ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 15
หมวยเล็กเดินเข้ามาในครัว หน้าตาแจ่มใส หลังจากที่เห็นชายเล็กดีใจที่ได้รับจดหมาย ขณะที่เฮง
ตี๋ใหญ่และตี๋เล็ก กำลังล้อมวงกินข้าวเช้ากันอยู่
“มา เจี๊ยะๆ” เตี่ยหันมาตะโกนเรียก
“ไม่ล่ะเตี่ย วันนี้หมวยจะไปกินที่โรงเรียน”
“กินที่โรงเรียนทำไมให้เปลือง กินที่บ้านนี่แหละ”
หมวยเล็กรีบบอก “วันนี้หมวยรีบน่ะเตี่ย”
ตี๋ใหญ่แกล้งถามดักคอ “มีเดทเหรอ”
“ประมาณนั้น เย้ย เดทอะไรล่ะเฮีย หาเรื่องให้น้องโดนด่าแล้วมั้ยล่ะ”
ตี๋เล็กมองหน้าน้องสาวแล้วยิ้มกริ่ม “แหม ทุกทีไปเรียนไม่เห็นจะสดใสเหมือนวันนี้เลย”
หมวยเล็กทำเป็นหันมาฟ้องเตี่ยกลบเกลื่อน “เตี่ยดูดิ เฮียจ้องจับผิดหมวยแบบนี้ หมวยไม่มีกำลัง
ใจจะไปเรียนแล้วนะเนี่ย”
“ลื้อ 2 คนก็จ้องจับผิดน้อง” เฮงพูดพลางหยิบเงินส่งให้หมวยเล็กหนึ่งร้อย “อ่ะนี่ เตี่ยเติมกำลังใจให้ เอาไปซื้อข้าวกินที่โรงเรียนนะ”
หมวยเล็กยกมือไหว้ พร้อมกับไหว้ถอนสายบัว ย่อถึงพื้น “ขอบคุณค่ะเตี่ย”
จากนั้นก็ยักคิ้วแผล่บให้ตี๋ใหญ่กับตี๋เล็กแล้วเดินออกไป สวนกับจางที่วิ่งเข้ามาท่าทางตื่นเต้น
“เฮี่ย..เฮี่ย..เฮี่ย”
เฮงหันขวับมา “สามเฮี่ยเลย ไป ตี๋ใหญ่ ตี๋เล็ก เอาไก่ไปกินในน้ำกันดีกว่า”
ตี๋ใหญ่รับคำ “ดีเตี่ย กินที่นี่ร้อนๆ”
เตี่ยกับ 2 ลูกชายหยิบไก่คนละชิ้น ก่อนจะช็อตโยนไก่ลงจานพร้อมกัน จางทำหน้าทะเล้นใส่
“แหม ช็อตแบบนี้น่าตั้งคณะกันนะครับ”
“เดี๋ยวไอ้ตัวชงจะโดน”
“โดนจีบไปร่วมคณะ?” จางไว้วายทำหน้ากวนๆ
“โดนถีบนี่แหละ บอกกี่ครั้งแล้วว่าเรียกเฮียเสียงอย่าสูง”
“ก็มันตื่นเต้นนี่ครับ”
ตี๋ใหญ่รีบถาม “มีอะไรเหรอ”
“เมื่อกี๊มีคนมาดูสถานที่ถ่ายรายการอาหารน่ะครับ”
ตี๋เล็กตาโต ตื่นเต้น “เฮ้ย ถ่ายรายการอาหารเหรอ”
“ครับ เค้าบอกว่าตัวเค้าเป็นเชฟจบมาจากเมืองนอก ที่มาเมืองไทยก็อยากจะถ่ายทำรายการอาหารของตัวเองน่ะครับ”
เฮงถามต่อทันที “แล้วตอนนี้เค้าอยู่ไหนล่ะ”
“เค้าบอกว่าเดี๋ยวจะมาคุยรายละเอียดด้วยอีกทีครับ”
เฮง ตี๋ใหญ่และตี๋เล็กตื่นเต้นที่ร้านกำลังจะดังแล้ว
ในเวลาเดียวกัน เชฟที่จางพูดถึง กำลังนั่งเล่าคอนเซ็ปต์รายการอาหารของตัวเองให้แก้วกัลยา หญิงใหญ่และหญิงเล็กฟัง โดยมีกล้องHD วางอยู่บนโต๊ะกลางที่ห้องรับแขก
” รายการอาหารของผมนะครับ จะไม่เหมือนรายการอาหารทั่วๆไป ผู้ชมทางบ้านจะรู้สึกเหมือนได้ติดตามผมไปกินอาหารตามที่ต่างๆ ด้วยมุมภาพที่เก๋ไก๋ ไฉไล ไม่แพ้รายการต่างประเทศเลยครับ”
หญิงใหญ่รีบถามทันที “ทีมงานคงเยอะน่าดูเลยนะคะ”
เชฟส่ายหน้า “ไม่มีครับ รายการนี้ผมคิดเอง แล้วก็ถ่ายเองครับ” พูดพลางหยิบกล้อง Gopro 4ตัว ออกมาโชว์ “นี่ครับ กล้องที่ผมใช้ถ่ายทั้งรายการ ด้วยมุมภาพนี่แหละ ที่จะทำให้คนดูเหมือนได้ตามผมไปชิมอาหาร
ในทุกๆ ที่”
“ภาพที่ออกมาคงได้อารมณ์เหมือนพวกรายการต่างประเทศเลยนะคะเนี่ย”
หญิงเล็กพูดชม เชฟรีบพยักหน้ารับ
“yeah..yeah”
แก้วกัลยาทำหน้าเซ็ง
“มาเย่เย่แบบนังฮันนี่อีกละ ฉันล่ะเบื่อพวกพูดไทยคำ อังกฤษคำซะจริงๆ”
หญิงใหญ่ได้ยินแม่พูดถึงฮันนี่ ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้
“แล้วพี่ฮันนี่ไปไหนล่ะคะ วันนี้ยังไม่ได้ยินเสียงเลย”
“มันลากลับไปทำธุระที่บ้านนอกน่ะ”
หญิงเล็กถามต่อ “เชฟคะ แล้วรายการจะออนแอร์ที่ช่องไหนคะ”
“อืม ตอนนี้ผมมีคอนแท็คกับดิสคัฟเวอรี่แชลแนลอยู่นะครับ ซึ่งแน่นอนว่าได้ออกที่ช่องนี้แน่ ส่วนทีวีที่
เมืองไทย ตอนนี้อยู่ในระหว่างติดต่อซื้อลิขสิทธิ์กันอยู่”
หญิงเล็กตาวาว “ว้าว”
จากนั้นเชฟก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดให้ดูรูปถ่ายกับคนดัง เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
“นี่เป็นเหล่าเซเลบริตี้ที่ผมเคยทำอาหารให้ครับ ลองดูเล่นๆ เพลินๆ ได้”
หญิงเล็กรับโทรศัพท์มาเลื่อนดูรูปเชฟถ่ายกับคนดังมากมาย
“โห..คนดังทั้งนั้นเลยค่ะแม่”
หญิงเล็กกับแก้วกัลยาตื่นตาตื่นใจกับรูปถ่ายกับคนดัง แต่หญิงใหญ่แอบระแวง เพราะเกรงว่าจะเจอมิจฉาชีพ
“แล้วมาถ่ายแบบนี้ เราต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรให้กับคุณบ้างมั้ยคะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมมาถ่ายอาหาร คุณแค่นำเสนออาหารของคุณก็พอ ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรทั้งสิ้น”
ทั้ง 3 คนพยักหน้ารับ หญิงใหญ่คลายความแคลงใจลงไปได้บ้าง
ชายเล็กนั่งมองจดหมายที่หญิงเล็กส่งให้ มองไปแล้วก็ยิ้มไป เมื่อนึกถึงข้อความในจดหมาย
“มาลองคบกันเล่นๆซัก 80 ปีมั้ย ถ้าไม่เวิร์คค่อยเลิกกัน”
หมวยเล็กเดินเข้ามา เห็นชายเล็กนั่งมองจดหมายตัวเองก็อายๆ
“หนังสือน่ะอ่านบ้างนะ ไม่ใช่อ่านแต่จดหมาย”
ชายเล็กยิ้มหวานให้ “ถ้าจดหมายน่าอ่านขนาดนี้ เทอมนี้เราคงสอบตกทุกวิชาอ่ะ”
หมวยเล็กจะแย่งจดหมายคืน “งั้นเอาคืนมา”
ชายเล็กรีบเก็บลงกระเป๋า “ทำไม เป็นห่วงกลัวว่าเราจะสอบตกเหรอ”
หมวยเล็กหน้าแดง เขิน ไม่ยอมตอบ ชายเล็กรุกต่อทันที
“สรุปเราจะลองคบกันแค่ 80 ปีเองเหรอ”
“พูดเหมือนน้อยไป”
“ก็เผื่ออายุถึงร้อยกว่าไง ถ้าไม่เวิร์คแล้วเลิกกันตอนนั้น หาใหม่ไม่ไหวละนะ”
หมวยเล็กมองค้อน “ ถึงตอนนั้นก็นอนหยอดน้ำข้าวต้มแล้วค่ะคุณ”
