว้ในริบบิ้น แล้วทำตามนั้นก็พอจ้ะ” พยสบอก
ตรีประดับแปลกใจ พลิกดูริบบิ้นที่มัดช่อดอกไม้ ดึงการ์ดเล็กๆ ออกมาอ่าน
ทางด้านเทศราชเดินคอตกเข้าออฟฟิศ แต่พอเปิดประตูเข้ามาก็เห็นพยางค์ยืนรออยู่เดาได้ไม่ยากว่า พยางค์เห็นหมดว่า เทศราชมาดักรอตรีประดับ แต่โดนพนักงานส่งดอกไม้ตัดหน้า
“ฉันอุตส่าห์คิดว่าจะไม่บอกแกว่าหนูตรีถามถึง แกจะได้เดินหน้าตัดอกตัดใจ อย่างที่แกอ้างว่ากำลังทำอยู่ซักที ไม่ต้องเดินวนไปมาเหมือนวัวพันหลัก”
“ผมก็แค่อยากรู้ว่าตรีเป็นยังไงบ้าง”
“งั้นแกก็คงเห็นแล้วว่าเขายังรักกับสามีดีอยู่ น่าจะสบายใจได้แล้วนะ”
เทศราชหลบสายตาวูบ พยางค์ตบไหล่ปลอบ
“เดินหน้าต่อไปเถอะว่ะเทศ ขืนอยู่ในสภาพนี้ต่อไป ถ้าแกไม่ทุกข์จนเป็นบ้า ก็คงจะห้ามใจไม่ไปวุ่นวายกับหนูตรีไม่ไหว แล้วถ้ามันทำให้ชีวิตคู่ของพวกเขามีปัญหา แกก็จะเป็นคนที่ผิดที่สุด”
เทศราชขบกรามอย่างเคร่งเครียด จำนนแต่เหตุผลที่พยางค์เอ่ยอ้าง
“ผู้หญิงสวยๆ ที่มีสเป็กเป็นไอ้หนุ่มฮิปสเตอร์ติสต์แตก มันต้องมีอยู่บ้างแหละน่า เดี๋ยวฉันสแกนหาให้”
“ไม่ต้องเลยอา ถ้าผมอยากได้ ผมหาเอง”
เทศราชพูดเสียงหนักแน่น แล้วเดินผ่านหน้าพยางค์ไป
พัดชาเริ่มงานวันแรกอย่างขยันขันแข็ง เสิร์ฟเสร็จก็ช่วยถ่ายรูปให้คู่รักลูกค้าของร้านกาแฟ สองคนแอ็คท่ากุ๊กกิ๊กหวานแหววดูออกว่าเป็นคู่รักที่เพิ่งจีบกันติด
ปล่อยให้ทั้งสองเซลฟี่กันต่อ พัดชายเลี่ยงออกมายืนดูเพลินๆ อยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ จนเพื่อนพนักงานส่งเสียงเรียก
“พัด ลูกค้าบ่นว่าห้องน้ำไม่สะอาด ไปดูหน่อยสิ”
พัดชาได้สติ พยักหน้ารับ รีบวางถาดเดินไปหลังร้าน
พัดชาเดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมอุปกรณ์เช็ดล้างขัด ลงมือขัดล้างทุกจุดที่เห็นสกปรกอย่างขะมักเขม้น เปลี่ยนทิชชู่เป็นลำดับสุดท้าย พอเสร็จเลยแอบนั่งพักเหนื่อยอยู่ในห้องน้ำนั่นแหละ
พัดชาหยิบมือถือออกมาเปิดดูแก้เบื่อ ไม่มีใครโทร.มา ไลน์ก็ไม่มีความเคลื่อนไหว เลยกดดูข้อความทางไลน์ที่ตรีประดับส่งมาให้กำลังใจ
ราวกับได้ยาวิเศษพัดชาอ่านข้อความจากตรีประดับ แล้วยิ้มได้ มีกำลังใจฮึดสู้ ลุกเดินออกไปทำงานต่อ
ฝ่ายตรีประดับเปิดประตูเข้ามาในสปาหรูกลางห้างดัง มองดูชื่อร้านในการ์ดกับป้ายหน้าร้านอีกทีจนแน่ใจ พนักงานเห็นรีบเข้ามารับรอง ตรีประดับแจ้งรายละเอียด ก่อนจะเดินตามพนักงานไปในห้องหนึ่ง
ตรีประดับเปลี่ยนชุดเรียบร้อยลงนอนบนเตียงให้พนักงานจัดการตามคอร์สที่พยศซื้อให้
ยินเสียงพยสก้องกังวานในหู เพราะเขาแวะมาที่สปาแห่งนี้ และเลือกคอร์สให้ตรีประดับด้วยตัวเอง
“ที่สปานี้มีนวดประคบร้อน น่าทำให้คุณอุ่นและสบายตัว ถึงมันจะไม่อุ่นเท่าอ้อมกอดของผม แต่ก็คงทำให้คุณคลายเครียด”
ตรีประดับยิ้มพริ้มพราย สบายตัวจริงๆ
ไม่เพียงเท่านั้น หลังเลือกคอร์สสปาเสร็จ พยสยังมายืนเก้ๆ กังๆ อยู่ตรงมุมรองเท้าสตรีในห้างเดียวกัน ดูพนักงานหยิบรองเท้าผู้หญิงมาให้เลือกคู่แล้วคู่เล่า เกาหัวงงๆ ด้วยเลือกไม่ถูก สุดท้ายส่งบัตรเครดิตให้พนักงาน
“เรื่องรองเท้าผมไม่ถนัดจริงๆ แต่แบบสายไขว้เปลือยๆ คงเซ็กซี่ดีนะ”
รองเท้าสายไขว้ที่พยศเลือก ถูกพนักงานหยิบออกจากกล่องให้ตรีประดับรับมาลองสวม แล้วลุกขึ้นยืนหมุนดูตัวเองในกระจกอย่างพอใจ
ที่ร้านเสื้อแบรนด์ดัง พยสยืนคุยกับพนักงานอยู่แถวๆ ราวชุดราตรีสีขาวสะอาด ที่แขวนอยู่หลายแบบ
“แต่สำหรับคืนพิเศษของเราในคืนนี้ ผมรู้ว่าผมต้องการอะไร สีขาวน่าจะเหมาะที่สุดสำหรับคุณ”
ตรีประดับหยิบชุดเดรสยาวสีขาวสะอ้านที่พยสเลือกให้มาทาบตัว มองดูชุดในกระจกอย่างปลาบปลื้ม ประทับใจกับความเอาใจใส่ทุกเม็ดของสามี
เวลาเดียวกันนี้ พัดชาทำงานงกๆๆ เก็บโต๊ะเช็ดถูพื้นที่ลูกค้าทำกาแฟหกเลอะ จากนั้นต้องรีบไปล้างหม้อกาแฟน้ำร้อนๆ กระเด็นใส่ผ้ากันเปื้อนจนเปียกชุ่ม ไม่นานก็ต้องออกไปถูพื้นร้าน ที่เด็กๆ วิ่งเล่นแล้วทิ้งรอยดินเปื้อนไว้ให้ดูต่างหน้า พัดชายกแขนปาดเหงื่อ แล้วทำงานต่อ
มีความเซ็กซี่กระจายอยู่เต็มสตูดิโอถ่ายภาพแห่งนี้ เพิ่มพรเพื่อนช่างภาพของเทศราช เป็นเจ้าของสตูฯ และยังทำหน้าที่ช่างภาพกดชัตเตอร์รัวๆ ถ่าย น้องเบลล์ นางแบบเซ็กซี่ทรงอึ๋มที่กำลังโพสท่ายวนยั่วขยี้ใจชายอยู่หน้าเซ็ต
เพิ่มพรกดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆ “น้องเบลล์ค้าบ ก้มต่ำอีกนิดนึง นั่นแหละครับ นั่นแหละ อีกนิดนึงก็ได้ครับ ทำปากเจ่อด้วยๆ นั่น...อย่างนั้น” เพิ่มพรตะโกนเรียกผู้ช่วย “เฮ้ยๆ เอาน้ำมาสาดเพิ่มหน่อยเว้ย ร้อนเว้ย”
