ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 11
ขณะชายเล็กกำลังนั่งใส่ถุงเท้าเตรียมไปโรงเรียน หญิงใหญ่ที่เดินลงมาจากบนบ้านพอดี พอเห็นทรงผมน้องชายก็อดแซวขึ้นมาไม่ได้
“ใช้กาวอะไรทาหัวเนี่ยเรา เรียบดีจัง”
“กาวยู้ฮู..เย้ย เจลครับ”
หญิงใหญ่ยิ้มขำ “หล่อไปให้ใครดูเป็นพิเศษรึเปล่าค้า”
ชายเล็กพูดเสียงต่ำมาก “ไม่มี”
“เสียงต่ำไป๊”
ชายเล็กทำหน้าเขิน “สูงไปเดี๋ยวมีพิรุธ”
ระหว่างนั้นแก้วกัลยาก็เดินง่วงลงมาจากบ้าน พร้อมๆ กับที่ฮันนี่เดินเข้ามาจากหน้าบ้านพอดี
“ตื่นสายนะคะคุณนาย”
แก้วกัลยาหาวหวอดๆ “สายสิ กว่าจะนอนได้ตั้งตีสามตีสี่”
หญิงใหญ่ทำหน้าสงสัย “โห ทำไมนอนดึกจังคะ”
“ก็เด็กแว้นซ์แข่งรถกันทั้งคืน ไม่ได้ยินกันบ้างเหรอ”
ฮันนี่โพล่งขึ้นมา “โชคดีที่ฮันนี่ขี้เอา”
หญิงใหญ่สะดุ้งโหยง “หะ?
“Oh no! ขี้เซาค่ะ พอหัวถึงหมอนปุ๊บก็หลับเป็นตายเลย”
หญิงใหญ่หันมาบอกแม่ “หนูก็หลับไม่รู้เรื่องเลยค่ะ”
แก้วกัลยาทำหน้าเซ็ง “เกลียดมากเลย พวกเก่งบนถนนเนี่ย ชายเล็กห้ามไปแว้นซ์กับเค้าเด็ดขาดนะรู้มั้ย”
ชายเล็กรีบบอก “ไม่อยากให้ผมแว้นซ์ ก็ซื้อบิ๊กไบค์ให้ผมซักคันสิครับ”
“เอามะเหงกไปก่อนแล้วกัน”
แก้วกัลยาพูดพลาง จะเดินเข้าไปเขกหัวลูกชาย ชายเล็กรีบวิ่งออกจากบ้านไป
รอนกำลังนั่งขัดสีฉวีวรรณรถตัวเองอยู่อย่างทนุถนอม เอ็มนั่งมองก่อนจะออกปากแซว
“จอดปุ๊บขัดปั๊บเลยนะพี่รอน”
“ไม่ได้เว้ย คันนี้ทำเงินมาหลายแม็ทช์แล้ว ต้องดูแลกันหน่อย”
ว่าแล้วก็เผลอจูบท่อไอเสียอย่างรักใคร่ ก่อนจะร้องจ๊ากเพราะท่อยังร้อนอยู่ เอ็มหัวเราะขำ
“เป็นไงมั่งเพ่ โอ้โห เหงือกสุกกำลังได้ที่เลย ถ้ามีน้ำจิ้มแจ่วหน่อยนะ”
“งั้นไปหาน้ำจิ้มมา เดี๋ยวเฉือนเหงือกกินกัน ถุย บอกกี่ครั้งแล้วอย่าแซวเหงือก ไม่ชอบ”
เอ็มหันไป เห็นหมวยเล็กเดินถือกระเป๋ามาคนเดียวตรงมาพอดี “เฮ้ยพี่ หญิงมา”
รอนเห็นปุ๊บ ก็รีบดิ่งเข้าไปหาทันที “สวัสดีครับ”
“หวัดดีค่ะ”
รอนทำหน้ากรุ้มกริ่ม “ชื่ออะไรครับเนี่ย”
“ขอโทษนะคะ ฉันจะรีบไปเรียน”
“ถ้ารีบก็นั่งยานพี่ไปมั้ยล่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
เอ็มรีบท้วง “จีบสาวต้องมุกเสี่ยวสิพี่รอน”
“มุกเสี่ยวไร ไม่มี” พูดพลางทำตาเจ้าชู้ใส่หมวยเล็ก “มุกเสี่ยวอาจจะไม่มาก แต่ถ้ารักออกจากปาก แปลว่ารักมากๆ เลย นะ จุ๊บุจุ๊บุ”
หมวยเล็กทำหน้าเอือม พยายามเดินหนี แต่รอนรีบเข้าไปขวางไว้
“เฮ้ย ทำไรวะ”
ชายเล็กตะโกนลั่น ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามา หมวยเล็กรีบถลันเข้าไปหา เอ็มหันมาพยักเพยิดกับลูกพี่
“มีพระเอกขี่ม้าขาวว่ะพี่”
รอนหันไปจ้องหน้าชายเล็กอย่างเอาเรื่อง “เฮ้ย ยุ่งไรด้วยวะ อยากเจ็บตัวเหรอ”
พูดพลางทั้งคู่ก็ทำท่าหักนิ้วยืดเส้นยืดสาย เตรียมใช้กำลัง ชายเล็กคิดหาทางเอาตัวรอด
“เฮ้ย รู้รึเปล่าว่ากูลูกใคร”
“อ่ะ ลูกใครหรา?”
รอนทำหน้าล้อ หมวยเล็กไม่รู้มุก
“นี่น่ะ ลูกชายเจ้าของร้านอาหารไทยที่อร่อยที่สุดในย่านนี้เชียวนะ”
ชายเล็กหน้าเสียเพราะหมวยเล็กทำผิดแผน รอนหัวเราะเหยียดๆ “โอ้โห น่ากลัวจุง”
ชายเล็กรีบกระซิบหมวยเล็ก “จะแอ๊บเป็นลูกนักการเมืองต่างหากล่ะ บอกเป็นลูกเจ้าของร้านอาหารใครเค้าจะกลัว”
หมวยเล็กหน้าเหรอ “อ้าว?”
รอนหันมาตวาดใส่ “เฮ้ย ไม่อยากเจ็บตัวก็หลบไป”
“ไม่หลบ แน่จริง ตัวๆ มั้ยล่ะ”
“นี่ไม่ใช่นิยาย มาตัวๆ ไรเฮ้ย”
เอ็มพูดจบก็เปิดฉากชกชายเล็ก ก่อนจะจับล็อกแขนให้รอนเข้ามาต่อยซ้ำ หมวยเล็กพยายามจะช่วยแต่ก็ถูกผลักออกไป
รอนกับเอ็มรุมชกชายเล็กอีกพักหนึ่ง เสียงแตรรถก็ดังรัว หมวยเล็กหันไปมอง แล้วก็ตะโกนเสียงดัง “พี่ตี๋ใหญ่”
รถตี๋ใหญ่ปราดเข้ามาจอด เอ็มกับรอนวิ่งไปสตาร์ทรถแล้วบิดหนีไป
“เกิดอะไรขึ้นหมวยเล็ก”
“เด็กที่ไหนไม่รู้เฮีย มาหาเรื่องหมวย ชายเล็กมาช่วย ก็เลยโดนรุม”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า ไปโรงพยาบาลมั้ย เดี๋ยวพี่พา ไป”
ตี๋ใหญ่ถามอย่างเป็นห่วง ชายเล็กส่ายหน้ายิก
“ไม่เป็นไรครับ แผลนิดหน่อยเอง”
หมวยเล็กรีบเสนอ “งั้นไปทำแผลบ้านเสี่ยชาญก่อนดีกว่า”
ตี๋ใหญ่กับหมวยเล็กรีช่วยกันประคองชายเล็กเดินไปบ้านเสี่ยชาญที่อยู่ใกล้ๆ
หมวยเล็กเอาไม้พันสำลีเช็ดเลือดที่มุมปากชายเล็ก ก่อนที่เสี่ยชาญที่นั่งดูอยู่ใกล้ๆ กับตี๋ใหญ่ จะพูดขึ้นมา
“แถวนี้ไม่มีเด็กแว้นซ์มาก่อกวนนานแล้วนะ สงสัยจะเป็นเด็กต่างถิ่น”
“เรา 2 คนเคยเห็นหน้า 2 คนนั้นมาก่อนรึเปล่า” ตี๋ใหญ่หันมาถามหมวยเล็กกับชายเล็ก
“ไม่เลยเฮีย เพิ่งเคยเห็นวันนี้นี่แหละ”
หมวยเล็กตอบพลางวางไม้พันสำลีแล้วหยิบยาหม่องทาที่แก้มชายเล็ก บริเวณที่ฟกช้ำ
“เจ็บเปล่า”
“นิดหน่อย”
หมวยเล็กยิ้มจริงใจ “ขอบคุณนะที่มาช่วยน่ะ ไม่มีเธอ เราคงแย่อ่ะ”
“ไม่เป็นไร เธอปลอดภัย เราก็ดีใจสุดๆ แล้ว”
ชายเล็กพูดจบ ก็มองสบตากับหมวยเล็ก เสี่ยชาญรีบหันไปกระซิบตี๋ใหญ่
“จ้องกันขนาดนี้ ลื้อเตรียมอุ้มหลานเลย ตี๋ใหญ่”
“เดี๋ยวเตรียมซื้อทองรับขวัญเลยเสี่ย..เย้ย คนนะไม่ใช่ปลากัด”
ชายเล็กกับหมวยเล็กยังเคลิ้มกันอยู่ 2 คน ขณะที่เสี่ยชาญพูดต่อ