“งั้นไม่ต้องห่วง เพราะเราจะทำให้มันเวิร์ค เราจะได้ไม่ต้องเลิกกัน..เคมั้ย”
หมวยเล็กหน้าแดง รีบรีบคำ ด้วยเสียงเบาๆ เหมือนกระซิบ “เค”
“เบาอ่ะ อยากได้ยินชัดๆ”
หมวยเล็กเอียงหน้าไปตะโกนกรอกหู “เค”
ชายเล็กหูวิ้งไป 3 วินาที หมวยเล็กหัวเราะขำ
“ไง ระบบดอลบี้ เซอร์ราวด์ ชัดพอมะ”
ตี๋เล็กกับหญิงเล็กทำหน้าตกใจ ก่อนจะอุทานอกมาพร้อมกัน
“หะ ถ่าย 2 ร้านพร้อมกัน”
ทั้ง 2 บ้านอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาที่หน้าบ้าน เชฟพยักหน้ารับ
“ครับ ที่ต้องถ่ายพร้อมกัน เพราะผมเห็นว่าทั้ง 2 ร้าน มีคอนฟลิคที่น่าสนใจ”
จางทำหน้างง ก่อนจะหันมาถามเฮง
“คอนฟลิคที่กินกับนมตอนเช้าอะนะ ร้านเราไม่มีนะเฮีย”
“ที่กินกับนมเค้าเรียกคอนฟิ้ว”
ตี๋เล็กรีบช่วยแก้ “คอร์นเฟล็คครับเตี่ย ส่วนคอนฟลิคนี่หมายถึงความขัดแย้ง”
เชฟยิ้มรับ
“ครับ ความขัดแย้งระหว่าง 2 ร้านจะเป็นเหมือนผงชูรส ที่จะชูเรตติ้งของรายการให้เป็นที่นิยม และชื่อ เสียงของทั้ง 2 ร้าน ก็จะตามมาในเวลาอันรวดเร็ว”
ตี๋เล็กเหลือบมองเต๊นท์ ที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน “แล้วนี่พี่จะไปแค้มปิ้งที่ไหนครับเนี่ย”
“อ๋อ คืนนี้ผมจะกางนอนที่หน้าบ้านนี่แหละครับ”
เชฟตอบหน้าตาเฉย เฮงทำหน้างง
“อ้าว ทำไมไม่นอนโรงแรมล่ะ”
“มันไม่ได้ฟิลลิ่งของการเดินทางค้นหาอาหารอร่อยๆ ครับ อิท มาย สตาว”
จางพูดแทรกทันที “อยากกินสตอ? เอาผัดพริกแกงหรือผัดกะปิดีครับ”
“ผัดกะปิ ถุย! ผมหมายถึงสไตล์ ไม่ใช่สตอ”
“ก็ไม่ออกเสียงให้มันชัด โวะ”
ตี๋เล็กหันมาถามความเห็นเตี่ย “โอเคมั้ยเตี่ย อั๊วว่ามันก็เป็นโอกาสที่ดีของร้านเรานะ”
“เตี่ยยังไงก็ได้ แต่ยัยลิเก...”
หญิงเล็กก็กระแอมเตือน เฮงเลยต้องรีบเปลี่ยนคำพูด
“แต่คุณแก้วกัลยา เค้าจะโอเครึเปล่าเหอะ”
หญิงเล็กรีบบอก “แม่หนูโอเคอยู่แล้วค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงครับเชฟ เชฟอยากถ่ายอะไรบอกมาได้เลย เดี๋ยวจัดให้”
ส่วนจางก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “แต่ก่อนถ่ายอาหาร ผมขอเซลฟี่กับเชฟสักรูปนะครับ”
“ไม่ได้ครับ ห้ามถ่าย”
จางหน้าเหรอ “อ้าว ทำไมล่ะครับ”
“คือระหว่างการถ่ายทำรายการเนี่ย ผมยังไม่อนุญาต ให้ถ่ายรูปใดๆ ทั้งสิ้นนะครับ ผมกลัวว่าถ้ารูปหลุดออกไปเนี่ย เดี๋ยวจะมีปัญหากับบริษัทแม่ที่ต่างประเทศได้”
ตี๋เล็กพยักหน้าเข้าใจ “ครับ ไม่ถ่ายก็ไม่ถ่าย”
เชฟสีหน้ายิ้มแย้มปกติ ไม่มีพิรุธอะไรทั้งสิ้น
ภรณีพลอยตื่นเต้นไปด้วย หลังจากที่หญิงใหญ่เล่าเรื่องเชฟให้ฟัง
“เริ่ดอ่ะแก ร้านจะดังใหญ่แล้วนะเนี่ย”
อัครเดชไม่วายระแวง “ระวังนะแก้ว มิจฉาชีพเดี๋ยวนี้เยอะมาก เราเจอมาหลายรูปแบบล่ะ”
“เหรอ เจอยังไงมาบ้างอะ เล่าให้ฟังบ้างสิ”
อัครเดชทำหน้ากรุ้มกริ่ม “มันหลายรูปแบบมากเลย เดี๋ยวไปกินข้าวกับเราสิเดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
ภรณีเบะปากทันที “ทำไม เล่าตรงนี้ไม่ได้รึไง”
“ก็นี่มันที่ทำงาน คุยเรื่องอื่นมันไม่ดีป่ะ? นะแก้ว เป็นเกียรติให้เราซักมื้อนะ”
หญิงใหญ่พยักหน้ารับ “โอเค”
อัครเดชยิ้มหน้าบาน “ Yes”
จังหวะนั้นตี๋ใหญ่ ก็เดินถือถุงใส่ข้าวมันไก่หลายห่อเข้ามาในออฟฟิศพอดี ภรณีหันไปเห็น ก็รีบทักทาย
“หวัดดีค่ะผู้ช่วย ไปไหนมาคะเนี่ย”
“ไปคุยงานกับท่านประธานมาน่ะ อ่ะนี่ ผมซื้อมาฝาก แบ่งๆ กันนะ”
ภรณียิ้มหวาน “อะไรอ่ะคะ ดูน่ากินจุง”
“ข้าวมันไก่น่ะ เจ้านี้อร่อยมาก อยากให้ลอง”
อัครเดชพูดสวนขึ้นมาทันที “แก้วคงไม่ชอบข้าวมันไก่”
แต่หญิงใหญ่กลับบอกว่า “ชอบสุดๆ ยิ่งเป็นเนื้อน่องล่ะเลิฟเลย”
“เนื้อน่องทุกกล่องครับ”
อัครเดชทำหน้าเซ็ง “จบเห่”
“ขอบคุณมากนะคะ” หญิงใหญ่หันไปยิ้มขอบคุณ
“ครับ”
ตี๋ใหญ่ยิ้มรับ แล้วเดินเข้าห้องไป ภรณีได้ที หันมาหัวเราะเยาะอัครเดช
“แหม อยากจะแฮชแท็คว่าหัวเราะหนักมากซักร้อยครั้ง”
ทางด้านเชฟก็กำลังตระเตรียมอุปกรณ์ถ่ายทำ โดยมีเสี่ยชาญนั่งดูอยู่ข้างๆ พอจางเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าเสร็จ ก็เข้ามาสมทบ
“โห..กล้องเยอะแยะเลยนะครับ ไอ้ นี่เค้าเรียกกล้องอะไรอะครับ ก้อง สหรัถไม่เอานะ”
เชฟรีบอธิบาย “เค้าเรียกกล้องโกโปรครับ”
เสี่ยชาญถามสวนขึ้นมาทันที “อ้าว เป็นกล้องแต้จิ๋วเหรอเนี่ย”
“ครับ อันนี้เป็นน้องสาวพ่อ ก็เลยเรียกโก” ว่าแล้วก็หันหน้าไปถุยทางจาง “ถุย! ไม่ใช่ครับ”
“เออ ถุยใส่หน้าแบบนี้ไม่ใช่แล้วล่ะ”
เชฟหน้าเจื่อน “ซออู้”
จางรีบช่วยแก้ “ซอรี่”
“โอเคไม่เครียดนะ กล้องโกโปรเป็นกล้องมุมกว้างครับ สามารถติดกับวัสดุหรือพื้นที่ได้หลากหลายมาก
ผมจะติดไว้ในครัวระหว่างที่มีการทำอาหารน่ะครับ”
ขาดคำตี๋เล็กก็เดินออกมาจากในบ้าน
“ผมพร้อมแล้วนะครับ ถ้าเชฟพร้อมก็ติดกล้องได้เลย”
เสี่ยชาญหน้าเหรอ “แล้วข้าวอั๊วล่ะ”
“เตี่ยกำลังทำให้อยู่ครับ รอแพ้พ”
ตี๋เล็กพูดจบ หญิงเล็กก็เดินถือผัดกะเพราราดข้าวเดินเข้ามา
“หนูทำกะเพราไก่ราดข้าวมาให้ค่ะ”
เสี่ยชาญยิ้มรับ “ขอบควน”
“ของเชฟค่ะเสี่ย”
เชฟพยักหน้าหงึก “กำลังหิวพอดีเลยครับ”
ตี๋เล็กหันมาถาม “ หนูทำหรือแม่ทำ”
หญิงเล็กมองค้อน “ฉันนี่แหละทำ จบมั้ย ถ่ายเลยค่ะเชฟ นี่หนูทำมมา สุดฝีมือเลยนะคะ”
