หน้ากากนางเอก ตอนที่ 5
อรัญภัทรยืนที่เดิม แต่ไม่ได้ครุ่นคิดที่เบอร์รี่บอกเธอเป็นไอดอล คำพูดของเบอร์รี่ดังก้องหู
“คุณพิม...ยัง... ยังคิดจะปัดรังควานวิญญาณคุณหญิง ทำยังกับคุณหญิงตายแบบไม่ปกติอย่างนั้นแหละ”
เธอเต็มไปด้วยความฉงนสงสัย ได้แต่ถามตัวเองในใจ
“หรือว่านังพิมมันจะทำอะไรคุณแม่”
มือของใครคนหนึ่งตะปบเข้าที่ไหล่ เธอหลับหูหลับตา ร้องกรี๊ด
เจ๊เต่าตกใจเป็นห่วง
“คิดอะไรอยู่เอี๊ยม เจ๊เอง”
เธอผ่อนลมหายใจยาว คลายตกใจ “เจ๊เต่า”
“เป็นอะไรของเธอเอี๊ยม ถึงได้มานั่งทำท่าจับเจ่าครุ่นคิดจิตใจไม่อยู่กะร่องกะรอยแบบเนี๊ยะ”
เธอปรับอารมณ์กลับมาพูดแบบครุ่นคิดหนักอีก
“เอี๊ยมฝันว่าแม่ตายอย่างทรมาน แล้วเด็กที่ชื่อเบอร์รี่ก็มาบอกว่า นังพิมมันว่าแม่เอี๊ยมเป็นผีมาหลอกมัน...ทำไมมันดูประจวบเหมาะกันจังเลย หรือว่าแม่ต้องการจะบอกอะไร”
“เจ๊ว่าเอี๊ยมคิดมาก ผีเผออะไรที่ไหน ใครจะพูดอะไรก็ปล่อยให้มันพูดไป แต่ใจเราสิต้องนิ่งไว้อย่าไปเก็บมันมาคิดให้ต้องกังวล”
“แต่ว่า...”
“ไม่เอา ไม่เอา ไม่พูด ไม่คิดมาก นี่ก็ดึกแล้วเจ๊ว่าไปนอนพักเอาแรงไว้ต่อสู้กับนักข่าวในวันพรุ่งนี้ดีกว่า...ปะ....เร๊ว”
เจ๊เต่าลุกขึ้นดึงแขน เธอยังทำหน้าครุ่นคิดแต่ก็อยากรู้ว่าจะต้องไปไหน
“พรุ่งนี้...เอี๊ยมต้องไปงานอะไรเหรอ”
“ก็กองถ่ายเค้าคอนเฟิร์มคิวมาแล้ว พร้อมกับเหตุผลที่เจ๊ฟังแล้วมันเจ็บจี๊ดปี๊ดขึ้นไปถึงรากผมยิ่งกว่าโดนผู้ชายทิ้งซะอีกเนี่ย”
“อะไรเหรอ”
“ก็เค้าบอกว่ารีบถ่าย รีบเสร็จไป จะได้ไม่ต้องเจอกับดาราเรื่องมากที่ไปกับผู้ชายละยิ้มหวาน แต่พอมากองถ่ายดันทำหน้าเป็นตาปลา...เอี๊ยมคงรู้นะว่าตาปลาน่ะมันอยู่ตรงไหน” เจ๊เต่าพูดไปพลางชี้มือไปที่ส้นเท้า เธอมองตามสีหน้าเจื่อน
วันใหม่ อานนท์เดินมาที่โต๊ะกินข้าว โดยมีพิมพิชชาเตรียมจัดโต๊ะอยู่
“อุ๊ย good morning ค่ะท่าน...วันนี้ ตื่นไวจังเลย ท่านคะ กระเป๋าที่จะเดินทางคืนนี้พิมเตรียมไว้เรียบร้อยหมดแล้วนะคะ”
“อืม”
อานนท์มีสีหน้าเพลียๆพิมมองหน้าอานนท์แบบสงสัย
“เอ่อ...ท่านเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“อืม...เมื่อคืน ผมนอนไม่ค่อยหลับ ไม่รู้ทำไม”
“อาจเป็นเพราะ พิมแน่เลยคะ”
อานนท์สงสัย
“มีอะไรหรือเปล่า พิม”
“คือ... คือ ....พิมเจอ ผี ค่ะ .... ผีนัง...เออ ...ผีคุณสุวรีย์”
“ผีคุณสุวรีย์”
พิมพิชชาโกหก
“คือ ท่านมาบอกว่า อยากไปเกิดแล้ว ให้เราทำบุญไปให้ นะคะ”
“ก็ดีนะ...ถ้างั้นหลังที่จากเรา 2 คน กลับจากประชุมงานที่อเมริกา เราไปทำบุญให้คุณรีย์กันนะ”
เข้าทาง...
“ไม่ได้คะต้องรีบทำเลยนะคะท่าน..ส่วนเรื่องไปอเมริกา คือ พิม อยากไปนะคะ แต่พิมกลัวว่าคนอื่นจะมองพิมไปผลาญเงินท่าน ให้พิมอยู่ทำบุญส่งให้คุณผู้หญิงดีกว่านะคะ”
“พิม แต่ผมไปเป็นเดือนเลยนะ คุณแน่ใจนะ ว่าจะไม่ไปกับผม”
“คะ แล้วอีกอย่าง พิมอยากจะไปปรับความเข้าใจกับคุณเอี๊ยมด้วยคะ พิมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย ที่คุณเอี๊ยมยังเข้าใจพิมผิดอยู่แบบนี้”
อานนท์มองพิมด้วยสายตาซาบซึ้ง คว้าตัวพิมพิชชาเข้าไปกอด
“โถ๋...คนดีของผม ถ้าคุณต้องการแบบนั้น ผมก็จะไม่บังคับ”
“ขอบคุณค่ะท่าน”
“ผมขอโทษนะพิม ที่ผมเลี้ยงลูกได้ไม่ดี ทำให้คุณต้องมาทุกข์ใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้”
พิมพิชชาเงยหน้ามองอานนท์
“ไม่เอาคะ ท่านอย่าโทษตัวเองสิคะ ไม่มีใครผิดทั้งนั้นคะ พิมสัญญาว่าพิมจะเอาชนะใจคุณเอี๊ยมให้ได้คะ”
“พิมเป็นคนดี ผมเชื่อว่าซักวันยัยเอี๊ยมจะต้องยอมรับในตัวคุณ”
พิมพิชชายิ้ม สบโอกาส ขณะไม่ได้มองหน้า
“ขอบคุณนะคะ...ที่ท่านเปิดโอกาสให้พิม กลับไปหา” แล้วเธอก็ต่อเสียงเบา “วรรษ!” ก่อนลงหนักคำพูดอีกครั้ง “นู๋เอี๊ยม”
ที่โชว์รูม พาทีกับดาริกาในมือมีแฟ้มงาน สองคนคุยกัน
“งานยังไม่ลงตัวหลายอย่างเลย ยังไงเราคงต้องรอให้คุณปราชญ์คอมเฟิร์ม”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นล่ะค่ะ”
ปราชญ์เดินเข้ามา
“ที่ให้ตามเป็นไงมั่ง”
พาทีเสียงอ่อยๆ
“สรุปทุกอย่างอยู่ในนี้แล้วครับ” พาทียื่นแฟ้มให้
ปราชญ์รับแฟ้ม มองสองคนที่จ๋อยๆอย่างสงสัย เปิดแฟ้มดูพลางถามมีฟอร์มเนียนๆ
“แล้วคุณเขมปัญฑาอะไรนั่นล่ะ”
ดาริกาจ๋อย
“ยังติดต่อไม่ได้เลยคะ”
ปราชญ์ถามเร็วปรื๋อตามประสาเจ้านาย
“ทำไม”
ดาริกากลัว
“เอ่อ...ไม่ทราบจริงๆค่ะ โทรฯไปยังไง เจ้เต่าก็ไม่รับ”
“จะไม่รับได้ยังไง” ปราชญ์ท่าทางไม่เชื่อ
“เจ๊เต่าไม่รับจริงๆครับ จะผม หรือคุณดาโทรฯไป เจ้เต่าก็ไม่รับ”
“ไม่มีความเป็นมืออาชีพซะเลย”
พาทีรีบเสริม
“ใช่ครับ!! ติดขัดปัญหาอะไรน่าจะคุยกัน”
“ผมหมายถึงคุณสองคน ไม่ใช่เค้า”
พาที-ดาริกาเหวอ “เหอ”
“ติดต่อคนแค่นี้ติดต่อไม่ได้ มันจะเป็นไปได้ยังไง?? โทรฯเดี๋ยวนี้เลย ผมจะรอฟังคำตอบ”
พาทีกับดาริกากะวีกะวาดควาญหาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากดโทร. หาเจ๊เต่ากันพัลวัลทั้งคู่
ทุกคนเดินออกมาจากกองถ่าย ตรงไปบริเวณรถ เวฬุยากับอรัญภัทร มีสีหน้าอึนๆไม่สบ
อารมณ์เท่าไหร่ เจ้เต่าบ่น
“ถ้าไม่อยากให้บรรดานักข่าว ถามอะไรที่ตอบลำบาก วันหลังก็อย่าทำอะไร ที่มันจะเป็นข่าวได้นะจ้ะ”
ทั้งคู่หน้าเครียด เขมปัญฑาว่า
“เราอยู่วงการเรื่องข่าวก็เป็นธรรมดาล่ะค่ะป้า แต่เรื่องงาน พี่ผกก.เค้าไม่เห็นบอกเลย ว่า ไว้ร่วมงานกันใหม่”
เวฬุยาหัวเราะเยาะ
“จะบอกได้ยังไง ซุปตาร์แถมชอบเบี้ยวคิว ใครก็เข็ดกันทั้งนั้นแหละ”
เธอถอนหายใจยาว
“เรื่องนี้จะพูดจนลูกฉันโตเลยรึไง”
“เฮ้ย! นี่เอี๊ยมคิดจะมีลูกแล้วเหรอ”
ทุกคนถาม
“กับใคร”
“เอ่อ!”