“แหมะ ลื้อช็อตดังขนาดนี้ ยังจ้องตากันไม่หยุดเลย มันยังไงๆ แล้ววะเนี่ย”
ตี๋ใหญ่เหลือบมอง แล้วแกล้งกระแอมเตือน หมวยเล็กกับตี๋เล็กสะดุ้งหลุดจากภวังค์
“กระโถนมั้ยเฮีย”
“เฮียกลืนล่ะ นี่ทำแผลเสร็จรึยัง เดี๋ยวเฮียไปส่งที่โรงเรียน”
ชายเล็กรีบบอก “ผมโอเคแล้วครับเฮีย”
เสี่ยชาญมองล้อๆ “ต้องโอเคสิ ได้ยาดีนี่”
หมวยเล็กบิดตัวเขินๆ “ยาดีไรเสี่ย”
“คิดกันเอาเองแล้วกัน แต่อั๊วอยากเตือนไว้หน่อยนะ ลื้อสองคนต้องระวังตัวกันไว้บ้างนะ เพราะไม่รู้ว่าไอ้เด็กพวกนี้มันจะมาหาเรื่องอีกรึเปล่า”
ทั้งตี๋ใหญ่ ชายเล็ก หมวยเล็ก หันมองหน้ากันอย่างเป็นกังวล
หญิงเล็กทำท่าตกใจ หลังจากตี๋เล็กเล่าเรื่องหมวยเล็กให้ฟัง
“เฮ้ย! แล้วน้องชายฉันเป็นยังไงบ้างเนี่ย”
“หมวยเล็กบอกไม่เป็นอะไรมาก โชคดีที่เฮียตี๋ใหญ่มาช่วยได้ทัน”
“นี่ถ้าน้องชายฉันเป็นอะไรไปนะ บ้านนายต้องรับผิดชอบ”
“จะให้รับผิดชอบยังไง ให้ฉันไปเป็นน้องชายเธอมั้ยล่ะ” ตี๋เล็กย้อนถาม หน้ากวน
“ช่วยเช็กบล็อกหน้าด้วยค่ะคุณขา ตาตุ่มน้องชายฉัน ยังเนียนใสกว่าหน้านายอีกมั้ง”
“โห เทียบหน้าฉันกับตาตุ่มเลยเหรอ ยัยจิ้งเหลนน้ำลึก”
หญิงเล็กได้ยิน ก็ปรี่เข้าหาตี๋เล็กทันควัน
“อ๊าย ไอ้เพลี้ยจี๊กจั่น ไอ้หนอนใบข้าว”
จู่ๆ ตี๋เล็กก็ยกมือกุมตา แล้วร้องโอดโอย “โอ๊ย”
หญิงเล็กตกใจ “เฮ้ย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรนายเลยนะ”
“อะไรไม่รู้เข้าตาฉัน โอ๊ย”
“เหรอ มาฉันดูให้”
หญิงเล็กพูดพลางเดินเข้าไปจ้องที่ตาตี๋เล็กใกล้ๆ “ฉันเห็นแล้ว แมลงเข้าตานายน่ะ”
จากนั้นก็ค่อยๆ เขี่ยแมลงออกจากตาตี๋เล็ก ทั้งคู่จ้องตากันเคลิบเคลิ้ม ก่อนที่หญิงเล็กจะตื่นจากภวังค์
“เสร็จล่ะ”
“ขอบใจนะ”
หญิงเล็กรีบเส ทำเป็นเปิดตำราปกปิดอาการเขินตัวเอง ส่วนตี๋เล็กก็แอบรู้สึกดีแบบแปลกๆ
ภายในออฟฟิศของตี๋ใหญ่
ภรณีถือโหลฉลากป่าวประกาศกับเพื่อนพนักงาน
“ปุกาดๆ วันนี้เฉลยเกมบัดดี้นะคะ ใครพร้อมให้มาทางนี้เลย เตรียมของขวัญสำหรับมอบให้บัดดี้ของตัวเองมาด้วยนะคะ”
หญิงใหญ่และทุกคนมารวมกันพร้อมกับของขวัญคนละ 1 ชิ้น
“ผู้ช่วยยังไม่มาเลยนะแก”
ภรณีหันไปทำหน้าล้อๆ “แหมๆ เป็นห่วงเป็นใยงี้?”
“ห่วงบ้าอะไรล่ะ ตอนเฉลยมันต้องอยู่ครบทุกคนสิ”
ขาดคำ ตี๋ใหญ่ก็เดินเข้ามาพร้อมถุงใส่ของขวัญ ภรณีหันไปเห็นพอดี
“นั่นไง ท่านรองมาพอดี ท่านรองคะ เดี๋ยวเราจะเฉลยเกมบัดดี้กัน ท่านรองพร้อมรึยังเอ่ย”
“นี่ไง ผมเตรียมของขวัญมาล่ะ”
“งั้นใครจะเป็นคนเฉลยก่อน เชิญท่านรองจับฉลากหาชื่อผู้โชคดีในโหลนี้เลยค่ะ ถ้าจับได้ใคร คนนั้นจะต้องเอาของขวัญที่เตรียมไว้ ให้กับบัดดี้ตัวเองนะคะ”
หญิงใหญ่แอบทำหน้าเครียด เพราะต้องเฉลยว่าตัวเองเป็นบัดดี้ตี๋ใหญ่ ขณะที่อีกฝ่ายล้วงหยิบฉลากขึ้นมาขานชื่อ
“คุณแก้วกรรณิการ์ครับ”
ทุกคนปรบมือเกรียวกราว หญิงใหญ่หน้าเจื่อน ภรณีหันมายักคิ้วให้
“ใครเอ่ย ใครเอ่ย ใครเอ่ย”
ทุกคนส่งเสียงเชียร์ตามภรณี หญิงใหญ่ถือกล่องของขวัญไปที่อัครเดช ตี๋ใหญ่มองด้วยสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย ส่วนอัครเดชก็ตื่นเต้นคิดว่าเป็นตัวเองแน่
ทว่าหญิงใหญ่กลับเดินเลยไป แล้วเอาของขวัญยื่นให้ตี๋ใหญ่ ภรณีหัวเราะร่วน
“แล้วบัดดี้ของเพื่อนฉันก็คือ ผู้ช่วยวุฒินันท์ คนนี้นี่เอง”
ทุกคนตะโกนแซวหญิงใหญ่กันใหญ่ ยกเว้นอัครเดชที่ทำหน้าผิดหวัง ภรณียิ้มขำ
“หน้าแหยเป็นแย้โดนเหยียบแบบนี้ ผิดหวังอ่ะเด๊”
“เกมยังไม่จบเว้ย เดี๋ยวก็รู้”
ภรณีหันไปบอกหญิงใหญ่ “อ่ะ เธอจับชื่อผู้โชคดีคนต่อไปเลย”
หญิงใหญ่ล้วงหยิบฉลากขึ้นมาอ่าน “ ผู้ช่วยวุฒินันท์”
ภรณีหัวเราะดีใจ “แหม วันนี้มวยคู่เอกเปิดฟลอร์แต่หัววันเลยนะคะ หลังจากคู่นี้ ฉันว่าเฉลยกันเอาเองเลยก็ได้นะ เพราะไม่น่าจะพีคอะไรแล้ว”
ตี๋ใหญ่เดินเข้ามาที่หญิงใหญ่ ที่ใจเต้นตุ๊บๆ เพราะลุ้นมาก ภรณีที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมามองเย้ยอัครเดช
“พนันกันมั้ย ฉันว่าผู้ช่วยต้องเป็นบัดเดอร์เพื่อนฉันชัวร์”
“มีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถเลยมั้ยล่ะ”
ภรณียิ้มอย่างมั่นใจ
“ฉันพนันต่อเลย ว่าแกนี่แหละ เป็นบัดเดอร์ฉัน เพราะของแต่ละอย่างที่ให้ฉันมาเนี่ย เชยสุดๆ ซื้อแบบไม่คิด”
ขาดคำ ตี๋ใหญ่ก็ยื่นกล่องของขวัญให้ภรณี “ ผมเป็นบัดเดอร์คุณครับ”
หญิงใหญ่ทำปากสั่นราวกับได้ตำแหน่งนางสาวไทย ก่อนจะสวมกอดแสดงความยินดีกับเพื่อน
“ดีใจด้วยตัวเอง ฝากดูแลปัญหาเด็กเร่ร่อนด้วยนะ”
ภรณีรับมุกต่อ “ได้ ณีจะดูแลปัญหาเด็กเร่ร่อนให้ดีที่สุด ณีรักเด็กค่ะ บ้าเหรอ เฉลยบัดดี้ ไม่ได้ประกาศตำแหน่งนางสาวไทย” จากนั้นก็หันไปพูดกับตี๋ใหญ่ “ผู้ช่วยไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ยคะเนี่ย”
ตี๋ใหญ่หน้าเจื่อน ”ไม่ได้ล้อเล่น แต่ของที่ผมให้คุณนี่ เชยจริงๆ เหรอ”
“อันนี้ณีล้อเล่นค่ะ แหะๆ” ภรณีหัวเราะฝืดๆ ก่อนจะหันไปพูดกับหญิงใหญ่ “เฮ้ย แล้วบัดเดอร์แกคือใครวะเนี่ย”
อัครเดชรีบบอกทันที “ฉันเองแหละ”