“เอาไว้ถ่ายเมนูที่มันดูดีกว่านี้ดีกว่าครับ”
ตี๋เล็กหันไปทางจางแล้วพูดล้อเลียน “คุณชาคริตค้าบ”
จางรีบรับมุก “ค้าบ”
“ที่เชฟพูดมาเมื่อกี๊นี้ แปลไทยเป็นไทยก็คือ อาหารจานนี้ หน้าตาดูไม่ดีนี่เองล่ะค้าบ”
ตี๋เล็ก เสี่ยชาญ จาง หัวเราะกันสนุกสนาน หญิงเล็กทำหน้าไม่พอใจ
“เฮ้ย แน่จริงตัวๆ ดิ อย่ามาฮาหมาหมู่แบบนี้”
“นี่ว่าเสี่ยเป็นหมาเหรอ”
ตี๋เล็กโยนต่อให้เสี่ยชาญ
“เฮ้ย อั๊วคนนอก อั๊วไม่เกี่ยว”
“ไม่เกี่ยวแล้วเมื่อกี๊ขำทำไมเสี่ย”
เชฟรีบยกมือห้ามทัพ
“เอ่อ อย่าเพิ่งทะเลาะกันครับ ที่ผมพูดผมหมายความว่า รอให้ทำอาหารกันจริงๆ จังๆ แล้วค่อยถ่ายน่ะครับ ภาพจะได้ออกมาสวยๆ”
หญิงเล็กหันไปเชิดหน้าใส่ตี๋เล็ก
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ผัดกะเพรานี่แค่น้ำจิ้ม ของจริงน่ะเวอร์วังอลังการแน่นอน”
ตี๋เล็กไม่ยอมแพ้ “ของผมก็จัดเต็มเช่นกันครับเชฟ”
หญิงเล็กกับตี๋เล็กหันมองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ขณะที่เชฟนั่งจ้วงข้าวกิน ไม่สนใจ
แก้วกัลยากับหญิงเล็ก ช่วยกันยกน้ำพริกกะปิ-ไข่เจียวมาเสิร์ฟให้เชฟ
“มาแล้วค่า น้ำพริกกะปิปลาทู เมนูเด็ดของร้านค่ะ”
แก้วกัลยาภูมิใจนำเสนอ หญิงเล็กรีบรับช่วงต่อ
“แกล้มกับไข่เจียวหมูสับ เข้ากั๊นเข้ากัน”
เชฟทำหน้าเอียน ประมาณว่าเจอกับข้าวถูก
“ทำไมคะ กับข้าวไม่น่ากินเหรอ”
เชฟรีบแก้ตัว
“อ๋อ เปล่าครับ คือว่า เอ่อ มันเป็นสตาวของผมน่ะครับ เหมือนเวลานักชิมบางคนจะมีท่าทางต่างๆเวลาชิมอาหาร บางคนจีบนิ้วที่ปาก เพื่อบอกว่าอาหารโอเคไรงี้ มันเป็นซิกเนเจอร์ของแต่ละคนครับ”
หญิงเล็กดูไม่ค่อยเชื่อที่เชฟพูด ”แต่เชฟทำหน้าเอียนอาหารเนี่ยนะคะ”
“บอกแล้วไงครับ มันเป็นสตาว ผมไม่ชอบเหมือนใคร”
ว่าแล้วก็ถ่ายเซลฟี่ตัวเองด้วยกล้อง Gopro พร้อมกับทำหน้าเอียน
“ครับ อาหารที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ บอกได้เลยว่าน่ากินมากครับ เรื่องรสชาติผมบอกได้เลยว่าอร่อยแน่นอน”
“ทำหน้าแบบนั้น คนดูจะเชื่อมั้ยว่าอร่อย” แก้วกัลยาย้อนถาม
“เชฟเค้าอินดี้ค่ะแม่”
เชฟเริ่มชิมอาหาร โดยเอากล้องซูมอาหารสลับถ่ายหน้าตัวเองไป
“น้ำพริกกะปิอร่อยมากครับ”
แก้วกัลยายิ้มรับ “แน่สิคะ เพราะฉันทำจากกะปิเคยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์”
“กะปิเคยแท้ ตอนนี้ก็ไม่แท้แล้วสิครับ”
หญิงเล็กรับคำ
“ค่ะ มันเคยแท้มานานล่ะ จะบ้าเหรอ เคยนี่หมายถึงทำจากกุ้งเคยแท้ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ”
ขณะเดียวกัน จางยกถ้วยใส่หูฉลามเดินเข้ามากับตี๋เล็ก
“หลบหน่อยพระเอกมา”
จางรีบเสิร์ฟหูฉลาม “นี่ดีกว่าครับเชฟ หูฉลามน้ำแดงครับ”
เชฟ ตื่นตาตื่นใจ “ว้าว”
หญิงเล็กรีบถามต่อ “ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าอาหารไม่น่ากิน?”
ตี๋เล็กทำหน้าไม่พอใจ “นี่ เรื่องอะไรมาว่าอาหารของฉันไม่น่ากิน”
“อ้าว ก็เวลาเชฟเจออาหารหน้าตาน่ากิน เชฟเค้าต้องทำหน้าเอียน เหมือนอาหารไม่น่ากินไรงี้ มันเป็นซิกเนเจอร์ของเชฟเค้าย่ะ”
“จริงเหรอครับเชฟ”
เชฟทำหน้าอึกอัก “เอ่อ อาหารบางอย่างหน้าตาดูไม่โอเค แต่รสชาติอาจจะดีก็ได้ครับ อันนี้ต้องลองชิมกันนิดนึง”
พูดจบก็จ้วงกินอย่างจริงจัง ประมาณว่าไม่เคยกินของดีๆ แบบนี้มาก่อน แก้วกัลยาแอบเหน็บ
“จริงจังแบบนี้ ไม่เรียกลองชิมแล้วมั้ง”
ตี๋เล็กหันมาถาม “อร่อยมั้ยครับเชฟ”
จางสวนขึ้นมา “โห..ไม่น่าถามนะครับคุณตี๋เล็ก ไปตักมาอีกถ้วยเลยดีกว่า”
เชฟพยักหน้าหงึก “ใส่พริกไทยเยอะๆ น้า”
จางรับคำแล้วรีบเดินออกไป ส่วนเชฟก็กินหูฉลามไปก็จับกล้องถ่ายไป
“คุณผู้ชมครับ หูฉลามชามนี้ทำผมตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนดู Jaws ภาคแรกอีกนะครับ กลิ่นเครื่องเทศและรสสัมผัสมันอบอวลไปทั่วทั้งปากผมตอนนี้เลยล่ะครับ”
แก้วกัลยาไม่ยอมแพ้ “เอ้าๆ ตักกะปิบ้างสิเชฟ”
“สักครู่ครับ ผมกลัวว่ากลิ่นกะปิจะไปกลบหูฉลามน่ะครับ”
ตี๋เล็กมองเย้ยๆ หญิงเล็กกัดฟัน ด้วยความโมโห
อัครเดชนั่งทำหน้าเซ็ง ขณะที่ภรณีเก็บของเตรียมกลับบ้าน
“ไงคะ ถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรง กลับบ้านไม่ไหวเลยเหรอคะ”
“จะกลับบ้านก็กลับไป ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
ภรณียิ้มขำ “แหมๆๆ ถึงฉันจะแซวบ้างอะไรบ้าง แต่ฉันก็สงสารแกอยู่นะ อัครเดช”
“ไม่ต้องมาสงสาร เพราะเกมรักครั้งนี้มันยังไม่จบ”
ภรณีทำเป็นยกมือทาบอก
“อุ๊ยตาย กล้าพูดนะว่าเกมรัก แกกับผู้ช่วยนี่ถ้าเปรียบเป็นมวยก็ต่างรุ่น คนละกระดูกเลยนะจ๊ะ”
“วอเรน บัฟเฟทกล่าวไว้ กฎข้อแรกคืออย่ายอมแพ้ กฎข้อที่สองคืออย่าลืมกฎข้อแรก พรุ่งนี้วันหยุด
ฉันจะตามไปกินแก้วถึงที่ร้านเลย”
“เฮ้ย กินไร”
“กินข้าวสิ”
“เอ้อ..ก็ไม่พูดให้เคลียร์”
ภรณีถอนใจโล่งอก แล้วรีบเดินออกไป ทิ้งให้อัครเดชทำหน้าตาขึงขัง มุ่งมั่น จริงจัง
เชฟเปิดคอมพิวเตอร์ เสียบการ์ดทำเหมือนกำลังอัพโหลดไฟล์วิดีโออยู่ที่เต๊นท์ พอหันไปเห็นใหญ่กับ
ตี๋เล็กเดินออกมา ก็รีบบอก
“อ๋อ ผมอัพโหลดไฟล์วิดีโอที่ถ่ายวันนี้อยู่น่ะครับ”
ตี๋ใหญ่ทำหน้างง “ผมยังไม่ได้ถามเลย”
“แล้วคุณจะถามผมอยู่แล้วมั้ยล่ะ
ตี๋ใหญ่ส่ายหน้า “ไม่นะ”
เขฟหน้าเหวอ” อ้าว?”
