“ประยุทธ์” ยันพัฒนาอู่ตะเภาเป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่ 3 ทดลองใช้ ส.ค. เปิดให้บริการปลายปี มอบ “สมคิด” ดูแล พัฒนาเชื่อมต่อท่าเรือ การคมนาคม ศูนย์ซ่อมเครื่องบินนานาชาติ ลั่นขอฝากไว้เป็นผลงานแบบไม่กลัวใคร ขออย่าทะเลาะกันเรื่องเล็กๆจนงานใหญ่เดินไม่ได้ พร้อมต้อนรับ “ซูจี” ในรัฐบาล รับต้องให้เวลาจัดการผู้ลี้ภัยกลับประเทศ หวานบอกรักภรรยาทุกวันตลอด 32 ปี
วันนี้ (22 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สนามบินอู่ตะเภา จังหวัดระยอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาที่กำลังถูกพัฒนาให้เป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่ 3 ของประเทศ และเป็นจุดเชื่อมโยงทางคมนาคมสำคัญในแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกว่า ประเทศจำเป็นต้องเตรียมการเศรษฐกิจโลกในอนาคต ต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทุกมิติ ในขณะที่เราเป็นประเทศมีข้อจำกัด พัฒนาประเทศได้ล่าช้า และต้องดุแลภาคการเกษตร รัฐสวัสดิการ ก็ทำให้ไม่สามารถลงทุนอะไรใหม่ๆได้ ทั้งนี้ ความแน่ชัดของรัฐบาล คือการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ ให้มีการปรับปรุงการทำงานใหม่โดยใช้ประโยชน์พื้นที่ที่มีศักยภาพให้เกิดประโยชน์เต็มที่
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับสนามบินอู่ตะเภาจำเป็นต้องทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่หมื่นกว่าไร่ ต้องทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด นโยบายคือจะต้องป็นพื้นที่ที่ดูแลทั้งด้านความมั่นคงและพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปด้วยกัน ข้อสรุปที่ถือเป็นข้อยุติจำเป็นต้องไปวางแผนกันอีกครั้งเพื่อนำไปสู่งบประมาณ การออกแบบโครงการ ทั้งหมดนี้คือแผนการเดินหน้าประเทศ สร้างแรงจูงใจการลงทุนจากต่างชาติ
“เราจำเป็นต้องพัฒนาประเทศไปพร้อมกันทั้งเกษตร อุตสาหกรรม โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ฉะนั้นสิ่งที่พิจารณาตรงนี้ เร่งรัดให้ดำเนินการในปี 2559 จังหวัดระยองถือเป็นจังหวัดที่มีจีดีพีสูงสุดในประเทศไทยเป็นอันดับที่ 1 เพราะมีอุตสาหกรรม เกษตร และท่องเที่ยวผสมผสานอยู่ในจังหวัดเดียว การพัฒนาคมนาคมทางอากาศ ศูนย์ซ่อมเครื่องบิน จึงถือเป็นการเพิ่มศักยภาพรับคนจาก 8 แสนคนต่อปี ให้เป็น 3 ล้านคนต่อปี (รวมสามสนามบิน) สร้างความเชื่อมโยงทั้งทางบก เรือ และอากาศ โดยจะต้องให้ทางงคการการบินระหว่างประเทศหรือไอเคโอ มาดูความเรียบร้อยด้วย ซึ่งระยะแรกของโครงการเดินหน้าไปแล้ว ต่อไปต้องปรับปรุงถนน แก้ปัญหาการจราจรที่ติดขัด รัฐบาลจำเป็นต้องแก้ปัญหานี้ ก่อนที่จะพัฒนาโครงการต่อไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของการขนส่งทางรางนั้นได้มีการวางแผนเรื่องรถไฟโดยจะต้องปรับปรุงให้ทันสมัย โดยใช้รางรถไฟเดิม ก่อนพัฒนาเป็นรถไฟรางคู่ หรือรถไฟความเร็วสูง ที่ต้องวางแผนรองรับ ส่วนการลงทุนร่วมแบบพีพีพีนั้นให้คำนึงถึงการใช้ประโยชน์จากพื้นที่สองข้างทางรถไฟที่เตรียมเสนอให้ สนช.