ผู้ช่วยช่างภาพ เอาน้ำมาให้นางแบบราดตัว ช่างหน้าช่างผมไปเติมเสริมความสวย เพิ่มพรถือโอกาสเดินออกมาหาเทศราชที่นั่งรออยู่ตรงมุมรับรอง เปิดรูปในกล้องอวดเพื่อน
“เป็นไงเด็กฉัน น่าดันไหม”
“ฉันก็เห็นแกดันทุกคน แต่ดันเข้าห้องแก”
เพิ่มพรหัวเราะหึๆ ยิ้มกะล่อนปนเจ้าเล่ห์ “แหม ก่อนจะโปรโมตสินค้ามันก็ต้องทดลองก่อนสิวะว่าใช้งานดีไหม”
“ระวังให้ดีเถอะ สินค้าของแกจะมาจ๊ะเอ๋กันที่สตู”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ช่างภาพมือหนึ่งอย่างฉันไม่เคยจัดคิวพลาด”
เพิ่มพรทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ ผู้ช่วยวิ่งมาบอก
“พี่เพิ่ม เสี่ยมาครับ”
“เฮ้ย อย่าบอกนะว่าจะมาสอยเด็ก” เพิ่มพรมองไปที่นางแบบอย่างระแวง “เอ็งรีบพาไปที่ห้องรับรองก่อน บอกว่าวันนี้ไม่มีใครมาถ่าย เดี๋ยวพี่ตามไป”
ผู้ช่วยรับเอาคำแล้วรีบวิ่งไป เพิ่มพรทำหน้ายุ่ง
“เจ้าของหนังสือ สงสัยได้กลิ่นว่าจะมีนางแบบมาเทสต์ ไม่ได้โว้ยคนนี้ฉันจอง แกถ่ายต่อทีไอ้เทศ”
เทศราชร้อง “เฮ้ย” ถูกมัดมือชก
“ช่วยหน่อยน่า ฉันเชื่อมือแก”
เพิ่มพรยัดกล้องใส่มือเทศราชแล้วรีบออกไป เทศราชทั้งงงทั้งเซ็ง
น้องเบลล์ปิ๊งเทศราชอยู่แล้ว โพสรออยู่ที่เซ็ตโปรยยิ้มยั่วยวนหว่านเสน่ห์ส่งมาให้เทศราชที่เดินถือกล้องเก้อๆ เข้ามา
“ถ่ายต่อเลยไหมคะพี่”
“เอ้อ เพื่อนผมคงไปไม่นาน”
“งั้น ทำอะไรฆ่าเวลาดีล่ะคะ ตัวเปียกๆ แบบนี้ หนูหนาวนะ”
เบลล์จิกสายตาขยับเสื้อไปมาอวดสมบัติและอ่อยช่างภาพรูปงาม เทศราชจ้องตอบสองคนสบตากัน
เพิ่มพรเปิดประตูห้องทำงานออกมา เห็นเทศราชกับเบลล์เดินผ่านมาพอดี
“อ้าว ไอ้เทศ จะไปไหนวะ”
เทศราชตอบปัดๆ ท่าทีมีพิรุธ “น้องเขามีธุระน่ะ”
“ธุระอะไรวะ”
เพิ่มพรหันไปมองนางแบบ น้องเบลล์ตัดบทเอาดื้อๆ
“เดี๋ยวหนูค่อยมาถ่ายใหม่วันหลังนะคะ”
เทศราชพาน้องเบลล์ออกไปเลย เพิ่มพรงงจนเป็นเซ็ง
“เฮ้ย เดี๋ยวก่อนสิ ไอ้เทศ ไม่ทำงี้สิวะเพื่อน เฮ้ย ไอ้เพื่อนทรยศ”
เพิ่มพรตะโกนด่าไล่หลังแล้วทำฮึดฮัดแต่ดูน่าขัน ขณะเทศราชเดินลิ่วออกจากสตูไปพร้อมกับน้องนางแบบ
ค่ำคืนนี้ ตรีประดับในชุดราตรีสีขาวหรูหราควงแขนพยสเดินเข้ามาในคลับหรู นักแปลชื่อดังสวยสง่า ออร่ากระจายจนคนมองมาเป็นตาเดียวกัน พยสยิ่งปลื้ม
“รู้ตัวไหมตรีว่าคุณสวยขนาดไหน มองไปรอบๆ สิครับ”
พยสยิ้มยืด พยักพเยิดให้ดูพวกหนุ่มๆ ที่ลอบมองตรีประดับอย่างภาคภูมิใจ
ตรีประดับแซวกลับ “ยสจะบอกว่าตัวเองรสนิยมดี เลือกชุดสวยให้ตรีงั้นสิ”
พยสโอบตรีประดับมาที่โต๊ะซึ่งเขาจองไว้ เลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง
“ไม่ใช่เพราะผมเลย แต่เป็นตัวคุณต่างหากที่สะดุดตาใครต่อใคร”
ตรีประดับฟังแล้วอดเขินไม่ได้ พยสหันไปพยักหน้าให้สัญญาณบริกร
ไฟหลักในร้านดับพรึ่บลง ก่อนจะเผยให้เห็นเค้กก้อนใหญ่ถูกเข็นออกมา โดยมีเทียนจุดสว่างไสว บนหน้าเค้กเขียนคำอวยพรให้ ตรีประดับและพยส คนยิ่งมองปลื้มกันทั้งร้าน
“และผมเชื่อว่าตอนนี้ผู้ชายทั้งร้านกำลังอิจฉาผมอยู่”
ตรีประดับมองเค้กที่ถูกยกมาตั้งตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง
“เซอร์ไพรส์เยอะจังนะคะ อย่าบอกนะคะว่ายังไม่หมด”
พยสยิ้มกุมมือตรีประดับ กำลังจะบอกว่าหมดแล้ว แต่จู่ๆ ก็มีเสียงเทศราชดังขึ้น
“ยินดีกับวันพิเศษนี้ด้วยนะเพื่อน”
พยสกับตรีประดับหันไปมอง เห็นเทศราชเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องของขวัญในมือ
“เทศ”
ตรีประดับดีใจเหลือเกิน อะไรบางอย่างทำให้เธอถึงกับลืมตัวลุกขึ้นมากอดเต็มความคิดถึง เทศราชยืนนิ่งส่วนพยสเหวอตั้งแต่ได้ยินเสียง เพราะไม่รู้ว่าเทศราชจะมา
“หายไปไหนมา ตรีติดต่อไม่ได้เลย โทร.ไปก็ไม่รับ น่าตีนัก” ตรีประดับคลายวงกอดนึกได้รีบหันมายิ้มถามพยส “นี่อย่าบอกนะคะว่าเป็นเซอร์ไพรส์ของยส รู้ได้ยังไงคะว่าตรีอยากเจอเทศมาก”
ตรีประดับจะเข้าไปกอดอีก เทศราชเห็นสีหน้าพยสจึงรีบบอก
“ยสไม่รู้เรื่องหรอก เรามาเอง”
ตรีประดับชะงักแปลกใจ เทศราชยิ้มให้
“วันครบรอบแต่งงานของเพื่อนรักทั้งสองคน ยังไงก็ต้องมาแสดงความยินดี ขอให้ตรีกับยสมีความสุขมากๆ มากนะ รีบมีสมาชิกใหม่เร็วๆ บ้านจะได้ไม่เหงา” พร้อมกับว่าเขายื่นของขวัญที่เตรียมมาส่งให้
ตรีประดับรับกล่องมาวางลงบนโต๊ะ “ขอบใจมาก นั่งด้วยกันก่อนสิเทศ”
พยสส่งสายตาไล่เทศราชทันที แสดงออกชัดแจ้งว่าไม่อยากให้อยู่ขัดจังหวะ
“ไม่ดีกว่า คือเรา...”
