สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 15
ตอนเช้า พันกรนั่งเหม่อๆ จิบกาแฟอยู่ในห้องนั่งเล่น ประภาพรรณยิ้มแย้มแจ่มใสเข้ามาหา ถือจานของว่างเข้ามาให้ กอด หอมแก้มพันกร
“อารมณ์ดีขึ้นรึยังคะที่รัก”
พันกรเงียบไม่ตอบโต้ใดๆ ประภาพรรณจับอาการของสามีได้ว่ายังไม่ปกติ จึงแกล้งจ้องหน้าเขา ทำหน้าตลกๆ ให้พันกรยิ้ม
“เราออกไปเที่ยวข้างนอกกันไหมคะ ดูหนังสนุกๆ ไปช็อปปิ้ง หาอะไรอร่อยๆ ที่คุณกรชอบกินกัน”
“ไม่”
ประภาพรรณไม่ละความพยายาม ตื้อต่อ
“หรือ ไปหาร้านกาแฟสวยๆ นั่งชิวๆ ดีมั้ยคะ”
พันกรเริ่มรำคาญที่ประภาพรรณเซ้าซี้ เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ประภาพรรณอึดอัดที่พันกรไม่พูดอะไร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“แต่ถ้าคุณกรไม่อยากไปไหน มิวไปทำของอร่อยๆ ของโปรดให้คุณกรกินอยู่ที่บ้านก็ได้นะ”
พันกรเครียด นิ่งเงียบเหมือนเดิม ประภาพรรณแอบถอนหายใจเบาๆ น้ำแอบอยู่ใกล้ๆ มองท่าทีของพันกรที่เฉยชากับประภาพรรณ แล้วพึมพำ
“นังหมาหัวเน่า”
น้ำยิ้มร้าย ทำตาหวานมองพันกร คิดแผนการจะใกล้ชิดพันกรให้ได้
ประภาพรรณยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารอร่อยๆ ให้พันกร น้อยเป็นลูกมือทั้งเตรียมของ หั่นผัก ป้าบัวเผื่อนก็วิ่งไปมาอยู่หน้าเตา น้ำเข้ามาแอบแสยะยิ้มให้ประภาพรรณ แล้วรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เข้าไปหา
“โอ้โห พี่มิวทำอะไรเยอะแยะคะเนี่ย น่ากินจัง”
ประภาพรรณพยายามหัวเราะกลบเกลื่อนความเศร้า
“ทำของอร่อยๆ ให้คุณกรจ้ะ ช่วงนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี ต้องเอาใจเยอะหน่อย”
“คุณกรก็แบบนี้แหละ ลองได้กินอาหารอร่อยๆ ของคุณมิวขี้คร้านจะมาง้อคืนดี จริงมั้ยวะนังน้อย”
น้อยยิ้มร่าเริงกับป้าบัวเผื่อน
“จริงค่ะคุณมิว คุณกรโกรธง่ายหายไว น้อยรับประกัน”
ประภาพรรณ น้อย ป้าบัวเผื่อนหัวเราะขึ้นมาพร้อมๆ กัน น้ำแอบหมั่นไส้
“แต่น้ำว่า คุณกรดูเครียดมากนะคะ บ้านเลยดูไม่มีความสุขไปด้วย น้ำเป็นห่วงคุณกร กลัวไม่สบายจังค่ะ”
น้อยเหลือบตามองน้ำอย่างไม่ค่อยชอบใจที่เป็นห่วงพันกรออกนอกหน้า
“น้ำขอเบอร์พี่มิวได้มั้ยคะ เบอร์ไลน์ก็ได้ค่ะ เผื่อพี่มิวไม่อยู่ โทรสั่งน้ำได้เลย น้ำจะได้ช่วยดูแลคุณกรได้”
น้อยรีบพูดดักคอน้ำ
“น้ำจะไปทำอะไรได้ ทำครัวยังไม่คล่องเลย ให้ฉันกับป้าบัวเผื่อนดูแลคุณกรเองดีกว่า”
ประภาพรรณเข้ามาลูบแขนน้ำอย่างขอบใจ มองน้ำไม่คิดระแวงไดๆ
“แต่ก็ดีนะ เวลาพี่ไม่อยู่ ใครๆ ไม่ว่าง น้ำจะได้ดูแลคุณกรแทนพี่ นิดๆ หน่อยๆ คงน่าจะช่วยได้นะ นี่เบอร์พี่”
ทั้งสองหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแลกเบอร์ แลกไลน์กัน
“ขอบคุณค่ะพี่มิว เอ๊ะ น้ำขอเบอร์คุณกรด้วยก็ดีนะคะ บางทีถ้าน้ำโทรหาพี่มิวไม่ติด น้ำจะได้โทรหาคุณกร”
“เอาสิ”
น้ำยื่นโทรศัพท์มือถือตัวเองให้ประภาพรรณกดเบอร์พันกรให้
“อะจ้ะ เรียบร้อย”
“ขอบคุณค่ะ”
ป้าเผื่อนมองน้ำอย่างเอ็นดู น้อยไม่ค่อยเห็นด้วยกับประภาพรรณที่ให้เบอร์กับน้ำ แต่ก็เงียบ
“นังน้ำนี่มันมันน่ารักเนอะ มีน้ำใจกับคนนู้นคนนี้ ไม่เหมือนนัง”
แต้วเดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามาในครัว
“นี่ไง นังนี่มันตายยากจริงๆ จะนินทาซะหน่อยรีบโผล่หน้ามาเชียะ”
แต้วหงุดหงิดกับน้ำ
“คุณหญิงให้ไปเอาแว่นตาบนห้องนอน เร็วๆ ด้วย น้ำ”
“ค่ะพี่แต้ว”
น้ำรีบเดินออกไป แต้วมองอย่างหมั่นไส้
น้ำเข้ามาในห้องนอนปทุมวดี ยิ้มอย่างมีความสุข กวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง ค่อยๆ เดินนวยนาดไปเรื่อยๆ พูดคนเดียวอย่างร่าเริง
“แว่นตาของคุณหญิง อยู่ไหนน้า”
น้ำสำรวจลิ้นชัก ทั้งในตู้ นอกตู้ แอบเปิดกล่องของมีค่า จนเปิดไปเจอกล่องเครื่องเพชร รีบหยิบขึ้นมาดู
“แว่นตา อยู่นี่ไง”
น้ำเริ่มหยิบของมีค่าเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่คิดได้เปลี่ยนใจเป็นหยิบแหวนเพชรวงเล็กๆ แทน หยิบแหวนมาจูบอย่างมีความสุข มองแหวนเพชรวงเล็กอย่างชื่นชม
“วงเล็กแค่นี้ หายไป แกไม่มีทางรู้หรอก”
น้ำเลือกดูเครื่องประดับของปทุมวดีอีกหลายอย่าง แต่ตัดสินใจวางไว้อย่างเดิม แล้วเดินไปที่กระจกแต่งตัว มองตัวเองด้วยความภูมิใจ เปรยเบาๆ
“กินน้อยๆ นานๆ ไม่ต้องรีบ เพราะทุกอย่างที่นี่ มันต้องเป็นของฉันอยู่แล้ว ฉลาดที่สุด”
น้ำแค่นหัวเราะเบาๆ อย่างมีจริต เตรียมจะเดินออกจากห้อง นึกขึ้นได้
“อุ๊ย เกือบลืมแว่นตา น้ำซะอย่าง สวยแล้วก็ฉลาดเหมาะจะเป็นสะใภ้บ้านนี้ที่สุด”
น้ำไปหยิบแว่นตาของปทุมวดี เดินออกจากห้องไปด้วยความสบายใจ
น้ำค่อยๆ แอบเดินออกมาจากหน้าบ้าน เดินห่างออกมาจากตัวบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ หันมองไปมาเหมือนไม่อยากให้ใครเห็น หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหาแห้ง ลูกน้อง
“ไอ้แห้ง แกได้รูปนังผู้หญิงสองคนที่ฉันส่งไปให้ทางไลน์รึยัง เป็นสาวรูปหนึ่ง กับแก่ๆ อีกรูปหนึ่ง”
น้ำหันมองรอบๆ กลัวคนในบ้านผ่านมา
“เห็นแล้วใช่มั้ย มันชื่อบุหงา ชื่อเล่นแพน ส่วนอีแก่แม่มันชื่อดวงแก้ว แกรีบไปหาที่อยู่พวกมันให้ฉันด่วนเลย ลองไปถามที่สมาคมอนุรักษ์ช้างก็ได้ เออๆ ได้ที่อยู่แล้วก็รีบส่งมาให้ฉันเลย แค่นี้นะ”
น้ำรีบกดสายทิ้ง มองไปมาแล้วทำตัวปกติ ค่อยๆ เดินอย่างใจเย็น
“โง่ๆ อย่างแกสองแม่ลูก สมควรที่จะมาช่วยฉันเขี่ยนังมิวออกไป พอฉันได้คุณพันกร ค่อยกำจัดพวกแกทิ้งเหมือนขยะ”
น้ำทำท่าเหมือนคิดอะไรออก แววตาเจ้าเล่ห์
“ว่าแต่ป่านนี้คุณกรของฉันคงหิวแล้วล่ะ”
น้ำเดินถือถาดใส่บัวลอยไข่หวานที่ตั้งใจไปซื้อมาเป็นของว่างยามบ่ายเพื่อเอาใจพันกร เธอเห็นพันกรนั่งเล่นอยู่ที่ม้านั่งในสวน มองไปรอบๆ ตัวไม่เห็นอุปสรรคใดๆ รีบเดินไปหาชายหนุ่มอย่างเรียบร้อยอ่อนน้อม
“ของว่างค่ะคุณกร”
พันกรหันมาพยักหน้าให้น้ำวางของว่างที่โต๊ะ
“พี่มิวเคยบอกน้ำว่าคุณกรชอบบัวลอยไข่หวาน พอดีน้ำเจอเจ้าอร่อยที่ตลาด เลยซื้อมาฝากค่ะ”
พันกรหรี่ตานิดหนึ่ง แต่ก็ไม่แสดงท่าทีใดๆ น้ำเห็นว่าพันกรเงียบ เลยพยายามชวนคุยเอาใจ
“คุณกรไม่ชิมซะหน่อยเหรอคะ”
น้ำยิ้มเจ้าเล่ห์คิดแผนประชิดตัวพันกร ประภาพรรณถือถาดใส่ขนมและเครื่องดื่มของว่างเข้ามาพอดี จังหวะที่น้ำเห็น รีบพูดเสียงดังๆ ให้ประภาพรรณได้ยินด้วย
“ถ้าคุณกรไม่กินก็เสียดายนะคะ ตอนเด็กๆ นะ น้ำอยากกินโน่น กินนี่แต่ก็ไม่ได้กิน แม่บอกว่าเราไม่มีสตางค์ กินได้แต่ข้าว ไม่ให้กินหนม”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ค่ะ เรื่องจริงไม่ได้อิงนิยาย”
พันกรยิ้ม ขำกับความซื่อ น่ารัก ของน้ำ ประภาพรรณเอาของว่างวาง ได้ยินทุกเรื่องราว รู้สึกเอ็นดูน้ำไปด้วย
“งั้นน้ำก็ช่วยคุณกรกินขนมที่พี่เอามาด้วยนะจ๊ะ”
น้ำทำทีเป็นเกรงใจมิว รีบออกตัว
“โห ขนมของพี่มิวมา บัวลอยในตลาดตกกระป๋องเลยค่ะ”
“น้ำก็พูดเกินไป”
พันกรเห็นว่าน้ำซื่อๆ เลยอยากให้มีกำลังใจ หยิบบัวลอยของน้ำมาตักชิมไปหลายคำ
“แต่บัวลอยเนี่ยก็อร่อยจริง พี่ขอเหมานะ”
