ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 12
หมวยเล็กนั่งกินโจ๊กกันอยู่ในบ้าน พักหนึ่งตี๋ใหญ่ ก็เดินลงมาจากด้านบน จางที่ยืนอยู่ด้วย หันไปเห็นก็ร้องทัก
“อ้อ คุณตี๋ใหญ่มาพอดีเลย คุณตี๋ใหญ่พอจะมีแบงค์ห้าร้อยสักสองใบมั้ยครับ”
“มีสิ” ตี๋ใหญ่ควักแบงค์ห้าร้อยมาสองใบยื่นให้จาง “อ่ะนี่ จะแลกใช่มั้ย”
จางดึงเงินไป “เปล่าครับ จะยืมหน่อย พอดีเดือนนี้ช็อต”
ตี๋ใหญ่รีบดึงเงินกลับและเขกหัวจางเบาๆ
“มุกไม่ฮาพาเครียดอีก เดี๋ยวปั๊ด..”
จางชิงพูดแทรกขึ้นมาทันที “ตัดเงินเดือน อ้าปากผมก็เห็นไส้ติ่งคุณตี๋ใหญ่แล้วล่ะครับ”
“ใครว่าฉันจะตัด”
“อ่ะ ถ้าไม่ตัดแล้วจะทำอะไร” จางย้อนถาม ทำหน้าทะเล้น
“เตะนี่ไง”
ไม่พูดเปล่า ตี๋ใหญ่เตะก้นจางไปหนึ่งที ก่อนจะถามถึงน้องชาย
“แล้วนี่ตี๋เล็กยังไม่ลงมาอีกเหรอ”
“โอ๊ย คุณตี๋เล็กออกไปมหาลัยตั้งแต่เช้าแล้วล่ะครับ”
ตี๋ใหญ่หน้าเหรอ “อ้าว ตี๋เล็กไม่รู้เหรอว่าวันนี้เตี่ยไปธุระต่างจังหวัด กว่าจะกลับก็พรุ่งนี้”
“ผมก็ไม่รู้ว่าเฮียสั่งงานอะไรคุณตี๋เล็กไว้รึเปล่าน่ะครับ”
“แล้วใครจะทำอาหารล่ะทีนี้”
หมวยเล็กเงยหน้าจากชามโจ๊กหันมาบอก “ก็เฮียไง”
“โอเค เดี๋ยววันนี้เฮียโซโล่เอง” ว่าแล้วก็ถุยไปที่จาง “ถุย”
“โอ้โห ไม่ถุยใส่ตาผมเลยล่ะครับคุณตี๋ใหญ่”
“อ้าว ได้ด้วยเหรอ”
ตี๋ใหญ่ทำท่าจะถุยใส่ตา จางดิ้นหนี หมวยเล็กส่ายหน้า
“มัวแต่เล่นกันเป็นเด็กอยู่นั่นแหละ คิดแก้ปัญหาที่ร้านกันก่อนมั้ย”
จางรีบบอก “ไม่ต้องห่วงครับ เฮียให้ผมติดต่อคนรู้จักมาช่วยทำอาหารเรียบร้อยแล้ว”
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย” ตี๋ใหญ่หันมาถามอย่างสนใจ
“ผู้หญิงครับ เรื่องงานครัวนี่ไม่ต้องพูดถึง”
“เก่งสุดๆ?”
จางส่ายหน้ายิก “ผมก็ไม่รู้ว่าเก่งรึเปล่า”
“แล้วจะพูดเพื่อ”
“ก็พูดเพื่อจะได้ไม่ต้องมาถามผมไง ของแบบนี้ต้องชิมเอง พูดไปเดี๋ยวจะหาว่าโม้”
ตี๋ใหญ่กับหมวยเล็กมองหน้ากัน แอบกังวลนิดๆ ว่าที่ร้านจะมีปัญหามั้ย
หญิงใหญ่กับชายเล็กช่วยจัดโต๊ะ-เก้าอี้อยู่หน้าร้าน ส่วนแก้วกัลยากับฮันนี่ ก็ช่วยกันยกถาดผักแกล้มน้ำพริกออกมาวางที่โต๊ะ ที่จัดเป็นมุมน้ำพริกบุฟเฟ่ต์
ชายเล็กหันไปเห็น ก็ทำหน้าตื่นเต้น
“โอ้ วันนี้มีปาร์ตี้ผักกันเหรอครับ”
แก้วกัลยายิ้มรับ “วันนี้แม่จัดโปรน้ำพริกบุฟเฟ่ต์จ้ะ”
“ทำไมไม่จัดโปรกุ้งแม่น้ำบุฟเฟ่บ้างล่ะครับ”
ฮันนี่ยื่นหน้ามาพูดบ้าง “จุ้งๆ ฮันนี่อยากจินจุ้ง”
แก้วกัลยามองค้อน “จุ๋ย”
“ฮันนี่ค่ะ เอ๊ะหรือว่าหน้าฮันนี่เหมือนจุ๋ย วรัทยา”
“ถุยนี่แหละ แหม อยากจินจุ้ง ร้านฉันจะเจ๊งสิไม่ว่า”
หญิงใหญ่มองมุมน้ำพริก แล้วหันมาถามแม่
“ที่จัดบุฟเฟ่น้ำพริกเนี่ย คงไม่ใช่เพราะกลัวโดนบ้านโน้นแกล้ง เหมือนตอนจัดบุฟเฟ่ต์ขนมจีนใช่มั้ยคะ”
“ไม่กลัวหรอก แต่ก็กันเหนียวไว้นิดนึง ถ้ามันแกล้งก็คง ไม่เข้าเนื้อมาก”
ชายเล็กรีบบอก “เค้าไม่แกล้งเราแล้วล่ะครับ”
ฮันนี่พยักหน้าเห็นด้วย “Yeah..เค้าเพิ่งจะช่วยเราไฟท์กับเด็กแว้นซ์มานะคะ คุณนาย”
ว่าแล้วก็หันมาพูดกับหญิงใหญ่ “เอ่อ..คุณตี๋ใหญ่นี่เค้ามีแฟนรึยังคะ”
“ไม่รู้สิ ทำไมเหรอ”
ฮันนี่ทำหน้าระริกระรี้ “ฮันนี่อยากจะดินเนอร์ตอบแทนที่เค้ามีน้ำใจให้เราสักมื้อน่ะค่ะ”
ชายเล็กยิ้มขำ ก่อนจะพูดล้อ “ดินเนอร์กับเตี่ยเค้ามั้ยล่ะครับ ไม่มีแฟนชัวร์”
“ฮันนี่อยากดินเนอร์ค่ะ ไม่ได้อยากเลี้ยงแซยิด”
แก้วกัลยามองหญิงใหญ่ แล้วถามขึ้นมาตรงๆ “นี่ทำงานที่เดียวกันเนี่ย มีสะป๊ง สปาร์คอะไรกับ
ไอ้ลูกบ้านนั้นบ้างมั้ยเนี่ย”
หญิงใหญ่อึกอักนิดนึง “สปาร์คอะไรล่ะคะ ไม่มีหรอกค่ะ”
แก้วกัลยาได้ฟัง ก็ยิ้มถูกใจ ก่อนจะหันมาทางลูกชายคนเล็ก “แล้วเราล่ะชายเล็ก”
“ผมคนนะครับไม่ใช่ปลั๊กไฟ ไม่มีสะป๊งสปาร์คอะไรกับเค้าหรอก”
“ให้มันจริงเถอะ เราสองคนน่ะขี้ใจอ่อน แม่ล่ะกลัวใจจริงๆ”
ฮันนี่เสนอหน้าต่อทันที “แล้วไม่กลัวใจคุณหญิงเล็กบ้างเหรอคะ”
“โอ๊ย รายนั้นน่ะได้ดีเอ็นเอของชั้นไปเยอะ ถ้าเกลียดใครแล้วก็ยาว ถ้าจะให้ชอบ ไปลุ้นกันชาติหน้าโน่น”
แก้วกัลยายิ้มอย่างมั่นใจ ว่าหญิงเล็กไม่มีทางญาติดีกับตี๋เล็กแน่
ขณะที่หญิงเล็กที่นั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะมหาวิทยาลัย พลางคิดย้อนถึงตอนที่ตัวเองเขี่ยแมลงออกจากตาตี๋เล็กและสบตาเคลิ้มกัน ภาพเหตุการณ์ที่นึกย้อนทำให้รู้สึกดี จนเผลอยิ้มอกมาคนเดียว
ตี๋เล็กเดินเข้ามา เห็นหญิงเล็กกำลังเหม่ออยู่ ก็แกล้งตบโต๊ะเสียงดังให้ตกใจ
“เฮ้ย! เล่นบ้าอะไรของนายเนี่ย”
“เห็นนั่งนิ่งคิดว่าหลับใน ก็เลยจะปลุกให้สร่าง”
หญิงเล็กสะบัดเสียงใส่ “หลับในบ้าอะไรล่ะ”
“ถ้าไม่หลับในก็คงจะเหม่อ เหม่อถึงใครหรา”
ตี๋เล็กทำหน้าทะเล้น หญิงเล็กรีบเปิดตำรากลบเกลื่อนอาการอาย
“ทำงานได้แล้ว เดี๋ยวส่งอาจารย์ไม่ทัน”
“เฮ้ย อยู่ๆ ทำไมหน้าแดงเนี่ย หรือว่า....”
