ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 10
เพชรกำลังตักน้ำซุปในชามกิน มีพริมนั่งเฝ้า บุญหลงนั่งรอ
“ถึงขนาดต้องนั่งเฝ้าเลยเหรอพริม”
“ก็ใช่น่ะสิ กลัวจะเอาไปเททิ้ง”
เพชรหมั่นไส้ยกชามซุปซดพรวดเดียวหมด วางชามเปล่าลงบนโต๊ะ
“พอใจรึยังครับคุณแม่”
ยอดสร้อยเข้ามา ยิ้มทักทาย
“อ้าว นึกว่าใคร พริมกับบุญหลง สองยอดนักมวยค่าย ศ.อรชรนี่เอง”
“พี่ยอดสร้อย กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อเช้านี่เอง กลับมาปุ๊บก็ได้ข่าวเลยว่าเพชรไปชกมวย แล้วยังได้โค้ชฝีมือดีด้วย ดีจนเพชรโดนไอ้จีบันมันอัดมาซะแทบพิการเลย” ยอดสร้อยแดกดัน
“ไม่เกี่ยวกับคนสอนหรอกพี่ยอดสร้อย ชั้นมันไม่เอาไหนเองต่างหาก”
“แล้วนี่เห็นว่าจะกลับไปชกล้างตาอีกใช่มั้ย”
“ใช่ แล้วครั้งนี้ชั้นก็มั่นใจว่าเพชรจะต้องชนะแน่ๆ”
“ทำไมถึงมั่นใจล่ะ”
“เพราะชั้นวางแผนการชกกับน้าชาติน้าแชมป์แล้วน่ะสิ ตอนนี้เราเห็นหมดแล้วว่าจีบันมันมีจุดอ่อนตรงไหน แล้วเพรชมีจุดแข็งตรงไหน”
ไม่มีใครสังเกตว่ายอดสร้อยมองพริมและเพชรอย่างมีเลศนัย
ที่ค่ายมวย ศ.อรชร ชาติกำลังดูพวกนักมวยซ้อมกันอยู่ ขนุนค่อยๆ เดินเนียนๆ จะผ่านไป
ชาติเรียกไว้ “ขนุน”
“จ๋าพ่อ”
“ไปไหนมา”
“ไปไหน? ไม่ได้ไปไหนเลย อยู่ที่ค่ายนี่แหละ” ขนุนตีเนียน
“แต่เมื่อคืน…”
ขนุนรีบชิงบอก “เมื่อคืนทำไม เมื่อคืนชั้นก็นอนหลับอยู่ห้อง”
ชาติงง “จริงเหรอ ทำไมคลับคล้ายคลับคลาว่าไม่อยู่วะ”
“พ่อความจำเสื่อมแล้ว ชั้นก็อยู่เหมือนทุกวันนั่นแหละ”
“เออๆ พักนี้รู้สึกมึนๆ ขอไปกินน้ำขิงก่อนนะ”
ชาติเดินงงๆออกไป ขนุนกำชับบอกพวกนักมวย “ห้ามให้พ่อรู้เชียวนะว่าชั้นไม่ได้กลับบ้าน”
พริมกับบุญหลงกลับจากบ้านลิเก เดินเข้ามาข้างหลังขนุน พริมถามขึ้นด้วยท่าทางจริงจัง
“แล้วไปไหนมา”
ขนุนตกใจ “เอ่อ ชั้นไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วเลิกดึกไปหน่อย ก็เลยนอนค้างบ้านเพื่อน”
“อย่าให้บ่อยนักละกัน นักมวยต้องมีวินัย ขาดซ้อมไปวันสองวันหมายถึงชีวิตเลยนะ”
“จ้ะ”
ขนุนจ๋อยๆ
ทางฝ่ายเพชรบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสายอยู่ ยอดสร้อยมองจ้อง
“ไม่ได้เจอกันหลายวัน เพชรดูตัวใหญ่ขึ้นเนอะ”
“ก็ต้องใหญ่สิ ไม่งั้นจะไปสู้กับเค้าไหวเหรอ นักมวยค่ายเมฆดำ ตัวอย่างกับยักษ์ทั้งนั้น นี่ชั้นไม่ได้ออกกำลังมา 2 วัน ชักรู้สึกเมื่อยๆ”
