ตี๋ใหญ่ ดับ ดาว โจร ตอนที่ 5
อัศวินนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะตอบไซเรน
“อย่าเลยไซเรน อีกอย่างคงไม่มีอะไรหรอก จักรแค่ไปดูเผื่อไว้น่ะ”
“ผมคิดว่าผมพอจะจำท่าทางมันได้ เผื่อผมจะช่วยพี่จักรดูได้”
“ไซเรน ตอนนี้เธอเป็นแค่นักเรียนนายร้อยตำรวจ อาคงให้เธอไปด้วยไม่ได้จริงๆ”
“ตั้งแต่ทุกคนโดนมันฆ่าตาย ไม่มีสักวันที่ผมจะนอนหลับสนิท โดยที่ผมไม่คิดถึงมัน มันคงสนุกที่ได้มางานศพของคนที่มันฆ่า ผมขอเถอะครับอา”
อัศวินมองไซเรนสงสาร
“ก็ได้ๆ ไปเปลี่ยนชุด ล้างหน้าล้างตาก่อน เดี๋ยวกินข้าวแล้วค่อยไป”
บัญชา น้ำผึ้ง เดินข้ามถนนผ่านร้านพระ บัญชาลอบสังเกตภายในร้าน แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าร้านกาแฟไป นึกถึงคำพูดของจ่าแดง
“ไอ้พวกสายเก่าๆ มันบอกว่าให้ลองไปดูแหล่งฟอกเงินแถวเสาชิงช้า มันบอกว่าไอ้พวกนี้สายแข็ง ของร้อนแค่ไหนมันก็รับครับ”
จ่าแดงเดินเข้ามาในร้าน พร้อมกับถุงเกาลัด
“ร้อนๆ เลยครับหัวหน้า”
“หลายชั่วโมงแล้วนะจ่าแดง มันใช่ปะเนี่ย ผิดที่รึเปล่า สายของจ่าแต่ละคน จ่าไปเช็คอีกทีเหอะ”
บัญชามองไปที่ร้านพระอย่างมีสมาธิ แต่ก็อมยิ้มในสิ่งที่น้ำผึ้งพูด
“ตอนผมหนุ่มๆ หนูยังไม่เกิดเลยมั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งเคยเฝ้ากันเจ็ดวันเจ็ดคืน ทุกคนบ่นกันระงมเลย น้ำท่าแทบไม่ได้อาบ เพราะถ้าเราออกจากจุดที่ซุ่มเดี๋ยวคนร้ายก็เตลิดพอดี”
น้ำผึ้งมองจ่าเซ็งๆ
“ของจะกินก็ต้องแอบเอามาส่งกัน ตอนนั้นเราเฝ้าอยู่ตึกแถวฝั่งตรงข้ามอย่างนี้แหละ ในคืนที่แปดทุกคนเริ่มโวยวายจะกลับแล้ว แต่มีร้อยเอกหนุ่มที่เป็นหัวหน้าอยู่คนหนึ่ง ลูกน้องก็แก่ๆ กันแล้วก็ไม่ค่อยมีใครฟังเด็กใหม่อย่างแก จะกลับท่าเดียว หลายคนหัวเราะแก กระแนะกระแหนบ้าง เขาทำไงรู้มั้ย”
“จะรู้ได้ไงก็จ่าบอกว่าหนูยังไม่เกิดนี่ แต่หนูว่าเราไปเหอะเสียเวลา ไม่ใช่ที่นี่หรอก”
บัญชาช่วยพูดต่อจากจ่าแดง
“เขาก็ไปยืนขวางสายสืบทั้งโขยง ขอร้องให้เฝ้าต่ออีกวัน ซึ่งไม่มีใครฟังเขาเลย แต่โชคดีที่มีจ่าใจดีคนหนึ่งช่วยพูด ทุกคนถึงยอมอยู่ต่อ”
“เช้าวันรุ่งขึ้น การรอก็เป็นผล เราจับแหล่งพักยาที่ใหญ่ที่สุดในยุคนั้นเลย นำโดยนายตำรวจที่อายุน้อยที่สุดในขณะนั้น”
“ใครอ่ะจ่า”
จ่าแดงพยักเยิดไปทางบัญชา น้ำผึ้งมองงงๆ ว่าที่แท้เป็นนายตัวเอง บัญชายังมองไปที่ร้านพระ ยิ้มๆ
“ถ้าไม่ได้จ่าก็คงไม่มีใครฟังผมหรอก ไม่เสียเวลาหรอกน้ำผึ้ง อยากน้อยเราก็รู้ว่าคนไทยยังชอบทำบุญกันอยู่”
บัญชามองคนที่มาจะเช่าพระ
ภายในร้านพระ ลูกน้องของเจ้าของร้านที่ขนเงินจากตี๋ใหญ่กลับมาก่อน เอาเงินมาให้เจ้าของร้าน เจ้าของร้านหยิบเงินมาดูฟ่อนหนึ่ง
“เท่าไหร่”
“ล้านห้านิดๆ ครับ”
“โชคดีว่ะยังใช้ไปไม่เท่าไหร่”
“มียาด้วยเฮีย”
เจ้าของร้านมองอีกถุง ล้วงดู
“เอ้า เออโชคดีจริง สงสัยพระท่านจะช่วย แล้วไอ้เจี้ยบ กับไอ้เบญล่ะ”
