xs
xsm
sm
md
lg

รัตนาวดี ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รัตนาวดี ตอนที่ 8

ร้านอาหารน่ารัก ที่อังกฤษ นพหัวเราะขำ

"นายประพัทธ์นี่ร้ายจริงๆ แอบหนีแฟนมาหาวิมล"
วิมลแก้
"มาส่งข่าวค่ะ...ไม่ได้มาหาเฉยๆ แต่พี่ประพัทธ์เค้ายืนยันนะว่าไม่มีแฟน...มีแต่น้องๆ"
นพหันไปหัวเราะ
"อย่างนี้ละที่เค้าเรียกกะล่อน....กับเด็กชื่อจูนก็ติดกันแจ... นี่ก็ได้ข่าวไปหนุงหนิงกับสาวเวลล์ที่เรียน Class law ferm ด้วยกันอีก....ถึงกับทะเลาะหึงหวงกับจูน"

วิมลหัวเราะ
"เลยจะหนีเรื่องยุ่งๆ ของหัวใจไปเที่ยวกับท่านหญิง"
นพมองวิมลนิ่ง
"คุณนี่มองโลกในแง่ดีจริงๆ นะ…ผมว่าเค้าจะไปทำให้ท่านหญิงทรงยุ่งยากมากกว่า"
"ไม่ต้องห่วงค่ะ...ท่านหญิงไม่ทรงปล่อยให้พี่ประพัทธ์ทำอย่างนั้นแน่….ท่านมีวิธีจัดการ ท่านทัยแข็ง ลงว่าไม่เป็นไม่ นอกจากท่านจะทรงยอมรับเอง"
"เอาอย่างนี้ดีกว่า...ถ้าท่านหญิงทรงส่งข่าวมา...วิมลรีบบอกผม แล้วผมจะไปบอกนายประพัทธ์เอง"
"ช่วงนี้คุณนพยุ่งเรื่องเตรียมทีสิตท์ไม่ใช่เหรอคะ"
"ไม่เป็นไรหรอก...ผมไม่อยากให้นายประพัทธ์ไปหาคุณที่โรงพยาบาลบ่อยๆ"
นพมองวิมลด้วยสีหน้ายิ้มๆ วิมลยังพาซื่อ
"ทำไมเหรอคะ"
"หึงน่ะซิ..ไม่อยากให้มาใกล้วิมลบ่อยๆ...ไม่ไว้ใจหมอนี่"
วิมลอึ้งไปนิดหนึ่ง แล้วก็พยายามจะไม่อายม้วน...
"คุณนพก็...ชอบพูดเล่นอยู่เรื่อย"
นพมองวิมลนิ่ง
"ผมไม่ได้พูดเล่น....ไม่อย่างนั้นจะมาหาแทบทุกวันอย่างนี้ทำไม"
ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างรู้สึกดี...

ท่านชายดนัยวัฒนา เล่าเรื่องมาถึงท่านชายพจน์ ปรีชา
"ทูลท่านพจน์เพื่อนรัก..หม่อมกำลังจะวางแผนทำ Surprise ให้น้องหญิง...คือหม่อมได้ยินน้องหญิงรับสั่งทีเล่นทีจริงหลายครั้งแล้วว่า อยากอยู่ปราสาทโบราณ"

ท่านดนัยโทรศัพท์ที่ Lobby โรงแรม เห็นว่า ท่านดนัยพูดโทรศัพท์อย่างคุ้นเคยกับคนที่โทร.คุยด้วย
"หม่อมมีเพื่อนฝรั่งเศส ชื่อเรเน่...เค้ามีพ่อทูนหัวเป็นเจ้าของปราสาทอยู่ใกล้ๆ ที่นี่...เค้าเคยชวนหม่อมมาเที่ยวหลายหน แต่หม่อมไม่เคยมาแม้แต่ครั้งเดียว...หม่อมจึงรีบโทร.หาเขา หม่อมนัดแนะกับเรเน่ ให้นัดพ่อทูนหัวเขา พอน้องหญิงเด็จขึ้นห้องพัก หม่อมก็รีบไปหาพ่อเรเน่ ขอร้องให้เขาช่วยหม่อมเล่นละครกับน้องหญิงหน่อย...หม่อมอยากให้น้องหญิงได้ไปค้างที่ปราสาทพ่อเรเน่ซักคืนนึง"

ท่านดนัยมาหา มองสิเออร์ และ มาดาม ปองตินยัก เห็นการพูดจาเหมือนท่านดนัยแนะนำ
ตัวเอง มองสิเออร์ และ มาดาม ต้อนรับสวมกอดท่านดนัยอย่างยินดี

"พ่อกับแม่ของเรเน่น่ารักมาก ยินยอมเล่นละครกับหม่อมในฐานะนายเล็ก...หม่อมหนักใจเหมือนกันที่ต้องปดน้องหญิง แต่การปดครั้งนี้ไม่ได้ทำให้ใครเจ็บช้ำน้ำใจกัน..มีแต่นางฟ้าของหม่อม...จะได้นอนในปราสาทสมความฝัน...จากผุ้อุตริ ... ดนัย…"

ท่านดนัยขับรถมาจอดทางเข้าหน้าปราสาทพ่อเพื่อนท่านดนัย รัตนาวดีเปิดประตูรถลงมายืนดูด้วยสีหน้าตื่นเต้นและ ดีใจ ป้าสร้อยเดินเข้ามายืนใกล้ๆ ท่านดนัยเดินตามมายืนยิ้มๆ
"โอ้โห...ช่างใหญ่โตเหลือเกิน...แน่ใจนะนายเล็กว่าที่นี่"
"แน่ใจครับคุณสร้อย"
"ไหนบอกอีกทีซิ...เจ้าของปราสาทนี่เค้าเชิญเรามาจริงเหรอ"
"จริงครับ...ท่านดนัยท่านเคยรับสั่งไว้ให้ผมคอยรายงานท่านที่พาท่านหญิงมาเที่ยว...เมื่อวันก่อนผมรายงานท่านไปว่าเราเที่ยวอยู่แถวๆ นี้…ท่านเลยร้บสั่งว่าท่านมีเพื่อนสนิทที่มีพ่อทูนหัวเป็นเจ้าของปราสาท"
"แปลว่าเค้าต้องร่ำรวยมากถึงจะซื้อปราสาทอย่างนี้ได้"
"น่าจะเป็นมรดกของเค้านานแล้วครับ...ท่านหญิงอยากเสด็จดูรอบๆ ก่อนไหมกระหม่อม"
"ฉันว่าเราควรไปพบเจ้าของปราสาทก่อนดีไหม...ฉันอยากจะขอบคุณเขาเหลือเกิน" ท่านหญิงรัตนาวดีบอก
"ต้องทรงขอบทัยท่านพี่ต่างหากมังคะ...จริงไหมนายเล็ก"
ท่านดนัยยิ้ม
"จริงครับ...ท่านดนัยทรงเป็นธุระให้"

รัตนาวดียิ้มเดินกลับไปขึ้นรถ ป้าสร้อย กับ ท่านดนัยตามขึ้นรถไป ท่านดนัยขับรถเข้าไปตามทางที่ไปตัวปราสาท

ท่านดนัยขับรถมาจอดบริเวณหน้าทางเข้าตัวปราสาท มองสิเออร์ และ มาดาม ปองตินยักยืนคอยรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พอรถท่านดนัยจอด ก็มีคนมาเปิดประตูให้ท่านหญิงรัตนาวดี
 
