เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนที่ 4
ที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด กำลังจัดงานเปิดตัวห้าง
ท่ามกลางผู้คนรอชมการแสดงบนเวทีแน่นชนัด ครู่หนึ่งเพลงบรรเลงแนวเทพนิยายก็ดังขึ้น พร้อมควันดรายไอซ์ ก่อนที่รถเลื่อนที่ตกแต่งสวยงาม จะถูกเข็นเข้ามาในฉาก บนรถนั้นเห็นอัปสรสวรรค์ในชุดเทพธิดามีปีกยิ้มโบกมือช้าๆ แฟนๆ กรี๊ดลั่นห้าง แสงแฟลชพรึ่บพั่บ
ปูเปรี้ยวยืนยิ้มดูอยู่หน้าเวที
ที่หน้าเวทีอีกมุม “เสี่ยประเสริฐ” ชายวัย 60 แต่งตัวภูมิฐาน นั่งยิ้มอยู่ที่โซฟาเป็นประธานในพิธี พร้อมลูกน้องใส่แว่นดำคลุมเสื้อหนัง ยืนเคียงข้าง
อัปสรสวรรค์เดินลงมาจากรถเลื่อนแล้วเดินไปมาบนเวทีให้คนถ่ายรูป แล้วฝูงชนหน้าเวทีก็เริ่มฮือฮา เมื่อใครคนหนึ่งปรากฏตัวเข้ามาจากด้านหลัง ทุกคนเริ่มพากันหันไปมอง รวมทั้งปูเปรี้ยว ที่มองอย่างตกใจ แล้วจึงเปลี่ยนเป็นยิ้มเขิน
“หวาย เซอร์ไพรส์”
ซุปตาร์สาวเดินมาถึงจุดหน้าเวที ก็เห็นมือใครคนหนึ่งยื่นช่อดอกไม้ขึ้นมา เธอก้มตัวลงไปยิ้มรับดอกไม้ โดยยังไม่ทันได้มองหน้า
“ขอบคุณค่ะ”
ครั้นเงยหน้ามองก็ตกตะลึง รีบหุบยิ้ม ตรงข้ามกับอาทิตย์ที่ยิ้มร่า
“ยิ้มสิครับ”
อีกฝ่ายจำต้องฝืนยิ้มรับ แฟนๆ พากันส่งเสียงกรี๊ดพร้อมถ่ายรูป สาดแฟลชกันรัว
ครู่หนึ่ง อัปสรสวรรค์ก็ลุกขึ้น อาทิตย์ยิ้มโบกมือให้ทุกคนรอบๆ งาน ก่อนเดินออกมาจากหน้าเวที ผ่านปูเปรี้ยว ที่ยกนิ้วแทนความหมายว่าเยี่ยม เขายิ้มให้แล้วเดินออกไปด้านหลัง
พอเพลงจบ พิธีกรชายหญิงก็เดินออกมา
“ขอเสียงปรบมือให้น้องนางฟ้า อัปสรสวรรค์ที่ให้เกียรติมาเปิดห้างเดอะเกรทมาร์เก็ตของเราวันนี้ครับ”
พิธีกรหญิงพูดต่อ “และแขกสุดเซอร์ไพรส์ เป็นหนุ่มคนพิเศษของน้องนางฟ้าขณะนี้ คุณอาทิตย์ วิศณุวัฒน์ค่ะ”
เสียงกรี๊ดดังลั่น ซุปตาร์สาวยิ้มเจื่อนๆ
พิธีกรหญิงพูดต่ออีก “หวานกันไปเลย”
เสี่ยประเสริฐมองอัปสรสวรรค์ตาวาว
อัปสรสวรรค์กับปูเปรี้ยวเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นอาทิตย์นั่งยิ้มรออยู่
“ว้าย คุณอาทิตย์ นึกว่ากลับไปแล้ว”
“ผมเห็นมันดึกแล้วน่ะครับ เลยรอกลับพร้อมกัน ขามาเห็นทางมันมืดๆ ด้วย”
ปูเปรี้ยวยิ้มหวาน “แหม ไม่น่าลำบากเลย ตามิตรคนขับรถเรา ก็ขับใช้ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ขับตามๆ กันไป”
อัปสรสวรรค์เบะปาก “จะทำอะไรก็เรื่องของเค้าเถอะค่ะ คนมันไม่มีงานทำ”
ปูเปรี้ยวสะดุ้ง ตกใจ “อุ๋ย”
“แล้วนี่ก็ออกไปข้างนอกได้แล้ว ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”
เขาหันมาบอกปูเปรี้ยว “ผมรอข้างนอกนะครับ”
จากนั้นก็ลุกออกไปยิ้มๆ ตรงช้ามกับอัปสรสวรรค์ทื่มองอย่างไม่พอใจ
อาทิตย์เดินออกมานั่งเล่นไอแพดอยู่หน้าห้องแต่งตัว สักพักแม่บ้านก็เดินออกมาแล้วล็อกกุญแจ
“อ้าว ป้าครับ ล็อกได้ไง ยังมีคนอยู่ข้างในนะครับ”
แม่บ้านรีบบอก “กลับกันหมดแล้วค่ะคุณ”
เขาทำหน้าเหรอ “อ้าว แล้วนางฟ้ากับผู้จัดการล่ะครับ”
“อ๋อ ออกประตูหลังไปตั้งนานแล้ว ทำไมล่ะ จะมาขอลายเซ็นเค้าเหรอหนุ่ม”
อาทิตย์ตกใจ รีบวิ่งออกไปทันที แม่บ้านส่ายหน้ายิ้มๆ
“แต่งตัวก็ดี บ้าดาราเหมือนกัน”
รถตู้คันหรูแล่นมาบนทางเปลี่ยว อัปสรสวรรค์กับปูเปรี้ยวนั่งอยู่เบาะหลัง สักพักเสียงเรียกเข้าจากอาทิตย์ก็ดังขึ้นมา ซุปตาร์สาวรีบกดปิดเครื่อง พร้อมกับเอื้อมไปหยิบมือถือบนตักปูเปรี้ยวมาปิดด้วย
“ปิดเครื่องพี่ด้วย ไม่ต้องรับ”
ปูเปรี้ยวยังกังวล “สงสารเค้านะคะ”
“ก็ใครใช้ล่ะ สะเหร่อดี”
“ก็คนเค้าเป็นห่วง”
อัปสรสวรรค์ยิ้มหยัน “ห่วงจะไม่ได้เป็นข่าวมากกว่ามั้งคะ”
ปูเปรี้ยวถอนใจแล้วมองออกไปนอกรถ “ต่างจังหวัดนี่ พอหัวค่ำก็เงี๊ยบเงียบนะคะ ถนนก็มืดเชียว”
สักพักที่หน้ารถ ก็มีจักรยานคันหนึ่ง ซึ่งมีชาวบ้านซ้อน 2 คนแล่นเข้ามาตัดหน้าในระยะกระชั้น คนขับตกใจ
“เฮ้ย”
รถเบรกเอี๊ยด จักรยานคว่ำลงตรงหน้า ไม่แน่ใจว่าชนรึเปล่า
ปูเปรี้ยวตะลึง “ตายแล้วตามิตร เค้าเป็นอะไรรึเปล่า”
คนขับรีบเปิดประตูรถลงไปดูที่หน้ารถ และโดยไม่คาดคิด ชาย 2 คน ก็ลุกขึ้นมาแล้วจัดการชกคนขับจนล้มลงไปนอน
อัปสรสวรรค์กับปูเปรี้ยวตกใจ
“ล็อกรถก่อนเร็ว”
ปูเปรี้ยวรีบบอก อัปสรสวรรค์เอื้อมมือไปจะล็อกรถ แต่ช้ากว่าคนร้ายคนหนึ่ง ที่กระชากประตูออก
ทั้งคู่รีบหนีออกไปทางประตูอีกฝั่ง แต่คนร้ายอีกคนก็เข้ามาขวางไว้พร้อมชักมีดออกมา
อัปสรสวรรค์กับปูเปรี้ยวยืนช็อก!!
พอตั้งสติได้ ก็จูงกันวิ่งหนีไปอีกทาง คนร้ายวิ่งตามมาจับปูเปรี้ยวแล้วเอาปืนจี้เอวไว้
“หยุด”
ซุปตาร์สาวชะงักเท้าทันที ปูเปรี้ยวรีบตะโกนบอก
“น้องนางฟ้าหนีไปก่อน เร้ว โทร. แจ้งตำรวจเร้ว”
“ปล่อยพี่เค้าซะ แกจะเอาอะไร”
อัปสรสวรรค์มองหน้าโจร จังหวะเดียวกับรถตู้คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดด้านหลัง ประตูรถเปิดออก
“ขึ้นรถไป”
ปูเปรี้ยวตะโกนลั่น “ อย่าค่ะ น้องนางฟ้า หนีไป”
“ไม่ขึ้นอีป้านี่กับไอ้คนขับรถตาย”
ปูเปรี้ยวไม่กลัวตาย “ตายก็ตายสิวะ ฉันไม่กลัวหรอก น้องนางฟ้าวิ่งไปเลยค่ะ”
อัปสรสวรรค์มองหน้าปูเปรี้ยว แล้วหันไปบอกโจร
“แกต้องรักษาคำพูด อย่าทำอะไรพี่ปูเปรี้ยว”
ปูเปรี้ยวร้องเสียงหลง “อย่าค่ะ”
ซุปตาร์สาวมองปูเปรี้ยวก่อนหันหลังเดินขึ้นรถไปอย่างไม่กลัวเกรง ก่อนที่ประตูรถจะปิดลง พร้อมกับ รถตู้แล่นออกไป
อัปสรสวรรค์ที่นั่งในรถ เห็นปูเปรี้ยวร้องห้ามที่นอกหน้าต่างจนลับตาไป
“ไม่ต้องกลัวนะหนู”
เธอสะดุ้ง ตกใจ รีบหันไปมอง ก่อนจะเห็นเสี่ยประเสริฐนั่งยิ้มอยู่ โดยมีลูกน้องในชุดหนัง 2 คนนั่งยิ้มอยู่ที่เบาะหน้า
“ป๋าที่เป็นประธานเปิดงานเมื่อกี้ไงจ๊ะ ป๋าแค่จะพาไปกินข้าวเฉยๆ”
อาทิตย์ขับรถตามหลังมาอย่างเคร่งเครียด สักพักก็เห็นรถตู้จอดอยู่ข้างทาง ใกล้ๆ กันมีจักรยานล้มอยู่ เขารีบจอดรถแล้วลงไปดู พลันก็ได้ยินเสียงคล้ายคนถูกปิดปากร้องขอความช่วยเหลือ
“คุณอาทิตย์ ช่วยด้วย”
เขาเดินตามหาเสียง จนไปพบปูเปรี้ยวและคนขับรถถูกมัดปิดปากหันหลังชนกันอยู่กับเสาไฟฟ้า เขาชะงัก ตกใจ
“พี่ปูเปรี้ยว นายมิตร” ว่าแล้วก็รีบแกะเทปที่ปิดปากทั้งคู่ออก “นี่มันอะไรกันครับ”
“น้องนางฟ้าโดนพวกมันจับไปแล้วค่ะ”
อาทิตย์ตกใจ “ใครครับ”
ปูเปรี้ยวส่ายหน้า “ แต่พวกมัน พาขึ้นรถตู้แล่นไปทางโน้นแน่ะค่ะ”
เขารีบวิ่งขึ้นรถขับออกไป ปูเปรี้ยวตะโกนตาม
“อ้าว เดี๋ยว คุณอาทิตย์ มาแก้มัดให้พี่ปูก่อน คุณอาทิตย์” จากนั้นก็หันมาแว้ดคนขับรถ “เอ้า ยืนบื้อ
อยู่นั่น ช่วยกันแก้มัดสิยะ”
2 คนพยายามแก้มัดให้กันสุดฤทธิ์
รถตู้ของเสี่ยประเสริฐแล่นมาตามทางเปลี่ยว อัปสรสวรรค์นั่งนิ่งอยู่ในรถ เสี่ยประเสริฐยิ้มกรุ้มกริ่ม “หนูนี่ดีนะ ไม่ร้องโวยวายให้หนวกหูเลย”
ซุปตาร์สาวพยายามทำใจดีสู้เสือ
“ความจริงถ้าป๋าอยากเจอฟ้า แค่บอกให้ฟ้าไปหาเองก็ได้นะคะ ไม่เห็นต้องเปลืองแรงทำแบบนี้เลย”
เสี่ยประเสริฐหัวเราะชอบใจ “เอ ท่าทางข่าวที่ป๋าได้ยินมาจะผิด”
“ข่าวอะไรเหรอคะ”
“ก็ข่าวว่าหนูนางฟ้าเล่นตัวไง”
อัปสรสวรรค์แสร้งยิ้ม “ข่าวก็คือข่าวค่ะ สำหรับฟ้าถ้าเงินหนาจริง ฟ้าก็ง่าย”
“หนูนี่น่ารักกว่าที่คิดนะ เฮ้ย จอดข้างหน้านี่แหละ”
คนขับรถรีบจอดหลบใต้ต้นไม้ใหญ่
“จอดทำไมคะ”
เสี่ยประเสริฐแววตาหื่น “ก็ถึงแล้วไงจ๊ะ”
อัปสรสวรรค์ตกใจ “ตรงนี้เหรอคะ”
“ใช่ ป๋าชอบอะไรแปลกๆ หนูคงไม่ว่านะจ๊ะ”
อีกฝ่ายเหลือบมองซ้ายขวา ก่อนจะหันไปเบาะหลัง เห็นขวดเหล้าฝรั่งวางอยู่
“ก็ตื่นเต้น แปลกใหม่ดีเหมือนกันค่ะ แต่ว่า...” พูดพลางแกล้งมองไปทางลูกน้อง
เสี่ยประเสริฐรีบสั่ง “ เฮ้ย พวกเอ็งออกไปไกลๆ หนูนางฟ้าของอั๊วเค้าอาย”
พอพวกลูกน้องออกไปแล้ว อัปสรสวรรค์ก็หันมามองหน้า แล้วแสร้งยิ้มหวาน
“งั้นเอนเบาะเลยดีมั้ยคะ”
เสี่ยประเสริฐยิ้มอย่างแปลกใจ “เอ้า ดีๆ”
ซุปตาร์สาวรีบเอนเบาะไปเพื่อสะดวกจะเอื้อมไปเบาะหลัง แล้วหันมายิ้มให้ ก่อนจะคว้าขวดเหล้าได้ก็หยิบมาฟาดหัวเสี่ยประเสริฐทันที
“โอ๊ย”
“ไอ้แก่บ้ากาม”
ด่าเสร็จ ก็ถีบแถมท้ายอีกทีก่อนเปิดประตูรถวิ่งหนีลงไป เสี่ยประเสริฐตกใจ
“จับมัน เร็ว”
อัปสรสวรรค์วิ่งหนีไปอีกทาง พวกลูกน้องได้ยินเสียงก็รีบตามไป เสี่ยประเสริฐมองตามอย่างเจ็บใจ
“นังตัวแสบ อูยๆ”
อัปสรสวรรค์วิ่งหนีคนร้ายมาในดงอย่างทุลักทุเล ขณะคนร้ายวิ่งตามาจะถึงตัว อาทิตย์ก็ปราดเข้ามาขวางแล้วชกมันจนล้ม
เธอหันมาเห็นเขา ก็ยิ้มดีใจ
“คุณอาทิตย์”
เขารีบวิ่งเข้าไปหา “คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
ฝ่ายถูกถามส่ายหน้าช้าๆ จังหวะนั้นคนร้ายก็ลุกขึ้นมาแล้วชักปืนยิงใส่ทั้งคู่ทันที
อาทิตย์คว้าแขนอัปสรสวรรค์แล้วพากันวิ่งเข้าดงลึกไป คนร้ายไล่ยิงตาม ทั้งคู่วิ่งหลบพัลวัน ก่อนจะแอบมานั่งหลบอยู่หลังกองฟาง ใบหน้าทั้งคู่แนบชิดกัน
คนร้ายกำลังจะเดินไปยังที่ที่ทั้งคู่ซ่อนอยู่ กำลังจะเจออยู่แล้ว แต่เสียงมือถือของมันดังขัดขึ้นก่อน
“มีคนมาช่วยมันไว้ครับเสี่ย ตอนนี้ไม่รู้มันหนีไปไหนแล้ว ครับๆ”
พอมันวางสาย อีกคนก็รีบถาม “เสี่ยว่าไงวะ”
“เสี่ยสั่งให้กลับไปว่ะ”
อีกคนทำหน้างง “ทำไมวะ ยังไม่ได้ตัวอีนางเอกนั่นเลย”
“เสี่ยถูกนังนั่นตีหัวแตก เลือดไหลจะหมดตัวอยู่แล้ว คงหมดอารมณ์แล้วว่ะ ให้พาไปโรงพยาบาลแทน”
“หึ้ย เจ็บใจ ยังไม่ได้ยิงกบาลมันเลย”
“เร้ว ขืนช้าจะโดนเสี่ยยิงกบาลเอา ไป๊”
2 คนร้ายรีบวิ่งกลับออกไป อาทิตย์กับอัปสรสวรรค์ถอนใจโล่งออก แต่พอรู้สึกตัวว่าใกล้กันเกินไป ฝ่ายหลังก็รีบถอย
“เกือบไปแล้ว เห็นมั้ย อยากดื้อแอบหนีกลับ แล้วเป็นไง”
ซุปตาร์สาวเถียงไม่ออก ได้แต่มองค้อน
“พูดมาก จะนอนในป่าใช่มั้ย เชิญนอนไปคนเดียว” ว่าแล้วก็ออกเดินพรวดๆ ไป
“เอ้า แล้วนั่นจะไปไหน”
“กลับบ้านสิยะ”
อาทิตย์ส่ายหัว ก่อนจะรีบเดินตาม
ทั้งคู่เดินต่อมาอีกสักพักก็หยุด ต่างคนต่างเหนื่อยอ่อน
“อยู่ไหนก็ไม่รู้ คุณนี่ มั่วจริงๆ เลย”
อาทิตย์หน้าเหรอ “อ้าว ถ้าจำไม่ผิด คุณจ้ำอ้าวๆ นำผมมานะครับ”
อัปสรสวรรค์ถอนใจ ก่อนจะมองไปรอบๆ เห็นแต่ความมืด อาทิตย์แอบยิ้ม
“เหมือนในละครเป๊ะ หนีโจร หลงป่า น่าจะมีกระท่อมร้างด้วย”
อีกฝ่ายไม่ตลกด้วย “ให้คุณเข้าไปนอนกอดกะหมาน่ะเหรอ”
พูดพลางหันไปเห็นอะไรบางอย่างตั้งอยู่ไกลๆ “เฮ้ย”
เขารีบหันไปตาม ก่อนจะเห็นกระท่อมร้างหลังหนึ่งตั้งโดดๆ อยู่ไกลๆ
“นั่นไง ผมบอกแล้ว ฝนตกอีกอย่างก็ครบเลย”
ขาดคำ ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยง อัปสรสวรรค์ตกใจ รีบโผกอดอาทิตย์ 2 คนมองกัน พอเธอรู้ตัว ก็รีบผลักออกอย่างแรง
“เฮ่ย อะไรเนี่ย”
ทันใดนั้นฝนก็เทโครมลงมา 2 คนมองหน้ากันงงๆ
“ครบเลยเห็นมะ”
อัปสรสวรรค์ทำหน้าเซ็ง “ปากคุณนี่มัน....”
