xs
xsm
sm
md
lg

หน้ากากนางเอก ตอนที่ 7

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


หน้ากากนางเอก ตอนที่ 7
วรรษชลยืนกลุ้มใจ เสียงป้อมดังก้อง

“คุณพิมที่ว่าเป็นเมียใหม่พ่อคุณเอี๊ยม น่าสงสารสุดๆเลยพี่ ถูกคุณเอี๊ยมบุกเข้าไปด่า เค้าก็ยังยืนเงียบ ไม่เถียงอะไรซักคำ”
วรรษชลคิดถึงความหลัง ดวงตาเป็นประกายแรงกล้า เหมือนไม่เชื่อ

ในอดีต พิมพิชชาในชุดพยาบาลยืนตำส้มตำอยู่ที่รถเข็นเก่าๆ หน้าตาหงิกงอ โดยมีวรรษชลในสภาพ
ซอมซ่อแบบคนทำงานธรรมดาช่วยเก็บของแบบเตรียมเลิกขาย พิมพิชชาตักส้มตำใส่ถุง พลางยื่นให้คน
ซื้อแบบกระแทกกระทั้นหน้าหงิกหน้างอ
“20บาท”
“ช่วยทำหน้าดีๆหน่อยได้มั้ย นี่มาซื้อนะ ไม่ได้มาขอกิน” คนซื้อบอก
พิมพิชชาค้อนตาเขียว
“ก็จะขายแบบนี้ ไม่พอใจก็รอซื้อกับแม่โน่น”
วรรษชลติงแล้วพูดกับลูกค้า “พิม ... ขอโทษครับๆ”
ลูกค้าค้อนเดินสะบัดหน้าไปแบบอารมณ์เสีย ไม่พอใจมาก พิมพิชชาก็ทำปากยื่นปากยาวใส่ลูกค้า วรรษชลติง
“ไม่เอาน่า...พิมไปพูดจากับลูกค้าแบบนี้ได้ยังไง”
พิมพิชชาหน้าหงิกหน้างอ
“ก็พิมเหนื่อย เข้าเวรก็จะตายอยู่แล้ว ยังต้องมาช่วยแม่ขายส้มตำอีก” นางพูดไปจัดของไป
วรรษชลพูดไปจัดของไปเหมือนกัน มือไม่อยู่เฉย
“แต่มันก็น่าภูมิใจนะพิม...ที่พิมทำก็เพื่อแม่ เพื่อครอบครัว”
พิมพิชชาเสียงสั่นเครือ
“แล้วครอบครัวเคยทำอะไรเพื่อพิมบ้าง นอกจากให้พิมทำงานงกๆๆเพื่อหวังเงินจากพิม รู้เอาไว้นะวรรษ!! พิมเบื่อความจน”... เธอจ้องหน้าเขา พูดจริงจัง “รวมทั้ง เบื่อวรรษ เต็มทีแล้ว”
วรรษชลตกใจคว้ามือ “พิม”
พิมพิชชาสะบัดมือออก พูดเสียงดัง “ถามหน่อย 5 ปีที่เป็นแฟนกันมา ชีวิตพิมมีอะไรดีขึ้นมั้ย” พลางส่ายหน้าเหยียดหยัน “ฮึ!พิมตอบเองก็ได้..ไม่มี ในเมื่อไม่มี แล้วเราจะคบกันต่อทำไม ตั้งแต่วันนี้เราเลิกกัน”
พิมพิชชาคว้ากระเป๋าสะบัดหน้าเดินฉับๆไปอย่างรวดเร็ว วรรษชลหน้าซีดตกใจ คาดไม่ถึง
“พิมๆๆ “ เขาตามไปทันที

ต่อมา... รถของอานนท์จอดรอพิมพิชชาอยู่ข้างทาง เธอรีบวิ่งไปหา อานนท์เปิดประตูลงมา นางยิ้มอ่อนหวาน
“รอพิมนานมั้ยคะ”
“ไม่เลยจ้ะ..หนูพิมรีบขึ้นมาเถอะ จะได้รีบไปดูคุณหญิงกัน”
อานนท์ยิ้ม พิมพิชชาเปิดประตูรถคันหรู วรรษชลวิ่งไปเห็นพอดี หน้าซีด ตกใจ ร้องเรียก
“พิม”
ทั้งคู่หันมามอง วรรษชลถามพิมเสียงสั่น
“นี่หมายความว่าอะไร”
อานนท์มองงงๆ ก่อนถา
“ใครหรือหนูพิม?..มีเรื่องอะไรกันรึเปล่า”
พิมรีบบอกเสียงหวาน ไม่มีท่าทีกราดเกรี้ยวเหมือนตอนอยู่กับวรรษชล
“เปล่าค่ะ แค่คนข้างบ้านไปกันเถอะค่ะท่าน”
พิมพิชชายิ้มให้อานนท์ก่อนที่จะขึ้นรถ รถคันหรูของอานนท์แล่นออกไป วรรษชลยืนอึ้ง หน้าซีด ภาพที่เห็น สรุปเรื่องราวได้ทุกอย่าง

บนสะพานในเวลากลางดึก … วรรษชลเมาเหล้าหนักเดินโซซัดโซเซอยู่ริมถนน แบบคนอกหัก รถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูง เป็นจังหวะเดียวกับที่วรรษชลเดินโซเซโงนเงน เซไปกลางถนน ทำท่าจะล้ม เสียงรถบีบแตรดังลั่น เขาเงยหน้าขึ้นมอง เห็นรถทำท่าจะพุ่งเข้ามา วรรษชลตกใจ เอามือป้องโดยสัญชาตญาณ ก่อนจะรู้สึกเหมือนร่างถูกกระชากอย่างแรงจนล้มลงข้างทาง เขาลืมตาขึ้นมอง ตกอกตกใจ เห็นอรัญภัทรในวัยเด็กล้มลงเค้เก้เหมือนกัน เธอยันร่างขึ้นนั่งมองวรรษชล ท่าทางของเธอตกใจไม่แพ้เขา วรรษชลก้มลงมอง เห็นมือของเธอยังคงจับมือของเขาอยู่

ณ ขณะปัจจุบัน วรรษชลได้แต่ถอนหายใจ ไม่สบายใจ กับข้อความในไอแพด ที่ด่าอรัญภัทร ชมและเห็นใจพิมพิชชา วรรษส่ายหน้าระอาท่าทางกลุ้มใจ มองดูรูปนางเอกสาวที่ถูกแชร์มา พึมพำเบาๆ
“คนที่เอาแต่อารมณ์อย่างคุณ ตามพิมพิชชาไม่ทันหรอก”
สายตาของวรรษชลเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

วันใหม่ หนังสือพิมพ์ตีข่าวพาดหัว “ผีสก๊อยเข้าสิง เอี๊ยมบุกด่าเมียใหม่พ่อ /เอี๊ยมบ้าบุก
ด่ากราดเมียใหม่พ่อ แต่หน้าแหกยับ ถูกแฉกลับ”
ในจอทีวี เป็นภาพพิมพิชชาให้สัมภาษณ์ต่างหาก สีหน้านางดูเศร้าสร้อยไม่สบายใจ
“ที่ว่าจะฟ้องคุณเอี๊ยม พิมยืนยันอีกครั้งค่ะ ไม่เคยคิด แต่เรื่องที่คุณเอี๊ยมบุกมาที่บ้าน แล้วกล่าวหาพิม คงต้องไปถามคุณเอี๊ยมเองนะคะ ว่าคุณเอี๊ยมได้เตี้ยมกับป้าไก่รึเปล่า เพราะมีป้าไก่กับคุณเอี๊ยมที่ทราบเรื่องค่ะ” นางยิ้มหวาน
พิมพิชชานั่งดูข่าวในทีวีของตัวเองอย่างชอบใจ
“เป๊ะเวอร์ที่สุด....” พลางหันมาถามเบอร์รี่ที่นั่งอยู่พื้นข้างล่าง “แกว่ามั้ยเบอรรี่ เป๊ะเวอร์ที่สุด” นางดีดนิ้วดี๊ด๊า เหมือนสก๊อย
เบอร์รี่ประจบทันที
“ที่สุดเลยค่ะ”
“นังเอี๊ยมมันคงจะคิด ร้ายๆแรงๆแล้วจะเป็นเนตไอดอล ที่ไหนได้... เป็นเปรตไอดอลต่างหาก” นางพูดพลางหัวเราะเยาะ
เบอร์รี่หัวเราะ หลอกด่าพิมพิชชา
“เปรตไอดอล อุ๊ยเป๊ะเวอร์!! แต่คุณเอี๊ยมร๊ายร้ายนะคะ มาจิกหัวเรียกพี่พิมต่อหน้ากองทัพนักข่าวได้ยังไงว่า นังปลวกหน้าเหี่ยว ถึงหน้าพี่พิมจะเหี่ยว จะหยาบ จะกร้าน มีฝ้า แต่ไม่ควรพูดตรงๆ แรงๆ อย่างนี้นะคะ”
“มันคงนึกว่ามันฉลาด ตรงๆ แรงๆ แล้วคนชอบ ที่ไหนได้ มันนั่นแหละอีบ้า ไร้สติ เธอดูสิเบอร์รี่ คนด่ามันเต็มเลย”
พิมพิชชาโยนหนังสือพิมพ์ใส่หน้า เบอร์รี่ผวารับแทบไม่ทัน แอบชำเลืองมอง
“แต่ฉันนี่แหละนั่งด่าแก แกยังไม่รู้ตัวอีกอิพิม อิโง่ โง่วๆๆ” เบอร์รี่ด่าในใจ