น้ำยิ้มอย่างมีความสุข ประภาพรรณก็พลอยยิ้มไปด้วยที่เห็นพันกรดูผ่อนคลาย ไม่ได้คิดระแวงน้ำเลย
น้ำยืนอยู่ในล็อบบี้คอนโดของบุหงา ดูที่อยู่ของบุงหา ดวงแก้วที่แห้งส่งมาให้อย่างมั่นใจ เดินไปหาที่นั่งรอในล็อบบี้ สองแม่ลูกหิ้วของพะรุงพะรังจากการช็อปปิ้งเข้ามาในล็อบบี้จะเดินไปขึ้นลิฟต์
“สวัสดีค่ะ คุณแพน คุณดวงแก้ว”
สองแม่ลูกชะงักมองหน้ากัน เหมือนคุ้นๆ เสียงแล้วค่อยๆ หันมา เห็นว่าเป็นน้ำก็ตกใจ น้ำยกมือไหว้
“เธอ มาที่นี่ได้ยังไง”
น้ำยิ้มให้ทั้งคู่ ไม่ตอบคำถามแต่เข้าประเด็นเลย
“น้ำมีเรื่องสำคัญจะมาคุยด้วยค่ะ”
สองแม่ลูกหัวเราะ ยิ้มเยาะน้ำ
“คนอย่างหล่อนน่ะเหรอ จะมีเรื่องอะไรสำคัญมาคุยกับพวกฉัน”
บุหงา ดวงแก้วมองหน้ากัน หัวเราะ
“แต่คนระดับฉัน คงไม่มีความจำเป็น ที่จะลดตัวลงไปคุยกับหล่อนหรอกย่ะ”
“พอดีน้ำมีต้นฉบับภาพกล้องวงจรปิดหน้าตู้เซฟ ทำไงดีคะ”
ดวงแก้วตื่นตูมไปก่อน เผลอพูดเสียงดัง
“แก จะทำอะไรฉัน”
รปภ.ได้ยินเสียงดังและท่าทางตื่นกลัวของดวงแก้วก็เดินตรงมาหา
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ คุณผู้หญิง”
บุหงารีบเก็บอาการไม่อยากให้เรื่องยาว
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ น้ำมาเหนื่อยๆ ไปดื่มอะไรเย็นๆ ที่ห้องดีกว่านะจ๊ะ”
“ได้ค่ะ คุณแพน”
เมื่อทั้งสามขึ้นมาบนห้อง สองแม่ลูกนั่งจ้องหน้าน้ำพยายามจะหาความจริงที่น้ำพูดขู่ไว้ น้ำก็มองบุหงา ดวงแก้วสลับกันไปมาแล้วตัดสินใจพูดขึ้น
“ไม่ต้องกังวลเรื่องภาพจากกล้องนะคะ น้ำมาดีจริงๆ”
ดวงแก้วใจร้อนรีบถามเข้าประเด็น
“เท่าไหร่ แกต้องการเท่าไหร่”
น้ำส่ายหน้าแล้วบอกจุดประสงค์
“น้ำอยากช่วยคุณแพนกำจัดนังมิวให้พ้นทาง คุณกรจะได้มาแต่งงานกับผู้หญิงที่คู่ควรอย่างคุณแพนไงคะ”
สองแม่ลูกมองหน้ากันเหมือนได้ยินเรื่องประหลาด
“ผีตัวไหนมันเข้าสิงแกเหรอ ถึงคิดจะมาช่วยฉัน”
พันกรนั่งเหงาๆ อยู่ที่ห้องนั่งเล่นกับปทุมวดี ปรีชาชาญเดินมาในบ้าน เห็นลูกชายยังซึมๆ ก็ไม่สบายใจ เดินเข้าไปนั่งข้างๆ
“ตากร ยังไม่ดีขึ้นเหรอ”
“ผมไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ”
“ยังจะมาปากแข็ง”
ประภาพรรณเดินเข้ามา ถือถาดใส่น้ำผลไม้ปั่นมาวาง
“สมูธตี้ค่ะ”
“เอาอย่างนี้มั้ย ไปญี่ปุ่นกับพ่อสักสองอาทิตย์ ช่วยพ่อเทคแคร์ผู้บริหาร เปลี่ยนที่เปลี่ยนบรรยากาศซะบ้าง จะได้เติมไฟหรือคิดอะไรได้โปร่งขึ้น”
ปทุมวดีเสริมขึ้น มองประภาพรรณเย้ยๆ
“เปลี่ยนสถานที่ ไม่ต้องเห็นหน้าคนบางคน อาจจะดีขึ้นนะลูกรัก”
ประภาพรรณอึ้ง มองหน้าพันกรลุ้นว่าจะตอบพ่อแม่อย่างไร
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 15 (ต่อ)
บุหงามองหน้าน้ำ รอคำตอบ น้ำแกล้งทำเป็นหนักใจ
“ไม่มีผีตัวไหนเข้าสิงหรอกค่ะ คุณแพน น้ำเบื่อนังมิวค่ะ”
ดวงแก้วเอามือทาบอก ตกใจอย่างแรง
“อุ๊ยตาย เรียกจิกนังมิวซะด้วย”
“นังมิว มันเป็นจอมแสแสร้ง แกล้งทำดีแต่ที่แท้ก็ไม่เคยจริงใจกับใครเลย ดูตอนงานสมาคมฯ คราวที่แล้วสิคะ มันหายหัวไปแต่งตัวสวย ปล่อยให้คนอื่นทำงานกันเหนื่อยงกๆ”
“ก็จริงของมันนะ”
บุหงามองน้ำอย่างไม่ค่อยเชื่อใจเท่าไหร่นัก
“แล้วฉันจะไว้ใจแกได้แน่เหรอ แกอาจจะสตรอเบอรี่เก่งกว่านังมิวก็ได้”
“เรื่องที่ช่วยลบภาพในกล้องวงจรปิด ยังไม่ไว้ใจอีกเหรอคะ”
ดวงแก้วเข้ามากระซิบกระซาบบางอย่างกับบุหงา บุหงาพยักหน้า ก่อนบอกน้ำ
“ขอฉันคิดดูก่อน เธอกลับไปได้แล้ว”
น้ำยิ้ม จะออกไป กล้างัวเงียเพิ่งตื่นนอนออกมาจากห้องนอนด้านใน ไม่รู้ว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย
“ตะเอง กลับจากช็อปปิ้งแล้วเหรอ”
น้ำเห็นเต็มตาว่ากล้าอยู่กับบุหงา เพราะเสื้อผ้าที่สวมก็ยับยู่ยี่เนื่องจากผ่านการนอนมา
“เฮ้ย มาได้ไง”
กล้าตกใจรีบวิ่งเข้าไปหลบด้านใน บุหงาหน้าเสีย แต่แล้วก็เชิดหน้าพูดกับน้ำ
“ถ้าจะพิสูจน์ความจริงใจก็อย่าเป็นคนปากมาก”
น้ำทำท่าเอามือรูดซิปปาก แล้วหยิบแหวนเพชรวงเล็กๆ ยื่นให้บุหงา
น้ำกลับไปแล้ว บุหงามองแหวนเพชรวงเล็กที่น้ำให้ ดวงแก้วกระแซะเข้ามาหยิบไปดู
“แหวนเพชรของใครเหรอ”
“น้ำบอกว่าของยัยคุณหญิงปทุมวดี มันหยิบมาเป็นของฝากเล็กๆ น้อยๆ ให้เรา”
กล้าเดินออกมาจากด้านใน
“พี่ว่าน้องน้ำดูซื่อๆ ไม่น่าจะมีพิษภัยอะไรนะ”
บุหงาอดคิดถึงคำพูดสุดท้ายของน้ำก่อนกลับไม่ได้
“แหวนแล้วก็สมบัติของคุณหญิง มันควรเป็นของคุณแพนมากกว่านังมิว จะให้น้ำทำอะไรก็บอกนะคะ เพราะไม่มีอะไรที่อดีตสิบแปดมงกุฎอย่างน้ำ จะทำไม่ได้ค่ะ”
บุหงาตัดสินใจจะลองเชื่อน้ำดูสักครั้ง ดวงแก้วสวมแหวนแล้วส่องดูพร้อมยิ้มปลื้ม
“ขอแม่นะ”
บุหงายิ้มให้ดวงแก้ว
ตอนเย็น พันกร ปรีชาชาญ ปทุมวดี นั่งอยู่กันพร้อมหน้าที่โต๊ะอาหาร ประภาพรรณบริการอาหารทุกคนเรียบร้อยแล้วก็ไปนั่งข้างๆ พันกร ปรีชาชาญเห็นลูกชายสีหน้าดีขึ้นมาเล็กน้อย เลยถามอีกครั้ง
“เรื่องไปญี่ปุ่น มีคำตอบให้พ่อรึยัง”
“ก็ดีครับคุณพ่อ”
“ดีมากๆ เลยลูก ไปพักผ่อนสมองซะบ้าง”
ประภาพรรณได้แต่เงียบเพราะไม่มีใครเอ่ยชวน น้ำกระซิบถามแต้ว
“คุณกรจะไปญี่ปุ่นเหรอพี่แต้ว”
“ใช่ แต่ไม่ยักชวน”
แต้วมองประภาพรรณ ปรีชาชาญกลับเป็นคนพูดกับประภาพรรณเอง กลัวลูกสะใภ้จะน้อยใจ
“หนูมิวก็อย่าน้อยใจไปนะลูก ทริปนี้มีแต่ผู้บริหารชายล้วน เน้นไปทำงาน ไปเจรจาธุรกิจ ไว้ทริปต่อไป หนูค่อยไปกับตากรสองคน น่าจะดีกว่านะลูกนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
แม้ประภาพรรณจะตอบรับแต่แววตาเศร้ามาก ปทุมวดียิ้มเยาะสะใจ น้ำแอบมองพันกร รู้สึกใจหายที่เขาจะไม่อยู่
ประภาพรรณเดินเข้ามาในร้านกาแฟของนิโรบล มองบรรยากาศในร้านแล้วยิ้มเศร้าๆ ให้กับตัวเอง เธอเดินไปหาที่นั่งเงียบๆ อยู่คนเดียวอย่างเซ็งๆ นิโรบลเข้าไปทักทายหลังจากที่งานในร้านไม่ยุ่งมาก
“เป็นอะไรอีกล่ะ ทำหน้าเหมือนคนท้องผูกมาสิบชาติ ไม่สบายใจเรื่องอะไรบอกฉันได้นะ”
ประภาพรรณถอนหายใจเศร้าๆ
“คุณกรจะไปประชุมที่ญี่ปุ่นสองอาทิตย์ คงเครียดเรื่องงาน คงจะโกรธมิวด้วย คุณกรเขาไม่ห่วงมิวเลยเนอะ ว่ามิวต้องอยู่คนเดียวกับพวก”
ประภาพรรณน้ำตาซึม
“ใจเย็นๆ มิว แกต้องเข้มแข็งนะ ปล่อยให้คุณกรมีเวลาได้คิดแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองบ้าง แล้วคงจะดีขึ้นเอง แต่แกก็ต้องคอยเป็นกำลังใจให้ ไม่ว่าเขาจะเศร้า เสียใจเรื่องอะไร หรือนานแค่ไหน แล้วคุณกรก็จะกลับมาเป็นคุณกรคนเดิมของแก”
ประภาพรรณคิดตามที่นิโรบลพูด น้ำตาซึมโผเข้ากอดเพื่อน นิโรบลโอบปลอบ
“สู้ๆ นะแก”
“ขอบใจนะที่เตือนสติไม่ให้ฉันคิดอะไรฟุ้งซ่าน เป็นบ้าอยู่คนเดียว”
นิโรบลยิ้มอ่อนโยน ประภาพรรณพรวดพราดลุกขึ้นจนนิโรบลตกใจ
“นิด มีอะไรให้มิวช่วยมั้ย ตอนนี้รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาแล้ว”
ประภาพรรณเดินไปทักทายกับลูกค้าที่นั่งในร้านอย่างอารมณ์ดี นิโรบลมองเพื่อนขำๆ ที่อารมณ์ดีขึ้น เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“ต้องให้ได้อย่างนี้ซิ ถึงจะสมกับเป็นมิว”
ปทุมวดีนั่งกินของว่างสบายๆ น้ำยืนรับใช้อยู่ใกล้ๆ บุหงา ดวงแก้ว มาหาปทุมวดีอย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะคุณหญิงป้า”