เจ๊เต่าตาโตตกใจ ถามรัวเร็ว
“คุณวรรษเหรอ?ที่มีคนเห็นว่าเอี๊ยมเป็นตุ๊กตาหน้ารถคุณวรรษเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย นี่ บอกเจ้มาเลยนะ หลังจากวันนั้น แอบไปไหนอะไรกันอีก” เจ๊เต่าทำท่าหยิก
เธอหลบโอดครวญ
“ก็เอาเบอร์รี่ไปฝากกับคุณวรรษเท่านั้นเอง”
เจ๊เต่าดุ
“อย่าให้รู้ทีหลังนักข่าวนะ ว่ามีอะไรมากกว่านั้นน่ะ”
เธอหน้าแหย เสียงมือถือของเจ๊เต่าดัง เอี๊ยมได้ทีรีบบอก
“โทรศัพท์เจ้ โทรศัพท์ รับสายเร็ว เดี๋ยวงานก็หลุดหรอก”
เจ๊เต่าชี้หน้าเอี๊ยมแบบฝากไว้ก่อน คว้ามือถือขึ้นมา แบบไม่ได้ดู
“สวัสดีค่ะ”
ดาริกาถือโทรศัพท์ หน้าซีดทันทีที่เจ๊เต่ารับสาย
“ดานะคะเจ๊เต่า”
ปราชญ์เอื้อมมือมาหยิบมือถือจากดาริกาไปคุยเอง
เจ๊เต่าทำหน้าแบบ ม่น่ารับสายเลย ก่อนถาม
“มีอะไรคะคุณดา”
ปราชญ์พูดสุภาพ แต่เอาแต่ใจตัวตามนิสัย ออกแนว
“จะคอนเฟิร์มคิวของคุณเขมปัญฑาน่ะครับ”
เจ้เต่า ได้ยินเสียงปราชญ์ก็ชักสีหน้า เสียงวางอำนาจ ไม่ได้สนใจว่า ปลายสายเป็นใคร รู้แต่ว่าฉุน แต่เจ๊เต่าก็ตอบกลับสุภาพว่า
“ทันทีที่ทางคุณดาแคนเซิลน้อง เจ้ก็ลงคิวงานใหม่ให้น้องเลยค่ะ อย่างที่เรียนแต่แรก คิวน้องแน่นทุกวัน ที่ยอมปล่อยคิวให้กับคุณดา เพราะคุณดาบอกอยากร่วมงานกับน้อง ไม่งั้น..เจ้ไม่ปล่อยตั้งแต่ทีแรกแล้วค่ะ”
ปราชญ์รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง
“แต่ตอนนี้คอนเฟิร์มงานทุกอย่างแล้วนะครับ เหลือแต่คิวคุณเขม เอ่อ คิวน้อง”
“ยังไงก็ไม่ได้ค่ะ เพราะเจ้ให้คิวคนอื่นไปแล้ว ขอโทษด้วยนะคะ สวัสดีค่ะ”
ปราชญ์รีบบอก
“เดี๋ยวครับ”
“คะ”
“ต้องการค่าเหนื่อยเพิ่มเท่าไหร่ ถึงจะมางานผมได้”
เจ๊เต่าชักสีหน้า
“ไม่ได้เกี่ยวกับค่าเหนื่อยค่ะ มันเกี่ยวที่จิตใจ ถ้าอยากร่วมงานกับเราจริงๆ งบไม่ถึง เราก็ไปให้ได้ แต่ประเภทลักปิดลักเปิด เดี๋ยวเฟิร์ม เดี๋ยวไม่เฟิร์ม คอยแต่จะเอาเงินฟาดหัว ให้มากแค่ไหน ก็ไม่ไปค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ที่เสียค่าโทรศัพท์โทรฯมา”
เจ๊ต่ากดวางสายทิ้งไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ปราชญ์มือยังกำมือถือค้าง แบบถูกด่าเต็มๆ พาทีกับดาริกามอง หน้าแหยๆพาทีถาม
“สรุปว่าไงครับ”
“คุณเขม มาหรือไม่มาคะ”
ปราชญ์หงุดหงิด
“ไม่มา! แต่ผมอยากให้เค้ามา”
พาทีกับดาริกาหน้าแหย มองตากันแบบอะไรวะ ปราชญ์ยิ่งหงุดหงิด เอาแต่ใจ
ปราชญ์นิ่งไปนิดก่อนบอก
“ลองให้ทีมออกาไนซ์ติดต่อแทน บางทีเค้าอาจจะมีความสามารถมากกว่าพวกคุณก็ได้”
ปราชญ์เดินไปแบบหัวเสีย ลึกๆรู้สึกผิดไม่น้อย ถูกด่าเต็มๆ พาทีกับดาริกามองหน้ากัน
“แล้วทำไมถึงต้องเป็นคุณเขม”
พาทีส่ายหน้า “ก็ไม่รู้สิ!!”
สองคนมองตากันแบบสงสัย
ปราชญ์เดินเปิดประตูเข้าห้องทำงานด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ทำเป็นเล่นตัว...ฮึ”
ปราชญ์พูดออกมาอย่างเย่อหยิ่งที่เขมปัญฑากล้าปฏิเสธงานโดยไม่รู้สึกผิดว่าเป็นคนไปแคนเซิ่นงานเค้าก่อน ก่อนทอดสายตามองไปยังปกนิตยสารที่เป็นรูปของสามสาวในสังกัดเจ๊เต่า เขามองรูปเขมปัญฑา
คอนโดเจ๊เต่า ตอนกลางคืน อรัญภัทรนั่งอยู่ ท่าทางครุ่นคิด ไม่สบายใจ เจ๊เต่าเดินมาเห็น
“ไม่รีบนอนอีก พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้า”
“คิดถึงคุณพ่อยังไงไม่รู้เจ้..”
“โทรฯไปหาท่านสิ ท่านจะได้ดีใจ”
“ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวพ่อจะได้ใจว่าเอี๊ยมไปง้อ”
“เอ้า!พ่อลูกกัน ใครง้อใครก่อนจะเป็นไรไป”
“เป็นสิเจ้ เพราะยายพิมสารพัดพิษยังอยู่ ถ้าเอี๊ยมโทรฯไป พ่อเข้าใจผิดสิว่าเอี๊ยมยอมรับนังมาดามปลวกนั่น”
“นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ นี่ ตกลง..จะเอายังไงยัยเอี๊ยม”
เธอจริงจัง
“ขอแอบกลับไปดูพ่อหน่อย เดี่ยวมานะเจ๊”
พูดจบเธอก็คว้ากระเป๋าผลุนผลันออกไป เจ๊เต่าได้แต่มองตามอย่างไม่เข้าใจ
หน้ากากนางเอก ตอนที่ 5 (ต่อ)
เวลาเดียวกัน ที่บ้านอานนท์ พิมพิชชาตั้งโต๊ะ ทำพิธีไล่ผี โดยมีเบอร์รี่ช่วยอยู่ไม่ห่างๆ แบบไม่ค่อยชอบใจ ฝ่ายหมอผี ดูมีพลังน่าเชื่อถือ
“ของที่สั่ง จัดเรียงพร้อมแล้ว คะ” เบอร์รี่บอก
“ดีมาก ไปยืนห่างๆ”
เบอร์รี่กระฟัดกระเฟียดไปยืน ห่างๆ
“เชิญพ่อหมอ จัดการทำพิธีได้เลย นะคะ”
“แล้วถ้าที่นี่มีผี มีวิญญาณ จะให้ฉันทำยังไงกับมัน”
“เอาวิญญาณมันขังในหม้อไห อะไร นั้นเลย ก็ได้...หรือไม่ก็ สลายวิญญาณมันไปเลย ก็ดี จะ
ได้ไม่ต้องมาเวียนว่ายมาหลอกฉันอีก”
อนงค์ยืนเฝ้ามองอยู่ห่างๆ
“คุณพิม จะทำอะไรขนาดนั้นค่ะ...ผีที่คุณคิดไปเองนะ ยังไงก็คุณผู้หญิง ...นายของบ้านนี้นะค่ะ”
“นายบ้าบออะไร มาหลอกคนในบ้าน อย่างนี้มันต้องกำจัด...ไปๆๆ ไปไหนก็ไป อย่ามายุ่ง ....แก บอกบ้านนี้ไม่มีผี ก็อย่ามายุ่ง ไปเลย”
อนงค์ยืนมองดูทำหน้าเซ็งๆ
อรัญภัทรเปิดประตูหน้าบ้านเข้ามา ยืนมองดูบ้านอย่างหดหู่ใจ อารมณ์ประมาณว่าที่นี่เป็นบ้านของเราแต่ทำไมเราถึงไม่ได้อยู่ และไม่นานก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง เธอมองอย่างสงสัย มีเสียงเหมือนสวดภาษาบาลีที่ฟังไม่รู้เรื่องดังระงม เอี๊ยมมองไปตามเสียงนั้นด้วยความสงสัย