ป้าสร้อย กับท่านดนัยลงมาจากรถ ท่านดนัยรีบแนะนำ
" มองซิเออร์ กับ มาดาม ปองตินยัก ครับ..นี่คือ หม่อมเจ้าหญิง รัตนาวดี พระญาติของท่านดนัย
ที่เป็นเพื่อนสนิทกับเรเน่"
มองสิเออร์ยิ้มอย่างใจดี จับมือรัตนาวดีไว้
"ขอต้อนรับสู่ปราสาทของเรา...เราสองคนยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับท่านหญิง...นี่ภรรยาของผม"
รัตนาวดีสวมกอดกับมาดาม
"ยินดีต้อนรับพวกท่านทุกคน"
รัตนาวดียิ้มดีใจ
"ฉันรู้สึกดีใจ และ ซาบซึ้งเป็นอย่างมากที่ได้มาที่นี่ หวังว่าคงไม่เป็นการรบกวนท่านทั้งสอง"
"ไม่รบกวนเลย...เราอยู่กันสองคนก็รู้สึกเหงา ได้ต้อนรับพวกท่านให้เกียรติมาเยี่ยมเรา...
ทำให้เราดีใจมาก...เชิญพวกท่านทุกคนข้างในปราสาทเลยดีกว่า"

ทั้งหมดเดินเข้ามาที่ห้องรับแขก...ดนัยถือกระเป๋าเดินทางตามมา
มองสิเออร์บอก
"ปราสาทนี้เป็นของปู่ผม ที่ซื้อไว้ในช่วงที่บริเวณนี้ไม่มีใครสนใจ...เราค่อยๆ ซ่อมแซมจนเป็น
อย่างนี้"

รัตนาวดีมองไปรอบๆ ด้วยสายตาชื่นชม
"ปราสาทของท่านสวยมาก...การที่ฉันได้มาพักที่นี่มันเหมือนกับความฝันของฉันเป็นความจริง"
มองสิเออร์หันไปหัวเราะกับท่านดนัย
มาดามบอก
"ฉันดีใจมากที่ท่านหญิงชอบปราสาทโบราณ ....เอ้อ..."
มาดามหันไปมองท่านดนัย จะเรียก
"นายเล็ก...ครับ" ท่านดนัยชิงบอก
มาดามพยายามกลั้นยิ้ม ท่านดนัยก็เช่นกัน
"นายเล็ก...คุณจะพาท่านหญิงไปเที่ยวดูรอบๆ ปราสาท หรือ ที่สวนของเราก่อน มีอะไรน่าสนใจหลายอย่างแล้วค่อยพบกันตอนอาหารเย็น"
"เป็นความคิดที่ดีมากครับ...ขอบคุณมากสำหรับความกรุณาของท่านทั้งสอง"
"ขอให้คิดว่าที่นี่เป็นบ้านของท่าน"
ท่านดนัยมองรัตนาวดีที่มีความสุขมาก....

ท่านชายดนัยวัฒนาพารัตนาวดีไปเที่ยวรอบๆ ปราสาทปองตินยัก และ ถ่ายรูปรัตนาวดี กับ ป้าสร้อย หลายรูป
"เค้าดูแลรักษาปราสาทนี่ได้ดีจริงๆ ขนาดอายุหลายร้อยปีแล้ว"
"ต้องใช้เงินจำนวนมากหถึงจะรักษาไว้ได้ในสภาพนี้กระหม่อม สมัยก่อนหลังการปฏิวัติ ปราสาทแถวนี้ทุกทิ้งร้างไว้หลายแห่ง และหลายแห่งไม่มีคนเหลียวแล จึงหักพังไปเสียมาก หลังจากนั้นก็มีการซื้อขายกันหลายต่อหลายทอด"
"แปลว่าสมัยนั้นเค้าก็คงขายไม่แพง"
"กระหม่อม…มีหลายๆ แห่งที่เจ้าของประกาศขายด้วย ราคาไม่แพงเลย"
"แหม…เราน่าจะหาซื้ออย่างที่ไม่ค่อยแพงไว้บ้างนะคะป้า"
"โอ้ย...ใครจะมาอยู่มังคะ...มาเที่ยวประเดี๋ยวประด๋าวก็สนุกดี แต่ถ้าให้มาอยู่เลย...หม่อมฉันขออยู่บ้านเราดีกว่ามังคะ"
ทั้งสามคนหัวเราะกันอย่างมีความสุข

สวนผลไม้สวยงามที่ด้านหลังปราสาทปองตินยัก ท่านชายดนัยพารัตนาวดี กับ ป้าสร้อยเดินมาดู ป้าสร้อยตาโตตื่นเต้น
"โอ้…ลูกดกดีจริงๆ...มังคะ...แหม..บ้านเราน่าจะปลูกอย่างนี้ได้"
"บ้านเราอากาศไม่เย็นพอค่ะ"
"กระหม่อมรู้มาว่าบ้านเราแถวเชียงใหม่ เชียงดาวก็เริ่มจะปลูกกันบ้างแล้วกระหม่อม...เป็นโครงการพระราชดำริ"
สร้อยยกมือไหว้ท่วมหัว
"ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานด้วยเถิ้ด...อะไรที่ไหนดีๆ ทรงหามาพระราชทานไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินซะทุกสิ่งทุกอย่าง....ท่านหญิงมังคะ..เราน่าจะไปปลูกที่บ้านเราบ้างนะมังคะ"

รัตนาวดีหัวเราะ
"หญิงก็กำลังคิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ...กลับไปต้องให้เจ้าพี่หาข้อมูลให้เรา."
ป้าสร้อยถาม
"เออนายเล็ก...เจ้าของปราสาทนี่เค้าสนิทกับท่านดนัยมากเหรอถึงได้ต้อนรับขับสู้เราดีขนาดนี้"
"เอ้อ…ท่านชายเคยรับสั่งให้ผมฟังถึงคุณเรเน่...เพื่อนสนิทของท่าน…เคยเรียนด้วยกันตั้งแต่ยังเด็กๆ...แล้วก็เรียนด้วยกันจนจบที่ Oxford ด้วยกันครับ"
"มิน่าล่ะ...ถึงได้ทรงสนิทกันมาก...แล้วเธอเคยพบคุณเรเน่ไหม"
ท่านดนัยยิ้ม
"เคยหลายครั้งครับ...คุณเรเน่มาทานอาหารที่ประทับท่านชายบ่อยๆ…ท่านหญิงทรงสบายพระทัยได้ว่าเจ้าของปราสาทเค้าดีใจที่เรามาจริงๆ"
รัตนาวดียิ้มมีความสุข
"มันดีเกินกว่าที่ฉันเคยฝันไว้นะนายเล็ก"
คนงานที่ทำสวยตัดผลไม้่มาส่งให้ร้ตนาวดี พูดกับท่านดนัยนิดหน่อย ท่านดนัยรับผลไม้มาส่งให้
"เค้าอยากให้ท่านหญิงทรงลองชิมดูกระหม่อม...ลูกพีชนี่ถ้าเก็บจากต้นใหม่ๆ จะหวานกรอบรสดีมาก"
คนสวนพากันยิ้ม รัตนาวดีกัดชิมผลไม้ สีหน้าพอใจมาก
"หวานจ้ะ...อร่อยมาก...แมกซ์ซี่"
พวกคนสวนพากันดีใจ...คนสวนที่เอาผลไม้มาให้พูดกับท่านดนัยเป็นภาษาฝรั่งเศส
"ภรรยาของท่านสวยมาก"
รัตนาวดีได้ยิน และ ฟังออก พยายามจะไม่อาย ท่านดนัยตกใจ
"เธอไม่ใช่ภรรยาของผม...ผมเป็นคนขับรถ"
คนสวนพวกนั้นทำหน้าไม่เชื่อ เดินหัวเราะกลับไปทำงาน
"อะไรมังคะ...เค้าพูดอะไรกัน"
"ไม่รู้สิคะ...หญิงไม่ทันฟัง"

ท่านดนัยเดินหนีไปเพราะไม่อยากให้รัตนาวดีเห็นสีหน้ายิ้มพอใจ...
 