อาทิตย์ขำก๊าก ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันวิ่งมุ่งไปยังกระท่อมร้างนั้น
ทั้งคู่เข้ามานั่งหลบฝนอยู่ในกระท่อมร้าง อัปสรสวรรค์ทำหน้าเซ็งสุดๆ
“เอาไงล่ะคุณ น่าจะตกอีกนาน ลุยออกไปเลยดีกว่า”
“จะบ้าเหรอ มืดก็มืด ไม่โดนพวกมันฆ่า ก็งูฉกตายพอดี”
“ยังกะในนี้ไม่มีงู” ฝ่ายแรกย้อนกลับ
“ว่าไงนะ”
“ฉันไม่กลัวหรอกแค่งู ไม่ใช่แมงมุม”
“อะไรนะครับ”
เธอกลัวว่าเขาจะรู้ รีบเปลี่ยนคำทันที “ฉันบอกว่าฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”
ว่าแล้วก็ทำท่าจะเดินออกไป พลันฟ้าก็ผ่าดังเปรี้ยงสนั่นทุ่ง เธอตกใจ รีบโผกอดเขาแน่น
ทั้งคู่มองหน้ากันเคลิ้มๆ พลันเสียงมือถือของอาทิตย์ก็ดังรัว อัปสรสวรรค์สะดุ้งรีบผละออกมา
เขารีบหยิบมือถือมารับ “ครับ พี่ปูเปรี้ยว”
“คุณอาทิตย์ อยู่ไหนคะ”
อาทิตย์รีบบอก “ตอนนี้นางฟ้าอยู่กับผมแล้วครับ ปลอดภัยดี ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ยังไงกลับกันไปก่อน เดี๋ยวรอฝนหยุดจะตามออกไปครับ ฮัลโหลๆ แบตหมด โอย....”
อัปสรสวรรค์ส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ
เวลาผ่านไปพักใหญ่ อาทิตย์ก่อไฟข้างกระท่อม ขณะที่อัปสรสวรรค์นั่งหนาว
“หลงป่า กระท่อมร้าง ฝนตก นี่คุณเซ็ตไว้รึเปล่า”
อาทิตย์หันมาตอบจริงจัง “คุณเห็นผมบ้าขนาดนั้นเหรอ”
“ใช่ คุณมันทำได้ทุกอย่างเพื่อสนองตัณหา”
“ถ้าผมเซ็ตจริง ก็คงยกเว้นฝนตกนี่แหละ”
เธอมองเหยียด “เหมือนในละครทุกอย่าง ยกเว้นที่ติดฝนอยู่ด้วยกันไม่ใช่พระเอก แต่ดันเป็นโจร”
“ระวังอย่าเผลอมารักจอมโจรกลับใจละกั๊น” เขาย้อนกลับกวนๆ
“ไม่มีวัน”
“ท่าทางคุณคงจะเกลียดผมเอามากๆ”
“ไม่” อัปสรสวรรค์ยิ้มหวาน แล้วพูดต่อ “ แค่มากที่สุดในโลกเท่านั้นเอ๊ง”
เขามองหน้าเธอ ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง
“เรื่องที่ผ่านมา ถ้าทำให้คุณไม่พอใจ ผมขอโทษนะ ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันเลวมาก คุณคงไม่ให้อภัยผม”
เธอย้อนกลับทันที “ดราม่าไปละ คุณไม่ได้ฆ่าฉันตายซักหน่อย”
เขายิ้มดีใจ “คุณยกโทษให้ผมแล้ว”
“มีคำไหนว่าฉันยกโทษ”
“อย่างน้อยคุณก็คุยกับผมดีขึ้น ไม่หลบหน้าผมอีก”
อัปสรสวรรค์สวนกลับ “คนอย่างฉันไม่เคยหลบใคร”
“โอเค.ๆ คุณนอนเถอะ ผมเป็นยามให้”
“ใครจะไปไว้ใจคุณ”
“ไม่ไว้ใจผมก็ไว้ใจขวานที่ซ่อนอยู่ข้างหลังคุณเถอะ”
เธอแอบทำหน้าเคืองที่เขารู้ทัน ก่อนจะหยิบขวานข้างหลังมาวางไว้ข้างหน้า
“รู้ก็ดีแล้ว”
อัปสรสวรรค์นอนหลับหนาวสั่น มีขวานวางอยู่ในมือ อาทิตย์ถอดเสื้อเชิ้ตเหลือเพียงเสื้อกล้ามตัวเดียว ค่อยๆ ย่องเข้าไปหา ก่อนจะเอาเสื้อห่มให้ แล้วเดินกลับไปนั่งพิงเสา
เธอลืมตามองตาม แล้วแอบอมยิ้ม รู้สึกดีกับเขาขึ้นมาบ้างแล้ว
อัปสรสวรรค์ที่นอนอมยิ้มมีความสุข สะดุ้งตื่นขึ้นมา เห็นตัวเองอยู่ตามลำพังก็ตกใจ
“คุณอาทิตย์”
พอเดินออกมาดูรอบๆ กระท่อมก็ไม่เห็นใคร
“ไอ้คนบ้า ดีได้วันเดียว ทิ้งฉันแล้วหรือเนี่ย”
ขาดคำ อาทิตย์ก็โผล่เข้ามา “ด่าอะไรผมอีกล่ะ”
เธอถึงกับสะดุ้ง “ก็คุณไปไหนมา”
เขายิ้มกริ่ม
อาทิตย์นั่งคุยอยู่กับชาวบ้านหญิงและหลานสาววัย 8 ขวบที่บ้านไม้หลังหนึ่ง
“แล้วอย่างนางเอกนี่ ชอบใครกันเหรอครับ”
ลูกสาวรีบบอก “พี่ฮันนี่”
“ทำไมล่ะครับ”
“สวย”
คนเป็นแม่พูดต่อ “ดูมันนิสัยดี ดูมันไม่หยิ่งนะ”
อาทิตย์ยิ้มพลางคิดตาม พร้อมๆ กับที่ประตูห้องเปิด อัปสรสวรรค์ที่อาบน้ำเสร็จเดินออกมา
“อีหนูอาบน้ำฝนเย็นไปมั้ย”
“เย็นชื่นใจที่สุดเลย ขอบคุณมากนะคะที่ให้ฟ้ามาอาบน้ำ แถมเลี้ยงข้าวอีกมื้อด้วย”
ชาวบ้านยิ้มแป้น
“ต้องขอบคุณผมด้วยนะที่พาคุณมา”
อัปสรสวรรค์ทำไม่สนใจ หันไปคุยกับชาวบ้านต่อ “ที่นี่น่าอยู่จังเลยนะคะ วันหลังฟ้าขอแอบมาเที่ยวได้มั้ยคะ”
“มาเลยๆ ชวนพระเอกมาด้วยนะ ป้าชอบ ดูละครติดเลย”
ลูกสาวไชโยลั่น “ ไชโย พี่นางฟ้าจะมาเที่ยวบ้าน หนูจะเอาไปอวดเพื่อน”
ซุปตาร์สาวยิ้มจริงใจ ชาวบ้านยิ้มตาม
“แหม ไม่นึกเลยว่าตัวจริงจะน่ารัก ไม่เห็นจะหยิ่งเหมือนในข่าวเขาว่า”
“ใครบอกล่ะคะ จริงๆ ฟ้าก็หยิ่งเหมือนในข่าวนั่นแหละค่ะ”
พอเห็นชาวบ้านทำหน้างง เธอก็ยิ้มขำ
“ก็ฟ้าไม่ชอบเสแสร้งนี่คะ”
อาทิตย์อธิบายต่อ “ในวงการมายา บางครั้งภาพที่เราเห็น อาจจะไม่ใช่ตัวจริงของเค้าก็ได้นะครับ”
“ว้า จริงเหรอ อย่างนี้ดาราที่มันน่ารักๆ ตัวจริงมันไม่น่ารักเรอะพ่อหนุ่ม”
อัปสรสวรรค์มองหน้าอาทิตย์ยิ้มๆ
ทั้งคู่ออกมายืนรอรถอยู่ที่หน้าบ้าน ชาวบ้านหญิง 3 คนในชุดทำไร่เดินผ่านมา คนหนึ่งหันไปเห็นอัปสรสวรรค์ยิ้มให้ ชาวบ้านตกใจหันไปซุบซิบกับเพื่อน
“นั่นนางฟ้านี่”
“ไหนๆ”
คนที่เหลือหันมาดูตาม “ใช่เหรอวะ ดาราอะไรจะมาอยู่แถวนี้”
“ใช่ ฉันจำได้ ตอนฉันท้องดูรูปน้องเค้าทุกวัน อยากให้ลูกเกิดมาสวยเหมือนคนนี้แหละ”
พูดจบทั้งสามก็พากันเดินเข้าไป
“ใช่น้องนางฟ้าหรือเปล่า”
อัปสรสวรรค์หันไปมองอาทิตย์
“โห ไม่ใช่หรอกครับ มีคนทักงี้หลายคนแล้ว นี่เพื่อนผม ชื่อไอ้สุรเดช”
ซุปตาร์สาวหน้าเหรอ ชาวบ้านหน้าเซ็ง
“กระเทยเหรอ”
“เออว่ะ เห็นแว้บแรก ฉันก็ว่าแล้ว ไม่ใช่ผู้หญิง ไปเถอะ”
อัปสรสวรรค์ฝืนยิ้มให้ พอชาวบ้านเดินผ่านไป เธอก็เปลี่ยนสีหน้า หันมาแว้ดอาทิตย์
“กระเทยเลยเหรอ”
อาทิตย์ยิ้มชอบใจ พร้อมกับที่ชาวบ้านหญิงกับหลานสาวขับรถอีแต๋นเข้ามา
บนรถอีแต๋น อัปสรสวรรค์ใส่แว่นดำนั่งอยู่กับอาทิตย์ข้างหลังรถ มองวิวข้างทางที่สวยงามอย่างมีความสุข
“ที่นี่สวยจริงๆ นะคุณ น่ามาอยู่จัง”
“อย่างคุณจะมาทำอะไร”
“ทำสวน ทำไร่ คนอื่นเค้าทำอะไรฉันก็ทำงั้นแหละ”
อาทิตย์ทำหน้าไม่เชื่อ “หือ คุณเนี่ยนะ ถั่วงอกเคยปลูกรึเปล่าเหอะ”
“อย่าดูถูกฉันนะคุณ”
เขาส่ายหน้ายิ้มๆ
“นี่คุณ ให้ป้าเค้าขับไปส่งในกรุงเทพเลยได้มั้ย ชอบจังรถแบบนี้”
“ไม่ดีมั้ง แล้วรถผมล่ะ”
อัปสรสวรรค์หัวเราะขำ “โธ่ ! ตกลงใครคุณหนูกันแน่”
พูดพลางหันไปชื่นชมธรรมชาติข้างทางต่อ อาทิตย์ลอบมองอย่างชื่นชมในความน่ารัก
ปูเปรี้ยวโผกอดอัปสรสวรรค์ด้วยความเป็นห่วง โดยมีอาทิตย์กับราศียืนอยู่ข้างๆ
“น้องนางฟ้า ปลอดภัยดีใช่ไหมคะ”
อัปสรสวรรค์พยักหน้ายิ้มๆ ราศีรีบเข้าไปหา
“หนูโชคดีมากเลยรู้มั้ย ถือว่าพ้นเคราะห์ไปนะ ไอ้แก่นั่นมันชั่วจริงๆ”
“ให้แจ้งความเลยมั้ยคะ”
ปูเปรี้ยวถามขึ้นมา อาทิตย์รีบบอก “อย่าดีกว่าครับ”
“ทำไมล่ะตาทิตย์ เรื่องขนาดนี้ปล่อยไว้ไม่ได้นะ”
“ชื่อเสียงของนางฟ้า แล้วก็ชื่อเสียงบริษัทป่นปี้แน่ครับแม่ ยิ่งนางฟ้าเองก็มีข่าวไม่เว้นวัน เรื่องแบบนี้เดี๋ยวคนก็มโนกันไปเละเทะ”
เขาพูดอย่างจริงจัง ทุกคนมองกันอึ้งๆ ราศีรีบสรุป
“เอาเป็นว่าต่อไปนี้คงต้องเพิ่มความปลอดภัยของดาราเราให้มากขึ้น ปูเปรี้ยวจะรับงานอะไรก็ต้องดูให้ดี เราอาจจะไม่โชคดีแบนี้อีกก็ได้ ป่านนี้คุณหญิงคงเป็นห่วงแย่แล้ว งั้นตาทิตย์ไปส่งหนูนางฟ้าไป”
“ครับ”
อัปสรสวรรค์รีบบอก “อย่าดีกว่าค่ะ ให้พี่ปูเปรี้ยวไปส่งดีกว่า”
“ไม่เป็นไรหรอกคุณ”
“ไปกันค่ะพี่ปูเปรี้ยว ลานะคะคุณป้า อ่อ เรื่องนี้อย่าเล่าให้คุณแม่ฟังนะคะ เรื่องจะยาว”
ราศียิ้ม “จ้ะ ป้ารู้ พักผ่อนมากๆ นะจ๊ะ”
อัปสรสวรรค์เดินออกไปกับปูเปรี้ยว โดยไม่สนใจอาทิตย์ ฝ่ายหลังมองตามตาละห้อย ราศีมองอย่างรู้ทัน
“ทำกะเค้าไว้เยอะไง”
อาทิตย์ถอนใจเครียด
อาทิตย์เดินซึม เพราะเซ็งเรื่องที่อัปสรสวรรค์ไม่เห็นความดีและไม่ยกโทษให้ สักพักเสียงของอีกฝ่ายก็ดังแว่วเข้ามา
“คุณอาทิตย์”
เขารีบหันขวับไป ด้วยความดีใจ แต่กลับไม่เห็นใคร
“สงสัยจะเริ่มเพี้ยน”
พอหันกลับมาอีกที เห็นปูเปรี้ยวยืนอยู่ตรงหน้าก็ตกใจ
“พี่ปูเปรี้ยว”
“ก็พี่น่ะสิคะ เรียกตั้งนาน”
อาทิตยำหน้าผิดหวัง “ผมนึกว่าเสียง...เอ่อ...”
