มนต์รักอสูร ตอนที่ 21
รุ่งเช้าของวันใหม่ ไก่ตัวใหญ่วางในถาดบนโต๊ะเตรียมอาหาร มันถูกโรยด้วยเกลือจนทั่ว แล้วตามด้วยพริกไทย โดยฝีมือน้ำผึ้งซึ่งเวลานี้รวบผมทรงน่ารัก มาดดูทะมัดทะแมง ครูสาวกำลังขะมักเขม้นกับการปรุงไก่ เพื่อทำไก่อบสมุนไพร
ข้างๆ มีอ้อยคอยเป็นลูกมือ ช่วยเตรียมตะไคร้ ใบมะกรูดง่วนอยู่ เทิดเดินผ่านมาเห็นเข้าก็หยุดมอง
“อ้อยว่าไก่อบมื้อนี้มีอะไรพิเศษแน่ๆ” อ้อยยิ้มแซวครู
เทิดรำพึงกับตัวเอง “ไก่อบเหรอ”
น้ำผึ้งเพียงยิ้มๆ ไม่ตอบ อ้อยเช็ดมือเดินไปมองจ้องหน้าครูน้ำผึ้ง
“ไม่งั้นครูไม่ลงทุนตื่นเช้า ไปเลือกซื้อของเองหรอก ใช่มั้ยจ๊ะ”
“ก็ถ้าจะทำให้คนพิเศษทาน ก็ต้องพิเศษหน่อยสิจ๊ะ”
“คนพิเศษ”
เทิดพึมพำ พลางยิ้มกระหยิ่ม ด้วยคิดว่าคนพิเศษคนนั้นเป็นตัวเอง
พรกับชมพู่ ทยอยจัดอาหารลงวาง เทิด แพรว และ นันท์ ร่วมโต๊ะทานข้าวมื้อเช้าด้วยกัน เทิดกวาดตามองบนโต๊ะ
เมญ่าคอยดูแลแพรวนภา ให้ชมพู่ตักข้าวให้ทานแค่นิดเดียว เทิดมองดูกับข้าวบนโต๊ะแล้วไม่เห็นไก่อบสมุนไพร ก็สงสัย
“ป้าพร กับข้าวมีแค่นี้เองหรือ”
พรมองทั่วโต๊ะ แล้วนึกขึ้นได้
“มีอีกอย่างค่ะ ป้าให้ไอ้หอมมันยกมาให้ มันหนัก”
เทิดยิ้มกว้าง ฟินเวอร์ นึกว่าจะได้กินไก่
สักพักหอมเดินถือถาดคลุมอาหารรูปทรงเหมือนไก่เข้ามา และวางลงบนโต๊ะ เทิดลุ้นสุดๆ แต่พอหอมเปิดฝาออกกลายเป็นเมนูปลา
“ปลานึ่งมะนาว”
เทิดออกอาการเซ็ง และมีสีหน้าผิดหวังชัดแจ้ง ก่อนจะหันไปถามหยั่งเชิงเอากับพรว่า
“ยกมาหมดแล้วใช่มั้ย? จะได้กินข้าวกัน”
“หมดแล้วค่ะนาย”
นันท์กับคนอื่นเริ่มลงมือทาน เทิดยังคาใจไม่ยอมกิน จนพรยกเหยือกน้ำมารินให้ทุกคน เทิดเอ่ยปากถามพรอีก
“แน่ใจนะว่ามีแค่นี้”
พร กะ หอม พยักหน้าให้ด้วยท่าทีสงสัยว่าเช้านี้นายเป็นอะไร
“ผมยกมาหมดแล้วครับนาย”
เทิดยิงคำถามไปตรงๆ “แล้วไก่อบละไม่ได้ทำเหรอ”
พรส่ายหน้า เทิดชักหงุดหงิดพูดพึมพำอยู่คนเดียวจนคนรอบข้างงง
“แล้วไก่ไปไหน”
“ถ้าเทิดอยากทานก็ให้เค้าไปทำให้สิคะ” แพรวนภาว่า
“ไม่ต้อง งั้นกินกันไปเลยนะเดี๋ยวฉันมา”
เทิดลุกเดินออกไปเฉยเลย ขนาดแพรวนภาเรียกไว้ก็ไม่ได้ยิน
“เทิดจะไปไหนคะ เทิด”
ไก่อบถูกหั่นพร้อมทาน มันถูกกินไปแล้วเกือบครึ่งตัว โดยคนพิเศษ ซึ่งก็คือศักดา รุ่นพี่ที่น้ำผึ้งแอบรักแอบปลื้ม เวลานี้สองคนนั่งทานข้าวด้วยกันอยู่ในสวนสวยริมสระน้ำบ้านพัก
“ไปหาไก่อบมาจากที่ไหนเนี่ย ของโปรดพี่เลยนะเนี่ย ผึ้งรู้ได้ไง”
“ก็ตอนที่โรงเรียนจัดออกค่ายกันน่ะค่ะ พวกครูคนอื่นเค้าคุยกันว่าจะทำอะไรเป็นอาหารเย็นดี แล้วมีแต่คนเสนออาหารที่พี่ศักดาชอบทั้งนั้นเลย”
“จริงเหรอ พี่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย”
“พี่ศักดาเป็นมิตรและมีน้ำใจกับทุกคน ใครๆ เค้าก็ปลื้มพี่ศักดากันทั้งนั้นละคะ”
ศักดายิ้มรับ
“น้ำผึ้งอยู่กับคุณเทิดเป็นยังไงบ้าง โอเครึเปล่า”
“ก็ดีค่ะ คุณเทิดดูแลลูกน้องทุกคนในไร่เป็นอย่างดี อาจจะมีดุบ้างนิดหน่อยค่ะ” น้ำผึ้งเยื้อนยิ้มให้ศักดา “แล้วพี่ศักดาอยู่ที่อเมริกาเป็นยังไงบ้างคะ”
“สบายดีจ้ะ”
“กลับมาคราวนี้จะมาอยู่นานมั้ยคะ”
“เดี๋ยวเสร็จงานพี่ก็ต้องกลับแล้ว”
“งานอะไรเหรอคะ”
ศักดาส่งการ์ดสีชมพูดีไซน์เก๋มาให้ น้ำผึ้งรับมามองฉงน
“กลางเดือนหน้า พี่จะแต่งงานครับ”