อ่านต่อหน้า 2

รัตนาวดี ตอนที่ 8 (ต่อ)

หลังจากที่เดินชมปราสาทและสวนแล้ว....ท่านดนัยเดินมาส่งรัตนาวดีและป้าที่ประตูปราสาทปองตินยัก

"พรุ่งนี้กระหม่อมจะรีบมาแต่เช้า"
รัตนาวดีสงสัยรีบหันมาถาม
"เธอจะไปไหน"
"กระหม่อมจะไปหา Inn ในเมืองกระหม่อม"
"จะไปหาทำไม...เธอจะไปนอนที่อื่นเหรอ"
ท่านดนัยก้มหน้า
"เอ้อ..กระหม่อมควรจะไปพักที่ที่เหมาะสมดีกว่ากระหม่อม"
"จะทิ้งฉัน กับ ป้าไว้ที่นี่สองคนได้ไง"
"ไม่ต้องทรงเป็นห่วงอะไรเลยกระหม่อม...ที่นี่ปลอดภัยดีทุกอย่าง"

รัตนาวดีเชิดหน้าอย่างแสนงอน
"ฉันขอสั่งให้เธอพักกับเราที่นี่"
ป้าสร้อยคิดนิดหนึ่ง
"ถูกของท่านหญิง...อย่างน้อยเธอจะได้พูดคุยกับเจ้าของปราสาทเขาด้วย...เพราะเขาคงถามเรื่องท่านดนัย...ท่านหญิง กับ ป้าคงไม่รู้จะตอบเขายังไง..มันจะดูชอบกลนะ"
ท่านดนัยมองรัตนาวดี ที่มองมาด้วยสีหน้าเอาเรื่อง

ท่านหญิงรัตนาวดีเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนที่จัดแบบโบราณหรูหรา มีเตียงนอนสวยงาม กระเป๋าเสื้อผ้าของรัตนาวดี กับ ป้าสร้อย วางอยู่ในห้องแล้ว รัตนาวดีเดินเข้ามายืนหมุนอยู่ในห้องมีความสุขมาก
"ป้าหยิกหญิงทีซิคะ"
ป้าสร้อยเดินมาหยิกรัตนาวดี
"โอ้ย... ไม่ได้ฝันจริงๆ ด้วย"
ท่านหญิงหัวเราะ ป้าสร้อยงง
"ท่านหญิงให้หม่อมฉันหยิกทำไมมังคะ แต่ก็น่าหยิกเวลาดื้อจริงๆ"
รัตนาวดีกำลังอารมณ์ดีไม่ได้สนใจ
"ไม่น่าเชื่อจริงๆ....หญิงไม่ได้ฝันไปจริงๆ...หญิงได้มาอยู่ปราสาท ป้าตื่นเต้นไหมคะ"
ป้าสร้อยมองไปรอบๆ อย่างหวาดๆ
"หม่อมฉันหวาดๆ มากกว่ามังคะ...ปราสาทนี่อายุซักเท่าไหร่มังคะ"
"น่าจะหลายร้อยปีนะจ้ะ"
ป้าสร้อยทำหน้าสยดสยอง
"ตายไปกี่ชั่วคนแล้วก็ไม่รู้"
รัตนาวดีมองป้าสร้อยขำๆ
"อย่าบอกนะว่ากลัวผี"
ป้าสร้อยแข็งใจทำไม่กลัว
"เปล้า..มังคะ"
"ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย...ออกจะสวยอย่างนี้..ดูสิคะ... คืนนี้เราจะได้นอนปราสาทในเทพนิยาย"
รัตนาวดีลงนอนบนที่นอนนั้นอย่างมีความสุข

โต๊ะอาหารที่ถูกจัดอย่างสวยงาม

รัตนาวดีแต่งตัวสวยนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง รัตนาวดียิ้มกับตัวเองในกระจกสีหน้ามีความสุข ป้าสร้อยเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่งตัวสวยเหมือนกัน รัตนาวดีหันไปมองยิ้มสดใจ
"แหม..ป้าแต่งตัวซะสวยเชียว"
ป้าสร้อยยิ้มพอใจ
"ไม่ได้มังคะ...มาพักที่แบบนี้เราก็ต้องให้เกียรติเจ้าบ้านเค้าหน่อย...จะมาทำมอมแมมเหมือนเรากินกันเองข้างทางได้ไงมังคะ...ท่านหญิงของหม่อมฉันคืนนี้ก็ทรงสิริโฉมจริงๆ"

รัตนาวดียิ้มกับตัวเองในกระจก
"วันนี้หญิงได้เป็นเจ้าหญิงอยู่ที่ปราสาทนี่..แต่..ยังหาเจ้าชายไม่เจอเลย"
ป้าสร้อยหัวเราะ
"แหม…มองสิเออร์ แกก็แก่เกินกว่าจะเป็นเจ้าชายนะมังคะ เมียก็มีแล้วซะอีก"
รัตนาวดีขมวดคิ้ว
"ยกให้เป็นเจ้าชายของป้าเถอะค่ะ...เจ้าชายของหญิงจะต้องหล่ออย่าง…เอ้อ…"
"อย่างใครมังคะ..."
ท่านหญิงรัตนาวดีหาทางออกไปได้
"อย่างเจ้าพี่ไง...หรืออย่างคุณนนท์"
"หม่อมฉันแน่ใจว่าเจ้าชายของท่านหญิงจะต้องหล่อพอๆ กับ ท่านพจน์แน่ๆ มังคะ"

ปราสาทภายนอกเปิดไฟสว่างไสวตอนกลางคืน
หม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดี กับ ป้าสร้อยเดินเข้ามาในห้องโถงของปราสาทปองตินยัก มองสิเออร์ยืนคอยรอรับอยู่
"Good evening princess"
"Good evening Monsieur"
"Madam and Lek are waiting us in the Living room so,we will go to joy them"

รัตนาวดียิ้มอย่างมารยาทดี มองสิเออร์พารัตนาวดีควงแขนเดินไปที่ห้องทานอาหาร มีป้าสร้อยเดินตามมา

มองสิเออร์ ควงแขนท่านหญิงรัตนาวดีเดินเข้ามาในห้องทานอาหารใหญ่หรูหรา ท่านดนัยยืนอยู่ที่นั่น กำลังคุยกับมาดาม
 
ท่านดนัยใส่เบรเซอร์อย่างเท่ห์ มือหนึ่งถือแก้วไวน์ หันมามองรัตนาวดี ด้วยสายตาที่ตะลึงในความสวย รัตนาวดีเองก็ตะลึงที่เห็นท่านดนัยท่าทางโก้ดูดีเหมือนกัน ต่างมองกันด้วยสายตาที่พึงพอใจ