เวลากลางวัน ที่กองถ่าย ผกก.เอะอะอาละวาด เหวี่ยงหนังสือพิมพ์ให้พีอาร์
“เก็บให้หมดเลยนะหนังสือพิมพ์ ผมไม่อยากอ่าน”
ทีมงานบอก
“หนังสือพิมพ์น่ะเก็บได้...แต่...ข่าวที่เค้าแชร์กันมาในโซเชี่ยลละคะ จะเก็บยังไง”
ผกก.คิดไม่ออก แถ
“ก็...เก็บโทรศัพท์ ไอแพด ให้ไกลหูไกลตาผมแล้วกัน ผมไม่อยากเห็น”
อรัญภัทรอยู่อีกมุมหนึ่ง หน้าซีด รู้สึกผิด เจ๊เต่าหน้าแหย เขมกับมะม่วง หน้าซีด แต่ละคนหลบหน้าหลบตาผกก.
ผกก.โวย มองหน้าอรัญภัทร
“งานก็ต้องถ่ายลวกๆ พอให้มีเทปออกอากาศเพราะดารา คนดังเบี้ยวคิว นางเอกก็ถูกด่ายับ จนไม่เหลือภาพนางเอก เรตติ้งก็ไม่มี ผมถามทีเถอะ จะถ่ายมันไปทำไม หั่นตอนให้มันจบๆไปเลย”
“พี่คะ...เอี๊ยมขอโทษ”
“ขอโทษตอนนี้แล้วมันได้อะไร?ในเมื่อทุกอย่างมันฉิบหายไปหมดแล้ว”
อรัญภัทรหน้าจ๋อย ซีด เจ๊เต่ายิ่งซีดหนัก ผกก.บอกจริงจัง
“อย่าคิดว่าตัวเองดังแล้วจะทำอะไรก็ได้นะเอี๊ยม ดาวตกน่ะมีเยอะแยะ และถ้าคุณยังทำนิสัยอย่างนี้ บอกได้เลย เวลาของคุณเหลืออีกไม่นาน”
อรัญภัทรน้ำตาซึม อึ้งกิมกี่ คนในกอง บางคนก็เห็นใจ บางคนก็สมเพช 2 นักแสดงมองหน้ากัน เวฬุยามองเขมปัญฑาแบบระแวง เอีกฝ่ายมองตอบแบบเกรงๆ ก่อนเดินเลี่ยงไป

เขมปัญฑาเดินมาอยู่คนเดียวอีกมุมหนึ่ง เวฬุยาเดินตามมา ถามตรงๆตามนิสัย
“เธอยังไม่บอกฉันเลยนะเขม ว่าวันนั้นเธอลบเบอร์นายวรรษชลจากมือถือยายเอี๊ยมทำไม”
“ก็..ก็เขม...เขมไม่อยากให้เอี๊ยมมีข่าวเสียหายอะไรอีก”
“เสียหาย”
“เอี๊ยมถูกด่าหลายเรื่องแล้วนะมะม่วง ถ้าเอี๊ยมมีข่าวกับคุณวรรษชลอีก คง..ไม่ดี”
เวฬุยาหรี่ตามอง “ไม่ดียังไง”
“ก็...เอี๊ยมเป็นนางเอก ถ้านักข่าวรู้ว่าเอี๊ยมแอบคบกับคุณวรรษ เอี๊ยมคงถูกด่าว่า แอ๊บอีก”
เธอมองเขมปัณฑา อมยิ้มแบบไม่เชื่อ “เหรอ”
“มะม่วงยิ้มแบบนี้หมายความว่าอะไร”
“เธอน่าจะรู้ดี...ว่าฉันหมายความว่าอะไร? อืมห์! หรือจะเป็นอย่างที่ยายเอี๊ยมพูดอยู่บ่อยๆ ว่าคนเรียบร้อยน่ารัก...บางทีอาจจะร้ายกว่า คนที่พูดตรงๆแรงๆก็ได้”
เขมปัญฑาหน้าซีดปากสั่น
“เขมไม่เคยคิดร้ายต่อเอี๊ยมจริงๆนะ”
“ งั้นเธอก็ต้องไปบอกยายเอี๊ยม ว่าเธอทำอะไร เพราะมันไม่ make senceเลยเขม ที่เธอแอบลบโทรศัพท์ยายเอี๊ยม ด้วยข้ออ้างว่าเป็นห่วงน่ะ”
เวฬุยาสะบัดหน้าเดินไป เขมปัญฑาหน้าซีด พึมพำ
“ที่เขมทำเพราะเขมเป็นห่วงเอี๊ยมจริงๆ”

ทางด้านปราชญ์เดินลงมาจากห้อง พลางร้องบอก
“ป้าสายครับ ขอกาแฟแก้วครับ”
เงียบไม่มีเสียงตอบ ปราชญ์ตะโกนเรียกอีก
“ป้าสายครับ” เขาเห็ทีวีถูกเปิดค้างเอาไว้ “มิน่า เปิดทีวีเอาไว้เลย ไม่ได้ยิน”
ปราชญ์กวาดสายตามองหาป้าสาย ก่อนทรุดตัวลงนั่งแบบสบายๆไม่ได้ซีเรียส หยิบนิตยสารจะมาเปิดดูแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังมาจากจอทีวี เขาเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเป็นละครที่เขมปัญฑาเล่นเป็นนางร้าย ก่อนที่จะตัดเป็นสกู๊ปสัมภาษณ์เธอสั้นๆแบบข่าวบันเทิงกอซซิปทั่วไป
พิธีกรกล่าว “ยังคงร้ายได้ใจทุกครั้งที่โผล่ออกมาหน้าจอ สำหรับนางร้ายหน้าเก๋ เขมปัณฑา และวันนี้เราได้บุกไปหาเธอถึงกองละครเรื่อง... ไม่รู้ว่าคาแรคเตอร์จากในละครที่ร้ายแสนร้ายของน้องเขมจะอินออกมานอกจอหรือเปล่า เราไปถามเธอกันเลยคะ”
ภาพสัมภาษณ์ เขมปัณฑาหัวเราะ ตอบ
“ตัวจริงเขมก็เป็นแบบที่ทุกคนเห็นนะคะ...อินนอกจอไม่มีแน่นอนค่ะ”
“เขมย้ำชัดกันไปว่าไม่อินนอกจอแน่นอน ชัดเจนเปลี่ยนแล้วนะคะ ต่อไป เป็นอีกหนึ่งซุปตาร์ที่ต้องบอกว่าน่าจับตามองทีสุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้”
ปราชญ์นั่งนิ่ง ครุ่นคิด คำพูดของพิธีกร จริงไม่จริง ขมปัญฑายิ้มหวาน ปิดสกู๊ป

ท่ามกลางบรรยากาศ ที่ไร่ที่สวยงามกับเสียงเพลงที่นุ่มนวลดังคลออยู่ ในมุมโต๊ะนอนเล่น แทนไทกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเก้าอี้นอนเล่น ประตูห้องเปิดเข้ามาอย่าเร็ว พร้อมการปรากฏของเวฬุยา ที่ถือลูกมะม่วงสุกแล้วมา1 ชะลอมเล็ก แล้ววางลง
“ไอ้แทน”
แทนไทสะดุ้งตื่น จากเตียงนั่ง
“เธอมาทำอะไรในนี้ หรือว่าจะมาให้ท่าฉันอีก”
เธอถือลูกมะม่วงสุกที่นำมา ขว้างไปที่แทนไท ไม่หยุด
“ฉันไม่เคยอ่อยแก....ทำไมแกทำกับฉันอย่างงี้ ปล่อยข่าว อย่างนี้เลยเหรอ ฆ่ากันเลยดีกว่าไม๊”
“เดี๋ยว ฟังกันก่อน”
“ฉันไม่ฟัง....อีกอย่าง”
จากที่ถือมะม่วงอยู่ กลายเป็น สตอเบอรี่
“ฉันไม่ใช่สะตอเบอรี่ โว้ย”
แทนไทโดนลูกสตอเบอรี่ กระหน่ำใส่
“โอ้ย”
แทนไทสะดุ้งตื่น อยู่ในห้องพักผ่อนอีกครั้ง
“โอ้ย”
แทนไทฝัน นอนกระสับกระส่าย แล้วสะดุ้งตื่น รู้ตัวเองว่าฝันไป จนสงบจิตใจแล้วคิด
“นี่เราต้องขอโทษยัยสะตอ เอ้ย...มะม่วง จริงๆเหรอ”