“สวัสดีค่ะคุณพี่หญิงปทุม”
ปทุมวดีดีใจมากที่บุหงาและดวงแก้วแวะมาหา
“ลมอะไรหอบมาคะเนี่ยหนูแพน คุณดวงแก้ว นั่งก่อนซิคะ กินของว่างด้วยกัน น้ำ”
น้ำรู้หน้าที่รีบเอาจานแบ่งของว่างมาวางให้สองแม่ลูก
“ขอบคุณค่ะ คุณพี่หญิง”
บุหงาพนมกราบอย่างตั้งใจ
“แพนจะมากราบขอโทษคุณหญิงป้า ที่ทำให้เกิดเรื่องยุ่งๆ วันงานเดินแฟชั่นด้วยนะคะ”
“น้องก็ต้องกราบขอโทษด้วยค่ะ”
“อู๊ย จะมาขอท่ง ขอโทษทำไมกันคะ คุณดวงแก้ว หนูแพน จัดงานก็แบบนี้ล่ะค่ะ ต้องมีปัญหานู่นนิด นี่หน่อย เรื่องธรรมดา”
“แต่เรายังจับขโมยไม่ได้เลยนะคะคุณหญิงป้า”
“ปล่อยให้ตำรวจเขาจัดการเถอะ ป้าไม่อยากยุ่ง”
ประภาพรรณถือกาแฟเย็นเดินเข้ามาในบ้าน ปทุมวดีได้โอกาสแกล้งใช้งาน
“นี่หล่อน มาก็ดีแล้ว ไปชงกาแฟมาบริการคุณแพนกับคุณดวงแก้วด้วย ดูสิ น้ำซะอีกมันยังรู้หน้าที่”
ประภาพรรณมองสองแม่ลูกด้วยความรำคาญ แต่ไม่อยากมีเรื่องกับปทุมวดี
“ค่ะ คุณแม่สามี”
ประภาพรรณเดินเข้าไปในครัว น้ำสบตากับบุหงา ขยิบตาให้ บุหงาขยิบตาตอบ น้ำค่อยๆ เดินตามประภาพรรณออกไป
ป้าม้วน ป้าบัวเผื่อน น้อย ง่วนอยู่กับการเตรียมสำรับเย็น มีแต่แต้วที่นั่งทาเล็บไม่ได้ช่วยอะไร ประภาพรรณเดินมาในครัว ไปเตรียมของชงกาแฟให้บุหงา แต้วเหล่มองแต่ไม่พูดอะไร น้ำเดินตามประภาพรรณเข้ามาแกล้งทำเป็นฉุนเฉียว
“ทำไมคุณแพนกับคุณดวงแก้วยังกล้ามาที่บ้านเราอีกนะคะพี่มิว ก่อเรื่องที่งานเดินแฟชั่น ทำคนอื่นเขายุ่งไปหมด หน้าไม่อายจริงๆ ทั้งแม่ทั้งลูกเลย”
แต้วโมโหที่น้ำมาว่าบุหงา แหวขึ้นมาทันที
“น้อยๆ หน่อยนังน้ำเน่า เดี๋ยวฉันโมโหขึ้นมาจะตบเรียงตัวทั้งนายทั้งบ่าว”
แต้วเหลือบมองประภาพรรณอย่างหมั่นไส้
“แกไม่มีสิทธิ์มาด่าคุณแพนของฉัน คุณแพนเธอเป็นว่าที่สะใภ้ตัวจริงของบ้านนี้ ทำไมจะมาไม่ได้วะ”
น้ำทำฮึดฮัดไม่ยอมแต้วเหมือนกัน
“แต่พี่มิวแต่งงานกับคุณกร ก็ต้องเป็นสะใภ้บ้านนี้ตัวจริงกว่าซิ คุณแพนเป็นแค่คนนอกที่มโนเอาเองมากกว่า”
“นังน้ำ เดี๋ยวนี้กล้าเถียงฉันเหรอ”
“ก็ฉันพูดความจริงนี่ ใช่มั้ยป้าๆ พี่น้อย”
น้ำหันไปถามแนวร่วมพวกป้าม้วน ป้าบัวเผื่อน น้อย ที่เริ่มหันมามองน้ำกับแต้วทะเลาะกัน แต้วเดินเข้ามาหาน้ำจะเอาเรื่อง ป้าม้วนยิ้มเยาะที่เห็นประภาพรรณควบคุมอะไรไม่ได้
“จะลองดี วอนโดนตบใช่มั้ย”
แต้วเงื้อมือ น้ำวิ่งไปหลบหลังประภาพรรณ
“ช่วยน้ำด้วยค่ะพี่มิว”
ประภาพรรณหันกลับมาทำหน้าดุ ตวาดแต้วเสียงเหี้ยม
“พอได้แล้ว อยากจะเห่า จะกัดใคร ไปทำนอกบ้าน”
ประภาพรรณจ้องหน้าแต้ว ชี้นิ้วไปข้างนอก แต้วหยุดกึก รู้สึกหวั่นๆ กับอารมณ์โกรธของประภาพรรณ ระหว่างนั้นน้ำแอบเติมเกลือลงไปในแก้วกาแฟอย่างรวดเร็ว โดยประภาพรรณไม่ทันเห็น แต้วเดินฟาดงวงฟาดงาออกไปจากครัว ทุกคนหันกลับไปทำงานของตัวเองกันต่อ ประภาพรรณถอนหายใจหนักๆ อย่างเบื่อหน่าย น้ำแอบยิ้ม
ประภาพรรณเดินถือถาดกาแฟเข้ามาหา ปทุมวดี บุหงา ดวงแก้วในห้องรับแขก น้ำเดินตามมา ประภาพรรณเสิร์ฟกาแฟให้ ปทุมวดีค่อยๆ จิบกาแฟ แล้วต้องรีบพ่นออกมาด้วยความโมโห
“กาแฟหรือน้ำเกลือเนี่ย ทำไมเค็มแบบนี้ จะแกล้งกันหรือไง”
ประภาพรรณตกใจว่าทำไมกาแฟถึงเค็มได้
“มิวก็ชงปกตินะคะคุณแม่สามี”
สองแม่ลูกสบตากัน ปทุมวดีเช็ดปาก เช็ดมือ แล้วโยนผ้าไปที่ประภาพรรณ จ้องเขม็ง
“พวกต้มตุ๋นมันกินกาแฟกันแบบนี้เหรอ คงไม่มีปัญญาซื้อ น้ำตาลเลยต้องใช้เกลือแทน”
สองแม่ลูกหัวเราะคิกคักที่ประภาพรรณโดนปทุมวดีด่าอีก ประภาพรรณงงว่าเป็นไปได้อย่างไร หยิบแก้วกาแฟของปทุมวดีมาจิบ แล้วก็ทำหน้าเบ้เพราะมันเค็ม
“เค็มจริงด้วย”
“ก็เค็มจริงๆ น่ะซิ ฉันจะโกหกหล่อนหาสวรรค์วิมานอะไรเล่า”
น้ำแอบยิ้มร้าย มองไปทางบุหงา บุหงามองน้ำ พยักหน้าให้เบาๆ อย่างชื่นชม
ประภาพรรณเดินงงๆ กลับมาที่ห้องครัว เจอป้าบัวเผื่อน ป้าม้วน น้อย แต้วที่ยังยุ่งๆ กันอยู่ เลยไม่รู้จะเอ่ยปากถามใคร
“สงสัยจะหยิบผิด เห็นเกลือเป็นน้ำตาล”
น้ำเดินตามมาประกบประภาพรรณ
“นั่นซิคะพี่มิว”
น้ำแกล้งเดินไปมองหน้าประภาพรรณ มองที่ตาข้างซ้าย ข้างขวา หยิกแก้มประภาพรรณเบาๆ ประภาพรรณขำน้ำที่ทำเหมือนเด็กๆ
“ทำอะไรเนี่ยเรา”
“น้ำว่า พี่มิวคงจะเบลอแน่ๆ เลยค่ะ ดูตาโบ๋ๆ แก้มตอบๆ”
ประภาพรรณส่ายหน้ายิ้มๆ กับคำพูดของน้ำ
“พี่มิวคงคิดเรื่องคุณกรจะไปญี่ปุ่น แล้วจะไม่ได้เจอกันหลายวันเลยเครียด นอนไม่หลับใช่มั้ยคะ”
“อือ สงสัยจะจริง เก่งนะเราเป็นหมอก็ได้ด้วย”
ประภาพรรณยีหัวน้ำด้วยความเอ็นดู
กลางคืน ประภาพรรณจัดเสื้อผ้าของพันกรใส่กระเป๋าเดินทางให้ เธอแอบมองสามีที่นั่งเงียบๆ อยู่อีกมุมหนึ่ง แล้วพูดลอยๆ ขึ้นมา
“ไปญี่ปุ่นตั้งสองอาทิตย์จะคิดถึงมิวมั้ยน้า”
พันกรเงียบเฉยจนประภาพรรณอึดอัด ขยับไปนั่งข้างๆ เอียงหัวไปซบที่บ่าของชายหนุ่ม
“คุณกรขา มิวไม่มีความสุขเลยที่เห็นคุณกรไม่สบายใจแบบนี้”
ประภาพรรณกอดพันกรด้วยความห่วงใย
“หายเครียดเร็วๆ นะ”
ประภาพรรณกระโดดมายืนตรงหน้าพันกร จูบมือตัวเอง แล้วเอาไปแตะที่ปากของเขา
“จุ๊บๆ เที่ยวให้สนุก แล้วกลับมาเป็นคุณกรของมิวคนเดิมนะคะ”
ประภาพรรณกลับมาจัดกระเป๋าต่อ พันกรมองภรรยา แอบยิ้มอ่อนๆ ให้
ตอนเช้า เดช น้ำ จัดกระเป๋าขึ้นรถด้วยความเรียบร้อย แล้วมายืนรอส่งทุกคนอยู่ ปรีชาชาญ ปทุมวดี พันกร ประภาพรรณ เดินออกมาจากในบ้าน
“คุณพี่อย่าลืมดูเครื่องประดับ พวกแหวน สร้อยคอสวยๆ ให้ด้วยนะ”
“ได้ซิคุณหญิง ผมจะดูให้นะ ถ้าอันไหนสวยมากเป็นพิเศษ ผมจะถ่ายรูปกลับมาให้คุณหญิงดูถึงบ้านเลย”
“คุณพี่ก็ แกล้งน้องอีกแล้ว อันไหนสวยก็ซื้อสิคะ ซื้อเลย น้องอนุญาต”
ประภาพรรณอ้อยอิ่งอยู่กับพันกรด้วยหัวใจที่แห้งเหี่ยว สวมกอดสามีด้วยความอาลัยอาวรณ์ พันกรค่อยๆ กอดตอบ
“มิวดูแลตัวเองนะครับ ผมจะต้องดีขึ้น ผมสัญญา”
ประภาพรรณเงยหน้ามองชายหนุ่ม ยิ้มทั้งน้ำตาที่เห็นว่าพันกรยังเป็นห่วงเธอ
“คุณกรยังรักมิวเหมือนเดิมใช่มั้ยคะ”
พันกรพยักหน้าให้ประภาพรรณ ปทุมวดีมองทั้งสองคนอยู่ แอบค้อนประภาพรรณด้วยความหมั่นไส้ น้ำก็แอบค้อนพันกรแต่ก็ไม่ให้ใครเห็น ปรีชาชาญยิ้มที่เห็นลูกชายคุยกับลูกสะใภ้
“อยู่ห่างกันบ้างจะได้คิดถึงกัน รักกันมากขึ้นนะหนูมิว”
“ค่ะคุณพ่อ”
“กันได้แล้วเดี๋ยวสาย”
เดชวิ่งไปเปิดประตูรถให้ปรีชาชาญ พันกร ขึ้นไปนั่ง รถค่อยๆ เคลื่อนไป
ประภาพรรณยืนทอดถอนใจอยู่ในสวนคิดถึงพันกร น้ำเดินเข้ามา แกล้งเล่นละครปลอบใจ
“อีกสองอาทิตย์คุณกรก็กลับมาแล้วค่ะพี่มิว คิดถึงก็โทรไปหาซิคะ ง่ายจะตาย”
“ขอบใจที่เป็นห่วงนะ”
“เราออกไปข้างนอกกันมั้ยคะ ไปเดินห้างก็ได้ พี่มิวจะได้สบายใจขึ้น หายเหงาด้วย เดี๋ยวน้ำเลี้ยงไอติมก็ได้ แต่ต้องไม่แพงมากนะ น้ำไม่มีสตางค์เยอะๆ หรอกค่ะ”
“น้ำไม่ต้องเลี้ยงไอติมพี่หรอก เราไปร้านกาแฟพี่นิดกันดีกว่า น้ำไปด้วยกันนะ”
“ได้ค่ะ”
สองสาวจูงมือกันเดินออกไป เมื่อไปถึงร้านกาแฟของนิโรบล ประภาพรรณดื่มกาแฟ น้ำดื่มน้ำหวาน คุยกันหนุงหนิงตามประสา นิโรบลยืนยิ้ม มองสองสาวที่ดูเข้ากันได้ดี เอกราชเปิดประตูเข้ามาในร้าน ทักทายนิโรบล แล้วเดินไปหาประภาพรรณ ถือวิสาสะนั่งลงโดยไม่ขออนุญาต เอกราชหงุดหงิด น้ำยกมือไหว้ชายหนุ่ม แต่เอกราชไม่ได้สนใจน้ำเลย มองแต่ประภาพรรณ