“ก็ตามที่เฮียสั่งเลยครับ ผมให้มันรอเก็บไอ้พวกนั้นไปเลย จะได้ดูเหมือนมันถูกปล้นไปอีกที ไอ้จักรมันได้ตามไม่ถึงเรา”
“เฮียเอาเศษเงินให้มันไปแล้ว ยังไงมันนึกไม่ถึงแน่ว่าจะเป็นเรา โทรไปบอกไอ้สองคนนั้นวันนี้ไม่ต้องมาร้าน เฮียให้พักสักสองสามวัน”
ตี๋ใหญ่ เชน และพาสเวิร์ด เพิ่งกลับเข้ามาในบ้านเชน เชนมองไปรอบๆ ก่อนจะรูดประตูปิด ทั้งสามดื่มน้ำอย่างกระหาย นั่งลงเหนื่อยๆ
“เอาไงต่อพี่”
ตี๋ใหญ่นิ่งคิด ในความเงียบ ได้ยินเสียงท้องพาสเวิร์ดร้อง
“หิวแล้ว”
ตี๋ใหญ่สังเกตเห็นคราบเลือดเล็กๆ ที่หน้าพาสเวิร์ด
“ไปอาบน้ำก่อนไป”
“กินก่อน”
“แป๊บนึง ยังไม่มีไรกิน”
เชนมองหน้าตี๋ใหญ่ จากนั้น ตี๋ใหญ่ต้มบางอย่างควันฉุย สีหน้าเรียบเฉยซ่อนความกังวลไว้ เขาเอาช้อนตักมาชิม เชนช่วยเอาถ้วยมา ตี๋ใหญ่ตักให้ ทั้งสามกินด้วยกันอย่างเงียบๆ
“ใกล้เคียงฝีมือแม่เลยครับ”
ตี๋ใหญ่สะอึก จากนั้น เขาเอารูปแม่พาสเวิร์ดดึงออกจากกรอบรูปขึ้นบนที่ไหว้เจ้า ยกมือไหว้ ใบหน้าเศร้าหม่น ตี๋ใหญ่ได้ยินเสียงแก็กๆ ของหลิน เขาหันมอง หลินเดินอยู่ในตรอก
ตี๋ใหญ่เดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เศร้าๆ อยู่ในภวังค์ เดินตามหลังหลินไป พอพ้นโค้งไปก็เจอหลินซึ่งยืนรออยู่
“เป็นงานประจำหรือเปล่าคะ สะกดรอยตามคนอื่น”
หลินยิ้มดีใจที่ได้เจอตี๋ใหญ่
“ขอโทษ ผม ไม่ได้”
“ไม่ได้ตั้งใจให้ฉันรู้ตัวใช่มั้ย”
ตี๋ใหญ่ยิ้มเศร้าๆ หลินรู้สึกได้ถึงความเศร้าจากผู้ชายคนนี้ เธอหุบยิ้มอันสดใสลงเล็กน้อย
“ฉันจะไปร้านกาแฟก่อนไปทำงาน อยากได้กาแฟสดชื่นๆ สักแก้วมั้ยคะ”
ทั้งสองนั่งคุยกันอยู่ในร้านกาแฟ
“เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ”
“เปล่า”
“แค่ไม่ได้นอน”
ตี๋ใหญ่ยิ้มน้อยๆ “นี่คุณตาบอดจริงรึเปล่า”
“เชื่อเหอะ ถ้าหลินไม่ตาบอด คุณจะไม่รู้สึกปลอดภัยแบบนี้หรอก”
ตี๋ใหญ่อึ้งไป
“กี่โมงแล้วคะ”
“ใกล้สิบโมง”
ตี๋ใหญ่รู้สึกสบายใจอย่างประหลาดเมื่ออยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้ เขาชวนคุยเพื่อยืดเวลาอยู่ด้วยกัน
“คุณจะไปทำงาน”
“ค่ะ”
“คุณทำอะไร น้ำหอมเหรอ”
“เขาเรียกว่าเอสเซนเชียลออล น้ำมันหอมสกัดจากธรรมชาติ มีสรรพคุณต่างๆ กันไป”
“ยังไง”
“ก็อย่างลาเวนเดอร์ ช่วยกำจัดแบคทีเรีย และช่วยกระตุ้นให้ร่างกายขับเชื้อโรคออกไป ทำให้สงบ และผ่อนคลาย ช่วยให้อารมณ์เกิดความสมดุล น้ำมันหอมระเหยเป๊ปเปอร์มินต์ ช่วยให้จิตใจแจ่มใส ปลอดโปร่ง ช่วยให้สดชื่นและมีชีวิตชีวา อะไรประมาณนี้ แต่เราสามารถเอามาผสมให้เกิดกลิ่นอื่นได้ นั่นแหละอาชีพฉัน”
“อืม คุณไม่ถามผมเหรอ ว่าผมทำอะไรอยู่”
หลินส่ายหน้า “ถ้าคุณอยากให้ฉันรู้ คุณก็บอกเอง ไม่เห็นต้องรอให้ฉันถาม ใช่มั้ย ไปแล้วค่ะสายแล้ว”
“ครับ”
“แต่คุณดีขึ้นแล้วนะ ไม่มีกลิ่นความกลัวแล้ว มีแต่กลิ่นสาบ น่าจะยังไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวานมั้ง”