หน้ากากนางเอก ตอนที่ 7 (ต่อ)
ณ กองถ่าย อรัญภัทรเดินลิ่วตรงไปยังถนน เจ๊เต่าวิ่งตาม ถามหงุดหงิดปนอ่อนใจ

“จะไปไหนอีกล่ะเอี๊ยม”
“ธุระ”
“อย่าหาเรื่องอีกได้มั้ย”
“หาเรื่องอะไรเจ๊ เค้าเลิกกองเองนะ ไม่ใช่ความผิดเอี๊ยม”
เจ๊เต่าถามแบบอ่อนใจ
“งั้นจะไปไหน เจ๊จะพาไป”
เธอยิ้มกวน
“จริงเหรอ”
เจ๊เต่าอ่อนใจมากๆ
“จริง!ต่อให้ไปทำเรื่องที่คนด่าทั้งเมือง เจ๊ก็จะทำกับเอี๊ยม เพราะพูดจนปากฉีกไปถึงหลังหู เจ๊ก็ห้ามเอี๊ยมไม่ได้”
“เอี๊ยมเรียนรู้แล้วเจ๊...ตรงไป แรงไป คนก็ไม่ได้มองว่าดี....มันต้องแอ๊บบ้าง ดัดจริตบ้าง พอให้คนตามไม่ทัน มันถึงจะสนุก”
“ตกลงจะทำอะไร”
เธอไม่ตอบ แต่ยิ้ม พร้อมกับยื่นมือไป ทำท่าชี้ๆจะเอากุญแจ เจ๊เต่าอ่อนใจ ยอมยื่นกุญแจรถให้ เธอรับเดินยิ้มเผล่ไปที่รถ เจ้เต่าบอก
“ไปรับเขมกับมะม่วงไปด้วยกันมั้ย”
“อย่าเลย!เผื่อเราต้องไปนอนในคุก เขมกับมะม่วงจะได้ช่วยกันส่งข้าวผัดกับโอเลี้ยงให้เรากิน”
เธอยิ้มสนุก เจ๊เต่าไม่สนุกด้วย ได้แต่ทำหน้าแหย ระอา เจ๊เต่าโพล่งออกมา
“เอี๊ยมจะน่ารักมากเลยนะ ถ้าผ่าหมาถ่างหนอนออกจากปากก่อน”

ปราชญ์ เดินออกมาจากตัวบ้านขณะเดินไปที่รถ
“หรือเธอไม่ได้ร้าย จริงๆ”
ปราชญ์เดินครุ่นคิด ตัดสินใจยาก เดินออกมาแล้วตัดสินใจเดินกลับเข้าบ้าน
“ไม่ดีกว่า” เมื่อเดินกลับมาทีรถ “แล้วจะรู้ได้ไง ว่าเธอเป็นคนดีจริง” เดินกลับเข้าบ้านอีก “ก็แค่ ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไปคิดอะไรมาก” เมื่อคิดได้เดินกลับมาที่รถ “เป็นไรวะเรา.. แต่...เราทำผิดกับเธอนะ”ป้าสาย เห็นอาการของปราชญ์สักพัก ในระยะไกลๆ เลยเดินเข้ามา
“คนทำผิด มันก็ต้องมีเรื่องค้างคาใจอย่างนี้แหละ”
“ป้าสายพูดอะไร....ไม่รู้เรื่อง”
“ป้าเลี้ยงคุณปราชญ์มาตั้งแต่เล็กๆนะคะ คุณปราชญ์ของป้าน่ารัก ใจดี และเป็นสุภาพบุรุษมาก เกิดเรื่องเข้าใจผิดกันแบบนี้ ป้าว่าคุณปราชญ์ไม่สบายใจหรอกค่ะ ถ้ารู้สึกผิดก็ไปขอโทษเค้าเถอะคะ”
“ป้า พูดอะไร...ผมกำลังคิดถึงเรื่องแผนงาน ว่าจะจัดรูปแบบงานยังไงดี”
“แต่สำหรับป้า...ป้าคิดถึงแต่เรื่อง คุณเขม เธอน่าสงสารนะคะ ที่โดนกระทำแบบนั้น แต่ไม่ได้รับคำขอโทษ”
ป้าสาย พูดลอยๆ แล้วเดินไป ปราชญ์ตะโกนตามตูดป้าสาย
“ป้าครับ....ผู้หญิงแบบนี้ มีเยอะ ชอบเข้ามาหาผู้ชายถึงในบ้าน”
ปราชญ์หันหน้าไปอีกทางครุ่นคิดอย่างไม่แน่ใจกับคำพูดที่ตัวเองพูดออกไป

เวลาต่อมาที่กองถ่าย เวฬุยาบอกกับทีมงาน
“กลับแล้วนะคะ สวัสดีค่ะ”
เธอขับรถไป แทไทแอบซุ่มดู แล้วตามไป

ส่วนเขมปัญฑาเดินมาตลาดผลไม้ เพื่อซื้อของ ในมุมไกลๆ ปราชญ์แอบมาตาม เธอหยุดที่ร้านผลไม้ร้านหนึ่ง ซึ่งมีทุเรียนวางขายอยู่ด้วย
“มังคุดนี่โล เท่าไหร่ค่ะ”
แม่ค้าที่กำลังปอกทุเรียนอยู่ หันมาเห็นเป็นเขมปัญฑาก็โกรธ มีอาการฉุนเฉียวทันที
“มาแล้วเหรอ นังนี่....อยากเจออยู่พอดีเลย”
“เขม เขม ทำอะไรคะ”
ปราชญ์ยืนมองอยู่อีกด้านอย่างมั่นใจว่ายังไงเขมก็ไม่ใช่คนดี แม่ค้ารสแซบ ด่าต่อ
“แกทำร้ายโสรยา ทำไม....นางเอกของฉัน ไม่เคยไปทำอะไรแกเลยนะ โหดนักใช่ไม๊ แกตาย”
ปราชญ์ได้ยิน ก็ นึกได้ แม่ค้าอินในตัวละครนี่หว่า ไม่ใช่ตัวจริง
“เดี๋ยวนะคะ นั้นมันในละคร นะคะ”
“กูไม่สนโว๊ย ทำร้ายนางเอกกู...วันนี้ มึงตาย”
แม่ค้าหยิบ เปลือกทุกเรียนหลายกลีบ กระหน่า ขว้างไส่ เขมปัญฑาจนเธอตกใจ วิ่งหนีไป
แม่ค้า1ตะโกนบอก “กลับมา กูจะเอาเปลือกทุเรียน ละเลงหน้ามึงเอง นังสันศนีย์ กลับมา”
ปราชญ์ ยืนมองดูเหตุการณ์
แม่ค้า2 ถาม “เดี๋ยวๆๆๆ ป้า...เป็นอะไร”
“ของขึ้นโว้ย..นังคนชั่วคนใจร้าย มันทำร้ายนางเอกของป้า...มันยังกล้าเสนอหน้ามาให้เห็นอีก”
“ที่ป้าด่า แล้วปาเปลือกทุเรียนใส่นะ ..ตอนนี้ เขาไม่ใช่คนในละครนะครับ ตัวจริงเขาไม่ได้ทำร้ายนางเอกของป้านะ”
แม่ค้า เริ่มคิดได้ แต่ยังมี เพื่อแก้เขิน
ชาวบ้าน มุงดู ส่ายหน้า รับไม่ไหว กับยัยป้าอินในบทบาท
แม่ค้าเสียงเริ่มอ่อน “แต่มันเจ็บใจ”
“นี่ป้า...ป้าลองคิดดูนะ ถ้าสลับตัวกัน นางเอกมาเล่นเป็นตัวร้าย แล้วให้คุณเขมมาเล่นเป็นนางเอกบ้าง ป้าจะยังเอาเปลือกทะเรียนละเลงหน้าคุณเขมอยู่ไม๊”
แม่ค้าหลุดจากอารมณ์ที่อินจากละคร
“บ้าสิ...ฉันก็เปลี่ยนเป็น รักคุณเขมนางเอกของฉัน. สิ.....อุ๊ย....จริงด้วย ตายแล้ว ป่านนี้ตกใจวิ่งไปไหนแล้ว”
ปราชญ์ มองไปตามไปอย่างสงสัย ยิ้มมุมปากแบบไม่รู้ตัว คิดว่าตกลงเขมเป็นคนยังไงกันแน่ แล้วเดินตามไป
แทนไทขับรถมากำลังจะจอดในที่จอดรถ เห็นเวฬุยากำลังขนต้นไม้ขึ้นรถกับแม่ค้า ดวงหน้าของเธอพราวไปด้วยเหงื่อ แต่ไม่มีท่าทีว่าจะเบื่อหน่าย มีแต่รอยยิ้ม เธอพึมพำขอบคุณแม่ค้า ก่อนขึ้นรถ ขับออกไป แทนไทมองตามรู้สึกสนใจ ขับรถตามเธอทันที