“แต่งงาน”
น้ำผึ้งชะงัก นิ่งงันไป เหมือนตกอยู่ในภวังค์
เทิดเดินบ่นบ้าเรื่องไก่อบเข้ามาตามทาง มุ่งหน้าไปยังบ้านพักบ้านน้ำผึ้ง
“ไก่ตัวโตขนาดนั้นจะเก็บไว้กินคนเดียวรึไง”
ด้านน้ำผึ้งรับการ์ดแต่งงานจากมือศักดาแล้วมองการ์ดนั้นนิ่งนาน จนศักดาต้องเรียก
“น้ำผึ้ง...น้ำผึ้ง”
“คะ”
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ ยินดีด้วยนะคะ”
น้ำผึ้งมองการ์ดแล้วเยื้อนยิ้ม หากศักดาสังเกตสักนิดก็จะพบว่าน้ำตาครูสาวรื้น จวนจะร่วงรินรอมร่อ
ระหว่างนี้เทิดเดินมาถึง และเห็นสองคนนั่งทานข้าวอยู่สองต่อสองจึงแอบดูอยู่ห่างออก แม้ไม่ได้ยินทั้งคู่คุยกัน แต่เทิดก็เห็นน้ำผึ้งน้ำตาคลอ มองการ์ดแต่งงานในมือนิ่งๆ
“ผู้หญิงคนไหนน้าจะโชคดีได้เป็นเจ้าสาวของพี่ศักดา”
“พี่ไปเจอเค้าที่อเมริกา เราคบกันได้ห้าเดือนเลยตกลงจะแต่งงานกัน”
“5 เดือน” น้ำผึ้งพูดเย้า ทีเล่นทีจริง “ทีกับน้ำผึ้งคบกันมาเป็นสิบ ๆ ปี ทำไมพี่ศักดาไม่เห็นสนใจน้ำผึ้งบ้าง”
เห็นศักดาอึ้ง นิ่งงันไป น้ำผึ้งรีบยิ้มบอก
“น้ำผึ้งล้อเล่นค่ะ น้ำผึ้งยินดีด้วยจริงๆ ค่ะ”
ทั้งสองมองหน้ากันไปมา โดยไม่รู้ว่าอีกมุมหนึ่งเทิดมองมาตาขุ่น รู้สึกไม่พอใจ
“กินไก่ไป จ้องตากันไป มีความสุขเหลือเกินนะ”
ศักดาเอ่ยขึ้นว่า “ไปงานแต่งของพี่ให้ได้นะ”
น้ำผึ้งพยักหน้ารับยิ้มบางๆ ให้ สองคนมองหน้ากันไม่รู้จะพูดอะไรกันอีก ศักดารวบช้อน
“ขอบคุณสำหรับไก่อบอร่อยมากๆ งั้นพี่กวนน้ำผึ้งแค่นี้แหละ”
“งั้นเดี๋ยวผึ้งเดินไปส่ง”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
ศักดายิ้มลาแล้วลุกเดินจากไป น้ำผึ้งมองตามตาละห้อย
อ่านต่อหน้า 2
มนต์รักอสูร ตอนที่ 21 (ต่อ)
เทิดออกจากที่ซ่อน ทำวางฟอร์มเหมือนเพิ่งเดินมาถึง ศักดาเดินสวนออกมาพอดี รู้จักเทิดจากที่น้ำผึ้งเล่าให้ฟัง
“สวัสดีครับคุณเทิด”
เทิดทำเข้มใส่ “จะกลับแล้วเหรอครับ”
“ครับ...ลานะครับ”
ศักดาหันกลับมาหาเทิด
“ฝากดูแลน้ำผึ้งด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องห่วง น้ำผึ้งเป็นคนในไร่ ยังไงผมก็ต้องดูแลเธอ”
“น้ำผึ้งเป็นคนน่ารัก น่าสงสาร เธอต้องกู้หนี้ยืมสินหาเงินไปรักษาพ่อ”
เทิดชะงัก “พ่อป่วยเหรอ”
“นี่คุณเทิดไม่รู้เหรอครับ”
เทิดแถ กลัวเสียฟอร์ม
“ก็พอรู้มาบ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้อะไรมากมาย แต่ยังไงคุณก็ไม่ต้องห่วงน้ำผึ้งหรอก ผมต้องดูแลลูกน้องผมอยู่แล้ว”
“ดีครับ งั้นผมขอตัวนะครับ”
ศักดาเดินไปขึ้นรถ ขับออกไปเลย เทิดมองตามมีสีหน้าครุ่นคิดเรื่องพ่อน้ำผึ้ง
มาร์คใช้ฟอกกี้ฉีด เช็ดทำความสะอาดกระจกร้านกาแฟอยู่ เมญ่าเดินเข้ามาทางด้านหลัง หยุดมองหุ่นมาร์ค ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงดัง
“ได้เหมือนกันนะเรา”
มาร์คเช็ดกระจกเสร็จพอดี หันกลับมาเจอหน้าเมญ่ายืนฉีกยิ้มอยู่ก็ตกใจ
“เฮ้ย”
มาร์คเอาฟอกกี้ฉีดน้ำใส่หน้าเมญ่าจังๆ
เมญ่ากรี๊ดยกมือปิดไปมา “ว้าย! ทำอะไรของแกเนี่ย”
“ก็คุณเมญ่ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง ผมก็ตกใจซิครับ นึกว่าจะโดนราหูอม”
เมญ่ามองค้อน “ทำเป็นขวัญอ่อน กินของดำแล้วจะติดใจ”
มาร์คทำท่าสยอง
“เอาลาเต้ ให้คุณแพรวแก้วหนึ่ง”
มาร์คพยักหน้ารับ แล้วเดินเข้าร้านกาแฟไป