ในห้องนอน รัตนาวดีใส่เสื้อคลุมชุดนอน ปล่อยผมยาวสวย สีหน้ามีความสุขนั่งเขียนจดหมายอยู่ที่โต๊ะมุมห้องนอน ป้าสร้อยเตรียมตัวนอนเหมือนกัน เดินมาหารัตนาวดี
"ทรงเขียนจดหมายถึงท่านพี่เหรอเพคะ"
รัตนาวดีหันมายิ้ม
"เขียนถึงคุณปริศนาค่ะ...เล่าเรื่องที่เราได้มานอนที่ปราสาทนี้"
ป้าสร้อยมองไปรอบๆ อย่างหวาดๆ
"แหม…ปราสาทนี่มันก็เก่าแก่จริงๆ นะเพคะ...นี่ดีนะเพคะที่เค้าจัดให้เราอยู่ด้วยกัน"
รัตนาวดีหันมายิ้มล้อเลียน
"ถ้าป้าง่วงก็นอนก่อนก็ได้ค่ะ"
ป้าสร้อยเดินไปมา
"ยังไม่ง่วงหรอกเพคะ...ขอเดินให้หายอิ่มอีกหน่อย... แหม…สองคนปองตินยักนี่เลี้ยงเราซะอิ่มหมีพีมันเหลือเกิน"
รัตนาวดีหันมาหัวเราะ
"ป้าเก่งนี่คะที่จำชื่อเขาได้"
ป้าสร้อยทำท่าโอ่
"มันออกเสียงเป็นไทยๆ ดีเพคะ...ถ้าภาษาฝรั่งเศสดังอย่างนี้บ่อยๆ หม่อมฉันเห็นจะพอพูดได้"
ท่านหญิงรัตนาวดีแกล้งถาม
"ไหนเจ้าของปราสาทชื่ออะไรนะคะ...หญิงชักจะลืมๆ แล้ว"
"เจ้าของปราสาทผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะท่าน"

รัตนาวดีแปลกใจ
"เอ๊ะ..ยังไงกัน ทำไมต้องจำกัดเพศด้วยล่ะคะ.."
ป้าสร้อยทำท่าโอ่
"อ้าว…ไม่งั้นจะบอกถูกเหรอท่าน...ผู้หญิงจะได้ทูลว่า แม่ดำป่องตีนยัก ถ้าผู้ชายก็ แม่เสือป่องตีนยัก หม่อมฉันก็นึกถึง ยักเท่าบวมไงเพคะ... หรือจะให้ดีก็ ยักตีนป่อง...แน่...ก็เป็น ป็องตินยัก.. แสนจะง่ายเพคะ"
ท่านหญิงรัตนาวดีกับป้าสร้อยขำกันจนน้ำตาไหล...
"แหม..วิธีจำของป้า...หญิงต้องเอาไปใช้บ้างแล้วค่ะ"
"อย่าให้เค้ารู้เชียวนะเพคะ...สองคนผัวเมียนี่ออกจะโก้ ใจดีกับเราขนาดนี้...นี่ต้องกราบขอบพระทัยท่านดนัยจริงๆ นะเพคะ"
"ป้าว่าคืนนี้นายเล็กดูโก้ไหมคะ...หญิงสงสัยว่าเบรเซอร์ที่เค้าใส่คงจะได้ประทานมาจากท่านดนัย...พอนายเล็กใส่แล้วอาจจะดูโก้กว่าท่านดนัยเสียอีกนะคะป้า"
ป้าสร้อยค้อนทำไม่สนใจ แกล้งหาวนอน
"หม่อมฉันชักจะง่วงแล้ว...บรรทมเถอะเพคะ"
รัตนาวดีรู้ทันว่าป้าสร้อยไม่อยากให้พูดถึงนายเล็ก เลยแกล้งป้าสร้อย
"หญิงยังไม่ง่วงค่ะ"
ป้าสร้อยทำท่าจะขึ้นไปนอนบนเตียง
"เกิดมาก็เพิ่งเคยนอนเตียงหรูหราขนาดนี้...ท่านว่าเตียงนี่อายุมันซักกี่ปีเพคะ"
รัตนาวดีพูดโดยไม่หันมา
"ก็น่าจะมากกว่าหกร้อยปีแล้ว...น่าจะมีคนนอนตายบนเตียงนี้ ไม่รู้ว่ากี่คนต่อกี่คน"
ป้าสร้อยชะงัก ทำท่าสยดสยอง
"กี่คนต่อกี่คนอะไรกันเพคะ...รับสั่งเป็นเล่นเสียเรื่อย...หม่อมฉันไปนอนที่เก้าอี้ยาวดีกว่า"
"ที่เก้าอี้นั้นก็คงมีคนตาย"
ป้าสร้อยหอบหมอน กับ ผ้าห่มอีกผืนหนึ่งในตู้ไปนอนที่เก้าอี้ยาว หันมาเถียง
"แต่ก็ต้องน้อยกว่าบนเตียงนั่นแน่ๆ.."
ป้าสร้อยลงนั่งสวดมนต์เสียงดัง รัตนาวดีหันกลับมายิ้ม

บรรยากาศตอนเช้าแจ่มใสแสนสวยรอบๆ ปราสาทปองตินยัก รัตนาวดีแต่งตัวสวย เดินออกมานอกปราสาท เพื่อดูบรรยากาศรอบๆ รัตนาวดีเดินดูไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้ามีความสุข มาเจอท่านดนัยยืนสูดอากาศตอนเช้าเหมือนกัน รัตนาวดีมองท่านดนัยโดยที่ท่านดนัยไม่รู้ตัว...สีหน้ารัตนาวดีมองท่านดนัยอย่างพิจารณา...สักครู่ท่านดนัยหันมา พอเห็นรัตนาวดีก็ยิ้มให้รีบเดินมาหา รัตนาวดีก็ยิ้มสดใสให้ท่านดนัย
"ตื่นแต่เช้าเลยนะนายเล็ก"
"ฝ่าบาทก็ตื่นทมแต่เช้า...บรรทมไม่หลับหรือกระหม่อม"
"หลับสบายมากต่างหาก...แต่ป้าสร้อยน่ะสิ ทีแรกก็ว่ากลัวผีเจ้าของปราสาท แต่พอสักหน่อยก็กรนดังลั่น"
ท่านดนัยวัฒนาหัวเราะ กับรัตนาวดี
"มาดามปองตินยัก แนะนำกระหม่อมให้พาท่านหญิงไปดูปราสาทอีกแห่งหนึ่ง"

รัตนาวดีตื่นเต้น
"จริงๆ เหรอ"
"และยังให้ไปดูไร่องุ่นที่มีโรงบ่มไวน์ของเพื่อนเขาด้วยกระหม่อม"

"เรารบกวนเค้ามากไปหรือเปล่านายเล็ก"
 
อ่านต่อหน้า 3

รัตนาวดี ตอนที่ 8 (ต่อ)

รัตนาวดี เดินดูปราสาท บ็อนนิวาล(Chateau Bonneval) ด้วยสีหน้าพอใจมีความสุข ท่านดนัย กับ ป้าสร้อยเดินตาม ท่าทางป้าสร้อยเริ่มเหนื่อยแล้ว..