“พี่โทรหามิวตั้งหลายครั้ง ทำไมไม่รับสายพี่ ไม่โทรกลับด้วย”
น้ำมองเอกราชต่อว่าประภาพรรณ แอบยิ้มร้าย คิดว่าต้องมีอะไรเด็ดๆ แน่ ประภาพรรณอึ้งๆ ไม่พูดอะไร แต่ก็เซ็งๆ ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง
“มิว พี่ถามได้ยินมั้ย”
น้ำทำเป็นกลัวเอกราชที่มาต่อว่าประภาพรรณ ประภาพรรณชักรำคาญเอกราชที่ไม่เกรงใจทั้งๆ ที่น้ำก็นั่งอยู่
“พี่เอกราช ไม่เกรงใจมิว ไม่เกรงใจนิด ก็เกรงใจลูกค้าคนอื่นเขาบ้าง ลูกค้าเต็มร้านไม่เห็นหรือไง”
เอกราชปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง
“พี่แค่อยากรู้ว่า”
“พี่เลิกยุ่งกับมิวซะทีได้มั้ย มิวเบื่อ รำคาญ ตอนนี้ก็เครียดจะแย่อยู่แล้ว”
ประภาพรรณถอนหายใจหนัก ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเอกราช น้ำแอบสังเกต คิดว่าเอกราชต้องแอบชอบประภาพรรณแน่ๆ เอกราชขยับจะเถียง นิโรบลเดินมาจับแขนเอกราชไว้เป็นเชิงห้าม
“อยากรู้อะไร ค่อยถามวันหลังละกันพี่ วันนี้มิวอารมณ์ไม่ค่อยดี พูดไปก็จะทะเลาะกันเปล่าๆ”
“ก็ได้ๆ อยู่เงียบๆ ก็ได้”
เอกราชทิ้งตัวพิงเก้าอี้อย่างอ่อนใจ น้ำสังเกตทุกอย่าง ประภาพรรณยิ่งเห็นเอกราชนั่งร่วมโต๊ะ ยิ่งรำคาญใจมากขึ้น หงุดหงิดจนทนไม่ไหว หันไปบอกกับน้ำ
“กลับ”
ประภาพรรณจูงมือน้ำออกมา จะเดินออกไปหน้าร้าน น้ำงงๆ ว่าประภาพรรณจะรีบไปไหน แต่ก็เดินตามไป นิโรบลมองประภาพรรณกับน้ำงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น เอกราชรีบเดินตามไปขวางหน้าประตูาร้านไว้
“ถ้ามิวจะกลับ พี่ขอไปส่ง”
“พี่เอกราช ทำไมพี่ถึงพูดไม่รู้เรื่องสักทีนะ มิวบอกว่าไม่ต้องมายุ่งกับมิวไง”
นิโรบลเดินเข้ามาปลอบ
“ใจเย็นๆ มิว มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกัน มิว พี่เอกเขาก็แค่หวังดีกับมิว เคยช่วยเหลือพวกเราไว้ก็หลายครั้ง ยังไงก็เป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกันนะ ตัดไม่ขาดหรอก”
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 15 (ต่อ)
ประภาพรรณฟังที่นิโรบลพูดก็ใจเย็นลง
น้ำเห็นจังหวะที่จะทำให้ประภาพรรณกับเอกราชได้ใกล้ชิดกัน รีบพูดเสริมขึ้นมา
“จริงค่ะพี่มิว น้ำเห็นด้วยกับพี่นิด เพื่อนก็ต้องช่วยกันเวลามีอะไรไม่สบายใจ น้ำว่าดีออก”
เอกราช นิโรบล พยักหน้าเห็นด้วยกับน้ำ
“พวกพี่ยังมีเพื่อน แต่น้ำไม่มีเลย”
ประภาพรรณเข้าไปปลอบน้ำจนลืมเรื่องที่ทะเลาะกับเอกราชเสียสนิท
“ไม่ต้องเสียใจ น้ำมีพี่มิวนะ”
น้ำพูดกับประภาพรรณอย่างจริงใจ
“ถ้าพี่มิวกลัวคนนินทา น้ำจะเป็นพยานให้เองว่าพี่มิวกับพี่เอกราชเป็นแค่พี่น้องกัน ดีมั้ยคะ”
ประภาพรรณพยักหน้าให้น้ำ ยิ้มออกมาได้
ที่โต๊ะกาแฟ นิโบล เอกราช น้ำคุยกันอย่างออกรส จนลืมประภาพรรณไป ประภาพรรณนั่งเหม่อคิดถึงพันกรจนน้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว น้ำสังเกตเห็นก็สะกิดนิโรบลให้ดู นิโบลขยับไปปลอบใจเพื่อน
“เป็นเด็กขี้แยตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
เอกราชหยิบกระดาษทิชชู่ยื่นให้ประภาพรรณ ขยับเข้าไปปลอบด้วยอีกคน
“หมดกัน หญิงแกร่งของพวกเรา”
ประภาพรรณรับกระดาษทิชชู่มาเช็ดน้ำตา แล้วสั่งน้ำมูกปื้ดใหญ่
“โอ้โห ชุดใหญ่”
ประภาพรรณยังสะอื้นเบาๆ
“มิวอย่าสะอื้นสิ เดี๋ยวพี่ทำตามนะ”
เอกราชแกล้งทำเป็นเช็ดน้ำตา ร้องไห้สะอื้นบ้าง จนประภาพรรณอดขำไม่ได้ ตีแขนเอกราชเบาๆ
“อย่ามาล้อมิวนะพี่เอก คนเขากำลังเศร้า”
น้ำทำเป็นเล่นโทรศัพท์มือถือ แต่แอบถ่ายภาพประภาพรรณร้องไห้ แล้วมีเอกราชปลอบใจ เสียงโทรศัพท์มือถือของน้ำดังขึ้น หน้าจอเป็นชื่อปทุมวดี น้ำรีบกดรับสาย
“ค่ะคุณหญิง ค่ะ น้ำกลับเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
น้ำกดวางสายปทุมวดี
“น้ำกลับก่อนนะคะพี่มิว คุณหญิงโทรมาตาม”
“ให้พี่กลับด้วยมั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำกลับเองได้”
ประภาพรรณพยักหน้าให้น้ำรีบไป น้ำออกมาหน้าร้านกาแฟ หยิบโทรศัพท์มือถือมาเลือกดูภาพที่แอบถ่ายประภาพรรณกับเอกราชไว้ด้วยความพอใจ
“ปลอบกันเข้าไป”
ประภาพรรณอารมณ์ดีขึ้นก็คุยสัพเพเหระกับเอกราชและนิโรบล
“พี่เอกล่ะ ชีวิตเป็นไงบ้าง”
“พี่เหรอ ก็เรื่อยๆ พอแตกหักกับลุงเสริม ก็ออกจากบ้านแกเลย ช่วงนั้นน่าจะเป็นช่วงที่มิวรู้จักกับผู้กองล่ะมั้ง”
“มั้ง”
นิโรบลขำๆ
“แหมจำไม่ได้จริงเหรอว่าคบกับคุณกรตั้งแต่เมื่อไหร่”
ประภาพรรณทำเป็นเขินไม่อยากพูดถึง แกล้งตีที่แขนเอกราช
“เล่าต่อซิพี่”
“พี่ก็เคว้งอยู่พักใหญ่ ไม่รู้จะทำอะไร จะค้าขายก็ไม่เก่ง จะเปิดขายข้าวแกง ก็ทำไม่เป็น”“พี่ก็เลย ไปขายบริการใช่มั้ย”
“มิวบ้า คนกำลังตั้งใจฟัง”
นิโรบลแกล้งดุ เอกราชหัวเราะ ทำท่าคิดต่อ
“บังเอิญโชคดี พี่ไปเจอรุ่นพี่คนหนึ่งทำงานเป็นสายสืบ เขาเลยชวนให้กลับไปทำงานสืบเชิงลับให้ตำรวจ”
“สืบเชิงลับ”
เอกราชพยักหน้า
“แต่พี่ก็ต้องทำงานอย่างอื่นไปด้วย”
“งานอะไร”
“เปิดอู่ซ่อมรถ”
“อู่ซ่อมรถ”
เอกราชขนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ภายในอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง มีป้ายร้าน เขียนว่า เอกการช่าง เอกราชหน้าตามอมแมม เดินไปมาดูรถคันโน้น มุดรถคันนี้ สั่งให้เด็กทำโน่นนี่
“แล้วเรื่องของมิวล่ะ”
“มิวกับคุณกรเหรอ”
ประภาพรรณยิ้มออกมาอย่างมีความสุข นึกถึงเมื่อครั้งอยู่ในคอนโดของพันกร ทั้งสองช่วยกันทำอาหาร ประภาพรรณตักให้พันกรชิม ชายหนุ่มยกนิ้วโป้งให้สองนิ้วชมว่าอร่อยมาก ประภาพรรณป้อนอาหารพันกร และสลับกันป้อน พันกรนั่งแผ่ไปกับเก้าอี้ด้วยความอิ่ม ประภาพรรณยิ้ม ชี้นิ้วไปทางอ่างล้างจานที่มีจานกองโต พันกรพยักหน้า วิ่งไปล้างอย่างเต็มใจ
พันกรเตรียมของขวัญวันเกิดให้ประภาพรรณ ประภาพรรณมีผ้าปิดตา พอเปิดผ้าออกเห็นเป็นดอกกุหลาบเต็มห้อง เธอดีใจสวมกอดพันกร ทั้งสองจะจูบกัน แต่ต่างคนต่างกระเด้งออกเพราะต้องยั้งใจไม่ให้เกินเลย
พันกรมาอยู่ที่หน้าครัวทำอาหารเงอะๆ งะๆ หม้อข้าวต้มเครื่องล้นเดือดเละเทะ พันกรวิ่งมาปิดเตา แล้วชิมข้าวต้มในหม้อ พ่นออกมาเพราะกินไม่ได้ ประภาพรรณป่วย โทรมๆ มาแอบยืนมองแล้วยิ้ม พันกรหยิบหม้อใบใหม่แล้วเตรียมซาวข้าวอีกครั้ง ประภาพรรณเดินกลับออกไปด้วยหัวใจพองโตที่พันกรรักและเอาใจใส่เธอมากมาย
ประภาพรรณนอนหลับด้วยพิษไข้ พันกรเข้ามานั่งข้างๆ เช็ดหน้า เช็ดตัวให้ ประภาพรรณลืมตาตื่นมาเห็นพันกรนั่งหลับอยู่ข้างๆ
ประภาพรรณนั่งซึมอีกเพราะคิดถึงพันกร เอกราชพยายามคุยตลกๆ กับหญิงสาว
“มิวจะเครียดอะไรนักหนาเนี่ย ผู้กองพันกรไม่อยู่ก็ดีซิ จะได้มีเวลาไปเที่ยวๆๆๆ ช็อปๆๆๆ กินๆๆๆ ให้เพลินไปเลย ไม่มีใครมาห้ามด้วย”
“แต่คุณกรไม่เคยห้ามมิวเลยนะ ตามใจทุกอย่าง”
“อ้าว เป็นงั้นไป”
นิโรบลขำในความพยายามของเอกราช
“ลองอีกสักมุกพี่เอก”
เอกราชคิดๆ แล้วก็ปิ๊งไอเดีย
“ถามคำถามดีกว่า ถามว่า หนึ่งวันมี 24 ชั่วโมง แล้ว 24 ชั่วโมงมีกี่วัน”
“ก็มี จะถามโง่ๆ ทำไมเนี่ย”
เอกราชยิ้มแหยๆ ไม่รู้จะพูดอะไร พูดไปก็ฝืด ประภาพรรณยิ้มๆ มองหน้านิโรบลกับเอกราช