ตี๋เล็กรีบบอก “ถึงเฮียไม่ถาม ผมก็จะถามครับ แล้วนี่จะตัดต่อ มิกซ์เสียงอะไรเมื่อไหร่ครับ”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องถ่ายอีกวันนึงครับ ส่วนขั้นตอนโพสโพรดั๊กชั่นน่าจะใช้เวลาอีกพอสมควร”
เชฟพูดจบ หญิงใหญ่กับหญิงเล็กเดินออกมา
“ใช่ ขั้นตอนมันต้องเยอะหน่อย โดยเฉพาะตอนที่นายออกกล้องเนี่ย คงต้องส่งไปแล็ปที่ฮอลลีวูด ให้เค้าใช้เทคนิคพิเศษ ในการเกลี่ยหนังหน้านายให้กลายเป็นคน”
หญิงเล็กหันมาพูดเหน็บ แต่ก็เจอตี๋เล็กสวนกลับ
“แหมๆๆ ถ้าอย่างนั้นเธอก็คงใช้เวลาไม่แพ้กันกับฉันหรอก เพราะเค้าต้องรีทัชหมา เอ้ย สุนัขออกจากปากเธออีกหลายตัว”
“อ๊าย พี่หญิงใหญ่ดูมันสิ มันว่าน้องปากพุดเดิ้ลอ่ะ”
ตี๋เล็กยิ้มขำ “บลูด็อกต่างหาก”
“ไอ้บ้า”
หญิงเล็กจะเข้าไปตบตีตี๋เล็ก หญิงใหญ่กับตี๋ใหญ่รีบเข้ามาช่วยกันห้าม เชฟมองไปคิดไป
“แหม ทะเลาะกันแบบนี้ ถ้าได้มาทำอาหารด้วยกันเรตติ้งคงดีน่าดู โอเค พรุ่งนี้ผมจะจับคู่ทำอาหาร” พูดพลางชี้มือไปที่ตี๋เล็กกับหญิงเล็ก “คุณแล้วก็คุณ ทำอาหารด้วยกัน”
ทั้งคู่ตกใจ อุทานออกมาพร้อมกัน “เฮ้ย”
เชฟหันมาทางตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่
”ส่วนคุณแล้วก็คุณ ถ้าไม่มีอะไรทำ ก็ช่วยกันทำอาหารได้นะ”
หญิงใหญ่หน้าหน้าสงสัย
“ทำไมต้องจับคู่ทำอาหารด้วยล่ะคะ ทำร้านใครร้านมัน ไม่ดีกว่าเหรอ”
ตี๋ใหญ่เห็นด้วย “นั่นสิ ผมว่าจากรายการอาหารมันจะกลายเป็นละครตบจูบเอานะครับ”
ตี๋เล็กทำตากรุ้มกริ่ม ประมาณว่าเสร็จแน่ หญิงเล็กเลยยกนิ้ว ทำเป็นจะจิ้มตา
“หืม เดี๋ยวปั๊ดจิ้มตาบอด”
เชฟรีบอธิบายต่อ
“รายการมันต้องมีคอนฟลิคครับ คุณเคยดูดิสคัฟเวอร์รี่มั้ย อเมริกันช็อปเปอร์น่ะ พ่อลูกทำมอเตอร์ไซค์กันไป ด่ากันไป รายการฮิตมาก ผมอยากให้รายการผมเป็นแบบนั้นครับ”
พูดพลางยิ้มด้วยความมั่นใจ ขณะที่ตี๋ใหญ่เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล
“ผมว่าเชฟนี่แปลกๆ นะเตี่ย”
ตี๋ใหญ่อดไม่ได้ที่จะหลบมาตั้งข้อสังเกตกับเฮง ขณะที่อีกฝ่ายกำลังจัดกระเช้าผลไม้สำหรับเยี่ยมคนป่วยอยู่
“แปลกยังไง”
“ไม่รู้สิเตี่ย เค้าดูไม่เหมือนคนทำรายการทั่วๆไปเลยอ่ะ ดูล้นๆ เกินๆ ยังไงก็ไม่รู้”
ตี๋เล็กเดินถือแก้วน้ำเข้ามานั่งคุยด้วย “เค้าติสท์หรอกเฮีย”
เฮงรีบบอก “เฮ้ย ติสท์กับเพี้ยนเส้นแบ่งมันนิดเดียวเองนะ ดูกันให้ดีล่ะ”
“ไม่เพี้ยนหรอกเตี่ย เชื่ออั๊ว” ตี๋เล็กพูดอย่างมั่นใจ
“เตี่ยก็ว่าไม่น่าจะมีอะไรนะ เพราะเค้าก็ไม่ได้เรียกร้องเอาผลประโยชน์อะไรจากเรา ไม่น่าเป็นพวกต้มตุ๋น”
“อั๊วได้ฟังคอนเซ็ปต์รายการแล้ว อั๊วว่าร้านเราดังแน่นอนเตี่ย”
เฮงยิ้มแป้น “ดีๆ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้อั๊วฝากลื้อสองคนดูแลร้านด้วยนะ เตี่ยจะไปธุระหน่อย”
ตี๋ใหญ่รีบถาม “เตี่ยจะหอบผลไม้ไปขายตามร้านเหล้าเหรอ”
“ใช่ ก็ว่าจะรับเกาลัดไปขายด้วยอีกอย่าง บ้าแล้ว เตี่ยจะไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาล ชงจังเลยมุกเนี่ย”
“ก็เห็นเตี่ยตบมุกดี”
“ไม่ต้องห่วงครับเตี่ย เดี๋ยวอั๊วกับเฮียช่วยกันดูแลร้านเอง”
ตี๋เล็กกับเฮงสีหน้ายิ้มแย้ม ตรงข้ามกับตี๋ใหญ่ ที่หน้าตาครุ่นคิด เพราะเริ่มรู้สึกแปลกๆ กับเชฟคนนี้
ทางด้านหญิงใหญ่ก็กำลังนั่งครุ่นคิดอะไรอยู่คนเดียว ครู่หนึ่งหญิงเล็กกับแก้วกัลยาเดินเข้ามานั่งข้างๆ
“นั่งคิดถึงหนุ่มแถวไหนอยู่เหรอคะ”
หญิงใหญ่เผลอตอบแบบเหม่อลอย “แถวนี้แหละ..เย้ย”
แก้วกัลยาถลึงตามองทันที “แถวนี้นี่แถวไหน อย่าบอกนะว่าเป็นลูกไอ้งิ้วนั่นน่ะ”
“ไม่ใช่ค่ะแม่ หนูกำลังคิดเรื่องเชฟเอียนอยู่ต่างหาก”
หญิงใหญ่พูดพลางหันไปมองค้อนน้องสาว หญิงเล็กยิ้มขำ
“คิดเรื่องเชฟเอียน มีอะไรเหรอพี่สาว”
“พี่ว่าเค้าแปลกๆ อ่ะ รายการอาหารก็แปลกๆ ยังไงไม่รู้”
“ตัวเค้าแปลกแม่ก็รู้สึกนิดๆ แต่เรื่องรายการอาหารแปลกนี่ยังไงเหรอ”
“ก็พรุ่งนี้หญิงเล็กต้องจับคู่ทำอาหารกับลูกชายเฮียเฮงน่ะสิคะ”
แก้วกัลยาตกใจ “เฮ้ย จริงเหรอหญิงเล็ก”
“จริงค่ะ แต่ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ แค่ช่วยกันทำอาหารเอง”
“ไม่ทำด้วยกันไม่ได้เหรอ ร้านใครร้านมันไปเลย”
หญิงเล็กส่ายหน้า แล้วรีบอธิบายต่อ
“เค้ามีคอนเซ็ปต์ของเค้าน่ะค่ะแม่ คงอยากจะสร้างสตอรี่ไรงี้”