“เมื่อยตรงไหนล่ะ”
“ตรงหลัง คงเพราะโดนไอ้จีบันมันซ้อมเอาเมื่อวันก่อน
“มานี่สิ ชั้นจับเส้นให้ ชั้นเป็นหมอนวดเก่านะ”
“ดีเหมือนกัน เอาเน้นๆ เลยนะพี่”
เพชรขึ้นนอนคว่ำบนตั่ง ยอดสร้อยขึ้นคร่อมแล้วดัดหลัง เสียงกระดูกลั่นดังกร๊อบ เพชรหน้าเหยเก เจ็บจนร้องไม่ออก
“เป็นไง หายมั้ย”
“ยังไม่หาย แต่มันยิ่งเจ็บ”
“งั้นลองอีกที”
คราวนี้ยอดสร้อยดัดหลังเพชรเหวี่ยงไปอีกทาง เสียงดังกร๊อบ เพชรหน้าเหยเก
“ชั้นว่าเจ็บกว่าโดนจีบันต่อยอีกนะ พอเถอะ”
จริยาเข้ามาเห็นร้องลั่น “ว้าย นังยอดสร้อย แกจะทำอะไรเพชรหา”
“ชั้นก็นวดให้เพชรน่ะสิ คิดว่าชั้นทำอะไร”
“แต่ยิ่งนวดยิ่งเจ็บอะ ...โอ้ย” เพชรโอดโอย
“มานี่ ชั้นแก้ให้”
ไม่รออนุญาตจากใคร จริยาขึ้นคร่อมเพชร จับแขนไขว้ แล้วดัดท่าพิสดาร เพชรหน้าเหยเกอีก
“นี่แกล้งกันรึเปล่าพี่จริยา”
“ทนหน่อย พอหายเจ็บก็หายเมื่อย”
จริยาจับขาเพชรไขว้ แล้วดัด เพชรร้องสุดเสียง “โอ้ย...“
“เสร็จแล้ว เรียบร้อย หายเมื่อยมั้ย”
เพชรลุกขึ้นยืนหลังเบี้ยว คอเอียง แขนข้างหนึ่งไขว้อยู่หลังหัว แขนอีกข้างไขว้อยู่หลังเอว ขาหรือก็แปทั้ง 2 ข้าง
“หายเมื่อยจ้ะ เพราะชาไปหมดทั้งตัวแล้ว”
ยอดสร้อยมองจ้อง “แล้วทำไมไม่ยืนดีๆ”
“เส้นมันล๊อค เอาออกไม่ได้”
จริยาไปดึงแขนเพชรให้เข้าที่ ก็ดึงมาได้แขนขาแข็งไปแล้ว
“แล้วคืนนี้จะเล่นลิเกยังไง พระเอกเป็นง่อยอีกเหรอ” จริยาตกใจ
“ว้าย ชั้นไม่เอาพระเอกเป็นง่อยนะ”
“รีบพาชั้นไปค่ายมวยที เผื่อจะมีทางแก้”
จริยา กะ ยอดสร้อยช่วยกันประคองเพชรเดินขโยกออกไป
พริม ขนุน บุญหลง เด่น แคน และนักมวยอื่นๆ กำลังซ้อมกันอยู่ เห็นจริยากับยอดสร้อยประคองเพชรที่หลังเบี้ยว คอเอียง แขนคดไขว้ไปข้างหลัง ขาก็แปเป๋ เข้ามา
“ไปทำอะไรมาเพชร เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย”
“พี่ยอดสร้อยกับพี่จริยาเค้านวดแก้เมื่อยให้ชั้น แต่มันกลายเป็นอย่างนี้” เพชรบอก
“แก้ได้มั้ยพริม” จริยาถาม
คนในค่ายมารุมดู
“เอาวางบนตั่ง”
จริยากับยอดสร้อยพาเพชรไปนอนลงบนตั่ง พริมขึ้นบนตั่ง ดัดแขนเพชรกร๊อบ ดัดหลังกร๊วบ ดัดขาแกร๊บ และดัดคอกรึ๊บ เพชร ลองขยับแขน ขยับขา หมุนคอดู พบว่าตัวเองหายเป็นปกติก็ทึ่ง
“พริม เธอนี่หมอเทวดาจริงๆ”