เทศราชพูดยังไม่ทันจบ น้องเบลล์ก็ก้าวฉับๆ เข้ามาคว้าแขนเทศราชคล้องหมับ ฉอเลาะด้วยกิริยาน่ารัก
“รอนานไหมคะที่รัก”
ตรีประดับมองแล้วอึ้งไป เบลล์เอียงแก้มซบไหล่เทศราชอย่างสนิทสนมราวกับรักกันมาแต่ชาติปางไหน
พยสเห็นท่าทีของเบลล์ก็หัวเราะออกมาอย่างโล่งอก
“อ๋อ ที่แท้นายก็มากับแฟนนี่เอง”
“ใช่ ขอตัวก่อนนะ แล้วเดี๋ยวค่อยคุยกัน”
เทศราชยิ้มใส่ลงไปในสายตาอึ้งๆ นั้นของตรีประดับ แล้วเดินออกไปกับเบลล์
ตรีประดับมองตามไปสีหน้าฉงนฉงาย อยากรู้เรื่องแฟนของเทศราชมาก
เมื่อเพ่งสายตามองไปเห็นเทศราชและเบลล์ลงนั่งโต๊ะไม่ไกลกัน สองคนเบียดเสียดกัน เป็นฝ่ายหญิงที่พูดคุยกระหนุงกระหนิง คอยกระซิบกระซาบข้างหู ตรีประดับแทบลืมพยสไปเลย จนสะดุ้งเมื่อพยสยื่นมือมาแตะมือเธอ
“ตรีฟังผมอยู่หรือเปล่า”
“เอ่อ คะ”
พยสเซ็งนิดๆ “ตรีมัวแต่ใจลอยมองเจ้าเทศ มีอะไรน่าสนใจนักหรือ”
ตรีประดับฝืนยิ้ม “เปล่าหรอกค่ะ ตรีแค่แปลกใจที่เทศมีแฟน ไม่รู้ระแคะระคายมาก่อนเลย”
“ก็มันเล่นหายไปจากชีวิตเราสองคนตั้งแต่งงานแต่ง ที่จริงผมก็แปลกใจนะ ปกติเจ้าเทศมันชอบผู้หญิงสวยๆ เย็นๆ” พยสมองตรีประดับเหมือนจะบอกเป็นนัยๆ “ไม่คิดว่าปีเดียวมันจะเปลี่ยนรสนิยม”
พยสปรายตามองดูเทศราชกับเบลล์ แล้วหันกลับมา เปลี่ยนเรื่องคุย
“แต่ยังไงวันนี้ก็เป็นวันพิเศษของเราสองคนนะครับ เราเลิกสนใจเรื่องคนอื่นดีกว่า”
ตรีประดับได้สติ หันมาโฟกัสกับพยส ไม่วอกแวกอีกแล้ว
เทศราชปล่อยให้เบลล์นั่งเบียดเสียดไป แต่สายตาของเขาคอยลอบมองไปที่โต๊ะตรีประดับเป็นระยะ เบลล์เบียดกระแซะใกล้เข้ามา จนแทบจะสิงอยู่แล้ว มือไม้ก็ซุกซนจับโน้นล้วงนั้นลูบนี้จนเทศราชทนไม่ไหว แกะมือออกอย่างสุภาพ
“พอได้แล้ว นี่ผมจ้างมานั่งเป็นเพื่อนเฉยๆ นะ ไม่ต้องเล่นจริงเจ็บจริงขนาดนี้”
“แหม ถ้าไม่จริงแล้วเขาจับได้ขึ้นมา พี่จะไม่คุ้มค่าจ้างนะคะ”
เบลล์เหลือบตามองไปที่โต๊ะตรีประดับ แล้วแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ซอกคอเทศราช เผยอปากกระซิบบอกที่ริมหู
“หนูไม่อยากให้พี่ขาดทุน”
พร้อมกับว่าเบลล์ประคองใบหน้าเทศราชให้หันกลับมาหา ริมฝีปากใกล้กันนิดเดียวจนเกือบจะจูบ ตรีประดับเหลือบตามาเห็นในมุมที่ดูเหมือนสองคนจูบกัน ถึงกับอึ้งไป หลบตาวูบด้วยความอายแทน
พยสกับตรีประดับคุยกันเบาๆ เห็นจากหางตาว่ามีชายหญิงคู่หนึ่งเดินผ่านโต๊ะไปแล้ว แต่อยู่ๆ ฝ่ายหญิงก็หยุดหันมาทักทายอย่างตื่นเต้น
“อุ๊ย คุณพยส”
พยสกับตรีประดับชะงัก เงยหน้าขึ้นมอง พบว่าคนยิ้มทักคือชินานาง ที่ควงคู่มากับเสี่ยจิว ผัวชาวบ้าน
“คุณชินานาง”
“บังเอิญจริง นี่พาภรรยามาเปิดหูเปิดตาเหรอคะ” ชินานางมองตรีประดับยิ้มๆ
“ครับ มาฉลองวันครบรอบแต่งงาน”
“ต๊าย งั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เดี๋ยวนางขออนุญาตเปิดไวน์เลี้ยงนะคะ” ชินางนางกระดิกนิ้วเรียกบริกร “พี่ขอเมนูไวน์ด้วยนะจ๊ะ”
ชินานางถือวิสาสะเชิญตัวเองกับเสี่ยจิวนั่งทันที แล้วทำเป็นนึกได้
“แหม ลืมแนะนำ นี่เสี่ยจิวค่ะ เจ้าของค่ายหนังฟิวเจอร์ฟิล์ม ส่วนนี่คุณพยสกับคุณตรีประดับ เพื่อนนางค่ะเสี่ย”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
เสี่ยจิวยิ้มให้พยส ทิ้งแววตาเดียวกันไปทางตรีประดับ ด้วยความรู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเห็น
“เสี่ยกำลังจะมาเป็นผู้จัดละคร ช่อง 8 ก็เลยให้นางมาเป็นที่ปรึกษาน่ะค่ะคุณยส” ซุปตาร์คนดังแห่งช่อง 8 สาธยาย
“ที่ปรึกษาและนางเอกคนใหม่ด้วยเลยครับ”
พร้อมกับว่าเสี่ยจิวโอบเอวชินานางแสดงความเป็นเจ้าของ
ชินานางสะบัดสะบิ้งขวยเขินเกินงาม
จู่ๆ มีเสียงตวาดแว้ด แหวกความโรแมนติกในร้านเข้ามา
“มันจะเป็นนางเอกได้ยังไงเสี่ย ถ้าหน้ามันเสียโฉม”
เป็นเสียงตวาดแหวของเมียเสี่ยจิว ซึ่งดังไปถึงโต๊ะที่เทศราชนั่งอยู่ เขาขยับยืดตัวขึ้นมองอย่างสนใจ ทุกคนในคลับก็หันไปมองเป็นตาเดียวกัน เมียเสี่ยยืนหน้าตาถมึงทึงจ้องชินานางอย่างชิงชังและเอาเรื่อง
“แกแย่งผัวฉัน อีดาราหน้าด้าน”
เมียเสี่ยหันไปคว้ามีดหั่นสเต็กในจานเปล่าบนโต๊ะขึ้นมา พุ่งเข้าหาชินานาง ท่าทางถือมีดเหมือนจะกรีดหน้า
ชินานางหวีดร้องตกใจจริงๆ “แอร๊ยๆๆๆ” เสี่ยจิวรีบลุกออกไปขวาง จับมือเมียยั้งเอาไว้
“เธอจะทำบ้าอะไร หยุดนะ”
“ไม่ ถ้าวันนี้มันไม่ตาย มันก็ต้องเป็นอีหน้าเละทะทำมาหากินไม่ได้อีก ปล่อยฉันนะเสี่ย”
เสี่ยจิวกับเมียฉุดกระชากลากดึงกันไปมา ตรีประดับกับพยสลุกขึ้นห้ามอย่างตกใจ
“ใจเย็นๆ ค่ะ” / “ค่อยๆ คุยกันครับ” แต่ไม่ได้ผล
ชินานางมองไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ตะโกนลั่นร้าน “เรียกตำรวจเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนนี้เป็นบ้า”
“แกน่ะสิบ้า บ้าผู้ชาย กินเท่าไรก็ไม่รู้จักอิ่ม โอ๊ย”
เสี่ยจิวบิดแขนเมียเต็มแรง จนมีดหลุดกระเด็นไป ชินานางเห็นว่าตัวเองเป็นต่อจึงด่ากลับ