"ท่านหญิงมังคะ....ทูนหัว"
รัตนาวดีรีบเดินมาหาด้วยสีหน้าเป็นห่วง
"ป้าเป็นอะไรคะ"
"หม่อมฉันเดินจะไม่ไหวแล้วมังคะ"
ท่านดนัยบอก
"ทางด้านโน้นมีที่นั่งพักสบายครับ...เดินอีกหน่อยไหวไหมครับ"
"ป้าดูหน้าซีดๆ นะคะ"
"หม่อมฉันไม่เป็นไรหรอกมังคะ...คงจะตื่นเช้าไปหน่อย..ไปนายเล็ก...พาป้าไปนั่งพักหน่อยจ้ะ"
ท่านดนัยพยุงป้าสร้อยเดินไป รัตนาวดีมาเดินจูงมือป้าสร้อยอีกข้างหนึ่ง...

อีกมุมของปราสาทบ็อนนิวาล มีที่นั่งพักเป็นร้านขายเครื่องดื่ม และ อาหารว่าง ท่านดนัยพยุงป้าสร้อยมานั่งที่โต๊ะหนึ่ง กับ รัตนาวดี และเดินไปสั่งเครื่องดื่มให้ป้าสร้อย
"กลับไปนอนพักกันดีไหมคะ"
ป้าสร้อยมองรัตนาวดีอย่างรักมาก
"โอ้ย..หม่อมฉันไม่ได้เป็นอะไรนะท่าน...เรื่องอะไรจะกลับ"
ท่านดนัยเอาแก้วเครื่องดื่มมาให้ป้าสร้อย
"โกโก้ร้อนครับ...ดื่มแล้วจะได้สดชื่น"
ป้าสร้อยมองท่านดนัยอย่างนึกเอ็นดูมาก...แต่ก็ต้องห้ามใจ
"นี่นายเล็ก...เธอจะวางยาฉันเหรอไง"
ท่านดนัยงง
"วางยาอะไรครับ"
"นั่นสิคะ...ดื่มโกโก้จะเป็นวางยายังไงคะป้า"
"อ้าว…ก็โกโก้น่ะ ดื่มแล้วมันสดชื่น มีความสุขไงมังคะ... นายเล็กเค้าเห็นหม่อมฉันหมดแรง ก็เลยเอาโกโก้มาให้ดื่มจะได้กระชุ่มกระชวย คึกคัก…อย่างนี้ไม่เรียกวางยาได้ไงมังคะ"
รัตนาวดีค้อน ท่านดนัยยิ้มๆ
"แหม..ป้านี่..คนเค้าหวังดี..กลับเป็นทำคุณบูชาโทษซะงั้น.. ป้านั่งกระชุ่มกระชวยดื่มโกโก้อยู่ที่นี่นะคะ...หญิงจะไปเดินดู ทางด้านโน้นค่ะ"
ท่านหญิงรัตนาวดีเดินไป ท่านดนัยมองตาม แล้วหันมายิ้มกับป้าสร้อย ป้าสร้อยจำใจพยักหน้า ท่านดนัยจึงรีบเดินตามรัตนาวดีไป...

ทั้งสองเดินดูปราสาท บ็อนนิวาล ในมุมที่สวยงาม
"ปราสาทบ็อนนิวาลนี่ใหญ่โตจริงนะนายเล็ก"
"กระหม่อมไม่ค่อยมีข้อมูลของปราสาทนี้...รู้แต่ว่ากษัตย์ฝรั่งเศสหลายพระองค์ เคยเสด็จมาประทับที่ปราสาทนี้...มองสิเออร์ปองตินยัก สนิทกับเจ้าของปราสาทบ็อนนิวาลนี่เลยขอให้เราเข้ามาดู"
"ฉันคิดอยากจะหาของมอบให้มองสิเออร์ กับ มาดามปองตินยัก…..นายเล็กว่าเราควรจะให้อะไรเขาดี...เสียดายจริงที่ไม่ได้ติดของสวยๆ ดีๆ จากเมืองไทย"
"พอท่านหญิงเสด็จกลับไปแล้วค่อยส่งมาให้เขาก็ได้กระหม่อม.เอ้อ…ถ้าอยากจะให้เขาโดยเร็วกระหม่อมจะทูลท่านดนัยให้ ท่านทรงส่งมาให้ก็ได้กระหม่อม...ของไทยสวยๆ ที่ตำหนักท่านก็มีหลายชิ้น"
รัตนาวดีนิ่งไป ท่านดนัยมองอย่างอยากรู้ว่ายังโกรธอยู่ไหม
"ฉันว่าฉันรบกวนท่านหลายเรื่องเลยนะนายเล็ก....ไหนจะเรื่องรถ...เรื่องนายเล็ก...ไหนท่านจะแนะนำให้ฉันได้มานอนปราสาท"
รัตนาวดีสีหน้าอ่อนโยนลง ไม่พูดถึงท่านดนัยอย่างไม่พอใจอย่างเมื่อก่อน..
"กระหม่อมแน่ใจว่าท่านดนัยจะทรงดีทัยมากหากทรงรู้ว่า ท่านหญิงรับสั่งอย่าง"
ท่านหญิงรัตนาวดีมองท่านดนัยยิ้มๆ
"เธอไม่ใช่ท่านดนัยเธอจะรู้ทัยท่านได้ไง...ท่านอาจจะเบื่อที่ต้องมาคอยดูแลฉันกับป้าสร้อยก็ได้...ท่านคงเกรงทัยเจ้าพี่"
รัตนาวดีพูดแล้วก็หันข้างให้...ท่านดนัยมองรัตนาวดีอย่างน้อยใจ
"กระหม่อมมีเรื่อง....อยากจะทูล"
รัตนาวดีหันมามองด้วยดวงตาใสน่ารัก ท่านดนัยอยากสารภาพความจริง แต่พูดไม่ออก
"เธอจะบอกอะไรฉัน"
ท่านชายนึกได้ว่า ท่านหญิงเคยบอกว่า "ฉันเกลียดคนโกหกมากที่สุด...มันเหมือนไม่ให้เกียรติกัน" ท่านดนัยกระพริบตาอย่างเกรงๆ
"เอ้อ..กระหม่อมจะทูลถามว่าฝ่าบาทอยากเสด็จขึ้นไปดูบนป้อมปราสาทไหมกระหม่อม...แต่ออกจะสูงอยู่"
"ไปซินายเล็ก"

รัตนาวดีหัวเราะอย่างสนุก ท่านดนัยก็พลอยยิ้มสบายใจไปด้วย...

รัตนาวดี กับ ท่านดนัย ขึ้นมาบนโดมป้อมยอดปราสาท เห็นวิวสวยงามไปรอบๆ

"วิวบนนี้สวยจริงๆ...มองเห็นไปไกลเลยนะ"
"มีไร่องุ่นทางโน้นด้วยกระหม่อม"
ท่านดนัยชี้ให้ร้ตนาวดีดู ท่านหญิงรัตนาวดีมองตามยิ้มถูกใจ
"จริงด้วย...แล้วช่องพวกนั้นมีไว้ทำไมนายเล็ก"
รัตนาวดีชี้ให้ท่านดนัยดูช่องใหญ่ๆ ตรงพื้นป้อมปราสาท
"กระหม่อมคิดว่าสมัยโบราณใช้เป็นช่องสำหรับเททรายร้อนๆ หรือ น้ำมันร้อนๆ ใส่ข้าศึกที่มาบุกปราสาท"