ตี๋ใหญ่ยิ้มเขินเล็กน้อย
“คงใช่”
“ครับผม”
หลินเดินอมยิ้มออกไป ตี๋ใหญ่ดูผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
ตี๋ใหญ่ ดับ ดาว โจร ตอนที่ 5 (ต่อ)
ที่ร้านกาแฟ น้ำผึ้งวางโทรศัพท์ลง รายงานบัญชา
“ได้รายชื่อพนักงานที่เคยทำงานกับบริษัทของท่านอัศวินทั้งหมดแล้วค่ะ ว่าจะเริ่มจากพวกที่ออกจากบริษัทไปแล้วก่อน ทางท่านอัศวินจะได้ไม่รำคาญที่เราตามสืบ”
“ดีแล้ว ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าท่านรู้เรื่องรึเปล่า อาจเป็นลูกน้องท่านแอบทำก็ได้ สืบอยู่ห่างๆ ก่อน”
บัญชาเพ่งมองไปทางร้านเช่าพระ
จ่าแดงเพิ่งเข้ามา หลังจากออกไปสำรวจบริเวณร้านเช่าพระ
“หลังตึกไม่มีประตู ถ้ามันจะเข้าออกเราเห็นแน่ คนงานที่เห็นมีสามคน แต่ตึกแถวด้านบนติดกัน ถ้ามีอะไรมันอาจจะปีนข้ามไปได้ครับหัวหน้า”
บัญชาเพ่งมองไปทางร้าน เห็นลูกน้องเจ้าของร้านออกมาโทรศัพท์
“น้ำผึ้งถ่ายรูปไว้หน่อย”
น้ำผึ้งทำเป็นเดินเฉไฉไปแล้วยกมือถือขึ้นถ่าย
เชนหยิบโทรศัพท์ที่ตกอยู่ใต้เตียง ซึ่งเป็นโทรศัพท์ของลูกน้องเจ้าของร้านเช่าพระตกอยู่ เขาดูโทรศัพท์ แล้วมองหน้าตี๋ใหญ่
“ลูกน้องเฮียชาติว่ะพี่ มันเอาเงินไปหมดเลยพี่”
ตี๋ใหญ่เดินไปที่ซ่อนยา ล้วงเอายาออกมา
“แสดงว่ามันมากันสามคน คนหนึ่งเอาของไปก่อน อีกสองคนดักรอเก็บเรา”
พาสเวิร์ดเข้ามาพอดี
“พี่ตี๋ให้ผมทำไรใช้หนี้ดีคับ วันนี้วันที่หนึ่งแล้วนะ เหลืออีกหกร้อยหกสิบหกวัน”
ตี๋ใหญ่อึ้งไปที่ทำให้แม่พาสเวิร์ดตาย มองหน้าเชน
“อย่างน้อยเราน่าจะมีเงินสักก้อนให้ไอ้เด็กนี่”
ตี๋ใหญ่เดินต่อไปที่ส้วม แกะห่อยาจะเททิ้ง
“พี่ๆ เราเอาของไปขายก็ได้นี่พี่ จะทิ้งทำไม”
“ทำอย่างนั้น เราก็ไม่ต่างอะไรจากพวกมัน”
ตี๋ใหญ่มองหน้าเชน ไม่ค่อยเข้าใจนัก
“แล้วตอนนี้เราต่างกับพวกเหี้ยนั่นยังไงอ่ะพี่ ผมก็ไม่รู้อ่ะนะว่าพี่มีอะไรกับไอ้บริษัทนี้ แต่ถ้าเรามีเงินมันก็ดีกว่าไม่มี ไม่ใช่เหรอพี่”
“ขายไอ้นี่แล้วอีกกี่คนที่ต้องเดือดร้อน ทำลายไปอีกกี่ครอบครัว”
“พวกเรามันก็แค่โจรปล้นโจร ไม่เห็นต้องแคร์เลยว่าได้เงินมายังไง แค่นี้ยังลำบากไม่พอรึไงพี่”
“อยากรวยมาก คงต้องเดินทางอื่น แต่คงไม่ใช่กับพี่”
“แล้วพี่ทำอย่างนี้ไม่อยากรวย แล้วทำไปเพื่ออะไรอ่ะ”
“ทุกคนมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น มีชะตากรรมของตัวเอง แกไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกอย่างหรอก”
ตี๋ใหญ่เทยาลงส้วม เชนเดินออกไปเครียดๆ ตี๋ใหญ่เศร้าที่คนใกล้ตัวยังคิดแบบนี้
อัศวินกำลังออกจากบ้าน มิลค์ในสภาพอิดโรยเดินมากอด
“พ่อคะ หนูต้องลงทะเบียนเรียนเพิ่มค่ะ ขอเบิกเงินด้วยค่ะ ของหนูเดือนนี้หมดแล้ว”
อัศวินล้วงกระเป๋าโดยไม่คิด ก่อนเงยหน้าขึ้นมองลูก
“หนูดูไม่สบายนะลูก ดูหนังสือดึกเหรอ”
“นอนไม่ค่อยหลับค่ะ เย็นนี้อยากกินสลัดฝีมือพ่อ”