“ขอบคุณนะพี่เอก นิด”
ประภาพรรณหยิบรูปพันกรออกมาจากกระเป๋า วางบนโต๊ะ
“มันต้องแบบนี้ ถึงจะช่วยมิวได้ ขอคิดถึงสามีแป๊บหนึ่งนะ”
ประภาพรรณหยิบรูปพันกรขึ้นมารัวจูบ นิโรบลกับเอกราชมองกันงงๆ
“มิวสบายดีแล้ว”
“เฮ้ย อะไรเนี่ย นิดว่ามิวต้องเป็นพวกไบโพล่า อารมณ์แปรปรวนแน่ๆ เลย”
ทั้งสามคนหัวเราะกันออกมา
ปทุมวดีนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น กำลังตั้งใจฟังสิ่งที่น้ำพูดถึงประภาพรรณ
“เล่ามาให้หมด ไม่ต้องกลัวใครทั้งนั้น”
น้ำแกล้งทำเป็นไม่อยากพูด
“เอ่อ”
“พูดมา”
น้ำเลยใส่ไฟประภาพรรณเป็นชุด
“พี่มิวคุยกับผู้ชายคนหนึ่งค่ะ ไม่รู้เพื่อนรึเปล่า หล่อสู้คุณกรก็ไม่ได้ แต่พี่มิวก็ดูร่าเริงมีความสุขดี ไม่เห็นซึม ไม่เห็นเศร้าเหมือนตอนส่งคุณกรที่หน้าบ้านเลยค่ะ”
ปทุมวดีโกรธ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“แกแน่ใจนะ ว่ามันลั้นลา ระริกระรี้กับผู้ชาย”
น้ำแกล้งทำเป็นโกรธประภาพรรณไปด้วยให้ปทุมวดีเห็น
“จริงค่ะ น้ำเห็นเต็มสองลูกกะตาเลย น้ำไม่อยากมองหรอกนะคะ แต่น้ำก็ต้องทน ไม่นึกเลยว่าพี่มิวจะเป็นคนแบบนี้ ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง”
ปทุมวดีโกรธจนลมออกหู น้ำรีบโกหกเสียดสีต่อ
“ดีที่คุณหญิงโทรมาตาม น้ำเลยขอตัวกลับได้ ไม่งั้นน้ำคงเห็นอะไรดีๆ มาบอกคุณหญิงอีกเยอะค่ะ”
ปทุมวดีกระทืบเท้าด้วยความโกรธ
“นังตอแหล นังมิว นังผู้หญิงสำส่อน”
น้ำจะหยิบโทรศัพท์มือถือ เอารูปที่แอบถ่ายประภาพรรณให้ปทุมวดีดู แต่ก็เปลี่ยนใจ ยังไม่ให้ดู
ประภาพรรณกับเอกราชนั่งอยู่ที่โต๊ะกาแฟ ประภาพรรณแสดงความกระตือรือร้นอย่างออกนอกหน้ากับเอกราช
“มิวอยากกลับไปทำงานสายลับอีก”
“พูดจริงหรือพูดเล่น”
“มิวพูดจริงซิ”
ประภาพรรณทำหน้าเซ็งๆ ที่เอกราชไม่เชื่อ
“มิวเบื่อ อยากหาอะไรทำจริงๆ นะ ยิ่งคุณกรไม่อยู่ มิวอยู่บ้านคนเดียวต้องฟาดฟันกับคุณแม่สามี ไม่รู้จะมาไม้ไหน แล้วมิวก็แพ้เขาตลอด”
เอกราชมองประภาพรรณอย่างเห็นใจ
“เหมือนชีวิตมิว ไม่มีค่าอะไร”
เอกราชลังเลว่าจะช่วยประภาพรรณอย่างไรดี
“ถ้าพี่ให้มิวทำ ทุกอย่างต้องเป็นความลับนะ”
ประภาพรรณกระชุ่มกระชวยขึ้นมาในทันที พยักหน้ายอมรับ
“มิวจะบอกใครไม่ได้เลย คุณกร คุณพ่อคุณแม่สามี ก็ห้ามบอก”
“ถ้าพี่เอก ยอมให้มิวกลับไปเป็นสายลับ มิวจะปิดปากให้สนิทเลย”
ประภาพรรณทำท่ารูดซิปปาก เอกราชจ้องมองหญิงสาว เหมือนจะมีความคาดหวังบางอย่างเกิดขึ้นในใจ
รองวิเชียรนั่งอยู่ในห้อง ประภาพรรณ เอกราชนั่งตรงข้าม ประภาพรรณยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ”
“มิวเป็นสายลับที่เคยร่วมงานกับผมมาแล้วครับ”
“อือ จะไหวเหรอ”
ประภาพรรณมองเอกราชให้ช่วยพูดเชียร์ เอกราชรีบอธิบายคุณสมบัติของหญิงสาว
“เป็นสายลับมือหนึ่งเลยนะครับท่าน ฉลาด มีไหวพริบ ทันคน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าดีเยี่ยม มีคุณสมบัติตามที่เราต้องการครับ”
“ทำอะไรได้อีก”
“เอ่อ ดูพระเก๊ก็ได้ มองพวกแก๊งต้มตุ๋นก็ออก กล้าลุย ไม่กลัวใคร เอ่อ อะไรอีกดี ทำกับข้าวก็อร่อยครับ เอ่อ”
“เอางี้ ผมว่าก่อนอื่น เราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อน”
รองวิเชียรตั้งใจพูดกับประภาพรรณอย่างเคร่งเครียด
“คดีนี้เป็นคดีสำคัญระดับประเทศ ทุกอย่างต้องเป็นความลับขั้นสูงสุด บอกใครไม่ได้แม้แต่คนเดียว เข้าใจใช่มั้ย”
“เข้าใจค่ะ มิวรับรองว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัว จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้จากปากมิวแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวก็ตาม”
“งั้นก็ยินดีต้อนรับเข้าสู่ทีมนะ”
“ขอบคุณค่ะท่าน ขอบคุณค่ะ”
“รายละเอียดเรื่องงานก็ให้เอกราชอธิบายให้ฟัง”
เอกราชหันไปยิ้มให้ประภาพรรณด้วยความดีใจ ทั้งคู่เตรียมจะออกไป แต่รองวิเชียรเรียกไว้
“เอกราช คุณอยู่ก่อน”
ประภาพรรณออกไป
“ที่ผมยอมรับคุณมิวไว้ เพราะเห็นว่าผู้กองพันกรไม่ได้ทำคดีนี้แล้ว ก็ได้แต่หวังว่า เราคงเลือกไม่ผิดคนนะ”
“ผมมั่นใจในตัวมิวครับ”
ตอนเช้า ปทุมวดีเดินลงมาที่ห้องนั่งเล่น นั่งจิบกาแฟ ประภาพรรณนั่งอยู่ใกล้ๆ แต่ปทุมวดีก็ไม่คุยไม่มองหน้า แต้ว น้ำเดินเข้ามายืนใกล้ๆ คอยรับใช้ปทุมวดี ปทุมวดีลุกขึ้นหยิบกระเป๋าหรูเตรียมออกไปบ่อน
“แต้ว บอกเดชเอารถออก ฉันจะไปแล้ว ไม่อยากอยู่ร่วมบ้านกับผู้หญิงสำส่อน”
“ค่ะคุณหญิง”
แต้วเดินออกไปบอกเดชที่ยืนรอด้านนอก
“คุณแม่สามีกล่าวหามิวอีกแล้วนะคะ”
“ใครว่าหล่อน ร้อนตัวสินะ ตากรกลับมาเมื่อไหร่ฉันจะให้ตากรเฉดหัวหล่อนออกจากบ้านไปหาชายชู้ของหล่อนแน่”
ปทุมวดีเดินไปขึ้นรถ ประภาพรรณชะเง้อมองรถของปทุมวดีที่เคลื่อนออกจากบ้านไป ถอนใจเฮือก แล้วเตรียมตัวออกจากบ้านเหมือนกัน พอปลอดคน หญิงสาวเดินออกจากบ้านไปเงียบๆ แต้ว น้ำ แอบมอง อย่างสงสัย
“นังมิวมันออกไปไหนของมันนะ ไม่บอกคุณหญิงด้วย แกรู้มั้ยนังน้ำ”
“น้ำจะไปรู้ได้ไง พี่มิวไม่ได้มาบอกน้ำนี่”
“อีนี่ ฉันถามดีๆ นึกว่าแกจะรู้ เห็นว่าเป็นเด็กของนังมิวมัน”
น้ำแกล้งทำเป็นถอนใจ
“พี่แต้วมองน้ำซะใหม่นะ น้ำไม่ได้เป็นเด็กพี่มิว ไม่ได้เป็นเด็กของใครทั้งนั้นแหละ คนที่มีบุญคุณที่สุดกับน้ำ คือคุณหญิงคนเดียว”
“อย่ามาทำเป็นดัดจริตหน่อยเลยนังน้ำ ข้าดูคนออกโว้ย เห็นเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย แล้วยังจะมาบอก น้ำไม่ใช่เด็กของคุณมิว กูไม่เชื่อหรอก”
“ไม่เชื่อก็เรื่องของพี่ ฉันไม่สน พี่ไม่ใช่เจ้านายฉัน ฉันไม่แคร์”
น้ำสะบัดหน้าเดินไปในบ้าน แต้วงง เพราะไม่เคยเห็นน้ำทำแบบนี้กับตัวเอง
“อ๊าย ๆๆ อีนังน้ำเน่า ในที่สุดความจริงก็เปิดเผย ป้าม้วน ป้าบัวเผื่อน อีน้อย มานี่เร็วๆๆ มาดูตัวนังน้ำเร็ว ดูว่ามันร้ายแค่ไหน”
ไม่มีใครสนใจที่แต้วโวยวายเลยสักคน
“อยากให้นังมิวมาเห็นจริงจริ๊งๆ”
ป้าบัวเผื่อน ป้าม้วน น้อย น้ำ นั่งพักพ่อนกันอยู่ แต้วเดินมาทำหน้าหงุดหงิด มองน้ำแต่ไม่พูดอะไร ป้าบัวเผื่อนเอ่ยทัก
“หน้าหงิกแต่เช้าเลยนะนังแต้ว”
“นี่ ไม่มีใครสงสัยกันบ้างหรือไงนะ ที่นังมิวมันออกนอกบ้านตามหลังคุณหญิงทุกวันๆ มันไปไหน”
ทุกคนมองแต้วด้วยความรำคาญแต่ก็ขี้เกียจที่จะต่อปากต่อคำด้วย
“ฉันว่านะ นังมิวมันต้องออกไปหากิ๊กแน่ๆ”
“นังแต้วพูดดีๆ คุณมิวเขาเจ้านายนะ”
“ใช่ พี่มิวไม่ใช่คนแบบนั้นซะหน่อย”
น้ำมองรอบตัว ทุกคนก็มองน้ำอยู่
“พิ่มิวก็แค่ ออกไปหาเพื่อนผู้ชาย”
“นั่นไง ยังไงก็ออกไปหาผู้ชายล่ะวะ”
“น้ำไม่ได้บอกว่าพี่มิวไปหาผู้ชาย แค่เพื่อนที่เป็นผู้ชาย”
แต้วขำๆ มองน้ำอย่างสมเพช
“นังน้ำ แกไม่ต้องมาแก้ตัวแทนนังมิวเจ้านายแก”
แต้วเดินเข้าไปหาน้ำ เอานิ้วจิ้มหน้าผากจนน้ำหน้าหงาย
“โอ๊ย”
“แกมันนกสองหัว เมื่อตะกี้ตอนอยู่ในบ้านยังบอกว่านังมิวไม่ใช่เจ้านาย แล้วตอนนี้ทำเป็นมาออกรับแทน ทุเรศ”
น้อยชักทนไม่ไหวลุกขึ้นมาขวางน้ำไว้
“พอแล้วนังแต้ว วันๆ ไม่ทำอะไร คิดแต่จะหาเรื่องด่าเจ้านาย”
“กูไม่เคยคิดว่าว่านังมิวเป็นเจ้านาย คุณแพนโว้ย เจ้านายกู มีอะไรมั้ยนังน้อย”