รัตนาวดีตื่นเต้น
"น่าจะจริงนายเล็ก...แหม..คนโบราณนี่กว่าจะรอดกันมาได้ต้องต่อสู้ช่วงชิงกันน่าดูนะ"
"กระหม่อมว่าสมัยนี้ก็ต่อสู้ช่วงชิงกันไม่แพ้สมัยโบราณเหมือนกัน…ต่างกันแต่วิธีการต่อสู้เท่านั้นกระหม่อม"
รัตนาวดีเดินไปเรื่อย
"จริงของนายเล็ก...การต่อสู้ไม่ได้หมายถึงการปะทะด้วยความรุนแรงเสมอไป...การต่อสู้ด้วยปัญญาน่าสนใจกว่า...เอ้ย"
ท่านหญิงรัตนาวดีจะก้าวถลำลงไป ท่านดนัยรีบฉุดแขนไว้แล้วดึงตัวรัตนาวดีมาอย่างแรงจนรัตนาวดีตกใจ ท่านดนัยดึงตัวรัตนาวดีถอยออกมาแล้วรีบปล่อยมือ
"ขอประทานโทษที่ต้องรุนแรงถึงยึดกรไว้ หวังว่าคงไม่กริ้ว หม่อมไม่มีทางอื่น จะทูลก็ไม่ทัน คงไม่ทรงเจ็บนัก"
รัตนาวดีหันไปมอง มีหลุมขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า...ที่รัตนาวดีเกือบจะพลัดตกลงไป รัตนาวดีตกใจหน้าเสียพูดไม่ออก มองหลุมแล้วก็หันมามองท่านดนัย..ได้แต่พูดเบาๆเพราะความตกใจ
"ขอบใจนะนายเล็ก."
"เรากลับลงไปกันดีกว่ากระหม่อม...บนนี้ลมค่อนข้างแรง ฝ่าบาทจะทรงไม่สบายได้"
รัตนาวดียังสีหน้าไม่หายตกใจ แต่ก็เดินนำท่านดนัยลงไป...

มุมนั่งพักร้านขายเครื่องดื่มที่ปราสาทบ็อนนิวาล รัตนาวดี กับ ท่านดนัยเดินกลับมาหาป้าสร้อย ที่นั่งดื่มโกโก้คอยอยู่....ป้าสร้อยสังเกตุเห็นสีหน้ารัตนาวดีดูไม่ปรกติ รัตนาวดีเดินมานั่งข้างๆ ท่านดนัยเดินไปสั่งเครื่องดื่มให้รัตนาวดี
"ท่านหญิง...ทรงเป็นอะไรหรือเปล่าเพคะ"
"เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ...หญิงปีนขึ้นไปดูบนยอดปราสาทมา"
ป้าสร้อยสีหน้าตกใจ
"อะไรกันเพคะ ขึ้นไปถึงยอดปราสาท เกิดตกลงมาจะว่ายังไง"
รัตนาวดีนิ่งไปนิดหนึ่ง พยายามหัวเราะกลบเกลื่อน
"ตกก็อยู่ที่นี่เลยค่ะ...ไม่ต้องกลับบ้านแล้ว"
ป้าสร้อยค้อน ท่านดนัยเอาเครื่องดื่มมาให้รัตนาวดี
"รับสั่งเป็นเล่นอยู่เรื่อย...ทรงซนจริงๆ...นายเล็ก ทำไมไม่ห้ามท่านหญิงไม่ให้ขึ้นไปยอดปราสาทโน่น"
ท่านดนัยสบตากับรัตนาวดีนิดหนึ่ง แล้วยิ้มให้ป้าสร้อย
"บนนั้นไม่มีอันตรายหรอกครับคุณสร้อย ได้เห็นวิวสวยไปไกล"
"เห็นไร่องุ่นเต็มไปหมด จริงสินายเล็ก เราจะไปจากฝรั่งเศสแล้ว…ฉันอยากเห็นที่เค้าทำไวน์กัน มองสิเออร์ปองตินยักนัดเจ้าของโรงบ่มไวน์ไว้แล้วกระหม่อม"

ในโรงบ่มไวน์ ของไร่องุ่น เห็นถังไม้โอ๊คใหญ่ๆ จำนวนมากวางเรียงราย ท่านดนัยพารัตนาวดี กับ ป้าสร้อยเดินดู สีหน้าป้าสร้อยตื่นเต้น
"ถังอะไรถึงได้ใหญ่โตอย่างนี้เพคะ"
"ถังไม้โอ๊คจ้ะ...ในถังนั้นแหล่ะมีไวน์ที่เราทานกันทุกวันนี่แหล่ะ"
"ทำไมมันถึงได้มากมายอย่างนี้"
"บริเวณแถวนี้เป็นที่ผลิตไวน์รสดีของฝรั่งเศส ที่ทำออกไปขายทั่วโลกครับ"
"นายเล็ก...เหล้าองุ่นนี่เค้าทำกันยังไง ที่เรากินกันมานี่ รสชาติมันก็ไม่เหมือนกันนะ"
"ขึ้นอยู่กับวิธีการบ่มองุ่นครับ...แล้วก็ขึ้นอยู่กับพันธ์ขององุ่นที่เค้าเอามาบ่มทำไวน์"
"แล้วองุ่นพันธ์ไหนที่เอามาทำไวน์แล้วดีที่สุด"
"ไม่เสมอไปว่าองุ่นพันธ์ไหนจะทำไวน์ได้ดีที่สุดหรอก กระหม่อม...ขึ้นอยู่กับฤดูกาลเก็บเกี่ยว น้ำที่ใช้ ปีไหนมีฝนมากฝนน้อย สำหรับที่นี่ องุ่นที่นิยมเอามาทำไวน์ขาวเป็นพันธ์ชาร์ดอนเนย์ องุ่นพันธ์นี้นอกจากเอามาทำไวน์ขาวแล้ว เอามาทำแชมเปญด้วย"
"ที่เราดื่มกันเมื่อวันก่อนด้วยหรือเปล่า"
"ใช่ครับ."
ป้าสร้อยทำฟอร์ม
"แล้ววันนี้เค้ามีให้ชิมหรือเปล่าล่ะ"
ท่านดนัยยิ้มกับป้าสร้อย
"มีแน่นอนครับ"
"แล้วถ้าเป็นองุ่นแดงล่ะ ฉันชอบไวน์แดงมากกว่า"
"แปลว่าฝ่าบาทเป็นคอไวน์อย่างแท้จริง องุ่นแดงที่นิยมปลูกกันมากในเขตุ บอร์กโด คือองุ่นพันธ์
คาเบอร์เนย์ โซวินญอง...ไวน์ที่ผลิตจากองุ่นพันธ์นี้จะมีรสเข้มรสฝาด มีกลิ่นหอม แต่ถ้าแบบหอมรสนุ่มนวล ต้องไวน์ที่ผลิตจากองุ่นพันธ์ ปิโนว์ นัว…ที่ใช้ผลิตไวน์ Romanee Conti ซึ่งเป็นไวน์ที่มีราคาแพงมาก"
ป้าสร้อยยิ้ม
"แล้วเค้ามีให้ชิมหรือเปล่าล่ะ"
ป้าสร้อยยิ้มอารมณ์ดี