“ก็ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ”
หญิงใหญ่ได้ที พูดล้อน้องสาว “หัวใจด้วยนะจ๊ะ”
แก้วกัลยาแหวขึ้นมาเลย “อะไร ยังไง หญิงเล็ก”
“ไม่มีอะไรค่ะแม่ พี่หญิงใหญ่เค้าก็แซวไปเรื่อย”
“ห้ามไปเคลิ้มกับไอ้ลูกบ้านนั้นเด็ดขาดนะ ถ้าเคลิ้มล่ะ น่าดู”
“ค่า ไม่เคลิ้มหรอกค่า”
หญิงเล็กมองค้อนพี่สาว หญิงใหญ่ยิ้มขำ แก้วกัลยาพูดต่อ
“นังฮันนี่นี่ก็อีกคน ให้ลากลับบ้านหน่อยนี่เถลไถลใหญ่ล่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ พรุ่งนี้วันหยุด เดี๋ยวหนูช่วยทำกับข้าวเอง”
แก้วกัลยามองหน้าลูกสาวคนโตอย่างไม่ค่อยไว้ใจ “ทอดไข่ให้สุกก่อนเถอะเราน่ะ”
หญิงเล็กหัวเราะขำ “เจ๋งอ่ะ ทอดไข่ไม่สุกนี่ยากกว่าทอดให้ไหม้อีกนะ นับถือๆ”
“ย่ะ เดี๋ยวเก่งเมื่อไหร่ล่ะเจอกัน”
หญิงใหญ่อายที่โดนสบประมาท ขณะที่แม่กับน้องสาวหัวเราะร่วน
อ่านต่อหน้าที่ 2
ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 15 (ต่อ)
ฟากชายเล็กก็แอบมายืนรออยู่ข้างรั้ว พักใหญ่หมวยเล็กก็แอบเดินออกมามาเจอกัน
“ไง มีอะไร”
“พรุ่งนี้ว่างป่าว”
หมวยเล็กพยักหน้ารับ “ว่าง จะชวนไปไหนหรา”
“อยากไปไหนเป็นพิเศษรึเปล่าล่ะ”
“อยากไปเดินสวนจตุจักรอ่ะ”
ชายเล็กแกล้งทำหน้าเซ็ง “ไม่เอาอ่ะ อย่าไปเลย”
“ทำไมอ่ะ ไม่ชอบเหรอ”
“เราไม่อยากเป็นแค่คนที่เดินสวนกับเธออ่ะ อยากเดินเคียงข้าง”
หมวยเล็กหน้าแดง เขิน “บ้า”
“โอเค งั้นพรุ่งนี้เดินเจเจก่อน เสร็จแล้วไปดูหนังต่อนะ”
“ได้”
ชายเล็กยิ้ม ดีใจ “โอเค เจอกัน”
“ถ้าจะนัดแค่นี้ ไลน์คุยกันก็ได้มั้ง”
ชายเล็กทำหน้าอ้อน “คุยไลน์มันไม่ได้เห็นหน้าแบบนี้อ่ะ”
ทั้งคู่ต่างก็บิดเขินกันไปมา ครั้นพอได้ยินเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ ก็รีบแยกย้ายกันกลับเข้าบ้านใครบ้านมัน
เช้ารุ่งขึ้น ขณะที่ตี๋เล็กกับจางช่วยกันเอาผักออกจากถุง เพื่อเตรียมทำอาหาร
“พริกชี้ฟ้าไม่มีเหรอ”
“มีครับ นี่ไง”
จางพูดพลางส่งถุงพริกขี้หนูให้ ตี๋เล็กหยิบออกมาดู
“นี่มันพริกขี้หนู”
จางเถียง “พริกชี้ฟ้า”
“พริกชี้ฟ้าบ้าอะไรเล็กแค่นี้”
จางหยิบพริกเดินไปที่หน้าต่าง แล้วเอาพริกชี้ฟ้า “นี่ไงครับ พริกชี้ฟ้า แฮ่”
“ไปเลยไป”
จางไม่วายทำหน้าทะเล้น “จะไล่ไปตั้งคณะเหรอครับ ไม่เอานะ เค้าตลกไซด์ไลน์ ฮาแค่ชั่วครั้งชั่วคราว”
“ให้ไปตลาด ไปซื้อพริกชี้ฟ้ามาให้หน่อย”
“อ่อ ได้ครับ รอแพ้พ”
พอจางเดินออกไป หมวยเล็กก็เดินเข้ามา
“เฮีย วันนี้หมวยออกไปธุระข้างนอกนะ”
“ธุระหรือเที่ยว”
“แหะๆ ก็พักหมองนิดนึง เรียนมาทั้งอาทิตย์แล้วเฮีย”
“เที่ยวก็บอกว่าเที่ยว ไม่ว่าอยู่แล้ว ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
ตี๋เล็กพูดจบ ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เชฟเดินเข้ามากับหญิงเล็ก ถือกล้องเซลฟี่ถ่ายทำรายการเข้ามาด้วย
“มาแล้วครับ แม่ครัวตัวแทนจากร้านอาหารไทย ที่จะมาสร้างสีสันให้กับการทำอาหารครั้งนี้”
พูดพลางหันกล้องหาหญิงเล็ก “พูดอะไรกับคุณผู้ชมหน่อยครับ”
หญิงเล็กรีบทำหน้าแบ๊วใส่กล้อง
“สวัสดีค่ะ ชาวโซเชี่ยลแคม ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อยากบอกว่าตอนนี้โสดมากค่า”
เชฟสะดุ้งตกใจ “เย้ย”
หญิงเล็กพลอยสะดุ้งไปด้วย “อุ้ย”
“ผมให้ทักทายคนดูครับ ไม่ได้ให้เล่นโซเชียลแคม”
ตี๋เล็กหันมาเหน็บ “สงสัยเล่นหาผัว เอ้ย เล่นหาแฟนทุกคืน”
“นี่ ฉันเล่นมุกหรอกย่ะ”
หมวยเล็กรีบฉวยจังหวะ จะเลี่ยงออกมา
“เอ่อ งั้นตามสบายนะคะ หมวยเล็กไม่กวนล่ะ”
แต่พอเชฟหันกล้องไปจับที่หน้า หมวยเล็กก็ทำหน้าแบ๊วใส่กล้องทันที
“ไฮ สวัสดีชาวโซเชี่ยลแคม ก็ไม่มีไรมาก แค่อยากบอกว่า อินเลิฟค่ะ”
ตี๋เล็กตกใจ “ว่าไงนะ”
“อ๋อเปล่าเฮีย ไม่มีอะไร ไปละนะ”
หมวยเล็กแก้ตัวเสร็จ ก็รีบเดินออกไป
“กล้องผมเซ็ตไว้ตามมุมต่างๆ แล้วนะครับ ช่วยกันทำอาหารอย่างสุดฝีมือ กุ๊กกิ๊กกันได้นะ”
เชฟหันมาบอกก่อนจะเดินกระหยิ่มยิ้มย่องออกไป ตี๋เล็กกับหญิงเล็กมองหน้ากัน ต่างทำหน้าเบื่อโลกที่ต้องมาอยู่ด้วยกัน
ฟากหญิงใหญ่ก็กำลังช่วยกันเตรียมของทำอาหารอยู่ในครัวกับตี๋ใหญ่
“คุณว่าเชฟเค้าดูแปลกๆ มั้ย”
“นี่คุณก็รู้สึกเหมือนผมเหรอ”
หญิงใหญ่พยักหน้ารับ “ใช่ รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าสงสัยอะไรในตัวเค้ากันแน่ จะว่าเป็นมิจฉาชีพก็ไม่ใช่ เพราะเค้าก็ไม่ได้เรียกร้องผลประโยชน์อะไรจากร้าน”