“เย็นนี้ เย็นนี้พ่อมีคุยกับผู้ใหญ่ค่ะ พรุ่งนี้ละกันนะ”
มิลค์ยิ้มง่วงๆ นอนซบลงบนโต๊ะ พ่อรินน้ำวางให้ตรงหน้า พร้อมเงินสอดไว้ข้างใต้
ไซเรนเดินอยู่ในตรอกแห่งหนึ่งใกล้ร้านเช่าพระ ระหว่างเดิน ก็รับโทรศัพท์เนสไปด้วย
“อืม กลับมาแล้ว”
“ได้หยุดกี่วัน”
“ก็ปกติ 2 วันแค่นี้นะ”
“ไซเรนอยู่ไหน เดี๋ยวเราไปหา”
“แถวเสาชิงช้า แค่นี้นะ”
“ไหว้พระเหรอ เดี๋ยวเจอกันนะ”
“ไม่ใช่”
“แค่นี้นะใกล้ถึงโทรถามอีกที”
“เนส เนส เฮ้ย ฮัลโหลๆ”
ไซเรนหงุดหงิด
อัศวินไหว้พระที่อยู่ในห้อง เขาปล่อยโทรศัพท์ดังอยู่อย่างนั้น สักพักจึงรับสาย เขาไม่คุ้นเบอร์แต่พอรับสายของชายลึกลับเสียงทุ้มนุ่ม มีอำนาจ เขากลับยิ้มแย้ม
“ครับพี่ สบายดีครับ”
“เรื่องบริษัทเป็นไง มีไรให้พี่ช่วยมั้ย”
“เงินที่ถูกปล้นประกันครอบคลุมอยู่แล้วครับ จะมีก็แต่ทางลูกค้าซึ่งก็ทะยอยทำหนังสือชี้แจงไปแล้วครับ ลูกค้าก็เข้าใจดี”
“แล้วมีแผนต่อไปยังไงบ้าง”
“ก็ต้องเรียกความมั่นใจคืนมาน่ะครับ ผมก็กำลังจะปรับปรุงรถใหม่ครับ”
“อืม เห็นว่ามีชุดเฉพาะกิจจากส่วนกลางตามดูเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน มันมีปัญหาอะไรรึ”
“คงเฝ้าระวังไว้ก่อนน่ะครับ น่าจะเพราะคนร้ายมันทำยาเสพติดตกไว้บนรถผมน่ะครับ”
“เอ้าๆ โอเค มีไรน้องโทรมาได้เลยนะ”
“ครับๆ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ”
ที่ร้านกาแฟใกล้ร้านพระ จ่าแดงนั่งหลับพิงเสา น้ำผึ้งยืนมองไปทางร้านพระ บัญชานั่งจิบกาแฟอยู่
“ผมว่าคุณกับจ่าไปสอบลูกจ้างเก่าของอัศวินดีกว่า ผมจะอยู่ต่อสักพัก มีไรโทรรายงานละกัน”
น้ำผึ้งสะกิดจ่า จ่าพูดไม่ลืมตา
“กาแฟร้อนเพิ่มแก้วนึง”
น้ำผึ้งเอือม สะกิดต่อ
“ไปได้แล้วจ่า เร็ว ไม่งั้นไม่ให้นั่งรถไปด้วยนะ”
ชาวบ้าน 2 คน เข้ามาดูพระที่ร้าน
“องค์นี้เช่าเท่าไหร่”
“3 หมื่น” ลูกน้องประจำร้านตอบ
ชาวบ้านมองดูเงินในซองคล้ายซองผ้าป่า
“มีอยู่ สองหมื่นเก้าเองน่ะ ลดให้หน่อยนะ”
“เฮีย พระลดได้มั้ย”
เจ้าของร้านเดินออกมาดู
“ลดสักพันได้มั้ย ที่หมู่บ้านไม่มีพระประทานเลย หลวงพ่อท่านให้เอาเงินผ้าป่ามาเช่า เดี๋ยวต้องว่ารถกลับไปอีก”
“มาจากจังหวัดไรกันล่ะ”
“สุพรรณ บางระบือ”
“ถ้าอยากได้ถูกกว่านี้ก็ไปหาเอาแถวบ้านละกัน”
“พันเดียวเองนะ”
“ก็องค์อื่นก็มีนี่ เล็กหน่อยก็ได้มั้ง ของซื้อของขาย”
ชาวบ้านมองพระตาละห้อย เจ้าของเดินเข้าร้านไป
ตี๋ใหญ่ ดับ ดาว โจร ตอนที่ 5 (ต่อ)
ตี๋ใหญ่รูดประตูปิดบ้าน เดินต่อไปในตรอก เชนขับมอเตอร์ไซค์มาเทียบ ทั้งคู่สบตากัน ตี๋ใหญ่เอาหมวกแก๊ปมาสวม
“ไป ผมขับรถให้”
ตี๋ใหญ่ยิ้มเข้าใจ ซ้อนมอเตอร์ไซค์ลัดเลาะไปในตรอก
“รอพี่อยู่ตรงนี้แหละ เชนไป เฮียมันก็จำได้พอดี”
“พี่ ผมขอโทษ”
ตี๋ใหญ่ยิ้มตบบ่าแล้วเดินออกไป
เนสมาถึงตรอกใกล้ร้านเช่าพระ สวัสดีจักร แล้วเดินมาพูดกับไซเรน จักรสบายๆ กินอะไรไปพลางเหลือบมองเป็นระยะๆ
“เรียนเป็นไง แล้วนี่มาทำไร”