“นี่แก ฉันแจ้งความหมิ่นประมาทแกได้นะ”
“ก็เอาสิวะ”
นางเมียสะบัดตัวจากผัวเสี่ยจะโผนเข้าหาชินานาง พยสรีบพุ่งเข้ากันไว้
เมียเสี่ยขัดใจมองไปเห็นเทียนแท่งที่จุดอยู่ในแก้วสวยวางบนโต๊ะ มีน้ำตาเทียนร้อนๆ เยอะพอประมาณ จึงหยิบขึ้นมาจะสาดน้ำตาเทียนใส่หน้าชินานาง
พยสเห็นรีบคว้าตัวชินานางหลบออก เป้าหมายเลยเปลี่ยนเป็นตรีประดับที่โดนชินานางยืนบังอยู่ในตอนแรก
แต่ก่อนที่แก้วเทียนจะถึงตัวตรีประดับ เทศราชก็กระโจนเอาตัวมาบังไว้ ไฟลุกพรึ่บไหม้สูทด้านหลังของเทศราช
ตรีประดับตกใจสุดขีด “เทศ”
ทุกคนหวีดร้องลั่น ตรีประดับทำอะไรไม่ถูก เทศราชหันไปตบๆๆ ที่หลังตัวเอง แล้วหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะราดใส่ดับความร้อน
ทุกคนในร้านอึ้ง ตะลึงช็อก กันไปหมด พอได้สติเสี่ยจิวรีบลากเมียขี้หึงออกไปทันที เสียงเอะอะด่าทอดังขึ้นมาเป็นชุด พยสหันไปเห็นหลายคนในร้านหยิบมือถือออกมาถ่ายเหตุการณ์โฟกัสเล็งแลมาที่ซุปตาร์คนดัง เขารีบเอาตัวบังชินานางแล้วพาหลบออกไป ตามสัญชาตญาณของทนายความส่วนตัว
เทศราชมองตามพยสที่ออกไปกับชินานางอย่างอึ้งๆ จนเปลี่ยนเป็นโกรธ ก่อนจะหันกลับมาหาตรีประดับ
“ตรีเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่ เทศล่ะ เป็นแผลหรือเปล่า”
ตรีประดับช่วยเทศราชถอดสูทออกดู ผู้จัดการ พนักงานเข้ามาช่วยดูแล
ชินานางปล่อยให้พยสประคองออกมา ฉวยโอกาสออดอ้อนออเซาะ
“นางกลัวจังเลยค่ะคุณยส นางไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย”
พยสผละออก “คุณกลับซะ ก่อนที่ใครจะถ่ายรูปคุณได้ ถ้าภาพวันนี้หลุดไปชัดว่าเป็นคุณ สามีคุณเอามาเป็นหลักฐานในศาลแน่”
ชินานางตกใจกลัว “งั้นเราจะทำยังไงดี คุณไปส่งนางหน่อยสิคะ จะได้ช่วยกันหาทางออก”
“ผมว่าคืนนี้คุณคิดคำแก้ตัวกับนักข่าวก่อนดีกว่า ส่วนเรื่องคลิปเดี๋ยวผมจัดการเอง”
พยสโบกเรียกแท็กซี่ให้ ชินานางอิดออด แต่ถูกดันขึ้นรถไปในที่สุด
เวลานี้เทศราชใส่เพียงเสื้อยืด สูทพาดไหล่อยู่ ดูออกว่าไม่ได้เป็นอะไรเลย กำลังรอพยสอยู่กับตรีประดับที่ลานจอดรถ สักครู่หนึ่งตรีประดับจึงหันไปเห็นพยสเดินกลับมาจึงปรี่เข้าไปหา
“คุณชินานางล่ะคะ”
“ผมส่งกลับบ้านไปแล้ว” พยสหันมาถามเทศราช “แกเป็นอะไรมากไหมเทศ”
เทศราชส่ายหน้า มองจ้องหน้าพยสอย่างไม่พอใจ โพล่งออกมาด้วยอารมณ์โกรธกริ้วเกรี้ยวกราด
“คนแรกที่นายควรจะถามก็คือตรีมากกว่านะ นายนึกถึงคนอื่นก่อนนึกถึงเมียอย่างนี้ตลอดเลยเหรอ
“อะไรวะ พูดบ้าอะไรของนาย”
“ก็พูดในสิ่งที่ฉันเห็น นายห่วงว่าผู้หญิงอื่นจะถูกทำร้าย แต่ไม่ห่วงตรี แล้วนี่ยังมาถามว่าฉันเป็นยังไง นายไม่สนใจตรีบ้างเหรอ”
ตรีประดับปราม “เทศ”
“ก็ฉันเห็นแล้วว่าตรีไม่เป็นอะไร”
“ใช่ เพราะฉันเข้ามาช่วยทันไง ในขณะที่นายมัวแต่ปกป้องคนอื่น”
พยสโกรธที่ถูกจี้ใจดำ ผลักอกเทศราชอย่างแรก
“ไอ้การที่นายได้โอกาสทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาว มันไม่ได้ทำให้นายมีสิทธิ์มาตัดสินฉันนะโว้ย”
“แต่ฉันจำคำสัญญาของนายได้ ว่านายจะดูแลตรีทุกนาที แล้วนี่อะไร...”
ตรีประดับตัดบทห้ามทัพ “พอเถอะเทศ ตรีไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย เรื่องวันนี้ไม่มีใครคาดคิดหรอก ตรีไม่ได้เก็บมาสนใจด้วยซ้ำว่าใครจะห่วงใคร อย่าทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย”
เทศราชถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดขุ่นมัว พยสเองก็ฮึดฮัดไม่ยอมมองหน้า ตรีประดับเข้าไปคว้าแขนสามี พลางหันไปทางเทศราช
“เทศกลับไปหาแฟนเถอะ ขอบใจมากนะสำหรับวันนี้ เดี๋ยวค่อยนัดเจอกันใหม่นะ”
ตรีประดับกับพยสเดินไปขึ้นรถ ขับออกไปเลย เทศราชมองตาม อดน้อยใจตรีประดับไม่ได้ ที่ปกป้องพยสทั้งๆ ที่สามีทำตัวไม่เหมาะสมเลย
ในรถที่แล่นมาตามท้องถนน พยสนั่งนิ่งขึง ยังหงุดหงิดไม่หาย
“ไอ้บ้าเทศ มันคิดว่ามันเป็นใคร ถึงแส่เข้ามายุ่งเรื่องของผัวเมีย มันจะยุให้เราแตกกันหรือไง”
“ไม่หรอกค่ะ เทศก็คอยเป็นห่วงเราสองคนมาตั้งนานแล้ว”
“ก่อนที่เราจะแต่งงานกันมันก็โอเคไง แต่ตอนนี้เราเป็นสามีภรรยากัน มันเป็นคนนอกไปแล้ว”
ตรีประดับนิ่งเงียบเถียงไม่ออก พยสยังบ่นบ้าต่อ
“เราแต่งงานกันมาปีนึงก็มีความสุขกันดี พอไอ้เทศโผล่มาวันเดียว เสียบรรยากาศหมด”
“ไม่เอาน่ายศ ยังไงเทศก็เป็นเพื่อนเรานะ ตรีดีใจออกที่ได้เจอเขา”
“แต่ผมไม่ดีใจ ผมว่าไอ้เทศนี่มันตัวยุ่ง”
ตรีประดับคร้านจะต่อล้อต่อเถียง มองออกไปนอกรถ แล้วอยู่ๆ ก็ร้องตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“จอดรถเดี๋ยวนี้ค่ะยส จอด”
พยสงง “ตรี”
ตรีประดับเสียงดังขึ้น ร้อนใจมาก “ตรีบอกให้จอดไงคะ”
พยสรีบหักรถจอดข้างทาง นึกว่าตรีประดับโกรธที่ด่าเทศราชให้ฟัง
พอรถจอดสนิท ตรีประดับก็เปิดประตูพรวดพราดลงรถไปเลย พยสตกใจรีบตามไป เห็นตรีประดับจ้ำอ้าว
“ตรี โกรธผมเหรอ”
ตรีประดับชี้ให้ดู “ไม่ใช่ค่ะ ยศดูนั่นสิคะ”