“ผมก็ว่าจะลองหาข้อมูลเชฟคนนี้ในอินเตอร์เน็ตดู เผื่อจะเจอข้อมูลอะไรบ้าง”
“พิมพ์หาในกูเกิ้ลสิ”
“ผมไม่ใช้กูเกิ้ลตั้งนานล่ะ”
หญิงใหญ่ทำหน้างง “ทำไมอ่ะ”
“ผมพิมพ์หารักแท้ แต่ก็ไม่เคยเจอซักที”
หญิงใหญ่ทำท่ารับไม่ได้ “อุต๊ะ”
“หาในกูเกิ้ลไม่เจอ ลองมาหากับกูมั้ย”
สิ้นเสียง แก้วกัลยาก็เดินเข้ามา ตี๋ใหญ่หันไปเห็นก็ตกใจ
“คุณแม่”
“ฉันมีลูกชายคนเดียว แล้วก็หน้าไม่แก่ขนาดนี้ด้วย”
ตี๋ใหญ่จ๋อย “แรง”
“จะแรงกว่านี้อีก ถ้ามาทำเจ้าชู้ใส่ลูกสาวฉัน”
ขาดคำ เชฟก็เดินถือกล้องเข้ามา
“คุณนายครับ ผมขอเก็บ insert คุณนายหน่อยสิครับ”
“insert แปลว่าอะไรยะ”
“สอดใส่”
เชฟตอบหน้าตาเฉย แก้วกัลยาตกใจ “ว้าย”
“เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ถ้าในภาษาทีวี insert คือเก็บภาพเพิ่มเติม เพื่อเอาไปเสริมกับภาพการทำอาหารที่ผมถ่ายไปนะครับ”
“เก็บฉันคนเดียวเลยเหรอ”
“คุณนายคนเดียวเลยครับ”
“งั้นฉันไปเติมหน้าหน่อยนะ”
แก้วกัลยารีบเดินออกไป เชฟเดินตามไปติดๆ หญิงใหญ่หันขวับมาทางตี๋ใหญ่ทันที
“เนี่ย ฉันว่าเชฟคนนี้ดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้อ่ะ”
“ที่ผมคิดได้ตอนนี้นะ อาจเป็นการหลอกกินฟรี”
หญิงใหญ่ทำหน้าสงสัย
“หลอกกินฟรีเหรอ แล้วทำไมต้องสร้างเรื่องสร้างคอนเซ็ปต์ให้มันวุ่นวายแบบนี้ด้วย”
“การสร้างเรื่องสร้างคอนเซ็ปต์ขึ้นมา อาจเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจให้ไปอยู่กับสิ่งที่เชฟกำหนดแทนที่จะไปจ้องจับผิดในตัวเชฟ”
“โห..นี่คุณวิเคราะห์ขนาดนี้เลยเหรอ”
ตี๋ใหญ่จ้องหน้าหญิงใหญ่ สายตาจริงจัง
“จะให้ผมลองวิเคราะห์คุณอีกคนมั้ยล่ะ”
หญิงใหญ่รีบหลบหน้าเขิน ตี๋ใหญ่ยิ้มกรุ้มกริ่ม
ตี๋เล็กทอดปลาอยู่หน้าเตา โดยมีหญิงเล็กยืนมองอยู่เฉยๆ
“หั่นหอมใหญ่เตรียมไว้ให้ผมหน่อย”
หญิงเล็กยี้ปากใส่
“นี่ ฉันเป็นแม่ครัวนะ ไม่ใช่เด็กข้างเขียง ที่คอยเตรียมของไว้ให้นาย”
“งั้นก็มาทอดปลา”
หญิงเล็กส่ายหน้ายิก “ไม่เอา กลัวน้ำมันกระเด็น”
“จะเป็นแม่ครัว แต่กลัวน้ำมันกระเด็น ชาตินี้จะได้เป็นมั้ย”
“ได้เป็นสิ ฉันก็ให้ลูกน้องอย่างนายทอดให้นี่ไง” พูดพลางชี้นิ้วที่หัวตัวเอง “สมองมี ไม่ได้กลวง”
ตี๋เล็กสะอึก เจ็บใจที่อยู่ๆ ก็กลายเป็นลูกน้อง
หญิงเล็กหยิบหอมหัวใหญ่มาเตรียมหั่น แต่แล้วก็ชะงักมือ เพราะกลัวแสบตา
“นี่นาย หั่นหอมใหญ่ยังไงไม่ให้แสบตาอ่ะ”
“บอกไม่ได้ มันเป็นเคล็ดลับ”
“เฮ้ย มันลับขนาดนั้นเลยเหรอ”
“แน่นอน เคล็ดลับนี้สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษฉันเลยล่ะ ถ้ารู้แล้วรับรอง มีอึ้ง”
“บอกฉันหน่อยเดะ”
“โห่ จะให้บอกเคล็ดลับประจำตระกูล พูดแบบนี้เนี่ยนะ” พูดไปก็จ้องหน้าหญิงเล็กไป “ขอหวานๆ หวานที่สุดในชีวิตเท่าที่จะพูดได้”
หญิงเล็กอิดออด “ โห่”
“ก็แล้วแต่ ฉันก็ไม่ได้ว้อนที่จะบอกอยู่แล้ว”
ตี๋เล็กทำทีหันไปทอดปลาต่อ หญิงเล็กทำหน้าเซ็ง ก่อนจะตัดใจพูดจาออดอ้อน
“พี่ตี๋เล็กคะ ช่วยสอนหญิงเล็กหั่นหอมไม่ให้แสบตาหน่อยได้มั้ยคะ เพราะถ้าหญิงเล็กทำได้เนี่ย คุณแม่
จะต้องดีใจมากๆ เลย ที่ส่งเสียให้เรียนแล้วมีความรู้ดีๆ แบบนี้ติดตัวน่ะค่ะ”
ตี๋เล็กยิ้มหวาน “ค่อยรื่นหูหน่อย”
“ค่ะ ขอเคล็ดลับด้วยค่ะ คุณตี๋เล็กสุดหล่อ”
“วิธีหั่นหอมไม่ให้แสบตาก็คือ..”
หญิงเล็กยืนลุ้น คิดว่าจะต้องเป็นองค์ความรู้ที่หาที่ไหนไมได้อีกแล้วในสามโลก
“วานให้คนอื่นหั่นให้”
“วานให้คนอื่นหั่นให้ ? ”
“ใช่ ให้คนอื่นหั่น เราก็ไม่แสบตาแล้ว” ตี๋เล็กตอบหน้าตาเฉย
“โธ่เว้ย หลอกให้พูดดีด้วยนี่หว่า”
“อ่ะๆ เดี๋ยวจะหาว่ารู้ไม่จริง รอแพ้พ”
ตี๋เล็กหันไปกลับปลา ก่อนจะหันมาฝานมะนาวออกมาหนึ่งซีก
“วิธีหั่นหอมใหญ่ไม่ให้แสบตาก็แค่ใช่มะนาวเนี่ย ทาที่มีดแบบนี้”
“โอเค บอกตั้งแต่แรกก็จบละ มาลีลาอยู่ได้”
หญิงเล็กรับมีดมาหั่นหอมใหญ่ ตี๋เล็กดูวิธีการลงมีดแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่
“หั่นแบบนั้นเดี๋ยวนิ้วก็หายกันพอดี มานี่ ฉันสอน”
ว่าแล้วก็จับมืออีกฝ่ายเพื่อจะสอน หญิงเล็กโวยวายเสียงหลง
“เฮ้ย ไม่ต้องจับมือก็ได้มั้ง”
“นี่จะสอนนะเนี่ย คิดว่าอยากจับนักเหรอ”