“ความคิดแกนี่มันชั่วจริงๆ”
ป้าบัวเผื่อนทนไม่ไหว
“สักวันนรกจะกินหัวกบาล”
ป้าม้วนรีบเข้าข้างแต้ว
“ถ้านรกจะกินหัว ก็หัวนังแต้วมัน เอ็งไปยุ่งอะไรด้วยวะนังบัวเผื่อน”
“นังม้วน เงียบไปเลยนะ ถ้าไม่อยากโดนลูกหลงก็หุบปากซะ”
ป้าม้วนหุบปากทันที รีบถอยฉากออกไป บัวเผื่อนชี้ขู่แต้วอีก
“หรือเอ็งจะลองนังแต้ว”
แต้วส่ายหัวกลัว รีบฉากหลบตามป้าม้วนไป น้อยมองอย่างเอือมระอากับความคิดแย่ๆ ของแต้ว
กลางคืน เอกราชขับรถมาส่งประภาพรรณหน้าประตูรั้ว แต้วแอบมองอยู่ใกล้ๆ
“นังมิวมันคบชู้แน่ๆ”
แต้วรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เล็งไปที่ประภาพรรณเพื่อถ่ายรูปเป็นหลักฐาน เสียงโทรศัพท์ดังสนั่นขึ้นมาจนแต้วต้องหลบที่พุ่มไม้กลัวประภาพรรณได้ยินเสียง รีบเอามือบังๆ ปิดๆ มือถือไว้ไม่ให้เสียงดัง พอดูเบอร์โทรก็โมโห
“ป้าม้วน จะโทรมาทำไมตอนนี้วะ”
แต้วกดรับสาย
“มีอะไรเดี๋ยวค่อยคุยกันนะป้า ฉันยุ่งอยู่”
แต้วกดสายทิ้ง ประภาพรรณเดินเข้ามาในบ้าน ผ่านหน้าแต้วไป แต้วโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ เล็งมือถือไปทางประตูบ้าน แต่ไม่เห็นประภาพรรณแล้ว
“ไปไหนแล้ววะ”
แต้วเซ็งที่ไม่ได้ถ่ายรูปประภาพรรณกับผู้ชายไว้เป็นหลักฐาน พาลโกรธป้าม้วน
“ป้าม้วนนะ ป้าม้วน มาขัดขวางหน่วยราชการลับอยู่ได้”
แต้วหงุดหงิด เดินหน้ามุ่ยกลับเข้ามาในห้องครัว ป้าบัวเผื่อน ป้าม้วน น้อย น้ำนั่งพักผ่อนกันหลังจากเสร็จงาน มองแต้วขำๆ
“อะไรของแกนักหนาวะนังแต้ว หน้าบูดอยู่ได้ทั้งวัน”
แต้วค้อนน้อย แล้วหันไปคุยกับป้าม้วน ป้าบัวเผื่อน
“ฉันจะเอาตัวคนผิด คนมีชู้ สวมเขาให้คุณกร มาลงโทษให้ได้ คอยดูซิ”
น้อย ป้าบัวเผื่อนหัวเราะเยาะในความสาระแนของแต้ว
“เอ็งหมายถึงใครวะนังแต้ว คุณมิวเหรอ”
“ก็ใช่ซิป้า”
“นังแต้วเอ๊ย ไปจับผิดคุณมิวเขามากๆ ระวังจะเข้าตัว กลายเป็นคนผิดซะเองนะเว้ย”
“เรื่องของฉัน แกไม่ต้องยุ่ง นังน้อย”
ป้าม้วนเดินมาข้างๆ แต้ว
“ข้าอยู่ข้างเอ็ง ข้าอยากให้คุณหญิงไล่มันออกจากบ้านไวๆ แล้วเอ็งจะทำยังไงวะ”
แต้วชูมือถือให้ป้าม้วนดู
“นี่ไง ฉันจะถ่ายรูปมันตอนอยู่กับกิ๊ก แล้วเอาไปให้คุณหญิงดู”
แต้วทำตาแพรวพราว คิดว่าปทุมวดีต้องพอใจ
“ถ้าคุณหญิงกับคุณกรเห็นรูปนังมิวอยู่กับชู้ ก็ต้องไล่มันออกจากบ้านแน่นอน”
แต้วยิ้มกริ่มมีความสุข
“ฉันเก่งมั้ยป้า”
“เออ เอ็งเก่ง”
น้ำหยิบมือถือตัวเองออกมา เหลือบมองที่มือถือ แอบขำแต้วที่พล่ามอยู่ได้ มองแต้วเหยียดๆ พึมพำกับตัวเอง
“ของดีอยู่ที่นี่ นังแต้ว”
ตอนเช้า ประภาพรรณแต่งตัวทะมัดทะแมง เดินมาในห้องนั่งเล่นอารมณ์ดีมาก เตรียมตัวจะออกไปทำงานเป็นสายลับอีกครั้ง เธอหยิบมือถือออกมากดเบอร์พันกร แต่ลังเลที่จะกดโทรออก คิดอะไรบางอย่างแล้วกดปิดเบอร์ไม่โทร
“ถ้าคุณกรรู้อดเป็นสายลับแน่ ขอโทษนะจ๊ะ”
ประภาพรรณเดินร่าเริงออกมาหน้าบ้าน น้อยเดินยิ้มเข้ามาทัก
“อารมณ์ดีแต่เช้าเลยนะคะคุณมิว”
ประภาพรรณยิ้ม หยิกแก้มน้อยเบาๆ
“อารมณ์ดีที่สุดในรอบ 365 วันเลยวันนะเนี่ย”
“คุณมิวจะออกไปข้างนอกเหรอคะ ไปเที่ยวไหนเอ่ย”
“ความลับ บอกไม่ได้”
ประภาพรรณยิ้มสดใสแล้วเดินออกไป น้อยขำๆ ยิ้มตามไปด้วย น้ำยืนหลบอยู่ ใช้มือถือแอบถ่ายรูปประภาพรรณตอนออกจากบ้าน
พันกรนอนเล่นอยู่บนเตียงในห้องพักที่ญี่ปุ่น ได้ยินเสียงข้อความไลน์เข้ามา หยิบโทรศัพท์มาเปิดดูเห็นเป็นภาพประภาพรรณยิ้มน่ารักสดใส เขายิ้มดีใจที่เห็นรูปภรรยา แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อข้อความเสียงที่ได้ยินกลับเป็นเสียงของน้ำ
“น้ำ”
“สวัสดีค่ะคุณกร น้ำเองค่ะ น้ำรู้ว่า คุณกรคงคิดถึงคุณมิวมากๆ เลยถ่ายรูปคุณมิวมาให้ดูเล่นๆ เผื่อคุณกรจะหายคิดถึงค่ะ วันนี้คุณมิวแต่งตัวน่ารักใช่มั้ยคะ ไม่รู้จะออกไปเที่ยวที่ไหน ดูท่าทางร่าเริง มีความสุขแบบสุดๆ คุณกรต้องรักษาสุขภาพด้วยนะคะ ไม่ต้องห่วงทางนี้นะคะ น้ำจะช่วยดูแลทุกคนเองค่ะ”
พันกรรู้สึกน้อยใจประภาพรรณขึ้นมา หน้ามุ่ยที่ภรรยาไม่คิดถึงตัวเองเลย
“รูปตัวเอง แทนที่ตัวเองจะเป็นคนส่ง”
พันกรนอนก่ายหน้าผาก มีความกังวลเจืออยู่บนสีหน้า
ประภาพรรณหยิบมือถือขึ้นมาตรวจสอบที่อยู่ ที่ได้มาจากเอกราช มองขึ้นไปที่คอนโด แล้วหันกลับไปมองบ้านของเป้าหมายที่อยู่ฝั่งตรงข้าม รู้สึกเครียดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว กดมือถือหาเอกราช
“มิวมาถึงแล้วค่ะ พี่เอก”
“มิวรีบขึ้นมาเลย เดี๋ยวมีใครเห็น”
“ค่ะ”
ประภาพรรณกดสายทิ้ง รีบเดินเข้าไปในคอนโด
ภายในห้องเซฟเฮาส์ที่จัดให้เป็นห้องทำงานอย่างง่ายๆ หมวดบัญญัตินั่งตรวจสอบข้อมูลอยู่หน้าโน้ตบุ๊คที่โต๊ะทำงาน เอกราชยืนคุยกับจ่าพนมริมหน้าต่าง กำลังใช้กล่องส่องทางไกลคอยสังเกตด้านนอก ประภาพรรณเข้ามาในห้อง ยกมือไหว้ทุกคน เอกราชกวักมือให้หญิงสาวมานั่งคุยกันที่โต๊ะทำงาน จ้องประภาพรรณอย่างเคร่งเครียด
“เป้าหมายที่เรากำลังตามตัวอยู่ เป็นพวกค้ามนุษย์ข้ามชาติ เป็นคนที่ตำรวจต้องการตัวมาก ตามจับมานาน”
เอกราชหยิบรูปเสี่ยเป้ออกมาดู
“มีคนไทยคอยบงการ ร่วมมือกับต่างชาติ ทำกันเป็นขบวนการใหญ่ ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ”
เอกราชยื่นรูปเสี่ยเป้ให้ประภาพรรณ
“มันชื่อเสี่ยเป้ ชื่อจริง ปุริม มหาศาลสมบัติ”
ประภาพรรณมองภาพถ่ายของเสี่ยเป้อย่างพินิจพิเคราะห์ เอกราชเดินนำหญิงสาวมาที่หน้าต่าง ประภาพรรณถือรูปถ่ายเสี่ยเป้เดินตามเอกราชไปด้วยความกระตือรือร้น
สะใภ้รสแซ่บ ตอนที่ 15 (ต่อ)
ประภาพรรณเดินไปที่หน้าต่างเซฟเฮาส์
จ่าพนมยื่นกล้องส่องทางไกลให้ หญิงสาวเริ่มมองสำรวจบ้านของเป้าหมาย บริเวณนอกบ้านของเสี่ยเป้ ลูกน้องเสี่ยเป้ยืนคุมอยู่นอกบ้าน ประภาพรรณเห็นเสี่ยเป้ เลยหยิบรูปถ่ายเสี่ยเป้มาดูให้แน่ใจ พยักหน้ากับเอกราช
“เจอแล้ว”
“ดูต่อไปเรื่อยๆ”
ประภาพรรณดูเสี่ยเป้ต่อตามที่เอกราชบอก เห็นบุหงาเดินเข้ามากอดนัวเนียกับเสี่ยเป้ด้วยความสนิทสนม ราวกับเป็นคู่รัก เธอตกใจมาก ตะโกนดังลั่น
“คุณแพน”
เอกราชปิดปากประภาพรรณไม่ให้เสียงดัง หญิงสาวหันมามองเอกราชเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เสี่ยเป้นั่งที่โซฟาอย่างอารมณ์ดี มีบุหงาคลอเคลีย นัวเนียอยู่ข้างๆ
“เสี่ยเป้ขา”
บุหงาส่งสายตาหวานเยิ้มให้เสี่ยเป้
“อะไรเหรอจ๊ะหนูแพน”
เสี่ยเป้ก็ส่งสายตากรุ้มกริ่ม โลมเลียบุหงาไปทั้งตัวเช่นกัน
“อ้อนเสี่ยแบบนี้ ต้องมีแผนแน่ๆ เลย”
“แหม เสี่ยเนี่ย รู้ทันแพนอยู่เรื่อยเลยนะ”
บุหงาเบียดตัวเข้าไปใกล้ชิดกับเสี่ยเป้
“อีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดแม่ดวงแก้วแล้วนะคะ แพนยังไม่มีของขวัญให้คุณแม่ที่แสนดีของแพนเลย”
เสี่ยเป้หลิ่วตาอย่างรู้ทัน
“แล้วหนูแพนอยากให้เสี่ยทำยังไง จัดงานวันเกิดให้คุณดวงแก้วดีมั้ยจ๊ะ”
“แพนไม่รบกวนเสี่ยขนาดนั้นหรอกค่ะ ขอแค่เราไปช็อปปิ้งของขวัญวันเกิดให้คุณแม่ก็พอแล้วค่ะ”
เสี่ยเป้หัวเราะ มองทรวดทรงยั่วยวนของบุหงา
“ได้ซิจ๊ะ ไม่มีปัญหา มากกว่านี้เสี่ยก็ให้หนูแพนได้”
บุหงาหอมแก้ม แล้วไหว้สวยๆ ที่หน้าอกเสี่ยเป้
“ขอบคุณค่ะ เสี่ยน่ารักที่สุดเลย”