พูดจบก็รีบยื่นกล่องของขวัญให้หญิงใหญ่ ภรณีทำหน้าเหรอ
“แกเนี่ยนะ ไม่น่าเชื่ออย่างแรงอ่ะ”
หญิงใหญ่ก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน “นั่นสิ เธอรู้ได้ยังไงว่า ฉันชอบดอกฟอร์เก็ทมีน็อท”
อัครเดชทำตาเป็นประกาย
“ถ้าเราชอบใครสักคนจริงๆ การสืบให้รู้ว่าคนๆนั้น ชอบอะไร มันคงไม่ใช่เรื่องยากหรอก”
“นี่แกชอบเพื่อนฉัน!?” ภรณีย้อนถาม
“ใช่”
หญิงใหญ่เจออัครเดชสารภาพรักแบบซึ่งๆ หน้า ก็ถึงกับอึ้งไป ตี๋ใหญ่เอง ก็อึ้งไม่น้อยเช่นกัน
ตี๋ใหญ่เข้ามาในห้องทำงาน จากนั้นก็แกะห่อของขวัญ พอเห็นเป็นตุ๊กตาหมี ก็ยิ้มดีใจ แต่ครู่เดียวก็ต้องรีบหุบยิ้ม เมื่อนึกถึงตอนที่อัครเดชสารภาพว่าชอบหญิงใหญ่
จากหน้าที่ยิ้มๆ ก็กลายเป็นเครียดทันที เพราะเจออัครเดชเปิดตัวนำไปก่อน 1 ก้าว
ทางด้านที่ร้านของเฮง
เฮงกับจาง กำลังช่วยกันลำเลียงอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะเสี่ยชาญ
“วันนี้อาหารฝีมือลื้อเหรออาเฮง”
“ทำไม ติดใจฝืมือตี๋เล็กจนไม่อยากกินฝีมืออั๊วแล้วชิมิ” เฮงย้อนถาม
“นั้นแนะ มีงอนๆ”
จางทำหน้าล้อๆ “งอนอย่างกับคู่ผัวตัวเมีย สรุปใครรับใครรุกครับเนี่ย”
เฮงเผลอตัวตอบ “สลับกันรับสลับกันรุก ถุย”
เสี่ยชาญทำหน้าเหวอ “โอ้โห ถุยลงจานกับข้าวแบบนี้ แล้วอั๊วจะเกียนยังไงล่ะเนี่ย”
จังหวะนั้น รอนกับเอ็ม ก็เดินเข้ามาในร้านพอดี
“ได้ยินแว่วๆ ว่าใครเกรียนครับลุง”
เสี่ยชาญหันไปบอก “ที่อั๊วพูดว่าเกียนหมายถึงเกียนข้าว ไม่ได้ว่าใครเกรียน”
เฮงรีบถามต่อ “แล้วนี่มาเกียน เอ๊ย มากินข้าวรึเปล่าครับ”
รอนพยักหน้ารับ “ครับ ร้านข้างๆนี่หรือเปล่าครับ ที่ว่าเป็นร้านอาหารไทยที่อร่อยสุดในย่านนี้”
“ครับ แต่อร่อยที่สุดยังไงก็ยังแพ้อาหารจีนของที่นี่อยู่ดีครับ”
รอนกับเอ็มมองหน้ากันประมาณว่ามาถูกที่ ก่อนจะนั่งโต๊ะใกล้ๆ เสี่ยชาญหีนมาเห็นชัดๆ ก็รีบถาม
“เหงือกขายยังไงอ่ะ”
“ขีดละสี่สิบ จะบ้าเหรอ เหงือกคนไม่ใช่เหงือกปลาหมอ ขายไปแล้ว ฟันผมจะเกาะกับอะไรล่ะ”
เอ็มตะโกนบอก “ขอเมนูหน่อยครับ”
จางรีบร้องเพลงรับ “เมนูนคร”
เสี่ยชาญรีบท้วง “เค้ามีแต่เรณูนคร ไอ้อ้วน”
“แหม ให้จบท่อนแล้วค่อยขัดก็ไม่ได้นะเสี่ย”
“ต้องรีบขัดสิ เดี๋ยวเสียลิขเสียด”
รอนพูดขึ้นมาบ้าง “แหม คนแถวนี้นี่ฮาจริงๆ นะครับ”
เฮงถามสวนขึ้นมาทันที “พูดแบบนี้แสดงว่าไม่ใช่คนแถวนี้สินะ”
“อ๋อ ผมคนทุกที่แหละครับ”
“แหม กวนเตียนใช้ได้เลยนะ อิอิ”
จางหันมาพูดแซว “ทำไมต้องอิอิด้วยเฮีย เป็นวัยรุ่นเหรอ”
“คำว่าอิอิเนี่ย เวลาต่อท้ายคำด่า มันทำให้คำด่านุ่มนวลขึ้นมานิดนึง ไม่เชื่อลื้อลองด่าใครแล้วลงท้ายว่าอิอิดูสิ”
จางพยักหน้าหงึก ก่อนจะเดินเข้าไปด่าเสี่ยชาญ “ไอ้แก่ อิอิ”
เสี่ยชาญยิ้มใจเย็น “เฉยๆ”
“ไอ้หัวล้าน อิอิ”
เสี่ยชาญยักไหล่ “ก็ไม่เท่าไหร่”
จางด่าต่อ “ไอ้แก่ตัณหากลับ อิอิ”
“ก็พอทนไหว”
“พ่องตาย อิอิ”
“พ่อกูตายนานแล้ว”
ขาดคำ เสี่ยชาญก็ถีบจางกระเด็นไปกองที่พื้น
“ผมก็อิอิต่อท้ายประโยคแล้ว มาโกรธผมทำไมเนี่ย”
“ก็ลื้อเล่นถึงบุพการี เป็นใคร ใครก็โกรธ”
พลันเสียงประทัดก็ดังรัวที่หน้าบ้าน เฮงหันมองตามเสียง
“เฮ้ย ใครจุดประทัดวะ”
จากนั้นทุกคนก็รีบวิ่งกรูกันออกไปดู
ทั้ง 2 บ้านวิ่งออกมาเจอกันที่หน้าบ้าน ก่อนจะเห็นเศษประทัดเกลื่อนอยู่ที่หน้าบ้านแก้วกัลยา ฮันนี่ยกมือทาบอก
“โอ้ มาย ก๊อด ประทัด”
แก้วกัลยาหันขวับไปจ้องหน้าเฮง “นี่แอบจุดประทัดแกล้งฉันเหรอเนี่ย”
เฮงโวยกลับทันที “อ้าว ทำไมพูดจาสุนัขๆ อย่างนั้นล่ะครับ”
“ก็ถ้าไม่ใช่ลื้อจุดแล้วใครจะจุด ก็อยู่กันใกล้แค่นี้”
เสี่ยชาญรีบช่วยปราม “ใจเย็นๆ ก่อนอาแก้ว อั๊วว่าอาเฮงไม่ได้เป็นคนจุดหรอกนะ เพราะอาเฮงเป็นคนทำกับข้าวให้อั๊วอยู่”
“ใช่ อย่ามาปลุกปล้ำกันสิ”
แก้วกัลยามองค้อน “ปรักปรำ หน้าอย่างนี้ ไฟดับก็ปล้ำไม่ลงหรอกย่ะ”
เฮงเบ้ปากใส่ “หรา วันไหนไฟดับขึ้นมา อั๊วจะบุกให้ถึงห้องนอนเลย”
“เฮียจะปล้ำเหรอ” จางหันมาถาม
“ไม่เคยเจอของแปลกว่ะ ท่าจะตื่นเต้นดี”
แก้วกัลยาหันกลับมาด่า “ ไอ้บ้า”
“เคลียร์เรื่องประทัดนี่ก่อนเถอะค่ะคุณนาย ให้มันจบเป็นเรื่องๆ ไป”
แก้วกัลยารีบถามอย่างเอาเรื่อง “ ถ้าบ้านลื้อไม่จุดแล้วใครจะมาจุด”
“จะไปรู้เหรอ ลื้ออยากรู้ ลื้อก็เรียกหน่วย EOD มาหาหลักฐานสิ”
“นี่มันแค่ประทัด ไม่ใช่ระเบิด”
เสี่ยชาญครุ่นคิด “อั๊วว่าอาจจะเป็นฝีมือของพวกเด็กแว้นซ์ที่มีเรื่องกับลูกชายลื้อนะอาแก้ว”
แก้วกัลยาทำหน้าตกใจ
“ชายเล็กมีเรื่องกับเด็กแว้นซ์เหรอเสี่ย ที่ไหน เมื่อไหร่”
“ไม่ต้องตวดอวดตวดใจ ลูกลื้อไม่เป็นอะไรแล้ว เอาไว้อั๊วจะเล่าให้ฟัง”
รอนกับเอ็มแอบยิ้มกริ่ม ไม่แสดงตัวว่าเป็นคนทำ
หญิงเล็กนั่งพิจารณาสภาพใบหน้าชายเล็ก โดยมีหญิงใหญ่นั่งอยู่ใกล้ๆ
“เป็นไง. น้องเรามีอะไรบุบสลายมั้ย”
หญิงเล็กส่ายหน้า “ดีนะ ที่ไม่เป็นอะไรมากน่ะ”
“ดีที่พี่ตี๋ใหญ่มาช่วยได้ทันมากกว่าครับ ไม่งั้นผมก็แย่เหมือนกัน”
หญิงเล็กมองค้อน “แหม พี่ตี๋ใหญ่ เป็นน้องเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ”
จังหวะนั้น แก้วกัลยาก็เดินเข้ามาพร้อมกับฮันนี่