โต๊ะปูผ้าตาหมากรุกสีแดง ซึ่งจัดวางไวน์ ชี้ส ผลไม้ และ ขนมปังไว้อย่างน่ารัก มีแจกันปักดอกไม้ในกระถางง่ายๆ อยู่ด้วย...
ท่านหญิงรัตนาวดี ชนแก้วกับป้าสร้อย แก้วของรัตนาวดีเป็นไวน์แดง ของป้าสร้อยเป็นไวน์ขาว
รัตนาวดีหันไปมองท่านดนัยที่ยืนยิ้มๆ อยู่
"มานั่งทานด้วยกันนายเล็ก"
ท่านดนัยรีรอนิดหนึ่ง
"มานั่งสิจ้ะ"
ท่านดนัยยิ้มๆ เดินมาลงนั่ง รัตนาวดีรินไวน์ให้ ท่านดนัยก้มหัวรับ
"ขอบพระทัย"

ป้าสร้อยหันมาชนแก้วกับท่านดนัย ทั้งสามนั่งทานหัวเราะกันอย่างมีความสุข ป้าสร้อยแอบมองท่านดนัยแล้วก็ถอนใจ
 
อ่านต่อหน้า 4

รัตนาวดี ตอนที่ 8 (ต่อ)

ประพัทธ์ยืนคอยวิมลที่โรงพยาบาลด้วยท่าทางกระวนกระวาย...วิมลเดินมาประพัทธ์รีบเดินไปหา

"นพไปบอกพี่ว่าวิมลมีข่าวท่านหญิง...พี่เลยรีบมาหา"
วิมลยื่นกระดาษจดที่อยู่ให้ประพัทธ์ ประพัทธ์รีบรับมาดู
"ที่อยู่ท่านหญิงที่ฝรั่งเศสค่ะ...ถ้าพี่ประพัทธ์จะตามเสด็จก็ต้องรีบทูลท่าน...เพราะอีกสามวันท่านจะไปสวิสแล้ว"
ประพัทธ์สีหน้าดีใจ
"ขอบคุณมากจ้ะวิมล...พี่จะรีบโทรเลขไปทูลท่านว่าพี่จะไปรอท่านที่สวิส...ท่านจะเสด็จเมืองไหนก่อนจ้ะ"
"เจนิวาค่ะ...พี่ประพัทธ์โทรเลขไปทูลท่านก่อนก็ดีค่ะ เผื่อท่านเปลี่ยนพระทัยไปที่อื่นก่อน"
"ถ้าอย่างนั้นพี่จะรีบไปโทรเลยถึงท่านเลย...ขอบคุณมากนะ วิมล"
ประพัทธ์ทำท่าจะรีบเดินกลับไป แต่พอหันมาก็เห็นจูนยืนอยู่สีหน้าดีใจ ประพัทธ์ตกใจ
"จูน…"
วิมลยิ้มๆ
"ขอตัวกลับไปเรียนก่อนนะคะ"
วิมลเดินกลับไป ประพัทธ์เดินมาหาจูน จูนสังเกตุท่าทางประพัทธ์กับวิมล สีหน้าก็เปลี่ยนไป จากดีใจ กลายเป็นหน้าบึ้งไม่พอใจ
"มาทำอะไรที่นี่...หรือว่าไม่สบายจะมาหาหมอ"
"แล้วพี่ประพัทธ์มาทำอะไรคะ"
ประพัทธ์อึกอัก รีบเอากระดาษที่อยู่รัตนาวดีที่วิมลส่งให้ใส่กระเป๋า แต่จูนก็เห็น..
"เอ้อ…พี่…พี่มาขอยาวิมล...รู้สึกเหมือนเป็นหวัด"
"ไหนล่ะคะยา"
ประพัทธ์เหงื่อแตก
"เอ้อ…ก็พี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก...หมอก็เลยให้พักผ่อนมากๆ รอดูไปก่อน แล้วจูนจะมาตั้งหน้าตั้งตาถามพี่ทำไม จะจับผิดกันหรือไง...อย่าบอกนะว่าตามพี่มาที่นี่..หึงบ้าบอ อย่างนี้มันน่ารำคาญรู้มั้ย"
ท่าทางประพัทธ์ดูเย็นชา...จูนแอบเช็ดน้ำตา
"ทีแรกที่จูนเห็นพี่...จูนดีใจเพราะคิดว่าพี่จำได้ว่าจูนจะมาหาหมอวันนี้...แต่นี่...ไม่ใช่เลย...พี่แอบมาหาแม่นั่น...ลืมไปซะด้วยซ้ำว่าจูนจะมาหาหมอวันนี้"
จูนเดินหนีไปด้วยท่าทางน้อยใจ ประพัทธ์ยืนงง สีหน้าไม่พอใจ...

ประพัทธ์ กับ จูนเดินมาตามทางเดินสบายๆในวิทยาลัยพยาบาล ประพัทธ์ยังพยายามทำท่าเย็นชา
"มาหาหมอเป็นอะไร"
จูนหยุดหันไปมองหน้าประพัทธ์ พูดด้วยท่าทางเย็นชาเหมือนกัน
"ที่คอยเพราะอยากรู้จริงๆ เหรอคะ หรือว่าคอยในฐานะรุ่นพี่ที่ดี"
ประพัทธ์พยายามข่มความไม่พอใจ
"จูน…นี่พี่ก็ถามจูนดีๆ แล้วไง..จูนจะเอายังไงกับพี่อีกล่ะ"
จูนน้อยใจหันหน้าหนี
"ถ้าอย่างนั้นเราก็คงไม่มีเรื่องต้องพูดกันอีก...จูนจะเป็นอะไร พี่ก็ไม่ต้องมายุ่ง"
"จูนพูดเองนะ"
จูนหันมาจ้องหน้าประพัทธ์
"อยากให้มันเป็นแบบนี้ใช่ไหมล่ะ...จูนไม่คิดเลยว่าพี่จะใจดำกับจูนขนาดนี้...จูนถือว่าพี่หักหลังจูนกับ..."
จูนยั้งคำพูดไว้แค่นั้น ประพัทธ์ไม่พอใจมาก
"กับอะไร...พูดแรงมากไปหรือเปล่า...พี่ไม่เคยบังคับใจจูนนะ ทุกอย่างจูนให้พี่เอง... พี่ไม่เคยขอ....จะมาทึกทักว่าพี่หักหลังจูนได้ไง...แล้วพี่ก็ไม่เคยสัญญาอะไรกับจูนด้วยW
จูนน้ำตาไหล มองประพัทธ์อย่างเสียใจมาก ก่อนตบหน้าประพัทธ์เต็มแรง แล้วรีบเดินหนีไป ประพัทธ์ตกใจ เอามือกุมแก้มที่โดนตบ มองซ้ายขวาอย่างอายคนว่ามีใครมองบ้าง แต่แล้วก็นึกได้ เปลี่ยนสีหน้าเป็นดีใจ หยิบกระดาษที่อยู่รัตนาวดีออกมาดูแล้วยิ้มพอใจ

รัตนาวดีกอดกับเจ้าของปราสาททั้งสอง ท่านดนัยขับรถออกไปจากปราสาท

หม่อมเจ้าดนับวัฒฯมีจดหมายถึงท่านชายพจน์ วังศิลาขาว
"ท่านพี่เพื่อนรัก...เราออกเดินทางจากฝรั่งเศสไปสวิส มีช่วงหนึ่งที่ถนนหนทางคดเคี้ยวมาก...เป็นทางยาวสองชั่วโมง เล่นเอาคุณสร้อยเมารถ"

รถท่านดนัยขับไปตามทางที่คดเคี้ยว ในรถ รัตนาวดีดูข้างทางอย่างมีความสุข แต่ป้าสร้อยนั่งหลับหูหลับตาดมยาดม

"ต้องหยุดพักระหว่างทางเป็นระยะให้ป้าสร้อยเทอาหารทิ้ง สองครั้ง และ หยุดเพราะใจจะขาด"

ริมข้างทางเห็นรถท่าดนัยเข้ามาจอดหยุดข้างทาง ป้าสร้อยโซเซลงมาจากรถ มียาดมอุดไว้ที่จมูก พอป้าสร้อยลงมาก็เรอดังเอิ้กใหญ่ ท่านดนัยลงจากรถมาดู..