ตี๋เล็กยังพูดไม่ทันจบ เสียงมือถือก็ดังขึ้นมาแทรก พอหยิบขึ้นมาดูเบอร์ เห็นเป็นแฟนเก่าโทรมาก็รีบกดตัดสายทิ้งทันที ก่อนจะวางโทรศัพท์บนโต๊ะ แล้วเปิดตำราเตรียมทำงานต่อ แต่ครู่เดียว เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นมาอีก หญิงเล็กเหลือบมองเห็นหน้าหญิงสาวหน้าตาดีที่หน้าจอโทรศัพท์ ก็หันมาถาม
“ไม่รับล่ะ”
“ไม่ว่าง จะทำงาน”
ตี๋เล็กกดตัดสายทิ้งแล้วปิดเครื่อง หญิงเล็กมองตาม รู้สึกว่าอีกฝ่ายอะไรต้องมีเรื่องในใจแน่นอน
จางเดินทักทายลูกค้าตามโต๊ะอยู่ จังหวะนั้นเสี่ยชาญก็เดินเข้ามา
“ซาหวักลี”
“หวัดดีครับเสี่ย วันนี้กินไรดีครับ”
“วันนี้อยากกินอะไรง่ายๆ เอาไข่เจียวราดข้าวแล้วกัน”
จางพยักหน้ายิ้มๆ “ได้เลย เดี๋ยวเจียวให้สุดฝีมือเลยครับ”
แต่พอจะเดินเข้าบ้าน ก็ถูกเสี่ยชาญรั้งแขนไว้
“เดี๋ยว ไข่ไก่ขอเป็นไข่ไก่ออแกนิคได้มั้ย”
“ได้ครับ วันนี้มีไข่ไก่ออแกนิคจากราชบุรีอยู่พอดี”
พูดจบ ก็ทำท่าจะเดินเข้าไป แต่เสี่ยชาญก็รั้งไว้อีก
“เดี๋ยว น้ำมันที่ใช้ทอดขอเป็นน้ำมันรำข้าวได้มั้ย”
“ได้ครับ น้ำมันรำข้าวนี่ดีต่อสุขภาพ”
เสี่ยชาญพูดต่อ “เดี๋ยว อุณหภูมิน้ำมันอย่าให้เกินสองร้อยองศาเซลเซียสนะ เดี๋ยวไข่จะเกรียม อั๊วไม่อยากเป็นมะเร็ง”
จางชักเริ่มหงุดหงิด “อั๊วทอดไม่ให้เกรียมอยู่แล้วล่ะน่า”
ว่าแล้วก็ขยับจะเดินเข้าบ้าน แต่ก็ถูกรั้งไว้อีก
“เดี๋ยว..”
จางทนไม่ไหว หันมาโวยใส่ “เฮ้ย! จะเอาอะไรอีกเสี่ย”
“เสียงดังทำไมเนี่ย อั้วตวดอวดตวดใจหมด”
“ก็ไหนเฮียบอกจะกินอะไรง่ายๆ ไง เฮียสั่งไข่เจียวละเอียดยิบแบบนี้ คืนนี้จะได้กินมั้ย”
“โห นี่ลื้อเจียวไข่นานขนาดนั้นเลยเหรอ”
จางทำหน้าเซ็ง “ยังจะกวนอีก มันช้าก็ตรงที่เฮียสั่งนี่แหละ”
ขณะทั้งคู่กำลังปะทะคารมกันอยู่ เจนนี่แม่ครัวที่บ้านเฮง ก็เดินออกมาจากในครัวพอดี
“มีเรื่องอะไรกันเหรอ”
เสี่ยชาญหันไปเห้น ก็ทำหน้างง “เฮ้ยอาจาง นี่ลื้อมีเมียแล้วเหรอ”
“ครับเสี่ย วันนี้ก็เลยถือโอกาสแกรนด์โอเพ่นนิ่งซะเลย”
จางหันไปมองหน้าเจนนี่ แล้วก็ตกใจผวา “ตั่วไร้ “
เจนนี่มองค้อน “แหม ทำเป็นตกใจ ยังไม่ชินกันอีกเหรอ”
“ปีนึงจะชินหน้าเธอรึเปล่าก็ไม่รู้”
เสี่ยชาญหันมาถาม “ลื้อเป็นแม่ครัวใหม่เหรอ”
“ค่ะเฮีย หนูชื่อเจนนี่ค่ะ”
จางหันมาขยายความต่อ
“วันนี้เฮียต้องไปทำธุระสำคัญน่ะเสี่ย ก็เลยให้ผมเอาปูนขาวหยอดรู เอานังนี่มาช่วยทำอาหาร”
“ฉันคนไม่ใช่หอยหลอด”
“คงจะประสบการณ์ไม่น้อยเลยสิท่า ไม่งั้นอาเฮงไม่ยอมให้ลื้อมาทำงานที่นี่หรอก”
เจนนี่รีบรับคำ “อ๋อ ร้านอาหารดังๆ นี่ หนูผ่านมาหลายร้านแล้วล่ะค่ะ”
“เป็นแม่ครัว?”
“เดินผ่านค่ะ”
เสี่ยชาญรีบโบกมือไล่ “ไปๆ อั๊วหิวแล้ว ไปเจียวไข่ให้อั๊วเกียนด่วนเลย อย่ามาตะหลวก”
พอเจนนี่เดินเข้าบ้านไป จางก็หันมาทำหน้ากวนใส่เสี่ยชาญ
“เฮียนี่ประเดิมงานน้องเจนนี่เลยนะเนี่ย”
“ประเดิมงาน พูดซะเกียนไม่ลงเลย”
“อ่ะ เค้กชาเขียว เจ้านี้อร่อยสุดๆ เลยนะ”
อัครเดชเดินยิ้มเข้ามา พลางยื่นกล่องเค้กให้หญิงใหญ่ ภรณีอดหันมาแขวะไม่ได้
“ยังไงๆ เกมจบแล้วไม่ใช่เหรอคะ มาให้อะไรกันอีก”
“ก็ฉันอยากเทคแคร์คนที่ฉันห่วงใยต่ออ่ะ มีไรป่ะ”
หญิงใหญ่ได้ฟังก็อึ้งไป ภรณียังแซวต่อ
“นั่นแนะ นี่จะจีบเพื่อนฉันงั้นเหรอ บอกไว้เลย เพื่อนฉันไม่ได้จบนาฏศิลป์ จีบไม่ได้”
อัครเดชทำหน้าซีเรียส “อย่ามาตลก ฉันกำลังจริงจัง แก้วเรามีเรื่องสำคัญจะบอกน่ะ”
จังหวะนั้นตี๋ใหญ่เดินออกมาจากห้องทำงานมาได้ยินพอดี เลยตัดสินใจแอบฟัง
“เรื่องสำคัญอะไรเหรอ”
“เราชอบเธอนะ ชอบมานานแล้วด้วย”
ภรณีทำท่าตกอกตกใจจนโอเวอร์ “คุณแพะช่วยกล้วยบวชชี”
หญิงใหญ่ยิ่งอึ้งหนัก พอๆ กับตี๋ใหญ่ อัครเดชยังรุกต่อ
“แก้วยังไม่ต้องชอบเราก็ได้นะ เพราะเราจะพิสูจน์ให้ แก้วเห็น ว่าเราจริงใจกับแก้วแค่ไหน”
ตี๋ใหญ่ถอนหายใจ พลางครุ่นคิดหนัก ว่าจะเอายังไงต่อไป
เมื่อตี๋ใหญ่กับหมวยเล็กกลับมาถึงบ้าน จางก็ทำหน้าที่แนะนำเจนนี่ให้รู้จัก
“คนนี้คุณตี๋ใหญ่ ลูกชายคนโตของเฮีย”
เจนนี่ยกมือไหว้อย่างชดช้อย “สวัสดีค่ะคุณตี๋ใหญ่”
“สวัสดีครับ ชื่อนี่แม็ทช์กับใบหน้ามากเลยนะ”
เจนนี่ยิ้มหวาน “ใครๆ ก็พูดแบบนี้ค่ะคุณตี๋ใหญ่” พูดพลางมองตี๋ใหญ่เขม็ง “ใหญ่สมชื่อจริงๆ ด้วย”
ตี๋ใหญ่สะดุ้งโหยง “เฮ้ย อะไรใหญ่ครับพี่”
“กล้ามน่ะค่ะ”
ตี๋ใหญ่ถอนใจโล่งก “อ๋อ ผมก็คิดว่าไอ้นั่น”
หมวยเล็กเป็นฝ่ายสะดุ้งบ้าง “อะไรเฮีย”
“พุงไง ช่วงนี้เฮียไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย รู้สึกมีพุง”
“เฮ้อ หมวยก็คิดว่าไอ้นั่น”
จางหันขวับมาทันที “อะไรเหรอครับคุณหมวยเล็ก”
“ขาไง เฮียตี๋ใหญ่ชอบเตะบอล ขาก็เลยใหญ่”
“เฮ้อ..ผมก็คิดว่า...”