“แต่ หนูแพนต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนให้เสี่ยกระชุ่มกระชวยซาบซ่า นิดๆ หน่อยๆ ได้มั้ยจ๊ะ”
เสี่ยเป้มองบุหงา เลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหาย บุหงาหลิ่วตาให้อย่างรู้ใจ
“ได้ค่ะ จัดให้”
บุหงาลุกมายืนตรงหน้าเสี่ย ค่อยๆ เปลื้องเสื้อคลุมออกอย่างจงใจจะยั่วยวน เสี่ยเป้ตาฉ่ำเยิ้ม
เอกราชถามประภาพรรณด้วยความสงสัย
“มิวรู้จักผู้หญิงที่อยู่กับเสี่ยเป้ด้วยเหรอ”
“รู้ค่ะ รู้จักดีเลยด้วย”
เอกราชแปลกใจ
“ก็คนนี้แหละค่ะ ที่คุณแม่สามีเป็นปลื้มว่าดีอย่างโน้นอย่างนี้ ให้เข้ามาอยู่ในบ้าน แล้วก็ทำทุกอย่างที่จะแย่งคุณกรจากมิว”
“ถามจริง ผิดคนล่ะมั้ง คนนี้เขาเป็นหางเครื่องนะ”
“หางเครื่อง อะไรกันพี่เอก คุณแพนเขาออกจะหรูหราไฮโซ จะไปเป็นหางเครื่องได้ยังไง”
“นึกออกแล้ว”
เอกราชหยิบโทรศัพท์มือถือมาไล่เช็คคลิป แล้วยื่นให้ประภาพรรณดู
“นี่ไง คลิปที่พี่ถ่ายไว้เล่นๆ ตอนไปผับ มิวดูสิว่าคนเดียวกันรึเปล่า”
หน้าจอมือถือของเอกราช เป็นภาพบุหงาเต้นอยู่ในผับ แบบไม่หวงเนื้อหวงตัว เอกราชถ่ายไว้เมื่อครั้งที่เขาไปนัดเจอสายลับร่วมทีมที่ผับนั้น ประภาพรรณมั่นใจมากเมื่อดูคลิปจบ
“เป๊ะเลยพี่เอก คุณแพนล้านเปอร์เซ็นต์ หนอย กล้ามาก ที่มาหลอกทุกคนว่าเป็นไฮโซเป็นเจ้าทางเหนือ”
“มิวรู้อะไรอีก เล่าให้พี่ฟังให้หมด เดี๋ยวพี่เลี้ยงกาแฟเอง ไป”
ประภาพรรณตั้งท่าจะเล่าเรื่องทุกอย่างของบุหงาให้เอกราชฟัง ทั้งสองจึงพากันไปที่ร้านกาแฟใกล้เซฟเฮาส์
“ถ้าไม่เห็นกับตา มิวคงไม่เชื่อแน่ๆ ว่าคุณแพนจะเป็นเด็กของเสี่ยเป้”
เอกราชขำๆ
“คนสมัยนี้ก็แบบนี้แหละ รู้หน้าไม่รู้ใจ”
เอกราชขยับตัวเข้ามาใกล้ประภาพรรณ
“แล้วแพน ก็ไม่ได้เป็นแค่เด็กเสี่ยเป้ด้วยนะ แพนทำงานให้เสี่ยเป้กับทอมที่เป็นแก๊งมาเฟียข้ามชาติ เรากำลังหาหลักฐานมัดตัวพวกมันเรื่องที่มันเปิดโมเดลลิ่งบังหน้า แล้วหลอกผู้หญิงไปขายบริการเมืองนอก”
ประภาพรรณโมโห โกรธที่หลอกปทุมวดีแล้วยังทำงานชั่วๆ อีก
“อื้ม อีคุณแพน แกนี่มันเลวได้ใจจริงๆ”
“ยังมีอีกนะ”
ประภาพรรณตกใจ
“ยังไม่หมดอีกเหรอพี่เอก”
“แพนเป็นสิบแปดมงกุฎ”
ประภาพรรณหน้าเครียดขึ้นมาที่ได้ยินคำว่า สิบแปดมงกุฎ
ตอนเช้า เดชยืนรอขับรถให้ปทุมวดี ปทุมวดีแต่งตัวสวย เตรียมตัวจะออกไปข้างนอก น้ำเตรียมรองเท้าคู่สวยมาให้
“ขอบใจนะ”
“ยินดีค่ะ คุณหญิง”
น้ำแกล้งทำเป็นมองเดช มองปทุมวดี มองไปรอบๆ บ้านแล้วถอนหายใจหนักๆ ปทุมวดีแปลกใจ มองหน้าน้ำ
“เป็นอะไร ถอนหายใจซะใหญ่โต”
“คุณหญิงก็ไม่อยู่บ้าน คุณผู้ชาย คุณกรก็ยังไม่กลับจากญี่ปุ่น บ้านมันเลยเหงาๆ พี่มิวก็”
ปทุมวดีจ้องหน้าน้ำ น้ำทำเป็นไม่อยากพูด
“นังมิวมันทำไมอีก”
“เดี๋ยวอีกสักพัก พี่มิวคงออกจากบ้านตามคุณหญิงไปติดๆ ล่ะค่ะ ออกไปทุกวันเลย”
“มันออกไปไหน”
น้ำทำเป็นกลัวจะถูกปทุมวดีดุ แต่ก็รีบใส่ร้ายประภาพรรณต่อ
“น้ำถามพี่มิวเท่าไหร่ แกก็ไม่ยอมบอกค่ะว่าออกไปไหน น้ำก็เลยกลัวว่า”
ปทุมวดีเริ่มรำคาญน้ำ
“รีบๆ พูดมา แกกลัวว่าอะไร”
“น้ำกลัวว่าพี่มิวจะออกไปทำเรื่องไม่ดีข้างนอก จนเสียมาถึงคุณหญิงค่ะ”
“ก็จริง นังมิวมันชอบทำให้ฉันขายหน้าอยู่แล้ว งั้น เอาอย่างนี้ แกตามออกดูไปมัน ว่าวันๆ มันไปไหนบ้าง ไปอยู่กับใคร”
ปทุมวดีเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบเงินให้น้ำ
“นี่ค่ารถได้เรื่องยังไงก็รีบมาบอกชฉัน”
น้ำยกมือไหว้ปทุมวดี แล้วรีบรับเงินมา
“ค่ะคุณหญิง”
ปทุมวดีเดินไปขึ้นรถ น้ำยิ้มร้ายมองแบงค์พันในมืออย่างสะใจ
ประภาพรรณสะพายกระเป๋าเตรียมตัวออกนอกบ้าน น้ำเดินยิ้มหวานมาหา
“พี่มิวจะไปไหนเหรอคะ”
“ไปธุระนิดหน่อย”
น้ำเข้าไปหา ทำท่าอ้อนให้ประภาพรรณสงสาร
“น้ำไปด้วยได้มั้ยคะ น้ำเบื่ออยู่บ้าน ไม่มีคนคุยด้วยเลย พี่น้อย พี่แต้วก็งานยุ่ง นะคะพี่มิว เผื่อน้ำจะช่วยทำนู่นทำนี่ให้พี่มิวได้”
“อย่าไปเลย พี่ออกไปธุระไม่ได้ไปเที่ยว น้ำอยู่ดูแลบ้านนี่แหละดีแล้ว พี่ไปละนะ”
ประภาพรรณโบกมือให้ แล้วชิ่งเดินออกไปอย่างรวดเร็ว น้ำสงสัย มั่นใจว่าประภาพรรณต้องมีอะไรปิดบังอยู่แน่ๆ
เอกราชตรวจสอบเอกสารบางอย่าง หมวดบัญญัติ จ่าพนมนั่งตามงานด้านอื่นๆ ประภาพรรณส่องกล้องมองไปที่บ้านเสี่ยเป้ เริ่มเบื่อ เพราะไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นเลย
“เฮ้อ ไม่เห็นมีอะไรหนุกๆ เลย เดินไปเดินมา คุยโทรศัพท์ เดินไปเดินมาทั้งวัน พวกมันไม่เบื่อกันบ้างรึไงนะ”
เอกราชมองประภาพรรณขำๆ
“แล้วมิวจะให้พวกมันทำอะไร ออกไปปล้น ไล่ยิงชาวบ้านเหมือนในละครรึไง”
ประภาพรรณหัวเราะแหะๆ ขำที่เอกราชพูด
“ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็น่าจะมีอะไรเด็ดๆ กว่านี้ จริงมั้ยพี่”
ประภาพรรณหันไปพยักเพยิดกับหมวดบัญญัติ จ่าพนมที่ได้แต่นั่งอมยิ้ม ไม่พูดอะไร เอกราชเดินมาใกล้ๆ หญิงสาว
“ใครทนได้ชนะ ขยับตัวก่อนก็แพ้ไง”
เอกราชเดินไปดูที่หน้าต่าง
“มิวต้องใจเย็นๆ งานนี้ไม่หมู ไม่งั้นเราคงจับพวกมันเข้าคุกไปตั้งนานแล้ว ครั้งนี้เราต้องอดทนมากกว่าครั้งก่อนๆ เพราะเราไม่อยากพลาดอีก”
ประภาพรรณพยักหน้ารับทราบที่เอกราชเตือน
“พวกมันระวังตัวมาก เราต้องรอให้พวกมันตายใจว่าไม่มีใครตามดูพวกมันอยู่”
“ค่ะพี่เอก มิวจะไม่ร้อน จะใจเย็นเป็นน้ำแข็งเลย บรื๋อ”
ประภาพรรณทำท่าหนาวสั่น จนเอกราชขำ
“นั่นก็เกินไป ต้องรู้เขารู้เรา ถึงจะชนะพวกมันได้ เข้าใจมั้ย”
ประภาพรรณทำท่าล้อเลียนเอกราช แกล้งตะเบ๊ะแบบตำรวจ
“รับทราบครับ”
เอกราชขำกับความทะเล้นของหญิงสาว
เอกราชกับประภาพรรณพากันมากินอาหารกลางวันที่ร้านใกล้ๆ เซฟเฮาส์
“พี่ลืมบอกมิวไป ไอ้เสี่ยเป้มันเปิดบ่อนด้วยนะ บ่อนหรูหราใหญ่โต พวกนักพนันเรียกว่า บ่อนห้าชั้น”
ประภาพรรณเหมือนคุ้นๆ ชื่อของบ่อนแต่ก็ไม่พูดอะไร
“คนเล่นก็เป็นพวกเศรษฐี กับพวกคุณหญิงคุณนายไฮโซที่เราเคยเห็นกันในทีวีแหละ ตำรวจเคยเข้าไปจับ แต่ก็เหลวจับใครไม่ได้เลย เหมือนทุกคนหายตัวได้”
“หายตัวได้”
“ใช่ ก่อนเข้าไปจับ สายก็รายงานว่าพวกนักพนันเข้าไปในบ่อนกันหมดแล้ว แต่พอเข้าไปจับก็ไม่เจอใคร ไม่เจออุปกรณ์ ไม่เจอหลักฐานอะไร ไม่เจอนักพนันสักคน เป็นห้องเปล่าๆ”
“ทำไมล่ะ”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกเราถึงต้องมานั่งตามดูเสี่ยเป้อยู่นี่ไง”
“พี่ว่า บ่อนเสี่ยเป้ชื่ออะไรนะ”
“บ่อนห้าชั้น ทำไมเหรอ”
“ชื่อมันคุ้นๆ เหมือนได้ยินที่ไหน”
ประภาพรรณกับเอกราชเดินกลับมาที่เซฟเฮาส์ หญิงสาวนิ่งๆ แต่แล้วจู่ๆ ก็กระโดดมาขวางหน้าเอกราชอย่างตื่นเต้น
“นึกออกแล้ว”
“เฮ้ย ตกใจหมด มิวนึกอะไรออก”
“ก็บ่อนห้าชั้นไง มิวนึกออกแล้วว่าเคยได้ยินที่ไหน”
“ที่ไหน แล้ว รู้จักบ่อนนี้ได้ยังไง”
“อย่างนี้นะพี่ มิวคิดว่าน่าจะเป็นบ่อนเดียวกันที่คุณแม่สามี กับพวกแก๊งคุณหญิงเข้าไปเล่นแน่ๆ มิวเคยได้ยินพวกคุณหญิงเขาคุยกัน”
“แน่ใจเหรอว่าบ่อนเดียวกัน”
ประภาพรรณพยายามตัดสินใจ ชั่งน้ำหนักความคิดของตัวเอง
“คิดว่าใช่ มิวจำมาไม่ผิดแน่”
“แต่พี่ยังสงสัย”
“พี่เอกสงสัยอะไร”