“ก็ชั้นถูกใช้ให้นวดนักมวยประจำ ชั้นรู้หมดแหละเส้นไหนเป็นเส้นไหน นับจากวันนี้ไปให้ระวังตัวให้มากๆ อย่าลืมว่าเธอมีภารกิจต้องทำ”
เพชรยิ้มรับ “จ้า”
“ไหนๆ มาก็ดีแล้ว เดี๋ยวไปคุยกับน้าชาติ เราจะวางแผนการชกไฟท์หน้ากัน”
ไม่มีใครเห็นว่า ยอดสร้อยหูผึ่ง
ฝ่าย สำเริง ลูกดอก แฉะ ฟังรักษ์เล่าเรื่องพ่อ
“พ่อเป็นโรคคนแก่นิดๆ หน่อยๆ ตอนนี้หายดีแล้วล่ะ ขอโทษทีที่ทำให้วุ่นวาย วันนี้ชั้นแล้วก็ขนุนกลับมาเล่นลิเกได้เหมือนเดิมแล้วล่ะ”
“ขนุนไม่จำเป็นแล้ว ไปบอกด้วยว่าไม่ต้องมาแล้ว”
“อ้าว ทำไมล่ะ หานางเอกใหม่ได้แล้วเหรอ”
ยอดสร้อยกับจริยาเข้ามาพอดี
“พี่รักษ์”
“ยอดสร้อย”
ยอดสร้อยยิ้มหวาน “ใช่จ้ะ ชั้นเอง”
เพชร พริม ขนุน บุญหลง ชาติ ประชุมกัน โดยนักมวยอื่นๆ ซ้อมกันไป
“ไอ้จีบันมันเป็นมวยลุย ชกดะไม่เลือกที่ บางทีมันก็ชกมั่วด้วยซ้ำ”
“สำคัญที่หมัด เท้ามันหนักมาก โดนไปทีนึงก็ตัดกำลังไปเยอะ” พริมว่า
“สะเทือนไปถึงไส้ติ่งเลยล่ะ นี่ขนาดชั้นหลบได้ตั้งหลายดอกนะ”
“งั้นเพชรต้องฝึกไปทางมวยเชิง หลบมันให้ได้หมดทุกดอก แล้วก็หาช่องชกมันเป็นระยะ” ชาติว่า
“ไม่ต้องปล่อยอาวุธบ่อย แต่ปล่อยทีต้องโดนเน้นๆ” พริมเสริม
“ไอ้หลง ลองต่อยเพชรซิ ลุยแบบไอ้จีบันเลย” ชาติสั่ง
“ฮึ่ย ชั้นยังไม่พร้อม”
บุญหลงเข้าซัดเพชร ทั้งปล่อยหมัด เท้า เข่า ศอกครบเครื่อง รัวๆ แบบที่จีบันทำ โดยไม่ได้ใส่นวมทั้งคู่ เพชรหลบซ้ายหลบขวาปราดเปรียว
“เพชร! หาช่องสวน” พริมตะโกนบอก
เพชรหลบไปมา พยายามหาโอกาส เพชรเห็นช่อง ปล่อยหมัดสวน หมัดเนื้อล้วนๆ ของเพชรกับหมัดบุญหลงปะทะกัน
เพชร กะ บุญหลงร้อง “โอ้ย”
พริมรีบเข้าไปดูมือเพชร “เป็นอะไรรึเปล่าเพชร”
“มือหักแล้ว” เพชรอ้อน
“ไหนมาดูซิ”
พริมคลำมือเพชร ดูว่าหักหรือไม่ บุญหลงได้แต่มองปวดใจ ที่พริมไม่สนใจตนเลย
อ่านต่อหน้า 2
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 10 (ต่อ)
คณะลิเกเพชรสำเริง เปิดการแสดงที่วัดยามค่ำตามเวลา ฟ้ามืดแต่เวทีลิเกสว่างจ้า ชาวบ้านมาจับจองที่นั่ง แม้นมาศและปลัดขิกนั่งหน้าสุดประจำที่เดิม
เสียงปี่พาทย์โหมโรงเร้าใจ และเห็นแฉะร้องออกแขกอย่างเริงร่าฮาเฮ แฉะร้องเสร็จแล้วลงหลังเวทีไป ให้ยอดสร้อยซึ่งแต่งตัวนาง สวยงามรำป้อออกมา คนดูปรบมือโห่ร้องเกรียวกราวต้อนรับ
“ชีวิตฉันนั้นแสนดี มีสามีแสนประเสิรฐ
รักเราเอาใจเป็นเลิศ ไม่เคยเตลิดเถลไถล