ระหว่างรอ เมญ่าหันไปมองเห็นฟ้าใสเดินหน้าตาเคร่งเครียด ลัดเลาะไปทางบ้านพักน้ำผึ้ง กะเทยยักษ์มองตามด้วยสายตาสงสัย
น้ำผึ้งจมอยู่ความเศร้า มองดูการ์ดแต่งงานของศักดานิ่งนาน ก่อนจะยิ้มบางๆ ออกมา สักพักเทิดเดินเข้ามายืนตรงหน้า น้ำผึ้งเงยหน้ามองไม่พูดอะไร
เทิดถามขึ้นว่า “การ์ดอะไร”
“ทำไมคะ”
เทิดยื่นมือขอดู แต่น้ำผึ้งไม่ยอมส่งให้
“ที่ไม่ให้ฉันดู เพราะแฟนเอาการ์ดแต่งงานมาให้เลือกเหรอ” เทิดแหย่ด้วยความหมั่นไส้
“ฉันว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาพูดเล่นนะคะ”
“แล้วตกลงมันการ์ดอะไรละ”
น้ำผึ้งคร้านจะทะเลาะ ยอมส่งการ์ดให้ เทิดมองการ์ดพบว่าเจ้าสาวไม่ใช่ชื่อน้ำผึ้ง
“ไม่ใช่ชื่อเธอนี่”
“ก็ใช่นะสิคะ หมดธุระแล้วก็เชิญค่ะ”
เทิดเม้ง “เธอเข้าใจอะไรผิดรึ เปล่านี่มันบ้านฉัน มีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน”
“งั้นฉันไปเอง”
เทิดกลัวเสียฟอร์มรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เดี๋ยว แล้วไก่เนี่ยตัวเบ้อเร่อ ไม่คิดจะแบ่งคนอื่นกินรึไง”
น้ำผึ้งงงว่าเทิดมาโวยวายเรื่องไก่ทำไม
“คุณเทิดอยากกินเหรอคะ กินเลยค่ะฉันอิ่มแล้ว”
“นี่เธอกล้าให้ฉันกินของเหลือเหรอ”
น้ำผึ้งเซ็งจัด “แล้วจะเอายังไงกันแน่คะ”
“ไปทำไก่แบบนี้ให้ฉันตัวหนึ่ง”
เทิดมองไก่ในจานแว่บหนึ่งเป็นเชิงบอกว่าจะเอาแบบนี้ ก่อนจะเดินออกไป
น้ำผึ้งมองตามงง ๆ ปนหมั่นไส้
ขณะที่เทิดเดินเสียฟอร์มออกมา เจอกับฟ้าใสที่เดินสวนมาพอดี
“สวัสดีค่ะคุณเทิด”
“อ้าว...มาอีกแล้ว”
“ฉันมาหาน้ำผึ้งค่ะ รบกวนหน่อยนะคะ”
“เชิญ ไร่ผมเป็นไรเปิด เชิญเลยเชิญ” เทิดประชดส่ง
ฟ้าใสพยักหน้าให้งงๆ แล้วเดินผ่านเทิดที่ดูอารมณ์หงุดหงิดเต็มแก่ไป
น้ำผึ้งกำลังเก็บโต๊ะกินข้าวไป ฟ้าใสมองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“ผึ้ง”
ฟ้าใสกางแขนออกแล้ววิ่งมาสวมกอดน้ำผึ้ง อีกฝ่ายงง
“เป็นไรของแก”
“ไม่เป็นไรนะแก ไม่มีใครแต่แกยังมีฉัน”
น้ำผึ้งยิ้มขัน
“ผู้ชายดีๆ มีเยอะแยะ แกอย่าไปเสียดายกับคนที่ไม่เคยเห็นค่าเรา”
น้ำผึ้งละตัวออกจากฟ้าใส พูดตลกกลบความเศร้าในใจ
“นี่มาหลอกกอดฉันเพราะเรื่องพี่ศักดาใช่มั้ย”
“ยังจะตลกอีก ฉันรู้ว่าแกเสียใจ มีอะไรก็ระบายให้ฉันฟังได้นะ”
“ฉันไม่เป็นอะไรฉันโอเค”
เมญ่าเดินมาหลบมุมแอบฟังสองสาวคุยกัน ในจุดที่ได้ยินชัดเจน น้ำผึ้งเก็บจานไป เม้าท์กับเพื่อนไป
“ตอนที่พี่ศักดาบอกฉันว่าเค้าจะแต่งงาน ใจมันก็แอบหวิวๆ น่ะ อย่างที่เธอรู้ว่าฉันเคยปลื้มพี่ศักดามาก แต่ก็แค่นั้นล่ะ ฉันไม่ได้เสียใจอะไรเลยยินดีกับพี่เค้าด้วยซ้ำ ฉันโอเค ขอบใจมากนะฟ้าที่เป็นห่วง”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
ฟ้าใสมองน้ำผึ้งอย่างสงสัย
“ที่แกไม่เป็นอะไรเพราะใจแกมีคนอื่นอยู่แล้วรึเปล่า”
น้ำผึ้งร้อนตัว รีบหลบหน้าวูบ ปฏิเสธพัลวัน
“เปล่าซะหน่อย”
“ไม่เห็นจะมีอะไรน่าตื่นเต้นเลย”
เมญ่าบ่นบ้ากับตัวเองจะหันกลับ แต่ได้ยินฟ้าใสพูดออกมาพอดี
“หรือว่าคนที่ทำให้แกไม่เศร้าเรื่องพี่ศักดา คือคุณภู”
เมญ่าหันหน้ากลับมาด้วยหน้าตาสาระแนขั้นแอดวานซ์ กะเทยบึกดีใจสุดๆ ที่ได้ยินข้อมูลเด็ดเรื่องนี้
“บ้าเหรอฟ้า พูดอะไรอย่างนั้น ฉันไม่เคยคิดอะไรกับคุณภูเค้าเลยนะ”