พิมพิชชาดูหมอผีทำพิธี มีเครื่องเซ่น หมอผีกำลังท่องมนต์คาถาปราบผี มีลมพัดโถมเข้ามาอย่างแรง เบอร์รี่มองดูรอบๆตัวด้วยความหวาดกลัว
“ท่าทางจะมีผี จริงๆนะค่ะ”
“ก็ผีคุณหญิงไง ไม่ยอมไปผุดไปเกิดซะที มาตามรังควาญฉันอยู่ได้”
หมอผี กำลังท่องคาถา เพียงครู่เดียว ก็มีแผ่นกระเบื้องลอยมาโดยแตกที่โต๊ะทำพิธี
“ว๊าย...ผี” พิมพิชชากรีดร้อง
และแล้ว ก็ปรากฏ อรัญภัทร เดินเข้ามา
“ผี...แกนะสิผีที่ควรไปผุดไปเกิดได้แล้ว”
“อร้าย”
เธอมองไปที่หมอผี
“แกก็อีกคน ไอ้หมอผีบ้า...เชิญแกไปไล่ผีที่บ้านแกเลยไป๊”
หมอผีทำหน้าอึ้งเพราะไม่รู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน เธอทำท่าจะหยิบของในกระเป๋า
“ถ้าแกไม่รีบไป ฉันจะยิงแกให้ตายกลายเป็นผีอยู่ที่นี่ซะเลย อยากลองไม๊”
หมอผีมองอย่างนึกกลัวว่าเอี๊ยมจะหยิบปืนออกมาจริงๆ หมอผีลนลานเดินจากไป
“ไปแล้วๆๆๆ”
พิมพิชชาด่ากลับ
“แก มายุ่งอะไรที่นี่..มาทางไหน เชิญกลับไปทางนั้นเลยปะ”
“ยุ่งเหรอ...ที่แกทำอยู่เนี๊ยะ แม่ฉัน จะไม่ให้ยุ่งงั้นเหรอ ที่นี่จะมีผี หรือไม่มี แกก็ไม่มีสิทธิ์ มาทำเลวๆ แบบนี้...อีปลวก ....แก ตาย”
เธอกระโดดเข้าคว้า พิมพิชชามาขย้ำ ตบ แล้วจับโยนลงน้ำ
“อยากทำแบบนี้ โดยไม่มีนักข่าวมานานแล้ว อย่าคิดอะไรชั่วๆแบบนี้อีก ไม่งั้น แกได้ตายก่อนวัยอันควรแน่”
ก่อนเธอดินจากไป ได้หยิบของขว้างลงไปในน้ำเพื่อระบายแค้น
“จำไว้”
หลังจากเอี๊ยมเดินไป
“อ๊ายยย นังเขียว มัวยืนเซ่ออยู่ทำไม รีบมาช่วยฉันขึ้นไปเดี๋ยวนี้นะ นังบ้า”
“หือ...อยากโดนอีกเหรอ คะ” เบอร์รี่บอกแล้วหันไปตะโกน “คุณ เอี๊ยมคะ คุณเอี๊ยม”
“อร้าย อีนังบ้า....ฉันบอกให้แกมาช่วยฉัน ไม่ได้ให้แกมาพูดกระแนะกระแหนฉัน...อร้าย” พิมพิชชาตีน้ำร้องโวยวายด้วยความโกรธ
เบอร์รี่แกล้งมองไกลออกไป
“อุ๊ย ว๊ายย...ผี...ผีในน้ำ ผีอยู่ในน้ำ”
พิมพิชชาตกใจกลัว ว่ายหนีผีขึ้นฝั่งมาอย่างไว
“อ๊าย”
พิมร้องโวยวายตะกายน้ำขึ้นมาบนฝั่งอย่างเร็ว
เบอร์รี่ยิ้ม สะใจ
อรัญภัทรเดินจากสระว่ายน้ำจะผ่านออกไปยังหน้าบ้าน เห็นทั้งบ้าน มีแต่รูปอานนท์กับพิมพิชชา เธอได้แต่น้ำตาไหล แล้วก็ตัดใจเดินออกจากบ้านไปด้วยความเสียใจ
รถตู้รายการของวรรษชล แล่นมาจอดที่หน้ามาถึงบริษัทฯ ทุกคนทยอยเดินลงมาจากรถ
“ขอบคุณมากทุกๆๆคน ไว้พรุ่งนี้เจอกัน”
“คร้าบเฮีย!”
ทีมงาน1 ปิดปากหาวหวอดๆ
“กลับก่อนนะพี่วรรษ”
วรรษชลพยักหน้า ทีมงานเดินไป ทีมงานอีกคนหนึ่งถาม
“กลับรึยังพี่”
“ยัง ว่าจะดูเทปที่ถ่ายมาหน่อย”
“นี่มันจะตีสองแล้ว พักก่อนเถอะพี่”
“ไม่เป็นไร...พี่ต้องรีบดู พรุ่งนี้เช้า Editor จะได้ทำงานได้เลย”
“งั้น สู้ๆนะพี่”
วรรษชลรับคำขอบใจ ขณะที่ทีมงานแยกย้ายกันกลับไป
ในห้องตัดต่อ วรรษชลง่วนอยู่กับการเอาเทปออกมาเตรียมดู แต่ต้องชะงักเมื่อนึกได้ เขารีบควักมือถือ ออกมาดู ไม่มีเบอร์อรัญภัทรโทร. เข้ามาเลย เขานิ่งคิด ก่อนตัดสินใจกดโทร.หา
เธอในห้องนอนส่วนตัว เนอนร้องไห้อยู่คนเดียว ท่าทางเครียดจัด เสียงมือถือดัง เธอสะดุ้ง หันไปหยิบมือถือมาดู เห็นมือถือโชว์เบอร์วรรษชล แว่บแรก เธอรู้สึกดีใจ แต่ต่อมาก็งอน ไม่รับซะงั้น
“จะโทร. มาตอนนี้ทำไม” เธอวางมือถือลงอย่างเดิม
วรรษชลยิ่งร้อนใจ โทร.ทีไรก็ไม่รับ สายตาบอกว่าห่วงมาก กดโทร.ใหม่ เสียงมือถือดังขึ้นมาอีก เธอใจอ่อน ชำเลืองมองมือถือ หยิบมาดู สายตาอ่อนลง ทำท่าเอามือจะกดรับ แต่ค้างเอาไว้อย่างนั้น
วรรษชลเป็นห่วง กดวางสาย เธอกดรับ วรรษชลวางสายไปแล้ว เธอหน้าเสีย ได้แต่ทำหน้าย่น ฮึดฮัดอยู่คนเดียว
วรรษชลกังวลมาก ได้แต่เดินพล่าน มองมือถือ บ่นพึม
“มีอะไรรึเปล่า ทำไมไม่รับสาย”
วรรษชล กดเข้า IG ของเธอดู เห็นรูปล่าสุด เธอนอนร้องไห้ พร้อมข้อความ Sleep on it!! และข้อความแกมประชด “เชิญฝากร้าน-ใครอยากทวงน้ง ทวงหนี้ หาผัว หาเมีย อยากทำอะไรก็ทำ ตามสะดวกค่ะ”
วรรษชลนิ่งหน้า ทั้งห่วง ทั้งกังวลปนไม่เข้าใจ วรรษชลฉวยกระเป๋าลุกพรวดเดินออกจาก
ห้องไป
ป้าไก่หน้าระรื่นเดินกลับบ้าน ครู่เดียว วรรษชล ขับรถมาจอดตรงหน้า และลงมา
“คุณวรรษ!”
“ป้าไก่คงรู้ใช่มั้ยครับ ...ว่าผมจะพูดอะไร”
ป้าไก่หน้าตาเจี๋ยมเจี้ยม บอกจ๋อยๆ
“คุณวรรษจะให้ป้าทำอะไร... พูดมาตรงๆดีกว่า”
“อย่าเขียนข่าวทำลายเอี๊ยม อีก...พอเถอะครับ”
ป้าไก่หน้านิ่ง วรรษชล หยิบเงินมา 50,000 บาท
“ผมมีเงินให้ป้า 5 หมื่น”
“เงินแค่นี้ ค่าอะไรค่ะ”
“ถ้าป้าเขียนข่าวเรื่องดีดีของเอี๊ยมไม่ได้...ก็แค่หยุดเขียนเรื่องร้ายๆถึงเขา ซะที”
ป้าไก่มองวรรษชล และมองเงิน อย่างช่างใจ น้ำเสียงอ่อนลง
“ผมรู้และเข้าใจด้วย สำหรับพวกเรา ยังไง น้ำก็ต้องพึ่งเรือ เสือก็ต้องพึ่งป่า แต่จะทำอะไรเอาพอประมาณดีกว่านะครับป้า อย่าถึงขนาดทำลายกันเลย”
ป้าไก่จ้องอยู่นาน จึงตัดสินใจ หยิบเงินมาเก็บ
“ก็ได้”
วรรษชลยิ้มพอใจ
“เอาเป็นว่า โอเค แต่.... 5 หมื่นเนี๊ยะ..ก็คงทำอย่างที่คุณพูดมา ได้ ...ไม่นาน... นะคะ คุณ
วรรษชล”
ป้าไก่เดินจากไป วรรษชลยืนทำใจ แต่คงช่วยบางเรื่องของเธอไปได้บ้าง
ตอนเช้า ป้าไก่เดินฉับๆออกไปทำงาน พร้อมคุยสายโทรศัพท์
“ฉันมั่นใจมากๆ ว่ายายเอี๊ยมกับนายวรรษชลกำลังกิ๊กกัน”
นักข่าวเสียงตื่นเต้น
“มีอะไร? ป้าถึงได้มั่นใจขนาดนั้น”