อยู่กินกันมาช้านาน ไม่เคยเดือดร้อนรำคานใจ”
เพชรรำออกมานั่งข้างยอดสร้อย เข้าบทเจรจา
“น้องแก้วจ๊ะ วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานปีที่ 5 ของเรา น้องอยากไปเที่ยวไหนเหรอจ๊ะ พี่จะพาไปทุกที่เลย”
“น้องไม่อยากไปไหนหรอกจ้ะพี่ขวัญ แค่น้องได้อยู่กับพี่ทุกวัน น้องก็มีความสุขเหลือเกินแล้ว ขอแค่ 2 เราอย่าได้พรากจากกันเป็นพอ”
รักษ์กับลูกดอกเข้ามา ท่าทางตื่นๆ
“เจ้าขวัญ เจ้าขวัญ พี่มีธุระจะคุยด้วยหน่อย”
“มีอะไรฤาพี่ท่าน” เพชรถาม
“เจ้าจำน้องหญิงกิ่งดาวได้มั้ย นางกำลังจะมา”
“น้องหญิงกิ่งดาว ชื่อคุ้นๆ ใครฤาพี่ท่าน”
“ก็ลูกสาวของคนที่พ่อเราเคยไปยืมเงิน แล้วสัญญาว่าจะให้เจ้าแต่งงานกับนางน่ะสิ”
“อ้อ จำได้แล้ว แต่ข่าวว่านางตกเครื่องบินตายไปหลายปีแล้วหรือมิใช่”
“ตกเครื่องบินน่ะใช่ แต่ไม่ตาย วันนี้นางจะมาทวงสัญญา จะกลับมาแต่งงานกับเจ้า”
เพชรตกใจ “ได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้ข้ามีแก้วเป็นเมียรักอยู่แล้วทั้งคน”
“เจ้าต้องแกล้งยอมไปก่อน ไม่งั้นบ้านช่องเค้าก็จะยึดเราไปหมด”
ยอดสร้อยหน้าเศร้า “แล้วข้าล่ะ จะเอาข้าไปไว้ที่ไหน”
ทั้ง 4 ปรึกษากัน
ส่วนที่ด้านล่างเวที พริมกับบุญหลงเดินเข้ามานั่งดูทางหนึ่ง ขนุนเข้ามาอีกทางหนึ่ง พริมกับขนุนเจอกันก็ตกใจ
“ขนุน” / ”พี่พริม”
“มาทำอะไรที่นี่ขนุน”
“เอ่อ... ชั้น...ออกมาวิ่งน่ะจ้ะ แล้วรู้สึกหน้ามืดก็เลยแวะเข้ามาพัก...แล้วพี่พริมล่ะ”
“เอ่อ...” พริมคิดเหตุผลไม่ออก
บุญหลงแก้ให้ “พริมเค้ามาเฝ้าเพชร เพชรยังไม่หายดี กลัวว่าจะเป็นอะไรไปอีก ก็เลยชวนชั้นมาดูซะหน่อย มานั่งดูด้วยกันสิ”
พริม บุญหลง และขนุน นั่งดูลิเกด้วยกัน โดยนั่งใกล้ๆ แม้นมาศกับปลัดขิก
“เล่นลิเก 3 วัน เปลี่ยนนางเอก 3 คน คณะนี้เค้านางเอกเยอะเนอะคุณปลัด สวยๆ ทั้งนั้นเลย” แม้นมาศว่า
ปลัดเห็นด้วย “แต่ชั้นว่า นางเอก 2 คนก่อนสวยกว่า”
ขนุนสงสัย
“ขอโทษนะจ๊ะ เมื่อวานใครเล่นเป็นนางเอกเหรอจ๊ะ”
แม้นมาศกับปลัดหันมา
“เห็นว่าเป็นนางเอกใหม่ ไม่ได้ถามชื่อมาเหมือนกัน หน้าตาคล้ายๆ คล้ายหนูคนนี้เลย” ปลัดชี้ที่พริม
“อุ้ย ไม่เหมือนหรอก หน้าตาชั้นจะไปเหมือนนางเอกลิเกได้ยังไง”
แม้นมาศพิจารณาขนุน “คุณปลัดดูสิ หนูคนนี้ก็หน้าตาคล้ายนางเอกวันแรกเลยนะ ทั้งตาทั้งปาก”