“เสียงใครเหรอคะ”
“เปล่าครับ แล้วพี่ปูเปรี้ยวยังไม่ไปส่งนางฟ้าอีกเหรอครับ”
“น้องนางฟ้าฝากเอานี่มาให้คุณค่ะ”
ปูเปรี้ยวพูดพลางยื่นเครื่องอัดเสียงให้ อาทิตย์รับมาแบบงงๆ
“อย่าลืมฟังด้วยนะคะ”
คล้อยหลังที่ปูเปรี้ยวเดินไป อาทิตย์ก็กดฟัง เสียงของอัปสรสวรรค์ที่อัดไว้ ดังออกมา
“นี่คุณ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ช่วยฉันนะ คุณอาทิตย์”
เขาฟังแล้วยิ้มดีใจ อัปสรสวรรค์แอบมองอยู่อีกมุมหนึ่ง เห็นอาทิตย์ดีใจก็อดยิ้มไม่ได้
เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนที่ 4 (ต่อ)
อาทิตย์ยื่นเช็คเงินสดให้ เสี่ยประเสริฐหยิบเช็คมาดู แล้วยิ้มพอใจ
ก่อนจะยกมือไหว้ ข้างๆ กายมีพวกลูกน้อง ซึ่งล้วนเป็นคนที่เขาจ้างมา
“ขอบคุณครับคุณอาทิตย์”
“ผิดคิวหน่อยนะลุง”
เสี่ยประเสริฐยิ้มแห้งๆ “อ่อ ไม่เป็นไรครับ นางเอกคุณนี่ฤทธิ์เยอะจริงๆ ไม่แปลกใจที่ใช้วิธีนี้”
อาทิตย์ยิ้ม นึกถึงเรื่องเมื่อคืน ขณะคุยกับแม่บ้านที่หน้าห้องแต่งตัว
“อ้าว แล้วนางฟ้ากับผู้จัดการล่ะครับ”
“อ๋อ ออกประตูหลังไปตั้งนานแล้ว”
อาทิตย์ทำหน้าตกใจ ก่อนจะเดินมาที่ลานจอดรถ แล้วยกมือถือขึ้นมาคุย
“นางฟ้าออกไปแล้วครับ ต้องเปลี่ยนแผน”
เสี่ยประเสริฐยืนคุยมือถืออยู่ข้างรถตู้
“คงยังไปไม่ไกลหรอกครับ เดี๋ยวผมให้ลูกน้องไปดักไว้ก่อน แล้วคุณค่อยตามมาช่วยตามแผนเดิม ดีมั้ยครับ”
“โอเค. ตามนั้น”
อาทิตย์กดวางหู แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
อาทิตย์พูดกับเสี่ยประเสริฐต่อ
“แต่คอมเม้นต์นิดนึง กระท่อมมันใหม่ไปหน่อย แล้วก็ชุดพวกลูกน้องมันดูจงใจเป็นโจรเกินไปน่ะครับ”
คนร้ายหันมาว่ากันเอง “เห็นมั้ยล่ะ กูบอกแล้วไม่ต้องเสื้อหนังก็ได้”
“แต่ฟ้าฝนนี่สิ เป็นใจจริงๆ”
แล้วทั้งหมดก็หัวเราะขำกัน
“เอ้อ แล้วเจ้าของห้างตัวจริง เค้ารู้เรื่องนี้รึเปล่าครับ” เสี่ยประเสริฐถามขึ้นมา
“อ๋อ ผมกับไอ้โอมซี้กันดีครับ ดื่มกันทุกคืน ยังไงช่วงนี้พวกคุณหลบๆ เอาตังค์ไปใช้ซักพักนะ เดี๋ยวละครเรื่องไหนขาดเอ็กซ์ตร้า ผมให้ลูกน้องโทร. หา”
เสี่ยประเสริฐพยักหน้า “ครับๆ”
แล้วก็เดินนำพรรคพวกออกไป อาทิตย์มองตามยิ้มๆ
เรด้า บ๊วยและพนักงาน ยืนจับกลุ่มเม้าท์เรื่องภาพข่าวในมือถือที่อาทิตย์เอาดอกไม้ไปให้อัปสรสวรรค์
“งานเปิดตัวห้างเมื่อคืน คุณอาทิตย์เค้าแอบเซอร์ไพร้ส์เอาช่อดอกไม้ไปให้น้องนางฟ้าด้วยนะ น่ารักจุง”
ขณะที่อุไรวรรณเดินเข้ามาถ่ายเอกสารพอดี ได้ยินก็หน้าเสีย
“อุ๊ย สวีทนะเนี่ย”
เรด้าทำตาวิบวับ บ๊วยพูดต่อ
“แต่ก็ไม่เห็นน้องนางฟ้าเค้ายอมรับอะไรเลยนะ”
“จะพูดให้เร็ตติ้งตกเหรอ เปิดตัวอีกทีโน่น ตอนท้องเลย”
อุไรวรรณทนไม่ไหว พูดแทรกขึ้นมา
“แต่ก็อาจแค่สร้างกระแสเฉยๆ ก็ได้นะคะ คุณอาทิตย์เค้าอยู่ระดับที่เลือกใครก็ได้”
“แต่นี่นางเอกซุปตาร์เลยนะ เค้าจะปล่อยเหรอ” เรด้าย้อนถามกลับไป
“คนระดับผู้บริหารจะทำอะไรเค้าคิดทั้งนั้นแหละค่ะ เลือกจะคบกับนางเอกที่อีกไม่กี่ปี ก็ต้องไปรับบทแม่แล้ว มันคุ้มเหรอคะ”
นัตตี้เดินออกมา ก่อนจะพูดเหน็บ
“แหม ไม่ซัพพอร์ตเพื่อนกันเลยนะ ไม่ดีเหรอ เพื่อนได้เป็นคุณนายช่อง SUN เผลอๆ เธอจะได้เป็นบก.ข่าวแทนป๋าช้างด้วย”
เรด้าทำตาโต “โห ลามปาม”
“อ่ะ ฉันก็ไม่ได้เว่อร์นะ ดูซิ มาได้ไม่เท่าไหร่ นางก็ได้ปาดหน้าอีเหี่ยวแถวๆ นี้ ไปเป็นเหยี่ยวข่าวแล้ว ไม่ใช่เหรอจ๊ะ เรด้า”
เรด้าสะดุ้ง “เออว่ะ” ก่อนจะมองค้อนอุไรวรรณ ที่ยิ้นหยัน
“แหม นางฟ้าเค้าคงไม่ใจดีขนาดนั้นหรอกมั้งคะ“
นัตตี้ประชดต่อ “ยังไงฉันก็ฝากเนื้อฝากตัวกับเธอไว้เลยแล้วกันนะ เผื่อได้ดิบได้ดี ก็อย่าทำรุนแรงกับฉันเลยนะคุณบก.อุไร”
พูดพลางทำท่าทางนอบน้อมแบบกวนๆ อุไรวรรณกระอักกระอ่วนไม่ชอบใจประเด็นจะได้ดิบได้ดี เพราะเป็นเพื่อนกับอัปสรสวรรค์
พนักงานสาวของ SUN Music พาจริยากับเมฆเปิดประตูเข้ามาในห้องออดิชั่น ซึ่งมีไมค์ตั้งอยู่ตัวหนึ่ง พร้อมกับทีมงาน 2-3 คนกำลังจัดเตรียมสถานที่
จากนั้นก็พาทั้งคู่มาที่โต๊ะกรรมการ เห็นชายคนหนึ่งนั่งหันหลังอยู่
“น้องที่จะออดิชั่นมาแล้วค่ะ”
กรรมการคนนั้นหมุนเก้าอี้มา ทั้งคู่เตรียมยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ....”
แต่พอเห็นว่ากรรมการคนนั้นคือ..ปราณ ทั้งคู่ก็หน้าเหวอ ตกใจสุดๆ
ปราณเอง พอเห็นทั้งคู่ก็อึ้งไปนิดหนึ่ง
“นี่คุณปราณ โปรดิวเซอร์ของค่ายเราค่ะ”
จริยาหน้าเจื่อน เริ่มกลัว ส่วนเมฆจ้องหน้าปราณอย่างแค้นเคือง
พอพนักงานสาวขอตัวเดินออกไป เมฆก็กัดฟันโกรธ
“ไอ้ปราณ”
อีกฝ่ายค่อยๆ ฉีกยิ้มเยาะ “โลกมันกลมจริงๆ ไงจ๊ะน้องจิ๋ว สบายดีมั้ย”
ฝ่ายถูกถามกลัวตัวสั่นไม่กล้าตอบ เมฆจะเดินเข้าไปชก ปราณชูมือให้หยุด
“เฮ่ย”
พลางปัดไปที่เหนือกำแพง ซึ่งมีกล้องวงจรติดอยู่ เมฆมองอย่างอึดอัดใจ
“นี่มันถิ่นกู ไม่ใช่ผับกะหลั่วข้างถนน”
“กลับกันเหอะเมฆ”
จริยาหันหลังจะกลับ แต่เมฆดึงไว้
“ทำไมต้องยอมมันอะจิ๋ว”
พูดพลางมองหน้าอีกฝ่าย ปราณยิ้มเหี้ยม
อุไรวรรณกับปกรณ์ค่อยๆ ผลักประตูห้องออดิชั่นเข้ามาดู
เห็นจริยายืนอยู่หน้าไมค์ท่าทางไม่มั่นใจ มีเมฆเตรียมพร้อมอยู่ใกล้ๆ
ทั้งคู่เดินเข้ามายืนดูอยู่หลังห้อง
“จิ๋วมันเป็นอะไรของมัน?” ปกรณ์กระซิบถามเบาๆ
อุไรวรรณมองไปที่โต๊ะ พอเห็นปราณนั่งเป็นกรรมการอยู่ ก็ตกใจ
“เฮ้ย เป๋า นั่น”
พอตากล้องหนุ่มหันไปมองตาม ก็ตกใจเช่นกัน
“ไอ้ปราณ”
“มิน่าล่ะ ไอ้จิ๋วมันถึงเครียด”
ปกรณ์เริ่มเป็นห่วงเพื่อน “แย่แล้วจิ๋ว”
ขณะที่ทางด้านหน้า เมฆเอ่ยถาม
“ จิ๋วเอาเลยมั้ย”
ฝ่ายถูกถามพยักหน้ารับช้าๆ เมฆตะโกนบอกทีมงาน
”พร้อมครับ”
เสียงดนตรี Backing Track เพลงเดียวกับที่อัดลงยูทูปดังขึ้น เมฆเริ่มเต้นประกอบ
สาวร่างจิ๋วสูดหายใจลึก รวบรวมกำลังใจ ก่อนจะมองหน้าปราณ เห็นอีกฝ่ายกำลังยิ้มยั่ว
ภาพในอดีตขณะจะโดนปราณข่มขืนแว่บเข้ามา เธอหลับตาอย่างเจ็บปวด พอเริ่มเปล่งเสียงร้อง จึงดูสั่นเครือไม่เป็นธรรมชาติ
เมฆเต้นพลางหันมองอย่างเป็นห่วง อุไรวรรณกับปกรณ์มองพลางลุ้นตาม
จริยาร้องได้เพียงครู่เดียว ก็หยุดลงดื้อๆ เมฆหยุดเต้นงงๆ ดนตรีหยุดกึก ปราณยิ้มเยาะ ก่อนจะพูดเสียงดัง
“ไปเอาเด็กที่ไหนมาวะ”
จริยาหน้าเสีย เมฆเดินเข้าไปแอบถาม
“จิ๋ว ไหวมั้ย”
อีกฝ่ายพยักหน้า เมฆหันไปบอกทีมงาน
“ขออีกครั้งครับ จิ๋วคงตื่นเต้น”
ทีมงานเปิดดนตรีอีกรอบ อุไรวรรณส่ายห้วช้าๆ เป็นห่วงเพื่อน
“จิ๋วเอ๊ย”
ดนตรีขึ้นอีกครั้ง จริยาหลับตาสูดหายใจลึก แต่มือสั่นไปหมด พอจะถึงท่อนร้อง ก็เหลือบไปเห็นหน้าปราณยิ้มเยาะเหมือนเดิม เธอร้องไปไม่กี่คำก็สะดุด
“ขอโทษค่ะ ไม่ไหวแล้ว”
เมฆหันไปเห็นหน้าปราณยิ้มกวนประสาท ก็โมโห
“ไอ้ปราณ”
พลันรีบกระโดดลงจากเวทีเข้าชกปราณจนล้มไปด้วยกัน จริยาร้องห้ามเสียงหลง
“อย่า เมฆ”
คนอื่นๆ พากันตกใจ ทั้งสองต่อยกันยับ ปกรณ์รีบเข้าไปแยกเมฆออกมา ปราณลุกขึ้นปัดเสื้อผ้า พอเห็นตากล้องหนุ่มก็จำได้
“อ๋อ ไอ้เป๋า มึงก็มาเหรอ เฮ้ย เอาพวกมันออกไป”
ปกรณ์ย้อนกลับ “เอาใครออก ฉันเป็นตากล้องอยู่ที่นี่ แล้วเมฆกับจิ๋วก็เพื่อนฉัน”
ปราณได้ยินก็เจ็บใจ “งั้นให้เพื่อนมึงไสหัวออกไป ไม่ได้เรื่อง ไม่ผ่านโว้ย”
ว่าแล้วก็โมโหออกไปด้วยความโมโห พร้อมกับที่อุไรวรรณรีบวิ่งเข้าไปข้างเวที ขณะที่จริยาเดินลงมาในสภาพคอตกหมดแรง