เวฬุยาขับรถมาจอด ณ โรงเรียนวัดแห่งหนึ่ง เด็กๆ รีบวิ่งลงมาหา เธอยืนรออยู่อย่างมีความสุข แทนไทยังคงสงสัยว่า พวกเด็กๆทำอะไร … เด็กๆ ช่วยกันเรียงแถวหยิบต้นไม้ที่เธอซื้อมาจากร้านเมื่อกี้ ลงจากหลังกระโปรงหลังรถเธอ... เด็กๆ เรียงแถว กัน เดินเอาไปไว้แถวบริเวณแปลงต้นไม้ ที่พวกเขาจัดทำเตรียมไว้แล้ว ซึ่งมีต้นไม้บางส่วน เหมือนปลูกทิ้งไว้ก่อนหน้า โตขึ้นแล้ว ด้วย เด็กๆ เตรียมนำไม้เหล่านั้นมาปลูก
แทนไทออกจากรถมายืนดู ถึงกับอึ้ง สิ่งที่เธอทำ ผิดกับคนที่เขาคิดว่าจะเป็นคนไม่ดี
เธอกับคุณครู คุยกัน
“ดูเหมือนว่าคุณมะม่วงจะชอบการปลูกต้นไม้มากเลยนะคะ”
“ก็...ต้นไม้มันให้ประโยชน์กับเราสารพัดอย่างเลยนี่คะ อีกอย่าง มะม่วงอยากจะปลูกฝังให้เด็กๆหันมาใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ทำอะไรเพื่อสังคม แทนที่พวกเค้าจะใช้ชีวิตอยู่แต่กับสังคมออนไลน์อย่างเดียว”
ครูยิ้มพอใจกับคำพูดของมะม่วง
“ถ้างั้นเรามาเริ่มงานกันดีกว่าคะ เดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน เด็กๆจะได้กลับบ้านเร็วๆ”
“ได้คะครู....ไปคะเด็กๆ”
แทนไทโผล่มาด้านหลัง แอบได้ยินคำพูดที่ดูมีสาระของผู้หญิงคนนี้ ครูเหลือบเห็นแทนไทที่อยู่ด้านหลังห่างออกไปเลยบอกเธอ
“คุณมะม่วงไม่เรียกเพื่อนไปด้วยกันเหรอคะ”
มะม่วงทำหน้างง
“เพื่อนที่ไหนคะ”
ครูชี้ไปแทนไทที่ยืนอยู่ “นั่นไงคะ” แต่ปรากฎว่า แทนไทหายไปจากที่ตรงนั้นแล้ว ครูงง “อ้าว...หายไปไหนล่ะ”
เวฬุยามองตามครู ทำ
“วันนี้มะม่วงมาคนเดียวนะคะครู”
“งั้น..คงเป็นคนเดินผ่านไปมา...ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเราไปปลูกต้นไม้กันดีกว่า”
มะม่วง ครูและเด็กๆ ช่วยกันหิ้วต้นไม้เดินไป...
แทนไทโผล่ออกมาจากที่ซ่อน ถอนหายใจโล่งอกมองตาม ด้วยความรู้สึกที่คาดไม่ถึง อึ้ง ทึ่ง แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ

เวฬุยากับครูเดินมาตามทางเดินบนตึกชั้นเรียน ในมือเธอถือผ้าเช็ดมือเหมือนเพิ่งล้างมือมาใหม่ๆ
“ขอบคุณคุณมะม่วงมากเลยนะคะ ที่วันนี้สละเวลามาพาเด็กๆปลูกต้นไม้ แล้วก็จัดสวนหย่อม เด็กๆชอบกันมากเลยล่ะคะ”
“เห็นเด็กๆชอบแบบนี้แล้ว มะม่วงก็ดีใจคะ” เธอเดินมาถึงสนามเด็กเล่นเก่าพอดี เธอมองดูอย่างสนใจและมีไอเดีย ที่จะเอาต้นไม้มาตกแต่งให้มันน่าอยู่ขึ้น “เอ๊ะ..คุณครูคะ ที่ตรงนี้คือ...”
“อ๋อ...มันเคยเป็นสนามเด็กเล่นน่ะคะ แต่พอดีว่าทางโรงเรียนขาดงบประมาณที่จะมาปรับปรุงซ่อมแซม ที่มันก็เลยถูกปล่อยร้าง”
เธอครุ่นคิด เกิดไอเดีย
“แล้วถ้าสมมุติว่ามะม่วงจะขอเอาต้นไม้มาลง เอาช่างมาซ่อมแซมเครื่องเล่นแล้วก็ช่วยจัดสถานที่ตรงนี้ให้ใหม่จะได้ไหมคะ”
“ได้สิคะ เด็กๆคงจะดีใจมากๆเลยคะ”
เธอมองดูสนามเด็กเล่นอย่างภูมิใจว่าจะทำให้เด็กๆได้กลับมามีสนามเด็กเล่นอีกครั้ง ด้านหลัง...แทนไทยืนดูอยู่อีกด้านหนึ่ง มองไปที่สนามเด็กเล่นแล้วก็มองดูเธอแบบยิ้มๆอย่างมีแผนการ

ท่ามกลางความมืด อรัญภัทรขับรถมาจอดหน้าบ้านอานนท์ เจ๊เต่าตาเหลือก
“นี่! อย่าบอกนะว่าจะบุกเข้าไปตบคุณพิมเค้าอีกน่ะ กลับเลยนะเอี๊ยมกลับ!”
“นี่เจ้! ถ้าริเป็นสก๊อย อย่าโวยวายได้มั้ย”
เจ๊เต่าทำท่าปวดหัว ยุ่งยากใจมาก ได้แต่ขยุ้มหัวแบบผมแทบหลุด
“เอี๊ยม..เจ๊ไหว้ล่ะ ต่อไปเอี๊ยมจะหักเปอร์เซ็นกับเจ๊ 50 /50 ก็ได้ แต่เจ้ขอร้อง ช่วยทำตัวเป็นแบบ
คนปกติหน่อยเถอะ แบบพูดคำเดียวรู้เรื่อง ป่ะกลับ!” เจ๊เต่าเอื้อมมือมาจะหักพวงมาลัย
เธอตีมือเจ๊เต่า
“เอ๊ะเจ๊นี่!ก็บอกแล้วไง..จะไม่แรง ไม่เหวี่ยง คนชอบแบบเรียบๆร้ายๆก็จะเป็นให้ดู “
เธอยิ้ม ควักมือถือราคาถูกๆออกมาจากกระเป๋า
เจ๊เต่าตาโตหลุดแมน
“เฮ้ย!ไปขุดเอามือถือรุ่นนี้มาจากไหน”
“ตอนที่เจ๊เหล่มัวแต่ผู้ชายที่ปั๊มไง..เอี๊ยมเลยวิ่งลงไปซื้อที่ตลาดนัด”
“แล้วจะทำอะไร”
เธอยิ้มไม่ตอบ แต่คลิกเข้าไปที่การสร้างIG

วันใหม่ พิมพิชชาแต่งตัวสวยเดินลงมาจากบ้าน เบอร์รี่เรียก
“พี่พิมๆๆ”
“อะไร”
“มานี่” เบอร์รี่กวักมือเรียกแบบไม่มีมารยาท
“นี่!มันเรื่องอะไร มากวักมือเรียกฉันแบบนี้ ฉันเป็นเจ้านายแกนะนังเบอร์รี่ ไม่ใช่ขี้ข้าแก”
เบอร์รี่โกรธ แต่จำข่มเอาไว้ปั้นหน้ายิ้มบอก
“ขอโทษนะ...เบอร์รี่ลืมตัวไป นึกว่าเรายังอยู่สลัมด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน”
พิมพิชชาโกรธ
“งั้นเงินเดือนออก แกควรหาซื้อแปะก๊วยมากินเยอะๆนะ จะได้ไม่เผลอลืมตัวทำกำเริบใส่ฉันบ่อยๆ … มีอะไรว่ามา”
“มีไอจีแอนตี้คุณเอี๊ยม พี่พิมทำเหรอคะ”
พิชพิชชารีบคว้ามาดูปฏิเสธ
“เปล่านะ...ฉันไม่ได้ทำ”
นางทำหน้างงจริงๆ