ตี๋ใหญ่รีบเบรค “พอเถอะ ถ้าเล่นไม่หยุด เดี๋ยวมันจะถึงคิวไอ้นั่นซะ”
“อะไรเหรอ”
เจนนี่กำลังจะเผลอหลุดปากออกมา
“ก็ค...ถุย! ไม่เอาค่ะ เล่นอะไรให้เกียรติหน้าตาเจนนี่นิดนึง เจนนี่ลูกมีพ่อมีแม่นะคะ”
ตี๋ใหญ่ยิ้มขำ “อ้าว คิดว่าเกิดจากการแบ่งเซลล์”
“คนนะคะไม่ใช่แบคทีเรีย หยอกมิหยอก”
“หยอกน่า สร้างความหนิดหนม”
จางรีบพูดต่อ
“เฮียมีลูกชายคนรองอีกคนชื่อคุณตี๋เล็ก ตอนนี้ยังไม่กลับจากมหาลัย ส่วนนี่คุณหมวยเล็ก”
“หวัดดีค่ะพี่” หมวยเล็กยกมือไหว้ ก่อนจะรีบดักคอ “ไม่ต้องเล่นนะคะว่าอะไรเล็ก”
“แหม ดักกันขนาดนี้ ไม่เล่นก็ด๊ะ”
“ระหว่างที่พี่กำลังหาห้องเช่า เตี่ยผมอนุญาตให้พี่นอนที่นี่ไปก่อนได้นะครับ”
เจนนี่ยิ้มหวาน “อุ๊ย เฮียมีน้ำใจขนาดนี้ เจนนี่อยากจะตอบแทนให้หนำใจซะเหลือเกิน”
พูดพลางแกล้งมองตี๋ใหญ่ตาเยิ้มเหมือนจะกลืนกิน ฝ่ายถูกมองสะดุ้งโหยง
“ตอบแทนก็พอครับ ไม่ต้องถึงกับหนำใจ ผมใจคอไม่ดีเลยเนี่ย”
“หยอกน่ะค่ะ สร้างความหนิดหนม”
จางหันมาโบกมือไล่ “ไปๆ งานอะไรค้างอยู่ก็ไปทำซะให้เสร็จ”
“อะเครค่ะ”
พอเจนนี่เดินออกไป หมวยเล็กก็หันมาทางพี่ชายคนโต “พี่เค้าฮาดีนะเฮีย”
จางรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ลิ้นดีซะด้วย ชอบมั้ยครับคุณตี๋ใหญ่”
ตี๋ใหญ่ทำหน้าเมื่อย “ชอบกับผีน่ะสิ”
หมวยเล็กกับจางหัวเราะตี๋ใหญ่กันสนุกสนาน
ฮันนี่เอาถุงขยะมาวางหน้าบ้าน เจนนี่ที่เดินเอาถุงขยะออกมาวางเหมือนกัน หันมาเห็น ก็พูดทักทาย
“หวัดดี”
ฮันนี่หันมายิ้มรับ “ไฮ”
“มีอะไรจะให้ฉันงั้นเหรอ”
ฮันนี่โบกมือ “โนๆ ฉันเซย์ไฮ ทักทายเธอเฉยๆ เธอเป็นพนักงานใหม่เหรอ”
“ใช่ ฉันเป็นแม่ครัวน่ะ”
ฮันนี่ตาโต “ว้าว ร้านเถ้าแก่เฮงขายดีจนต้องรับแม่ครัวเพิ่มแล้วเหรอเนี่ย”
“เห็นอาจางบอกว่า ช่วงนี้ลูกชายคนรองแกเรียนหนักน่ะ เฮียทำอาหารไม่ทันก็เลยรับเพิ่ม เดี๋ยวฉันเข้าไปทำงานต่อนะ ว่างๆ ค่อยเม้าท์มอยกัน”
“yeah”
พอเจนนี่เดินเข้าบ้านไป ฮันนี่ก็เหลือบเห็นว่าถุงขยะที่อีกฝ่ายเอามาวางผูกไม่แน่นก็เลยไปผูกให้ ก่อนจะเห็นขวดน้ำปลาใหม่ และพวกอาหารกระป๋องอีกหลายชนิดปนอยู่กับขยะ
“เฮ้ย ยังไม่หมดเลย ทิ้งแล้วเหรอ”
ครู่หนึ่งก็มีชายฉกรรจ์ ท่าทางเหมือนคนเก็บขยะ ขี่ซาเล้งเข้ามาจอด ก่อนจะเข้ามาหยิบถุงขยะที่
เจนนี่วางไว้ขึ้นรถ แล้วก็รีบขี่ออกไปโดยไม่ยอมหยิบถุงของฮันนี่ไปด้วย
“อ้าว ถุงนี้ไม่เอาไปด้วยเหรอ”
ฮันนี่เดินกลับเข้ามาในบ้าน เห้นทั้งหญิงใหญ่ หญิงเล็กและชายเล็ก กำลังง่วนอยู่กับการนั่งเล่น
มือถือของตัวเอง ก็อดแซวไม่ได้
“แหม โรคก้มหน้า เดี๋ยวนี้ระบาดหนักนะคะเนี่ย”
หญิงเล็กเงยหน้าขึ้นมา “พูดอย่างกับตัวเองไม่เป็นงั้นแหละพี่ฮันนี่”
หญิงใหญ่เงยหน้าตาม “ใช่ อย่าให้เห็นนะว่าเป็นสังคมก้มหน้ากับเค้าเหมือนกันน่ะ”
“โอ๊ย ไม่มีทางได้เห็นชัวร์ค่ะ”
“พนันกันมั้ยล่ะ”
ชายเล็กพูดท้า ฮันนี่หยิบมือถือรุ่นที่โทรเข้า-ออกได้อย่างเดียวออกมาวาง
“อ่ะ จะพนันอะไรก็ว่ามา”
ชายเล็กยิ้มขำ “โห่ โทรศัพท์แบบนี้จะก้มดูอะไรล่ะพี่ฮันนี่”
“มาเซลฟี่กันหน่อยซิ”
หญิงใหญ่แกล้งหยิบมือถือของฮันนี่ทำท่าเซลฟี่ ชายเล็ก หญิงเล็ก และฮันนี่เคลิ้มถ่ายด้วย แก้วกัลยาเดินถือสมุดบัญชีออกมาเห็นลูกๆ ถ่ายรูปกันสนุกสนาน ก็วิ่งเข้าไปถ่ายด้วย
“อุ๊ย แม่ถ่ายด้วย” พลางทำท่าแอ๊บแบ๊วถ่ายรูป ก่อนจะเห็นโทรศัพท์ “เฮ้ย โทรศัพท์นี่มันไม่มีกล้องนี่”
หญิงใหญ่หัวเราะขำ “แหม แอ๊บซะลูกดูแก่เลยนะคะแม่”
“ไม่มีอะไรเล่นกันแล้วใช่มั้ยเนี่ย เสียรมณ์”
ฮันนี่นึกขึ้นมาได้ ก็รีบบอก
“เอ้อ ฮันนี่มีเรื่องจะเม้าท์ค่ะ เมื่อกี๊ฮันนี่ไปเจอแม่ครัวคนใหม่ของบ้านโน้นมาค่ะ นางเอาถุงขยะออกมาทิ้งหน้าบ้าน แต่ของในถุงขยะมีแต่น้ำปลา อาหารกระป๋อง ของดีๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ”
ชายเล็กทำหน้ากวน “นี่พี่ฮันนี่ไปคุ้ยขยะบ้านโน้นมาเหรอครับ”
“ก็มันหิวๆ เลยลองหาอะไรกินนิดนึง บ้าอีกแล้ว ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ฮันนี่เห็นถุงขยะมันผูกไม่โอเค กลัวจะหกเรี่ยราด ก็เลยเข้าไปผูกให้ แล้วก็เห็นของในถุงน่ะค่า”
“ของหมดอายุหรือเปล่า”
แก้วกัลยาเดา หญิงใหญ่รีบแย้ง
“อาหารกระป๋องหมดอายุพอเข้าใจได้นะคะ แต่น้ำปลาหมดอายุนี่ไม่น่ารึเปล่า”
หญิงเล็กพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นสิ ไม่เคยเจอเลยนะ น้ำปลาที่ไหนเก็บจนหมดอายุเนี่ย”
“เรื่องของเค้า เราอย่าไปยุ่งเลย มาช่วยแม่ทำบัญชีดีกว่า”
แก้วกัลยาเปิดสมุดบัญชีขึ้นมา ชายเล็กกับหญิงเล็กรีบเดินเข้าไปช่วยกันดู ส่วนหญิงใหญ่แอบ
ทำหน้าครุ่นคิด รู้สึกแปลกๆ กับเรื่องนี้
ตี๋ใหญ่ดูรายการซื้อของเข้าครัว แล้วก็ทำหน้าสงสัย ก่อนจะหันไปถามเจนนี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“น้ำปลาหมดแล้วเหรอ ทำไมหมดเร็วจังล่ะ น้ำตาลก็ด้วย”
“ช่วงนี้ที่ร้านขายดีน่ะค่ะคุณตี๋ใหญ่”
ตี๋ใหญ่ขมวดคิ้ว “เหรอ ขายดีขนาดนั้นเลย”
จังหวะนั้น จางก็เดินเข้ามาพอดี “ มีอะไรกันเหรอครับ”