“ก็...” ป้าไก่กำลังจะหลุดปากเล่นที่วรรษชลปกป้องอรัญภัทรแต่เปลี่ยนใจ “เอาน่า...ถึงเวลา แล้วฉันจะตีข่าวโครมเดียว แต่ตอนนี้ ช่วยกันจับตาดูทั้งนายวรรษ ยายเอี๊ยมเลยนะ ตามเฟซ ตามไลน์ ตามไอจี ตามให้หมด เผื่อสองคนนี้จะส่งซิกแนลอะไร”
“แหมป้า คนจะจีบกัน เค้าก็จีบกันแค่สองคนสิ จะมาส่งซิกอะไรผ่านโซเชี่ยล”
ป้าไก่หัวเราะ
“ก็ส่งซิกยั่วนักข่าวอย่างเรานี่ล่ะจ้ะ hashtag แบบเนียนๆ แล้วก็ให้พวกเราตาม ได้ทั้งกระแส ได้ทั้งยอดคนติดตาม พอคนสนใจ ก็ยึดพื้นที่ข่าวไปได้หลายวัน เราเป็นนักข่าว ต้องตามดารายุคโซเชี่ยลให้ทันนะน้อง”
ป้าไก่ยิ้มก่อนวางสาย สายตาเป็นประกาย กระตือรือร้นตลอดเวลา
วันใหม่ ที่กองถ่าย นักข่าวมารุมสัมภาษณ์อรัญภัทร
นักข่าว1 ถาม “มันเรื่องอะไรคะน้องเอี๊ยม ถึงได้เอารูปตัวเองร้องไห้อัพลง IG”
เธอหัวเราะกลบเกลื่อน
“รู้สึกตาไม่สะอาดค่ะ เลยดราม่าให้น้ำตามันไหลทำความสะอาดดวงตาซะหน่อย”
นักข่าว2 บอก“นึกว่า...อัพรูปร้องไห้ลงIGเพื่อสร้างกระแส”
เธอหัวเราะ
“ไม่จริงค่ะไม่จริง...ก็อัพรูปลงIG เล่นกับแฟนๆเท่านั้นไม่มีอะไร... เมื่อวานเอี๊ยมไม่ได้ว่าพี่ๆนะคะ เอี๊ยมว่านักข่าวนิสัยไม่ดีบางคนเท่านั้น”
นักข่าว1บอก“อู้ย!วันนี้ซอฟท์นะคะ...บอกว่านักข่าวนิสัยไม่ดี ไม่ได้ด่าว่าเลวเหมือนเมื่อวาน”
เธอหัวเราะคิกคัก
“ก็คนอยากด่า ไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ไงคะ ตรงนี้มีแต่พี่ๆน้องๆที่น่ารัก ใจดีกับเอี๊ยมทุกคน ขอบคุณมากนะคะ ที่ยังสนใจเอี๊ยมอยู่”
เวฬุยายืนมองอีกมุมด้านนอก เบ้ปากด้วยความหมั่นไส้
“ตอแหล”
เขมปัญฑาติง “มะม่วง”
“ก็มันจริงมั้ยล่ะ บอกอยู่นั่นแหละว่าตัวเองเป็นคนแรง คนตรง....ถ้าแรงจริง ตรงจริง ทำไมไม่ตอบนักข่าวไปตรงๆล่ะ ว่าร้องไห้สร้างกระแส อยากรู้ว่าจะมีนักข่าวมาสัมภาษณ์รึเปล่า เพราะเมื่อวานปากหมาด่านักข่าวไว้เยอะ”
“งั้นก็ถือว่าเอี๊ยมประสบความสำเร็จนะ เพราะนักข่าวมารุมสัมภาษณ์เอี๊ยมเต็มเลย แสดงว่า เอี๊ยมดังจริง แรงจริง”
เวฬุยาเหวี่ยง
“ฉันไม่เข้าใจเลย ผู้คนสมัยนี้เป็นบ้าอะไรกันไปแล้ว ถึงได้ชอบคนแรงๆ ยิ่งแรง ยิ่งถ่อย ยิ่งกร่าง ยิ่งดัง ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ”
เวฬุยาหน้าบึ้ง สะบัดหน้า เดินฉับๆไปทางอื่นแบบไม่อยากเห็นไม่อยากฟัง เขมปัญฑาถอนหายใจเฮือก มองดูนักข่าวที่รุมนางเอกสาว เขมปัญฑาพูดนิ่มๆบอกกับเจ๊เต่า
“แต่มันก็จริงอย่างที่มะม่วงว่านะคะเจ้เต่า....ยิ่งแรง ยิ่งถ่อย ยิ่งกร่าง ยิ่งดัง” เธอยิ้มแต่หน้าซึมๆ “คนเงียบๆเรียบๆ แทบไม่มีคนสนใจ” เธอเดินไปอีกคน
เจ๊เต่ามองตามเด็กในสังกัด ด้วยสายตาไม่สบายใจแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก มองดูนักข่าวที่รุมล้อมอรัญภัทรมากจริงๆ
หลังเลิกงานอีเวนท์ เธอเดินมาตามทางกับเจ๊เต่า เจ๊เต่าถาม
“เหนื่อยรึเปล่า ถ่ายละครเสร็จก็ต้องมาต่องานอีเวนท์อีก”
เธอตอบแบบไม่ได้คิดอะไร
“เหนื่อยสิเจ้...แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีงานเหมือนมะม่วงกับเขม”
เจ๊เต่ามองหน้า
“ ดีที่เจ้รู้จักเอี๊ยมดีพอที่จะรู้ว่าเป็นคนพูดไม่คิด ” เพราะถ้าไม่รู้จักมาได้ยินเอี๊ยมพูดอย่างนี้เข้า เค้าคงจะว่ายกหางตัวเอง”
เธอหน้าซีด สีหน้ารู้สึกผิด เจ๊เต่าว่าน้ำเสียงอ่อนลง
“เข้าใจแล้วใช่มั้ยที่เจ๊บอก เอี๊ยมเป็นคนของประชาชน ก่อนจะพูดอะไรต้องคิดเยอะๆ ต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้มากๆ มีอะไรอย่าเอาแต่ปิ๊ดๆ ไม่งั้นคนเค้าจะว่าได้ เป็นดาราปากหมาไม่มีอีคิว”
“ไม่ใช่คนอื่นมั้ง...มีแต่เจ๊นี่แหละ ยืนด่าเอี๊ยมอยู่เนี่ย ปากน่าวางยาเบื่อจริงๆ”
“คำตำหนิจากมิตร ยังดีกว่าคำเยินยอจากศัตรู”
เธอยิ้มจริงใจ
“เข้าใจแล้วค่ะ ...เอี๊ยมจะพยายามคุมตัวเองให้ได้นะคะเจ้...ถึงแม้ทุกครั้ง ไมเกรนจะวิ่งมาเต้นระบำบนหัว .... พูดไปก็กลัวจะหน้าเหี่ยวเหมือน นังปลวกหน้าเหี่ยว พิม นั้น”
เจ๊เต่าตีเพี๊ยะ
“ปากเธอนั่นแหละ น่าวางยาเบื่อมากกว่าเจ๊”
สองคนยิ้มให้กันแบบขำๆเดินไป แต่ต้องชะงัก เมื่อแฟนคลับคนหนึ่งของเอี๊ยมเข้ามา
“พี่เอี๊ยมคะ...หนูได้อ่านข่าวของพี่แล้วนะคะ ดีแล้วค่ะที่พี่ด่านังผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นน่ะ”
ผู้หญิงวัยทำงานที่อายุมากกว่าเอี๊ยมเดินเข้ามา บอกยิ้มๆ
“ถ้าเป็นพี่นะ...พี่จะขุดหลุมฝังให้นังนั่นตามไปเป็นคนใช้แม่ถึงโลกหน้าเลย”
ผู้หญิงเข้ามาให้กำลังใจ เธอได้แต่ยิ้ม กล่าวขอบคุณไม่ขาดปาก
“ขอบคุณค่ะขอบคุณ”
เธอยืนถ่ายรูปกับแฟน
อรัญภัทรกับเจ้เต่าเดินมาถึงที่จอดรถ เธอถามเจ๊เต่าแบบคาดไม่ถึง
“มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไงเจ้”
“น่าจะเป็นเพราะ เอี๊ยมขอโทษนักข่าวมั้ง เค้าเลยไม่เล่นข่าวเอี๊ยมแรง”
เธอยิ้ม เจ๊เต่าว่า
“ต่อไป คุมอารมณ์ตัวเองให้ได้นะเอี๊ยม อย่าหลุด อย่าเหวี่ยง รอยยิ้ม และความขี้เล่นอารมณ์ดีของเอี๊ยมจะทำให้คนเข้าใกล้ ไม่ใช่เจอหน้าแล้วเผ่นหนีกันไปหมด เพราะปากยังกับถังส้วม”
หน้ากากนางเอก ตอนที่ 5 (ต่อ)
ในร้านกาแฟ พิมพิชชาหน้าตาหงิกงอขณะเสือกไอแพดออกห่างตัวแบบอารมณ์เสียโวยใส่ป้าไก่
“ไม่มีใครด่านังเอี๊ยมมันซักคน ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะป้า”??