“ใช่ ไปเป็นน้องไอ้ลูกบ้านนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ”
“ก็เค้ารุ่นพี่นี่ครับคุณแม่”
แก้วกัลยาทำปากแบะ “ไม่ต้องไปนับพี่นับน้องกับคนบ้านนั้น เพราะลูกสาวบ้านนั้น เราถึงได้เจ็บตัวแบบนี้ไง”
“โห่แม่ ผมสุภาพบุรุษนะครับ ถ้าผมไม่ช่วย ผมต้องเอาผ้าถุงแม่มาใส่แล้วล่ะครับ”
“ย่ะ เดี๋ยวถ้ามีเรื่องเพราะลูกสาวบ้านนั้นอีก แม่นี่แหละจะจับแกใส่ผ้าถุงเอง”
ขาดคำเสียงมอเตอร์ไซค์เบิ้นเครื่อง ก็ดังขึ้นมาที่หน้าบ้าน ฮันนี่หันมองตาม
“เอ๊ะ มอเตอร์ไซค์ใครมาเสียแถวนี้คะ”
หญิงเล็กรีบบอก “เบิ้นขนาดนี้หาเรื่องแล้วล่ะค่ะ ไม่ใช่รถเสียหรอก”
ขาดคำ เสียงประทัดก็ดังรัวขึ้นมาอีกหลายนัด ทุกคนก้มหลบกันจ้าละหวั่น จนเสียงประทัดเงียบ
“เงียบไปแล้ว ออกไปดูกันดีกว่าค่ะแม่”
ทุกคนรีบวิ่งออกจากบ้านไปดู ก่อนที่ฮันนี่จะพูดขึ้นมา
“เสียงประทัดเหมือนเมื่อตอนกลางวันอีกแล้วค่ะ”
ขณะที่เฮง ตี๋ใหญ่ ตี๋เล็ก หมวยเล็ก ก็พากันวิ่งออกมาดูด้วย
“เฮ้ย นี่จุดประทัดป่วนกันอีกแล้วเหรอ”
เฮงโวยวายใส่ ระหว่างนั้นหญิงใหญ่ก็เหลือบเห็นกระดาษตกอยู่ใกล้ๆ เลยหยิบขึ้นมาดู
“จดหมายข่มขู่ใช่มั้ยพี่หญิงใหญ่”
หญิงเล็กถามอย่างตื่นเต้น แก้วกัลยาถามต่อทันที
“มันว่ายังไงบ้างลูก”
หญิงใหญ่เปิดซอง หยิบกระดาษออกมากางอ่าน “เชิญร่วมทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิตร”
แก้วกัลยาทำท่าตกใจ “โอ้โห นี่มันจะฆ่าแล้วฝังเราเลยเหรอเนี่ย ทำไงดีล่ะ”
ชายเล็กรีบท้วง “ฝังลูกนิมิตรครับ ไม่ได้ฝังเรา”
เฮงแอบหัวเราะขำ “ดึงสตินิดนึง”
ตี๋ใหญ่เห็นกระดาษตกอยู่อีกแผ่น เลยหยิบขึ้นมาอ่าน
“นี่แค่น้ำจิ้ม เดี๋ยวจะเจอหนักมากกว่านี้ โดยเฉพาะไอ้หล่อหน้าจืด ระวังตัวไว้ให้ดี”
ทุกคนหันมองหน้ากัน ต่างคนต่างเครียด ก่อนที่หมวยเล็กจะโพล่งขึ้นมา
“ชักจะไปกันใหญ่แล้ว แจ้งความดีกว่าค่ะ”
ตี๋เล็กรีบปราม “แจ้งความไปใช่ว่าเรื่องจะจบ เรื่องแบบนี้มันต้องเคลียร์กันว่าจะเอายังไง”
“พรุ่งนี้แม่จะไปแจ้งความ คืนนี้เข้าบ้านนอนกันก่อนแล้วกัน”
แก้วกัลยาหันมาบอกลูกๆ หญิงเล็กรีบถามสวนขึ้นมา
“แล้วถ้าดึกๆ มันมาป่วนอีกล่ะคะ จะทำยังไง”
ฮันนี่พยักหน้ารับ “นั่นสิคะ มาอีกที มันต้อง more than แรง แรงกว่าเดิม แน่ๆ เลยค่ะ i think so”
“หนูไม่กล้านอนที่บ้านแล้วอ่ะแม่”
หญิงเล็กทำท่ากลัว ตี๋ใหญ่รีบเสนอตัว
“เอาอย่างนี้มั้ยล่ะครับ ถ้ากลัวก็มาพักที่บ้านผมก่อนก็ ได้”
เฮงเผลอรับคำ “ใช่ บ้านอั๊วออกจะกว้างขวาง..เฮ้ย ลื้อไปชวนเค้ามานอนบ้านเราได้ไง”
“ก็จะได้อุ่นใจไงเตี่ย ไม่รู้ว่าเด็กพวกนั้นจะกลับมาก่อเรื่องอีกเมื่อไหร่”
หมวยเล็กรีบหันมาบอกเตี่ย
“ใช่เตี่ย ที่ชายเล็กเดือดร้อนก็เพราะช่วยหมวยเล็กไว้นะเตี่ย เตี่ยอยากให้คนอื่นมองว่าเตี่ยเป็นคนใจดำ อำมหิต ผิดมนุษย์ สุดอกตัญญู ไม่รู้บุญคุณคน นิสัยคบไม่ได้”
เฮงรีบโบกมือห้าม “พอแล้ว อีกนิดเดียวนี่ เตี่ยก็ไม่ใช่คนแล้วนะนั่น”
จากนั้นก็เหลือบมองแก้วกัลยาด้วยสายตาที่โอนอ่อน ขณะที่แก้วกัลยาและทุกคนในบ้านมีสีหน้ากังวล
ครอบครัวเฮงเดินนำครอบครัวแก้วกัลยาเข้ามาในบ้าน
“หามุมกันเอาเองนะ อยากจะนอนตรงไหนก็ตามสบาย”
ฮันนี่ทำตาวิบวับ “ห้องคุณตี๋ใหญ่เตียงไซส์คิงส์หรือไซส์ควีนคะ”
“เตียงผมสามฟุตครึ่งครับ นอนได้คนเดียว ส่วนที่พื้นก็รกมาก ไม่มีเวลาทำความสะอาดน่ะครับ”
ฮันนี่หน้างอ “ok อย่าง sad อ่ะ”
แก้วกัลยาถามโพล่งขึ้นมาบ้าง “แล้วเตียงเสริมหรือที่นอนปิคนิคไม่มีให้บ้างรึไงเนี่ย”
“โอ๊ย นี่ร้านอาหารนะคุณผู้หญิง ไม่ใช่โรงแรม” เฮงทำหน้าเอือม
“หรือจะให้เค้าขึ้นไปนอนข้างบนเตียงนุ่มๆ แล้วเจ้าของบ้านอย่างเรา ลงมานอนข้างล่างดีล่ะเตี่ย”
ตี๋เล็กถามประชด หญิงเล็กยิ้มดีใจ
“ขอบใจนะ เกรงใจจัง”
ตี๋เล็กทำหน้ายี้ “ไม่ต้องขอบใจหรอก ผมพูดเล่น”
“ใช่เวลามาพูดเล่นกันมั้ยเนี่ย”
หญิงใหญ่รีบหันมาปรามน้องสาว
“ไม่เอาน่ะหญิงเล็ก เดี๋ยวไปเอาที่นอนจากบ้านเรามาปูนอนก็ได้ บ้านอยู่แค่นี้เอง”
ชายเล็กรีบเสนอตัว “เดี๋ยวผมไปขนมาให้ครับ”
“เดี๋ยวฮันนี่ไปช่วยค่ะ”
แล้วฮันนี่กับชายเล็ก ก็พากันเดินออกไป จากนั้นเฮงก็หันมาถามหมวยเล็ก
“ลื้อจำรูปพรรณสัณฐานไอ้พวกนั้นได้รึเปล่าหมวยเล็ก”
“หมวยจำติดตาได้คนนึงนะเตี่ย มันฟันเหยินๆ แล้วก็เหงือกใหญ่อย่างกับกำแพงเมืองจีนเลยเตี่ย”
ตี๋เล็กทำหน้าสงสัย
“เหงือกใหญ่อย่างกับกำแพงเมืองจีน คนหรือตัวอะไรกันแน่น่ะ”
“คนนี่แหละ แต่เหงือกใหญ่จริง สงสัยตอนเด็กๆ ซนมาก เอาเกือกม้ามาอมแล้วลืมคายทิ้ง”
เฮงทำหน้าครุ่นคิด “ถ้าเหงือกใหญ่ขนาดนั้นก็ชัดเลย ใช่คนเดียวกับเตี่ยแน่”
หมวยเล็กหันขวับมาทันที “เตี่ยเจอมันแล้วเหรอ”
“ใช่ วันนี้มันมากินข้าวที่ร้าน มากับเพื่อนคนนึง”
แก้วกัลยารีบพูดแทรกขึ้นมาบ้าง
“เออ ฉันว่าฉันก็เห็นแว้บๆ เหมือนกันนะ เหงือกเตะตามาก”
หญิงใหญ่หันมาถามเฮง “ แล้วเค้าก่อเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่นะ ท่าทางมัน 2 คนก็ดูเฮฮาบ้าบอ ไม่ได้ดูเป็นคนหัวรุนแรงอะไรเลย”