ตี๋ใหญ่รีบยื่นรายการซื้อของให้จางดู
“จางดูซิ ว่าทำไมของพวกนี้ หมดเร็วจัง เพราะฉันเห็นตี๋เล็กเพิ่งซื้อเข้าร้านตั้งหลายอย่างนะ”
จางดูรายการซื้อของ แล้วก็เงยหน้ามาตอบ
“ช่วงนี้ลูกค้าเยอะครับคุณตี๋ใหญ่ ของก็เลยหมดเร็วน่ะครับ”
“เหรอ”
ตี๋ใหญ่ยังคลางแคลงใจนิดๆ ก่อนที่หมวยเล็ก จะเดินเข้ามาหา ท่าทางรีบร้อน
“เฮียๆ ไปส่งหมวยหน่อยสิ สายแล้วเนี่ย”
“โอเค” ตี๋ใหญ่ล้วงหยิบเงินให้จางสองพัน “ฝากร้านด้วยนะจาง อะไรขาดก็ซื้อแล้วเก็บบิลไว้”
“ไม่ต้องห่วงครับคุณตี๋ใหญ่ จางดูแลเองครับ”
พอตี๋ใหญ่เดินออกไปกับหมวยเล็ก เจนนี่ก็แอบถอนหายใจเบาๆ
ขณะที่ตี๋ใหญ่ทำงานอยู่ในห้อง พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก่อนที่หญิงใหญ่จะเดินหน้าตาซีเรียสเข้ามา
“อ้าวคุณ เชิญนั่งครับ”
“ฉันมีเรื่องจะมาบอกคุณน่ะ”
“จะลาออกเหรอ ทำไมล่ะ เกิดอะไรขึ้น”
ตี๋ใหญ่เล่นมุก แต่หญิงใหญ่ไม่ขำด้วย “ซีเรียสอยู่ ขี้เกียจตลก”
“แหม อุตส่าห์ปู จะช็อตให้สักมุกก็ไม่ได้ มีอะไรเหรอคุณ”
หญิงใหญ่ตัดสินใจเล่าให้ฟัง
“เมื่อคืนพี่ฮันนี่ออกไปทิ้งขยะแล้วเจอกับแม่ครัวคนใหม่ของคุณน่ะ พี่ฮันนี่เห็นอาหารกระป๋องแล้วก็น้ำปลาในถุงขยะบ้านคุณด้วยนะ”
“คุณหมายถึงขวดน้ำปลากับอาหารกระป๋องที่ใช้แล้ว งั้นเหรอ”
หญิงใหญ่ทำหน้าเซ็ง “นี่ ถ้าของพวกนั้นใช้แล้ว ฉันจะมาเล่าให้คุณฟังเพื่อ?”
“หมายความว่าของพวกนั้นยังไม่ได้ใช้”
หญิงใหญ่พยักหน้า “เออสิ ฉันถึงได้มาเล่าให้คุณฟังนี่ไง”
“เมื่อเช้าพี่เจนนี่ก็มาเบิกเงินซื้อน้ำปลากับของเพิ่มตั้งหลายอย่าง ผมก็งงอยู่ว่าทำไมของหมดเร็วจัง”
“ฉันมีเรื่องมาบอกแค่นี้แหละ ที่เหลือคุณก็สืบต่อเองแล้วกัน”
ตี๋ใหญ่ยิ้มหวาน “ขอบคุณนะที่เป็นห่วงกัน”
“ฉันกลัวร้านนายเจ๊งไปก่อนน่ะ เดี๋ยวจะสู้กันไม่สนุก”
หญิงใหญ่ยักคิ้วให้แล้วลุกเดินออกไป ตี๋ใหญ่อมยิ้มก่อนจะกลายเป็นเครียด เพราะเริ่มรู้สึกแปลกๆกับเจนนี่
หญิงใหญ่เดินอมยิ้มกลับมาที่โต๊ะ ภรณีหันมาเห็น ก็แซวเสียงดัง
“เดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกมาจากห้องผู้ช่วยแบบนี้ ท่าจะมี something หลังเกมบัดดี้ซะแล้วมั้ง”
หญิงใหญ่รีบโวยวายกลบเกลื่อน “เฮ้ย พูดไรของแกเนี่ย”
“ก็พูดไปตามสิ่งที่เห็นไง”
“แต่สิ่งที่แกเห็น มันไม่ใช่สิ่งที่แกคิดแน่นอน”
“นั่นแน่ะ แล้วรู้เหรอ ว่าฉันคิดอะไรอยู่”
อัครเดชได้ยิน 2 คนคุยกัน ก็ลุกเดินเข้ามาพูดแทรก
“ก็คงคิดแต่เรื่องไร้สาระไปวันๆ นั่นแหละ”
ภรณีหันไปมองค้อน “ฉันคุยกับเพื่อนฉันอยู่ แกยุ่งอะไรด้วย”
“ก็ไม่อยากยุ่งล่ะนะ ถ้าเธอตั้งใจทำงาน ไม่มามัวจับคู่จงคู่จิ้นรบกวนคนอื่นเค้าแบบนี้”
ภรณีเบ้ปากใส่ “ฉันจับคู่ใครไม่เคยพลาด อย่างเพื่อนฉันเนี่ย คู่ควรกับผู้ช่วยเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ชายโลว์โปรไฟล์อย่างแก”
หญิงใหญ่เห็นเรื่องจะไปกันใหญ่ ก็รีบพูดปราม “ไม่เอาน่ะณี”
“เห็นมั้ย แก้วเค้าเป็นห่วงปกป้องฉัน แบบนี้แก้วเค้ามีใจให้ฉันเว้ย ไม่ใช่ผู้ช่วย จริงมั้ยแก้ว”
หญิงใหญ่โดนรุกซึ่งๆ หน้า ก็อึกอัก “เอ่อ”
“พูดต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ ใครๆ ก็เขิน เราเข้าใจ เอาเป็นว่าเรารู้กัน 2 คนก็พอเนอะ”
อัครเดชยิ้มให้หญิงใหญ่แล้วเดินกลับโต๊ะไป ภรณีหันมาคาดคั้นถาม
“แกเขินไอ้นั่นจริงเหรอ”
หญิงใหญ่ทำหน้าเครียด
“เขินบ้าอะไร เริ่มเครียดแล้วเนี่ย”
“ช่วงนี้เราเรียนหนักน่ะ งานที่บ้านก็ยุ่งมาก คงไม่มีเวลาไปหาแอมหรอก”
ตี๋เล็กคุยมือถือหน้ายุ่ง จนไม่ทันเห็นหญิงเล้กที่เดินเข้ามา
“ก็อยู่กับครอบครัวมากๆ แล้วกัน ไม่มีใครรักแอมดีเท่าพ่อกับแม่หรอก พอเหอะแอม เราผ่านจุดความเจ็บช้ำมาได้แล้ว อย่าให้เรากลับไปเจอจุดจบเดิมๆ อีกเลย เชื่อเรา อยู่กับพ่อกับแม่ เดี๋ยวแอมก็ผ่านมัน ไปได้
แค่นี้ก่อนนะ เราต้องเข้าเรียนแล้ว”
ตี๋เล็กรีบกดตัดสาย พอหันมาด้านหลัง ก็เจอหญิงเล็กเข้าพอดี
“อ้าว ยืนฟังมันจะเมื่อยนะ ทีหลังมาปูเสื่อนั่งฟังเลยก็ได้”
หญิงเล็กแบะปากใส่
“ฉันมีมารยาทหรอกย่ะ เห็นกำลังเคลียร์กับแฟนอยู่ ไม่อยากจะขัดจังหวะ”
“อดีตแฟน” ตี๋เล็กพูดหน้าตาจริงจัง
“นายจะเคลียร์กับแฟน เอ้ย อดีตแฟนก่อนก็ได้นะ งานเดี๋ยวค่อยทำก็ได้”
“ไม่มีอะไรต้องเคลียร์แล้ว พวกผู้หญิงนี่เห็นผู้ชายเป็นหน่วยกู้ภัยรึไง”
หญิงเล็กทำหน้างง “ทำไมเหรอ”
“ก็เจ็บเมื่อไหร่ ถึงโทรมาไง”
ตี๋เล็กพูดแล้วก็นิ่งไป หญิงเล็กเห็นอาการก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเจ็บ
อ่านต่อหน้าที่ 2
ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 12 (ต่อ)
เจนนี่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ในบ้าน ฮันนี่เดินออกมาจะเอาผ้ามาตากที่ข้างรั้ว หันมาเห็นก็เลยทัก
“เฮ้ ยู”
“พูดกับฉันเหรอ” เจนนี่ย้อนถาม
“yeah ถามไรหน่อยสิ ถุงขยะที่เธอเอาออกมาทิ้งเมื่อคืนน่ะ ฉันเห็นมีน้ำปลา แล้วก็ของที่ยังไม่ได้ใช้หลายอย่างเลย เธอทิ้งทำไม why?”