“เป็นไรวะจิ๋ว”
ฝ่ายถูกถามทำท่าจะร้องไห้ “จิ๋วทำไม่ได้”
พูดพลางสวมกอดอุไรวรรณแล้วร้องไห้โฮ ปกรณ์มองเพื่อนทั้งคู่อย่างเป็นห่วง
จริยานั่งหน้าเศร้าอยู่ที่หน้าบันได อุไรวรรณคอยตบหลังปลอบใจ
“ไม่เป็นไรนะจิ๋ว เป็นเจ้ เจ้ก็ไม่ไหว”
เมฆได้ฟังก็ยิ่งโมโห ”ทำไมต้องมาเจอมันด้วย มันคนเดียว”
จริยาน้ำตาคลอ “มันจบแล้วเจ้ มันจบแล้ว”
จู่ๆ พนักงานสาวก็วิ่งออกมา “ เอ้า น้องจิ๋ว น้องเมฆอยู่นี่เอง”
ทุกคนหันไปดู
“คุณอาทิตย์ให้มาตามน่ะค่ะ บอกว่าอยากดูน้องออดิชั่น ไปเถอะค่ะ”
อุไรวรรณยิ้มดีใจ “ไปเร็วลุก”
อีกฝ่ายยังตัวสั่น “แต่ ไอ้ปราณนั่น”
“ไม่ต้องไปสนใจมัน ถือว่ามันเป็นอากาศธาตุไม่มีตัวตน อย่าให้คนชั่วๆ พรรค์นั้นมาขวางความสำเร็จแก”
“จิ๋วทำไม่ได้”
อุไรวรรณพูดอย่างจริงจัง
“นี่จิ๋ว แกฟังเจ้นะ ถ้าวันนี้แกเลือกที่จะถอย ต่อไปชีวิตแกจะไม่กล้าทำอะไรอีกเลย ไล่ตามฝันมาถึงขนาดนี้ ถ้าจะยอมแพ้เพราะคนอื่นก็กลับบ้านไปเถอะ”
จริยาสูดหายใจลึก “โอเค. เจ้ ฉันจะสู้เพื่อฝัน”
ว่าแล้วก็รีบลุกเดินเข้าตึกไปพร้อมกับเมฆ ปกรณ์หันไปมองหน้าอุไรวรรณแล้วยิ้ม
“ถ้าจะยอมแพ้เพราะคนอื่นก็กลับบ้านไปเถอะ ....จำไว้ด้วยนะเราน่ะ”
อุไรวรรณทำหน้านิ่ง แล้วรีบเดินตามไป
เมื่อทุกคนกลับมาในห้องออดิชั่น ก็เห็นอาทิตย์นั่งรออยู่แล้ว
“พอดีเมื่อกี๊ผมติดประชุมเลยลงมาดูไม่ทัน แล้วเห็นว่ามีเรื่องกันด้วยหรือครับ”
อุไรวรรณรีบบอก “เมื่อกี้ไรกับเป๋าก็ดูอยู่ นายปราณเค้าแสดงพฤติกรรมไม่มีมารยาท พวกนี้เลยแสดงกันไม่ได้ค่ะ”
“อืม งั้นโชว์ให้ผมดูอีกรอบแล้วกัน”
จริยายิ้มให้อาทิตย์ ก่อนจะเริ่มต้นร้องเพลงด้วยสีหน้ามั่นใจและแววตาอันสดชื่น โดยมีเมฆเต้นอย่างเข้าขา
ทุกคนมองอย่างลุ้นให้กำลังใจ อาทิตย์ดูการแสดงอย่างตั้งใจ
เมื่อการแสดงจบ ทุกคนก็ปรบมือเกรียว จริยากับเมฆยิ้มกว้างที่ทำสำเร็จ
อาทิตย์กระซิบพนักงานสาวก่อนลุกเดินออกไป พนักงานสาวเดินเข้ามาหาทั้งคู่
“เดี๋ยวเชิญที่ห้องคุณอาทิตย์นะคะ พวกคุณออดิชั่นผ่านค่ะ”
“ออดิชั่นผ่าน ออดิชั่นผ่านแล้ว”
จริยาดีใจ กระโดดลงจากเวทีเข้าไปกอดกับอุไรวรรณ เพื่อนๆ ต่างพากันดีใจใหญ่
“สุดยอดเหมือนในคลิปเลยนะครับ”
อาทิตย์พูดย่างชื่นชม ต่อหน้าจริยากับเมฆที่นั่งอยู่ในห้องทำงาน
“คือ จิ๋วกับเมฆจะได้.....”
อาทิตย์สวนขึ้นทันที “ ฮึ ไม่ครับ คงแค่คุณคนเดียว คุณจิ๋ว”
พอเธอได้ฟังก็ชะงัก หันไปมองหน้าเมฆแล้วสลดวูบลงทันที
” คุณจะได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด SUN music”
“แล้วเมฆล่ะคะ”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดี target ของเรา คือศิลปินหญิงหน้าใหม่”
จริยาหันมองหน้าเมฆอย่างผิดหวัง “จะให้จิ๋วทิ้งเมฆได้ยังไงล่ะคะ”
เมฆรีบบอก “ โห ไม่เป็นไรหรอกจิ๋ว ใครจะเซ็นก็เหมือนกัน ฝันของจิ๋วก็ฝันของเมฆ”
เธอมองหน้าเพื่อน แล้วหันไปพูดกับอาทิตย์
“งั้น จิ๋วไม่เซ็นค่ะ”
เมฆตกใจ “จิ๋ว”
อาทิตย์นั่งนิ่ง
“จิ๋วขอบคุณคุณอาทิตย์ที่ให้โอกาส แต่โชว์ของเราที่ดีได้ก็เพราะว่าเราเล่นด้วยกัน ถ้าคุณจะเอาแค่คนเดียว ก็คงแสดงต่อไปไม่ได้ จิ๋วลาค่ะ”
อาทิตย์ยิ้มถูกใจ พออีกฝ่ายทำท่าจะลุก เขาก็รีบเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนครับ ผมยังไม่ได้พูดเลยว่าจะไม่เอาเพื่อนคุณ แค่จะบอกว่าสำหรับคุณเมฆ ผมจะให้เซ็นสัญญาเข้ามาเป็นแดนเซอร์ประจำค่ายเรา”
จริยาหันขวับไปทันที เมฆยิ้มอย่างดีใจ
“ขอบคุณค่ะคุณอาทิตย์ ขอบคุณจริงๆ”
“ส่วนคุณ ผมจะเปิดตัวในฐานะนักร้องคู่ดูโอกับ โจ ศรัณธร”
อีกฝ่ายได้ฟัง ก็ตื่นเต้น ตาวาว “โจ ศรัณธร”
อาทิตย์ยิ้มพยักหน้า พร้อมกับดีดนิ้วเปาะ “โจ & จิ๋ว”
“โจ & จิ๋ว สุดยอด”
จริยาดีใจจนตกเก้าอี้ไปเลย
อุไรวรรณกับปกรณ์ได้ฟังข่าวดีของเพื่อนก็ตาโต ด้วยความดีใจ
“เฮ้ย ! ดีใจด้วยนะจิ๋ว”
2 สาวกอดกันแน่น ปกรณ์กอดอกยิ้มๆ
“เดี๋ยวจิ๋วโทร. บอกฟ้าก่อน เจ้ต้องดีใจแน่ๆ เลย”
อุไรวรรณทำหน้านิ่ง อีกฝ่ายเห็นดังนั้นก็มองหน้าปกรณ์ ที่ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน
“โห อย่างกับฝันไป ไม่น่าเชื่อ พวกเราได้มาทำงานที่เดียวกันหมดเลย หึ้ย ปาร์ตี้พร้อมหน้าพร้อมตากันซักรอบเหอะ”
จริยาโพล่งออกมาด้วยอารามดีใจ อุไรวรรณสวนขึ้นมาทันควัน
“แกไปกินกับมันเหอะ ดารากับนักร้อง ก็น่าจะคุยกันรู้เรื่อง อีกหน่อยก็คงดังไปด้วยกัน”
พูดพลางรีบเดินออกไป จริยามองตามอย่างงงๆ
อุไรวรรณเดินออกมาจากตึก ก่อนจะตกตะลึง เมื่อเห็น “กาละแมร์ พัชรศรี” สวมแว่นดำลงจากรถหรู แล้วเดินเข้ามาใกล้
“พี่กาละแมร์”
กาละแมร์ถอดแว่น ยิ้มให้ “ว่าไงจ๊ะ”
อุไรวรรณตื่นเต้นตัวสั่น
“พี่ พี่เป็นไอดอลของหนูเลยนะคะ หนูติดตามผลงานพี่มาตั้งแต่เด็กๆ หนังสือผู้ชายเลวกว่าหมา หนูอ่านเป็นร้อยๆ รอบเลยค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ แล้วนี่ทำอะไรอยู่ที่นี่จ๊ะ อ๋อ อุไรวรรณ นักข่าวบันเทิง อุ๊ย เกร๋... นักข่าวบันเทิงเดี๋ยวนี้คู่แข่งเยอะนะ เอาใจช่วย คนอย่างเราๆ น่ะเข้าใจเลย กว่าจะไต่ได้แต่ละก้าวล่ะ แทบฉี่เป็นเลือด พี่นะท้อไปไม่รู้กี่รอบ”
อุไรวรรณยิ้มเขิน “พี่กาละแมร์ช่วยอวยพรให้หนูประสบความสำเร็จหน่อยได้มั้ยคะ”
“แหม พรน่ะ ใครๆ ก็ให้ได้ แต่กำลังใจนี่สิ ที่หนูน่าจะเอาไปใช้ได้มากกว่า เอาเป็นว่า ถ้าหนูอยากดังยุคนี้นะ จำเอาไว้ว่ายิ่งเราไปอยู่ในสนามที่มีคู่แข่งเยอะเท่าไหร่ ยิ่งต้องขายความเป็นตัวเราให้ได้ ยุคนี้ใครก็แข่งกันแปลก แข่งกันบ้า จะทำตัวเป็นแกะดำในหมู่แกะขาวน่ะมันไม่พอแล้ว มันต้องเป็นแกะพ่นสีสะท้อนแสงแถมยังพูดได้คิดได้ด้วย นี่แหละมันถึงจะดังเปรี้ยงๆ ๆ”
อุไรวรรณพยักหน้ารับ “ค่ะๆ”
“เดี๋ยวพี่ขอตัวก่อน สตูฯ เกมส์โชว์อยู่ชั้นไหนเอ่ย”
“ชั้น 5 ค่ะพี่ ขอบคุณมากๆ นะคะ”
“จ้า เจอกัน ที่ฝั่งฝัน”
กาละแมร์โบกมือแล้วเดินไป อุไรวรรณยิ้มปลื้ม
อัปสรสวรรค์ยืนคุยมือถือกับจริยาอยู่ข้างๆ กองถ่าย
“ได้เลยจิ๋ว เดี๋ยวเจ้เป็นเจ้ามือเอง อยากกินอะไรคิดมาเลย อย่าลืมชวนอุไรด้วยนะ เจอกันจ้ะ”
พูดจบก็กดวางหูแล้วยิ้มปลื้ม อาทิตย์ขับรถเข้ามาเทียบ ก่อนจะเปิดกระจกแซว
“ยิ้มแบบนี้ ขายยังไงครับ”
อีกฝ่ายยิ้มหุบกลายเป็นหน้างอทันที “มาป่วนอะไรอีก”
“ผมเพิ่งได้รับคำสั่งจากคุณแม่ว่าช่วงนี้ให้ตามดูแลคุณ กลัวพวกมันจะกลับมาเล่นงานอีก”
“แหม เยี่ยมไปเลยค่ะ กลัวเสือกิน เลยจ้างจระเข้มาเฝ้า”
ขาดคำก็รีบเดินแยกไป อาทิตย์ยิ้มปลื้ม
อีกด้านหนึ่ง ฮันนี่กับชิวาว่าเดินเข้ามาที่กองถ่าย เห็นรอบๆ เป็นท้องนาสวยงาม
“วันนี้ฉากอะไรคะพี่ว่า”
“อ้าว ยังไม่ได้อ่านบทอีกเหรอคะ”
ฮันนี่จ้องหน้าเขม็ง “ฉันถามว่าอะไร”
ชิวาว่าหน้าเจื่อน
“อ๋อ ค่ะๆ วันนี้ฉากมิรันตีพายุรฉัตรขึ้นเรือแล้วพายออกไปคุยกลางน้ำกัน 2 คนค่ะ”
“เจ๋ง”
“เล่นข่าวอะไรดีคะ” อีกฝ่ายย้อนถาม
“ตกเรือ จมน้ำไง”
“น้องฮันนี่ว่ายน้ำเป็นไม่ใช่หรือคะ”
“นี่ ไอ้คนมันจะสร้างข่าวอ่ะ มันจำเป็นต้องไปบอกคนอื่นเค้ามั้ย”
ชิวาว่ายิ่งเจื่อนหนัก
“เตรียมกล้องให้พร้อม ช็อตนี้ล่ะข่าวพรุ่งนี้”
ฮันนี่ยิ้มเจ้าเล่ห์
ทางด้านอุไรวรรณกับปกรณ์ ก็นั่งรอถ่ายสกู๊ปเบื้องหลังอยู่
“แย่ว่ะ น้ำซักแก้วยังไม่มีให้กินเลย”
“เดี๋ยวตอนเค้าถ่ายกัน ขอภาพแกพูดเข้าสกู๊ปหน่อยนะ”
อุไรวรรณทำหน้าเบื่อ “อืม...”
