ย่อตอน อตีตา ตอนที่ 17 ตอนอวสาน
ออกอากาศช่อง 7 ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.20 น.ศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 59 (ตอนจบ)
เหตุการณ์ปะทะครั้งก่อน ทำให้สูญเสีย ขุนสรรค์ ลุงมั่น และนายแท่น สร้างความสลดหดหู่ให้กับคนในค่ายระจันยิ่งนัก แต่ทุกคนก็ต้องข่มเศร้าไว้ให้ได้ เพื่อมีแรงเก็บไว้สู้ต่อ นายจันหนวดเขี้ยวและนายทองเหม็น ออกไปปะทะกับข้าศึกอีกรอบ แต่นายทองเหม็นกลับเสียที ถูกข้าศึกรุมทำร้าย เอาดาบเสียบทะลุท้อง แต่นายจันก็ฮึดสู้จนสุดแรง ล้มคว่ำหน้า แต่ดาบที่ปักทะลุท้องกลับยันพื้น ทำให้ร่างไม่ร่วงลงสู่ดิน แต่ลมหายใจกลับสูญสิ้น ส่วนนายทองเหม็นก็ถูกไม้ตะบองฟาดลงที่ศรีษะ เลือดไหลลงจากกลางหน้าผาก ไม่นานนักร่างก็ร่วงลงสู่พื้น แต่ก็ยังฮึดสู้ ผุดลุกฟันดาบใส่ข้าศึก จนหมดลมและตายตาค้าง
ณ ลานบางระจัน ผู้หญิงต่างช่วยกันซ้อมดาบ ฟันดับต้นกล้วยบ้าง ฝึกฟันกันเองบ้าง กาหลงก็เช่นกัน ได้ขอให้จันกะพ้อช่วยเป็นครูสอนให้ แต่มีจังหวะพลาด จันกะพ้อเหยียบสะดุดล้ม ทำให้ดาบกาหลงฟันลงมาที่ตัว จังหวะนั้นเมืองใจ เข้ามาบังไว้ได้ทัน โดยปัดดาบกาหลง และรวบกอดกาหลงไม่ให้ล้มทับจันกะพ้อ ทำให้กาหลง ร้องไห้เสียใจ เดินหนีไป เมืองใจเดินตามไปเพราะสงสัยที่กาหลงร้องไห้ กาหลงสุดกลั้น จึงหันไปโผกอดเมืองใจ แล้วก็พูดตัดพ้อว่า “ข้ารู้ว่าหัวใจพี่และสองตามีให้เพียงจันกะพ้อ แต่ขออย่างเดียวขอให้ข้ารักพี่ด้วยหัวใจและชีวิตของข้า ต่อให้ข้าตายดับในชาตินี้ จะชาติหน้า ชาติไหน ก็ขอให้ข้าได้รักพี่เมืองใจทุกชาติไป”
จันกะพ้อ เสียใจกับการจากไปของพ่อจัน และกรีดร้องอย่างคนสติแตก และพูดว่าต่อไปนี้อย่าได้มีใครตายอีกนะ ศิโรตม์ยิ้มน้ำตาคลอ โอบเมืองใจ จันกะพ้อ กาหลง และกล่าวว่า “เก็บสุขไว้ให้เต็มหัวใจ ศึกใหญ่ครั้งสุดท้าย กำลังจะมาถึง เราจะได้อยู่รวมกันอีกหรือไม่ มิอาจรู้เลย”
พันเรือง เมืองใจ ศิโรตม์ ปรึกษากันว่า ครั้งนี้ข้าศึกคงจะตีค่ายระจันแตกแน่ เมืองใจเสนอ หากข้าศึกเข้ามาได้จริง เราจะเผาค่าย ใช้ไฟโอบล้อม ให้ตายกองไฟไปพร้อมๆกัน ส่วนเด็กเล็ก ผู้เฒ่าให้พากันหนีออกไปหลังค่ายก่อน พันเรืองเสริม เล่นศึกครั้งนี้ให้สนุก หนึ่งชีวิตแลกพวกมันให้ได้สักสองหรือสาม ถือว่าเล่นศึกแทนพี่แท่น พี่จัน ไอ้ทองเหม็น และนายอิน ทุกคนส่งเสียงหัวเราะ ราวกับไม่มีอะไร แต่ศิโรตม์ไม่ได้หัวเราะตาม แต่มองทุกคนอย่างตื้นตัน ทั้งเคารพและนับถือหัวใจนักรบบางระจัน ที่ไม่ยอมแพ้ ไม่คิดหนี และไม่มีความกลัวสักนิด ทั้งๆ ที่รู้ว่า สู้ครั้งนี้ก็เพื่อแค่ตาย
ที่ริมสระบัว ศิโรตม์แนะนำให้เมืองใจ พากาหลง และจันกะพ้อหนีไปบางกอก แต่เมืองใจกลับไม่เห็นเช่นนั้น จังหวะที่เสียงพระครูธรรมโชติก็แว่วมา และก็ปรากฎแสงวาบขึ้นที่สระน้ำ ปัจจุบันและอดีตได้เชื่อมกัน ผ่านการทำสมาธิของปานทิพย์ ทำให้ได้เห็นศิโรตม์กับเมืองใจ ปานทิพย์พยายามสื่อสารบอกให้ศิโรตม์กลับมา มิเช่นนั้นอาจจะตายในบางระจันได้ แต่ศิโรตม์ กลับปฎิเสธแม่ เพราะอยากอยู่ช่วยรบที่นี่ ถึงแม้รู้ว่าบางระจันจะต้องแตกก็ตาม และได้บอกปานทิพย์ว่าด้วยว่าภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของแม่ ทำให้ปานทิพย์สะดุ้งตื่นจากสมาธิ และรู้สึกว่านี่คือลางร้าย