“เค้าขอโทษนักข่าวไปแล้วมั้งคะ”
“แต่มันไม่ได้ขอโทษป้า ทำไมป้าไม่ลงข่าวด่ามัน”
ป้าไก่หน้าซีดพยายามแก้ตัว
“โอ๊ย!! ใครว่าไม่ด่าคะ...ป้าเขียนข่าวด่ามัน ชนิดนั่งรถไฟจากเหนือลงใต้ก็ยังด่าไม่จบ”
พิมพิชชาสวนขึ้นทันที
“ก็แล้วทำไมไม่มีข่าวลง”
ป้าไก่ยิ้ม
“คุณพิมตั้งสนพ.เองสิคะ ไม่ก็ทำเป็นแฟนเพจ..คราวนี้อยากด่าใคร? อยากด่าเวลาไหน อยากด่ายาวขนาดไหน ก็ด่าได้เลย แต่ระวังด้วยนะคะ ทุกวันนี้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เค้าเอาจริงค่ะ”
พิมพิชชาตาวาวโกรธมาก
“ป้าไก่”
“พูดก็พูดเถอะนะคะ ค่าน้ำมันรถที่คุณพิมให้ป้า มันน้อยเกินกว่าที่ป้าจะเอาตัวเองไปเสี่ยงให้เอี๊ยมฟ้องกลับ คุณพิมจะโกรธป้า ป้าก็ไม่กระทบกระเทือนอะไร เพราะคุณพิมไม่ดัง แต่ถ้าป้าทะเลาะกับเอี๊ยม ป้าลำบาก...เพราะว่าเอี๊ยมเค้าดังค่ะ” ป้าไก่ผุดลุกขึ้นก่อนว่ายิ้มๆ “ฝากจ่ายค่ากาแฟด้วยนะคะ อ้อ!เค้กอีกหนึ่งชิ้น เอากลับบ้านอีกสอง...ยังไง ก็ถูกกว่า ค่าน้ำมัน ที่ป้าบึ่งรถมาฟังความไร้สาระของคุณพิมค่ะ” ป้าไก้คว้ากระเป๋าเดินฉับๆไปเอากล่องเค้กตรงเคาน์เตอร์เดินไป
เบอร์รี่ที่นั่งฟังอยู่ แอบหันไปทางอื่น อมยิ้ม สะใจ ขณะที่พิมพิชชาโกรธป้าไก่มาก ปากคอสั่น
“นัง....นังไก่ขี้โกง นังไก่ทุเรศ นังไก่ตอแหล นังไก่อัปมงคล”
เบอร์รี่ถาม
“ด่าอีเจี๊ยบ เลียบด่วนเหรอคะ”
พิมพิชชาถลึงตาใส่เบอร์รี่
“ด่าแกนั่นแหละ นังโง่”
พิมพิชชาก้าวฉับๆออกไป เบอร์รี่หัวเราะคิกคักรีบตาม
พิมพิชชาฮึดฮัด เดินออกมาที่จอดรถ เบอร์รี่วิ่งมาถาม
“ตกลงพี่จะเอายังไง”
นางเหยียดปากออก ไม่ตอบ แต่คว้ามือถือขึ้นมา
เวลาเดียวกัน วรรษชลนั่งตัดต่ออยู่กับป้อม เลือกภาพที่ไปถ่ายรายการ คนพลัดถิ่น
“น่าสงสารคนพลัดถิ่นจังเลยนะพี่” ป้อมบอก
“คนที่ไม่มีคนต้องการ เจ็บปวดทุกคน”
ป้อมหัวเราะ
“ทำยังกับพี่เคยถูกทิ้งยังงั้นแหละ”
วรรษชลพยักหน้ายิ้มขื่นๆ
“ฮื่อ!! พี่เคยถูกทิ้ง....พ่อแม่ก็ทิ้ง จนพี่เป็นเด็กกำพร้า...พอโตมามีแฟน... แฟนก็ทิ้งเพราะพี่มันไม่มีอะไร”
ป้อมมองงงๆ แบบไม่รู้เรื่องราวชีวิตวรรษชลมาก่อน ยังไม่ทันเอ่ยปากถาม เสียงมือถือของวรรษชลก็ดังขึ้น เขารีบคว้ามาดู เพราะนึกว่าอรัญภัทร พอเห็นเป็นหมายเลขของพิมพิชชาก็ทำหน้าเซ็ง วางลง ป้อมถาม
“ไม่รับเหรอพี่ พักงานก่อนก็ได้..คืนนี้ผมอยู่ได้ทั้งคืน”
“ทำงานดีกว่า....จะได้ส่งเทปให้สถานีตรวจเร็วๆ”
วรรษชลมองภาพในจอมอนิเตอร์ ทำนองตัดบท ไม่รับโทรศัพท์จะทำงาน ท่าทางของเขาทำ
ให้ป้อมไม่กล้าถาม ต้องทำงานต่อ พิมพิชชาหน้าตาหงิกงอ เบอร์รี่หัวเราะถามทันที
“ผู้ชายไม่รับโทรศัพท์เหรอพี่”
“นังเอี๊ยมมันต้องทำของใส่ผู้ชายของฉันแน่ๆ”
เบอร์รี่ตกใจจริงๆ “ทำของ”
“เออ!! ไม่งั้น วรรษจะหลงมันจนลืมฉันได้ยังไง ทั้งๆที่วรรษไม่ได้รู้จักอะไรกับมันเลยน่ะ”
เบอร์รี่ทำหน้าตาแบบงงๆ ตามไม่ทัน ขณะที่พิมพิชชากดข้อความส่งไลน์...
วรรษชลทำงานอยู่ สัญญาณไลน์ดัง เขารับมาอ่าน
“วรรษคะ...รู้มั้ย? คุณกำลังโดนของจากคุณเอี๊ยม คุณต้องออกมาคุยกับพิมนะคะ”
วรรษอ่านเสร็จก็ได้แต่ถอนหายใจ วางมือถือลง ทำงานต่อ เสียงไลน์ดังขึ้นมาอีก วรรษชล
หยิบมาอ่าน
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนไม่ดี เค้าทำอวิชาใส่คุณ คุณฟังพิมนะ เค้าด่าพ่อแท้ๆของเค้าได้ เค้าจะเป็นคนดีได้ยังไง”
เขาถอนหายใจเฮือก กำลังจะวางมือถือ เสียงไลน์ก็ดังขึ้นมาใหม่ วรรษชลจำต้องกดดู
“คุณเป็นคนกตัญญูนะคะวรรษ คุณทนอยู่กับคนที่ด่าพ่อได้เหรอ คิดดูดีๆค่ะ คุณต้องโดนของ คุณถึงได้หลงเค้าหัวปักหัวปำถึงกับตามไปคอนโด”
วรรษชลถอนหายใจเฮือกใหญ่มาก ป้อมหันมามองหัวเราะ
“ไลน์กระหน่ำซัมเมอร์เซลล์อย่างนี้ พี่ไม่มีสมาธิหรอก พักก่อนดีกว่าพี่”
วรรษชลยิ้มเฝื่อนๆ
พิมนั่งหน้าหงิกงอที่มุมใหม่ มองโทรศัพท์ เบอร์รี่ชะโงกหน้าเข้ามาถามแบบสอดรู้สอดเห็น
“คุณวรรษอ่านที่พี่ส่งไปรึยัง?”
นางกระแทกเสียงใส่ “อ่านแล้ว”
เบอร์รี่อยากรู้มากๆ
“อ่านแล้ว เค้าตอบมาว่ายังไง”
“ไม่ได้ตอบ”
เบอร์รี่หัวเราะคิกคัก
“โห!ผู้ชายอ่านไลน์แล้วไม่ตอบ เจ็บยิ่งกว่าแก้ผ้าแล้วเค้าไม่เอาอีกนะพี่”
“นังเบอรี่!” นางทุบเบอร์รี่ซะหน่อย
“โอ๊ย!มาตีหนูทำไม”
“ใครบอกแกเฮอะ ว่าผู้ชายอ่านไลน์แล้วไม่ตอบ เจ็บยิ่งกว่าแก้ผ้าแล้วเค้าไม่เอา”
“ไม่มีใครบอก...พูดไปรั่วๆแบบนั้นแหละ”
“งั้นต่อไปก่อนที่แกจะรั่ว” นางถอดรองเท้ายื่นต่อหน้าเบอร์รี่ “ช่วยเอารองเท้าไซต์ 38 อุด
ปากแกก่อนนะยะ เพราะแก้ผ้าแล้วเค้าไม่เอา เจ็บกว่า อ่านไลน์แล้วไม่ตอบโว้ย”
เบอร์รี่ถามซื่อๆ “รู้ได้ไงอ่ะ”
“ก็ฉันแก้ผ้าแล้ววรรษเค้าไม่เอาฉันไง นังโง่!! ฮึ้ย”
พิมพิชชากระฟัดกระเฟียด เดินฉับๆออกไป เบอร์รี่ตาโต
ในเวลากลางคืน เจ๊เต่ากับอรัญภัทรเดินลงจากรถจะเข้าคอนโด เจ๊เต่าบอก
“ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ก็ตั้งใจทำงานให้เยอะๆนะเอี๊ยม อย่าลืม!ว่าการที่เอี๊ยมออกมาจากบ้านมาอยู่กับเจ๊ เพื่อพิสูจน์ให้คุณพ่อท่านรู้ ว่าเอี๊ยมดูแลตัวเองได้ ไม่ใช่ใจแตกอย่างที่คุณพิมพยายามเสี้ยม”
อรัญภัทรหน้าดุ เหวี่ยงอารมณ์เสียขึ้นมาอีก
“เอี๊ยมไม่ได้ออกจากบ้านเพื่อพิสูจน์ตัวเองค่ะเจ๊ ที่เอี๊ยมออกมาเพราะทนอยู่ร่วมบ้านกับอีเหี่ยวพิมพิชชาไม่ได้”
“แต่คุณพ่อก็ดูถูกเอี๊ยมไว้ไม่ใช่เหรอ ว่าจะไปไม่รอด”
เธอนิ่ง ก้อนสะอื้นทำท่าจะแล่นขึ้นมาอีก เจ๊เต่าพูดต่อ
“เพราะฉะนั้น ใช้โอกาสนี้ พิสูจน์ตัวเองทุกอย่าง ทำตัวให้เหมือนทองคำ อย่าเป็นได้แต่ ทองเค”
เธอยอมรับอย่างจริงใจ ยิ้มอ่อน
“ค่ะเจ๊”
สองคนยิ้มให้กัน จะเข้าคอนโด แต่ต้องชะงักเมื่อวรรษชลยืนอยู่ เธอตกใจ คาดไม่ถึง
“คุณวรรษ”
เจ๊เต่าเหวอ มองหน้าเอี๊ยมแบบ เป็นจริงเหรอ? อะไร? ยังไง? วรรษยิ้มให้เจ๊เต่าบอกอรัญภัทร
วรรษชลพูดแบบซื่อๆตรงๆ
“ติดต่อคุณไม่ได้หลายวันแล้ว....เลยต้องมาหา”
อรัญภัทรมองวรรษชลแบบทึ่ง อึ้ง ปลื้ม ดีใจ งอน หลากหลายความรู้สึก เจ๊เต่าเห็นอย่างนั้นก็รู้
“เจ๊ขึ้นไปก่อนนะ ตามสบาย พรุ่งนี้เอี๊ยมมีงานบ่าย 3” นางยิ้มให้วรรษชลแล้วเดินไป
ทั้งคู่ยืนมองหน้ากัน สายตาปิ๊งๆวิ๊งๆกันทั้งคู่
เวลาต่อมา เจ๊เต่า เปิดประตูพรวดเข้าไปในห้อง ดึงมือเขมปัญฑามา
“อะไรคะเจ๊”
เจ๊เต่าพูดเบาๆ
“คุณวรรษชลมาหาเอี๊ยม”
“งั้น...เรื่องที่ป้าไก่เคยพูดก็เป็นเรื่องจริง”
“เจ๊ไม่รู้หรอกนะ ว่าจริงหรือไม่จริง เพราะเจ๊ก็ไม่รู้ ความสัมพันธ์ของเอี๊ยม ของคุณวรรษไปถึงไหน อะไรยังไง”
“เอี๊ยมปิดเงียบเลย”
“นั่นน่ะสิ ปิดเงียบจนเจ๊ก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร นี่!เขม เจ๊ไม่สบายใจเลยนะ บอกตรงๆว่ากลัว”
“กลัวอะไรคะ?”