พลางทอดสายตามองออกไป เห็นทุ่งนาสีเขียว เห็นฝูงควายเต็มไปหมด พลันก็เกิดเห็นภาพ
กาละแมร์ลอยเข้ามาตรงหน้า
“อุไรวรรณ”
อุไรวรรณสะดุ้ง
“เธอต้องสร้างความแปลก แตกต่าง แรงส์ แต่มีสมอง โน่นไง เวทีของเธอ ม่านเปิดแล้ว รออะไรอยู่ ไปสิ เจ้าลูกแกะสะท้อนแสง”
ปกรณ์เห็นอุไรวรรณเหม่อก็ร้องเรียก
“ไร”
อุไรวรรณสะดุ้งโหยง พร้อมกับภาพกาละแมร์หายไป
“เป็นไรวะ อดนอนเหรอ”
“เปล่า เออ เป๋า หาอะไรแปลกๆ ทำกันมั้ย”
ปกรณ์ทำหน้างง “ทำไร นอนอ่านข่าวเหรอ”
อุไรวรรณทำหน้านิ่ง ไม่ตอบ
เสียงพี่หมีตะโกนลั่น
“เอ้าๆ นักแสดง ทีมงาน สแตนบายจ้า”
กองถ่ายเตรียมพร้อม อัปสรสวรรค์กับฮันนี่ขึ้นไปนั่งบนเรือ
“พี่หมีคะ ยังไงให้ทีมงานดูแลดีๆ ด้วยนะคะ น้องนี่ว่ายน้ำไม่เป็น”
พี่หมีพยักหน้ารับ “อ๋อ ได้ๆ จ้ะ”
“ทำไมล่ะคะ” อัปสรสวรรค์ย้อนถาม “วันนี้จะจมน้ำเหรอ ก็ไม่น่าตื่นเต้นนะ คราวก่อนโดนถีบตกสระ
ก็เห็นขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย”
ฮันนี่หัวเราะเจื่อนๆ “แหม ก็บอกไว้เฉยๆน่ะค่ะ”
พลันพี่หมีหันไปเห็นอะไรไกลๆ
“แล้วนั่นทำไรกันวะ”
ทีมงานรีบบอก “อ๋อ นักข่าวที่มาทำสกู๊ปน่ะครับ”
“เหรอ เออๆ เอ้า พร้อมแล้วเริ่มเลย”
“นี่ก็หน้าฝนแล้ว รักษาสุขภาพกันซักหน่อยนะคะ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเป็นไข้กันไปซะก่อน จะอดดูละครเรื่องเด็ดแห่งปีที่รอคอย จะเป็นเรื่องอะไรไปไม่ได้ วันนี้เรายังอยู่กับกองถ่ายสองกฤษณา”
อุไรวรรณกำลังขี่ควายรายงานข่าว โดยมีปกรณ์ถือกล้องถ่ายอยู่ข้างหน้า
“คัท”
“ดีปะ”
ตากล้องหนุ่มยิ้มรับ “ดีเลย ธรรมชาติ แต่เดี๋ยวขอหลายๆ มุมหน่อย”
ฮันนี่พายเรือพาอัปสรสวรรค์มากลางน้ำ ทีมงานถ่ายทำอยู่รอบเรือ
“ยุรฉัตร เธอคิดยังไงกับพี่ภาคินกันแน่”
“ฉันเปล่านะ ทำไมเธอคิดแบบนั้น” อัปสรสวรรค์พูดตามบท
“อย่ามาปากแข็ง ฉันมองตาเธอก็รู้”
“ฉันกับเค้าเป็นแค่พี่น้องกัน”
“พี่น้อง ตอแหลนัก เธอสำเหนียกด้วยนะ ว่าตอนนี้ชีวิตเธออยู่ในมือฉันแล้ว ได้ข่าวว่าว่ายน้ำไม่เป็นไม่ใช่เหรอ”
นางฟ้าตกใจ “อย่านะ”
ฮันนี่วางไม้พายแล้วลุกขึ้น ชี้หน้า “จะบอกไม่บอก”
อัปสรสวรรค์ตัวสั่นกลัว พี่หมียิ้มถูกใจกับการแสดง อาทิตย์กอดอกยิ้มปลื้ม ใกล้ๆ กันชิวาว่ายกมือถือขึ้นมาเตรียมถ่ายคลิป
ทางด้านปกรณ์ก็ยังคงถ่ายอุไรวรรณขี่ควายรายงานข่าวต่อ
“วันนี้เรายังอยู่กับกองถ่ายสองกฤษณา”
“โอเค. เอามุมข้างอีกหน่อย จบเลย” พูดพลางเดินไปข้างๆ “โอเค. ไป”
ส่วนอัปสรสวรรค์ก็ยังอยู่ในฉากบนเรือกลางน้ำกับฮันนี่
“ไม่บอกใช่มั้ย งั้นไปบอกคนอื่นในนรกแล้วกัน”
ฮันนี่พูดพลางจะเข้าไปบีบคอ พร้อมกับตั้งท่ามองหาจังหวะ ก่อนจะแสร้งทำเป็นเซๆ แล้วร่วงลงน้ำไปเลย
พี่หมีมองอย่างตกใจ
“วันนี้เรายังอยู่กับกองถ่ายสองกฤษณา”
จังหวะที่อุไรวรรณชูมือนั้น ขาควายก็ก้าวเดินไป เหยี่ยวข่าวสาวเสียจังหวะหงายหลังกรี๊ดลั่น ปกรณ์หน้าเหวอ
เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนที่ 4 (ต่อ)
ที่หน้าห้องซ้อมเต้นซึ่งมีผนังกระจกรายรอบ ด้านในมีแดนเซอร์แยกกันซ้อมเป็นกลุ่มๆ
จริยากับเมฆเดินมาถึงหน้าห้อง พลางมองด้านในอย่างตื่นเต้น
“โอ้โห”
ขณะเธอกำลังจะผลักประตูเข้าไป พลันมือลูกเป็ด ผู้จัดการของโจ เอื้อมมาคว้าสายเป้หมับ จริยาหันไปมองอย่างตกใจ
“มีอะไรคะ” ลูกเป็ดถามเสียงเข้ม “ชื่ออะไร เข้ามาทำไม มีธุระอะไร”
“เอ่อ....”
“แฟนคลับน้องโจใช่มั้ยคะ ต้องรอข้างล่างนะคะ ขึ้นมาแบบนี้ไม่ได้ค่ะ ลงไปเลยค่ะ”
ลูกเป็ดพูดพลางดึงสายเป้แน่น จริยารีบสลัดออก ก่อนจะย้อนถามกลับ
“แล้วป้าล่ะเป็นใคร”
ผู้จัดการสาวใหญ่หันไปมองรอบๆ ก็ไม่เห็นมีใคร เลยรู้ว่าถูกอีกฝ่ายเรียกป้า “ต๊าย ป้าไหน เธอเรียกใครป้า”
“ก็ป้านั่นแหละ หนูจะมาทำอะไร ทำไมต้องบอกด้วยล่ะ”
“ยาม ยามอยู่ไหนคะ มาเอาเด็กลงไปหน่อย สงสัยหนีเรียนมาตามดารา”
ลูกเป็ดตะโกนลั่น แต่อีกฝ่ายไม่สนใจ ทำท่าจะเอาเรื่อง เมฆรีบเข้ามาช่วยพูด
“เอ่อ พี่ครับ นี่จิ๋วครับ จิ๋วที่จะมาร้องเพลงคู่กับพี่โจ ส่วนผมเป็นแดนเซอร์”
ลูกเป็ดค่อยเงียบเสียงลง “โธ่ ! แล้วก็ไม่บอก”
จริยายิ้มแหะๆ ลูกเป็ดรีบแนะนำตัว
“พี่ ไม่ใช่ป้า ชื่อพี่ลูกเป็ดนะจ๊ะ เป็นผู้จัดการของน้องโจ”
“จิ๋วขอโทษนะคะ”
“โจเค้าซ้อมเต้นอยู่ข้างใน ตามพี่มาสิ”
ลูกเป็ดเดินเข้าไป จริยาหันมามองเมฆ แล้วรีบเดินตามไป
“ลูกโจ น้องจิ๋วมาแล้วน้า”
เสียงลูกเป็ดนำมาก่อน โจที่กำลังซ้อมเต้นอยู่ หันหน้ามามอง จริยากับเมฆถึงกับตะลึง
“เดี๋ยวพี่มานะจ๊ะจิ๋ว ทำความรู้จักกันไปก่อน”
แล้วลูกเป็ดเดินเลี่ยงออกไป ทิ้งให้จริยาตัวเกร็ง โจยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง
“น้องจิ๋วเป็นอะไรรึเปล่า ดูเกร็งๆ นะ”
“เปล่าค่ะ แค่จิ๋วทำตัวไม่ถูก”
โจยิ้มอย่างเป็นมิตร “เฮ้ย สบายๆ พี่เป็นผู้ชายง่ายๆ ไม่เยอะ”
“ค่ะ พี่โจ”
สาวร่างจิ๋วมองโจด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม อีกฝ่ายมองไปเห็นเมฆ ก็หันมาถาม
“แล้วนี่เพื่อนน้องจิ๋วหรอครับ”
“ใช่ค่ะ”
“สวัสดีครับพี่ ผมเมฆครับ”
เมฆรีบแนะนำตัวเอง โจรับไหว้ยิ้มๆ
“เอ้า มาสายยังชวนคนอื่นเขาคุยอีก”
เสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลัง พอจริยาหันไป ก็เห็นปราณเดินเข้ามาท่าทางงัวเงียๆ
ปราณชี้มือไปที่เมฆ “ส่วนนาย แดนเซอร์ไปทางโน้น นี่มันโซนนักร้องเค้า”
จริยากับเมฆมองปราณอย่างไม่พอใจ โจที่ไม่รู้ว่าทั้งหมดรู้จักกันแล้ว รีบแนะนำ
“นี่พี่ปราณ โปรดิวเซอร์อัลบั้มใหม่ของเราไงครับ รู้จักกันรึยัง”
จริยาพึมพำเบาๆ “รู้จักไปถึงสันดาน”
ปราณหันมาคุยกับโจ “เริ่มต่อเพลงใหม่เลยดีกว่าโจ คนนี้เด็กใหม่ด้วย กว่าจะร้องได้คงจะนาน”
โจพยักหน้า “ งั้นไป จิ๋ว”
พูดพลางเดินนำไปอีกมุมห้อง เมฆมองอย่างเป็นห่วงแล้วเดินแยกไป ปราณลอบมองหน้าจริยาอย่างอาฆาต ก่อนเดินออกไป
หน้าจอคอมพิวเตอร์ กำลังฉายภาพอุไรวรรณตอนตกควายในโปรแกรมตัดต่อ ปกรณ์ นั่งอยู่กับป๋าช้าง และกรณ์
“บร๊ะ คู่แข่งอีเรียม”
ป๋าช้างพูดแบบติดตลก กรณ์ทำหน้ายี้
“อีไร ทุเรศ เสียลุคนักข่าวช่องเราหมด”
“งั้นภาพตอนตกควายตัดออกเลยนะครับ”
ปกรณ์เสนอ ป๋าช้างรีบแย้ง
“เฮ้ย จะตัดทำไมล่ะ เอางี้แหละ ธรรมชาติดี”
“ดีหรือครับลุง”
“นี่แหละ อุไรมันต้องมาทางนี้ ถึงจะน่าสนใจ มัวยืนหน้าซีดเป็นไก่ไหว้เจ้า อ่านข่าวทั้งชาติก็ไม่ดังหรอก”
ปกรณ์กับกรณ์ทำหน้าไม่ค่อยแน่ใจ
ภาพจากรายการเล่าข่าว พร้อมเสียงพิธีกรบรรยาย
“มาดูคลิปออฟเดอะเดย์กันครับ สำหรับวันนี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก “นักข่าวตกควาย”...”
จากนั้นก็ตัดเข้าภาพอุไรวรรณขณะตกควายประกอบซาวด์หัวเราะ
ขณะเดียวกันที่ยูทูป คลิป “อุไรวรรณ นักข่าวตกควาย ฮาค่อดๆ” ก็มียอดวิวทะลุไปหลายหมื่น
อาทิตย์กับป๋าช้างนั่งดูอุไรวรรณในทีวีแล้วพูดคุยกันเรื่องแผนการ
วันถัดมา อุไรวรรณ ทำหน้าที่รายงานข่าวอยู่หน้าเล้าเป็ด ขนเป็ดเต็มหน้าเต็มตัว
“อุไรวรรณ เดอะซัน รายงานค่า”
พอปกรณ์สั่งคัท เธอก็จามฮัดเช้ยเสียงดัง ก่อนจะ รีบเดินออกมาหาเขาที่นอกเล้า
“ไปเหอะเป๋า ฉันจะเมาขนเป็ดตายอยู่แล้ว”
“พรุ่งนี้เอามุกไหนอีกล่ะ”
“ว่ายน้ำแข่งกับปลาสลิดมั้ง ไอ้บ้า”
ตากล้องหนุ่มยิ้มๆ แอบสงสารเพื่อน
ปกรณ์กับอุไรวรรณเดินเข้ามาที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างถนนอย่างเพลียๆ มีคนต่อคิวเพียบ ลูกค้าท่าทาง
จิ๊กโก๋ๆ คนหนึ่งหันไปเห็น ก็ยิ้ม
“เฮ้ย นี่น้อง นักข่าวที่ตกควายใช่ปะ”
คนอื่นหันไปมองตาม อุไรวรรณพยักหน้างงๆ เขินๆ
“อ๋อ ค่ะ”
“อยู่แถวนี้เหรอ เออ กล้าดีนะ ไม่ห่วงลุค ห่วงสวย”
อีกคนรีบเสริม “เออ โชคดี น้องเค้าไม่สวย”
พูดจบก็ฮากันครืน อุไรวรรณสะอึก ยิ้มหุบทันที ปกรณ์มองเพื่อนอย่างเห็นใจ ก่อนทำท่าจะเข้าไปลุย แต่อุไรวรรณดึงไว้ ก่อนสายหน้าเบาๆ
ลูกค้าคนที่ 2 พูดขึ้นมาอีก
“เดี๋ยวนี้นะ แต่ละช่องมันสรรหาคนสวยๆ จิ้มลิ้มมาอ่านข่าว แล้วใช้ได้ที่ไหนล่ะ บางทีเปิดมานึกว่าสากกะเบือพูดได้ แถมพูดไม่ชัดอีก”
“เออ สู้ไม่สวยแต่กล้าๆ แบบนี้ดีกว่า ถูกใจไลค์เลย กินอะไรล่ะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
อุไรวรรณยิ้มเจื่อนๆ เสียความมั่นใจกับคำว่า “ไม่สวย”
พออุไรวรรณเดินกลับเข้ามาที่หน่วยบันเทิงช่อง SUN บ๊วยก็รีบทัก
“มาแล้วเหรออุไร วันนี้ไปถ่ายที่ไหนมา
“ฟาร์มเป็ดแถวรังสิตนี่แหละ”