ที่งานอีเวนท์ อรัญภัทรนั่งแต่งหน้ากันคนละมุมกับวรรษชล สองคนมองหน้ากัน เธอทำ
เมินแบบงอนที่วรรษชลไม่ง้อ เขาเองก็ระอาในความรั้นของเธอ เจ้เต่ามองทั้งคู่ด้วยสายตาจับสังเกต ช่างหน้าผมคุยกับวรรษชล
“วันนี้นึกยังไง คุณวรรษถึงได้มารับงานพิธีกรในห้างได้คะ” ช่างหน้าถาม
“นั่นสิคะ ทุกทีเห็นแต่อยู่ในป่าเขาลำเนาไพรตลอด” ช่างผมบอก
วรรษชลยิ้มน้อยๆ
“เป็นงานของเด็กด้อยโอกาสน่ะครับ...ผมเองก็เคยเป็นคนด้อยโอกาสมาก่อน ถ้าไม่มีคนมาช่วย ป่านนี้ผมก็คงไม่ได้ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม”
เธอหันมามองแบบไม่เคยรู้จักประวัติวรรษชลมาก่อน เขารู้ว่ามีคนมอง รีบหันไป เธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ช่างหน้าคุยต่อ
“โหย! แต่ตัวตนคุณวรรษก็เป็นคนดีอยู่แล้วล่ะคะ...เรื่องที่ช่วยน้องวุ้นเส้น พี่งี้ยังประทับใจอยู่เลย แต่อย่างน้องเอี๊ยมนี่สิ...มางานแบบนี้ได้ยังไง” แล้วต่างหัวเราะกันคิกคัก
เจ๊เต่าออกรับแทน พูดเชิดๆเริ่ดๆ
“ช่วงนี้เจ๊เร่งปั๊มเงินค่า...อะไรเป็นเงินเป็นทอง”
“เอี๊ยมกับเจ้เต่าเป็นประเภท ทำงานแล้วต้องได้เงินค่ะ ไม่ใช่สร้างภาพ “ เธออดไม่ได้ “ไม่เหมือนคุณวรรษ คุณวรรษ เป็นคนใจดีจริงๆ ชอบช่วยเหลือชาวบ้านไปหมด...แม้กระทั่ง สาวแก่แม่ม่าย”
วรรษชลหันขวับ ทุกคนก็หันขวับมามองแบบ ได้ข่าวใหม่อีกแล้วเว้ย เจ้เต่าสุดระอาเรียก
“เอี๊ยม! ...ขอโทษแทนเด็กเจ๊ด้วยนะคะคุณวรรษ” เจ๊เต่ารู้สึกผิดแทนเด็กตัวเอง
วรรษชลยิ้ม
“ไม่เป็นไรครับเจ้....ผมเจอคนแบบคุณเอี๊ยมมาเยอะ พูดแรงๆ แต่ความจริงเป็นคนใจดี”
เธอค้อนขวับวรรษชลแบบยังงอนเรื่องพิมพิชชาอยู่ ก่อนผุดลุกขึ้นเดินฉับๆออกไป ป้าไก่นำทีมนักข่าวเดินตามเอี๊ยมออกไป วรรษชลมอง ส่ายหน้าระอา




หน้ากากนางเอก ตอนที่ 7 (ต่อ)
ป้าไก่ก้าวฉับๆตามอรัญภัทร พอทันก็เอาไมค์จ่อปาก ถามยิ้มๆ

“รู้รึยังคะมีคนทำเพจแอนตี้น้องเอี๊ยม”
วรรษชลเดินตามมาได้ยินตกใจ แต่เธอกลับยิ้มแย้มไม่ยี่หระ
“รู้ค่ะ”
“จะเอาเรื่องมั้ยคะ”
“เอาเรื่องกับใครคะ”
“ก็คนทำไอจีแอนตี้...แหล่งข่าวเช็ก โลเกชั่นมันอยู่แถวบ้านคุณพิม”
“ โห!...เรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้ เอี๊ยมไม่เสียเวลาหรอกค่ะ ไม่เหมือนคนบางคน ถึงกับต้องเชิญนักข่าว ไปแถ-ลง ถึงที่บ้าน”
“หมายถึงคุณพิมเหรอคะ”
“เอี๊ยมไม่ได้เอ่ยชื่อ ป้าไก่พูดเองนะคะ”
วรรษชลหน้าเริ่มเครียด แขวะพิมไม่หยุด เจ๊เต่า มองทั้งคู่ตลอดเวลา สงสัยกับท่าทางของคนสองคนมากขึ้นทุกที ป้าไก่ยิ้มกริ่ม เสี้ยม
“ก็โลเกชั่นไอจีมันถูกสร้างแถวบ้านคุณพิม ถ้าไม่ใช่คุณพิมแล้วจะเป็นใคร”
เธอยิ้มไม่ยี่หระ
“ไม่ทราบค่ะ เอี๊ยมไม่อยากมีเรื่อง นี่!!ขนาดเอี๊ยมใส่บาตรกรวดน้ำให้เค้าทุกเช้า เค้ายังไม่เคยมาเข้าฝันขอบคุณเอี๊ยมซักคำ”
“หมายถึงคุณพิมเหรอคะ”
อรัญภัทรเน้นแอบจิก
“ป้าไก่อย่าเสี้ยมสิค่ะ อย่างที่ทราบ ว่าเอี๊ยมมีกรณีกับเค้าอยู่ เอี๊ยมไม่อยากทำอะไรให้มันบานปลาย ที่สำคัญ...เค้าเป็นภรรยาคุณพ่อ ก็ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆในครอบครัวแล้วกันค่ะ”
เธอยิ้มหวาน สายแบ๊ว ทำเป็นไม่อยากตอแย แต่คำพูดคือตั้งใจจะดึงป้าไก่ให้สนใจ วรรษชลได้แต่ส่ายหน้า ระอา มองเธออย่างรู้ทัน ป้าไก่/เจ๊เต่ามองสังเกตทั้งสองตลอดเวลา ก่อนที่เจ๊เต่ากับป้าไก่จะหันมาสบตากันโดยบังเอิญ แต่สายตาของสองคนก็รู้กันเป็นนัยๆ
เธอหันมาเห็นสายตาป้าไก่ก็สงสัย
“มองอะไรคะป้า”
“มองคนแอบกินกัน”
เจ๊เต่าไม่พอใจ ป้าไก่ยิ้ม รีบแก้ตัวเป็นพัลวัน
“เอ้ย!! … มองคุณวรรษ”
“มีอะไรครับ”
ป้าไก่ยิ้มประจบ
“ก็คุณวรรษมาดเข้มขึ้นทุกวันน่ะสิคะ...จะสาวๆหรือหนุ่มๆล้วนแต่อยากกินคุณวรรษกันทั้งนั้น”
วรรษชลได้ยินคำพูดตรงๆก็ยิ้มเจื่อนๆหน้าแหยๆ แทบไปไม่เป็น ป้าไก่ได้ทีแหย่ต่อ
“นี่!ป้าถามจริง คุณวรรษสองซิมหรือว่าซิมเดียว ป้าจะได้ทำใจถูก”
เธอสงสารเห็นใจวรรษชล รีบพูดขึ้นทันที
“ผู้หญิงสมัยนี้กล้าจังเลยนะคะ กล้าจนผู้ชายกลัว ถ้าเด็กสาวๆเอี๊ยมยังเข้าใจได้ว่าคะนองปาก แต่คนรุ่นป้า พูดออกมาไม่อายปากแบบนี้ ระวังจะถูกด่าเอาได้นะคะป้าไก่ ว่าแก่กะโหลกกะลา” เธอหันไปยิ้มคุยกับทีมงาน “ใกล้ได้เวลาหรือยังคะ เอี๊ยมจะได้แสตนด์บาย”
“ค่ะๆ เชิญค่ะ คุณวรรษด้วยนะคะ”
ทีมงานรีบพาทั้งสองเดินไปเตรียมตัว ป้าไก่ยิ้มหันไปมองเจ๊เต่า หยิกปลายคางเจ๊เต่าแกล้งเย้ายิ้มๆ
“เตือนเด็กในสังกัดด้วยนะจ้ะที่รัก อย่าทำปากดีให้มาก เพราะถ้าวันไหน มีคนเค้าจับได้ จากโป๊ะแตก จะกลายเป็นยำรวมมิตร พิเศษตีนไก่ ด้วยนะจ๊ะ”
เจ๊เต่าปัดมือป้าไก่ออก บอกเสียงกระด้าง
“โอ๊ย!คงไม่มีวันนั้นหรอกค่าป้าไก่ที่รัก เพราะไก่กำลังจะถูกเผา มันจะถูกเค้าเสียบ เสียบตูดซ้าย เอิ้ว เสียบตูดขวา เอิ้ว!”
เจ๊เต่าร้องเพลงพลางทำท่ายั่วป้าไก่ก่อนเดินตามอรัญภัทรไป ทิ้งให้ป้าไก่ได้แต่ยืนหัวเสีย ตะโกนด่าตาม
“นังเจ๊เต่า”
ป้าไก่โกรธควันออกหู