“นี่เธอชอบคุ้ยขยะกินเหรอ”
ฮันนี่พยักหน้ารับ “ก็บางครั้งเวลาช็อต จะบ้าเหรอ ฉันเห็นถุงขยะเธอผูกไม่เรียบร้อย ก็เลยเข้าไปผูกให้ ก็เลยเห็นของพวกนั้นน่ะ”
เจนนี่ทำหน้าใสซื่อ แต่แอบเหน็บ
“ไม่รู้สิ เฮียให้ฉันเอาออกไปทิ้ง ฉันก็เอาไปทิ้ง ฉันไม่ชอบสอดรู้สอดเห็น ส่องถุงขยะของใคร”
“นี่ยูว่าไอเสือกเหรอ”
เจนนี่ยักไหล่ “ก็แล้วแต่จะคิด”
จากนั้นทั้งคู่ก็แว้ดเสียงใส่กัน กระทั่งเฮงกับแก้วกัลยาเดินออกจากบ้านมาไล่ๆ กัน
“เฮ้ยๆ มีเรื่องอะไรกัน”
เจนนี่รีบปั้นหน้าเป็นสาวนุ่มนิ่มน่าสงสาร
“ก็พี่คนนี้สิคะเฮีย อยู่ดีๆ ก็มาหาเรื่องเจนนี่น่ะค่ะ”
ฮันนี่รีบปฏิเสธ “โอ้ มาย ก๊อด คนหรือกิ้งก่าเนี่ย ปรับโหมดเร็วมาก”
เฮงหันขวับมาเอาเรื่องทันที “ เฮ้ย ลื้อมาหาเรื่องอะไรเด็กอั๊ว”
แก้วกัลยายกมือทาบอก ตกใจ
“อุ๊ยตายแล้ว เปิดตัวว่าเป็นเด็กเลยเหรอเนี่ย ไม่ยักรู้ว่าชอบของแปลก”
เฮงพูดกลับเสียงดัง “คำว่าเด็กอั๊ว หมายถึงพนักงาน ไม่ใช่กิ๊กโว้ย”
“แหม ร้อนตัว แอบคิดก็บอกมาเหอะ”
“อั๊วแก่แต่ก็เลือกนะ อย่างลื้อ อั๊วยังไม่แลเลยจะบอกให้”
แก้วกัลยาของขึ้นเลย “อ๊าย”
เสี่ยชาญได้ยินเสียง ก็รีบวิ่งเข้ามา ทั้งที่เคี้ยวข้าวเต็มปาก จนพูดไม่รู้เรื่อง
“!@!%@$#^*&^%I(^*&O&(*P)*(_+()++()”
เฮงหันกลับมาตอบ
“ก็ไอ้คนบ้านนี้น่ะสิ หาเรื่องเด็ก เอ้ย แม่ครัวของอั๊วก่อน”
เสี่ยชาญหันมาทางแก้วกัลยา “!#@)_(&^$%^#@#^*&^(&_*(+(_+”
“ไม่จริงนะเสี่ย ฮันนี่ไม่ใช่คนที่หาเรื่องใครก่อน”
เสี่ยชาญหันกลับมาทางเฮง “%@!%&()(_)*_)%#@*&^)(*&_)+)_(“_
แก้วกัลยารีบพูดแทรกขึ้นมา
“ใช่เสี่ย บอกให้ไอ้หน้าปลาเก๋าชนหินโสโครกลับไปทำอาหารโน่น จะได้ไม่ว่างหาเรื่องคนอื่นเค้า”
ฮันนี่ทำหน้างง “เดี๋ยวค่ะ wait a minute please..คุณนายฟังเสี่ยรู้เรื่องด้วยเหรอคะ”
แก้วกัลยาส่ายหน้า “ฉันเดา”
เสี่ยชาญรีบกลืนข้าวลงคอ “ไปเฮง กลับเหล่าเต๊ง”
ฮันนี่รีบโพล่งออกมา “เฮีย รู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังจะโดน..”
แต่ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกแก้วกัลยาปิดปากไว้
“ไม่ต้องบอก คนแบบนี้บอกไปก็เท่านั้น”
“พูดไรกันไม่รู้เรื่อง”
เฮงส่ายหน้างงๆ ก่อนจะเดินกลับไป เสี่ยชาญเดินตามไปติดๆ เจนนี่มองแก้วกัลยากับฮันนี่แล้วยิ้มใสซื่อก่อนจะเดินตามเข้าบ้านไป
พอเข้ามาในบ้าน เจนนี่ก็รีบยกมือไหว้เฮงด้วยอารมณ์รู้สึกผิด ที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย
“เจนนี่ต้องขอโทษเฮียด้วยนะคะ ที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น”
“ไม่เป็นไรหรอก ลื้อโดนหาเรื่องก่อนไม่ใช่เหรอ”
เจนนี่แกล้งตีหน้าเศร้า
“ค่ะเฮีย เจนนี่ทำงานอยู่ดีๆ คนบ้านโน้นก็มาแซวแล้ว ก็หาเรื่องเจนนี่..ที่ว่าบ้านเฮียกับบ้านโน้นไม่ถูกกัน เจนนี่เชื่อแล้วล่ะค่ะ”
เสี่ยชาญทำหน้าเอือมระอา
“มันอะไรกันนักหนานะ ที่บ้านลื้อไปช่วยจัดการกับเด็กแว้นซ์ได้ อั๊วคิดว่าอาแก้วจะมองลื้อในแง่ดีขึ้นแล้วนะเนี่ย”
“คนบ้านนั้น มันสะกดคำว่าสำนึกไม่เป็นหรอกเสี่ย”
พอเฮงพูดจบ จางก็เดินออกมาหน้าตาตื่นตกใจ “เฮีย แย่แล้ว”
“พูดดีๆ ก็ได้ จะตื่นตกใจทำพระแสงของ้าวอะไรของแก”
จางเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มแจ่มใส “หูฉลามในครัวหายครับเฮีย”
เฮงสะดุ้งตกใจ พูดทวนคำเสียงดัง “หูฉลามหาย”
เสี่ยชาญเลยหันมาย้อนเข้าให้ “พูดดีๆ ก็ได้ จะตื่นตกใจทำพระแสงของ้าวอะไรของลื้อ”
“หูฉลามหายนะเสี่ย ไม่ใช่เห็ดหูหนูหาย มันหายไปได้ยังไงวะ”
จางส่ายหน้าดิก “ถ้าผมรู้ก็คงหาเจอแล้วล่ะครับเฮีย”
เฮงทำท่าจะเป็นลม “โอ๊ย อั๊วจะเป็นพายุ”
เสี่ยชาญรีบแก้ “เป็นลม”
“เป็นลมมันเบาไปสำหรับเรื่องนี้”
เจนนี่ทำเป็นครุ่นคิด “เดี๋ยวนะคะ เจนนี่นึกอะไรออกแล้ว”
เฮงหันมาถาม “อะไรเจนนี่”
“เมื่อคืนตอนที่เจนนี่นอนอยู่น่ะค่ะ เจนนี่ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กดังมาจากในครัวค่ะ”
จางรีบถามต่ออย่างร้อนรน “ขโมยเหรอ”
“พี่ก็ไม่แน่ใจนะ พี่สะลึมสะลืออยู่ตอนนั้นเลยมองอะไรไม่ค่อยชัด พี่เห็นเป็นผู้หญิงทำอะไรอยู่ในครัวน่ะ”
“หมวยเล็กลงมาหาของกินรึเปล่า”
“ตอนแรกเจนนี่ก็คิดอย่างนั้นค่ะ แต่พอเจนนี่เรียกคุณหมวยเล็กปุ๊บ ผู้หญิงคนนั้นก็วิ่งข้ามรั้วไปบ้านข้างๆ เลยค่ะ”
เฮงพยักหน้าหงึก “แสดงว่าเป็นคนบ้านนั้น”
“เจนนี่ไม่แน่ใจนะคะ เพราะไฟมันสลัวมาก แล้วเจนนี่ก็สะลึมสะลืออยู่ ลักษณะผู้หญิงคนนั้นผอมบางค่ะ”
“แก่หรือวัยรุ่น”
“มีอายุค่ะ บอกแล้วไงคะว่าเจนนี่เห็นไม่ค่อยชัด เจนนี่สะลึมสะลืออยู่”
เสี่ยชาญทนไหว “โอ๊ย สะลึมสะลือแต่เห็นว่าเป็นคนมีอายุ แสดงว่าลื้อนี่ ตาทิพย์แล้ว”