ปลัดมองจ้อง “เออ เหมือนจริง”
พริมจับขนุนมาพลิกหน้าดู
“เหมือนจริงด้วย เมื่อวันนั้นชั้นมารอเพชร ชั้นก็ดูอยู่”
“ไม่หรอก ชั้นขี้เหร่จะตาย แต่งยังไงก็ไม่มีทางสวยขึ้นมาหรอก ดูลิเกเถอะ นั่นๆๆ นางอิจฉาออกมาแล้ว” ขนุนตัดบท เปลี่ยนเรื่อง
ทุกคนหันไปดูลิเกต่อ
อ่านต่อหน้า 3
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 10 (ต่อ)
บนเวทีจริยารำเฉิดฉายสวยงามออกมา รักษ์หันไป
“น้องหญิงกิ่งแก้วมาแล้ว”
“คนไหนรึที่ชื่อขวัญ คนที่ชั้นจะแต่งงานด้วย อุ๊ยๆๆ ไม่ต้องบอก ฉันของเดาว่า...” จริยาแถเข้าไปหาเพชรส่งสายตาหวานเยิ้มให้ “คนนี้ใช่มั้ย”
“ใช่ ชั้นชื่อขวัญ”
จริยากรี๊ดกร๊าด ดี๊ด๊าเข้าไปโลมเลีย “แอร๊ย”
แล้วร้องลิเก “หน้าก็หล่อคอก็กลม ช่างน่าดมช่างน่าเด็ด
รสชาติ แหม น่าจะเผ็ด อยากโดน “…”
ทุกคนร้อง “เฮ้ย”
จริยาร้องว่า “ยิ้ม...ให้ ซักเจ็ดคืน
หิวมากชักอยากจะกิน ขอตวัดลิ้นแล้วค่อยกลืน”
จริยาเข้าไปเกี่ยวกอดเพชรนัวเนีย เพชรแบ่งรับแบ่งสู้ รักษ์กับลูกดอกกระซิบให้ทนๆไป ยอดสร้อยไม่พอใจ
“พี่แก้วขา เราจัดงานแต่งมันซะวันนี้ แล้วก็ฮันนีมูนพรุ่งนี้ แล้วมีลูกมะรืนนี้เลยดีมั้ยคะ” จริยาว่า
“ไม่ดีมั้งจ๊ะ เหนื่อยแย่เลย”
จริยาเห็นยอดสร้อย “แล้วนี่ใครคะ คนใช้เหรอ”
เพชรบอก “ใช่จ้ะ”
“นี่นังคนใช้ มายืนหน้าแบนอยู่ทำไม ไม่ไปหาน้ำหาท่ามาให้ชั้นกิน แล้วก็ไปเก็บตัวอยู่ในครัวนู่น ถ้าไม่เรียกไม่ต้องมาเสนอหน้า” แล้วจริยาก็เข้ามาออเซาะเพชร “คนใช้บ้านพี่โง่จังเลยนะจ๊ะ”
“ทนไม่ไหวแล้ว ขอตบอีแหนมนี่ซะทีเถอะ”
ยอดสร้อยเข้าตบตีจริยา แต่จริยาตบกลับ สองสาวกรี๊ดกร๊าด ฮึ่มฮ่ำใส่กัน เพชร รักษ์ ลูกดอกมาช่วยกันห้าม แต่ก็โดนลูกหลงกันไปตามระเบียบ คนดูชอบใจ
จริยาหมั่นไส้เลยตบยอดสร้อยจริง ดังเพี๊ยะ
“แกเล่นจริงตบจริงเหรอ ได้เลย อีอ้วน”
“คำก็อีแหนม สองคำก็อีอ้วน ตายซะเถอะ อีแรด”
ยอดสร้อยจริยาตบกัน จิกหัวกันพัลวัล เพชร รักษ์ ลูกดอกช่วยกันห้ามจริงจัง
สำเริงกับแฉะก็ออกมาจากหลังโรงช่วยห้ามด้วย จังหวะหนึ่งเกิดพลาด เพชรสะดุดตั่งล้ม ยอดสร้อยล้มทับเพชร
พริมตกใจเป็นห่วงลุกพรวด “เฮ้ย เป็นอะไรรึเปล่า”
พริมรีบขึ้นเวทีไปดู พร้อมกับผลักยอดสร้อยออก ยอดสร้อยโมโหผลักพริมกลับ บุญหลงกับขนุนเห็นก็ขึ้นไปช่วยพริม
แม้นมาศกับปลัดขิกเห็นวุ่นวายก็ขึ้นไปช่วยห้าม ชาวบ้านก็ขึ้นไปด้วย