นัตตี้เดินเข้ามาทำจมูกฟุดฟิด “กลิ่นโคลนสาบควายที่ไหนเนี่ย” พูดพลางมองหน้าอุไรวรรณ
บ๊วยรีบขัด “แหม นัตตี้ไปกัดเค้า ตอนนี้คนชอบอุไรเยอะเลยนะ ระวังเค้าจะดังแซงตัวเองล่ะ”
“โถ ถ้าต้องทำตัวเป็นตลกตกควายแบบนั้น ฉันไม่ทำหรอก”
อุไรวรรณมองอย่างไม่พอใจ อีกฝ่ายพล่ามต่อ
“มันก็ธรรมดา นี่แหละวิถีของคนไม่สวย ขายหน้าตาไม่ได้ ก็ขายความตลก ขายตลกไม่ได้ก็ขายความแรด ขายโป๊ สุดท้ายก็ขายตัว”
อุไรวรรณทนไม่ไหว “ก็ฉันไม่ได้เกิดมาสวยเหมือนคุณนี่คะ”
นัตตี้ยักไหล่ “ก็ไม่ได้เถียงนี่”
กรณ์รีบแทรกขึ้นมา “ แหม น้องนัตตี้คะ เรามันผู้ประกาศนั่งทำงานอยู่กลางแสงไฟ จะไปต่อปากต่อคำกับนักข่าวยืนรายงานท่ามกลางวัวควายทำไมล่ะคะ”
“คมมาก ปรบมือ” นัตตี้ปรบมือรัวๆ “พี่กรณ์พูดได้คมมาก สมกับเป็น โปรดิวเซอร์จริงๆ ค่ะ”
อุไรวรรณสวนกลับ “ ค่ะ ทำงานข้างควาย ก็ดีกว่านอนกับควายเพื่อได้งานแหละค่ะ”
พูดจบก็เดินเชิดออกไป บ๊วยแอบขำ นัตตี้ฉุนกึก กรณ์งงๆ
“อีนี่ พูดอะไรของมันวะ มันหลอกด่าอะไรเรารึเปล่าจ๊ะ เผื่อพี่ไม่เก๊ต”
นัตตี้มองตามอย่างโกรธๆ
อุไรวรรณนั่งหน้าเครียดอยู่หน้าโน้ตบุ๊คที่ร้านกาแฟในแคนทีน กำลังอ่านกระทู้
“คุณรู้สึกยังไงกับอุไรวรรณ นักข่าวภาคสนามช่อง THE SUN”
มีคนแสดงความคิดเห็นเข้ามาเพียบ
“ถ้าหน้าตาดีจะน่าดูกว่านี้”
“ไม่จมโคลนก็ดูไม่ได้หรอก”
“ก็ได้แค่นี้แหละ”
“หน้าไม่ผ่านอย่างแรง ตาตี่จมูกแฟบ (ขอโทษนะที่พูดตรง)”
ยิ่งอ่านก็ยิ่งโกรธ “เออ กูมันไม่สวย จะให้กูตายไปเลยใช่มั้ย”
ลูกค้าโต๊ะอื่นสะดุ้งหันมามองงงๆ
อุไรวรรณพับโน้ตบุ๊คเก็บ แล้วเดินออกจากร้านไป
อุไรวรรณเดินถือถุงผ้าเดินเข้ามาที่โต๊ะเรด้า แต่ไม่มีใครอยู่
“อ้าว ไม่อยู่เหรอ”
เธอวางถุงไว้บนโต๊ะ แล้วฉีกเทปโพสต์อิทที่วางอยู่แถวนั้นมาเขียนๆ แล้วแปะไว้ที่ข้างถุง “ฝากให้พี่เรด้า จากอุไรค่ะ”
ขณะกำลังจะออกจากตรงนั้น ก็บังเอิญเห็น รูปถ่ายเรด้าสมัยเก่าตั้งแต่ยังไม่สวย ถ่ายกับดาราเก่าสมัยรุ่งๆ ค่อยๆไล่ยุคมา เห็นหน้าตาเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน ที่หน้าตาสวยขึ้น
“โห เมื่อก่อนหน้าเหียกมาก”
จังหวะนั้น เรด้าก็เดินเข้ามาข้างหลัง
“อะแฮ่ม”
อุไรวรรณสะดุ้ง ก่อนจะหันไปเห็นเรด้า “พี่”
“ว่าไง”
“ไร ไรเอาเครื่องสำอางมาฝากอะค่ะ”
เรด้ายิ้มหวาน “แหม ทีหลังไม่ต้องนะ เกรงใจ ของเก่ายังใช้ไม่หมดเลย เออ แต่วันหลังฝากดูแป้งของชาแนลหน่อยสิ ถ้ามีก็หยิบๆ มาหน่อยละกัน”
อีกฝ่ายยิ้มแหย ก่อนจะถามขึ้นมา
“เอ่อ พี่เรด้าคะ ไรเห็นรูปพี่แล้ว ทำไมพี่สวยขึ้นเรื่อยๆ เลยล่ะคะ”
เรด้าทำหน้าเชิด “อ่าฮะ อยากรู้ไปทำไมฮะ”
“ก็เผื่อไร จะได้สวยอย่างพี่บ้าง”
“พี่เนี่ยนะสวย”
อุไรวรรณแกล้งยอ “จริงค่ะพี่ แหม ไรพูดไปพี่จะเชื่อมั้ยอะ ไรเคยเห็นพวกแมสเซนเจอร์ข้างล่างแอบมองพี่ ซุบซิบกันประจำเลย”
เรด้าสนใจขึ้นมาทันที “มันซุบซิบว่าไง”
“ประมาณว่าพี่น่ะ เหมือนเบนซ์-พรชิตา”
อีกฝ่ายตาวาว “โห ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่ค่ะพี่ ได้ยินบ่อยมาก แต่ไม่กล้าบอกพี่ กลัวพี่จะหาว่าประจบ”
เรด้าทำเป็นโบกมือ “ เฮ้ย ถ้าพูดความจริง เค้าไม่เรียกประจบหรอก”
“พอจะบอกเคล็ดลับความสวยได้มั้ยคะ ออกกำลัง หรือเครื่องสำอางอะไร”
เรด้านิ่งคิดไม่ตอบ อุไรวรรณรู้แกว ก็แกล้งทำเป็นพูดหยอด
“อืม เดี๋ยวบ่ายสาม ไรต้องไปทำข่าวบ้านผีปอบภาคใหม่แถวอโศกด้วย”
“รีบไปมั้ยล่ะ เดี๋ยวไม่ทัน”
“เห็นเค้าบอกไอ้ตึกข้างๆ จะมีงานเปิดตัวเครื่องสำอางใหม่จากนิวยอร์คด้วย น่าจะมีอะไรใหม่ๆ มาแจกให้ลองใช้ ไรยังคิดอยู่ว่า จะแวะไปดีรึเปล่า”
เรด้าตาวาวอยากได้ของ ก่อนจะมองหน้าอุไรวรรณ
“มันจะดีเหรอพี่ ศัลยกรรม”
อุไรวรรณย้อนถามเรด้า
“โอย หมดสมัยแล้วจ้า เราไม่ได้ทำไว้หลอกใคร แต่ทำเพื่อเพิ่มโอกาสให้กับตัวเอง”ฃ
“แล้วถ้าทำแล้วมันเละอ่ะพี่”
“โอ๊ย ยุคนี้ ไม่ดีก็แก้ได้ ไม่ชอบก็ถอดออก ตอนแรกพี่เข้ามาทำใหม่ๆ นะ หน้ายังกะปลาช่อนทอด นั่งพิมพ์ดีดทั้งวัน พอไปทำมาโหงวเฮ้งเปลี่ยน ป๋าช้างให้เลื่อนเป็นนักข่าวเลย”
อุไรวรรณนิ่งคิด เรด้าพูดต่อ
“ทีแรกก็ว่าจะทุบทั้งหน้า แต่พอดีช่วงนั้นแม่มาป่วยก็เลยไม่มีตังค์ทำ พอเริ่มแก่ตัวก็ขี้เกียจล่ะ”
“แต่ นูติดอีตรงที่มันเป็นของปลอมนี่แหละ”
เรด้าถอนหายใจ พลางมองเครื่องหน้าอุไรวรรณแล้วเบ้ปาก)
“เธอติดอยู่กับของจริงของเธอต่อไปนะยะวงการนี้มันต้องโชว์หน้าตา เค้าจมูกแหลมกันทั้งวงการ เธอจะสู้เค้าได้มั้ยล่ะ เอาแค่นังนัตตี้คนเดียวก่อน มันน่ะปลอมทั้งหน้า อย่าเรียกว่าทำ ขอให้ใช้คำว่า “ทุบ” เหอะ --นางทุบทั้งหน้าจ้า”
อุไรวรรณนั่งอึ้งที่ได้รู้ ก่อนจะครุ่นคิด หน้าเครียด
“ค่อยๆ เก็บตังทำไปทีละอย่าง อย่างเธอทำตาสองชั้นก่อนแล้วกัน”
อุไรวรรณมองหน้า เรด้ายักคิ้วแผล่บ “ปะล่ะ?”
เพ็ญศรีนั่งตะไบเล็บที่โซฟา พอเห็นอุไรวรรณเดินเข้ามา ก็หันไปทัก
“ว่าไงคะนักข่าวตกควาย”
ลูกสาวทำหน้าเซ็ง “แม่ ไม่ต้องเรียกไรตามคนอื่นเค้าได้ปะ”
“แล้วเมื่อไหร่จะขยับไปอ่านข่าวในห้องอย่างยัยพิธีกรนั่นบ้างล่ะ”
“ชาติหน้าเหอะแม่ มาได้แค่นี้ก็บุญแล้ว”
เพ็ญศรีรีบพูดยุ “อะไรกันว้า ลุยแล้วก็เอาให้สุดสิโว้ย ยิ่งขึ้นไวยิ่งดี ถ้ามันไม่ขยับซักทีก็เลื่อยขาเก้าอี้มันเล้ย”
“โธ่แม่ อีนั่นมันเป็นเมียเก็บโปรดิวเซอร์ จะให้ไปเลื่อยขายังไง เค้าบอกว่ามันยอมมีอะไรด้วยเพื่อแลกตำแหน่งนี่แหละ”
“ก็ทำตัวให้มันสวยเหมือนฉันสิ ผู้ชายจะได้วิ่งเข้าหา”
“เหรอ” อุไรวรรณทำเสียงประชดแม่
“ช่าย ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะนม ถ้าวันนั้นฉันไม่ทำนม แกก็ไม่ได้เรียนต่อหรอก”
“ที่หน้าไรเป็นงี้ ก็เพราะแม่นั่นแหละ”
เพ็ญศรีร้องโวยวาย “ว้าย อะไร ลืมไปป่าว ฉันน่ะนางงามเดินสายนะยะ ไปโทษพ่อแกโน่น แกมันได้บล็อคพ่อแกเต็มๆ หน้าตายังกะจิ้งจก”
ฝ่ายลูกสาวแอบเคือง “แล้วยุคนั้น ผู้ชายหล่อๆ ไม่มีแล้วไงล่ะ ถึงไปคว้าพ่อมาน่ะ”
ขาดตำก็เดินฉุนเฉียวขึ้นห้องไป เพ็ญศรีมองตามอย่างขัดใจ
“อ้าว นังนี่ ถ้าย้อนเวลาได้ ฉันไม่เอาพ่อแกมาทำบล็อคหรอก ฉันจะเลือกพระเอกหนังสันติสุข พงษ์พัฒน์ ฉัตรชัย โน่นเว้ย”
อุไรวรรณนั่งเช็ดเครื่องสำอางอยู่หน้ากระจก
พลางมองหน้าตัวเองอย่างสมเพช นึกย้อนที่เคยถูกคนพูดจากดูถูก รวมถึงคอมเม้นต์ทั้งหลายในกระทู้ ก่อนจะสะดุ้งเพราะเสียงเตือนอีเมลใหม่จากโน้ตบุ๊คดังขึ้น เธอหันไปเคาะเปิดดู เห็นอีเมลใหม่จากเรด้าส่งเข้ามา
“ตัวอย่างหลังทำตา 2 ชั้นจากคุณหมอ”
อุไรวรรณรีบเปิดอ่าน อย่างอยากรู้ แล้วก็เห็นภาพค่อยๆ ปรากฏขึ้น เป็นภาพรีทัชของเธอที่ทำตา 2 ชั้นแล้ว
เธอมองภาพนั้นอย่างพอใจ แต่ในใจก็ยังวุ่นวายสับสน พลางแอบคิดถึงอาทิตย์ แล้วก็ตัดสินใจในวินาทีนั้นเอง
คืนนั้น เรด้าพาอุไรวรรณมาที่ข้างรถตู้ แล้วหันซ้ายหันขวาเหมือนรออะไรอยู่
“แล้วร้านหมอเค้าอยู่ไหนอ่ะคะพี่” อุไรวรรณถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้เหมือนกัน”
คนถามหน้าเหรอ “อ้าว ! แล้วจะไปยังไงล่ะคะ”
“เดี๋ยวเค้ามาหา”
“อ๋อ มารับเราไปหรือคะ”
เรด้ารีบอธิบาย “มาทำที่นี่แหละ”
พลันมอเตอร์ไซค์วินก็แล่นเข้ามาจอด ก่อนที่ชายวัยกลางคน ใส่เสื้อเชิ้ตหิ้วกระเป๋าเจมส์บอนด์ จะเลงมาจากรถ แล้วจ่ายเงินให้
เรด้าหันไปเห็น “เอ้า นั่นไง”
อุไรวรรณมองตาม “ไหนคะ”
เรด้าไม่ตอบ แต่เดินเข้าไปไหว้หมอกระเป๋า
“หวัดดีค่ะหมอ”
อุไรวรรณตกใจ เพราะดูสภาพแล้ว ชายคนนั้น ไม่น่าจะเป็นหมอได้เลย
“นี่คุณหมอ”
พอเรด้าแนะนำ อุไรวรรณก็ยกมือไหว้แบบเอ๋อๆ “หวัดดีค่ะ”
“เดี๋ยวทำบนรถตู้บริษัทนี่แหละค่ะ หนูดูต้นทางให้”
พอหันไปเห็นอุไรวรรณยืนเหวอ เรด้าก็แว้ดเข้าให้
“เหวออะไรเล่า”
“เอ่อ เอางี้เลยเหรอคะ”
“นี่แหละ ถูกและดี ขึ้นไปสิ”
พูดจบก็ดันอุไรวรรณผลักเข้ารถไป แล้วเดินไปกระซิบกับหมอกระเป๋า
“ตา 2 ชั้นค่ะ”
หมอพยักหน้ารับ “โอเค.” ก่อนจะหยิบซองขาวในกระเป๋ายื่นให้เรด้าแล้วตบไหล่
“วันหลังพามาอีกนะ”
แล้วหมอก็ขึ้นรถไป เรด้าปิดประตูรถ แล้วยืนยิ้ม
อัปสรสวรรค์นั่งดูหนังสือพิมพ์บันเทิง เห็นพาดหัวข่าว
“ดาวดวงใหม่ อุไรวรรณ นักข่าวตกควาย”
ปูเปรี้ยวที่อยู่ใกล้ๆ พูดขึ้นมาทันที “ แหม ดังจนได้นะคะ เพื่อนน้องฟ้า พยายามพรีเซ้นต์สุดฤทธิ์”
ซุปตาร์สาวพับหนังสือพิมพ์วาง
“คงไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ ใครมันจะอยากตกควายแบบนั้น แล้วไรก็ไม่ใช่คนอยากเด่นอยากดังด้วย”