หญิงเล็กทำหน้าบูด แต่ก็ไม่ขัดขืน ตี๋เล็กเริ่มสอนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
“มือที่จับหอมน่ะ ให้นิ้วชี้เหลื่อมออกมานิดนึงเพื่อดันมีดไว้ไม่ให้มาบาดนิ้วโป้ง แล้วก็เริ่มหั่นช้าๆ ก่อน”
ทั้งคู่ยืนหั่นหอมกันท่าทางกระหนุงกระหนิง
ตี๋เล็กวางจานปลาราดพริกลงบนโต๊ะ ถัดมาหญิงเล็กก็วางผัดเปรี้ยวหวานลงอีกอย่าง ที่โต๊ะมีเสี่ยชาญนั่งอยู่กับเชฟ
“โอ้โห น่าเกียนสวดๆ”
เชฟทำหน้างง “ เกรียนไรเนี่ยลุง”
“เกียนปลาสิ น่าเกียนสวดๆ”
“ผมหมายถึงลุงมาทำตัวเกรียนอะไรตรงนี้ นี่ผมกำลังถ่ายทำรายการอยู่”
“ขอแจมด้วยสิ ชิมคนเดียวจะไปอร่อยอะไร”
เชฟส่ายหน้าเซ็ง “แจมตลอด เมื่อวานก็แจม”
จางทำท่าเหมือนปัดมดบนโต๊ะ ตี๋เล็กหันมาถาม “ปัดอะไร”
“มดครับ”
“ไหน ไม่เห็นมี”
“ซ้อมไว้ก่อนครับ ผมว่าเดี๋ยวมดมาแน่”
“ก็ร้านมันสกปรกไง”
ตี๋เล็กหันขวับมองหญิงเล็ก จางรีบพูดต่อ
“เปล่าครับ เพราะอาหารวันนี้น่าจะหวานเป็นพิเศษ”
เสี่ยชาญสงสัย “ลื้อรู้ได้ไง”
“แหม ก็จับมือกันหั่นหอมใหญ่หวานซึ้ง อย่างกับอยู่ในฉากหนังรัก ผมเห็นแล้วจิกฝาบ้านแทบแตก”
“โอ้โห มีฉากนี้ด้วยเหรอ อั๊วอยากเห็นซะแล้วสิ”
หญิงเล็กเชิดหน้าใส่ตี๋เล็ก “มันก็แค่การแสดงน่ะเสี่ย ไม่ได้รู้สึกอะไรซักนิด”
ตี๋เล็กทำหน้าล้อ “เหงื่อแตกซิกขนาดนั้น เชื่อตายล่ะ ว่าไม่รู้สึกอะไรเลย”
“ฉันร้อน”
เสี่ยชาญรีบโบกมือห้าม “เลิกเถียงกันได้แล้ว มาชิมกันดีกว่า”
แต่พอหันมา ปรากฏว่าเชฟกินปลาเหลือแต่ก้าง
“โอ้โห เผลอคุยแป๊บเดียว เหลือแต่ก้างแล้ว”
จางหันมาถามต่อ “อร่อยมั้ยครับเชฟ”
เชฟเรอเสียงดังออกมาแทนคำตอบ เสี่ยชาญทำหน้าเซ็ง
“อร่อยไม่อร่อยไม่รู้ รู้แต่ว่าแม่งอิ่มแน่นอน”
ส่วนตี๋เล็กกับหญิงเล็กหันมองกันอายๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีกัน
แก้วกัลยาเดินทักทายลูกค้าอยู่ในร้าน ก่อนที่อัครเดชจะเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะ มากี่ที่คะ”
“มาที่นี่ที่เดียวเลยครับ”
“ฉันหมายถึงมากินกันกี่คนน่ะค่ะ”
“อ๋อ คนเดียวครับคุณแม่”
แก้วกัลยาตกใจ “คุณแม่?”
อัครเดชรีบยกมือไหว้ “ผมอัครเดชครับ เป็นเพื่อนสนิทของแก้วกรรณิการ์น่ะครับ”
ขาดคำตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่เดินออกมาจากบ้าน อัครเดชเห็นแล้วถึงกับอึ้งไป
“อ้าวเดช ไปไงมาไงเนี่ย”
อัครเดชทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ”นี่แก้วกับผู้ช่วยกินอยู่ด้วยกันแล้วเหรอเนี่ย”
“เฮ้ย..มันไม่..”
อัครเดชรีบตัดบท “ไม่ต้องแก้ว ไม่ต้องพูด แค่นี้เราก็เจ็บสุดๆ ล่ะ”
ตี๋ใหญ่ทำท่าจะอธิบาย “ไปกันใหญ่แล้วเดช”
อัครเดชร้องไห้ออกมา
“ครับ ถึงขนาดกินอยู่บ้านเดียวกันแบบนี้มันไปกันใหญ่แล้วจริงๆ ทำไมผู้ช่วยไม่เปิดตัวว่ากินอยู่ เป็นผัวเมียกับแก้วแบบนี้ล่ะครับ ปกปิด หลบๆ ซ่อนๆ มันไม่แมนเลยนะครับ”
แก้วกัลยาทนไม่ไหว “นี่ หยุดดราม่าซักแป๊บได้มั้ย ไอ้หัวกะลาครอบ”
“ผมหยุดไม่ได้แล้วครับ ผมเสียใจ”
“เฮ้ย! ฉันบอกให้หยุด..อึ๊บ”
อัครเดชอึ๊บตาม แล้วหยุดร้องไห้ทันที
“ลูกฉันไม่ได้อยู่กินกับไอ้ตี๋นี่ ที่เห็นเนี่ย เค้ากำลังถ่ายทำรายการอาหารกันอยู่”
อัครเดชเหวอเลย “ อ้าว”
หญิงใหญ่รีบหันมาบอกแม่ “ตอนนี้เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้นล่ะค่ะแม่”
“ทำไม มีอะไรเหรอ”
ตี๋ใหญ่ชิงตอบแทน “ ผมสงสัยว่าเชฟจะมาหลอกลวงพวกเราน่ะครับ”
“หลอกลวงอะไรเหรอ”
“ขอผมเช็คข้อมูลให้ชัวร์อีกนิดแล้วกันครับ”
ตี๋ใหญ่เดินนำออกจากบ้านไป ทุกคนเดินตามออกไปด้วย
ตี๋ใหญ่มุดเข้ามาเต๊นท์ ก่อนจะหยิบคอมพิวเตอร์ออกไป แล้วรีบเปิดดู แก้วกัลยา หญิงใหญ่และ
อัครเดชเข้ามามุงดูด้วย
หญิงใหญ่ทำหน้าสงสัย “คุณเปิดดูอะไรอ่ะ”
“เมื่อคืนเชฟบอกกับผมว่า อัพโหลดไฟล์วิดีโอที่ถ่ายไว้ในคอมพิวเตอร์ ถ้าเค้าไม่ได้โกหก ไฟล์ภาพก็ต้องมี”
แก้วกัลยารีบถามต่อ “แล้วมีมั้ย”
ตี๋ใหญ่คลิกเข้าในแฟ้มต่างๆ แต่ไม่มีไฟล์วีดีโอสักไฟล์ “ยังไม่เจอครับ”
อัครเดชพูดแบบอินเต็มที่
“มันเลวจริงๆ มันทำแบบนี้ทำไม จิตใจ มันทำด้วยอะไร”
แก้วกัลยามองอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่..อินเนอร์แรงแบบนี้ ไปเล่นละครเวทีไป”
“เคยเล่นแล้วครับ ไปเล่นครั้งเดียวได้ส้ม ได้กล้วย ผลไม้โน้นนี่นั่น นับไม่ถ้วน”
“แฟนคลับชื่นชอบ?”