แต่ห้ามกันไปห้ามกันมา เหยียบกันจนเกิดชุลมุลวุ่นวายไปกันใหญ่ ไม่รู้ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน
จริยากับยอดสร้อยนั่งหน้าสลดอยู่ในห้องโถง ต่อหน้า เพชร พริม รักษ์ ขนุน บุญหลง สำเริง ลูกดอก แฉะ นั่งชุมนุมอยู่ด้วย
“ชั้นขอโทษ” จริยาจ๋อง
ยอดสร้อยจ๋อย “ชั้นก็ขอโทษ”
“ขอให้มันเป็นแค่อุบัติเหตุแล้วก็เข้าใจผิดกันก็พอนะ อย่าได้โกรธได้เกลียดกันจริงจังเลย กินข้าวหม้อเดียวกันแท้ๆ”
“ชั้นก็ต้องขอโทษด้วยละกัน จริงๆ แล้วชั้นไม่น่าขึ้นไปยุ่งด้วยเลย ชั้นแค่เป็นห่วงกลัวว่าเพชรจะแข้งขาหักไปอีก” พริมว่า
“เอาเป็นว่าทุกคนเลิกแล้วต่อกัน ไม่มีอะไรค้างคากันแล้วนะ ขอบใจพริมด้วยที่คอยจะเป็นห่วงเพชรให้”
เพชรมองพริม ยิ้มปลื้ม
บุญหลงลอบมองพริมอยู่เหมือนกัน สังเกตว่าพริมรู้สึกยังไง พริมรีบแก้ตัว
“ชั้นกลัวว่าเพชรจะไปชกไม่ได้น่ะ ถ้าหลังจากจบไฟท์นี้แล้ว จะไปคอหักที่ไหนชั้นก็ไม่สนหรอก”
เพชร กะ รักษ์ เดินออกมาส่ง พริม ขนุน และบุญหลงที่หน้าบ้าน
“กลับบ้านดีๆ นะ”
พริม ขนุน บุญหลงเดินออกไป 2-3 ก้าว พริมหยุดหันกลับมา
“พรุ่งนี้เช้าอย่าลืมตื่นไปวิ่งด้วย”
“ย้ำอยู่นั่นแหละ ชั้นสัญญาแล้วไม่ต้องห่วงหรอกน่า” เพชรชูนิ้วแบบลูกเสือ “ด้วยเกียรติของลิเกเลยเอ้า”
บุญหลงขึ้นรถเครื่องพริมซ้อน ส่วนขนุนขึ้นรถเครื่องตัวเองอีกคัน แล้วขับออกไป
รักษ์มองตาม “พริมนี่เค้าดูเอาใจใส่แกดีเหมือนกันนะ”
“ดีเกินไปด้วย พ่อยังไม่เคยเจ้ากี้เจ้าการชั้นขนาดนี้เลย” เพชรบอก
“แล้วแกชอบมั้ยล่ะ”
เพชรยังไม่ทันตอบ รถของแม้นมาศแล่นเข้ามา
“คุณนายแม้นมาศนี่” รักษ์กะเพชรมองฉงน
แม้นมาศเอาเชคเงินสดใส่ซองแล้วยื่นให้สำเริง สำเริงไหว้แล้วรับมา
“ขอบพระคุณคุณนายแม้นมาศมากครับ ที่มาช่วยต่ออายุให้ลิเกของเรา ถ้ามีงานหน้างานไหนเรียกใช้ได้เลยนะครับ พวกเรายินดีรับใช่อย่างยิ่งครับ”
“พูดเกินไปแล้วพ่อสำเริง ชั้นเองก็ต้องขอบใจพ่อกับชาวคณะมากๆด้วยนะ 3 วันนี้ลิเกสนุกมากกก เล่นดีกันทุกคนเลยโดยเฉพาะน้องเพชร ชั้นขอสมัครเป็นแม่ยกประจำด้วยคนนึงนะ”
“ได้เลยครับคุณแม่ ผมเป็นเด็กกำพร้าแม่ อยากมีแม่เยอะๆ ครับ” เพชรอ้อน
“โอ้ย น่ารักจริงๆ ขอแม่หอมแก้มลูกซักทีซิ”
“หลายๆ ทีก็ได้ครับคุณแม่”
เพชรเข้าหาแม้นมาศให้หอมแก้มไปหลายฟอด
ปลัดขิกตามเข้ามา “แม้นมาศ”