สองคนมองไป เห็นพัดชากำลังเดินหนีแก๊งเด็กแว้นที่ขี่มอเตอร์ไซค์ 3 คัน 5 คน ไล่ตามตอแยมาช้าๆ แว้นคันหนึ่งแกล้งเข้ามาดึงเสื้อ กระตุกกระเป๋าแหย่ พัดชารำคาญพยายามเร่งฝีเท้าเดินหนี
แก๊งเด็กผีเหลือขอขี่มอเตอร์ไซค์ปิดหน้าปิดหลัง สุดท้ายพากันจอดรถลงมาลวนลาม
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
เด็กแว้นคนหนึ่งท่าทางเป็นหัวโจกเข้ามาลูบผม พัดหันมาเหวี่ยงกระเป๋าฟาดใส่ แต่ถูกแว้นคนนั้นจับไว้แล้วผลักพัดชาล้มลง
พวกเด็กเปรตรุมล้อมกรอบเข้ามา ส่งเสียงหัวเราะ เฮฮา พัดชาโดนล้อมไว้หมดไม่มีทางหนี
“ช่วยด้วย”
“ใครมันจะกล้ามาช่วยวะ” เด็กแว้นหัวโจกยิ้มเยาะ
วัยรุ่นเหลือขอหัวเราะแล้วเข้ารุมล้อมจะจับตัวพัดชาไปขึ้นรถ ทันใดนั้นเอง เด็กแว้นคนหนึ่งก็ถูกถีบเข้ากลางหลังเต็มแรงหน้าคะมำล้มคว่ำลงไปกับพื้นฟุตบาท
พวกที่เหลือเลิ่กลั่กหันไปมอง เห็นพยสถือไม้หน้าสามยืนจังก้ามองมาอย่างเอาเรื่อง พวกเด็กเปรตจะเข้ามาตะลุมบอน แต่โดนท่อนไม้หวดเข้าที่หน้าบ้าง หัวบ้าง หลังบ้าง จนกระเด็นกันไปคนละทางสองทาง
พวกเด็กแว้นลุกได้จะพุ่งเข้าใส่พยส พยสกราดไม้ในมือชี้หน้าขู่ไปทั่ว
“ไปให้พ้น หรือจะรอตำรวจ”
เด็กแว้นสมองหนาต่างชะงักออกอาการเลิกลั่ก เมื่อมองไปเห็นตรีประดับกำลังโทรศัพท์แจ้งตำรวจ พากันวิ่งหนีขึ้นมอเตอร์ไซค์ขี่ออกไปโดยเร็ว
พยสทิ้งไม้ หันไปดูพัดชาที่ก้มหน้าก้มตากอดตัวเองอยู่กับพื้น ยื่นมือเข้าไปแตะไหล่ถามด้วยเสียงอ่อนโยน
“เป็นอะไรหรือเปล่า พัดชา”
พอได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองพัดชาก็หันหน้ามา มองตะลึง แทบไม่เชื่อสายตาว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือพยส
“คุณพยส”
พัดชาเกือบจะโผเข้ากอดพยส แต่ชะงักเสียก่อนเมื่อตรีประดับแทรกตัวเข้ามา
“น้องพัด”
พัดชาอึ้งอีกครั้ง ตรีประดับในชุดสวยราวกับนางฟ้าทรุดลงนั่งข้างๆ ดึงร่างพัดชามากอดปลอบอย่างไม่กลัวว่าชุดสวยจะเปรอะเปื้อน
“ไม่เป็นไรแล้วนะน้องพัด ไม่เป็นไรนะจ๊ะ”
พัดชาค่อยๆ ได้สติ กอดตอบรับความอบอุ่นจากตรีประดับอย่างเต็มตื้น สุดท้ายปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น
พัดชานั่งสงบสติอารมณ์อยู่ตรงม้านั่งริมแม่น้ำ มุมสวยยามราตรีของกรุงเทพฯ มีตรีประดับกับพยสนั่งอยู่ด้วย
“พัดกลับมาเมืองไทยคราวนี้ ตั้งใจจะอยู่ยาว ก็เลยต้องจัดการอะไรหลายอย่าง คิดว่าถ้าอะไรๆ ลงตัวแล้วก็จะติดต่อคุณตรี”
“แล้วพ่อแม่น้องพัดล่ะจ๊ะ”
พัดชานิ่งคิดเล่ายิ้มๆ เรื่องถูกแต่งขึ้นมาตั้งแต่เธอมาถึงเมืองไทย
“โอโต้ซังกับโอก้าซังอนุญาตแล้วค่ะ ท่านรู้ว่าพัดคิดถึงเมืองไทย พัดเล่าให้ท่านฟังเรื่องความฝันของพัดที่อยากเป็นนักเขียนแบบคุณตรี”
“งั้นก็ดีเลย พี่จะช่วยสนับสนุนน้องพัดเต็มที่”
“แค่นี้พัดก็ไม่รู้จะตอบแทนคุณตรีกับคุณยสยังไงแล้วค่ะ วันนี้พวกคุณช่วยชีวิตพัดไว้แท้ๆ” พัดชายกมือไหว้อย่างซาบซึ้งใจ “พัดขอบคุณมากนะคะ”
“ต้องยกให้ซูเปอร์ฮีโร่คนนั้นจ้ะ กระบองท่อนเดียวฟาดผู้ร้ายกระเจิงหมดเลย”
ตรีประดับพยักพเยิดไปทางพยส
“ทีแรกผมนึกว่าตรีโกรธผม เลยจะหนีลงจากรถเสียอีก ไม่นึกว่าจะตาดีเห็นน้องพัด”
“ตอนแรกตรีก็ลังเล เพราะคิดว่าน้องพัดอยู่ญี่ปุ่น แต่อะไรก็ไม่รู้ดลใจว่าต้องใช่แน่ๆ อาจจะเป็นเพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของเรา มันคงไม่เกิดขึ้นถ้าไม่ใช่เพราะน้องพัดมีส่วนร่วม เราก็เลยได้มาพบกันอีก”
พัดชามองพยสที่โอบตรีประดับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ฝืนยิ้มให้ทั้งสอง มือเผลอลูบสร้อยจี้โคลเวอร์ในเสื้อโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะทำท่านึกอะไรออก
“งั้นรอพัดเดี๋ยวนะคะ”
ไม่นานนักทั้งสามยืนอยู่ริมแม่น้ำ พัดชายื่นไฟเย็นให้ตรีประดับกับพยสถือกันคนละอัน
“ที่ญี่ปุ่น การจุดดอกไม้ไฟถือเป็นการเฉลิมฉลอง พัดไม่มีอะไรจะให้ นอกจากคำอวยพรให้คุณทั้งสองได้พบกับความรักที่มั่นคง สิ่งใดๆ ที่จะมาทำร้ายหัวใจของพวกคุณ ขอให้พ่ายแพ้พินาศไป ขอให้ความรักแท้เอาชนะอุปสรรคทุกอย่างนะคะ”
ตรีประดับมองพัดชาอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ
“ขอบใจมากนะจ๊ะน้องพัด
พัดชายิ้มให้ทั้งสองอย่างจริงใจ พยสเผลอมองเสี้ยวหน้าในความกระจ่างของประกายไฟ แล้วรู้สึกแปลกๆ ในใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
พยสกับตรีประดับตามมาส่งพัดชาที่อพาร์ตเมนต์ มองดูสภาพอันทรุดโทรมของที่พักอาศัย ตลอดจนสิ่งแวดล้อมแล้ว ทั้งสองคนสบตากันอย่างไม่สบายใจ แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกไป กลัวพัดชาจะเสียขวัญ
“ถึงห้องพัดแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
ในที่สุดตรีประดับก็ปรารภขึ้นเป็นเชิงให้ข้อคิด
“น้องพัดอยู่คนเดียวก็ระวังตัวนะจ๊ะ แล้วถ้ามีปัญหาอะไรก็โทร.หาพี่สองคน พวกเราช่วยน้องพัดได้ทุกเรื่อง”