ตี๋เล็กรีบบอก “อั๊วว่า 2 คนนี้ไม่น่ากลัวเท่าไหร่หรอกเตี่ย”
หญิงเล็กสวนทันที “จุดประทัดหน้าบ้านฉัน 2 รอบเนี่ยนะ ไม่น่ากลัว”
“ก็แค่ประทัดไหว้เจ้า ถ้าสายแข็งจริงมันจุดประทัดยักษ์ หรือไม่ก็ระเบิดปิงปองกันนู่น”
ตี๋ใหญ่พยักหน้าเห็นด้วย “พี่ก็คิดเหมือนเรานะตี๋เล็ก พี่ว่าเด็กพวกนี้น่าจะยังคุยกันรู้เรื่อง”
ทุกคนได้ฟัง ก็คลายความกังวลไปได้ระดับหนึ่ง
อ่านต่อหน้าที่ 2
ลุ้นรักข้ามรั้ว ตอนที่ 11 (ต่อ)
รอนนั่งเอาไม้จิ้มฟันแคะฟันอยู่ที่ม้าหินในสวน ก่อนที่เอ็มจะพาวัยรุ่นชาย 2 คนเดินเข้ามา
“สมาชิกใหม่ครับเพ่”
รอนรีบแนะนำตัว “กูชื่อรอนนะ ชื่ออะไรกันบ้างล่ะ”
“ชื่อเท่นะครับพี่”
รอนทำหน้าไม่พอใจ “เท่ห่าอะไร ชื่อรอนนี่โคตรโบราณเลย ไม่ติดว่าแม่ตั้งให้นี่ เปลี่ยนไปนานละ”
เท่รีบบอก “เปล่าครับ ผมบอกว่าผมเนี่ย ชื่อเท่ครับพี่”
“ห่า แล้วก็ไม่พูดให้เคลียร์”
“ผมเอกครับ”
พอเอกแนะนำตัวเสร็จ เอ็มก็หันมาถามรอน
“ไงพี่ จะรับเข้าแก๊งเรามั้ย”
“รับสิ ช่วงนี้กำลังเร่งสร้างขุมกำลัง เดี๋ยวพรุ่งนี้ออกไปหามาอีกนะ เมื่อตอนเย็นที่สนามเด็กเล่นกูเห็นหน่วยก้านเข้าตาหลายคนเลย”
“เฮ้ย ไม่เด็กไปเหรอพี่”
“ก๊อดฟาเธอร์คลอดออกมาแล้วกลายเป็นเจ้าพ่อเลยมั้ย”
เอ็มหน้าเจื่อน “ไม่ครับพี่”
“ฉันใดฉันนั้น ก่อนจะยิ่งใหญ่มันต้องไต่เต้า เด็กวันนี้ อาจเป็นกำลังหลักของแก๊งในวันข้างหน้า”
เอกได้ยิน ก็ชูกนิ้วโป้งให้ “เชด เท่ว่ะพี่”
เท่พูดประจบ “นี่ถ้าไม่ติดเหงือก พี่นี่แม่งติ๊ก เจษชัดๆ”
เอ็มรีบห้าม “เฮ้ย อยู่แก๊งนี้ห้ามแซวเรื่องเหงือก นี่กฎเหล็กเลยนะ”
เท่กับเอ็ม รีบยกมือไหว้ขอโทษ รอนพูดต่อ
“แล้วอยู่กับพี่ เรื่องตำรวจนี่ไม่ต้องกลัวเลยนะ”
เท่ยิ้มดีใจ “จริงเหรอพี่”
“จริง วันก่อนพี่โดนจับเรื่องท่อดัง พอพ่อพี่ขึ้นไปบนโรงพักเท่านั้นแหละ ตำรวจไหว้กันทุกคน”
“พ่อพี่ใหญ่มาก?”
รอนพูดหน้าตาเฉย “พ่อกูเป็นพระ”
เท่หัวเราะก๊าก ก่อนจะถูกรอนถีบกระเด็น
“พ่อกูเป็นพระ ตลกตรงไหน”
“อ้าว พี่ไม่ได้เอาฮาเหรอ”
รอนหน้าตาเอาเรื่อง “ไม่ฮา พ่อกูเป็นพระจริงๆ”
เท่กับเอกรีบเข้ามานวดประจบเอาใจ รอนแคะฟันเก๊กท่าลูกพี่เต็มที่
หญิงใหญ่ หญิงเล็ก ชายเล็กและฮันนี่ช่วยกันปูที่นอน ตี๋ใหญ่ ตี๋เล็กและหมวยเล็กช่วยกันขยับโต๊ะ เพื่อให้แขกได้นอนสบายที่สุด ส่วนเฮงยืนกอดอกมองไปรอบๆ
ฮันนี่ยังไม่เลิกตื๊อตี๋ใหญ่
“ฮันนี่นอนไม่ดิ้นหรอกนะคะคุณตี๋ใหญ่ เตียงสามฟุตครึ่งน่าจะพอไหวอยู่นะคะ”
เฮงสวยขึ้นมาเลย “นอนห้องอั๊วมั้ยล่ะ เตียงใหญ่ดิ้นสบายเลยนะ”
“really? กับเฮียนี่ก็โอเคอยู่นะคะ”
เฮงทำท่าแขยง “อั๊วพูดเล่น อย่ามายุ่งกับอั๊ว”
จังหวะนั้นแก้วกัลยาก็เดินหน้าตูมเข้ามา
“นี่ ใครยกฝาชักโครกขึ้นแล้วไม่ยอมเอาลงเนี่ย ใช้ไม่ได้เลย”
เฮงรีบบอก “อั๊วเองแหละ มันใช้ไม่ได้ยังไงเหรอครับ”
“ก็ยกขึ้นแล้วก็ต้องยกลงด้วยสิ ผู้หญิงที่เข้าต่อจะได้ไม่ต้องจับฝาชักโครกให้เปื้อนมือ”
“โอ๊ย มันจะโอเวอร์อะไรขนาดนั้น ฝาชักโครกนะไม่ใช่ดรัมเบล จะลำบากอะไรนักหนา”
ตี๋เล็กรีบบอก “นั่นสิครับ ผู้ชายยกฝาชักโครกขึ้นนี่ ก็ถูกหลักสากล แล้วนะเตี่ย”
หญิงเล็กสวนต่อ “ไม่ถูกเสมอไปหรอก ถ้าจะให้ดีเลยนะ นายต้องนั่ง เวลาทำธุระ ไม่ว่าจะหนัก
หรือเบา”
“เฮ้ย ฉันไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ใช่เก้งกวางด้วย จะให้นั่งฉี่เนี่ยนะ บ้าเหรอ”
หมวยเล็กหันมาทางพี่ชาย
“ไม่บ้าหรอกเฮีย ยืนยิงกระต่ายน่ะ ถึงจะยกฝาชักโครก ก็ยังกระเด็นได้ นั่งยิงนี่แหละ สะอาดชัวร์ ไม่เดือดร้อนคนต่อคิว”
แก้วกัลยาหันมาแสยะยิ้มใส่เฮง
“เห็นมั้ย ลูกลื้อยังเห็นด้วยเลย คงอึดอัดอยากพูดมานานแล้วสิท่า ใช่มั้ยหนู”
“ประมาณนั้นค่ะ”
“เฮ้ย นี่ลื้อเข้าข้างคนอื่นเหรอหมวยเล็ก”
เฮงหันมาโวยวายใส่ลูกสาว ตี๋ใหญ่รีบห้าม
“ไม่เอาน่ะเตี่ย ดึกแล้ว เตี่ยไปนอนเถอะนะ”
แก้วกัลยาหันมาทางลูกๆ “รีบนอนกันเลย จะได้ตื่นเช้าๆ รีบกลับบ้านเรา”
ชายเล็กรีบบอก “พรุ่งนี้วันเสาร์นะแม่ ไม่ต้องตื่นเช้าก็ได้”
“แม่นอนก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูว่าจะชวนน้องๆ ปรึกษา หาวิธีรับมือเด็กแว้นซ์กันหน่อย”
ตี๋ใหญ่ได้ยินหญิงใหญ่พูด ก็พยักหน้าหงึก
“ผมก็ว่าจะชวนปรึกษาเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”
“ก็ดีค่ะ เพราะฉันก็ไม่รู้ว่าจะรับมือกับเด็กพวกนี้ยังไงเหมือนกัน”
ตี๋ใหญ่ยิ้มให้ หญิงใหญ่ยิ้มตอบ ชายเล็กยิ้มให้หมวยเล็ก อีกฝ่ายยิ้มตอบ ส่วนตี๋เล็กหันไปยิ้มกวนๆพร้อมยักคิ้วให้ หญิงเล็กเลยเขม่นหน้าใส่
แก้วกัลยากับเฮงมองหน้าก่อนจะเชิดใส่กัน ฮันนี่ยืนงง ว่าตัวเองว่าจะรับแอ็คกับใครดี
“แล้วฮันนี่จะรับรีแอ็คกับใครดีคะเนี่ย ง้งงงอ่ะ”
ทุกคนนั่งครุ่นคิดอยู่ที่โต๊ะข้างรั้ว ก่อนที่ตี๋ใหญ่จะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
“อย่างที่ตี๋เล็กบอก พี่ว่าเด็กกลุ่มนี้พื้นฐานไม่น่าเป็นเด็กเกเรระดับแอดว้านซ์ น่าจะเป็นมือใหม่อยากเด่น อยากดังมากกว่า”
ตี๋เล็กพยักหน้ารับ “ใช่ฃ พวกนี้ถ้าเจอรุ่นใหญ่ของจริง น่าจะหงอ ไม่กล้ายุ่งด้วยแน่”