ไซเรนมองแต่ร้านพระ ไม่มีสมาธิจะตอบ
“กินข้าวกันมั้ย”
“ไปเถอะพี่ยังอยู่ที่นี่อีกนาน” จักรบอก
“เธอไปกินเองก่อนเถอะ เราจะอยู่ช่วยพี่จักรก่อน”
“ช่วย ช่วยทำไรเหรอ”
“อืม เธอไปเหอะ”
ระหว่างนั้นตี๋ใหญ่ใส่หมวกแก๊ปทำทีเป็นดูพระแล้วเข้าไปข้างใน
“พี่จักร ผมขอไปเดินดูใกล้q”
จักรชี้ที่ผมไซเรน
”แต่ผมทรงนี้คงไม่เหมาะมั้ง”
ตี๋ใหญ่เข้ามาในร้าน ลูกน้องในร้านเข้ามาถาม
“หาพระอะไรอยู่เปล่าพี่”
“น้องๆ ถ้าเรายิ่งเช่าพระองค์ใหญ่ๆ เรายิ่งได้บุญมากขึ้นใช่มั้ย เฮียชาติอยู่มั้ย”
“ใช่ดิยิ่งใหญ่ก็ยิ่งแพง บุญได้บุญหนักเลยแหละ”
“เฮียชาติอยู่มั้ย”
“เอ้ารู้จักเฮียด้วย อยู่ข้างในเลย”
ลูกน้องเดินนำไป
จักรส่ายหน้ากับไซเรนไม่เห็นด้วย ไซเรนนึกได้ว่าตัวเองตัดผมทรงตำรวจมอง ไปที่เนสซึ่งสวมหมวกแก๊ปอยู่ เขาหยิบหมวกมาสวม
“ไปไหนหรอ เราไปเป็นเพื่อน”
ไซเรนเสียงดังใส่อย่างลืมตัว
”เราไม่ต้องการเพื่อน จะยุ่งอะไรกันนักกันหนา เราไม่ได้อยากให้เธอมาสักหน่อย”
จักรหันมามองทั้งคู่
“ใจเย็น เด็กๆ”
เนสตกใจ ไม่เคยเห็นไซเรนเป็นแบบนี้ พูดเสียงเครือ ฝืนยิ้ม
“ก็แค่ เป็นห่วง ไม่เป็นไร ไว้เรนมาใหม่แล้ว”
ไซเรนไม่ฟังเดินออกไปเลย บัญชาเห็นไซเรนเดินเข้าไปที่ร้าน พยายามมองจนจำได้ ค่อยๆ จ่ายเงินค่ากาแฟ กำลังจะเดินออก โทรศัพท์ดังขึ้น ปลายสายเป็นเสียงน้ำผึ้ง
“ได้เรื่องแล้วค่ะหัวหน้า คือ”
“อย่าเพิ่งพูดอะไร ผมว่าทางนี้ก็กำลังจะมีเรื่องเหมือนกัน รีบกลับมาก่อน”
ระหว่างเดินอยู่ในช่องระหว่างพระต่างๆ ลูกน้องหลบชี้ให้ตี๋ใหญ่เดินเข้าไปข้างใน พอตี๋ใหญ่แซงก็โดนลูกน้องเฮียเอาปืนจ่อจากด้านหลัง
“มาหาเฮียมีเรื่องอะไร”
ลูกน้องค้นตัวตี๋ใหญ่ ได้ปืนจากเอว ระหว่างนั้น อีกช่องทางเดินหนึ่งไซเรนเดินเข้ามา ทั้งสองจึงพูดกันเบาๆ ลูกน้องส่งสัญญาณให้ตี๋ใหญ่เงียบไว้ แล้วเอาปืนจ่อไว้ เฮียเจ้าของร้านดูหนังโป๊จากคอมพิวเตอร์อยู่ ไซเรนเดินเข้ามาใกล้
“หาไรน้อง”
“เอ่อ มีปางปราบมารมั้ยครับ”
“เอาหน้าตักเท่าไหร่”
“เมตรนึง”
“งั้นต้องสั่ง ก็สี่หมื่น มัดจำ ห้าสิบเปอร์เซ็นต์”
ไซเรนพยักหน้าเดินไปรอบๆ ลูกน้องเฮียมองการสนาระหว่างเฮียกับไซเรน ตี๋ใหญ่เบี่ยงตัวหลบจากการจ่อปืน จับหักแย่งปืน แล้วล็อคคอจนลูกน้องเฮียนิ่งไป
ไซเรนเดินดูพระรอบๆ เฮียเงยหน้าขึ้นเรียกลูกน้อง ไม่มีใครตอบ สงสัยนิดหน่อย ระหว่างนั้นตี๋ใหญ่ออกมาจากมุมมืดด้านหลังจ่อปืนที่หลัง เฮียสะดุ้ง
“เงินอยู่ไหน”
“เงินไร กูเฝ้าร้านอยู่เนี่ย”
ตี๋ใหญ่ขึ้นนกปืน
“รู้เรื่องเงินได้ยังไง”
“ก็อ่านข่าว แล้วก็ตามไอ้ผมยาวไป”
“เงินอยู่ไหน “
เฮียค่อยๆ หยิบจากที่ซ่อนใต้โต๊ะ
“ครบรึเปล่า”
“ก็เท่าเดิมล้านห้า”
“แล้วสี่แสนที่แลกก่อนหน้านี้”
“จักรเอาไปแล้ว”
“ใคร จักร”
“ลูกน้องคุณอัศวิน”
“มีใครรู้เรื่องนี้อีก”
เฮียส่ายหน้า
จักรมุ่งหน้าไปที่ร้านเช่าพระ บัญชาตัดเข้ามาทัก ทั้งคู่หยุดคุยกัน
“มาเลือกพระเหรอ”