“ตอนแรกก็คิดอย่างนั้นครับ แต่พอเปลือกทุเรียนลอยมา ก็รู้ว่าไม่ใช่ล่ะ”
ตี๋ใหญ่คลิกหาอยู่ครู่หนึ่ง ก็เงยหน้าขึ้นมาบอก
“ไม่มีไฟล์วีดีโอเลย เราโดนหลอกแล้วล่ะครับ”
จากนั้นก็รีบเดินไปที่บ้านตัวเอง หญิงใหญ่ แก้วกัลยาและอัครเดชพากันตามไปด้วย
ทางด้านเชฟกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีเสี่ยชาญร่วมแจม ส่วนจางถือกล้องถ่ายไปเรื่อยๆ
ตี๋เล็กกับหญิงเล็กยืนอยู่ใกล้ๆ
ตี๋ใหญ่เดินนำแก้วกัลยา หญิงใหญ่และอัครเดชเข้ามาในบ้าน ตี๋เล็กหันไปพูดทัก
“เฮีย มาถ่ายรายการเร็ว”
หญิงเล็กหันไปถามพี่สาว “อ้าว แล้วไม่ทำอาหารมาด้วยล่ะพี่หญิงใหญ่”
ตี๋ใหญ่ทำหน้าจริงจัง “รายการจบแล้วครับ”
“รายการจบ คืออะไรอะเฮีย”
แก้วกัลยารีบอธิบาย “ก็ไอ้เชฟนี่มันหลอกลวงเราน่ะสิ”
หญิงเล็กตกใจ “จริงเหรอคะแม่”
เชฟรีบโวยวายแก้ตัว “ไม่จริงนะครับ นี่คุณเอาอะไรมาพูดครับเนี่ย”
“ผมเปิดคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ไฟล์วิดีโอที่คุณบอก ว่าลงไว้ในคอมเมื่อวานนี้ ไม่มีสักไฟล์”
ตี๋เล็กหันขวับไปทันที “อ้าวเชฟ..เชฟทำแบบนี้ทำไมวะครับ”
เชฟอึกอัก “เอ่อ”
อัครเดชปรี่เข้าไปชกเชฟจนสลบ เสี่ยชาญหันมาทำเสียงดุ
“อ้าวเฮ้ย ลื้อชกมันสลบแบบนี้ แล้วจะรู้เรื่องกันยังไงล่ะเนี่ย”
“อ้าว อยากรู้กันด้วยเหรอครับ”
“ไม่อยากรู้แล้วจะถามกันเพื่อ?” จางย้อนถาม หน้าตาขึงขัง
“ รีบโทรแจ้งตำรวจก่อนเถอะค่ะ”
หญิงใหญ่เสนอ ตี๋เล็กรีบกดโทรศัพท์แจ้งตำรวจ
แก้วกัลยาเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้า ก่อนที่หญิงใหญ่ หญิงเล็กและอัครเดชจะเดินเข้ามา
“เป็นยังไงบ้างลูก”
“สรุปเค้าทำเพื่อหลอกกินอาหารฟรีน่ะค่ะคุณแม่”
“แค่หลอกกินฟรีเนี่ยนะ”
แก้วกัลยาทำหน้างง หญิงเล็กรีบพูดต่อ
“ก็หลอกกินฟรีมาหลายร้านอยู่นะคะ”
หญิงใหญ่ช่วยเสริม “ค่ะ คงเป็นเพราะแค่หลอกกินฟรีอย่างเดียว ก็เลยไม่มี ใครเสียเวลาแจ้งความ”
“แล้วนี่มันโดนตำรวจจับไว้แล้วใช่มั้ย ไม่ใช่มันย้อนกลับมาก่อเรื่องอีกนะ” แก้วกัลยายังแอบกังวล
“เรียบร้อยแล้วครับคุณแม่ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”
อัครเดชชิงตอบ แก้วกัลยามองอย่างเคืองๆ แต่ยังไม่โวยวายอะไร
“เพื่อนพี่หิวอะไรรึเปล่าอ่ะ”
หญิงเล็กหันมาถามพี่สาว หญิงใหญ่หันไปถามอัครเดชต่อ
“กินอะไรมั้ยเดช”
อัครเดชหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนคิดมุกจีบขึ้นมาได้
“เอาน้ำมากินก่อนก็ได้”
“โอเค เดี๋ยวเราเอามาให้”
“เดี๋ยว ที่บ้านมีแก้วกี่ใบอ่ะแก้ว”
“ก็หลายใบนะ”
อัครเดชทำหน้ากรุ้มกริ่ม “งั้นเอาออกมาให้หมดเลยนะ”
“เอาออกมาทำไมเยอะแยะ”
“ก็ เราจะได้เทใจให้หมดเลยไง”
แก้วกัลยาพูดสวนมาทันที “เทใจให้หมดเลยเหรอ ได้ รอแป๊บนะ”
“ครับคุณแม่”
แก้วกัลยาเดินไปหยิบเหยือกน้ำมา ก่อนจะราดใส่หัวอัครเดชเต็มๆ
“เฮ้ย อะไรครับคุณแม่”
“แกเทหมดใจ ฉันก็เทให้หมดเหยือกเลยนี่ไง ไป๊ มา ทางไหนก็ไปทางนั้น อย่ามายุ่งกับลูกสาวฉัน”
“แต่ผมชอบลูกสาวคุณแม่จริงๆ นะครับ”
แก้วกัลยาไม่สนใจ หันมาทางหญิงเล็ก
“หญิงเล็ก ไปเอาปืนมาให้แม่ที”
“ค่ะแม่”
อัครเดชได้ยินแบบนั้น ก็รีบวิ่งหนีออกจากบ้านไปทันที
ทุกคนในบ้านเฮงนั่งรวมกันที่โต๊ะกินข้าว ต่างคนต่างมองตี๋เล็กด้วยความเห็นใจ
“เอาน่าตี๋เล็ก ลืมๆมันซะเถอะ”
“เตี่ยรู้มั้ย ผมคาดหวังกับเรื่องนี้มากเลยนะ ถ้าร้านเราได้ออกโทรทัศน์ ร้านเราจะดังกว่านี้ไม่รู้กี่เท่า”
หมวยเล็กรีบช่วยพูดปลอบ
“เดี๋ยวสักวันเราก็ได้ออกแหละเฮีย ที่เฮียทำอยู่ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นแฟนเพจ การได้ลง Wongnai มันก็สุดยอดแล้วนะ”
ตี๋ใหญ่พยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่ ทุกวันนี้ร้านเราก็ดังในระดับนึงแล้วนะ เฮียเชื่อว่า อีกไม่นานจะมีนักชิมชื่อดังแวะมาที่ร้านเรา”
“นักชิมชื่อดังเลยเหรอเฮีย”
“ใช่ เฮียมั่นใจ แล้วพอนักชิมมานะ จากนั้นก็จะมีรายการโทรทัศน์มาทำรายการอาหาร ตามสเต็ป”
หมวยเล็กหันมาทำหน้าล้อ “วันนี้ก็ถือซะว่าได้มีผู้ช่วยสวยๆมาเป็นคู่ครอง..เอ้ย คู่หูแล้วกันเฮีย”
เฮงหันขวับทันที “เฮ้ยๆ คู่หูอะไร หมายถึงใคร”
“ก็พี่หญิงเล็กไง เสี่ยชาญบอกกับข้าวที่ทำนี้ติดหวานซะไม่มี ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสารให้ความหวานกันแน่”
ตี๋เล็กหันไปทำหน้าดุ “หมวยเล็ก”
“ตี๋เล็ก”
เฮงจ้องหน้าตี๋เล็กเขม็ง หมวยเล็กสะดุ้งเล็กน้อย
“โทษทีเฮีย ลืมตัวไปนิด”
ตี๋ใหญ่ส่ายหน้าขำๆ “พูดซะยาว ไม่นิดละมั้ง”
ตี๋เล็กรีบแก้ตัว
“ไม่มีอะไรหรอกเตี่ย ผมก็แค่ทำไปตามเกมของไอ้เชฟนั่นเท่านั้นแหละ ไม่ได้คิดอะไรซักนิด”
“แน่นะ”
“แน่สิเตี่ย อั๊วขอไปนั่งคิดอะไรคนเดียวแป๊บนึงนะ อั๊วกินอะไรไม่ค่อยลง”
พอตี๋เล็กเดินออกไป เฮงก็กันมาทางหมวยเล็ก
“ยังไงหมวยเล็ก”
“ไม่มีอะไรหรอกเตี่ย หมวยใส่สีตีไข่ไปงั้นแหละ”
หมวยเล็กเฉไฉกินข้าวกลบเกลื่อนไป
ทางด้านหญิงเล็กนั่งเหม่ออยู่หน้าบ้าน คิดถึงภาพตอนที่ช่วยกันหั่นหัวหอมในครัว คิดไปก็อมยิ้มเขินไป ตี๋เล็กเดินออกมา เห็นหญิงเล็กนั่งยิ้มอยู่คนเดียว ก็แกล้งเข้าไปแฮ่ใส่ใกล้ๆ
“แฮ่”
หญิงเล็กสะดุ้งตัวลอย “ว้าย ตาเถร”
“โอ้โห คำอุทานนี่บอกอายุสุดๆ แล้วอีแป้นเป็นไงบ้าง รู้ป่าวอ่ะ”
หญิงเล็กทำหน้างง “อีแป้นเป็นไงคือ..?”
“ก็อกอีแป้นจะแตกไงเธอ แหม อุทานเรียกตาเถร ไม่รู้จักอีแป้นได้ไง”
“นี่ ฉันติดปากจากคนอื่นมา ไม่ได้แก่ขนาดนั้นย่ะ”
“อ่อ คิดว่าเปิดร้านอาหารไทยแล้วคุณแม่บังคับให้อุทานเป็นสำนวนไทยโบราณด้วย แล้วเป็นอะไร
มานั่งยิ้มคนเดียว”
หญิงเล็กอึกอัก “ไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย”
“อืม คนบ้ามักบอกว่าตัวเองไม่ได้บ้าอยู่แล้ว”
“นี่ ฉันไม่ได้บ้า”
“ก็ไม่ได้ว่านี่ แค่บอกเฉยๆ ว่าคนบ้าส่วนใหญ่มักบอกว่า ตัวเองไม่ได้บ้า”
หญิงเล็กขี้เกียจเถียง ลุกเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าบ้านไป
“ลักษณะจะใกล้บ้าแล้วนะน่ะ”
ตี๋เล็กมองตามหญิงเล็กอย่างขำๆ ก่อนที่ตัวเองจะหวนนึกถึงตอนช่วยกันหึ่นหัวหอมกับหญิงเล็ก แล้วก็เผลออมยิ้มออกมาเหมือนกัน
อ่านต่อตอนที่ 16