หญิงเล็กรีบหันมาถาม
“แล้วนายรู้จักเด็กแว้นซ์รุ่นใหญ่ที่ไหนบ้างรึเปล่าล่ะ จะได้ให้เค้ามาช่วยเคลียร์”
ตี๋เล็กมองหน้าพี่ชาย หญิงใหญ่มองตาม
“เฮ้ย..อย่าบอกนะว่าคุณเป็นเด็กแว้นซ์มาก่อน”
“เมื่อก่อนผมนี่นอนขี่ มือซ้ายนี่คอยตบเกียร์เลยล่ะ”
หมวยเล็กทำหน้างง “เฮ้ย ทำไมหมวยเล็กไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยล่ะ”
“จะรู้ได้ไง ก็มันไม่จริง” ตี๋ใหญ่พูดหน้าตาเฉย “เคลียร์ซิตี๋เล็ก มองมาที่พี่ทำไม”
“อั๊วคิดแผนมาแล้วเฮีย อั๊วจะสร้างสตอรี่ให้เฮียเป็นเด็กแว้นซ์ในตำนาน”
ทุกคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน “เด็กแว้นซ์ในตำนาน”
“แหม พร้อมเพรียงอย่างกับในละคร”
ตี๋ใหญ่ส่ายหน้าไม่เอาด้วย “จะบ้าเหรอ เฮียไม่เคยเป็นเด็กแว้นซ์นะตี๋เล็ก”
“ไม่มีใครเกิดมาแล้วเป็นเด็กแว้นซ์เลยหรอกเฮีย ของแบบนี้มันปรุงแต่งกันได้”
หมวยเล็กรีบเชียร์ “นั่นสิ เข้าอินเตอร์เน็ตแป๊บเดียว เดี๋ยวเรฟเฟอร์เร้นท์มาเป็นกอง”
“เดี๋ยวผมจะสร้างให้เฮียเป็นเด็กแว้นซ์รุ่นเก่า ที่โคตรเก๋าเลยคอยดู”
ชายเล็กร่วมด้วยช่วยเชียร์ “เดี๋ยวผมช่วยอีกแรงครับเฮีย”
ทุกคนพยักหน้ายิ้มประหนึ่งว่าเห็นด้วย ตี๋ใหญ่หน้าเสีย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
แก้วกัลยามองออกไปนอกบ้หาน ดูลูกๆ ทั้ง 2 บ้านช่วยกันคิดแก้ปัญหากันอยู่ ฮันนี่เดินเข้ามา
“จริงๆ แล้วคนบ้านนี้ เค้าก็มีน้ำใจดีนะคะคุณนาย every one is ok เลย”
แก้วกัลยาหันมาย้อนถาม “แกกำลังจะบอกอะไรฉัน”
“ก็จะบอกว่าเราควรจะสมานฉันท์ คืนความสุขให้กับทั้ง 2 บ้านได้รึยังน่ะสิคะ”
“บ้านฉันก็มีความสุขอยู่แล้ว จะสมานฉันท์เพื่อ?”
“หรา มีความสุขแล้วทำไมต้องหนีหัวซุกหัวซุน มาอยู่บ้านคนอื่นแบบนี้ล่ะคะ Why?”
“ฟาย”
ฮันนี่รีบแย้ง “ why ค่ะ ดูปากฮันนี่นะคะ why”
“ฟาย”
“ไม่ใช่ค่ะ Why ฟายนั่นมันด่าแล้วค่ะ”
“ฉันก็ด่าแกอยู่นี่ไง นังฟาย”
ฮันนี่หน้าเหรอ “อ้าว ฟาย”
แก้วกัลยาหน้าตึง “หะ!?”
“เอ้ย why ค่ะ why ทำไมต้องด่าฮันนี่ด้วยล่ะคะ”
“ไม่อยากโดนด่า ก็อย่ามายุ่งเรื่องของครอบครัวฉัน ยู โน๋ว?”
“โอเค ไม่ยุ่งก็ได้”
ฮันนี่เดินออกไป แก้วกัลยาเห็นสาวใช้เดินไปพ้นสายตา ก็มองออกไปที่กลุ่มลูกๆ พร้อมกับยิ้มบางๆ
อีกด้านหนึ่ง เฮงก็กำลังแอบดูลูกๆ ทั้ง 2 บ้านช่วยกันคิดแก้ปัญหา หมวยเล็กกลับมาที่ห้อง เห็นเตี่ยแอบดู ก็พยายามกล่อมให้ญาติดีกับอีกบ้าน
“เวลามีปัญหาแล้วช่วยกันแก้แบบนี้ ก็ดีเหมือนกันนะ เตี่ย”
“ดียังไง พากันเครียดไปหมดสิไม่ว่า”
หมวยเล็กทำหน้าอ้อน “โห่เตี่ย ที่เค้าเดือดร้อนกันแบบนี้ ก็เพราะเค้าช่วยหมวยเล็กไว้นะเตี่ย”
“เตี่ยก็ให้เค้ามานอนที่บ้านเราแล้วนี่ไง ลื้อจะเอาอะไรอีก”
“วันนี้ทั้งเราแล้วก็เค้า แสดงให้เห็นแล้วว่ายามทุกข์เราก็พร้อมที่จะร่วมกันต้าน หมวยอยากให้บ้านเรากับบ้านเค้าคุยกันดีๆ มีน้ำใจกันตลอดไปน่ะเตี่ย”
เฮงทำหน้าเบ้ “ ไม่ต้องมากล่อมให้ยาก เข้าห้องนอนไปได้แล้ว ดึกแล้วเนี่ย”
“ค่ะ กุ๊ดไนท์นะเตี่ย”
พอหมวยเล็กเปิดประตูเข้าห้องไป เฮงมองออกไปก่อนจะเผลอยิ้มบางๆ โดยไม่รู้ว่าลูกสาวตัวแสบแอบมองอยู่
หมวยเล็กเห็นอาการของเตี่ยก็แอบยิ้มดีใจ ก่อนจะปิดประตูอย่างเบาๆ
เช้ารุ่งขึ้น แก้วกัลยากับฮันนี่ กำลังช่วยกันเก็บที่นอน
“นี่ลูกๆ ฉันหายไปไหนกันแต่เช้าเนี่ย”
“คุณหญิงเล็กออกไปมหาลัยค่ะ ส่วนคุณชายเล็กน่าจะออกไปกับลูกๆ ของเฮียเฮง”
ระหว่างนั้น เฮงก็เดินเข้ามาพอดี
“มีใครเห็นตี๋ใหญ่กับหมวยเล็กบ้างเนี่ย”
“รู้สึกจะออกไปข้างนอกกันนะคะ แต่ไม่รู้ว่าออกไปไหนกัน”
“หายหัวกันหมด จะมีใครช่วยงานอั๊วบ้างมั้ยเนี่ย”
เฮงบ่นอย่างขัดใจ พร้อมๆ กับที่เสี่ยชาญกับจางเดินพูดคุยกันเข้ามา
“วันนี้มากินแต่เช้าเลยนะเสี่ย”
“เมื่อคืนฝันว่าวิ่งออกกำลังไปหลายรอบ ตื่นมาก็หิวเลยเนี่ย”
เสี่ยชาญกับจางหัวเราะร่วน ก่อนจะตะลึงงัน เมื่อเห็นแก้วกัลยากับฮันนี่อยู่ในบ้าน
“นี่อั๊วฝันไปรึเปล่าวะอาจาง”
ขาดคำ จางก็ตบหน้าเสี่ยชาญดังเพี้ยะ ก่อนจะถูกอีกฝ่ายตบสวนกลับมา
“ไอ้บ้า ตบหน้าอั๊วทำไมเนี่ย”
“ก็เสี่ยสงสัยว่าฝันอยู่รึเปล่า ผมก็ตบหน้าเสี่ยให้ไง จะได้รู้ว่าฝันหรือไม่ฝัน”
“ไอ้ห่า เอาเบาๆ หน่อยก็ได้ เอาซะเต็มแรงเลย” จากนั้นก็หันมาพูดกับเฮง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมอาแก้วถึงได้มานอนในบ้านลื้อได้ล่ะ อาเฮง”
“อย่าบอกนะเฮีย ว่ามีฟีดเจอร์ริ่ง”
เฮงหันไปตวาด “ฟีดเจอร์ริ่งป้าแกสิ พอดีเมื่อคืนเด็กแว้นซ์มันมาป่วน อั๊วก็เลยให้อีกับลูกๆ มานอนที่นี่เพื่อความปลอดภัยน่ะ”
เสี่ยชาญพยักหน้าหงึก “อ่อ อั๊วก็ตวดอวดตวดใจหมด แหม ภาพนี้มันไม่เกิดขึ้นง่ายๆ อั๊วขอถ่ายไว้เป็นที่ระทึกหน่อยได้มั้ย”
จางรีบท้วง “ระลึกครับเสี่ย”
“อั๊วตื่นเตี้ยน ใจมันเต้นระทึกไปหมดแล้วเนี่ย”
ขาดคำ เสียงเบิ้นเครื่องมอเตอร์ไซค์ก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน แก้วกัลยาหันขวับไปทันที
“นั่นไง มันมากันแล้ว”
ทุกคนรีบวิ่งออกไปที่หน้าบ้าน