จักรแปลกใจนิดหน่อย
“ท่านอัศวินให้พาคุณไซเรนมาเลือกพระไว้ทำบุญให้ครอบครัว”
“จะไม่ทำความเคารพกันหน่อยเหรอร้อยเอกจักรา”
จักรยิ้มตาแข็ง ค่อยๆ ตะเบ๊ะ
“ด้วยความเคารพครับ ท่านบัญชา จากสืบสวนกลาง”
บัญชาตะเบ๊ะรับ ระหว่างที่สองคนมองกัน ไซเรนมาถึง
“ได้พระมั้ยคุณไซเรน”
“เอ่อ เขาบอกต้องสั่งไว้”
ลูกน้องเฮียเหมือนได้ยินเสียงโครมครามในร้านวิ่งเข้าไปดู ทั้งสามมองตาม ไซเรนออกวิ่งคนแรกจักรร้องห้าม
“ไซเรน อย่า”
ทั้งหมดตามไป เชนเห็นทุกคนเข้าไปในร้าน
“เอาแล้วไง”
ตี๋ใหญ่ ดับ ดาว โจร ตอนที่ 5 (ต่อ)
ไซเรนเข้ามาถึง ลูกน้องกำลังประคองเฮียอยู่ มีรอยเลือดเปื้อนที่องค์พระ ไซเรนมองหาไปรอบๆ บัญชา จักร ตามมาสมทบ บัญชาดูเฮียที่บาดเจ็บ จักรรีบบอกไซเรน
“กลับกันเถอะครับ”
“ใครทำ”
ไซเรนมองไปรอบๆ เห็นทางขึ้นวิ่งไปดู เห็นหลังคนไวๆ จึงรีบวิ่งตามไป ตี๋ใหญ่ถือถุงเงินวิ่งขึ้นบันได
ไซเรนวิ่งตามมา ขึ้นชั้นสองไป บัญชามาหยุดมองตามช่องบันได ตี๋ใหญ่ปีนหน้าต่างออกไปที่กันสาด เชนมองนาฬิกาเป็นกังวล บัญชาออกมาหน้าร้านมองไปทางบนตึกแล้ววิ่งไปดักอีกทาง ตี๋ใหญ่ปีนเหล็กดัดตึกแถว ไซเรนเปิดประตูดาดฟ้าตึกแถวมองหา จักรขึ้นบันไดตามมา บัญชาเดินพูดโทรศัพท์ไปด้วย
“จ่ากับน้ำผึ้ง ถ้าพวกคุณมาถึง เฝ้าหน้าตึกไว้คนหนึ่ง”
ตี่ใหญ่เดินเลาะขอบตึก ได้ยินเสียงไซเรน
“หยุด”
ตี๋ใหญ่ชะงัก ไซเรนวิ่งมาหยุดที่ขอบตึก เดินขนานกับตี๋ใหญ่
“มึงใช่มั้ย ไอ้ชั่ว มึงหยุด ไอ้สัตว์ มึงมาเจอกู”
ไซเรนตะโกนเสียงหลง ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะอยู่คนละตึก ตี๋ใหญ่เดินต่อ พยายามจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก เศร้า ไซเรนวิ่งคลั่ง ไม่รู้จะทำอย่างไร จักรขึ้นมาถึง จะห้ามแต่ไซเรนออกตัวไปแล้ว เท้าเริ่มออกวิ่ง ตี๋ใหญ่ตกใจ ไซเรนวิ่งตะโกน กระโดดลอยอยู่กลางอากาสระหว่างสองตึก แต่โดดไม่ข้ามเกาะขอบตึกไว้ จักรตกใจ ไซเรนเกาะอย่างลำบากขึ้นไม่ได้ ตี๋ใหญ่ลังเล แล้วเดินออกไป บัญชาอยู่ดาดฟ้า กำลังลัดเลาะหาอยู่ ไซเรนตะกายตึก จักรวิ่งลงไปอีกตึก บัญชาหันขวับเหมือนได้ยินเสียงอะไร ไซเรนกำลังจะหลุดจากขอบตึก
น้ำผึ้ง จ่าแดง เห็นเชนนั่งค่อมมอเตอร์ไซค์อยู่ ทั้งคู่สบตากัน น้ำผึ้ง จ่าแดง เดินผ่านไป เชนสตาร์ทเครื่อง น้ำผึ้งเดินมาถอดกุญแจ จ่าส่ายหน้า
“รอใครอยู่เหรอน้อง”
“ใครน้อง เป็นใคร กุญแจอ่ะมีสิทธิไรหยิบไป จะขโมยปะเนี่ย”
จ่าแดงแสดงบัตร หยิบกุญแจคืนเชน
“ขอโทษๆ พี่มาตรวจแถวนี้ น้องจอดรถรอใคร”
“เออก็ถามกันดีๆ ก็ได้นี่ ดึงกุญแจ ทำกร่าง อย่าลืมสิครับ ตำรวจเพื่อประชาชน”
มือไซเรนหลุด แต่ก็มีมือลึกลับเข้ามาช่วยก่อนเขาจะตกตึก ไซเรนมองขึ้นไปไม่เห็นใคร แต่ด้วยน้ำหนักไซเรนทำให้ดึงเจ้าของมือลึกลับจะร่วงมาด้วย ตี๋ใหญ่จำต้องโผล่หน้ามานิดหนึ่ง ไซเรนเห็น คลั่ง ไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ฟูมฟาย