"เอิ้ก...ใจจะขาด"
รัตนาวดีมองมาจากในรถด้วยความเป็นห่วง
"ไหวไหมคะป้า."
"ไหวมังคะ...เอิ้ก...พุทโธ ธัมโม สังโค..." แล้วโมโห "ทำไม นายเล็กต้องพามาทางบ้าๆ นี่ด้วยนะ...ทำไมไม่พาไปทางที่มันดีๆ"
ท่านหญิงรัตนาวดีลงจากรถมายืนลูบหลังป้าสร้อย
"อะไรบ้า...ทางสวยๆ อย่างนี้จะได้เห็นที่ไหนล่ะคะ"
ป้าสร้อยทำท่าจะอาเจียนอีก รัตนาวดีรีบเอากระดาษมาโบกพัดให้ ป้าสร้อยหันมาค้อน
"เออ…หนาวจะตายยังมาพัด...หยิบยาหอมประทานดีกว่า อยู่ในกระเป๋าแน่ะท่าน"
ท่านหญิงรัตนาวดีหยิบยาหอมแบบเป็นเม็ดให้ป้าสร้อย ท่านดนัยรินน้ำอุ่นจากกระติกมาให้ป้าสร้อยดื่มตาม ป้าสร้อยกินยาหอมได้สักครู่ก็ดีขึ้น
"ไปต่อได้หรือยังคะ"
ป้าสร้อยมองรัตนาวดีตาเขียว
"ยัง..ยัง..โอย ไปต่อเดี๋ยวหม่อมฉันก็แย่อีก"
"แต่เราต้องรีบไปต่อนะคะ...ไม่อย่างนั้นจะมืดกลางทาง ป้านอนไปที่เบาะเลยดีกว่า...เอาเสื้อโค้ทนี่หนุนหัวไว้...ให้นายเล็กขับช้าๆ"
ท่านหญิงรัตนาวดีจัดให้ป้าสร้อยนอนยาวที่เบาะหลัง เอาเสื้อโค้ทพับเป็นหมอนหนุนหัว แล้วตัวเองไปนั่งคู่กับท่านดนัยด้านหน้าที่ยิ้มพอใจ

"การที่ป้าสร้อยเมารถในวันนี้...ก็เท่ากับเป็นโชคดีอย่างยิ่งของหม่อม…เพราะหม่อมมีเทพธิดานั่งเคียงข้างไปตลอดทาง"

ท่านดนัยขับรถไป มีรัตนาวดีนั่งข้างๆ ท่านดนัยชี้ชวนให้รัตนาวดีดูสองข้างทาง และพูดเล่าอธิบาย เห็นสีหน้าของท่านดนัย และ รัตนาวดีมีควาสุขมาก เห็นทั้งสองพูดคุย รัตนาวดีฟังท่านดนัยเล่าด้วยความสนใจ และชี้ชวนถามไปเรื่อยๆ

"เราคุยกันถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้...หม่อมเกือบลืมตัวว่าเป็นนายเล็ก มหาดเล็ก..น่าขันที่น้องหญิงไม่ยักสงสัย..คิดว่าที่หม่อมรอบรู้อะไรๆ บ้างก็เพราะได้เคยเล่าเรียนมาที่ประเทศอังกฤษ การนั่งรถในวันนั้น...หม่อมเป็นสุขใจเหลือเกิน..และถ้าดูไม่ผิดน้องหญิงก็สุขใจเหมือนกัน สังเกตจากสีหน้าการพูดคุยช่างน่ารักเป็นธรรมชาติที่สดใส"

ท่านดนัยแอบมองรัตนาวดี พอท่านหญิงหันมา ท่านดนัยก็หันหน้ากลับมามองถนน รัตนาวดี จึงแอบมองท่านดนัยบ้าง แล้วหันหน้าไปยิ้มคนเดียวไม่ให้ท่านดนัยเห็น...

ในห้องพักโรงแรม Grand Victoria Jungfrau ที่เจนิวา ท่านดนัยกำลังนั่งเขียนจดหมายถึงท่านพจน์ที่โต๊ะเขียนหนังสือ
"หม่อมชักมีเรื่องกลุ้มขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่งแล้ว อีกสองวันจะมีเพื่อนน้องหญิงมาเที่ยวกับเรา นัยว่ารู้จักกันตั้งแต่เมืองไทย แต่นายนี่มาเรียนอยู่ที่นี่ก่อน...ทีนี้หม่อมไม่รู้ว่าเพื่อนน้องหญิงคนนี้รู้จักหม่อมหรือเปล่า...เพราะนักเรียนไทยส่วนมากก็รู้จักหม่อมกันทั้งนั้น...ถ้ารู้จักหม่อมก็จบกันพอดี...นี่แหล่ะเค้าถึงว่า คนทำผิด...มันไม่มีความสุขใจอย่างนี้นี่เอง กลัวระแวงไปหมด ถ้าน้องหญิงจับได้ว่าหม่อมโกหก จะโกรธหม่อมขนาดไหน
หม่อมคงทนไม่ไหวเป็นแน่ ถ้าน้องหญิงจะโกรธไม่มองหน้าหม่อมอีก...หม่อมคงกลุ้มแทบเป็นบ้า...หรือหม่อมควรจะรีบสารภาพกับน้องหญิงเสียก่อน หม่อมขอสารภาพว่าเวลานี้ หม่อมหลงรักน้องหญิงเต็มหัวใจ...ถ้าปราศจากเธอแล้ว... ชีวิตหม่อมคงไม่มีความสุขอีกเลย"
ท่านดนัยวางปากกา เงยหน้า สีหน้าเป็นทุกข์

ในห้องรัตนาวดี ป้าสร้อยนอนอยู่บนเตียงในชุดเดิมแบบหมดสภาพ หลังผ่านการเดินทางอันยาวนาน
ป้าสร้อยนอนมองรัตนาวดีเดินไปเดินมาเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรอยู่
"ป้าคะ...หญิงคิดจะใช้ที่นี่เป็นศูนย์กลางของเรา"
"ยังไงเพคะ"
"เราจะไปเที่ยวค้างที่เมืองอื่นๆ แต่เราก็จะกลับมาตั้งต้นที่นี่แล้วก็ไปเที่ยวที่อื่นๆ"

ป้าสร้อยพยักหน้า
"แล้วก็กลับมานี่...ดีเหมือนกันเพคะ...ของเรานับวันจะมากขึ้นทุกที เราจะได้เอาของส่วนใหญ่เก็บไว้ที่นี่ไม่ต้องหอบกระเตงไปด้วยทุกที่...หม่อมฉันก็เก็บของซะเริ่มจะปวดหลัง"
รัตนาวดียิ้มน่ารัก
"เอาไว้หญิงจะนวดหลังให้เพคะ..เดี๋ยวหญิงจะสั่งอาหารขึ้นมาทานบนห้องนะคะ...ป้าจะได้พักให้หายเหนื่อย"
 

ป้าสร้อยมองรัตนาวดีอย่างรักและทนุถนอม...
 
อ่านต่อตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น