รอนกับเอ็มนั่งคร่อมอยู่บนมอเตอร์ไซค์คนละคัน ต่างคนต่างเร่งเครื่องเสียงดัง โดยมีเท่กับเอกซ้อนท้าย ก่อนที่เฮง แก้วกัลยา เสี่ยชาญ ฮันนี่ และจางจะเดินออกมา
“เฮ้ยๆ มาหาเรื่องอะไรกันอีก”
เฮงตะโกนเสียงดัง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปบิดกุญแจ แล้วดับเครื่องทั้ง 2 คัน
รอนทำหน้าไม่พอใจ “เฮ้ยเฮีย เฮียไม่เกี่ยว อย่ายุ่งดีกว่า”
“ไม่เกี่ยวได้ไง ก็ลื้อมาเบิ้นเครื่องเสียงดังขนาดนี้ แล้วประทัดที่ลื้อจุดเมื่อวาน มันก็ทำลูกค้าอั๊วแตกตื่น”
แก้วกัลยาหันมองหน้ารอนอย่างเอาเรื่อง “จะเอาไง บอกมาดีกว่า”
เสี่ยชาญพูดหน้าตาเฉย “แน่จริงสี่รุมหนึ่งเลยมั้ยล่ะ จบๆ กันไปเลย”
“โหเสี่ย จะไหวเหรอ”
ขาดคำจางก็โดนเสี่ยชาญผลักจไปหาเด็กแว้นซ์ “อั๊วหมายถึงลื้อนี่แหละ”
“โห่เสี่ย คิดว่าเก๋า”
“เก๋าอะไรล่ะ เห็นเหงือกไอ้นั่น อั๊วก็หลอนแล้ว”
เอ็มรีบตะโกนเตือน “อย่าแซวเหงือก ลูกพี่ผมไม่ชอบ”
รอนหันขวับมาทางแก้วกัลยา
“ถ้าอยากจบ ก็ให้ลูกเจ๊มาคุกเข่าขอขมาผมตรงนี้สิ”
เฮงโวยวายสวนทันที “เฮ้ย ทำแบบนั้น มันลบเหลี่ยมลูกผู้ชายกันนะเว้ย”
แก้วกัลยาหันมองอย่างรู้สึกทึ่ง ไม่คิดว่าเฮงจะตั้งใจช่วยลูกตัวเองขนาดนี้
“เอางี้ ขอโทษอย่างเดียวพอมั้ย”
รอนยิ้มมุมปาก “ราคานี้ไม่ได้บอกผ่านแล้วเฮีย ถ้าไม่คุกเข่า ผมก็ไม่จบ”
“ไม่จบก็มีเรื่องเลยแล้วกัน พร้อมอยู่แล้ว”
ฮันนี่พุดพร้อมกับถกแขนเสื้อเตรียมมีเรื่อง พลันก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์เบิ้นเครื่องดังมาแต่ไกล ทุกคนหันไปมองตามเสียง
ตี๋ใหญ่แต่งตัวมาดเด็กแว้นซ์ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา โดยมีหญิงใหญ่เป็นสก๊อยซ้อนท้าย ชายเล็กขี่มอเตอร์ไซค์ตามเข้ามา มีหมวยเล็กซ้อนท้ายมาด้วย
เสี่ยชาญทำหน้าตกใจ “ไอ้หยา”
ตี๋ใหญ่กับชายเล็กขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด
“หวัดดีน้อง”
ตี๋ใหญ่พูดทักทายรอน แก้วกัลยาทำหน้างง
“นี่มันอะไรกันเนี่ยลูก”
เฮงรีบกระซิบบอก “เฉยๆ ไว้”
รอนมองตี๋ใหญ่อย่างสงสัย “มีอะไรกับผมรึเปล่าพี่”
“ไม่มีไรมาก แค่อยากเลี้ยงข้าวซักมื้อ”
ตี๋ใหญ่กับชายเล็กออกท่าทางเก๋าใส่รอน หญิงใหญ่กับหมวยเล็กก็ยิ้มลัลลาตามประสาเด็กสก๊อย ขณะที่รอนกับพวกสมุนต่างทำหน้างง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน
ตี๋ใหญ่ หญิงใหญ่ ชายเล็ก หมวยเล็ก นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับรอน และพวกสมุน
“ที่พี่ชวนกินข้าวเนี่ย ก็เห็นว่ารักความแรงเหมือนกัน เลยอยากจะทำความรู้จักกันไว้”
รอนย้อนถาม “รักความแรงเหมือนกันเหรอพี่ วันก่อนยังเห็นขี่เก๋งใส่เชิ้ตผูกไทอยู่เลย”
ชายเล็กรีบพูดแก้ตัว
“ที่เห็นนั่นมันบทบาทการทำงาน พี่ตี๋ใหญ่เนี่ยสิงห์นักบิดรุ่นเก่าเลยนะ”
ตี๋ใหญ่รีบพูดสวนทันที “รุ่นเก๋าฟังดูดีกว่า”
ชายเล็กยกมือไหว้ประหลกๆ “ขอโทษครับลูกพี่”
หมวยเล็กรีบบรรยายสรรพคุณ
“พี่ชายฉันเนี่ย เมื่อก่อนเป็นเจ้าถนนย่านนี้เลยรู้เปล่า”
เอ็มหันขวับมาทางหญิงใหญ่
“งั้นเจ๊นี่ก็สก๊อยรุ่นแรกเลยดิคับ”
รอนหัวเราะขำ “รุ่นหนึ่ง พิมพ์นิยม บล็อกลึก เก่ากึ๊ก หายากนะเนี่ย”
ตี๋ใหญ่รีบยกมือโอบหญิงใหญ่ “เฮ้ย ว่าเมียพี่เก่าเหรอ”
“ไม่ได้ว่าพี่ แซวเล่นครับ”
หญิงใหญ่ที่โดนตี๋ใหญ่โอบแอบกระทุ้งศอกใส่ชายโครงไปหนึ่งที ก่อนจะหันมาพูดกับรอน
“พี่ว่าเรามาเป็นพวกเดียวกันดีกว่านะ อย่ามาทะเลาะกันเลย”
“ตอนนี้หิว คิดไรไม่ออกหรอกพี่”
รอนยังพูดไม่ทันขาดคำดี เฮง แก้วกัลยา เสี่ยชาญ จาง และฮันนี่ช่วยกันยกข้าว ยกอาหารมาเสิร์ฟ
“เต็มที่เลยนะน้องๆ มื้อนี้พี่เลี้ยง”
รอนเอามือลูกท้อง “ไม่ต้องห่วงพี่ ผมกินตุนเผื่ออิ่มไปเป็นอาทิตย์แน่”
เสี่ยชาญพูดสวนขึ้นมาทันที “ลื้อเก็บอาหารไว้ที่เหงือกใช่มั้ย”
“ครับ ถุย บอกแล้วว่าห้ามแซวเหงือก ผมไม่ชอบ”
ฮันนี่รีบอียงหน้าไปกระซิบเสี่ยชาญ
“shut of your mouth เดี๋ยวแผนก็พังหมดหรอกเสี่ย”
เฮงรีบกระซิบบอกแก้วกัลยาบ้าง “งานนี้งานช่วยลูกลื้อ ฉะนั้นค่าอาหารมื้อนี้ลื้อรับผิดชอบ”
แก้วกัลยามองค้อน “ย่ะ หันหนี”
“ฮันนี่ค่า”
“แกกลับไปเตรียมเปิดร้านไป เสร็จทางนี้แล้ว เดี๋ยวฉันตามไป”
ฮันนี่รีบคำ แล้วรีบเดินออกไป
ทุกคนกินข้าวกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดูมีมิตรภาพกันมากขึ้น
เฮงยืนหั่นผักอยู่ในครัวคนเดียว ก่อนที่แก้วกัลยาจะเดินเข้ามา แบบยังมีฟอร์มนิดๆ ตามสไตล์ แล้วทำทีเป็นกระแอมเสียงดัง
เฮงรีบหันไปบอก “กระโถนไม่มีนะ ถ้าไม่กลืนก็ไปบ้วนในชักโครกโน่น”
“ย่ะ”
เฮงทำหน้ายี้ “นี่ลื้อกลืนเหรอเนี่ย อี๋”
“นี่ เลิกกวนประสาทฉันซักห้านาทีจะได้มั้ย”
“ทำไม มีอะไรจะคุยกับอั๊วอย่างนั้นเหรอ”
แก้วกัลยาอึกอัก “ก็ไม่มีอะไรมาก แค่จะมาขอบคุณน่ะ”
“โอ้โห ขอบคุณอย่างนี้ไม่ต้องก็ได้มั้ง”
“แล้วจะให้ทำยังไงยะ ต้องให้คลานเข้าไปกราบเลยมั้ยล่ะ”
เฮงรีบโบกมือห้าม “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ขอแค่ขอบคุณหวานๆ ซักครั้งให้เป็นบุญหูก็พอล่ะ”
แก้วกัลยาทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะรวบรวมความกล้าเพื่อเอ่ยคำขอบคุณหวานๆ กับเฮง