พิจารณาการใช้ประโยชน์ที่ดินจากสองข้างทางที่รางรถไฟวิ่งผ่านสำหรับการเชื่อมโยงสามสนามบิน เพื่ออำนวยความสะดวกในการระบายผู้โดยสารนั้น อาจต้องมีการขยายต่อแอร์พอร์ตเรียลลิงค์ เพื่อแบ่งเบาภาระสนามบินอื่นๆ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในด้านการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกจุกเสม็ด ต้องวางแผนเชื่อมโยงไปถึงพื้นที่อื่น เช่น ท่าเรือแหลมฉบัง การใช้เรือเฟอร์รีข้ามไปหัวหิน ใช้เรือท่องเที่ยวตามชายฝั่งไปถึงภาคใต้ ซึ่งก็จะสามารถลดระยะเวลาการเดินทางโดยรถยนต์จาก กทม.ถึงภาคใต้ ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระการจราจรทางถนนด้วย ซึ่งทั้งหมดมอบหมายให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นผู้ดูแลในภาพรวม ส่วนเรื่องของอุตสาหกรรม ที่มีการนิคมอุตสาหกรรมอยู่แล้วนั้น อาจมีการส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ เชื่อมโยงไปถึงที่เก่า ส่วนประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ การบุกรุกพื้นที่จะต้องมีการแก้ปัญหาให้ก่อน เช่น ทำตลาดค้าขาย สร้างที่อยู่อาศัย ตอบสนองความต้องการของคนในพื้นที่ด้วย ในเรื่องของศูนย์อากาศยาน การพัฒนานั้นคงไม่ซ่อมเฉพาะแค่เครื่องบินไทยอย่างเดียว ต้องเพิ่มขีดความสามารถให้สามารถซ่อมสายการบินอื่นได้ด้วย จุดนี้จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับการบินไทยได้จำนวนมาก ต้องมีการขยายงานให้มากขึ้น โดยอาศัยความร่วมมือกับต่างประเทศ
“รัฐบาลจะฝากเรื่องนี้ไว้เป็นผลงาน ไม่ได้กลัวอะไรทั้งสิ้น แต่ต้องการทำให้ประเทศมีโอกาสทัดเทียมกับชาติอื่น อุตสาหกรรมใหม่ต้องไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมต้องเชื่อมโยงเอสเอ็มอี ประชารัฐ ต้องคิดภาพรวมแบบนี้ ประเทศไทยอาจจะช้าไป แต่ต้องเปิดใจให้กว้าง ยอมรับให้มุมมองแห่งความแตกต่างบ้าง ประเทศท้อถอยหมดกำลังทุกวัน ภาระของรัฐมีมากขึ้นทุกวัน รัฐสวัสดิการ เบี้ยคนชรา รถไฟฟรี รถเมล์ฟรี จำเป็นต้องหาแนวทางพัฒนาศักยภาพของประเทศ ผมไม่ได้มองเล็กๆ การทำให้ประเทศมั่นคง ไม่ได้มองจิ๊บๆ ทะเลาะกันเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ทำให้งานใหญ่เดินไม่ได้ ก็ต้องดูว่าจะร่วมมือกันได้มากน้อยแค่ไหน ตรงนี้ก็ถือเป็นการเปิดตัว เพื่อสร้างแรงจุงใจ ทำให้ประชาชนคนไทยมีความสุขขึ้น ซึ่งคุยกันไปถึงภาคอื่นด้วยแล้ว ว่าจะพัฒนาศักยภาพของประเทศอย่างไรต่อไป ขอร้องอย่าสร้างความขัดแย้งกันอีกเลย แยกกันให้ออกแล้วกัน ไม่สามารถบังคับใครได้ทั้งหมด ก็บังคับใช้กฎหมายเท่าที่มี” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวยืนยันอีกครั้งว่า การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภานี้จะเริ่มดำเนินการทดลองใช้ในเดือน ส.ค.นี้ และภายในสิ้นปีจะเปิดใช้อย่างเป็นทางการได้ เป็นในลักษณะของการสร้างไปหาเงินไป โดยใช้กฎหมายใช้ประโยชน์จากสองข้างทางรถไฟใช้แอร์พอร์ตลิงก์ รถไฟรางคู่ และรถไฟความเร็วสูง เชื่อมต่อถึงสามสนามบิน