“เธอไม่คิด แต่คุณภูเค้าคิดน่ะสิ”
“แกพูดอะไรของแก ฉันไปดีกว่า”
น้ำผึ้งเก็บจานชามเดินเข้าไปในครัว ฟ้าใสยืนนิ่งสีหน้าเศร้า เมญ่ายิ้มชั่วออกมา
อ่านต่อหน้า 3
มนต์รักอสูร ตอนที่ 21 (ต่อ)
พริบตานั้นเอง เมญ่ารีบคาบข่าวเด็ดมารายงานแพรวนภาถึงในห้อง
“ข่าวด่วนค่ะคุณแพรว”
“รักษากิริยาผู้ดีหน่อยสิเมญ่า ใครมาเห็นจะตำหนิมาถึงฉันได้”
เมญ่าถอนสายบัวขอโทษ
“ขอโทษค่ะ เมญ่า โซ เอ็กไซเต็ด (so excited) มากไปหน่อย”
“มีอะไรน่าตื่นเต้นหรือไง”
“คุณภูฤทธิ์ที่เป็นเจ้าของไร่ดอกไม้ข้างๆ เนี่ย เค้าชอบยัยครูนั่นเจ้าค่ะ”
“ฉันรู้แล้ว”
“รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“รู้ตั้งนานแล้ว แล้วฉันก็รู้แล้วว่าจะกำจัดยัยน้ำผึ้งไปจากเทิดได้ยังไง”
แพรวนภายิ้มร้ายออกมาเต็มสีหน้า
ไม่นานต่อมา เมญ่าแอบย่องเข้ามาในบ้านพักน้ำผึ้ง แล้วลอบเข้าไปในห้องที่ระลึกของพริม เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเอาชุดเก่งของพริมออกมา ยิ้มเจ้าเล่ห์
ฟ้าใสขึ้นรถ สตาร์ตเครื่องกำลังจะกลับ บอกลาน้ำผึ้งที่ยืนส่งอยู่ข้างประตูรถ
“มีอะไรก็โทร.หาฉันได้นะผึ้ง”
“ขอบใจนะฟ้า”
ฟ้าใสขับรถออกไป น้ำผึ้งเดินกลับบ้านพัก แพรวนภาเดินมาหา
“ครูน้ำผึ้งมีเวลาว่างมั้ยคะ”
“ฉันมีสอนคุณนันท์น่ะค่ะ”
“แหม ว่าจะคุยด้วยหน่อย”
“คุณแพรวมีอะไรให้ฉันช่วยหรือคะ”
“อย่าคิดว่าแพรวมารบกวนเลยนะคะ ครูน้ำผึ้งควรจะคิดว่า แพรวมาช่วยจะถูกต้องมากกว่า”
น้ำผึ้งสงสัย “ช่วยอะไรฉันหรือคะ”
แพรวนภาปั้นยิ้มเป็นมิตรส่งมาให้
น้ำผึ้ง แพรวนภา และเมญ่าเดินมาขึ้นรถด้วยกัน
“ครูจะได้ไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ที่นี่ไง ออกไปเปิดหูเปิดตาเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”
“จริงค่ะ ยิ่งได้เจอหนุ่มๆ หล่อๆ ยิ่งดี จะได้กระปรี้กระเปร่าขึ้น” เมญ่าเสริมท่าทีระรื่น
“นี่ถ้าไม่รักกันจริง แพรวไม่ชวนหรอกนะคะ”
แพรวนภาจงใจเดินพาน้ำผึ้งผ่านมาทางที่เทิดตรวจสินค้าที่จะไปส่งให้ลูกค้า แล้วเดินเข้าไปหา ทำทีเป็นขออนุญาต
“เทิดคะ แพรวขอตัวครูน้ำผึ้งเดี๋ยวนึงนะคะ”
“ขอตัว”
“แพรวอยากได้ดอกไม้มาจัดตกแต่งบ้านให้มีชีวิตชีวาซักหน่อยน่ะค่ะ เลยจะให้ครูไปช่วยดูให้ เห็นสนิทกับเจ้าของไร่ ต้องได้ของดีราคาพิเศษแน่ๆ เลย จริงมั้ยคะครู”
“แพรวจะไปไร่นายภูข้างๆ นี่หรือ”
“ค่ะ มีปัญหาอะไรหรือคะ”
เทิดหงุดหงิดแต่ไม่ได้ตอบ “ถ้าแพรวอยากได้ดอกไม้อะไรก็บอกผม เดี๋ยวจะให้คนไปซื้อที่ตลาดให้”
“ของดีอยู่ใกล้ๆ ทำไมต้องไปไกลถึงในตลาดละคะ แล้วยังมีครูน้ำผึ้งไปช่วยเลือกด้วย คุณภูคงต้องบริการให้เป็นพิเศษยิ่งขึ้นไปอีก”
เทิดยิ่งขัดหูไม่พอใจ ตัดบทเสียงขุ่นว่า
“ตามใจ”
น้ำผึ้งเห็นเทิดไม่พอใจ จึงหันไปบอกแพรวนภา
“รีบไปเถอะค่ะคุณแพรว ฉันจะได้รีบกลับมาทำงานต่อ”
แพรวนภาเห็นเทิดเอาแต่สนใจงาน ผิดแผนที่อยากให้เขาไปด้วย จึงสบตาเมญ่าเป็นเชิงหารือ เมญ่าเขี่ยไฟต่อทันที
“ครูน้ำผึ้งไม่ต้องรีบกลับก็ได้มั้งคะ นานๆ ได้ออกไปเจอแฟนทั้งที ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานๆ จะดีกว่า”
เทิดมองเมญ่าตาดุ น้ำผึ้งรีบแก้ตัว