พัดชายิ้มรับเอาคำ ไหว้ขอบคุณสองคนด้วยความซาบซึ้งอีกครั้ง
ฟากเทศราชกลับมานั่งดื่มต่อที่คอนโดเพราะผิดหวังและเสียใจเรื่องตรีประดับ เบลล์ตามกลับมาดื่มเป็นเพื่อนด้วย ผ่านไปสักพักเบลล์เห็นเทศราชกึ่มๆ แล้ว ก็ได้ที เริ่มรุกนัวเนียอย่างช่ำชอง สีหน้าเทศราชโอนอ่อนตามเหมือนสมยอมแล้ว เบลล์ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดๆ ไล่ลงต่ำไปเรื่อยๆ จนมาถึงเข็มขัด อยู่ๆ มือเทศราชก็ยื่นมาคว้าหมับ
เบลล์ยิ้มยั่ว “ไม่ทันใจเหรอคะ”
เทศราชไม่ตอบ แต่ผลักเบลล์ให้หลบไป แล้วลุกขึ้นติดกระดุมเสื้อ
“ดื่มให้หมดเถอะ เดี๋ยวผมไปส่ง”
“อะไรกัน จะไล่กลับกันง่ายๆ อย่างนี้เหรอ”
เบลล์ลุกขึ้นตามไปนัวเนียไม่ยอมแพ้ ยิ้มกริ่ม
“อย่าบอกนะว่าพี่เป็นเกย์ หนูเปลี่ยนเกย์ให้เป็นกายได้นะ”
เบลล์จะปลดเสื้ออีก เทศราชกระชากมืออกแรงขึ้น
“งานก็เสร็จแล้ว ค่าจ้างก็ให้แล้ว ผมอุตส่าห์พามาดื่มเป็นโบนัส แล้วจะเอาไงอีก”
สาวทรงอึ๋มอ้าปากค้าง เทศราชหยิบขวดเหล้าใส่กล่องแล้วส่งให้
“ผมแถมเหล้ากลับบ้านด้วยก็ได้เอ้า”
เบลล์ปัดขวดเหล้าหล่นบนโซฟาด้วยความโกรธ
“เอาไปตั้งหน้าศพแกเถอะ ไอ้หน้าโง่”
เบลล์หันไปคว้ากระเป๋า แล้วกระฟัดกระเฟียดออกจากห้องไป เหวี่ยงประตูปิดดังปัง
เทศราชทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา หัวเราะขำตัวเอง ที่ปฏิเสธผู้หญิงเซ็กซี่ไป
ตรีประดับยืนเหม่ออยู่ริมหน้าต่าง สีหน้าครุ่นคิด
“ตรีเป็นห่วงน้องพัด มาอยู่ในเมืองไทยตัวคนเดียวแบบนี้คงจะลำบาก เราจะช่วยแกยังไงดีคะ”
พยสเดินเข้ามาหา จับไหล่ตรีประดับให้หันกลับมา
“ผมว่าเด็กคนนั้นท่าทางก็เป็นคนสู้ คงจะเอาตัวรอดได้”
“แต่ตอนที่เราอยู่ญี่ปุ่น น้องพัดก็ช่วยเหลือเรามากมาย ตรีอยากตอบแทนแก”
“รอให้เขาร้องขอความช่วยเหลือก่อนดีกว่า ตรีคิดมากไปตอนนี้ก็เครียดเปล่าๆ ไม่เอาน่า อย่าเป็นแม่พระจนตัวเองไม่มีความสุขเลยครับ สุดท้ายชีวิตของใครก็ต้องก็ต้องลิขิตกันเอง เราขีดให้คนอื่นไม่ได้”
ตรีประดับพยักหน้าทำใจ พยสดึงเธอเข้ามากอดปลอบประโลม
หากสองคนมองผ่านหน้าต่างลงไปเบื้องล่างจะใครคนหนึ่งยืนดูอยู่ในเงามืด
รองเท้าในเงามืดนั้นค่อยๆ ก้าวออกมา โดยสายตายังจดจ้องไปที่พยสกับตรีประดับซึ่งโอบกอดกันอยู่ริมหน้าต่าง เป็นเทศราชที่ยืนมองภาพนั้นด้วยแววตาอันปวดร้าว
ทางด้านพัดชานั่งจุดไฟเย็นเหม่อลอยอยู่ที่ระเบียงห้อง นึกถึงตอนได้พบกับพยสและตรีประดับโดยไม่คาดคิดอีกครั้ง
พัดชาหันไปมองพยส น้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความดีใจ ตรีประดับแทรกเข้ามา ก่อนที่พัดชาจะโผเข้าไปกอดพยส
พัดชาพยายามไล่ภาพนั้นออกจากหัว ล้วงหยิบสร้อยจี้โคลเวอร์ขึ้นมาดู นึกถึงวันที่พยสให้สร้อยเส้นนี้
“ต่อไปนี้ ผมก็ขอให้น้องพัดชาได้พบกับความสุข และสมหวังในความรักเช่นกัน”
พัดชามองดูสร้อย น้ำตาซึม รู้ว่าคำอวยพรไม่มีทางเป็นจริง เพราะพยสเป็นของตรีประดับไปแล้ว
วันหนึ่ง สิงคารผลักประตูเข้ามาในร้านกาแฟ เห็นพนักงานสาวกำลังก้มๆ เงยๆ เรียงขนมในตู้โชว์อยู่ เมื่อพนักงานคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาทักทายสิงคารด้วยรอยยิ้มหวาน จึงเห็นว่าเป็นพัดชานั่นเอง
“สวัสดีค่า”
สิงคารชะงักมองหน้าพัดชาราวต้องมนต์ เห็นความสวยอันมีเสน่ห์เปล่งประกายออกมากระแทกหน้าเขาจังๆ จนถึงกับต้องถอดแว่นกันแดดดูให้เห็นชัดๆ
“รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ”
สิงคารมองหน้าพัดชาอึ้งๆ อีกชั่วครู่ จึงยิ้มทรงเสน่ห์ระดับพระเอกรุ่นเก๋าออกมา
“ขอเอสเปรสโซร้อนก็แล้วกันครับ แล้วก็แซนด์วิชอุ่นร้อนที่นึง”
“ได้ค่ะ รอซักครู่นะคะ”
สิงคารหยิบเงินยื่นให้พัดชา จงใจถือเงินเหลือที่ให้พัดชาจับเพียงนิดเดียว
พัดชาชะงักมือ กล้าๆ กลัวๆ ที่จะหยิบมา แต่ในที่สุดก็หยิบคีบมาโดยไม่ต้องสัมผัสมือของสิงคารอย่างฉิวเฉียด แล้วรีบวางเงินทอนให้
“รอรับเครื่องดื่มที่บาร์นะคะ ส่วนแซนด์วิชเดี๋ยวจะเสิร์ฟให้ที่โต๊ะค่ะ”
สิงคารขยับออกมายืนรอกาแฟรสโปรด ไม่วายทิ้งสายตามองไปยังพัดชาอย่างติดตาตรึงใจ เห็นพัดชาเอาแต่ก้มหน้างุดไม่ยอมเหลือบตาขึ้นมามอง จนมีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้น
“ว่าไงครับคุณชินานาง” ผู้กำกับชื่อดังหยิบกาแฟเดินไปนั่งที่โต๊ะแถวหน้าเคาน์เตอร์นั่นแหละ “ข่าวคุณเต็มไปหมด คิดว่าผมยังจะให้คุณเล่นละครที่ผมกำกับอีกเหรอ” พระเอกรุ่นเก๋าหัวเราะอย่างอารมณ์ดีออกมา “คุณไม่จำเป็นต้องอธิบาย เพราะผมหานางเอกใหม่มาแทนคุณเรียบร้อยแล้ว เอาไว้เรื่องหน้า ถ้ามีบทนางร้ายเอ็กซ์ๆ แรงๆ ค่อยโทร.มาถามอีกทีนะครับ”
สิงคารตัดสายทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใย ดื่มด่ำกับรสกาแฟ สายตามองตรงไปยังเคาน์เตอร์ที่พัดชาทำงานโดยไม่วอกแวก
พัดชาอุ่นแซนด์วิชใส่จานเรียบร้อย เหลือบเห็นสิงคารนั่งมองจ้องมา ก็รีบหันหลังเดินไปกระซิบกับเพื่อนพนักงาน