“กลัวเอี๊ยมถูกด่าน่ะสิ...อย่าลืมนะ เอี๊ยมเคยปากหมา ด่าออกสื่อว่าผู้ชายเลวกว่าหมา แล้วตอนนี้เอี๊ยมมันทำท่าจะกินหมา เอ้ย!กินผู้ชาย...เขมคิดว่า นักข่าว ประชาชนจะสรรเสริญ หรือด่าเอี๊ยมกันล่ะ?? เฮ้อ!”
บริเวณคอนโดฯในมุมอื่น สองคนเดินคุยกัน วรรษชลถามเอี๊ยมอ่อนโยนน้ำเสียงเจือเป็นห่วง
“มีเรื่องอะไรรึเปล่า”
เอี๊ยมกึ่งงอนนิดๆ
“ตอนแรกมี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วค่ะ”
วรรษชลพูดจริงจัง
“ขอโทษนะ พอดี...ผมถ่ายรายการในป่า คลื่นโทรศัพท์ไม่มีเลย”
พอได้ฟังเหตุผล เธอก็รู้สึกผิดที่งอนเขา วรรษชลยิ้มทอดเสียงอ่อนโยน
“ยิ่งเห็นคุณร้องไห้ลง IG ยิ่งเป็นห่วง”
เธอมอง สงสัย
“คุณไม่คิดว่าฉันสร้างกระแสเหรอ”
วรรษชลยิ้มขำ
“ถ้าคิดก็คงไม่มา Sleep on it คิดอะไร?ไปถึงไหนแล้ว”
เธอมองแบบทึ่ง วรรษชลเก็บรายละเอียดทุกอย่าง แต่เฉไฉ ยิ้มเขิน น้ำเสียงบอกความเป็นห่วง
“คิดว่าตอนนี้ตีสามกว่าๆ คุณควรกลับไปพักผ่อนได้แล้วค่ะ”
วรรษชลยิ้ม
“ยังพักไม่ได้”
“ทำไมล่ะคะ”
“ต้องไปถ่ายสต๊อกช็อต เตรียมทำเทปต่อไป”
เธอรีบบอก
“ฉันไปด้วยได้มั้ยคะ”
วรรษชลคาดไม่ถึง เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เธอบอกเร็วปรื๋อพร้อมรอยยิ้ม
“ฉันอยากไปเจออะไรใหม่ๆ...นอกจากมองแต่ตัวเองค่ะ”
วรรษชลยิ้ม นับวันยิ่งเห็นความละเอียดอ่อนในตัวผู้หญิงคนนี้
ปากคลองตลาด เวลากลางคืน เห็นดอกไม้สวยงามมากมายเรียงราย วรรษเชลอากล้องดิจิตอล
ถ่ายภาพ เธอมองผ่านจอมอนิเตอร์กล้อง เห็นวรรษชลเน้นถ่ายชีวิตผู้คน พ่อค้าแม่ค้า สองคนเดินกันไปเรื่อยๆ เอี๊ยมบอกวรรษชล
“ตอนแรก ฉันมีเรื่องคิดเยอะแยะมากมายเลยค่ะ หนึ่งในนั้น คือคำถาม...ฉันเหมาะที่จะทำงานอยู่ในวงการนี้หรือเปล่า ฉันไม่ชอบ”
วรรษชลมองหน้า อยากรู้...เธอจะพูดอะไรต่อ ยิ้มบอกแบบหม่นๆ
“ฉันไม่ชอบอะไรที่มันซับซ้อน ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนเรา ต้องปากไม่ตรงกับใจ โกรธ ทำไมไม่ให้แสดงออกว่าโกรธ ไม่พอใจ ทำไมไม่ให้พูด ที่สำคัญที่สุด คนโวยวายอาละวาด ทำไมถึงเป็นคนที่ผิด ทั้งๆที่บางที คนแอ๊บเงียบเรียบร้อยต่างหาก คือคนที่สุดแสนจะมารยา เลวทรามสิ้นดี”
คุณหมายถึง... คุณพิมพิชชา” เขาพูดไม่เต็มเสียงนัก
เธอเสียงเข้ม จริงจัง
“เค้าทำลายครอบครัวของฉันค่ะ ใครจะบอกว่าเค้าไม่ผิด สำหรับฉัน เค้าคือคนผิด และชั่วร้ายที่สุดตั้งแต่ฉันเกิดมา คุณรู้มั้ยคะ?...ฉันอยากจะเอามือจิกหัวผู้หญิงคนนั้นมาตบ แล้วก็กระทืบให้หล่อนแหลกคาเท้าฉัน แล้วถ้าทำได้ ฉันอยากส่งหล่อนลงนรกไม่ให้มีที่ผุดที่เกิด ให้หล่อนเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนร้อยๆชาติ”
วรรษชลมองหน้าอรัญภัทรแบบโหดจริง เธอยิ้มแสยะ
“เห็นมั้ย?แค่คุณได้ฟัง คุณยังทำท่าจะรับไม่ได้ นี่แหละ...ที่ฉันอยากออกจากวงการ ฉันจะได้ไปตบนังพิมพิชชา แบบไม่ต้องแคร์สื่อ ไม่ต้องแคร์ใคร”
วรรษชลอ้อมแอ้ม “คิดใหม่มั้ยคุณ”
“แน่นอนค่ะ..ฉันคงไม่บ้าทำลายอนาคตตัวเอง เพื่อแลกกับผู้หญิงชั้นต่ำพรรณนั้นและยิ่งฉันได้มาเห็นสภาพผู้คนที่นี่” เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ฉันยิ่งรู้ว่า ไม่ว่าจะทำงานอาชีพอะไร ทุกคนต้องอดทน”
เธอทอดสายตามองภาพผู้คนที่ดำเนินชีวิตย่านปากคลองตลาด บางคนทำงานแบกหาม เข็นของ บางคนนั่งกิน บางคนนั่งหลับ เด็กเล็กที่ต้องมาค้าขายกับพ่อแม่ สีหน้าเหนื่อยเมื่อยล้า
“ฉันหลับ เค้าตื่น ฉันว่าฉันทำงานหนัก แต่จริงๆแล้ว..พวกเค้าทำงานหนักกว่าฉันเยอะเลย”
วรรษชลมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน ยิ้มนิดๆแบบดีใจ ที่เธอคิดได้บ้าง เธอเขิน ค้อนน้อยๆ
“แล้วมามองหน้าอะไรฉันคะ ทำงานของคุณสิ”
วรรษชลรู้สึกตัว อมยิ้มเขิน ยกกล้องถ่ายภาพ เธอเอามือถือ ถ่ายภาพของวรรษชลเอาไว้
วรรษชลหันมาถาม “ถ่ายอะไร”
“ภาพเบื้องหลังคุณไง เอาน่า!ฟรี ไม่คิดตังค์ค่าถ่ายหรอก”
วรรษชลหัวเราะ รู้สึกสบายใจ เธอเองก็หัวเราะ สบายใจเหมือนกัน
เวลาเดียวกัน ฝ่ายพิมพิชชานั่งกระฟัดกระเฟียด โมโหมาก เบอร์รี่หาวหวอดๆบอก
“ป้านี่มันจะเช้าอยู่แล้ว ป้าจะนั่งถลึงตารอพระออกบิณฑบาตเลยรึไง”
พิมพิชชากระแทกเสียง “พี่”
เบอร์รี่รำคาญ
“เออ..พี่ก็พี่...พี่พิม พี่ไปนอนพักผ่อนสบายๆ เถอะนะ หน้าจะได้สวยๆ ใสๆ พี่นั่งตาเหลือกรู้อย่างนี้ หน้าพี่จะเหี่ยวรู้มั้ย เดี๋ยวผัวพี่ เค้าก็ทิ้งพี่หรอก”
“ดี!!ฉันจะได้ไปหาผัวใหม่”
เบอร์รี่เบิกตากว้าง พิมพิชชาแรง
“ฉันจะต้องทำให้วรรษเค้ากลับมารักฉันเหมือนเดิมให้ได้”
เบอร์รี่งง แต่อยากรู้อยากเห็น
“เหมือนเดิม? คุณวรรษเค้าเคยรักพี่ด้วยเหรอ”
“เออ!ฉันนี่แหละ แฟนเก่าเค้า ถ้าไม่มีนังเอี๊ยม ป่านนี้ฉันกับเค้า กลับมาคืนดีกันแล้ว”
“ตกลง...ที่นั่งตาเหลือกไม่หลับไม่นอน เพราะจะเอาผู้ชายให้ได้ใช่มั้ย”
“ใช่! ฉันจะทำทุกอย่างให้วรรษเค้ารู้...นังเอี๊ยมมันร้าย นิสัยแย่ที่สุด”
เบอร์รี่ยิ้มๆ
“แต่หนูว่าพี่ร้ายกว่านะ...มานั่งด่าลูกสาวเจ้าของบ้าน ภายในบ้านพ่อเค้าน่ะ”
พิมยักไหล่ไม่แคร์
ทั้งคู่เดินเล่น ในตลาดปากคลอง ถ่ายรูป สวยงาม มีความสุข
หน้ากากนางเอก ตอนที่ 5 (ต่อ)
รุ่งเช้า วรรษชลขับรถพาอรัญภัทรมาจอดตหน้าคอนโดฯ เธอยิ้มบอก
“ขอบคุณมากนะคะ ที่มาส่ง”
วรรษชลหัวเราะขำ
“อ้าว! มารับ แล้วก็ต้องมาส่งสิคุณ”
เธอค้อนเล็กๆยิ้มๆ “นั่นสินะ ไลน์คุณอะไรคะ ฉันจะได้ส่งรูปไปให้”
“ไม่รู้เหมือนกัน จำไม่ได้ คุณช่วยดูให้ผมหน่อยได้มั้ย” เขายื่นมือถือให้
เอี๊ยมยิ้ม รู้...ว่าจริงๆวรรษชลอยากแสดงให้เห็นถึงความไว้ใจ ความใกล้ชิด เธอรับมือถือ
วรรษชลเอียงหัวมาใกล้
“สอนผมด้วย....วันหลังมีคนถาม ผมจะได้รู้”
เธอยิ้ม
“นี่คุณเข้าไปที่ไลน์นะคะ...แล้วก็กดไปที่...”