“คุณเมญ่าเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ ฉันกับคุณภูไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“จริงหรือคะ ปรกติสายตาเมญ่าดูใครชอบใครไม่เคยพลาดเลยนะคะ ตายละ ขอโทษด้วยนะคะ แต่น่าเสียดายนะคะ ครูน้ำผึ้งกับคุณภูดูออกจะเหมาะสมกันจะตาย”
“ถึงไม่ชอบกันตอนนี้ เดี๋ยวใกล้ชิดกันเรื่อยๆ ก็ชอบกันได้ค่ะ ไปค่ะ ครูจะได้มีเวลาอยู่กับคุณภูนานๆ”
แพรวนภาจับมือน้ำผึ้งเดินออกไปทันที เทิดรีบบอก
“ผมไปด้วย”
แพรวนภากับเมญ่าลอบสบตากันยิ้มชั่วให้กันว่าแผนสำเร็จ
ทั้งสี่คนพากันมาอยู่ที่ไร่ดอกไม้ภูฤทธิ์ไม่นานต่อมา
ภูฤทธิ์ให้การต้อนรับพา เทิด น้ำผึ้ง และแพรวนภา เดินชมไร่ดอกไม้ เมญ่า และ พีท เดินตามมา
“ไร่คุณภูดอกไม้สวยๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ”
ภูฤทธิ์ยิ้มรับ
“คุณแพรวชอบดอกไหนบอกได้เลยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ภูฤทธิ์หันไปมองเทิดที่เก๊กขรึม วางฟอร์มตั้งแต่มาถึง มองดูรอบไร่ไปเรื่อยเปื่อย
“ไม่คิดเลยนะครับว่าคุณเทิดจะให้เกียรติมาที่ไร่ผมได้”
“ผมไม่ได้ให้เกียรติอะไรคุณ แค่พาเพื่อนมาดูดอกไม้เท่านั้นเอง”
เทิดกับภูฤทธิ์มองหน้ากันเขม็ง แพรวนภาสบโอกาสรีบเย้าแหย่
“ใครได้เป็นเจ้าสาวคุณภูคงโชคดีน่าดูนะคะ ที่จะได้มาอยู่ในไร่ที่สวยขนาดนี้”
ภูฤทธิ์ยิ้มกว้างมองไปที่น้ำผึ้ง
“ก็ไม่รู้ว่าเค้าอยากจะมาอยู่รึเปล่านะสิครับ”
แพรวนภาปรายตามองเป็นเชิงบอกให้เมญ่าชงต่อ
“อุ๊ย! พูดแบบนี้แสดงว่าคุณภูมีเล็งใครไว้แล้วใช่มั้ยคะ”
ภูฤทธิ์บอกยิ้มๆ ว่า “ก็มีแล้วครับ”
เมญ่าทำหน้าสู่รู้เต็มที่ “ใครคะ บอกเมญ่าได้มั้ย”
เทิดทำท่าฮึดฮัด ดูออกว่าหงุดหงิด
“ตกลงจะมาดูดอกไม้ หรือจะมาคุยชีวิตรักกัน รีบดูจะได้รีบกลับ”
เทิดเดินนำออกไป ทุกคนตาม
แพรวนภาเหลียวไปมองสบตาเมญ่ายิ้มรู้กัน
พนักงานนำน้ำมาเสิร์ฟให้ทุกคน เป็นน้ำสมุนไพรแก้ร้อน ทั้งกระเจี๊ยบ เก๊กฮวย และจับเลี้ยง เมญ่าหยิบแก้วน้ำมาจิบ กลอกตาล่อกแล่กมีพิรุธ แต่ไม่มีใครทันสังเกต
แพรวนภามองเมญ่าแล้วขยิบตาให้เป็นสัญญาณ ระหว่างนี้พีทตัดดอกไม้ตามออเดอร์ของแพรวนภาเสร็จแล้วนำมาวางให้ดู ภูฤทธิ์ยิ้มบอกว่า
“เดี๋ยวผมจะให้คนไปส่งให้ที่ไร่เลยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
พีทยังถือดอกไม้ที่จัดเป็นช่อสวยมาส่งให้ภูฤทธิ์อีกช่อ ภูฤทธิ์รับมาส่งให้น้ำผึ้ง
“อันนี้ให้คุณน้ำผึ้งครับ”
น้ำผึ้งยังไม่ยอมรับดอกไม้มา ลอบมองหน้าเทิดอย่างรู้สึกผิด
“ให้ผึ้งทำไมคะคุณภู”
“ก็ในโอกาสที่คุณน้ำผึ้งมาเยี่ยมไร่ผมไงครับ”
น้ำผึ้งทำท่าลังเล เมญ่าเลยรับแทนแล้วส่งให้น้ำผึ้ง
“รับไปเถอะค่ะครู คุณภูเค้าอุตสาห์มีน้ำใจ”
“ขอบคุณมากนะคะ”
เมญ่ายื่นช่อดอกไม้ให้ก็แกล้งทำน้ำกระเจี๊ยบในมือหกใส่เสื้อของน้ำผึ้งจังๆ แล้วแกล้งตกใจ
“ว้ายตายแล้ว เมญ่านี่ซุ่มซ่ามจริงๆ เลยค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
เทิดกับภูฤทธิ์หยิบกระดาษทิชชู่ใกล้ๆ มือพร้อมกัน ทำท่าจะเข้าไปช่วยเช็ดให้น้ำผึ้ง แต่ถูกแพรวนภาแย่งมาจากทั้งคู่ไปให้เมญ่าเช็ดให้น้ำผึ้งแทน
“เมญ่า พาครูไปทำความสะอาดก่อนดีกว่า”
โดยไม่มีใครสังเกตเมญ่าหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้แพรวนภา ขณะประคองพาน้ำผึ้งเดินไป ภูฤทธิ์หันมาหาเทิด คิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดออกมา
“คุณเทิดครับ ผมมีอะไรอยากคุยด้วย”
เทิดหันกลับมองหน้าภูฤทธิ์ สีหน้าครุ่นคิด
ภายในห้องน้ำในออฟฟิศไร่ดอกไม้ภูฤทธิ์
เมญ่าช่วยน้ำผึ้งเช็ดคราบน้ำกระเจี๊ยบที่หกเลอะที่เสื้อ แต่เช็ดไม่ออก เมญ่าบอกว่า
“เมญ่าว่า ครูน้ำผึ้งไปเปลี่ยนชุดดีกว่ามั้ยคะ พอดีที่รถมีชุดติดมาเผื่อไว้”
น้ำผึ้งเกรงใจ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวก็จะกลับกันแล้ว”
“ยังค่ะ ยังไม่กลับ ยังเลือกดอกไม้ไม่เสร็จเลย เปลี่ยนเถอะค่ะ ใส่ชุดนี้เดี๋ยวเหนียวตัวแย่ ผึ้งมันจะมาต่อยเพราะได้กลิ่นน้ำหวานนะคะ”
น้ำผึ้งลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะยิ้มบอก “ก็ได้ค่ะ”
“เดี๋ยวเมญ่าไปเอาชุดมาให้ค่ะ”
เมญ่ารีบเดินปร๋อออกไป
ฝ่ายเทิดคุยอยู่กับภูฤทธิ์
“ผมยังหาหลักฐานไม่ได้ว่าใครกันแน่ที่จับคุณนันท์ไป”
เทิดมองหน้าภูฤทธิ์
“แล้วคุณถามทำไม หรือว่าร้อนตัว”
“มั่นใจได้เลยครับว่า คนที่ทำกับคุณนันท์แล้วก็คุณน้ำผึ้งแบบนั้น ไม่ใช่ผมแน่ๆ”
“ผมไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น”
เทิดจ้องมองหน้าภูฤทธิ์อีกหน
“ผมแค่อยากให้คุณเปิดใจหน่อย แล้วลองคิดดูว่ามีเหตุผลอะไรที่ผมต้องทำร้ายคุณ และคนของคุณขนาดนี้ด้วย”
ภูฤทธิ์เดินออกไปเลย เทิดมองตามสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
เมญ่าพุ่งมาที่รถ หยิบถุงใส่ชุดพริมจากท้ายรถออกมาด้วย แล้วรีบกลับไปหาน้ำผึ้งที่ห้องน้ำ
แพรวนภายืนรออยู่ที่เดิม จนเห็นเทิดเดินกลับมา
“เสร็จธุระแล้วหรือคะ”
เทิดไม่ได้ตอบ มองหาน้ำผึ้งแต่ไม่เห็น เลยถาม
“ครูน้ำผึ้งล่ะ”
“ไปช่วยเลือกดอกไม้ให้แพรวเพิ่มน่ะค่ะ เทิดไปตามทีซิคะ แพรวคิดว่าพอแล้วก็ได้”
เทิดเดินไป แพรวนภามองตามด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ สักครู่เมญ่าจึงเดินมายืนข้างๆ ยิ้มกริ่มรายงานผลงาน
“เป็นไปตามแผนค่ะ”
อ่านต่อหน้า 4
มนต์รักอสูร ตอนที่ 21 (ต่อ)
เทิดเดินเข้ามาในไร่ดอกไม้อีกโซนหนึ่ง มองหาน้ำผึ้ง จนเห็นน้ำผึ้งในชุดพริมอันคุ้นตายืนหันหลังให้อยู่ไกลๆ เทิดตกใจรำพึงออกมา อย่างไม่เชื่อสายตา
“พริม”
รอยยิ้มของพริม เสียงหัวเราะหัวใคร่ ภาพความสุขของเขากับพริมผุดซ้อนขึ้นมาเป็นระลอกราวสายน้ำไหล
น้ำผึ้งในชุดพริมยืนอยู่กลางดงดอกไม้บานสะพรั่งค่อยๆ หันมา เทิดกลับเห็นเป็นพริมค่อยๆ หันมาหาแล้วส่งยิ้มสวยมาให้เขา
เทิดยิ้มดีใจตกอยู่ในภวังค์ เมื่อเห็นพริมหันกลับไป เทิดวิ่งเข้าไปหา โอบกอดพริมจากด้านหลังเต็มรักเต็มคิดถึง
“พริม ผมคิดถึงคุณ อย่าทิ้งผมไปอีกนะพริม”
เทิดกอดน้ำผึ้งแน่น น้ำตาคลอ น้ำผึ้งที่ถูกกอดและถูกเรียกแบบนั้นก็ตกใจ พยายามสะบัดตัวหนีและเรียกเทิดให้ได้สติ
“คุณเทิด คุณเทิดคะ”
เทิดกอดแน่นไม่ยอมปล่อย
“พริม อย่าทิ้งผมไป”
เทิดจับใบหน้าน้ำผึ้งมาจูบ น้ำผึ้งตกใจ ผลักเทิดออกแล้วร้องเรียกสติ
“คุณเทิด หยุดนะ หยุด นี่ฉันเองค่ะ น้ำผึ้ง”
เทิดชะงักมองหน้าชัดๆ พอเห็นเป็นน้ำผึ้งก็ตกใจ ผงะถอยหนี เมื่อพบว่าน้ำผึ้งใส่ชุดของพริมก็ถามด้วยน้ำเสียงดุดันแข็งกร้าวว่า
“น้ำผึ้ง เธอไปเอาชุดพริมมาใส่ได้ยังไง”
น้ำผึ้งมัวแต่ตกใจ อึกอัก ไม่ทันได้ตอบ
“ชุดของคุณพริม...คือว่าฉัน...”