“ก็สงสัยว่า อย่างคุณหญิงปทุมวดี มีสามีเป็นถึงรัฐมนตรี มีลูกชายเป็นตำรวจ รวยก็รวย มีเงินเยอะแยะ ใช้ชาตินี้จะหมดรึเปล่าก็ไม่รู้ จะไปเข้าบ่อนให้เปลืองตัวทำไม”
“เอ่อ คุณแม่สามีเขาก็คงเล่นขำๆ อ่ะ”
ประภาพรรณพยายามหาข้อแก้ตัวให้ปทุมวดี
“อ๋อ รู้แล้ว ได้ยินว่าแม่สามีเล่นเสร็จแล้วก็เอาเงินไปบริจาคหมด ไม่เก็บไว้เลยนะพี่เอก เออ แกชอบทำบุญ”
เอกราชมองประภาพรรณ ไม่ค่อยจะเชื่อสิ่งที่หญิงสาวพูด
“นี่พูดแก้ตัวแทนคุณหญิงรึเปล่าเนี่ย ฟังดู แปลกๆ”
“แก้ตงแก้ตัวอะไร รีบไปเถอะพี่ ต้องรีบไปดูเสี่ยเป้ต่อ เร็วๆ”
ประภาพรรณเดินนำลิ่วไปเลย เอกราชขำที่หญิงสาวแก้ตัวแทนปทุมวดีได้ไม่แนบเนียนเลย
ตอนเย็นประภาพรรณเดินกลับเข้ามาในบ้านพันกร มองไปรอบๆ บ้าน ไม่เจอใครเลย เธอรู้สึกเหงาขึ้นมาจับใจ เดินเซื่องๆ จะขึ้นไปบนห้องนอน น้ำโผล่เข้ามาทักทันที
“พี่มิวกลับมาแล้วเหรอคะ”
ประภาพรรณหันไปมองฝืนยิ้มให้น้ำ
“อือ น้ำมีอะไรรึเปล่า”
“พรุ่งนี้พี่มิวจะออกไปข้างนอกไหมคะ”
ประภาพรรณพยักหน้า
“น้ำอยากจะกลับไปเอาของที่บ้านเก่าของลุงเสริม พี่มิวไปเป็นเพื่อนแป๊บนึงได้มั้ยคะ น้ำไม่กล้าไปคนเดียว นะคะพี่มิว”
ประภาพรรณพูดไม่ออกได้แต่ยิ้มๆ
“อืม พี่ก็มีธุระซะด้วยสิ”
น้ำยังจ้องหน้าประภาพรรณอย่างกดดัน เพื่อรอคำตอบ ประภาพรรณยิ้ม ตบไหล่น้ำเบาๆ
“ได้สิ”
“ขอบคุณค่ะ”
ประภาพรรณเดินไป น้ำแสยะยิ้ม
กลางคืน ประภาพรรณนอนอยู่บนเตียง ครุ่นคิดถึงพันกร
“ไม่รู้คุณกรเป็นไงมั่ง หายเครียดรึยังน้อ”
ประภาพรรณพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง หยิบหมอนของพันกรขึ้นมาคุยด้วย
“แต่ไม่เป็นไร นานแค่ไหนมิวก็จะรอ มิวอยากให้เราเป็นเหมือนเดิมเร็วๆ”
ประภาพรรณจ้องมองหมอน เสมือนมองสามีอยู่ แล้วหอมที่หมอนของพันกรด้วยความคิดถึง
“จุ๊บๆ หลับฝันดีนะคะ”
ประภาพรรณวางหมอนของพันกรลงข้างๆ ตัว กอดอย่างทะนุถนอม
กลางคืน พันกรนั่งจิบเครื่องดื่ม ฟังเพลงเบาๆ อยู่ที่ล็อบบี้เลาจน์ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองคิดถึงประภาพรรณ กดดูไลน์ของหญิงสาวแต่ไม่มีข้อความใหม่เข้ามา พันกรถอนหายใจ
“ว่างเปล่าเหมือนเดิม”
พันกรยกมือถือไล่สติ๊กเกอร์น่ารักๆ ทำท่าจะส่งแต่แล้วก็เปลี่ยนใจไม่ส่ง ปิดมือถืออย่างหงุดหงิด เขากลับมาที่ห้องพัก อ่านหนังสืออยู่ในห้องแล้วปิดหนังสืออย่างเบื่อๆ ในที่สุดก็หยิบโทรศัพท์โทรหาประภาพรรณ ประภาพรรณผุดลุกขึ้นจากเตียง หัวหูยุ่ง เพราะนอนไม่หลับ คว้ามือถือโทรหาพันกรเช่นกัน
“โอ๊ย ไม่ไหวแล้วขอได้ยินเสียงคุณกรสักหน่อยเหอะ เผื่อจะนอนหลับ”
พันกรรอสัญญาณ แต่โทรไม่ติด กดมือถือทิ้งแล้วมองนาฬิกา
“เมืองไทยสี่ทุ่ม มิวคุยกับใครเนี่ย”
ประภาพรรณกดมือถือ แล้วโยนไว้บนเตียงอย่างเซ็งๆ
“โทรคุยกับคนอื่นได้นะ ทีกับมิว ไม่โทรมาเลย”
ทั้งสองนอนก่ายหน้าผาก พันกรไม่ยอมแพ้กดมือถืออีกรอบ ประภาพรรณก็กดมือถืออีกรอบ พันกรกดวางสายอย่างหงุดหงิด ประภาพรรณก็กดวางสายอย่างหงุดหงิดเช่นกัน
ตอนเช้า ประภาพรรณเรียกรถแท็กซี่มารอรับที่หน้าบ้าน น้ำยิ้มร่าเริง วิ่งตามมาหาแล้วแทรกตัวตัดหน้าประภาพรรณเข้าไปนั่งข้างในรถทันที เพราะกลัวประภาพรรณจะเปลี่ยนใจ
“พร้อมแล้วค่ะ พี่มิว”
ประภาพรรณยืนอึ้งๆ อยู่ น้ำชะโงกหน้าถามอย่างอารมณ์ดี
“ขึ้นรถสิคะพี่มิว”
ประภาพรรณเข้าไปนั่งบนรถ
“ไปธุระของพี่มิวก่อนก็ได้นะคะ แล้วค่อยไปบ้านลุงเสริม”
“อือ ไม่เป็นไร ไปบ้านลุงเสริมก่อนก็ได้ แล้วพี่ค่อยไปทำธุระ”
สองสาวขึ้นรถแท็กซี่แล่นออกไป ประภาพรรณมองออกไปนอกรถ คิดว่าจะทำอย่างไรดีที่จะหนีจากน้ำได้ น้ำแอบยิ้มสะใจที่ตามประภาพรรณมาได้
แท็กซี่มาจอดที่หน้าบ้านเก่าบุญเสริม ประภาพรรณกับน้ำลงจากรถ แล้วหันไปบอกคนขับ
“พี่รอแป๊บนึงนะ”
คนขับพยักหน้ารับทราบ ประภาพรรณมองไปรอบๆ ดูปลอดภัยเพราะไม่มีใครอยู่แถวๆ นั้นเลย
“ปลอดภัย ไม่มีอะไรหรอก น้ำเข้าไปเอาของสิ พี่รอข้างนอกนี่แหละ เดี๋ยวจะโทรศัพท์หาเพื่อนหน่อย น้ำตามสบายนะ”
ประภาพรรณยิ้มๆ หยิบมือถือออกมาทำท่าจะโทร น้ำแอบมองอย่างระแวงแต่ก็ไม่ให้ประภาพรรณสังเกตเห็น
“พี่มิวไม่เข้าไปกับน้ำเหรอค่ะ”
ประภาพรรณโบกมือปฎิเสธ น้ำต้องแกล้งทำเป็นเปิดประตูเพื่อเข้าไปเอาของในบ้านเหมือนที่บอกไว้ ประภาพรรณเห็นน้ำหายไปในบ้าน ก็คิดหาทางจะชิ่งหนี เธอมองไปรอบๆ แกล้งหยิบมือถือมากดเบอร์มั่วๆ แล้วคุยคนเดียวให้แท็กซี่ได้ยิน
“ฮัลโหล เพื่อนๆ มากันครบยัง รอฉันคนเดียวเหรอ”
ประภาพรรณแอบมองคนขับแท็กซี่ แล้วมองไปที่บ้านของน้ำ
“หา ถ้าไม่เจอหน้าฉันภายในสิบนาทีจะเลิกคบเลยเหรอ เออๆ จะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
ประภาพรรณแกล้งทำเป็นรีบร้อนมาก เดินไปหาแท็กซี่ควักเงินให้
“เดี๋ยวพี่กลับไปส่งน้องที่มากับฉันที่เดิมที่มาเมื่อกี้นะ หรือเขาจะไปไหนก็พาไปส่งละกัน”
ประภาพรรณมองหน้าคนขับแท็กซี่แบบขู่ๆ
“อย่าตุกติกนะ ฉันจดทะเบียนรถไว้แล้ว”
คนขับรถมองประภาพรรณแล้วโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน
“ผมคนดีครับ”
“ดีมาก ฝากด้วยนะพี่”
“ครับ”
ประภาพรรณรีบเดินออกมาจากบ้านเก่าของน้ำ น้ำเดินออกมาเห็นประภาพรรณเดินห่างออกไป ก็ตะโกนเรียก
“พี่มิว ไปไหนคะ น้ำไปด้วย”
ประภาพรรณแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินรีบก้มหน้าก้มตาสับขาเดินอย่างเร็ว คนขับแท็กซี่หันมาคุยกับน้ำ
“แกต้องรีบไปหาเพื่อน ฝากเงินค่ารถไว้แล้วครับ ให้ผมพาคุณกลับไปส่งที่เดิม หรือจะไปที่อื่นก็ได้ ไปไหนดีครับ”
น้ำแค้น
“โอ๊ย แผนสูงจริงนะนังมิว ชิ่งไปจนได้”
บุหงาได้ยินเสียงเคาะประตู เดินมาดูที่ตาแมวของประตู เห็นน้ำยืนอยู่ข้างนอก รีบเปิดประตูให้ ดึงน้ำให้เข้ามาในห้อง แล้วชะโงกไปหน้าห้อง มองซ้าย มองขวารีบปิดประตู
“ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ น้ำมาคนเดียว”
“มีอะไร”
น้ำยิ้มให้บุหงาอย่างใจเย็น
“น้ำมาเล่าความคืบหน้าเรื่องพี่มิว”
บุหงากระตือรือร้นขึ้นมาทันที
“นังมิว นังมิวมันทำไม”
น้ำท่าทางผ่อนคลายไม่รีบร้อน รู้สึกว่าตัวเองเป็นต่อที่ทำให้บุหงาอยากรู้
“ก็พี่มิวกำลังจะเป็นหมาหัวเน่าแล้วค่ะ”
“เหรอ ก็ดีสิ นังมิวมันจะได้ถูกเฉดหัวออกจากบ้านเร็วๆ”
“ก็คงอย่างนั้นค่ะ”
น้ำมีความสุขที่ได้พูดถึงประภาพรรณในทางแย่ๆ
“ตอนนี้น้ำทำให้คนในบ้าน โดยเฉพาะคุณหญิงเริ่มระแวงว่าพี่มิวกำลังมีชู้”
“ดีมาก”
“แล้วถ้าถึงเวลา น้ำจะเป็นคนแฉให้ทุกคนได้เห็นความชั่วร้ายของพี่มิวเอง แต่ว่า”
“แต่ว่าอะไรของแก”
“คุณแพนต้องช่วยน้ำ”
บุหงาสงสัยว่าน้ำจะให้ช่วยอะไร แต่ก็พยักหน้ารับไปก่อน
“คุณแพนต้องช่วยเป่าหูคุณหญิงเรื่องพี่มิวด้วยอีกทาง ให้คุณหญิงโกรธพี่มิวมากๆ ทุกอย่างมันจะได้เร็วขึ้น”
“ไม่มีปัญหา เรื่องถนัดอยู่แล้ว แกก็ต้องทำงานของแกต่อไป อย่าให้ใครจับได้”
“ค่ะ”
บุหงายิ้มร้าย เริ่มจินตนาการตามแผนการที่น้ำพูด ลุกยืนเชิดไหล่ หน้าตรง คอตั้งเป็นคุณนาย
“ถ้าเป็นอย่างที่แกพูด อีกไม่นาน ฉันก็จะได้เป็นสะใภ้ของบ้านนรินทร์จรรยา แล้วพอถึงตอนนั้น ฉันจะเลื่อนตำแหน่งให้แกมาเป็นคนสนิทคอยรับใช้ฉัน”
บุหงาหัวเราะชอบใจ น้ำแอบแบะปากหมั่นไส้บุหงา
จบตอนที่ 15