หลังเสร็จงาน ในเวลาต่อมา ที่หน้าห้างที่จัดงานอีเวนท์ เจ๊เต่าเดินออกมากับอรัญภัทร เพื่อตรงไปยังลาดจอดรถ เจ้เต่าถาม
“นี่!เจ้ถามหน่อย...ตกลง เอี๊ยมกับคุณวรรษนี่ยังไง”
เธอทำมึนๆอึนๆทำเป็นไม่สนใจ
“ยังไง?อะไรเจ๊”
เจ๊เต่าค้อนขวับ
“ก็กิ๊กกั๊กอะไรกันอยู่รึเปล่า??เห็นคุยกัน”
“ถ้าอย่างนี้เรียกว่าคุยกัน...งั้น..เอี๊ยมคงคุยกับคนทั้งโลก”
“จริงนะ”
เธอทำกลบเกลื่อน
“จริงสิ”
เจ๊เต่าค้อนขวับ หมั่นไส้ ประชด
“งั้นก็ดีแล้ว ไม่ต้องคุย จะได้ไม่มีเรื่องผู้ชายให้เจ้ปวดหัวซักอย่าง อีกอย่าง....ป้าไก่จะได้ไม่ต้องมาจับผิดเรื่องของเอี๊ยมกับคุณวรรษ”
เธอหรี่ตามองสนใจ
“ป้าไก่มาเกี่ยวอะไรด้วย”
“เค้าเป็นนักข่าว เค้าย่อมอยากรู้เรื่องทุกอย่างของดารา...อย่าทำอะไรพลาดแล้วกัน...เค้าจะได้ไม่กระทืบซ้ำ”
เธอดวงตาวาววับ ไม่ชอบป้าไก่ เจ๊เต่าพูดต่อ
“นี่!แล้วเห็นรึยัง เวลาเอี๊ยมเรียบร้อยน่ารัก ไม่วีนไม่เหวี่ยง นักข่าวชอบเอี๊ยมจะตาย”
“งั้นก็แปลว่า เจ๊สนับสนุนให้เอี๊ยมเป็นคนตอแหล”
“ฮื่อ!เอ้ย!ไม่ใช่! เจ๊แค่หมายถึง คนเราไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างที่คิด โดยเฉพาะเรื่องที่มันกระทบไปถึงคนอื่น เงียบๆไว้บ้างก็ดี”
เธอเข้ม
“เงียบนะได้...แต่ให้ไม่เอาเรื่องเอี๊ยมทำไม่ได้”
เจ๊เต่าหันขวับ มองตกใจ
“เจ๊จำได้มั้ย เจอกันครั้งแรก เอี๊ยมเคยบอกเจ๊ว่ายังไง”
เจ๊เต่ามองเอี๊ยมใจเต้นไม่เป็นส่ำ ขณะตอบ
“ใครดีกับเอี๊ยม เอี๊ยมจะตอบแทนเป็นร้อยเป็นพันเท่า” เจ๊เต่าบอก
อรัญภัทรยิ้ม หน้าเหี้ยม
“แต่ถ้าใครร้ายกับเอี๊ยม...เอี๊ยมจะไม่มีวันปล่อยมันเอาไว้แน่”

วันใหม่ ณ ถนนข้างทาง สายนอกเมืองที่ค่อนข้างสงบ เธอยืนพิงรถเจ๊เต่าอยู่ พิมพิชชาขับรถคันหรูมา
จอดท้ายก่อนเดินลงมาหา ถามก๋ากั๋นไม่ยอม แต่แอบระแวง
“นัดฉันมาหาทำไม”
เธอตอบกวน
“ไม่ได้ชวนไปซื้อเครื่องสำอาง หรือว่าแนะนำร้านโบท็อกซ็ให้หรอก เพราะหน้าเป็นนางพญาปลวกอย่างเธอ โบท็อกคงช่วยอะไรไม่ได้”
พิมพิชชาแอ๊บยิ้มหวาน
“ช่วยไม่ได้อยู่แล้วจ้ะ เพราะคนอย่างพิมพิชชาแอ๊บเอง” ทำท่าแอ๊บยั่วเ “พูดก็พูดนะเอี๊ยม...มีคนว่าฉันหน้าเด็กกว่าเธอตั้งเยอะ” นางทำท่าเชิดๆเริ่ดๆเปลี่ยนท่าที “เธอมีอะไรก็ว่ามา”
“ไม่แอ๊บแบ๊วเรียบร้อยล่ะ หรือว่า ทำแล้วมันไม่เนียน”
“อยู่กันแค่สองคน..ไม่จำเป็นต้องแอ๊บหรอกมั้ง...เพราะเธอกับฉัน รู้ๆกันอยู่ ว่าแต่ละคนเป็นยังไง”
เธอยิ้มเย้ย
“งั้น...เธอคงรู้สินะ...เรื่องไอจีแอนตี้ฉัน”
พิมพิชชาจ้องหน้าอรัญภัทร ขณะที่มือค่อยๆล้วงเข้าไปในกระเป๋าถือกะอัดคลิปเสียง ถาม
“แปลว่า...เธอทำไอจีแอนตี้ตัวเอง เพื่อใส่ร้ายฉัน”
เธอกระชากมือพิมพิชชาออกมาจากกระเป๋าอย่างแรง มือกำมือถือแน่น ตะคอกบอก
“ เธอทำได้..ทำไมฉันจะทำไม่ได้..และถ้าฉันทำ มันก็ต้องปังกว่าเธอ เพราะฉันดังกว่าเธอ
พิมพิชชามองหน้า โกรธมาก จมูกพะเยิบพะยาบ
“รู้มั้ย เวลาเธอโกรธ จมูกเธอบานยังกับจานดาวเทียม”
เธอกระชากมือถือของพิมพิชชาโยนลงกับพื้น นางกรี๊ด
“อิหมาบ้า”
นางก้มลงจะหยิบมือถือ แต่เธอเอาเท้ากดมือพิมพิชชาเอาไว้อย่างแรงจนนนางร้องลั่น
“โอ๊ยย!” นางดึงมือออกไม่ได้ เพราะโดนเหยียบแรง ได้แต่เอาอีกมือดันขาอรัญภัทรไว้
“ไปฟ้องนักข่าวเลยนะ จะได้ดังสมใจ....แต่เธอต้องหาหลักฐานมาให้ได้ ว่าฉันเป็นคนทำร้ายเธอแล้วก็ใส่ร้ายเธอ เพราะไม่งั้น ฉันนี่แหละจะทวงตำแหน่งนางเอกคืน ไม่ใช่เธอ นังปลวกแอ๊บแบ๊ว”
เธอยกเท้าออกจากมือของพิมพิชชา แล้วเตะมือถือของนางออกไปกลางถนน รถที่วิ่งไปมา เหยียบมือถือของพิมพิชชาจนแหลกละเอียด นางหน้าแหย ร้องลั่น
“แก”
เธอทำหน้ายียวนยั่ว
“อยากมีสภาพอย่างมือถือ ก็ลองมีเรื่องกับฉันสิ...อีเหี่ยว!”
พิมพิชชาได้แต่มองเธอด้วยความเจ็บช้ำใจ แค้นมาก

ในเวลากลางคืน พิมพิชชามาร์สหน้ากันเหี่ยว พร้อมทั้งมาร์สทิชชู่บริเวณดวงตา พร้อมนอนไปด่าอรัญภัทรไป
“ฉันเกลียดนังเอี๊ยมที่สุดเลย ..อิบ้า ทำให้ฉันต้องซื้อมือถือใหม่ ช่วงนี้ท่านยิ่งกรอบๆ ไม่มีเงินแอดว๊านซ์ให้ฉันอยู่ด้วย แล้วอีกตั้งหลายวัน กว่าท่านจะกลับมา”
นางโยนมือถือรุ่นธรรมดา ไม่เริ่ดเวอร์รุ่นใหม่ให้เบอร์รี่ ท่าทางกระแทกกระทั้น เบอร์รี่อมยิ้ม มือเร็วเท่าความคิด กดหาเบอร์โทร. ของอรัญภัทร โทร.ออก
ที่คอนโด อรัญภัทรเห็นเบอร์ของพิมพิชชาก็ของขึ้น คว้าหมับกดรับ ไม่ทันจะพูดอะไรออกไป ก็ได้ยินเสียงพิม
“คำก็เหี่ยว สองคำก็เหี่ยว ฉันเหี่ยวกว่ามันตรงไหน แกตอบฉันมาซิเบอร์รี่”
เธอเงี่ยหูฟัง เบอร์รี่ก็มองมือถือ เห็นอีกฝ่ายรับสายแล้ว เบอร์รี่ก็รีบว่า
“ถ้าประจบ...ก็..ไม่จริงหรอกค่ะพี่พิมหน้าใสหน้าเด้งจะตาย บอกว่าอายุเฉียดจะสี่สิบก็ไม่มีคนเชื่อ”
อรัญภัทรหน้าหงิก อ้าปากจะสวน แต่ได้ยินเสียงเบอร์รี่
“แต่ถ้าให้พูดความจริง”
นางเอกสาวตั้งใจฟัง ได้ยินเสียงพิมพิชชา
“อย่าแกว่งปากหาส้นเท้าฉันนะ นังเบอร์รี่”
“แหมๆๆๆ...หาเรื่องจะเอาเท้าประเคนลงบนปากเบอร์รี่ตลอดเลยนะคะ...เบอร์รี่ยังพูดไม่จบเลย เพราะถ้าให้พูดความจริง นังเอี๊ยมสิคะทั้งแก่ทั้งเหี่ยวกว่าพี่พิม อายุแค่ยี่สิบกว่าๆหน้าปาไปสี่สิบ ไม่รู้มันจะรีบแก่ไปไหน ทั้งหน้าทั้งตามันไม่มีอะไรเทียบเท่าพี่พิมได้เลยค่ะ”
เบอร์รี่รีบกดวางสายทันที แล้ววางมือถือลง อรัญภัทรโกรธจนเนื้อตัวสั่น ขณะที่พิมหัวเราะลั่น กระเด้งตัวขึ้นมา
“ขอยืมคำด่าของแกหน่อยนะ...ฉันอยากรู้ถ้ามันเจอฉันด่าอย่างนี้..มันจะเป็นยังไง”
อรัญภัทรกดสายมาหาพิมพิชชา เบอร์รี่มอง เห็นเป็นเบอร์อรัญภัทรโทร.มาก็แอบอมยิ้ม พิมพิชชา
มองมือถือสะดุ้ง จริงๆยังกลัวนางเอกสาวอยู่ เบอร์รี่ยุทันที
“รับเลยสิคะพี่พิม...มันโทร.มาถึงขนาดนี้ จัดการล้างแค้น ด่ามันเลย”
พิมพิชชาทำหน้าเจ้าเล่ห์
“ได้!” นางกดสายรับทันทีแต่กดเรคคอร์ดเอาไว้ถามเสียงหวาน “มีอะไรกับพิมคะคุณเอี๊ยม”
เวฬุยา เขมปัญฑา เจ๊เต่าเดินมาข้างหลัง เป็นจังหวะเดียวกับที่เธอด่าพิมพิชชา
“อยู่ต่อหน้าฉันทำไมไม่กล้าปากดี ถนัดนักเรื่องลับหลัง นังหมาลอบกัด สันดานทราม มีปม สมองขาดการพัฒนา ต่อให้ wanna be กระเสือกกระสนเป็นเมียน้อยพ่อฉัน แกก็ทำได้แค่ไฮโซหน้าเขียด เอาเป็นว่าฉันจะแผ่เมตตาให้แล้วกัน ชาติหน้าเธอจะได้เกิดเป็นคน เพราะสันดานอย่างเธอ ชาติหน้าอาจจะไม่ได้เกิดเป็นคนอีก อีเหี่ยว!”
อรัญภัทรวางสาย พิมพิชชายิ้มหวานสะใจ แอบอัดเสียงได้แบบเต็มๆ ฝ่ายนางเอกยิ้มสะใจนึกว่าแม่เลี้ยงเถียงไม่ทัน แต่พอหันหลังมาก็ต้องหน้าเหวอไปทันที เมื่อทุกคนยืนมองอยู่ แต่ละคนทำหน้าแบบ โห!เธอเล่นแรงอีกแล้ว