“ถ้าไว้วางใจผมสักอย่างก็พอคุยกันรู้เรื่อง ถ้าไม่ไว้วางใจกันก็จบทุกอย่าง ผมก็ทำเพื่อประเทศชาติ ขอร้องว่าให้ช่วยพูดสิ่งดีๆ ที่รัฐบาลทำอยู่บ้าง ถ้าเสนอแต่ความขัดแย้ง สิ่งดีๆ ก็ไม่เกิด แล้วเมื่อไหร่จะเกิด หลายอย่างมันยาวนานเกินไปแล้ว รัฐบาลนี้ก็มาจับให้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ก็ต้องวางแผนให้เกิดความชัดเจน โดยจะมีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้า ก่อนจะเริ่มต้นก่อสร้างในลักษณะของการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน (Public-Private Partnership ) หรือพีพีพี ต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงรายละเอียดการพูดคุยกับนางอองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐพม่า โดยเฉพาะเรื่องของผู้อพยพลี้ภัยว่า การเดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการมาเยี่ยมเยียนกัน ส่วนเรื่องของผู้อพยพลี้ภัยนั้นก็ได้มีการหารือกันมานานตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว ต้องให้เวลากับทางพม่าด้วยเพราะเขาต้องเตรียมความพร้อมซึ่งเขาเองก็ต้องการที่จะนำคนของเขากลับไป วันนี้ก็ต้องให้เวลาเขาจัดการทั้งเรื่องของที่ดิน เหมือนที่เราเอากลับไปที่ลาว ถ้าพร้อมก็นำกลับไปซึ่งคิดว่าเขาเข้าใจ เราเองก็ต้องเข้าใจเขาเหมือนกัน เรามีหน้าที่ด้านมนุษยธรรมด้วย ถึงแม้เป็นภาระก็ต้องทำ
“วันนี้โดยทางการเมือง นางอองซานซูจีก็มาในฐานะรัฐบาล ผมก็ต้อนรับในฐานะรัฐบาล การต้อนรับก็ต้องเปลี่ยนแปลงจากครั้งที่ผ่านมา ที่ผ่านมาท่านมาในฐานะของประชาธิปไตย วันนี้ไม่ได้มาในฐานะประชาธิปไตย แต่มาในฐานะของรัฐบาลพม่า ดังนั้นรัฐบาลก็จะคุยกับรัฐบาล การพูดคุยก็จะเป็นลักษณะการคุยรัฐบาลกับรัฐบาล ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร เพราะหลายเรื่องก็มีการพูดคุยกันมาก่อน รัฐบาลที่แล้วก็ฝากผมดูแลรัฐบาลนี้อยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวภายหลังการให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่ 3 ของประเทศไทยอย่างอารมณ์ดีว่า “ขอบคุณทุกคนและขอให้มีความสุข ผมนี่ไม่ได้มาทะเล 2 ปีกว่า ไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนได้เลย"
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการฉลองวันครบรอบแต่งงานกับนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา ในวันเดียวกันนี้ (22 มิ.ย.) ได้ให้ของขวัญหรือมีเซอร์ไพรส์อะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างอารมณ์ดีพร้อมยิ้มๆ ว่า “ก็มีความสุข มีความรักกันทุกวันอยู่แล้วตลอด 32 ปีที่ผ่านมา วันนี้ก็ยังรักเท่าเดิม”