“ว้าย คุณปลัด”
“ทำอะไร”
“ชั้นเอาเงินมาจ่ายค่าลิเก”
“แล้วทำไมต้องไปหอมมันด้วย”
“เค้าให้เป็นของแถม ไม่อยากได้หรอก แต่ก็ต้องรับไว้”
“กลับบ้าน” ปลัดเสียงเข้ม
“ก็กำลังจะกลับอยู่นี่ไง” แม้นมาศลาพวกลิเก “ชั้นไปนะ”
พวกลิเกยกมือไหว้ลา แม้นมาศรีบออกไป
ปลัดเห็นว่าแม้นมาศไปแล้วก็เข้ามา เพชรเกรงๆ ว่าปลัดจะทำอะไรตนรึเปล่า
ปลัดกระซิบว่า “นี่ นางเอกสองคนก่อนน่ะ ใครเหรอ ขอเบอร์หน่อยสิ”
ชาวลิเกเซ็ง นึกว่าจะมาเรื่องอะไร
“เค้าเป็นนางเอกชั่วคราวจ้ะ มาเล่นให้หนเดียวแล้วก็ไป คนนึงอยู่นครปฐม คนนึงอยู่สุพรรณ ตามกันไม่เจอแล้วล่ะ” รักษ์บอก
ปลัดบ่น “แหม น่าเสียดายจัง ว่าจะชวนไปกินข้าวด้วยซะหน่อย”
ยอดสร้อยเสนอหน้า “แต่นางเอกประจำอยู่นี่นะคะ อยากชวนไปกินข้าวเมื่อไหร่ พร้อมเสมอค่ะ”
“ไม่ได้สองคนนั้น เอาคนนี้แก้ขัดก่อนก็ยังดี ขอไลน์หน่อย เดี๋ยวแอดไป”
ปลัดกำลังกดโทรศัพท์จะรับแอด แม้นมาศกลับเข้ามา แว้ดใส่เสียงเขียว
“คุณปลัด”
อ่านต่อหน้า 4
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 10 (ต่อ)
คืนนั้นพริมอยู่ในสำนักงาน กำลังเขียนตารางการซ้อมของเพชรลงสมุดด้วยดินสอ บุญหลงเข้ามา
“ยังไม่นอนอีกเหรอพริม”
“อีกแป๊บนึง หลง ถามหน่อยสิ ระหว่างเช้าฝึกเทคนิคแล้วเย็นค่อยฝึกกำลัง กับเช้าฝึกกำลังแล้วเย็นค่อยฝึกเทคนิค อย่างไหนดีกว่ากัน”
“ชั้นว่าเช้าฝึกเทคนิคแล้วเย็นค่อยฝึกกำลังดีกว่า กล้ามเนื้อจะได้พักผ่อนตอนนอนด้วย”
พริมพยักหน้าเห็นด้วย เขียนลงสมุด
“ตารางฝึกของเพชรเหรอ”
“ใช่ หลงว่าไงมั่ง”
พริมยื่นสมุดให้บุญหลงดู เป็นตารางการฝึก 7 วัน โดยใน 1 วันแบ่งเป็นเช้ากับเย็น
“ก็ดี... แต่ทุกทีเวลาพวกเราฝึกไม่เห็นต้องมีตารางขนาดนี้เลย”
“ก็นี่มันไฟท์สำคัญ เพชรก็ยิ่งเหลาะๆ แหละๆ อยู่ด้วย ก็เลยต้องเข้มงวดกันหน่อย”
“พริมดูจริงจังกับเพชรมากเลยนะ”
“ไม่จริงจังได้ยังไง ชื่อเสียงของ ศ.อรชรเชียวนะ แล้วก็เป็นความผิดชั้นเองที่พาเพชรไปสมัคร ชั้นก็ต้องรับผิดชอบสิ”
พริมรับสมุดกลับมา ดูตารางอีกที
“ชั้นว่าเอาฝึกชกกับฝึกหลบสลับกันดีกว่า เดี๋ยวฝึกชก 2 ครั้งติดกันเพชรจะเหนื่อยตายก่อนพอดี”
พริมเอายางลบๆ แล้วเขียนใหม่ บุญหลงมองพริม ที่ดูเอาใจใส่เพชรเป็นพิเศษ
ส่วนที่โถงบ้านลิเกคืนเดียวกันนั้น ชาวลิเกทุกคนชนแก้วฉลองกัน
“อ้าว ชน...”