หน้ากากนางเอก ตอนที่ 7 (ต่อ)
วันใหม่ ทุกคนเดินเข้ากองถ่าย ทันทีที่เห็นอรัญภัทรก้าวเท้าเข้ามา นักข่าวก็กรูกันเข้ามา

“น้องเอี๊ยมคะน้องเอี๊ยม” ป้าไก่ถามเคย
“ป้าไก่พูดกับเอี๊ยมเสียงอ่อนเสียงหวานอย่างนี้ มีเรื่องทุกที คราวนี้มีอะไรอีกคะ”
ป้าไก่ยิ้มหวานไม่ตอบ แต่หยิบไอแพดขึ้นมาเปิดคลิปเสียงเธอที่ถูกแชร์กันไปทั่ว
“... เอาเป็นว่าฉันจะแผ่เมตตาให้แล้วกัน ชาติหน้าเธอจะได้เกิดเป็นคน เพราะสันดานอย่างเธอ ชาติหน้าอาจจะไม่ได้เกิดเป็นคนอีก อีเหี่ยว!”
อรัญภัทรหน้าซีดเผือด เจ๊เต่า เขมปัญฑาหน้าซีดตกใจ เวฬุยาหน้าเหวี่ยง ขณะที่ป้าไก่ยิ้มเหยียด
นักข่าวฮือฮามะรุมมะตุ้ม ป้าไก่ยิงคำถาม
“ไหนต่อหน้า น้องเอี๊ยมบอกไม่อยากให้เรื่องบานปลาย ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆในครอบครัว แล้วทำไมลับหลังโทร. ไปด่าคุณพิมขนาดนี้คะ”
นักข่าว1 ถามต่อ
“แสดงว่าเอี๊ยมต่างหากที่เป็นฝ่ายจบไม่จริง”
เธอหน้าซีดปากสั่น ยังไม่ทันจะตอบ ผกก.เดินฝ่าวงล้อมเข้ามาอย่างหงุดหงิด
“ตกลง วันๆจะมีแต่ข่าวฉาวให้นักข่าวมาสัมภาษณ์ใช่มั้ยเอี๊ยม”
“ไม่นะคะ”
“งั้นก็..บอกนักข่าวกลับไป จะได้ทำงาน”
ป้าไก่อ้อน
“ขออีก 5 นาทีนะคะ ผู้กำกับขา...ขอฟังคำตอบจากน้องเอี๊ยมอีกแค่นิดเดียว... ตกลง..น้องเอี๊ยมใช่มั้ยคะ ที่เป็นฝ่ายไม่ยอมจบ”
“ก็ถ้าเผื่อป้าไก่เชื่ออย่างนั้นไปแล้วจะมาถามเอี๊ยมทำไม”
“ก็แล้วถ้ามันไม่ใช่...หาคำตอบดีๆมาบอกทุกคนสิคะ...จะได้ไม่ต้องสร้างเรื่องตอแหล”
ทุกคนฮือฮา ป้าไก่ก็แรง อรัญภัทรก็แรง
“เรื่องจริงมันเป็นยังไง เธอก็บอกเค้าไปสิ” เวฬุยาว่า
“ก็มันด่าฉันก่อน”
ป้าไก่ถาม
“ไหนละคะหลักฐาน เพราะฟังกี่ทีๆ พี่ก็ว่าคุณพิม เค้าพูดจากับคุณเอี๊ยมดี๊..ดี”
ป้าไก่กวนโมโห เปิดคลิปตั้งแต่ต้นให้ฟัง
“มีอะไรกับพิมคะคุณเอี๊ยม”
เธฮหน้าซีด เถียงไม่ได้จริงๆ ความโกรธความแค้นเริ่มเก็บอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
“หลักฐานชัดเจนขนาดนี้...ขอโทษดีกว่าเอี๊ยม”
เธอหันขวับมามองตาเขียวใส่เวฬุยา
“ทำไมฉันต้องขอโทษในเมื่อฉันไม่ใช่คนผิด นังอสรพิษนั่นต่างหากที่เป็นคนเริ่มต้นทุกอย่าง”
“งั้นก็เอาหลักฐานมาสู้สิ...เธอดีแต่เอาอารมณ์อย่างนี้ ใครจะเชื่อเธอ”
“ถึงใครไม่เชื่อ ฉันก็หวังว่าพวกเธอจะเชื่อ แต่เธอกำลังต้อนให้ฉันเป็นฝ่ายจนมุม ตกลง เธอหวังดีต่อฉัน หรือหวังร้ายต่อฉันกันแน่มะม่วง”
เจ๊เต่าหน้าซีด เด็กในสังกัดทะเลาะกัน เวฬุยายิ้มเย็น
“เรื่องนี้...ฉันว่า...ให้เขมเป็นฝ่ายตอบดีกว่า...ว่าใครหวังร้าย/หรือว่าหวังดีต่อเธอ”
เวฬุยาหันหลังจะเดินหนี อรัญภัทรตรงไปกระชากเต็มแรง
“อย่าเพิ่งไป มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวเซล้มลงไป “โอ๊ย!”
ทุกคนฮือฮา ตกตะลึงคาดไม่ถึง มีลุ้น ตบกันแน่
อรัญภัทรปราดเข้าไปหา ดึงมือ
“ฉันขอโทษ”
อีกฝ่ายปัดมือออก
“พ่อแม่ฉันสอนมาตลอด คนที่ชอบใช้กำลังคือคนโง่...เผอิญฉันไม่ใช่คนโง่ซะด้วยสิ...ฉันเลยไม่คิดจะโต้ตอบเธอด้วยการใช้กำลัง” เวฬุยาบอกกับเจ๊เต่า “ถึงคิวถ่ายเมื่อไหร่ ค่อยไปตามแล้วกันนะคะ...แต่ท่าทางน่าจะอีกนาน...เพราะนางเอก ยังเคลียร์ตัวเองไม่ได้เลย”
เวฬุยาสะบัดหน้าเดินไป ทีมงานและนักข่าวฮือฮา ป้าไก่หัวเราะเยาะ
“นี่หนูทะเลาะกับทุกคนเลยเหรอคะเอี๊ยม”
เจ๊เต่ารีบแก้ตัว
“ไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆนะคะ สร้างกระแสเรียกงานอีเวนท์เท่านั้น”
เวฬุยาหันขวับมาบอก
“จะอีเวนท์หรืออีเวรก็ไม่ไปค่ะ ไม่ใช่งานถนัด”
“เขมก็ไม่ไปค่ะ...ไม่ถนัดเหมือนกัน”
เขมปัญฑาเดินตามมะม่วงออกไป เจ๊เต่าหน้าซีดเผือดบอก
“แซวกันแรงๆแบบนี้ล่ะคะ ใครอยากสัมภาษณ์อะไรยังไง เจอกันงานอีเวนท์หน้านะคะ..ตอนนี้ขอตัวถ่ายละครนิ้ดนึง” แล้วดึงมือนางเอก “ไปเอี๊ยม”
อรัญภัทรกับเจ๊เต่าจะเดินเข้าไป ทีมงานเดินมาบอก
“ไม่ต้องค่ะ ผู้กำกับยกเลิกฉากที่มีเอี๊ยม เขม มะม่วงแล้วค่ะ เดี๋ยวจะถ่ายฉากอื่นแทน”
เจ๊เต่าอ้าปากหวอ “หา”
“ไม่หาล่ะค่ะเจ้ พี่เค้าบอก เคลียร์ปัญหากันได้เมื่อไหร่ค่อยมา เพราะถ้ามาอย่างนี้ ทีมงานทำงานไม่ได้เลยค่ะ วันๆมีแต่เรื่อง”
ทุกคนหน้าซีดสนิท ป้าไก่ยิ้มกริ่มสะใจได้ข่าว