เธอพูดไม่ทันจบ ไลน์ของวรรษชลก็เด้งเข้ามา เธอเห็นเป็นไลน์ของพิมพิชชา เธอนิ่วหน้าตกใจ วรรษชลเองก็ตกใจ จะคว้ามือถือคืน แต่เธอเบี่ยงตัวหลบ อ่านข้อความ
“คุณต้องเชื่อพิมนะคะ..คุณกำลังโดนคุณเอี๊ยมทำของใส่”
เธอตาวาว วรรษชลได้แต่เอามือกุมขมับ ขณะที่พิมส่งไลน์มาเรื่อยๆ
“พิมไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน เพราะเป็นห่วง คุณรีบโทร. กลับมาหาพิมนะคะ พิมจะพาคุณไปทำพิธีเอาของออก”
พิมพิชชายิ้ม คิดว่าวรรษชลอ่าน เลยไลน์ส่งมาเรื่อยๆ
“ขอให้คุณเชื่อพิมสักครั้ง คุณโดนของจากคุณเอี๊ยม เหมือนที่นักข่าวโดน คุณเอี๊ยมทำของใส่ทุกคนจริงๆค่ะ คุณก็เห็น...คุณเอี๊ยมร้ายกาจมาก แต่นักข่าว ยังเขียนข่าวคุณเอี๊ยมออกมาดีเลย
เธอหันขวับไปมองเขา วรรษชลยกมือปราม
“ใจเย็นๆก่อนนะคุณ”
“ไม่”
เธอเปิดประตูรถก้าวลงไปฉับๆแบบโมโหมาก พร้อมทั้งเอามือถือของวรรษลงไปด้วย
วรรษชลกระโจนตามทันที
“คุณ..ใจเย็นก่อน คุณ”
พิมพิชชานั่งกดไลน์หาวรรษชล ยิ้มดีใจ คุยกับเบอร์รี่ท่าทางดี๊ด๊า
“วรรษต้องสนใจฉันอยู่แน่ๆ แกดูสิเบอร์รี่....ดึกดื่นเที่ยงคืนยันรุ่งเช้า ถึงไม่ตอบ แต่วรรษนั่งอ่านไลน์ฉันตลอดเว”
เบอร์รี่ง่วงมากตาจะปิด
“ตกลง คืนนี้จะไม่ได้นอนจริงๆใช่มั้ยพี่”
พิมพิชชายิ้ม “ใช่”
“งั้นไปใส่บาตรกันเลยมั้ย พี่เล่นไม่หลับไม่นอนใส่ร้ายคนอื่นขนาดนี้ เผื่อบาปจะทุเลาลง”
“หยิบรองเท้าขึ้นมาให้หน่อย สิ”
เบอร์รี่ดีใจ
“จะไปใส่บาตรใช่มั้ยพี่” เบอร์รี่รีบคว้ารองเท้ายื่นให้
พิมพิชชารีบคว้ารองเท้า
“ยัดปากแก”
เบอร์รี่รีบเอามืออุดปาก พิมเอารองเท้าชี้หน้าเบอร์รี่
“อย่าพูดอย่างนี้อีก ถ้าไม่อยากถูกฉันเอารองเท้ายัดปาก และนอกจากแกจะถูกเฉดหัวออกจากบ้านหลังนี้แล้ว แกยังอดได้ผัวรวย รู้ไว้”
“ค่ะ”
เบอร์รี่จ๋อย เสียงมือถือดัง พิมพิชชาคว้ามาดูร้องดีใจ
“วรรษโทร.มา … แกเห็นแล้วใช่มั้ย ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น นี่ถ้าฉันคืนดีกับวรรษสำเร็จ ฉันจะหาเพื่อนวรรษที่รวยๆให้แกคนหนึ่งเลย เบอร์รี่”
เบอร์รี่ดี๊ด๊าดีใจ พิมพิชชาทำหน้าแอ๊บแบบนางเอก ขณะรับสายด้วยเสียงนางเอก
“พิมดีใจมากจริงๆค่ะ ที่วรรษโทรฯกลับมาคุยกับพิม”
อรัญภัทรเบ้ปาก ค้อนให้วรรษชลที่ยืนหน้ากลุ้มอยู่ข้างๆ ก่อนตอบแม่เลี้ยง
“แล้วถ้าเป็นฉันล่ะ ...เธอยังจะดีใจอยู่มั้ย นังแพศยา”
พิมพิชชาเบิกตากว้าง “นังเอี๊ยม”
“เออ!ฉันนี่แหละนังปลวกหน้าเหี่ยว เก่งนักใช่มั้ยลอบกัดคนลับหลังน่ะ?? สตอไม่พอ ความคิดยังอุบาทว์อีก รู้ไว้ด้วยนะพิมพิชชา ที่พ่อฉันหน้ามืดไปอยู่กับเธอ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าพ่อฉันโดนของ ฉันคิดอยู่อย่างเดียว เธอน่ะแรด ร่าน เลว ถึงได้ทำเรื่องเลวทรามต่ำช้ากับผู้มีพระคุณได้ แต่อย่าคิดนะ...ว่าฉันจะแคปเอาไลน์ไปบอกนักข่าวน่ะ เพราะฉันไม่โง่ ทำตามแผนอยากดังของเธอหรอก นังเปรตหน้าปลวก!”
เธอวางสาย วรรษชลได้แต่เอามือกุมขมับ
พิมพิชชาได้แต่หน้าซีด อ้าปากค้าง เบอร์รี่กลั้นหัวเราะแทบแย่ ขณะถามแบบเอาใจแอ๊บสุดขีด
“พี่ๆ จะให้เรียกรถพยาบาลมั้ย”
“เรียกกู้ภัยมาเก็บศพแกดีกว่ามั้ย”
แอร้ย !ด่าหนูทำไม หนูหวังดี ดูหน้าพี่สิ ซีดยิ่งกว่าไก่ไหว้เจ้าอีก นี่ถ้าเป็นหนู หนูเอาหน้ามุดถังส้วมไปแล้วนะ หาเรื่องเค้า แล้วถูกเค้าด่ากลับมาชนิดแพ้น็อคเลยอ่ะ”
พิมพิชชาได้แต่ทำท่าจะกรี๊ด ไม่กล้าออกเสียงดัง
“นังเอี๊ยมต่างหากต้องเป็นคนแพ้น็อค ไม่ใช่ฉัน”
พิมพิชชาตากร้าว ภาพสาวใสไม่มีเหลือแล้ว
อรัญภัทรโมโหกระแทกมือถือคืนวรรษชล
“เอาคืนไป๊” มือที่เหวี่ยงออกมาถูกท้องวรรษ ดังปั้ก
“โอ๊ย!” เล่นเอาเขาจุก คว้ามือถือเอาไว้
“บอกนังนั่น อย่ามายุ่งกับฉันอีก เพราะคนอย่างฉัน ตามจองล้างจองผลาญมันจนตายแน่”
เธอก้าวฉับๆเข้าไปในคอนโด
“เอี๊ยม คุณเอี๊ยม”
เธอไม่หยุด วรรษชลได้แต่ทำหน้าเซ็ง
วันใหม่ ที่ร้านกาแฟ วรรษชล ดวงตาหมองคล้ำ แบบคนไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน นั่งซดกาแฟพร้อมบ่นกับโยธิน
“ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมคุณเอี๊ยมไม่ยอมแยกแยะ”
โยธินคลิกดูภาพการทำงานในไอแพดพลางคุยกับวรรษชล
“มันก็พูดยากนะวรรษ....เพราะสิ่งที่คุณพิมทำกับเค้า มันก็มากอยู่...เป็นฉัน...ก็คงยากที่จะทำใจว่ะ ว่าแต่ นี่ไม่ได้นอนทั้งคืนเลยใช่มั้ย”
“ฮื่อ!พอแยกจากเค้า ฉันก็ไปห้องตัดต่อเลย”
“แล้วพอมีเวลาว่าง..แกก็มานั่งคิดเรื่องเค้าอีก” .โยธินอมยิ้ม “นี่ไหวเปล่า?? ถ้าไม่ไหว ฉันไปตัดต่อแทนให้ได้นะ บอกตรงๆว่าเป็นห่วง หมู่นี้...แกพูดถึงดาราคนนี้บ่อยเกินไป จนไม่เหลือคราบหนุ่มสารคดีแล้ว!”
“เหรอ?” เขารู้สึกตัว ขยับตัวกลบเกลื่อน บอกอ้อมแอ้ม “ก็ไม่ได้มีอะไร”
“ไม่มีก็ไม่มีสิ...ทำไมต้องมีพิรุธด้วย ว่าแต่ คุณเอี๊ยมนี่ก็แปลกนะ ยิ่งฉาวยิ่งดัง!”