“เอาแซนด์วิชไปเสิร์ฟโต๊ะนั้นหน่อยสิ”
“เธอก็ไปเองสิ ฉันมือเปื้อน”
พัดชาอิดออด แอบมองไปดู เห็นสิงคารยังจ้องไม่เลิก เพื่อนดูออก
“กลัวอะไร นั่นน่ะคุณสิงคาร เมื่อก่อนเป็นพระเอกดังมาก อย่าบอกนะว่าไม่รู้จัก”
พัดชามองไปที่สิงคารอีกครั้ง เพื่อนคะยั้นคะยออีกที สุดท้ายก็เลยต้องยกแซนด์วิชออกมาเอง
สิงคารนั่งเอกเขนกอยู่ที่โต๊ะ มองดูพัดชาที่เอาแซนด์วิชมาเสิร์ฟไม่วางตาด้วยสีหน้าพึงพอใจ มีกุญแจรถของสิงคารวางอยู่ริมโต๊ะ
“น้องเพิ่งมาทำงานเหรอ” สิงคารชวนคุย
“เอ้อ ค่ะ”
“ถึงว่าสิ เพราะพี่จำหน้าได้ทุกคน ไม่เคยเห็นใครเหมือนน้องมาก่อนเลย”
สิงคารพูดด้วยสายตากรุ้มกริ่มของคนเจ้าชู้ พัดชายิ่งประหม่ามือสั่นจนทำส้อมตกพื้น
“ขอโทษค่ะ”
พัดชารีบก้มลงเก็บ จังหวะนั้นเองไฟแช็คของสิงคารก็หล่นตกลงมาพอดี สิงคารรีบก้มตามลงมาเก็บ จนทั้งสองหน้าชิดใกล้แทบชนกัน
พัดชายิ่งตื่นตกใจ หันไปมอง แต่พอเห็นสิงคารยิ้มไม่ได้ดูเจ้าเล่ห์อะไร เลยรีบผลุดลุกขึ้นอย่างระวังตัว
“เดี๋ยวจะเอาส้อมมาให้ใหม่นะคะ”
พัดชาหันหลังเดินตัวแข็งทื่อกลับไปที่เคาน์เตอร์ ไม่เห็นสายตากรุ้มกริ่มของสิงคารที่มองตามโดยไม่ละสายตา
อีกฟากหนึ่ง รถของเทศราชแล่นเข้ามาจอดในสวนเขตบ้านพ่อแม่ตรีประดับ ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินดูต้นไม้อยู่
“อ้าวตาเทศ มายังไงเนี่ย”
เทศราชลงจากรถ ยกมือไหว้ทั้งสอง ภูมิยิ้มร่ารับไหว้ แต่แววทำหน้าเฉยๆ เหมือนไม่อยากต้อนรับเท่าไร
“ผมจำได้ว่าพรุ่งนี้เป็นวันทำบุญสวน ก็เลยจะแวะมาดู เผื่อคุณพ่อคุณแม่จะให้ช่วยอะไรบ้าง”
“โธ่ อุตส่าห์จำได้ ปีนี้พ่อว่าจะไม่บอกใคร ก็ไม่มีอะไรต้องให้ช่วยหรอก แต่เข้าไปกินน้ำกินท่าในบ้านก่อนนะ”
ภูมิโอบไหล่เทศราชอย่างรักใคร่สนิทสนม แววมองค้อนหมั่นไส้นิดๆ ภูมิหันมา
“แม่ เอาน้ำเอาขนมอะไรมาเลี้ยงแขกหน่อยเร้ว”
แววทิ้งค้อนให้สามีอีกวง กำลังจะเดินเข้าบ้าน เสียงตรีประดับดังออกมาก่อนตัว
“ใครมาเหรอคะพ่อ”
ตรีประดับโผล่หน้าออกมาจากหลังบ้านเจอกับเทศราชพอดี ทั้งสองชะงักกึก ตะลึงตะไล คาดไม่ถึงกันทั้งคู่
ตรีประดับแยกตัวมานั่งคุยกับเทศราชที่ศาลาพักร้อนในสวนสวย มีของว่างหน้าตาดีวางอยู่บนโต๊ะ
“แม่แอบกระซิบว่าเทศมาที่บ้านบ่อยมาก แต่ตรีไม่ยักรู้เรื่องเลย”
เทศราชยิ้มขำ “ส่วนใหญ่จะซื้อของกินมาฝากน่ะ บางทีไปไหนก็อดนึกถึงพ่อกับแม่ตรีไม่ได้”
“แล้วทำไมเราถึงไม่เคยเจอกัน” ตรีประดับแกล้งพูดแหย่เล่น “เทศจงใจหลบหน้าตรีเหรอ”
โดนจี้กลางใจจังๆ เทศราชชะงักมีพิรุธ แต่รีบทำตลกกลบเกลื่อนโดยไว
“เปล่า ดวงไม่สมพงศ์กันมั้ง”
ตรีประดับไม่เห็นพิรุธของเทศราช เลยไม่ได้คิดอะไร
“เห็นคุณอาพยางค์บอกว่าเทศงานยุ่ง มีไปรับงานถ่ายหนังสือต่างประเทศด้วย”
“เอ้อ ก็มีบ้าง”
“แล้วเดี๋ยวนี้รับถ่ายแบบนิตยสารด้วยใช่ไหม”
เห็นตรีประดับอมยิ้ม เทศราชเลิกคิ้ว ทำหน้าฉงน ตรีประดับจึงเฉลย
“ก็แฟนเทศที่เจอวันก่อน ตรีเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นนางแบบ เห็นในแมกกาซีน”
“อ๋อ” เทศราชยิ้มแก้เก้อ
“อัพเดตให้ฟังเดี๋ยวนี้เลยว่าไปรู้จักกันได้ไง”
เทศราชอึกอัก “ไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้ก็...ห่างๆ กันแล้วล่ะ”
ตรีประดับเง็ง “อ้าว”
“คือ ลองคุยๆ กันแล้วมันไปกันไม่ได้น่ะ”
ตรีประดับทำหน้าเสียดาย
“โธ่เอ๊ย นี่ตรีกับยสกำลังลุ้นให้เทศสวมชุดเจ้าบ่าวอยู่เชียว”
เทศราชฝืนยิ้มออกไป “เราก็คงต้องหาเจ้าสาวคนใหม่ต่อไป”
ตรีประดับมองเทศราชอย่างเอ็นดู แล้วนึกอะไรออก
“หรือจะมองคนใกล้ตัวไหม น้องพัดที่เราเจอที่ญี่ปุ่นไง ตอนนี้น้องย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยแล้วนะ”
เทศราชแปลกใจนิดๆ “จริงเหรอ”
“ใช่ เจอเทศวันนี้ก็ดีเหมือนกัน ตรีจะได้ปรึกษาเทศเรื่องงานของน้องพัด”
ตรีประดับยิ้มมีความหวัง ท่าทางกระตือรือร้น
ตรีประดับกับเทศราชเปลี่ยนอิริยาบถออกมาเดินเล่นในสวน
“เดี๋ยวเราจะลองถามอาให้ ว่าพอจะมีตำแหน่งกองบก.ที่สำนักพิมพ์ว่างหรือเปล่า”
“ขอบใจมากนะ เทศใจดีเสมอเลย”
ตรีประดับจับมือเทศราชอย่างดีใจ เทศราชรู้สึกดีเอามากๆ เพราะไม่ได้ใกล้ชิดกันแบบนี้มานานแล้ว แต่ก็เขินจนต้องเปลี่ยนเรื่องพูด
“แล้วนี่ยสไปไหน ไม่มาช่วยเตรียมงานทำบุญเหรอ”
“พาลูกค้าไปเซ็นสัญญาที่ฮ่องกง”
“งั้นเราจะอยู่ช่วย ตรีจะให้ทำอะไรบ้าง”
ตรีประดับมองสำรวจหัวจรดเท้า เห็นเทศราชแต่งตัวดีบอกยิ้มๆ
“กำลังอยากได้ลิงเก็บมะพร้าวพอดีเลย”
ตรีประดับอยู่ใต้ต้นมะพร้าว เงยหน้าขึ้นตะโกนไปบอก
“เลือกดูลูกแก่ๆ หน่อยนะเทศ”
เทศราชเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อยืดปอนๆ ปีนอยู่บนต้นมะพร้าว
“ดูยังไงล่ะ”
“ดูที่วงขั้วของมันไง ถ้าสีขาวแสดงว่ายังอ่อนอยู่ ถ้าสีเขียวแปลว่าใช้ได้”
เทศราชทำหน้ายุ่ง เลือกหยิบลูกนั้นลูกนี้พลิกดู
“ระวังตกนะเทศ”
“เราว่าลูกนี้ใช้ได้ ลองดูนะ”