“เห็นว่ากระแสดี คุณอาทิตย์เลยสั่งให้รายงานข่าวแนวนี้ทุกวันเลยค่ะ”
อัปสรสวรรค์เบ้ปาก “กลัวแต่จะเอาเพื่อนฟ้าไปเป็นตัวตลก หาเงินเข้าช่องอย่างเดียว แล้วนี่หายไปไหนล่ะคะ ไม่เห็นเสนอหน้ามา”
“อ๋อ คุณอาทิตย์เหรอคะ เห็นบอกนัดคุยกับโจ & จิ๋วเรื่องคอนเซ็ปท์เพลงใหม่ แล้วก็ซ้อมกีฬาน่ะค่ะ”
“ซ้อมกีฬา ?” อีกฝ่ายทำเสียงสูง “มีเพื่อนเล่นด้วยเหรอคนพรรค์นั้น แต่ก็ดีค่ะ ไม่มีทั้งยัยฮันนี่ ทั้งคุณอาทิตย์ กองถ่ายค่อยน่าอภิรมย์หน่อย”
ปูเปรี้ยวหยิบบท มาเปิดดู “วันนี้ถ่ายฉากยุรฉัตรถูกพ่อเลี้ยงใจร้ายเข้ามาจับตัวไปนะคะ แหม เรื่องโดนจับตัวไปนี่คงไม่ต้องบิ๊วท์แล้วใช่มั้ยคะ สดๆ ร้อนๆ”
ซุปตาร์สาวพยักหน้ารับยิ้มๆ
เพื่อนรักเพื่อนริษยา ตอนที่ 4 (ต่อ)
อีกด้านหนึ่ง พี่หมีกำลังเตรียมพร้อม แต่จู่ๆ ก็มีทีมงานเดินเข้าไปหา
“พี่หมีครับ งานเข้า 2 เรื่องเลย”
“ไรวะ”
“ก็ลุงฮวดที่จะมาเล่นเป็นพ่อเลี้ยง เมื่อเช้าแกล้มในห้องน้ำตอนนี้อยู่โรงบาลครับ ส่วนไอ้ทีมสตั๊นท์มันบอกดูวันผิด ตอนนี้เมากันอยู่อ่างขางครับ”
พี่หมีตกใจ “เว้ย ! อะไรวะเนี่ย แล้วพอมีคนอื่นสแตนบายไว้บ้างยัง”
“ก็มีลุงเสริฐ แล้วก็ทีมสตั๊นของแกครับ แต่จะแพงกว่านิดนึง”
“เออ เอามาเลย ไม่สนแล้ว แล้วโทร. ไปบอกไอ้สตั๊นทีมโน้นด้วยนะว่าไม่ต้องกลับมา หาเห็ดเผาะกินอยู่แถวนั้นแหละ”
ทีมงานพยักหน้า แล้ววิ่งออกไป พี่หมีหน้าเครียด
อุไรวรรณนั่งเขียนตา และปัดขนตาอยู่ที่ในห้องน้ำ ก่อนจะยิ้มมั่นใจกับกระจกส่องหน้าเล็กๆ เมื่อเห็นดวงตาคมกริ๊บ
อีกมุมหนึ่งกรณ์กำลังตรวจงานให้บ๊วย
“สคริปท์โอเคแล้ว แต่ทีหลังใช้ฟ้อนท์ใหญ่ๆ หน่อย นัตตี้เค้าจะได้เห็นชัดๆ”
อุไรวรรณเดินเปิดประตูเข้ามาอย่างมั่นหน้า กรณ์เงยหน้ามองนิดนึงแล้วก้มลงไปตรวจงานต่อ ครู่หนึ่งก็หันขวับอีกรอบด้วยไม่เชื่อสายตา
“ใครวะ”
บ๊วยรีบบอก “เอ๊า ก็อุไรไงคะ”
กรณ์อุทานอย่างไม่เชื่อ “อุไรเหรอ อุไรเนี่ยนะ”
อุไรวรรณเดินเชิดเข้าไปนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะหลิ่วตาให้กับเรด้าที่ยิ้มกริ่มอยู่ตรงนั้นแล้ว
ทางด้านอาทิตย์ก็กำลังซ้อมยิงลูกโทษทั้งที่อยู่ในชุดทำงาน ก่อนที่โค้ชจะเดินเข้ามาปรบมือให้
“เยี่ยมครับ เริ่มใช้ได้ล่ะ แล้วนี่จะฝึกไปแข่งที่ไหนหรือครับ ถึงต้องจ้างผมมาสอน”
อาทิตย์ยิ้มให้ “อ๋อ พอดีตอนอยู่เมกาผมเล่นแต่บาส อเมริกันฟุตบอล ก็เลยเตรียมไว้เฉยๆ ครับ เผื่อมีใครมาท้าแข่ง”
โค้ชพยักหน้างงๆ จังหวะนั้นมือถือของอาทิตย์ก็ดังขึ้นมา เขาหยิบมาดูก่อนจะเห็นชื่อนางฟ้า เขารีบกดรับอย่างดีใจ
“วันนี้ฝนตกหนักแน่คุณ โทร. หาผมเนี่ย”
อุไรวรรณเดินออกมาที่หน้าตึก แล้วก็ชะงัก เมื่อเห็นอัปสรสวรรค์ยืนรออยู่ริมทาง ครู่หนึ่งรถอาทิตย์ก็แล่นเข้ามาจอด อีกฝ่ายขึ้นรถออก เธอมองตามรถไปอย่างโกรธ และหมั่นไส้
อาทิตย์กับอัปสรสวรรค์นั่งดื่มกัน 2 คนในบรรยากาศเงียบๆ และเป็นส่วนตัว
“คิดไงล่ะครับถึงชวนผมมา”
“ก็แค่อยากจะเลี้ยงขอบคุณ ที่ช่วยฉันวันนั้น”
อาทิตย์หยุดคิดนิดหนึ่งก่อนยิ้ม “อ๋อ ในป่านั่นเหรอคุณ โอย มันต้องทำอยู่แล้วครับ ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมเสียใจแย่”
อีกฝ่ายยิ้มหวาน “จริงเหรอคะ”
“ก็เห็นแล้วนี่ครับ”
ทันใดนั้น ประตูร้านก็เปิดออก ชายในชุดสูทใส่หมวกใส่ผ้าปิดปากเดินหิ้วกระเป๋าใบใหญ่เข้ามา พนักงานโค้งต้อนรับแล้วเชิญมานั่งโต๊ะ
อาทิตย์พูดต่อ “จิ๋วเพื่อนคุณนี่เก่งนะ เพชรในตมจริงๆ”
“อื้ม แก๊งฉันแน่นอนอยู่แล้ว”
อาทิตย์เบ้ปาก “ยกเว้นนายหมากระเป๋านั่น”
“ว่าไงนะ”
“ก็นายเป๋าเพื่อนคุณไง ไม่เห็นมีอะไรพิเศษเหมือนคนอื่นเค้าเลย”
“คุณรู้ได้ไง” อีกฝ่ายย้อนกลับ “เค้ายังไม่ได้แสดงความสามารถอะไรเลย”
อาทิตย์เห็นจะไปกันใหญ่จึงผ่อนเสียงลง
“เอาล่ะๆ คุณ แหม แตะไม่ได้เลย”
พูดพลางเหลือบไปเห็นชายในชุดสูทคนนั้นหยิบกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋า แล้วหยิบปืนกลออกมา เขาถึงกับทำตาโต ด้วยความตกใจ
ชายคนนั้นหยิบปืนขึ้นมาแล้วหันมาทางโต๊ะของทั้งคู่ อาทิตย์ร้องเสียงหลง
“คุณ ระวัง”
ไม่ทันขาดคำเสียงปืนก็ดังสนั่น เขากระโจนเข้าไปผลักอัปสรสวรรค์ให้หลบลงไปกับพื้น
ลูกปืนยิงกราดเข้ามาโดนโต๊ะเก้าอี้ผนังจนพรุน จานแก้วแตกกระจาย ฝุ่นไม้ปลิวว่อน พวกพนักงานหาที่หลบตามใต้โต๊ะ
มือปืนจอมโหดไม่ลดละไล่ยิงทั้งคู่ ที่จูงกันหลบ มาจนถึงทางออกไปด้านหลัง แต่แล้วคนร้ายอีกคนสวมหมวกไหมพรมก็โผล่มาทางด้านหลั แล้วจับอัปสรสวรรค์ล็อกคอเอามีดจี้ อาทิตย์ตกใจมาก
“คุณจะเอาอะไร”
คนร้ายเอามือชี้ไปในรถเก๋งคันเก่าๆ ที่จอดอยู่
อีกคนถือปืนกลเดินเข้ามาด้านหลัง จับอาทิตย์มัดมือไพล่หลังทันที
ทั้งคู่ถูกคนร้ายพามาที่ตึกร้างแห่งหนึ่ง อาทิตย์ถูกคนร้ายที่ถือปืนกลผลักลงไปนั่งกับพื้นข้างกำแพง
ส่วนอีกคน รีบตะโกนสั่งการ
“จัดการนังนั่นซะ”
อาทิตย์หน้าซีด ตกใจ “นี่อะไรของพวกคุณ เรา 2 คนไปทำอะไรให้”
“หึ น้องชายฉัน ฆ่าตัวตายก็เพราะพวกแก”
อัปสรสวรรค์ทำหน้างง “ว่าไงนะคะ”
“น้องชายฉันมันคลั่งยัยนางเอกนี่ พอแกแถลงข่าวว่าเป็นแฟนกัน มันก็เครียดจนผูกคอตาย”
ทั้งคู่ชะงักตกใจ ซุปตาร์สาวรีบอธิบาย
“ฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ”
“ไม่เป็นแล้วพูดออกมาได้ไง”
อาทิตย์รีบสารภาพ “ผมผิดเองครับ ทั้งหมดเป็นแผนผมเอง นางฟ้าไม่เกี่ยวด้วยเลย ผมขอโทษนะครับ จะให้ผมชดใช้อะไรได้บ้าง”
คนร้ายหันมาสั่งพรรคพวก “ยิงอีนางเอกนั่นซะ”
อาทิตย์หน้าเสีย อัปสรสวรรค์ตะโกนลั่น
“คุณ ช่วยฉันด้วย คุณ...”
แต่กลับถูกคนร้ายอีกคน กระชากพาออกไปลับตา
อาทิตย์พยายามอ้อนวอน “คุณ ผมขอนะ เราคุยกันก่อนได้มั้ย”
“ไม่คุย ยังไงวันนี้ก็ต้องมีคนตายตกไปตามกัน”
“ถ้างั้น ยิงผมเถอะ แล้วปล่อยนางฟ้าไป เธอไม่เกี่ยวด้วย”
คนร้ายนิ่งฟังข้อเสนอ
“แล้วเดี๋ยวคุณบอกผมมาเลยว่าจะเอาอะไร ผมให้ทุกอย่าง ทรัพย์สินผมมีเท่าไหร่เอาไปให้หมด ขอแค่อย่าเอาเธอมาเกี่ยวข้อง”
“งั้นก็ดี” คนร้ายรีบตะโกนบอกเพื่อน “เฮ้ย อย่าเพิ่งยิงอีนั่น”
“ได้”
สั่งเสร็จก็ชักปืนสั้นออกมาแล้วเดินเข้าไปนั่งหน้าอาทิตย์ “พร้อมแล้วใช่มั้ย” จากนั้นก็เอาปืนห่อหนังสือพิมพ์ชี้ไปที่หัว
อาทิตย์หลับตานิ่ง แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น เห็นคนร้ายนั่งไหว้เขาอยู่
“อะไรกันครับ”
คนร้ายอีกคนเดินออกมาจากหลังเสา รีบเดินเข้าไปปลดเชือกให้อาทิตย์แล้วมานั่งไหว้ตาม
อาทิตย์รีบสลัดเชือกออกจากตัว คนร้ายทั้งสองถอดหมวกไหมพรมออก ที่แท้มันทั้งคู่ ก็คือคนที่อาทิตย์เคยจ้างมาจับตัวอัปสรสวรรค์นั่นเอง
“นี่ ! พวกนาย”
“อย่าโกรธผมนะครับ คุณอาทิตย์”
อาทิตย์ยังงงไม่หาย “แล้วนางฟ้าล่ะ”
อีกคนรีบบอก “โบกแท็กซี่กลับไปแล้วครับ”
“เธอรู้เรื่องนั้นแล้วเหรอ” เขาย้อนถาม
คนร้าย 2 คนมองหน้ากันเจื่อนๆ ก่อนจะหันมามองอาทิตย์
ภาพเหตุการณ์ในอดีต กองถ่ายเตรียมพร้อม อัปสรสวรรค์นั่งอ่านหนังสือตามบทอยู่ เสียงพี่หมีตะโกนลั่น
“เอ้าๆ ลองดูก่อนนะรอบนึง ยุรฉัตร พ่อเลี้ยง ลูกน้องพร้อมนะ”
ทีมงานขาสรับ “โอเค. ครับ ห้า สี่ สาม สอง ไป”
อัปสรสวรรค์นั่งอ่านหนังสือ พลันคนที่แสดงเป็นพ่อเลี้ยง ซึ่งก็คือเสี่ยประเสริฐเดินออกมาพร้อมลูกน้อง 2 คน
“หนู....”.
พออัปสรสวรรค์เงยหน้าขึ้น ทั้งเสี่ยประเสริฐ และพวกลูกน้อง ก็สะดุ้ง ตกใจ ก่อจจะค่อยๆ เบือนหน้าหลบ
“เอาไงดีพี่”
เสี่ยประเสริฐหน้าซีด “ตายแน่”
อัปสรสวรรค์โกรธจัด พี่หมีตะโกนลั่น
“อ้าว เฮ้ย เล่นไปสิวะ”
ลูกน้องรีบกระซิบ “เล่นไปก่อน”
เสี่ยประเสริฐตีหน้าเครียด “เฮ้ย พวกเรา จับขึ้นรถไป”
ลูกน้อง 2 คนก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไปจะจับตัว อัปสรสวรรค์โมโห ต่อยเบ้าตาลูกน้องคนหนึ่งลงไปนอน ทีมงานยืนช็อก
ลูกน้องอีกคนตกใจ จะวิ่งหนี แต่กลับถูกซุปตาร์สาวหยิบขวดที่วางอยู่ฟาดหัวจนล้มลงสลบ พวกทีมงานยิ่งเอ๋อหนัก
พี่หมีทำหน้างง “เซอร์ไพรส์อะไรกูอีกวะเนี่ย”
อัปสรสวรรค์หันขวับไปจ้องหน้า เสี่ยประเสริฐตัวหงอ ขยับจะถอยหลังหนี แต่ดันสะดุดล้ม ฝ่ายแรกย่างสามขุมเข้าไปหา แล้วชี้หน้าด้วยความโมโห
“พวกแกสนุกกันมากนักใช่มั้ย”
เสี่ยประเสริฐหน้าซีด “อย่าทำลุงเลย ลุงแก่แล้ว... “
“วันนั้นใครจ้างพวกแกมา”
เสี่ยประเสริฐอึกอัก ไม่กล้าบอก “เอิ่ม....เอ่อ...”