มุมหนึ่งของกองถ่าย ป้าไก่โทรศัพท์
“ลงข่าวอย่างที่ฉันบอกนั่นแหละ นางเอกปากหมาเกรดตกอับ แท็คทีมเพื่อนสาวด่ากันกลางกอง”
ป้าไก่ยิ้มเหยียดพอใจมาก

อรัญภัทรกับเจ๊เต่าเดินคอตกห่อเหี่ยวมาที่รถ
“นี่เอี๊ยมทำความเดือดร้อนให้เขมกับมะม่วงเหรอคะ”
“เจ๊ไม่ตอบหรอกนะ...เพราะเจ้พูดกับเอี๊ยมบ่อยแล้ว บ่อยจนเหนื่อย”
“เอี๊ยมคง..แย่มากจริงๆ”
“เอี๊ยมรู้คำตอบอยู่แล้ว อย่าให้เจ๊ต้องพูดเลย..ขึ้นรถ”
“เจ๊กลับไปก่อนเถอะค่ะ ...เอี๊ยมอยากอยู่คนเดียว”
เจ๊เต่าไม่ง้อ
“ตามใจ...แต่หวังว่า จะไม่สร้างปัญหาใหม่ให้เจ๊อีกนะ”
เจ๊เต่าเป็นฝ่ายขึ้นรถแล้วขับออกไปก่อน ไม่สนใจ เธอมองตามรถเจ๊เต่าค่อยๆห่างออกไปๆ จนไกลลิบ ได้แต่น้ำตาคลอ

เวลากลางคืน ท่ามกลางความมืด บรรยากาศดูเงียบเหงา เดียวดาย อรัญภัทรเดินกอดอกท่าทางทรุดโทรมห่อเหี่ยว วรรษชลเดินตามหลังมา ค่อยๆเดินมาใกล้ เธอรู้สึกตัวว่ามีคนมายืนอยู่ข้างๆก็หันไปมอง พอเห็นวรรษชลก็ตกใจ
“คุณ...” สายตาทั้งดีใจ เสียใจ น้อยใจ เต็มไปด้วยคำถาม “มาได้ยังไง”
วรรษชลจริงจัง
“เหมือนทุกครั้งที่เราเจอกันที่นี่....ข่าวคุณออกจะดัง”
เธอหน้าหม่นลง วรรษชลบอกอ่อนโยนแต่จริงจัง
“ถ้าคุณยัง..อยากทำงานในวงการ..ผมว่า คุณควรแคร์ทุกคน”
เธอเสียงสูง “แคร์ทุกคน”
วรรษชลพยักหน้า
“อย่าลืม!! คุณเป็นคนของประชาชน ไม่ว่าจะคนดู ทีมงาน นักข่าว คุณควรให้เกียรติพวกเค้า เพราะเราทุกคนต่างทำงานตามหน้าที่ คุณไม่ควรจะวีนเหวี่ยงใช้อารมณ์”
เธอจะโวยอีก
“ก็พิมพิชชามันหาเรื่องฉันตลอด”
“นั่นเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะต้องป่าวประกาศให้คนทุกคนฟัง เพื่อให้เค้าช่วยตัดสิน ใครผิด ใครถูก เพราะยังไงคนที่เสียหาย... ก็คือครอบครัวของคุณ..หรือไม่จริง”
เธอเงียบ คิด เหมือนวรรษชลจะพูดถูก
“อีกอย่าง...ผมว่า..คุณไม่ควรใส่อารมณ์กับเพื่อนของคุณ”
“ก็..มะม่วงหาเรื่องฉันก่อน”
“ผมยืนฟังคุณเนี่ย...คุณพูดแต่คนอื่นหาเรื่องคุณ คุณเอาแต่โทษคนอื่น ไม่เคยโทษตัวเองเลย”
เธออ้าปากจะเถียง วรรษชลชิงพูดขึ้น
“ทุกอย่างมันมีเหตุมีผลกันทั้งนั้น เพื่อนคุณหวังดี หรือหวังร้ายแก่คุณ..คุณย่อมรู้อยู่แก่ใจ”
เธอนิ่งงัน

คืนเดียวกัน เขมปัญฑาหิ้วของที่ซื้อมาจากตลาดลงจากรถ ยายของเธอกำลังรดน้ำต้นไม้ ป้าศรียืนมอง เธอส่งของให้ป้าศรี แล้วประคองยายเข้าบ้านไป อย่างนอบน้อมอ่อนโยน...
ปราชญ์มองตามเขมปัญฑาเดินเข้าบ้านไปอย่างอ่อนโยน และชั่งใจ...

เวลาต่อมา ที่คอนโดฯ เขมปัญฑานั่งมองดูกระดาษโน้ตสีสวย ในมือกำปากกา ...ท่าทางครุ่นคิดหนักใจ ก่อนตัดสินใจลงมือเขียนโน้ต ถึงเพื่อน...เขมมีเรื่องจะบอก...เรื่องคุณวรรษ

อรัญภัทรเงียบ สีหน้าและแววตาดูอ่อนโยนขึ้น วรรษชลพูด
“ถ้าผมรู้สึกว่า...ผมทำผิดกับเพื่อน ผมจะไปขอโทษเค้า”
เธอสวนทันควัน
“จะบ้าเหรอ คนอย่างฉันเคยขอโทษใครที่ไหน”
“คนไม่เคยขอโทษ ไมได้แปลว่าถูก ผมว่ามันน่าอายมากกว่า ที่ผิดแล้วไม่กล้าพูดว่าตัวเองผิด คนตรงมันต่างกับคนตอแหลตรงนี้น่ะเอี๊ยม”
“นี่คุณด่าฉันเหรอ”
“ไม่ได้ด่า..ผมกำลังทำนิสัยเหมือนคุณไง พูดตรงๆ แรงๆ โดยไม่สน ไม่แคร์ว่าคนฟังเค้าจะรู้สึกยังไง” เธอสะอึก ถูกวรรษชลด่าอีกดอก แล้วพูดต่อ
“ คนตอแหล ก็แค่แรงไปวันๆ แต่คนตรง คนแรง ต้องรู้จักรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำด้วย”
“จะพยายามค่ะ...แต่รู้ไว้นะคะ...ผู้ชาย พูดคำว่า ตอแหลไม่น่ารักเลย”
“ผมแค่อยากให้คุณรู้สึก ผู้หญิง พูดตอแหลก็ไม่น่ารักเหมือนกัน”
เธอมองค้อนก่อนอมยิ้มให้ วรรษชลทอดเสียงอ่อน
“เวลาจะทำอะไร...นึกถึงใจเขา...ใจเรานะเอี๊ยม”
เธอยิ้ม ไม่ตอบ แต่สายตาบอกว่าเชื่อวรรษชล

วันใหม่ อรัญภัทรทำอาหารเช้าแบบง่ายๆ เดินมาจัดสำรับที่โต๊ะอาหาร เจ๊เต่าเดินมาถามงงๆ
“นึกไงทำอาหารเช้า”
เธอยิ้มกวนเจ้เต่า
“นึกไงมาจับผิดเอี๊ยม ไม่ยอมไปปลุกสองสาวล่ะคะเจ๊”
“ใคร”
“ก็เขมกับมะม่วงน่ะสิ”
“ทำไมต้องปลุก”
“เอ้า!เจ๊ก็พูดแปลก...ปลุกให้เค้าลุกมากินเบรกฟาสต์ฝีมือเอี๊ยมนะสิคะ”
“เขมกับมะม่วงไม่อยู่”
เธอตกใจ งงจริงๆ
“หมายความว่ายังไงคะ”
“เขมกับมะม่วงเบื่อการเป็นข่าว เบื่อการสร้างกระแสเรียกอีเวน เอ๊ย!อีเวนท์ เบื่อเอี๊ยม พอดีกับมีช่วงพักกอง เค้าก็เลยขอไปทำธุระส่วนตัวกันน่ะ”
อรัญภัทรหน้าเสีย มองดูอาหารบนโต๊ะ ไม่มีคนกิน เจีเต่ามองสงสาร แต่ไม่พูดอะไร

อ่านต่อตอนที่ 8




กำลังโหลดความคิดเห็น