“เธอเอาชุดนี้มาได้ไง ตอบฉันมาสิ”
เทิดโวยวายคาดคั้น แถมยังเดินเข้าไปจับตัวน้ำผึ้งเขย่าอย่างแรง น้ำผึ้งตกใจทั้งเจ็บทั้งกลัว
“คุณเทิด ปล่อยฉันค่ะ ฉันเจ็บ”
“ตอบฉันมา ว่าเธอเอาชุดมาได้ไง”
“คุณเทิด คุณใจเย็นๆ ก่อน”
“ถอดออกเดี๋ยวนี้ เธอไม่มีสิทธิ์เอาชุดพริมมาใส่”
เทิดบันดาลโทสะ พยายามจะถอดผ้าพันคอและชุดของพริมออกจากร่างน้ำผึ้งให้ได้ น้ำผึ้งตกใจ
“คุณเทิด หยุดเถอะค่ะ คุณเทิด”
ภูฤทธิ์โผล่เข้ามาช่วย จับตัวเทิดดึงออก แต่เทิดยังพยายามที่จะเข้าไปหาน้ำผึ้ง จนภูฤทธิ์ต้องต่อยเทิดเพื่อให้ได้สติ เทิดล้มไปกองกับพื้น
“คุณเทิด นี่คุณเป็นบ้าอะไรขึ้นมาน่ะ”
เทิดเริ่มได้สติลุกขึ้น มองจ้องหน้าน้ำผึ้งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
แพรวนภากับเมญ่าวิ่งเข้ามาสมทบ
“มีเรื่องอะไรกันเหรอคะ”
เทิดนั่งอยู่กับแพรวนภาในห้องรับแขก มีเมญ่ายืนอยู่ข้างๆ ส่วนน้ำผึ้ง หอม และ อ้อย ยืนอยู่ด้วยกัน
“เธอจะบอกฉันได้รึยังน้ำผึ้ง ว่าเอาชุดพริมมาใส่ได้ยังไง”
น้ำผึ้งมองจ้องหน้าแพรวนภากับเมญ่า ทั้งสองคนลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ครูพูดไปเลยค่ะ อ้อยรู้ว่าครูไม่ได้เป็นคนทำ” อ้อยบอก
เมญ่าสวนออกมา “ถ้าครูไม่ทำแล้วชุดมันจะไปอยู่กับครูได้ยังไง”
“ก็มีคนคิดกลั่นแกล้งครูไง” อ้อยจ้องหน้าเมญ่าอย่างรู้ทัน
“นี่เธอว่าใคร”
เทิดตวาดเสียงดัง “หยุด”
เมญ่ากับอ้อยเงียบกริบ
เทิดมองจ้องหน้าน้ำผึ้ง “ว่าไงน้ำผึ้ง”
“คือฉันขอให้เรื่องมันจบเถอะนะคะ คุณเทิดจะลงโทษฉันยังไงก็ได้ค่ะ”
อ้อยขัดใจ โกรธแทนน้ำผึ้ง “ครูอ่ะ”
“ฉันแค่จะบอกว่าฉันไม่เคยเสียมารยาทเข้าไปในห้องเธอพริมเลยซักครั้ง”
ท้ายประโยคน้ำผึ้งมองหน้าเมญ่า ก่อนจะไล่สายตามาหยุดที่แพรวนภา
“ฉันให้เธออยู่ที่บ้านหลังนั้น ไม่ได้แปลว่าเธอเป็นเจ้าของที่มีสิทธิ์รื้อค้นและหยิบเอาของในบ้านมาเป็นของตัวเอง อย่างนี้ฉันจะไว้ใจให้เธอสอนเธอนันท์ต่อไปได้อีกยังไง”
น้ำผึ้งเสียใจที่ถูกเทิดต่อว่ารุนแรงขนาดนี้
“ถ้าคุณจะตราหน้าว่าฉันเลว เพราะคุณไม่เคยเชื่อใจฉันเลยก็เอาเถอะค่ะ ฉันขอยอมรับผิดทุกอย่างและไม่โต้เถียงอะไรอีกต่อไปแล้ว จะลงโทษอะไรฉันก็เชิญค่ะ”
“ครั้งนี้ฉันจะไม่เอาผิดอะไรเธอ แต่อย่าให้มันเกิดขึ้นอีกก็แล้วกัน”
แพรวนภากับเมญ่ามองหน้ากันด้วยความรู้สึกเซ็งปนผิดหวัง
“ค่ะ” น้ำผึ้งเดินน้ำตาคลอออกจากห้องไป
เทิดมองตามด้วยความรู้สึกว้าวุ่นสับสน
ในขณะที่น้ำผึ้งร้องไห้เสียใจหนักหน่วงอยู่ริมสระ เทิดหมกตัวอยู่ในห้องทำงาน ทั้งโกรธ และเสียใจมาก ยิ่งนึกถึงคำพูดน้ำผึ้งก็ยิ่งเครียด
“ถ้าเธอจะตราหน้าว่าฉันเลวโดยไม่สนใจที่จะหาความจริงก็เอาเถอะค่ะ ฉันจะยอมรับผิดทุกอย่างและไม่โต้เถียงอะไรอีกต่อไปแล้ว จะลงโทษอะไรฉันก็เชิญค่ะ”
เทิดรู้สึกว้าวุ่นและสับสน ใจหนึ่งก็โกรธที่น้ำผึ้งไปยุ่งกับของๆ พริม อีกใจก็คิดค้านว่าน้ำผึ้งไม่น่าทำ
น้ำผึ้งนั่งซักชุดพริมอยู่ด้วยมือหน้าบ้าน ซักไปก็น้ำตาไหลไปด้วยความเสียใจที่เทิดไม่เชื่อใจเธอ อ้อย หอม และนันท์เดินเข้ามาเห็น นันท์ลงนั่งข้างๆ ใช้มือน้อยๆ ปาดเช็ดน้ำตาให้น้ำผึ้ง
“คุณครูอย่าร้องไห้เลยนะครับ”
นันท์โอบกอดปลอบน้ำผึ้ง ครูสาวซาบซึ้งใจ
“คุณนันท์ ครูขอโทษนะคะที่เอาชุดของคุณแม่คุณนันท์มาใส่ แต่ครูไม่รู้ ครูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเชื่อครู”
อ้อยกับหอมที่ยืนอยู่มุมหนึ่งรู้สึกเศร้าตาม
ทางด้านสองนายบ่าวอยู่ในห้องพักแพรวนภา ระเบิดหัวเราะร่าสะใจเป็นอย่างมาก
“สะใจจริงๆ นังครูน้ำผึ้งคงถูกเทิดเฉดหัวออกจากบ้านเร็วๆ นี้แน่”
“สมน้ำหน้า อยู่ดีไม่ว่าดี ดันมาเผยอแย่งของรักจากคุณแพรว แผนคุณแพรวนี่เด็ดขาดจริงๆ ค่ะ”
แพรวนภากับเมญ่ายิ้มสะใจให้กัน