พระครูธรรมโชติ พยายามส่งให้ศิโรตม์ได้กลับไปในปัจจุบัน แต่ไม่สำเร็จเพราะจิตของศิโรตม์มันต้าน แต่ก็ได้ย้ำหนักว่ามันถึงเวลาที่พันธะกำลังจะสิ้นสุด เพียงให้ศิโรตม์ตัดความอาวรณ์ หากจะดื้ออยู่ที่นี่ต่อ อาจจะมีผลเสียมากกว่า เพราะคนๆเดียว จะมาอยู่สองภพเป็นไปไม่ได้
ที่ค่ายบางระจัน เมืองใจ นำทุกคนทำพิธีปลุกดาบ เพื่อเป็นการร่ำลาบอกกล่าว คนที่เคยอยู่ที่นี่ เพราะมั่นใจว่านี่จะเป็นการบครั้งสุดท้าย เมืองใจเริ่มร่ายคาถา ทุกคนตั้งจิต ศิโรตม์ หยิบชายผ้านุ่งของแม่ ที่เคยได้จากพระครูธรรมโชติ จากนั้นก็ม้วนผ้าให้เป็นเกลียว แล้วเอาคาดศีรษะตนเอง ทันใดนั้นก็เกิดพระอาทิตย์ทรงกลด ศิโรตม์ขนลุกและรู้สึกเหมือนมีพลังเข้าตัว ทุกคนรู้สึกตื่นเต้น ยินดีปรีดา
เมื่อสุกี้บุกถึงบางระจัน ปืนใหญ่ถูกยิงประตูค่ายก็โดนยิง หมู่มวลข้าศึกโห่ วิ่งเข้าไปที่ประตูค่าย ไฟท่วมสูงที่แคร่จนไม่เห็นร่างใด เมืองใจ ศิโรตม์ มองหน้ากัน ผ่านเปลงเพลิว สีหน้าพร้อมรบ ต่างสบตากัน อย่างเข้าใจ เมืองใจ รบพุ่งอยู่ใกล้กันกับศิโรตม์ ทันใด ควันเริ่มหนาลมพัดคล้ายพายุ เหมือนตอนที่ทั้งสองหลุดข้ามภพ เมืองใจได้จังหวะจึงพลักศิโรตม์กลับไป ได้ยินเสียงพระครูธรรมโชติแว่วมาว่า “มันถึงเวลาแล้ว”
ร่างของศิโรตม์ ก็มาโผล่ท่ามกลางการซ้อมของนักแสดงแสงสีเสียงงานระจันรำลึก ทำให้ปานทิพย์ และทุกคนที่เห็นอยู่ในอาการตกใจ ศิโรตม์ตะลึงมองไปที่เวที ท่ามกลางหมอกควัน เห็นภาพเมืองใจยืนสง่า มองมาและยิ้มให้ ลติกาได้แต่ตะลึงยืนมอง คล้ายๆ จะได้สบตากับเมืองใจ ทันใดก็เป็นภาพข้าศึกเข้ามารุมล้อมเมืองใจ ศิโรตม์กรีดร้องอยากจะแล่นเข้าไปช่วยเพื่อนให้ได้ แต่ปานทิพย์จับรั้งลูกชายไว้ ศิโรตม์ได้แต่ร้องไห้สะอื้น เมืองใจก้มเก็บดาบของศิโรตม์ แล้วหันสู้กับข้าศึกด้วยดาบทั้งสองมือ
ภาพสุดท้ายที่ทุกคนเห็น คือ เมืองใจสู้กับข้าศึกไม่หวั่นแต่แล้วถูกรุม เพลี่ยงพล้ำคมดาบข้าศึก เมืองใจตายในท่ายืน แต่ไม่ล้มเพราะมีดาบประคองไว้ ข้างๆกาย มีจันกะพ้อและกาหลง ที่ถูกฟันบาดเจ็บอาการหนักสุดเยียวยา ทั้งสองได้กอดขาเมืองใจคนละข้าง และทั้งหมดก็สิ้นลมหายใจไปพร้อมๆ กัน
หลังจากกลับมาสู่ปัจจุบัน ศิโรตม์ เดินทางไปที่อนุสาวรีย์บางระจัน เพื่อรำลึกถึงคุณความดี วีรกรรมอันเสียสละ ของเหล่านักสู้แห่งบางระจัน กับเหตุการณ์มหัศจรรย์ที่ทำให้ตัวเองข้ามภพไปในอดีต ได้เห็นเรื่องราว ได้เรียนรู้ ที่นั่น ศิโรตม์ ได้เห็นภาพเมืองใจ และจันกะพ้อ ส่งยิ้มให้ อีกครั้ง ศิโรตม์มอง ทั้งสองตามีน้ำตาคลอ และแล้วภาพของเมืองใจกับจันกะพ้อ ก็ค่อย เลือนหายไป เขายกมือไหว้อนุสาวรีย์บางระจัน กราบขอบคุณเหล่าบรรพชนทุกท่านทุกชีวิต ที่ยอมต่อสู้เสียสละทั้งเลือดเนื้อเพื่อปกป้องแผ่นดินไว้ให้คนรุ่นหลังอย่างตนเองได้ยืนอยู่มาจนวันนี้ ศิโรตม์มองขึ้นไปที่อนุสาวรีย์อีกครั้ง ด้วยความอาลัย สำนึก และระลึกถึง