“ไม่ตอบใช่มั้ย ไม่ตอบใช่มั้ย”
ซุปตาร์สาวถามย้ำ ก่อนจะเข้าไปบีบคอเสี่ยประเสริฐ แล้วเอาหัวโขกกับพื้น พวกทีมงานตกใจลุกกันพรึ่บ
อัปสรสวรรค์ทำท่าจะควักลูกตา “ลูกกะตาเนี่ย จะเอาไว้มั้ย”
เสี่ยประเสริฐร้องเสียงหลง “โอ๊ย ยอมแล้วครับซ้อ ยอมแล้ว คุณอาทิตย์จ้างพวกผมครับ”
พี่หมีรีบตะโกนสั่ง “คัทๆๆ พอแล้วจ้า พอแล้ว”
อัปสรสวรรค์ชะงักมือ เสี่ยประเสริฐรีบสลบ พี่หมีบ่นอุบ
“โอยๆ กองนี้ครีเอททุกวัน ฉันจะบ้า เฮ้ย ใครก็ได้ เรียกพยาบาลที เปลสนามด้วย”
พี่หมีกับปูเปรี้ยวรีบวิ่งเข้าไป
“ อะไรฮะน้องนางฟ้า ทำไมมาทางนี้ล่ะฮะ มันเป็นพ่อเลี้ยงใครจะจ้างมันมา”
อัปสรสวรรค์อึกอัก “เอ่อ .อินเนอร์ฟ้าไม่เชื่อน่ะค่ะ ว่าเค้าจะมาเอง น่าจะมีคนอยู่เบื้องหลัง”
ปูเปรี้ยวรีบบอก “แต่ที่ดูเมื่อกี้มันก็ดีนะ สีหน้าแววตาอารมณ์ผ่านหมดเลย”
พี่หมีพยักหน้ารับ “ก็ดีเหมือนกันฮ่ะ แต่บทมันไม่ใช่งี้สิฮะ”
“งั้นเอางี้มั้ยล่ะ” ปูเปรี้ยวเสนอ “ แก้เป็นว่ามิรันตีอยู่เบื้องหลังทั้งหมด เป็นคนจ้างพ่อเลี้ยงมาข่มขืนลูกเลี้ยง”
อัปสรสวรรค์เห็นดีด้วย “ดีเหมือนกันค่ะ คุณฮันนี่จะได้มีอะไรเล่นเพิ่มขึ้นอีก”
พวกทีมงานช่วยกันหามเสี่ยประเสริฐและลูกน้องที่สลบเหมือดออกไป
“สงสัยเล่นต่อไม่ได้แล้วครับพี่”
พี่หมีหน้าแหย หันมาคุยกับอัปสรสวรรค์ “เอ่อ ฮ่ะๆ งั้นก็ได้”
อัปสรสวรรค์นึกแค้นอาทิตย์
คนร้ายเล่าให้ฟังจนจบ อาทิตย์ย้อนถาม
“แล้วไอ้ที่ยิงกันในร้านนั่นล่ะ”
“ร้านของเพื่อนคุณนางฟ้าครับ เธอบอกว่า ค่าเสียหายอะไรให้เก็บจากคุณอาทิตย์”
อาทิตย์อึ้งหนัก ก่อนที่คนร้ายอีกคนจะบอก
“เธอฝากนี่ให้คุณด้วย”
พูดพลางส่งกระดาษโน้ตให้ อาทิตย์รับมาอ่าน
“คัท ”
อาทิตย์เจ็บใจที่เสียรู้
ผับแห่งหนึ่ง ซึ่งดุดแปลงมาจากบ้านหรู มีสระว่ายน้ำตรงกลาง มีไฟส่องใต้พื้นสระ ในมุมหนึ่งติดป้ายไวนิล
“คืนสุดเหย้า ชาวนิเทศฯ รุ่น 22”
บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ที่เพื่อนฝูงกลับมาเจอกัน บ้างจับกลุ่มยืนคุย บ้างก็พาแฟนมาแนะนำเพื่อน
จริยาใส่เชิ้ตขาว ยืนคุยอยู่กับเพื่อนๆ
ส่วนปกรณ์กำลังคุยกับกลุ่มเพื่อนชาย ก่อนจะมีสาวสวยคนหนึ่งถือแก้วคอกเทลเดินเข้ามาข้างๆ
“ชนหน่อยสิคะ”
“อ๋อ ได้เลยครับ”
ตากล้องหนุ่มยิ้ม แล้วชนแก้วด้วย
“มาเที่ยวหรือครับ”
“ก็มางานนี้ไงคะ”
ปกรณ์ทำหน้างง “อ้าว คุณเรียนรุ่นไหนครับ”
“ก็รุ่นมึงไง”
อีกฝ่ายสะดุ้ง ตกใจ “เฮ่ย ! จำผิดแล้วมั้งครับ”
สาวสวยหัวเราะร่วน “ไม่ผิดหรอกไอ้เป๋า กูครรชิตไง จำไม่ได้เหรอ”
“เฮ้ย ไอ้ครรชิต”
ทั้งคู่กอดกันด้วยความดีใจ
รถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดที่หน้าผับ เพื่อนๆ พากันหันไปมอง และเมื่อคนในรถลงมาทุกคนก็พากันร้อง
“เฮ้ย ไอ้ไร”
อุไรวรรณยิ้มแก้มปริ เพื่อนๆ ต่างวิ่งเข้าไปกอดไปมุง ฝ่ายแรกทักทายเพื่อนคนนั้นคนนี้ที่ไม่เจอกันนาน
“ว้าย อีโน้ต อีเจี๊ยบ อีแบม สวยจำไม่ได้เลย”
“ดีใจมาก อยากเจอแกมาตั้งนานแล้ว”
เพื่อนอีกคนพยักหน้ารับ “ ช่าย พวกเราเนี่ยแฟนคลับรายการแกเลยนะ ดูทุกวัน”
“ขอบใจจ้ะ”
สักพักเสียงฮือฮาก็มาจากอีกทาง เพื่อนๆ พากันวิ่งไปหมด อุไรวรรณหันไปมองตาม เห็นอัปสรสวรรค์ลงจากรถ เพื่อนๆ เข้าไปรุมกันใหญ่
“มาจนได้นะ อีจอมแย่ง”
เพื่อนๆ พากันรุมไปขอถ่ายรูปกับซุปตาร์
อัปสรสวรรค์ จริยา และเพื่อนๆ ยืนคุยกันเป็นกลุ่ม ส่วนอุไรวรรณแยกตัวออกไปคุยกับกลุ่มอื่น
“ขอตัวแป๊บนะ”
อัปสรสวรรค์แยกตัวไปจะไปคุยกับอุไรวรรณ
“ไร”
แต่อีกฝ่ายมองเมิน
“ยินดีด้วยนะไร รายการกำลังไปได้สวยเลย”
“เหรอ”
ซุปตาร์สาวยิ้มให้ “มาเอาแก้วมา ชนกันหน่อย ฉลองความสำเร็จ”
อุไรวรรณหยิบแก้วมาแล้วสาดลงพื้น อัปสรสวรรค์หน้าเสีย
“แกเป็นไรวะ”
จริยาเห็นท่าไม่ดีก็เดินเข้าไปหา
“เอ้า สองเจ้ ไม่เรียกจิ๋วมาร่วมเลย”
อุไรวรรณสะบัดเสียงใส่ “ลากเจ้แกกลับไปยืนตรงโน้นทีจิ๋ว”
อัปสรสวรรค์สวนกลับ “อะไรของแกวะไร คุยให้รู้เรื่องเลยมา”
ขณะเดียวกัน บนเวที ครรชิตซึ่งรับบทพิธีกรเดินออกมา
“ฮัลโหลๆ ค่ะ การแสดงต่อไป ได้รับการโหวตจากเพื่อนๆ มาแล้วนะคะ เพื่อนๆ ยังจำโชว์สุดเปรี้ยวในงานเฟรชชี่ไนท์สมัยเราอยู่ปี 1 ได้รึปล่าว”
เพื่อนๆ เฮลั่น พร้อมกับหันมามองกลุ่มของอัปสรสวรรค์
“ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดหน้า”.
จริยาหันมองหน้าอัปสรสวรรค์ อุไรวรรณรู้ตัว รีบโบกมือให้บนเวที เป็นเชิงว่าไม่เอา
“จะเป็นแก๊งไหนไปไม่ได้ขอเชิญ นางฟ้า อุไร และจิ๋ว 3 เพื่อนซี้ ขึ้นมาแสดงโชว์ในชุดผ้าเช็ดหน้าหน่อยค่า”
เพื่อนๆ ปรบมือเกรียว
จริยาหันมองเพื่อนทั้งสองที่อารมณ์ยังคุกรุ่น
“เจ้ฟ้า เจ้ไร นี่มันงานคืนสู่เหย้า หลังงานค่อยว่ากันใหม่เหอะนะ”
เพื่อนๆ ปรบมือสนั่น “ฟ้า ไ รจิ๋ว ฟ้า ไร จิ๋ว ฟ้า ไร จิ๋ว”
อัปสรสวรรค์ยิ้มอย่างมั่นใจ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนเวทีคนแรก คนเฮสนั่น จริยาหันไปมองอุไรวรรณแล้วเดินขึ้นไปเป็นคนที่สอง
อุไรวรรณยืนมองนิ่ง ปกรณ์ถือแก้วเดินเข้ามายุ
“ฟ้า ไร จิ๋ว ๆ”
ดนตรีบรรเลงเพลง “ผ้าเช็ดหน้า” ของ ไทรอัมพ์ส คิงดอม พร้อมลีลาการเต้นประกอบเพลงของ 3 สาว เพื่อนรัก
จริยาดูเหมือนจะสนุกที่สุด อัปสรสวรรค์รองลงมา อุไรวรรณแม้จะฝืนทำ แต่ก็แสดงได้ดีไม่แพ้ใคร
3 สาวสลับกันร้องคนละท่อน เพื่อนๆ ด้านล่างพากันเต้นตามอย่างสนุกสนาน ปกรณ์ยืนดูแล้วยิ้ม
ดีใจ
จบเพลง 3 สาวโพสต์ท่ากลางเวที เพื่อนๆ ปรบมือกันเกรียว
บรรยากาศในงานคืนสู่เหย้า แต่ละคนเริ่มเมาได้ที่
บนเวทีเห็นครรชิตกำลังร้องเพลง “คนล่าฝัน” ของ คาราบาว
อัปสรสวรรค์กับเพื่อนๆ รวมกลุ่มเต้น และร้องตาม
อุไรวรรณแอบยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปอัปสรสวรรค์ตอนหน้าเมาๆ
ปกรณ์ยืนดื่มยิ้มๆ ดูเพื่อนเต้นกัน ครู่หนึ่งจริยาก็เดินเข้ามาหา
“เฮ้ย เจ้ฟ้าไหวป่าววะ”
“ไม่ไหวเหรอน่ะ เต้นไม่หยุดเลย”
ส่วนกลุ่มเพื่อนผู้ชายกำลังเต้นอย่างเมามัน
“ไอ้เป๋าไปไหนวะ”
เพื่อนคนหนึ่งหันมาเห็นปกรณ์ยืนคุยกับจริยา ก็สะกิดเพื่อนอีกคนให้ดู เพื่อนชาย 2 คน เดินยิ้มเข้ามาหา เพื่อนคนหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ปกรณ์ตกใจ
“เฮ้ย ไรวะ”
เพื่อนล้วงกุญแจรถกับมือถือเป๋าออกมาโชว์ยั่ว ปกรณ์เห็นดังนั้นก็รู้ทันทีว่าเพื่อนจะทำอะไร
“เฮ้ยๆๆ อย่านะเว้ย”
เพื่อนชายช่วยกันหิ้วแขนหิ้วขา แล้วไปโยนลงสระ ตูม เพื่อนเฮกันทั้งงาน รวมทั้งอัปสรสวรรค์ด้วย
ปกรณ์ตะเกียกตะกายมาที่ริมสระ จริยาหัวเราะ แล้วเดินเข้ามาดู
“ยืนเตี้ยอยู่ทำไม”
เขาเอื้อมมือให้ดึงขึ้นไป อีกฝ่ายก้มลงยื่นมือให้
ปกรณ์ยิ้มสะใจ จริยารู้ทันทีว่าจะโดนอะไร แต่ก็ไม่ทัน ถูกดึงลงน้ำไปอีกคน เสียงเฮรอบสองดังลั่น
จริยาโผล่ขึ้นมาสลัดผม ทั้งคู่อยู่ในเชิ้ตขาวเปียกๆ ซีทรู เซ็กซี่เล็กๆ ปกรณ์เห็นอย่างนั้นก็อึ้งไปนิดหนึ่ง ทั้งสองมองหน้ากันนิ่ง
ขณะนั้นเสียงพิธีกรบนเวทีก็ดังขึ้น
“คร่า ไม่ต้องบอกก็คงรู้นะฮะว่าตอนนี้พวกเราก็คงพอได้ที่กันแล้ว ก่อนที่จะปลิ้นกันไปมากกว่านี้ อยากจะขอเชิญตัวแทนของรุ่นซักคนขึ้นมากล่าวความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ ที่เราได้มาเจอกันในวันนี้ ขอเชิญค่ะ”
ทุกคนหันไปมองอัปสรสวรรค์เป็นตาเดียว
“นางฟ้า นางฟ้า นางฟ้า”
เธอจำยอมเดินออกไป อุไรวรรณมองหมั่นไส้ ส่วนจริยากับปกรณ์ยืนห่มผ้าเช็ดตัวอยู่ริมสระ
ครรชิตยื่นไมค์ให้อัปสรสวรรค์พูด
“ค่ะ ฟ้านะคะ ในฐานะตัวแทนของชาวนิเทศฯ รุ่นยี่สิบสอง”
จู่ๆ เสียงอุไรวรรณก็สอดขึ้นมา “ยกเว้นกู”
อัปสรสวรรค์ชะงักเล็กน้อย เพื่อนบางคนหันมามองอุไรวรรณแล้วส่ายหัว
“ฟ้ารู้สึกดีใจที่เพื่อนๆ ที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ฟ้าอยากบอกจากใจจริงว่าฟ้ารักเพื่อนรุ่นนี้ทุกคน”
อุไรวรรณทำเสียงจะอ้วก “อ้วก”
“ซึ่งฟ้าก็คิดว่าทุกคนคงรู้สึกเช่นกัน กับคำที่ว่านกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน ย่อมขึ้นสู่ที่สูงไม่ได้ ฟ้าคิดว่าเป็นความจริง เพราะฟ้าเองจะมาถึงวันนี้ไม่ได้ ถ้าขาดเพื่อนดีๆ อย่างทุกคน”
ทุกคนปรบมือเกรียว อุไรวรรณตะโกนเสียงดัง
“ก็ใช่สิวะ ไอ้เพื่อนขี้แย่ง”
ทุกคนเงียบกริบ ปกรณืกับจริยาหันมองหน้ากัน ก่อนจะหันไปอัปสรสวรรค์ที่พยายามฝืนยิ้ม พูดประโยคจบ
“สิ่งที่ฟ้าอยากได้ก็คือ เป็นเพื่อนรักกันอย่างนี้ตลอดไป”
จู่ๆ จานพลาสติกก็ถูกร่อนขึ้นไป สปาเก็ตตี้ผัดซอสในจานกระเด็นเปื้อนชุดอัปสรสวรรค์จนเละไปหมด
ทุกคนเงียบกริบ หน้าตาตกใจหันไปมองหาที่มาของจาน อุไรวรรณเดินเซขึ้นไปบนเวที กระชากไมค์มาพูดด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้
“มึงเลิกดราม่าได้แล้ว อีตอแหล”
ทุกคนตกใจ อัปสรสวรรค์มองหน้าอุไรวรรณ
“มึงเห็นมั้ย นี่มันเวทีงานปาร์ตี้สังสรรค์ ไม่ใช่เวทีละครโว้ย”
จริยาวิ่งขึ้นไปเอาผ้าเช็ดเสื้อให้อัปสรสวรรค์ อุไรวรรณพล่ามต่อ
“เพื่อนๆ เค้ามาด้วยใจกัน แล้วมึงจะมาเล่นละครทำซากอะไรว้า”
อัปสรสวรรค์เริ่มโกรธ “ไร แกเป็นบ้าอะไร”
“เออ กูบ้า บ้าไม่พอ ขี้เหร่ด้วย มีไรปะ แหม ใครจะไปสู้คุณอัปสรสวะ สวรรค์ได้ล่ะค้า ทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งเรียนเก่ง แถมยังแย่งของชาวบ้านเก่งด้วย จริงมั้ยคร้าบเพื่อนๆ”
พูดพลางชูไมค์ไปทางเพื่อนๆ ทุกคนเงียบกริบ ปกรณ์รีบเดินไปข้างเวที
“ไรพอแล้ว”
อัปสรสวรรค์มองอุไรวรณอย่างไม่พอใจ “แกลงไปเดี๋ยวนี้”
“แหม ไหนๆ ขึ้นมาแล้ว” อุไรวรรณชี้หน้าอีกฝ่าย แล้วหันมองหน้าเพื่อนๆ “แล้วอีนี่แหละ ขอบอก ใครรวยไม่พออย่าได้ไปจีบ ถึง she จะคันคะเยอ แต่คนที่เกาให้เธอต้องมีเงินนะค้า ดูอย่างเพื่อนชายของเราคนนึงสิ” พูดพร้อมกับปรายตามองหน้าปกรณ์ “หน้าตานิสัยก็ดีหร้อก แต่ไม่มีตังค์ ถึงได้นั่งโลกสวยด้วยมือเรามาเป็นสิบๆ ปี ฮ่าๆๆๆ”
ไม่มีใครขำด้วย ปกรณ์ทนไม่ไหว รีบกระโดดขึ้นไปบนเวที แล้วจับแขนอุไรวรรณจะพาลงไป อีกฝ่ายสลัดออก
“ขอประกาศในวันนี้เลยว่า การได้รู้จักอีนี่ คือความอัปยศอดสูที่สุดในชีวิตของกรู”
อัปสรสวรรค์โมโห ผลักไมค์ออกจากปากอุไรวรรณ
“ฉันบอกให้ลงไป”
อุไรวรรณพยายามจะพูดต่อ “แกสิลงไป อีเพื่อนขี้แย่ง”
อัปสรสวรรค์ทนไม่ไหว พุ่งเข้าไปจะแย่งไมค์ อุไรวรรณขัดขืน
ทั้งสองยื้อยุดกัน ที่สุดฝ่ายแรกก็ถูกผลักอย่างแรง จนล้มลงไปนั่งกับพื้น
จบตอนที่ 4