“บางทีแถวบ้านก็เรียกเจนนี่ว่าเจนตาทิพย์ค่ะ”
“แล้วญานหายไปไหนซะล่ะคุณเจน” เสี่ยชาญถามต่อ
“ญาณเสียค่ะ ซ่อมอยู่ที่อู่ แฮ่”
เฮงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“นังลิเกหลงวิก นี่ลื้อมากระตุกหนวดเสืออีกแล้วใช่มั้ย”
แก้วกัลยากับชายเล็กช่วยกันเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้า พลันเฮงก็เดินดุ่มๆ เข้ามา โดยมีหมวยเล็กรีบตามมาด้วย
“เฮ้ย นังลิเก ลื้อแกล้งเอาหูฉลามของอั้วไปใช่มั้ย”
แก้วกัลยาทำหน้างง “หูฉลามอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง”
หมวยเล็กรีบพูด “ไม่มีอะไรค่ะ เตี่ยหมวยเข้าใจอะไรผิดนิดหน่อยน่ะค่ะ”
เฮงพูดเสียงดังขึ้นมาทันที
“บ้านนี้เป็นคู่ขัดแย้งเรา ถ้าไม่ใช่แล้วจะเป็นใครได้ ที่สำคัญ เจนนี่เห็นคนที่ขโมยหูฉลามกระโดดข้ามรั้วมาที่บ้านลื้อ”
“อ้าวเฮ้ย ปรักปรำกันแบบนี้ เดี๋ยวก็เจอกันที่ศาลหรอก”
ชายเล็กรีบปราม “ ใจเย็นครับคุณแม่
หญิงใหญ่กลับจากที่ทำงานเดินเข้ามาพอดี “ มีเรื่องอะไรกันเหรอคะ”
“ก็ไอ้งิ้วนี่สิ มาหาว่าแม่ขโมยหูฉลามบ้านมันมาน่ะ”
“ถ้าลื้อบริสุทธิ์ใจจริง ให้อั๊วค้นบ้านมั้ยล่ะ”
แก้วกัลยาหันไปมองหน้าเฮงอย่างเอาเรื่อง
“ตำรวจไม่มีหมายศาลยังค้นไม่ได้เลย แล้วแกเป็นใคร จะมาค้นบ้านฉัน”
“กลับบ้านเถอะเตี่ย”
หมวยเล็กพยายามดึงเฮงกลับ
“ไม่กลับ”
ตี๋ใหญ่ได้ยินเสียง 2 บ้านทะเลาะกัน ก็รีบวิ่งเข้ามา
“เตี่ย ใจเย็นๆ ฟังอั๊วก่อน”
“มีอะไรไปคุยกันที่บ้าน อั๊วขอเคลียร์เรื่องหูฉลามก่อน”
“อั๊วก็จะคุยเรื่องนี้นี่แหละ” ตี๋ใหญ่บอกกับเฮง ก่อนจะหันมาพูดกับกับแก้วกัลยา “ผมขอเข้าไปคุยในบ้านคุณแม่ได้มั้ยครับ”
แก้วกัลยาสวนกลับทันควัน “ใครแม่แก”
“เอ่อ ผมขอเข้าไปคุยในบ้านคุณป้าได้มั้ยครับ”
“อ๊าย ไม่เรียกยายเลยล่ะ”
“ครับยาย เย้ย งั้นเรียกพี่แล้วกันครับ นะครับคุณพี่ ขอเข้าไปคุยในบ้านแป๊บนึงนะครับ ผมมีเรื่องสำคัญจริงๆ”
เฮงมองหน้าลูกชายอย่างสงสัย “ลื้อมีเรื่องอะไรวะตี๋ใหญ่”
“เห็นว่าเรียกพี่นะ ไม่งั้นอย่าหวังว่าจะได้เข้าบ้านฉันเลย”
แก้วกัลยาพูดพลางเดินนำทุกคนเข้าไปในบ้าน
เฮงทำหน้าไม่ค่อยเชื่อ หลังจากตี๋ใหญ่เล่าเรื่องเจนนี่ให้ฟัง
“ลื้อสงสัยนังเจนนี่เนี่ยนะ”
“ครับเตี่ย ผมว่าของในถุงขยะนั่นต้องเป็นของที่เจนนี่ยักยอกเอาออกไปขายแน่ๆ”
“ยักยอกของพวกนั้นไปขายมันจะได้สักกี่บาทเชียว คุ้มกับเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางเหรอ”
หมวยเล็กรีบบอก “เค้ายังไม่มีโอกาสขโมยของแพงๆ รึเปล่าเตี่ย”
แก้วกัลยาพูดแทรกขึ้นมา “ใช่ ลื้อลองวางทองไว้ซักเส้นสิ จะได้รู้ว่าหายรึไม่หาย”
เฮงเบ้ปากใส่ “ลื้ออยากรู้ ลื้อก็เอาทองลื้อไปวางสิ”
“ทำไม ทองเอาไปจำนำหมดเหรอ ถึงไม่มีเอาไปวางล่อโจรน่ะ”
“ปากเสีย ออกไปจากบ้านอั๊วเดี๋ยวนี้เลยนะ”
แก้วกัลยายิ้มขำ “นี่มันบ้านฉันโว้ย แหกตาดูซะมั่ง”
หญิงใหญ่เห็นแม่โวยวาย ก็รีบพูดเตือน “เบาๆ ค่ะแม่ เดี๋ยวลูกค้าก็หนีหมดหรอก”
“ใจเย็นๆ ก่อนเตี่ย อั๊วมีแผน”
ตี๋ใหญ่พูดจริงจัง เฮงหันมาถามอย่างสนใจ
“แผนอะไร”
เฮงทำท่าทางฉุนเฉียวออกมาจากบ้านแก้วกัลยา โดยมีตี๋ใหญ่กับหมวยเล็กตามมา จางหันมาเห็นก็พูดล้อ
“โอ้โห หน้ายู่เป็นหมาบลูด็อกมาอีกแล้ว”
“อารมณ์ไม่ดี เดี๋ยวปั๊ดงับคอขาด”
เจนนี่เดินออกมาจากบ้านมา ก็รีบทำเป็นถามอย่างเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างคะเฮีย เค้ายอมรับมั้ยคะ”
ตี๋ใหญ่แกล้งทำหน้าเครียด “ไม่ยอมรับหรอก”
หมวยเล็กทำหน้าเครียดบ้าง “มีเรื่องกับเรากี่ทีๆ ก็ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด มันน่าปวดหัวนะเตี่ย”
“หัวอั๊วจะระเบิดอยู่แล้วเนี่ย พรุ่งนี้ปิดร้านสักวันแล้วกัน”
ตี๋ใหญ่แกล้งทำเป็นเห็นด้วย “ก็ดีนะเตี่ย พักสมองกันบ้างดีกว่า”
“หมวยอยากไปทะเล”
จางรีบยกมือ “ผมก็อยากค้าบ”
“นี่ถ้าไม่เห็นว่าทำงานด้วยกันมานาน จะว่าเสือกเลยนะ”
จางหน้าเจื่อน “โห่ นี่ขนาดไม่ว่านะเนี่ย”
“เจนนี่ อั๊วฝากบ้านไว้กับลื้อทีนะ เดี๋ยวคืนนี้อั๊วจะออกเดินทางกันเลย”
“ได้ค่ะเฮีย ไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวเจนนี่ดูแลอย่างดีเลย”
เจนนี่ยิ้มแย้มเป็นปกติ ไม่แสดงพิรุธอะไรให้เห็น เฮง ตี๋ใหญ่ และหมวยเล็กก็ยิ้มแย้มที่จะได้ไปเที่ยว ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเช่นกัน
ตี๋ใหญ่ถอยรถเข้าบ้านจอดในบ้าน โดยมีเสี่ยชาญเจ้าของบ้านทำหน้าที่คอยโบกรถให้
“มา..มา..มา”
ตี๋ใหญ่ถอยรถช้าๆ เสี่ยชาญยกมือเป็นสัญญาณให้หยุด
“อิก..อิก..อิก..อิ๊ก อิ๊ก อิ๊ก”
ตี๋ใหญ่เข้าใจว่าถอยอีก เลยถอยรถต่อ จนชนกับกองอิฐเล็กๆ ที่วางอยู่ ตี๋ใหญ่ เฮง ตี๋เล็กและหมวยเล็กลงจากรถ