เทศราชเอื้อมมือปลิดมะพร้าวลูกหนึ่งแล้วโยนลงไป ตรีประดับวิ่งมาดู
“ใช้ได้ๆ เก่งเหมือนกันนะลิงตัวนี้ ลูกนั้นก็น่าจะได้ ทางขวา”
เทศราชเล็งแลยื่นแขนไปหยิบปลิดลูกตามที่ตรีประดับสั่ง ตรีประดับร้องวี้ดว้ายด้วยความหวาดเสียว
ภูมิกับแววออกมายืนดูทั้งสองอยู่ไกลๆ มีเพื่อนบ้าน 2 คน ขี่จักรยานผ่านมาเห็นจึงหยุดทักทาย
“นั่นลูกสาวเหรอจ๊ะพ่อภูมิ ไม่เห็นหน้าเสียนาน”
“จ้ะ เขางานยุ่งน่ะ นานๆ มาที” ภูมิยิ้มบอก
เพื่อนบ้านอีกคนมองดู เห็นตรีประดับช่วยจับบันไดให้เทศราชปีนไปเก็บมะพร้าวอีกต้น
“ลูกเขยพ่อภูมินี่ก็หน้าเอ็นดูนะ เห็นว่าเป็นหมอความ นึกว่าจะเนี๊ยบๆ ภูมิฐาน ที่ไหนได้ ปีนเก็บมะพร้าวเหย็งๆ น่าเอ็นดู๊”
“อุ๊ย ไม่ใช่ๆๆ นั่นน่ะ เพื่อนยายตรี แฟนเขาไม่อยู่หรอก พวกทนายธุรกิจต้องบินไปเมืองนอกอยู่เรื่อยจ้ะ” แววอวดลูกเขย
เพื่อนบ้านพยักหน้ารับรู้ แล้วพากันขี่รถไปต่อ
แววกลับเข้ามาในบ้านกับภูมิ บ่นกะปอดกะแปด
“ดูซิดู เพราะนายเทศโผล่มาบ่อยๆ นี่เอง ชาวบ้านถึงได้เข้าใจผิดกันหมดว่าเป็นลูกเขยเรา”
“เอาเถอะน่า เขาเข้าใจผิด เราก็แก้ให้มันถูก แม่จะบ่นทำไมล่ะ”
“ยังไงมันก็หน้าเกลียดอยู่ดี ใครเขาจะคิดยังไง ลูกสาวแต่งงานแล้วแต่ยังมีผู้ชายอื่นมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่บ้าน พ่อก็ห้ามปรามซะมั่งเถอะ อย่าให้มาบ่อยนัก เดี๋ยวลูกเราจะเป็นขี้ปากเขา”
แม้ไม่เห็นด้วย แต่ภูมิก็ตัดสินใจเงียบ ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด
เทศราชเข้ามาล้างตัวยืนนิ่งอยู่หน้าห้องน้ำ ใกล้ๆ กับห้องรับแขกพอดี ได้ยินหมดทุกอย่าง สีหน้าเศร้าลง
ตรีประดับออกมาเก็บสวนครัวเตรียมทำกับข้าว เห็นเทศราชเปลี่ยนเป็นชุดเดิม เดินหน้าขรึมๆ เข้ามา
“อ้าวเทศ รีบแต่งตัวทำไม ไหนว่าจะอยู่กินข้าวก่อน”
เทศราชฝืนยิ้มให้ “ไม่ได้แล้วล่ะ อาเรียกให้เข้าโรงพิมพ์ด่วน”
ตรีประดับโอดครวญ “โธ่ อุตส่าห์ขึ้นมะพร้าวให้ งั้นพรุ่งนี้มากินนะ ตรีจะให้แม่ทำแกงเผ็ดของโปรดไว้ให้”
เทศราชหน้าเศร้าลง ตัดสินใจแล้วว่าไม่มาดีกว่า “พรุ่งนี้ก็คงไม่ว่างอะ ยังไงเราฝากเงินตรีทำบุญด้วยนะ”
พร้อมกับว่าเทศราชหยิบเงินส่งให้ตรีประดับ แล้วเดินออกไป
ตรีประดับมองตามไป รับรู้ว่าท่าทางเทศราชซึมไป แต่ไม่รู้สาเหตุ
พัดชาทำงานง่วนอยู่ที่เคาน์เตอร์ ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามาก็ร้องบอกชื่อร้านทักทายออกไป “...สวัสดีค่า” จนเห็นว่าเป็นเทศราชก็ประหลาดใจ
“คุณเทศราช”
“เห็นตรีบอกว่าพัดมาทำงานที่ร้านนี้ก็เลยแวะมาเยี่ยม”
“พัดกำลังจะออกกะอยู่แล้วเชียว ทานอะไรดีคะ ชาเขียวปั่นไหม เดี๋ยวพัดทำให้พิเศษ”
“โชว์ฝีมือเลย”
พัดชายิ้มตอบสีหน้าสดใส ท่าทีกระตือรือร้นที่ได้เจอคนรู้จัก
รอจนถึงเวลาเลิกงาน เทศราชกับพัดชามานั่งคุยกันอยู่ในสวนสาธารณะอันร่มรื่นใกล้ๆ ร้าน เทศราชยังดื่มชาเขียวพัดชาอยู่
“อร่อยไหมคะ”
“เหมือนคนญี่ปุ่นทำเลยนะ”
พัดชาหัวเราะขำ รู้ว่าเทศราชแหย่ ขณะเดียวกันเทศราชก็จับสังเกตท่าทีพัดชาไปด้วย
“พัดดูมีความสุขขึ้นนะ สบายใจดีแล้วใช่ไหม”
พัดชาค่อยๆ เก็บรอยยิ้มคืนลงในสีหน้า สงบเสงี่ยมลงเหมือนระมัดระวังตัว
“ตอนเจอกันที่ญี่ปุ่น พัดดูหม่นหมองกว่านี้”
“พอได้เปลี่ยนสภาพแวดล้อมก็เลยรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามั้งคะ”
“งั้นก็ติดใจเมืองไทยแล้วสิ”
“ค่ะ พัดตั้งใจแล้วว่าจะอยู่ที่นี่ เพราะยังไงพัดก็เป็นคนไทย ทันทีที่เท้าเหยียบเมืองไทยก็รู้สึกเหมือนกลับมาบ้าน ยิ่งได้มาพบพวกคุณเคยที่มีน้ำใจกับพัด ก็ยิ่งรู้สึกอุ่นใจว่าที่นี่คือบ้านพัดจริงๆ”
เทศราชนึกแปลกใจ อดถามไม่ได้ “แล้วพ่อแม่บุญธรรมจะไม่ว่าเอาเหรอ”
พัดชานิ่งงันไปเหมือนจมดิ่งสู่ความคิดตัวเอง แววตานิ่งดูลึกล้ำซ่อนเร้น แต่เพียงแว่บเดียวก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
“ท่านเห็นว่าพัดโตแล้ว ก็เลยให้อิสรภาพกับพัดน่ะค่ะ”
เทศราชมองหน้าพัดชาเห็นริ้วรอยความสดใสฉาบไปทั่ว แต่เหมือนมีวี่แววบางอย่างซ่อนซุกอยู่ในดวงตาแสนเศร้าคู่นั้น แต่เขาก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ให้เสียบรรยากาศ
“ถ้าพัดตกลงใจแน่นอนแล้ว ผมจะลองคุยกับที่ทำงาน เผื่อว่าจะมีงานที่ดีกว่านี้ให้พัดทำ”
พัดชาแปลกใจ ที่อีกฝ่ายเสนองานให้ เทศราชเลยให้ความกระจ่าง
“ตรีเขาฝากให้ผมช่วยน่ะ เผอิญคุณอาผมเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์”
พัดชายิ้มกว้าง ตื้นตันใจเหลือเกิน
“ขอบคุณนะคะ คุณตรีเมตตาพัดเหลือเกิน จนพัดกลัวจะไม่มีปัญญาตอบแทนบุญคุณของเธอ”
“ตรีไม่ต้องการอะไรหรอก นอกจากได้เห็นพัดใช้ชีวิตที่นี่อย่างมีความสุข ถ้าอยากจะตอบแทนล่ะก็ อย่าทำให้ตรีผิดหวังก็พอ”
คำพูดที่บอกไป ราวกับเทศราชจะล่วงรู้ว่าในอนาคตไม่นานจากนี้ พัดชาจะมอบความผิดหวังแสนสาหัส เป็นบรรณาการตอบแทนน้ำใจตรีประดับ!
อ่านต่อ ตอนที่ 8