“มึงทำอย่างนี้ทำไม”
“ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ได้ตั้งใจอะไร มึงฆ่าทุกคน ไอ้สัตว์ มึงมางานศพทำไม มึงมันโรคจิต มึงสนุกมากใช่มั้ย มึงช่วยกูทำไม”
“ผมไม่ได้ยิง แม่ หรือน้องคุณ ผมถูกแขวนอยู่บนเชือกเส้นเดียวกับพ่อคุณ มันจะฆ่าผมเหมือนกัน”
“ทำไมๆ กูไม่ยอมอีกแล้ว ถ้ากูต้องมีชีวิตอยู่เพราะมึง กูยอมตาย”
ไซเรนหอบ พร้อมกับปล่อยมือข้างที่เกาะผนังออก ตี๋ใหญ่ต้องเอื้อมมืออีกข้างมาจับอีกแรง ตัวตี๋ใหญ่ถลำไป ไซเรนเอื้อมเฮือกสุดท้ายมาจับแขนตี๋ใหญ หอบหายใจ แล้วดิ้นสุดแรงหวังให้ตี๋ใหญ่ตกมาด้วยกัน ไซเรนหอบใกล้หมดสติเต็มที เท้าตี๋ใหญ่รูดไปเกือบลอยแล้ว
“ตาย”
ไซเรนร้องขึ้น บัญชาพรวดเข้ามาพอดี ตี๋ใหญ่ทำฟอร์มเรียก
“ช่วยด้วยครับๆ เด็กตกตึก”
บัญชาเข้ามาช่วยจับดึง ตี๋ใหญปล่อยมือพร้อมกระชับหมวกปิดหน้า บัญชาหันมาตกใจว่าทำไมปล่อย ไซเรนตะโกนเรียก
“ตี๋ใหญ่”
บัญชาจำต้องช่วยไซเรนก่อน เมื่อดึงขึ้นมาเสร็จตี๋ใหญ่ก็หายไปแล้ว จ่าแดง น้ำผึ้ง จักร เข้ามา ไซเรนทุบพื้นด้วยความเจ็บแค้น
จ่าแดง น้ำผึ้ง ยืนล้อมสอบเฮียอยู่ น้ำผึ้งรื้อลิ้นชักโต๊ะ
“อ้าวๆ ผมก็บอกไปแล้วไง ว่ามันมาจี้ผม และนี่ดูๆ เงินในลิ้นชักก็เอาไปหมด”
“โอเคๆ งั้นคุณก็รีบไปแจ้งความก็แล้วกัน”
“เอ้านี่ไง คุณก็ตำรวจนี่ ผมแจ้งกับคุณนี่แหละ”
“ไปแจ้งที่สน.ท้องที่นะ” จ่าแดงบอก
จักรจะพาไซเรนกลับ บัญชารั้งไว้เพื่อสอบถาม แต่จักรตอบแทนทั้งหมด
“เธอมาที่นี่ได้ยังไง”
“ก็ตอบไปแล้วนี่ครับว่ามาดูพระเช่าพระไปทำบุญ” จักรตอบ
“แล้วเห็นตี๋ใหญ่มาทำอะไร”
“คุณไซเรนไม่รู้หรอกครับว่าเป็นใคร เห็นคนโดนปล้นก็เลยช่วย”
“บังเอิญ”
“เรื่องบังเอิญในโลกนี้เยอะแยะไปครับ ที่ผู้กองมาที่นี่วันนี้ก็บังเอิญไม่ใช่เหรอครับ ขอตัวครับ”
จักรทำความเคารพ ทั้งคู่มองยิ้มเย็นๆ ให้กัน
ตอนเช้า พาสเวิร์ดใส่บาตรโดยมีเชนนั่งบอกบทจากในบ้าน ตี๋ใหญ่นั่งพิงประตูลูกกรงเหม่อๆ
“พนมมือแล้วพูดว่านิมนต์ครับ” เชนสอน
“นิมนต์ครับ”
พระมาหยุด
“เอ๊ยถอดรองเท้าด้วย” เชนบอก
“เอ๊ยถอดรองเท้าด้วย” พาสเวิร์ดพูดตาม
พระงงมองที่รองเท้าตัวเองเพราะพระใส่รองเท้าอยู่ เชนออกมาไหว้ขอโทษพระ
“เอ้าใส่ข้าวก่อน เออ ขนม รอปิดฝาก่อนแล้วค่อยวางดอกบัว”
“ปิดฝาก่อน”
พระงงปิดฝา เชนออกมาคุม พระกำลังจะให้พร พาสเวิร์ดเดินเข้าบ้าน เชนจิกไว้
“รับพรก่อน”
ภายในห้องตรวจโรงเรียนนายร้อย หมอเก็บเครื่องมือไปพูดไป ไซเรนเดินออกจากห้องหมอ นึกถึงคำพูดของหมอ
“เธอมีพื้นฐานในการเป็นหอบหืดอยู่แล้ว ไอ้อาการที่เธอเป็นตอนนี้ เรียกว่าโรคหอบจากอารมณ์ Hypervintilation Syndrome เวลาเป็นก็จะหายใจลึกและเร็ว ส่งผลให้ร่างกายขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามากเกินไป เกิดภาวะเลือดเป็นด่าง ทำให้แคลเซียมในเลือดต่ำทำให้เกิดอาการผิดปกติของร่างกายหลายๆ ระบบพร้อมกัน ซึ่งมักเกิดหลังจากที่มีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจ หรือความเครียดทางอารมณ์ กลัว วิตก เสียใจ หมอไม่เปลกใจที่เธอมีอาการ”