“รถผมชนอะไรน่ะเสี่ย”
“อิกอั๊วน่ะสิ”
เฮงทำหน้าไม่พอใจ “อ้าว แล้วลื้อโบกยังไงวะ ให้ชนอิฐได้”
“ก็อั๊วบอกแล้วว่าอิกๆๆ ลื้อก็ยังถอยมาอยู่ได้”
“อ้าว ผมก็คิดว่าให้ถอยอีก”
เสี่ยชาญหน้าจ๋อย “โห่ อิกอั๊วสั่งมาซ่อมบ้าน แตกหมดเลย”
ตี๋เล็กรีบบอก “แตกไม่กี่ก้อนเองเสี่ย เดี๋ยวให้เตี่ยซื้อคืนให้”
“เรื่องอิฐเอาไว้ทีหลัง รีบไปดูนังเจนนี่ก่อนเถอะ”
“แหม งานตื่นเตี้ยนแบบนี้ อั๊วขอแจมด้วยคนสิ”
“ได้เลยลวกเพี่ย”
เสี่ยชาญหันขวับมาทางหมวยเล็ก
“เฮ้ยอาหมวย ลื้อพูกแบบนี้ลื้อจ่ายค่าลิขเสียดอั๊วด้วยนะ”
เฮงถอนหายใจเซ็งๆ “มันใช่เวลามาเก็บค่าลิขเสียดมั้ย เสียเวลาเจียนๆ”
พูดจบ ก็รีบเดินทำหน้าทุกคนออกจากบ้านไป
เจนนี่เดินไปมาอยู่ในบ้านอย่างองอาจ ราวกับเป็นเจ้าของบ้าน
“บทจะง่ายมันก็ง่ายซะเหลือเกินนะชีวิต”
ว่าแล้วก็รีบหยิบมือถือมากด
“ฮัลโหล ตอนนี้ทางสะดวกมาก พร้อมทำงานรึยัง เอาเครื่องมือหนักมาตัดแม่กุญแจด้วยนะ โอเค รีบมา แล้วเจอกัน”
เจนนี่วางสาย แล้วมองรอบๆ บ้าน ด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม
แก้วกัลยา หญิงใหญ่ หญิงเล็กและชายเล็กซุ่มมองออกไปนอกหน้าต่าง หญิงเล็กอดสงสัยไม่ได้ ต้องรีบหันกลับมาถามแม่
“นี่เราจะช่วยบ้านนั้นจับโจรจริงๆ เหรอคะ หนูว่าแจ้ง ตำรวจจะดีกว่ามั้ย”
หญิงใหญ่รีบบอก “เรายังไม่มีหลักฐานพอน่ะหญิงเล็ก ซุ่มดูให้ชัวร์ก่อนดีกว่า แล้วค่อยแจ้ง”
“นี่เห็นว่าบ้านนั้นช่วยชายเล็กจากพวกเด็กแว้นซ์ไว้นะ ไม่งั้นแม่ไม่เอาด้วยหรอก”
แก้วกัลยาพูดจบ เฮง ตี๋ใหญ่ ตี๋เล็ก หมวยเล็กและเสี่ยชาญเข้ามาในบ้านพอดี หญิงใหญ่รีบหันไป
เชื้อเชิญ
“เชิญค่ะ ตามสบายเลยนะคะ”
“อ่ะขอบคุณนะ”
เฮงพูดพลางนั่งเหยียดแข้งเหยียดขาตามสบายเต็มที่ จนแก้วกัลยาต้องหันมาส่งค้อนให้
“สบายไปมั้ย”
“อ้าว ก็ลูกลื้อบอกให้ตามสบายนี่”
เสี่ยชาญส่ายหน้า “มันสบายจนเกินงาม หัดเกรงใจคนอื่นเค้าบ้างสิ”
ส่วนตี๋เล็กก็เข้าไปส่องที่หน้าต่างใกล้ๆ หญิงเล็ก
“มีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างมั้ย”
“ทางโน้นน่ะยังไม่มี แต่ทางนี้น่ะใกล้ไปล่ะ”
แก้วกัลยามองตี๋เล็กอย่างเขม่น
“นี่ อยู่ห่างๆ ลูกสาวฉันหน่อย ใกล้มากเดี๋ยวสปาร์ค แล้วจะยุ่ง”
เฮงสวนกลับทันที “เฮ้ย ลูกอั๊วน่ะหล่อช่างเลือกเว้ย”
“อ้าว ลูกฉันก็สวยเลือกได้เหมือนกันแหละ”
เสี่ยชาญทำหน้าเอือม
“ลื้อ 2 คนนี่ทะเลาะกันได้ทุกสถานการณ์จริงๆ นะ แทนที่จะสนใจบ้าน มากัดกันอยู่ได้”
หญิงเล็กเดินหนีตี๋เล็กออกมาอยู่กับแก้วกัลยา หมวยเล็กเดินไปดูที่หน้าต่างแทน พร้อมๆ กับที่ตี๋ใหญ่
โพล่งขึ้นมา
“เอ่อ ผมขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้มั้ยครับ”
ชายเล็กรีบบอก “ห้องน้ำข้างล่างพี่ฮันนี่อาบน้ำอยู่น่ะครับ”
หญิงใหญ่พูดต่อ “โอ้โห คนนี้อาบน้ำอย่างนาน ทนไหวมั้ยคุณ”
ตี๋ใหญ่ส่ายหน้ายิก
“ถ้าอย่างนั้นไปขึ้นข้างบนแล้วกัน”
หญิงใหญ่พาตี๋ใหญ่เดินขึ้นบ้านไป ส่วนเฮงกับเสี่ยชาญ ก็เดินไปซุ่มดูที่หน้าต่างร่วมกับตี๋เล็กและ
หมวยเล็ก
หญิงใหญ่เดินนำตี๋ใหญ่มาที่ห้องน้ำชั้นบน ก่อนจะถามแบบเหนียมๆ
“หนักหรือเบาเนี่ย”
“60 กิโล คุณว่าหนักหรือเบาล่ะ”
หญิงใหญ่มองค้อน “ฉันไม่ได้ถามน้ำหนัก ฉันถามว่าถ่ายหนักหรือเบา”
“อ๋อ..เบา”
“โอเค จะได้รอ”
ตี๋ใหญ่หัวเราะขำ แต่ไม่วายยียวน “มีซ่อนกล้องป๊ะเนี่ย”
หญิงใหญ่รีบผลัก “เร็วๆ อย่าลีลา”
“ผลักแบบนี้ ถีบเลยก็ได้นะ”
ขาดคำ หญิงใหญ่ก็ยกเท้าถีบตี๋ใหญ่เข้าไปในห้อง จนหน้าเกือบคมำ
“โทษทีนะ พอดีเป็นคนหัวอ่อน เชื่อคนง่าย”
ตี๋ใหญ่มองหญิงใหญ่ยิ้มๆ ก่อนจะปิดประตูห้องน้ำ แล้วก็ฉี่เสียงดังลอดออกมาด้านนอก หญิงใหญ่ทำท่าสยิวกิ้ว รีบเอามืออุดหู
“นี่ กลัวคนข้างล่างไม่รู้รึไงว่ามีคนเข้าห้องน้ำอยู่น่ะ”
“คิดซะว่าเป็นเสียงน้ำตกไนแองการ่าแล้วกัน คุณ”
“ไอ้บ้า ลามก”
ตี๋ใหญ่กดชักโครกแล้วเปิดประตูออกมา
“ผมพาไปน้ำตกไนแองการ่าแล้ว จะพาผมไปน้ำตกเจ็ดสาวน้อยหน่อยมั้ย”
“ทะลึ่ง”
ตี๋ใหญ่ทำหน้าทะเล้น “คุณนี่ก็ซ่อนรูปเหมือนกันนะ”
“ซ่อนรูปอะไร”
ตี๋ใหญ่มองเข้าไปในห้องน้ำ เห็นชุดชั้นในตากอยู่ หญิงใหญ่หน้าแดงซ่าน
“ไอ้บ้า ไอ้ลามก”
“ลามกอะไร คุณไม่ยอมเก็บเองนี่”
หญิงใหญ่อาย ไล่ทุบตี๋ใหญ่ออกไป
เฮง ตี๋เล็ก หมวยเล็ก ซุ่มมองจากหน้าต่างบ้านแก้วกัลยาออกไปที่บ้านตัวเอง
“เงียบสนิทเลยเตี่ย”
เสี่ยชาญรีบเตือน “ไปยืนกันอย่างนั้นระวังมันจะเห็นเข้านะ ดูคนเดียวก็พอมั้ง”
จังหวะนั้นหญิงใหญ่ก็ไล่ทุบตีตี๋ใหญ่มา “ทุเรศ ไอ้บ้ากาม”
แก้วกัลยาหันไปทางลูกสาวคนโต “อะไร ใครบ้ากามลูก”
“จะใครซะอีกล่ะคะ ก็นายนี่...”