นาฬิกาบอกเวลาบ่ายโมง อรัญภัทรยังนอนหลับอยู่ เจ๊เต่าเข้ามาปลุก
“เอี๊ยมๆ บ่ายโมงแล้ว ลุกขึ้นมาแต่งตัวเร็ว เราต้องไปงานตอนบ่าย 3”
เธอรู้สึกตัว แต่ยังงอแงตามประสา ไม่ยอมลุก เจ๊เต่าเสียงนิ่งๆเรียก
“นี่!!! ตอนไปคุยกับผู้ชายแรงดีจังเลยนะ คุยกันได้ถึงเช้า พอถึงเวลาทำงานไม่มีแรงเลย”
เธอได้ยิน ผุดลุกขึ้นทันทีหน้าจ๋อยๆ เจ้เต่าพูดหน้านิ่งๆ
“เอี๊ยมรับปากเจ๊แล้วนะ ต่อไปจะเริ่มต้นใหม่ อย่าผิดสัญญา”
เธอกระเด้งตัวขึ้นมาทั้งยังงัวเงีย รับคำ
“ค่าเจ๊”
บนคอนโดฯ อรัญภัทรนั่งแต่งหน้าให้ตัวเอง ขณะที่เจ๊เต่าไดร์ผมให้ เวฬุยากับเขมปัญฑานั่งกันคนละมุมแบบว่างงาน เจ๊เต่าหันไปมองเห็นใจบอก
“มะม่วงกับเขมรอหน่อยนะ....เจ๊พยายามหางานให้อยู่”
“ไม่เป็นไรเจ๊ ฉันเข้าใจ ดาราที่ไม่มีข่าวฉาว ไม่มีใครอยากเชิญไปงานอีเวนท์หรอก” เวฬุยาบอก
เธอหันขวับไปมองเพื่อนแบบไม่พอใจ แต่พูดยิ้มๆ
“ก็มีหลายคนนะ ที่พยายามจะฉาว ใส่เสื้อผ้าแหวกไปจนเห็นสะดือ สาหร่าย แต่ก็ไม่มีคนสนใจ แต่ฉัน....ขนาดใส่เสื้อผ้าคอเต่าปิดจนถึงลูกกระเดือก ก็ยังมีคนเชิญออกงานไม่เว้นแต่ละวัน”
เวฬุยาไม่ทันตอบ เสียงมือถือของเจ๊เต่าก็ดังขึ้น นางรีบรับ
“ค่า....คิวน้องเอี๊ยมเดือนหน้าเหรอคะ เดี๋ยวเจ้ดูคิวนิ้ด นึง ได้วันที่ 19 วันเดียวค่ะ ตกลงเอาตามคิวน้องเอี๊ยมนะคะ...น่ารักที่สุด งั้นเจ้ลงคิวไว้ให้เลยนะคะ...ขอบคุณค่ะ”
อรัญภัทรยิ้มๆเย้ยๆหันไปมองเวฬุยาที่นั่งตาขวาง เจ๊เต่าถามปลายสาย
“เดี๋ยวๆๆค่ะอย่าเพิ่งวาง...เอาคิวน้องมะม่วงกับน้องเขมด้วยมั้ยคะ” ฟังแล้วหัวเราะคิกคัก “ว่างไม่ว่างก็จะพาไปค่ะ … ไม่เอาเหรอคะ ค่ะๆ คิวน้องเอี๊ยมคนเดียวนะคะ ขอบคุณมากค่ะ”
เจ๊เต่าวางสายมอง 2 นักแสดงในสังกัด เห็นสองคนหน้าซีดเจื่อน ก่อนจะลุกเดินออกไป อรัญภัทร
มองเจ้เต่า ส่งสายตาให้ตามทั้งสองออกไป
สองคนเดินหน้าเหี่ยวออกไปด้านนอก เจ๊เต่าตามออกไป บอกสองสาว
“นี่!อย่าน้อยใจนะ....งานนี้มันเหมาะกับเอี๊ยมจริงๆ”
เวฬุยาพูดจาเสียงเหนื่อยๆไม่เหวี่ยง ไม่ได้อิจฉาแค่รู้สึกตัวเองไม่มีงาน
“ก็เห็นมีงานอะไร ก็เหมาะกับเอี๊ยมทุกที”
เขมปัญฑาบอกเพื่อนเสียงนิ่มๆ
“ก็เอี๊ยมเค้าเป็นคนมีเสน่ห์ จะพูดจะจาอะไรก็น่ามอง ขนาดเหวี่ยงยังเกลียดไม่ลงเลย”
เจ๊เต่าหัวเราะแหะๆ
“นี่เขม..ชมเอี๊ยมจริงๆใช่มั้ยจ้ะ”
เขมปัญฑาหน้าซื่อๆ
“ค่ะเจ้...ขนาดเขมเป็นผู้หญิง ยังชอบมองเอี๊ยมเลย เขมว่าเอี๊ยมเค้ามีความไดนามิค น่าค้นหา มีเสน่ห์ยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก”
“นี่!!เราสองคนน่ะก็ทำอย่างเอี๊ยมได้นะ....แค่ลดความเป็นตัวเองลงนิ้ดนึง ขยันยิ้ม ขยันพูดหน่อย ทำตัวอย่าให้คนเค้าเดาอารมณ์ไม่ถูก แค่นี้ก็น่าติดตาม น่าค้นหาแล้ว”
“หนูเปลี่ยนตัวเองไม่ได้หรอก” เวฬุยาบอก
เจ๊เต่าทำท่าคิด
“งั้น.... หาเรื่องสร้างกระแสหน่อยมั้ย อะไรก็ได้ พอให้คนเค้าพูดถึง”
“ไม่เอาอ่ะ ไม่ใช่แนว”
เจ๊เต่าค้อนขวับ
“โอ๊ย!โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้...วันๆเธอก็อยู่แต่ห้องแล้วกันมะม่วง”
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นล่ะเจ๊...เพราะจะให้ใส่หน้ากาก..ทำมารยา บอกตรงๆทำไม่เป็น” เธอสะบัดหน้าทำเป็นเริ่ดๆเชิดๆเดินไปทางอื่น
เจ๊เต่าทำหน้าย่นกับเขมปัญฑา
“ดู...มัน....ก็เป็นแต่แบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะมีงาน”
เขมปัญฑาเสียงอ่อยๆแบบเกรงใจ
“เขมเข้าใจมะม่วงค่ะ...เพราะเขมก็เป็นอย่างมะม่วงเหมือนกัน”
เขมปัญฑาเดินไปอีกคน เจ๊เต่าได้แต่พ่นลมหายใจยาวออกมา พร้อมเอามือแตะหน้าผาก มึนตึ้บ
ณ สถานออกกำลังกายผ่านเวลามา อรัญภัทรกำลังเล่นพิลาทิส โชว์ลีลาสวยงาม ความแข็งแกร่งของร่างกาย ก่อนเดินมาหยิบกล่องนมดื่ม
“ดื่มให้กับความแข็งแรงของร่างกายค่ะ”
เธอยิ้มดื่มนมเป็นพรีเซนเตอร์ถ่ายโฆษณา
พิมพิชชานั่งดูทีวีอยู่ พอเห็นเป็นโฆษณาของลูกเลี้ยง ก็แทบจะเอารีโมทขว้าง
เบอร์รี่รีบตะครุบมือพิมเอาไว้ร้องห้าม
“อย่าค่ะพี่พิม.... ถึงจะรักแค่ไหน แต่ท่านคงรับไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าพี่พิมทำทีวีแตกเพราะเอารีโมทเขวี้ยงหน้าลูกสาวท่านน่ะ”
พิมพิชชาได้แต่ฮึดฮัด
“ก็ให้มันรู้ไปสิ...ว่าฉันจะทำอะไรมันไม่ได้น่ะ”
“อาจจะไม่ได้นะพี่...เพราะแฟนคลับคุณเอี๊ยมมีตรึมเลย...แต่พี่..ไม่มีแฟนคลับซักคน มีแต่แฟนขับ
เบอร์รี่หัวเราะคิกคัก คราวนี้พิมพิชชาไม่ว่า แต่แอบยิ้มเจ้าเล่ห์ เบอร์รี่มองแปลกใจ แต่ไม่รู้นางจะทำอะไร
เจ๊เต่าขับรถมายังกองถ่าย ก่อนที่ทุกคนจะทยอยกันเดินลงมา เจ๊เต่าบอก
“ยิ้มๆนะลูกน้า อย่าวีน อย่าเหวี่ยง อย่าวุ่นวือวุ่นวาย ท่องเอาไว้...งานคือเงิน เงิน
คืองาน สันดานไม่ดี ไม่มีคนจ้างนะจ้ะ”
ทุกคนเดินหน้าเรียบๆเฉยๆเข้ากอง อรัญภัทรก็เดินแบบหน้ามึนๆอึนๆ แอบมองมือถืออยู่บ่อยครั้ง เจ๊เต่าเห็นก็ถาม
“รอผู้ชายโทรฯมาเหรอ”
เพื่อนทั้งสองได้ยินก็หันขวับมามอง เธอเห็นเพื่อนมองมาก็รีบปฏิเสธ
“เปล่า”
“เออ! เรื่องเอี๊ยมกับคุณวรรษชลมันยังไง?ยังไม่เห็นเล่าให้เจ๊ฟังเลย”
เธอลากเสียงยาวกลบเกลื่อน
“จะเล่าอะไร มันไม่มีอะไร”
“ดูหน้าคงเชื่อหรอก”
เสียงมือถือของเธอดัง เธอรีบยกมาดู เห็นชื่อวรรษชลโทร. มา เจ๊เต่ารีบชะโงกหน้าเข้ามามองมือถือรวดเร็ว เธอรีบเบี่ยงตัวหลบ แต่ช้ากว่าสายตาเจ๊เต่า
เจ๊เต่าหัวเราะ
“เอี๊ยมกับคุณวรรษกิ๊กกันใช่มั้ย”
“บ้า!” เธอเขินมากรีบเดินหนีไป ตายิ้มดีใจแต่ไม่รับสาย
“ยัยเอี๊ยมมันวาสนาดีนะ...ลักกี้ ทั้งเลิฟ ทั้งเกม”
เพื่อนทั้งสองหน้าจ๋อย เจ๊เต่านึกได้ ได้แต่หัวเราะแหะๆ
“ขออนุญาตตบปากตัวเอง ห้าร้อยที”
ทั้งคู่ไม่ตลกด้วย เดินเข้าไปด้านในกองถ่าย เจ๊เต่าจ๋อยสนิท
วรรษชลที่ห้องตัดต่อ บ่นพึม
“นี่ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ”
เธอแอบมองมือถือ เห็นวรรษชลยังไม่วางสายก็ยิ้มกริ่มด้วยความดีใจ แต่ยังไม่รับสาย งอน
อ่านต่อตอนที่ 6