“ทำไงถึงหายครับ”
“ทำใจไง เธอก็ต้องพยายามควบคุมความเครียด ทำใจให้สบาย หมอก็เข้าใจนะว่าเธอเพิ่งผ่านเหตุการณ์การสูญเสียมา แต่ถ้าเธอยังไม่สามารถควบคุมโรคได้ หมอเกรงว่าเธออาจจะไม่เหมาะกับโรงเรียนนายร้อยตำรวจ อาชีพนี้ความเครียดมันเยอะ ถ้าแค่นี้เธอยังผ่านไม่ได้ อนาคตจะเป็ยยังไง และนี่”
หมอยื่นถุงกระดาษเจาะรูให้
“ถ้าเป็นอีก ลองตั้งสตินะ แล้วเริ่มหายใจในถุงกระดาษดู น่าจะช่วยให้ทุเลาได้ แล้วค่อยๆ ฝึกให้ควบคุบอารมณ์ไม่ให้เครียดให้ได้ ก็จะหายได้เอง”
ไซเรนดูถุงกระดาษในมือ เขาไปหลบอยู่ใต้บันไดโรงยิม เอาถุงออกมาหายใจ
“ไปหลบที่ไหนอีกวะ ไอ้ไซเรน ถ้าไมไหวก็ออกไป ชาวบ้านเขาจะเดือดร้อน ถ้ามีนายตำรวจขี้โรคอย่างมึง”
ไซเรน พยายามตั้งสติ
ภายในห้องทีมบัญชา มีการเปิดคลิปที่น้ำผึ้งและจ่าแดงไปสอบสวนอดีตพนักงานของอัศวินมา
“ออกจากเอสจีซิเคียวริตี้ เมื่อไหร่ และเพราะอะไร”
“ผมออกได้ 5 เดือนแล้วครับ ตอนนั้นมีคนพยายามปล้นรถของเรา แต่ไม่สำเร็จน่ะครับ ผมขับรถชนมันแล้วหนีมาได้ แต่ยังไงไม่รู้ หลังจากนั้นเขาก็ให้ผมออก แต่มีเงินค่าออกให้”
“เอ้ารถเคยโดนปล้นมาแล้วเหรอ” จ่าแดงถาม
“ฮะ ตอนของผมก็สองครั้ง แต่ไม่เคยได้เงินนะ ผมหนีได้ตลอด เห็นว่าตอนหลังเขาให้คุณจักรลงมาดูแล”
บัญชาเอื้อมมือมาปิดคลิป
“ถ้างั้นมันก็เพิ่งจะปล้นสำเร็จครั้งนี้”
“แต่สองครั้งที่ถูกปล้นไม่เห็นมีรายงานการแจ้งความ” น้ำผึ้งท้วง
“ก็ใครอยากให้บริษัทตัวเองเสียชื่อเล่า” จ่าแดงติง
“ในรถมีอะไรกันแน่ ปล้นซ้ำสามครั้งมันมีอะไรไม่ปกติแน่ๆ” บัญชาตั้งข้อสังเกต
“สงสัยถูกชะตากับที่นี่มั้งคะ” จ่าแดงกระเซ้า
“สงสัยถูกชะตากับเด็กไซเรนด้วยมั้ง 3 ครั้งแล้วที่มันฆ่าได้ก็ไม่ฆ่า ครั้งนี้ถ้ามันไม่จับไว้เด็กนั้นตกตึกตายไปแล้ว”
บัญชาบอก
พาสเวิร์ดหอบผ้ามานอนกับเชนและตี๋ใหญ่ด้วย เขาปะแป้งหน้าขาว ชุดนอนติดกระดุมผิดตามเคย มือถือแท็บเล็ต นั่งลงตามองแท็บเล็ต เชนหลับอยู่มุมหนึ่งขยับตัวเล็กน้อย ตี๋ใหญ่นั่งเหม่อ
“อย่าไปกวนพี่ตี๋เขาล่ะ ไม่งั้นกลับไปนอนข้างล่างเหมือนเดิมเลย”
“ไม่กวนๆ นอนเลย ตอนนี้แม่คงได้กินแกงไก่ที่เราตักบาตรอยู่บนสวรรค์อิ่มแล้วแน่เลย”
“ฮึ่ม” เชนทำเสียงในลำคอ
“ไม่กวนๆ นอนแล้วๆ แม่บอกว่าทุกอย่างเทวดาคิดไว้หมดเลย เขาเลยส่งผมเลยได้เป็นลูกแม่ แม่พูดว่าอะไรน้า เขากำหนดชะตา”
“พาสเวิร์ด” เชนลากเสียงดุ
“โอเคๆ หลับตาแล้ว จำได้และ แม่บอกว่า เทวดาเขามีชะตาชีวิตให้ทุกคนเรียบร้อย อย่างผมเขาให้เกิดมาเป็นลูกแม่ที่ติดกระดุมไม่ถูกซะที แล้วพี่ตี๋ล่ะ เทวดาเขากำหนดให้พี่เป็นอะไรเหรอ”
“อยากนอนข้างล่างรึไง”
เชนขู่ พาสเวิร์ดรีบเอาผ้าคลุมหัว ตี๋ใหญ่ครุ่นคิด เศร้าๆ
อ่านต่อตอนที่ 6