“ที่เหลือ ก็แค่ทำให้เทิดใจอ่อนยอมศิโรราบให้กับฉัน”
แพรวหัวเราะพลางมองหน้าเมญ่า
“เดี๋ยวนะเมญ่า”
“มีอะไรคะ”
แพรวนภาใช้ความคิดบางอย่าง
ส่วนอ้อยกับหอมพากันมาอยู่ในห้องที่ระลึกถึงพริม สองคนใส่หมวกไหมพรมพรางตัว ตามไอเดียของหอม
“มันต้องขนาดนี้เลยเหรออีพี่หอม”
“ไม่รู้แหละเดี๋ยวคนจับ ไปฟ้องนายว่าเราเข้าห้องโดยพลการ โดนไล่ออกไม่รู้ตัว”
อ้อยอึดอัดเปิดหมวกไหมพรมออกมาหายใจ
“ก่อนจะโดนจับได้ ฉันจะหายใจไม่ออกแล้วเนี่ย”
หอมเปิดหมวกตามอ้อย
“แกพาพี่เข้ามาในห้องคุณพริมทำไมถามจริงๆ”
“ขโมยชุด”
“นี่แกเห็นครูโดนแล้ว แกยังจะกล้าขโมยชุดคุณพริมอีกเหรอ”
อ้อยรำคาญ “โอ๊ย! ไม่ใช่ ฉันจะหาหลักฐานไปชันสูตร”
หอมแก้ให้ “พิสูจน์”
“นั่นแหละ ฉันต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าครูบริสุทธิ์ ช่วยกันเร็วพี่หอม”
สองคนช่วยกันหาของตามตู้ ตามเตียง มุดดูใต้โต๊ะ แต่หาอยู่นานก็ไม่เจอ
“หาจนทั่วแล้วยังไม่เจอเลย ฉันว่าไม่มีหรอกอ้อย”
“นี่เราจะช่วยครูให้พ้นข้อกล่าวหาไม่ได้จริงๆ เหรอ”
หอมเซ็ง ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาที่พื้น ก่อนจะสะดุ้งโหยง ดีดตัวลุกขึ้น
“โอ๊ย”
“เป็นไรพี่หอม”
“อะไรปักที่หลังฉันไม่รู้”
อ้อยรีบไปดูให้ เห็นเป็นต่างหูปักอยู่ที่หลังหอม
“ต่างหู...พี่หอมเนี่ยไม่ระวังเลย”
“ต่างหูใครอ่ะ”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงละ”
หอมกับอ้อยมองต่างหูแล้วมองหน้ากันไปมาด้วยท่าทีงงๆ ก่อนจะคิดออก อุทานออกมาพร้อมกัน
“เมญ่า”
สองคนยิ้มกระหยิ่มให้กัน
อ้อยกับหอมเดินมายังห้องทำงานเทิดด้วยความมั่นใจเต็มที่ว่าพวกตนจะเป็นฮีโร่ช่วยน้ำผึ้งได้ ในมืออ้อยกำต่างหูไว้แน่น หอมเป็นคนเคาะประตูห้อง
“เข้ามา” เสียงเทิดดังออกมา
อ้อยเปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นเทิด อยู่กับ แพรวนภา มีเมญ่ายืนร้องห่มร้องไห้อยู่ในนั้นด้วย
“อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ก็ดีแล้ว” อ้อยเอ่ยขึ้น
“มีอะไร” เทิดถาม
อ้อยโชว์ต่างหูของเมญ่าให้เทิดดู
เมญ่าเห็นก็ร้องลั่น “ต่างหูเมญ่า”
“แน่ะกล้ารับด้วยว่าของตัวเอง อย่าบอกนะว่ามาสารภาพกับนายว่าเป็นคนเข้าไปเอาชุดคุณพริมมาให้ครูใส่” อ้อยยิ้มหยัน
“เธอพูดเรื่องอะไรของเธออ้อย ต่างหูเพชรของเมญ่าเค้าหายไป เค้ามาให้เทิดช่วยจับขโมยให้ต่างหาก” แพรวนภาบอก
หอมกะอ้อยตาเหลือกแหกปากอุทานพร้อมกัน “ต่างหูหาย”
“ใช่ ฉันเอาต่างหูเพชรคู่นั้นไว้ในห้อง มารู้ตัวอีกทีมันก็หายไปแล้ว” เมญ่าร้องห่มร้องไห้โฮ “ขอฉันคืนเถอะนะ คู่นี้แม่ฉันให้ไว้”
“นี่มันยังไงกันนาย” หอมถามงงๆ
เทิดทำสีหน้าเบื่อหน่ายสุดขีด
“ฉันต่างหากที่ต้องถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“อ้อยกับพี่หอมเจอต่างหูคู่นี้หล่นอยู่ที่พื้นห้องนอนนายค่ะ”
เมญ่าแย้งว่า “เมญ่าวางไว้ที่ห้องแล้วมันหายไป นี่อย่าบอกนะว่าเธอสองคนจะทำให้ครูน้ำผึ้งพ้นผิดโดยการหาแพะ”
อ้อยงง “แพะ”
“ก็ใช่นะสิ”
อ้อยโมโหประสมหมั่นไส้ “สะตอเรียกแม่จริงๆ”
“ไม่คิดเลยนะว่าคนบ้านนอกคอกนาอย่างเธอสองคนจะมีแผนการอะไรแบบนี้”
“นอกจากจะสะตอแล้วยังจะมาด่าฉันว่าบ้านนอกอีก ขอสักทีเถอะวะ”
อ้อยบันดาลโทสะจะพุ่งเข้าหาเมญ่า หอมต้องดึงไว้
เมญ่าท้าเหย็งๆ “มาสิๆ”
เทิดมองด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะยืนพรวดขึ้นแล้วตบโต๊ะเสียงดัง
“หยุดเดี๋ยวนี้ ถ้าใครไม่มีหลักฐานห้ามใส่ร้ายใครทั้งนั้น ไปหาหลักฐานมาให้พอแล้วค่อยมาคุยกับฉัน ออกไป๊”
อ้อย หอม และเมญ่าเงียบสนิท ต่างฝ่ายต่างคุมแค้นมองหน้ากันด้วยความไม่พอใจ
แพรวนภาวางสีหน้าเรียบสนิท ทั้งที่ในใจระอุจนแทบระเบิด
อ่านต่อตอนที่ 22