หญิงใหญ่ยังพูดไม่ทันจบ ฮันนี่ก็ยกมือทาบอก ทำหน้าตกใจ
“โอ้มายก๊อด นี่ยูข่มขืนคุณหญิงใหญ่งั้นเหรอ ยูตาย”
ขาดคำตรงเข้าซ้อมตี๋ใหญ่ทันที ทุกคนตกใจเงอะๆงะๆ ทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่เฮงจะโวยวายขึ้นมา
“เฮ้ย เด็กลื้อทำร้ายลูกอั๊วแล้วเนี่ย ทำไมไม่ห้าม”
แก้วกัลยาโวยกลับ
“ไม่ได้ยินเหรอ ลูกแกข่มขืนลูกสาวฉันน่ะ แค่นี้มันยังน้อยไป”
ขาดคำก็เข้าไปผสมโรงกับฮันนี่ เสี่ยชาญรีบเข้าไปช่วยดึงฮันนี่ แต่สู้แรงไม่ได้ หญิงใหญ่รีบบอก
“ไม่ใช่ค่ะหนูไม่ได้โดนข่มขืน”
หญิงใหญ่รีบเข้าไปดึง แก้วกัลยากับฮันนี่กับแก้วกัลยาหยุดกึก
“ไม่ได้โดนข่มขืน?”
ตี๋ใหญ่รีบรับคำ
“ใช่ ผมแค่เห็นชุดชั้นในที่ตากอยู่ในห้องน้ำเท่านั้นเอง ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวใครซักนิด”
แก้วกัลยารีบเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะถามหมวยเล็ก
“มีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างมั้ยหนู”
“ยังไม่มีเลยค่ะ”
เฮงทำหน้าเซ็ง “แหม งานนี้ลูกอั๊วเจ็บตัวฟรีว่างั้น”
“ถ้ารู้ว่าวุ่นวายแบบนี้ อั๊วไม่มาซะก็ดีล่ะ”
ตี๋เล็กได้ยินเสียงชาญพูด ก็หันมาถาม “อ้าว ตื่นเตี้ยนแบบนี้ไม่ชอบเหรอเสี่ย”
“ตื่นเตี้ยนบ้าบออะไร ลื้อ 2 บ้านนี่ทะเลาะกันจนหาความตื่นเตี้ยนไม่เจอแล้ว มีแต่น่ารำคาญ”
พลันเสียงรถสามล้อเครื่อง ก็ดังเข้ามา หมวยเล็กรีบหันมาบอก
“เสียงรถมาจอดหน้าบ้านค่ะ”
ฮันนี่เงี่ยหูฟัง “นี่มันเสียงรถซาเล้งนี่”
ทุกคนรีบวิ่งกรูไปมุงดูกันที่หน้าต่าง
คนเก็บขยะลงจากรถสามล้อเครื่อง ขนอุปกรณ์งัดแงะลงจากรถ พร้อมกับที่เจนนี่เดินเข้ามา
“อุปกรณ์ครบนะ”
“จัดเต็ม”
เจนนี่ยิ้มสะใจ “โอเค ไม่ต้องรีบ คืนนี้ทางสะดวก”
“แน่ใจนะ”
“แน่สิ ป่านนี้ไอ้พวกนั้นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว รีบมาก เดี๋ยวเสียงดัง ไอ้พวกข้างบ้านมันจะสงสัยเอา”
เจนนี่ช่วยขนข้าวของ พาคนเก็บขยะเดินเข้าไปในบ้าน
เจนนี่กับชายฉกรรจ์เดินถือถุงดำใส่ของลงมาจากบนบ้าน
“ได้มาหลายอย่างเลย สบายกันแล้วเรา”
“แปลกนะ นึกยังไงถึงได้ไว้ใจฝากบ้านไว้กับเธอได้”
เจนนี่หัวเราะสะใจ “ก็มันโง่ไง ไม่น่าถาม ฮ่าๆๆ”
สิ้นเสียงหัวเราะ เฮง แก้วกัลยา ฮันนี่และเสี่ยชาญ ก็เดินเข้ามา
“ใครโง่กันแน่หรา”
เจนนี่ผงะ ตกใจ “ เฮีย”
เฮงรีบบอก “ สะใภ้”
กลุ่มเฮง ฮันนี่ แก้วกัลยาและเสี่ยชาญมัวแต่สนใจกันเอง จนลืมจับตามองเจนนี่กับชายฉกรรจ์ ที่แอบหนีออกหลังบ้านไปแล้ว
“โนๆ เซอร์ไพร์ส”
เฮงพูดตาม “เซอร์ใภ้”
ฮันนี่ส่ายหน้าหงึก “ โน คำว่าไพร์ส มี ร.เรือควบกล้ำนิดนึงค่ะ”
เสี่ยชาญทำท่าเลียนแบบน้องณัชชา
“ง่า แอ็คเซ่นมันต้องชัก ดูปากเสี่ยชาญนะคะ เซอร์ เพ้ย”
แก้วกัลยาทำหน้าเมื่อย “หนักกว่าเมื่อกี๊อีกเสี่ย ฉันว่าเสี่ยฝึกพูดไทยให้ชัดก่อนเถอะ”
“แหม จี้ใจดำ มันเจี๊ยบเจียบ”
“ เออๆ ไว้จับนังเจนนี่เข้าคุกได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน มอบตัวซะนังเจนนี่”
เฮงพูดพลางหันมองรอบๆ แต่ปรากฏว่าเจนนี่กับชายฉกรรจ์หายไปแล้ว
“อ้าว มันหายไปไหนแล้วล่ะ”
“ก็ลื้อมัวแต่เรียนภาษาอังเกียดกันอยู่ มันก็หนีไปแล้วน่ะสิ”
“โธ่เว้ย”
เฮงรีบวิ่งนำทุกคนออกไป
ชายฉกรรจ์รีบวิ่งมาสตาร์ทเครื่อง แต่ไม่ติด เจนนี่รีบถามอย่างร้อนใจ
“เสียบกุญแจรึยัง”
ชายฉกรรจ์มองที่รูกุญแจ “กุญแจหาย”
ตี๋ใหญ่เดินถือกุญแจออกมา “อยู่นี่”
“เอากุญแจมา”
ชายฉกรรจ์ปรี่เข้ามาเอากุญแจกับตี๋ใหญ่ ตี๋เล็กและชายเล็กวิ่งออกมาช่วยรุมชายฉกรรจ์ เจนนี่ร้องโวยวาย
“เฮ้ย อย่ารุมกันสิ”
หญิงใหญ่ หญิงเล็กและหมวยเล็กวิ่งเข้ามาช่วยกันล็อกตัวเจนนี่ไว้
“คุณมีสิทธิที่จะไม่พูด เพราะสิ่งที่คุณพูด เราจะใช้ปรักปรำคุณในศาลได้”
หญิงเล็กหันมองพี่สาวอย่างทึ่งๆ “โหย อย่างเท่อ่ะพี่หญิงใหญ่”
หมวยเล็กเอาด้วย “อย่างกับเอฟบีไอในหนังฮอลลีวูดเลยค่ะ”
หญิงใหญ่ยกนิ้วโป้งขึ้นมาเขี่ยจมูกแบบบรูซ ลี เฮง แก้วกัลยา ฮันนี่และเสี่ยชาญเดินออกมาจากบ้าน เจนนี่เจอกลุ่มหญิงใหญ่ล็อกตัวไว้แล้ว ส่วนชายฉกรรจ์เจอกลุ่มตี๋ใหญ่จับตัวไว้เช่นกัน
“เป็นไงบ้าง”
ตี๋ใหญ่รีบบอก “เรียบร้อยเตี่ย”
“ทางนี้ก็เรียบร้อยค่ะ”
ตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่รีบลากเจนนี่กับชายฉกรรจ์มารวมตัวกัน
“แม่โทรแจ้งความไปแล้ว เดี๋ยวตำรวจก็มาถึง”
เจนนี่รีบยกมือไหว้ประหลกๆ
“เฮีย หนูขอโทษ ปล่อยหนูไปเถอะนะ หนูสัญญาว่าจะกลับตัวกลับใจ ไม่ทำแบบนี้อีก”
“หุบปาก ไม่ต้องมาอ้อนวอน”
เสี่ยชาญรีบบอก
“เห็นมั้ย เพราะความสามัคคีของ 2 บ้าน พวกลื้อถึงผ่านเรื่องราวร้ายๆ มาได้ถึง 2 ครั้ง นี่ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีเลยนะเนี่ย”
เฮงกับแก้วกัลยาหันมามองหน้ากัน แต่ก็ไม่วายวางฟอร์มเชิดใส่กัน
ตี๋ใหญ่กับหญิงใหญ่มองหน้าและยิ้มให้กัน ตี๋เล็กกับหญิงเล็กมองหน้าและยิ้มให้กันแบบกั๊กๆ
ชายเล็กหันมายิ้มหวานให้หมวยเล็กมองหน้าและยิ้มให้กัน เสี่ยชาญหันไปมองฮันนี่และเผลอยิ้มให้กัน
“เย้ย! ไม่ต้องมายิ้ม เดี๋ยวภาพติดตา”
อ่านต่อตอนที่ 13