“ขอบคุณมากนะคะ ที่ช่วยลูกชายฉันจากพวกเด็กแว้นซ์ บุญคุณครั้งนี้ ฉันจะจำไม่ลืมเลยจริงๆ”
เฮงยิ้มร่า “เอ้อ พูดดีๆ ก็เป็นนี่”
“ฉันขอบคุณแล้วนะ อย่ามาว่าฉันทีหลังก็แล้วกัน”
แก้วกัลยาพูดจบก็รีบสะบัดบ็อบเดินออกไป เฮงยิ้มขำกับอาการเสียฟอร์มของอีกฝ่าย อย่างปราศจากความเกลียดชัง
รอนกินอิ่ม จนเรอออกมาเสียงดัง ตี๋ใหญ่หันมาถาม
“อิ่มมั้ยน้อง”
“เรอดังไปถึงปากซอยขนาดนั้น น่าจะอิ่มนะเฮีย”
รอนมองหน้าหมวยเล็ก “นี่น้องเป็นแฟนกับไอ้หน้าแหลมนี่จริงเหรอ”
ชายเล็กรีบโอบแขนกอดหมวยเล็ก “จริงสิ ไหนๆ เราก็เคลียร์กันได้แล้ว คนนี้เราขอก็แล้วกัน”
เฮงที่เดินอกมาพร้อมกับแก้วกัลยา เห็นชายเล็กกำลังโอบลูกสาวตัวเองอยู่ ก็อารมณ์ขึ้น
“เฮ้ย”
ว่าแล้วก็จะปรี่เข้าไปหาชายเล็ก แต่กลับถูกแก้วกัลยาดึงคอเสื้อไว้
“ปล่อยอั๊ว ลูกลื้อกอดลูกอั๊วอยู่ ไม่เห็นเหรอ”
“จะเคลียร์จบอยู่แล้ว อย่าเข้าไปทำให้แผนเสียสิ”
แก้วกัลยามองไป เห็นตี๋ใหญ่โอบหญิงใหญ่ขณะคุยกับพวกรอนอย่างสนุกสนาน ก็ร้องโวยวาย
“เฮ้ย”
พลางพลางจะปรี่เข้าไปหาตี๋ใหญ่ เฮงรีบดึงคอเสื้อไว้
“จะเคลียร์จบอยู่แล้ว อย่าเข้าไปทำให้แผนเสียสิ”
“แต่ลูกฉันเป็นผู้หญิง”
“ลูกอั๊วที่โดนกอดอยู่ก็ผู้หญิงเหมือนกัน”
“งั้นเราเข้าไปพร้อมกัน”
แก้วกัลยากับเฮงทำท่าจะเดินเข้าไป เสี่ยชาญที่เดินออกมาพอดี รีบดึงคอเสื้อทั้งคู่ไว้
“จะไปไหน”
“เข้าไปดูลูกสาวอั๊วน่ะสิ โดนกอดอยู่เห็นมั้ยน่ะ”
“ลูกสาวฉันก็โดนลูกไอ้งิ้วนี่กอดอยู่”
เสี่ยชาญทำหน้าเอือม
“เดี๋ยวแผนก็พังหมดหรอก เข้าไปทำกับข้าวให้อั๊วเกียนดีกว่า ตั้งแต่มายังไม่ได้เกียนอะไรเลยเนี่ย”
ว่าแล้วก็รีบลากเฮงกับแก้วกัลยาเข้าไปในบ้าน ขณะที่ตี๋ใหญ่หันมาพูดกับรอน
“เชื่อพี่ ถ้ารักความแรงน่ะ อย่ามาแรงกันบนถนนเลย ไปแรงในสนามแข่งดีกว่า”
หญิงใหญ่รีบพูดเสริม
“ใช่..แข่งในสนามเท่กว่าเยอะ..ไม่แน่นะ ต่อไปจากรอนอาจจะกลายเป็นรอซซี่ก็ได้”
หมวยเล็กทำหน้างง “เป็นกางเกงในเนี่ยนะ”
เอ็มหัวเราะขำ “จีสตริงด้วยแหละ”
“ถุย เดี๋ยวปั๊ดฟันเฉาะหน้า” รอนตวาดใส่เอ็ม ก่อนจะหันมาทางหมวยเล็ก
“รอซโซ่น่ะ กางเกงใน แต่รอซซี่นี่นักแข่งรถครับ”
หมวยเล็กพยักหน้ารับคำ ก่อนที่ตี๋ใหญ่พยายามพูดเตือนสติ
“บนถนนพี่แข่งมาหลายสายแล้ว ในสนามสาวแจ่มกว่าเยอะ เชื่อพี่ จริงมั้ยจ๊ะที่รัก”
ประโยคหลัง ตี๋ใหญ่หันมาทางหญิงใหญ่ ที่รีบรับคำ “จริงจ้ะ”
ตี๋ใหญ่พูดพลางโอบมือค้างไว้ จนหญิงใหญ่ต้องแอบบิดที่ชายโครงอีกครั้ง ขณะที่หมวยเล็กแอบบิดที่ชายโครงชายเล็กบ้าง
ชายเล็กกับหมวยเล็กนั่งอยู่ที่ม้าหินในสวน มีมอเตอร์ไซค์แว้นซ์จอดอยู่ใกล้ๆ
“นี่จะเอารถไปคืนเพื่อนเมื่อไหร่เนี่ย”
“ว่าจะไปคืนเย็นๆ น่ะ”
หมวยเล็กมองชายเล็ก ที่แต่งตัวเด็กแว้นซ์เต็มยศ
“นายแต่งตัวแบบนี้ก็ดูเฟี้ยวไปอีกแบบนะ”
ชายเล็กมองหมวยเล็กที่แต่งเป็นสก๊อยบ้าง
“เธอก็เหมือนกัน งั้นเรามาเป็นแว้นซ์สก๊อยกันซักพักดีมั้ย”
“บ้า เตี่ยจะได้เอาฉันตายน่ะสิ”
ทั้งคู่หัวเราะกันสนุกสนาน ก่อนชายเล็กจะเข้าโหมดซึ้ง
“ขอบคุณมากนะ ที่ลงทุนช่วยเรากันขนาดนี้”
“ไม่เป็นไรหรอก เธอช่วยเราก่อน ถ้าเราไม่ช่วย เราก็คบไม่ได้แล้วล่ะ”
“จะว่าไป พี่เธอก็โอเคเลยนะ เรานับถือน้ำใจเลย”
“แล้วเตี่ยเราล่ะ” หมวยเล็กย้อนถาม
“เตี่ยเธอก็โอเค ที่ทำท่าทางขึงขังน่ะ เราว่าเป็นฟอร์มมากกว่า”
“นี่เธอดูออกด้วยเหรอ”
ชายเล็กยิ้มรับ “ออกสิ แม่เราก็เป็นแบบเตี่ยเธอนี่แหละ ลึกๆ ข้างในน่ะเริ่มใจอ่อนแล้ว แต่ยังวางฟอร์มกันอยู่”
“มีเรื่องให้ช่วยกันแก้ปัญหาก็ดีไปอย่างนะ สุดท้ายแล้ว มันก็ช่วยสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีให้กับครอบครัวเรา”
“งั้นเราขยันหาเรื่องมาให้บ้านเรากับบ้านเธอช่วยกัน แก้ปัญหาอีกดีมั้ย”
“จะดีหรา”
ทั้งคู่หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข
ตี๋ใหญ่นั่งยิ้มขณะกำลังดูตุ๊กตาหมีที่หญิงใหญ่ให้เป็นของขวัญ พลางแอบนึกถึงวีรกรรมน่ารักๆ ของอีกฝ่าย ด้วยความประทับใจ
ขณะเดียวกัน หญิงใหญ่ก็เดินเข้ามาในห้อง พลางมองไปที่ห้องตี๋ใหญ่ เห็นอีกฝ่ายนั่งมองตุ๊กตาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
“เฮ้ย ยิ้มคนเดียวแล้ว ไหวมั้ยนั่น”
ตี๋ใหญ่เล่นกับหมีอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะช็อตเมื่อมองไปเห็นหญิงใหญ่กำลังมองมา
หญิงใหญ่อมยิ้มขำ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากด sms
“ขอบคุณนะคะ สำหรับความช่วยเหลือตลอดสองวันที่ผ่านมา :)”
ตี๋ใหญ่กดอ่านข้อความแล้วยิ้มหน้าบาน รีบกดข้อความส่งกลับ
“ด้วยความยินดีครับ และขอบคุณสำหรับหมีน้อยตัวนี้ สัญญาว่าจะเก็บรักษาเป็นอย่างดี :)”
หญิงใหญ่กดอ่านข้อความ ก่อนจะหันไปยกนิ้วโป้งให้ตี๋ใหญ่ สื่อความหมายว่าเยี่ยม
ตี๋ใหญ่ชูมือขึ้นทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยู ก่อนจะช็อตเปลี่ยนเป็นยกนิ้วโป้งให้หญิงใหญ่ ทั้งคู่ยิ้มแย้มให้กันด้วยความรู้สึกดีๆ
อ่านต่อตอนที่ 12