ทุกคนล้อมวงนั่งพื้น ตรงกลางวงมีทั้งอาหาร เหล้ายาปลาปิ้งพร้อม
“เพชรสำเริง บันเทิงศิลป์จงเจริญ” สำเริงร้องเสียงดัง
ทุกคนโห่ร้องยินดีแล้วดื่ม หยิบอาหารกินกันอย่างหิว ยอดสร้อยคุยเขื่อง
“ชั้นนี่มันตัวนำโชคจริงๆ กลับมาได้แค่วันเดียว ก็หอบเอาเงินก้อนโตมาฝากพวกเราแล้ว”
“ผิดแล้วย่ะ คุณนายแม้นมาศเค้ามาเพราะเพชรต่างหาก ไม่เกี่ยวกับแกเลย”
“เลิกทะเลาะกันซะที แล้วก็กินเข้าไปซะของดีๆ ทั้งนั้น” สำเริงหยิบอาหารยัดปากยอดสร้อยกับจริยา “ปากจะได้ไม่ว่างกัดกัน”
แฉะกะลูกดอกเห็นเพชรกินนิดเดียว
“เพชร ไม่อร่อยเหรอ” แฉะถาม
“ชั้นกินมากไม่ได้ คุมน้ำหนักอยู่”
“พี่จะไปต่อยมวยทำไมอีก เงินทองเราก็มีแล้วนี่” ลูกดอกว่า
“มันพอไถ่ที่คืนที่ไหนล่ะ จ่ายดอกก็หมดแล้ว ลิเกไม่ได้ให้เล่นบ่อยๆ ซะหน่อย แต่มวยเค้าต่อยกันทุกอาทิตย์ ชนะทีก็ได้เป็นกอบเป็นกำเลย”
สำเริงได้ยินก็ไม่พอใจ ถือแก้วลุกเดินออกไป
“อ้าว ไปไหนล่ะพ่อ”
ทุกคนมองหน้ากันเหวอ
“ไอ้เพชร แกไปพูดอย่างนั้นได้ยังไง” รักษ์ตำหนิ
สำเริงหนีมานั่งดื่มอยู่คนเดียว น้อยใจ ปวดใจ หวนนึกถึงความหลัง
ที่บ้านลิเก แห่งนี้ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว สำเริงในชุดดำ กำลังอุ้มทารกเพชรอยู่ แฉะอยู่ด้วย ท่าทางเศร้าด้วยกันทั้งคู่
“น่าสงสารไอ้เพชรมันเนาะ เวรกรรมอะไรของมันก็ไม่รู้”
“เวรกงเวรกรรมอะไร พูดจาไม่เป็นมงคลเลย”
“อ้าว จะว่าไม่เวรกรรมยังไง เกิดมาไม่ทันไร พ่อแม่ก็มาด่วนตายไปซะแล้ว โตมาคงเป็นเด็กมีปมด้อย”
สำเริงสงสารเพชรมาก
“ชั้นจะไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้นเด็ดขาด”
“แล้วพี่เริงจะทำยังไง”
สำเริงดึงตัวเองกลับมา เพชรเข้ามาหาพอดี
“พ่อ ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะ”
“เพชร ถ้าแกเห็นว่าชกมวยมันดีกว่าลิเกล่ะก็ แกจะเลิกเล่นลิเกแล้วย้ายไปอยู่ค่ายมวยเลยก็ได้นะ ชั้นไม่ว่า”
“โห พ่อ อย่าเพิ่งน้อยใจดิ”
“ไม่ได้น้อยใจเว้ย ก็เห็นบอกชกมวยดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ แกก็ไปเอาดีทางมวยเลย ชั้นเองก็ไม่อยากขัดใจ ไม่อยากให้แกมาทนลำบากอยู่กับไอ้คณะลิเกจนๆ ของชั้นหรอก”
“ไปกันใหญ่แล้วพ่อ ชั้นชกมวยก็เพื่อเอาเงินมาไถ่บ้าน พวกเราจะได้มีที่อยู่มั่นคง คณะลิเกของเราก็จะได้อยู่ต่อไปไงพ่อ ชั้นเห็นพ่อร้องพ่อรำลิเกตั้งแต่เด็กแล้ว ลิเกมันอยู่ในสายเลือด ชั้นไม่มีทางทิ้งลิเกได้หรอก”
สำเริงได้ฟังแล้วค่อยหายโกรธ
“แหม ทำงอนเป็นสาวๆ เชียวนะ”
สำเริงยกตีนยันเพชรกลิ้งไป “ไอ้นี่ทะลึ่ง”
“โอ้ย เล่นแรงจังพ่อ! หัวหูแตกไปทำไง”
“เออ สมน้ำหน้า”
รักษ์ ลูกดอก แฉะ จริยา และยอดสร้อย เริ่มกรึ่มๆ ร้องรำทำเพลง ร้องลิเกเล่นกันอย่างสนุกสนาน
เพชรกับสำเริงกลับเข้ามา ลงนั่งร่วมวง
“มาเร็ว เคลมเร็วกันจัง”
“งั้นแกก็รีบตามมาเลยเพชร เดี๋ยวจะตามไม่ทัน น้าเริงด้วย มาๆ”
แฉะเอาเหล้าให้เพชร
“คืนนี้ชั้นขอบาย พรุ่งนี้ต้องกลับไปซ้อมมวยแล้ว” เพชรออกตัว
“เออๆ ลืมไป อ่ะ พี่เริง หมดแก้ว” แฉะส่งแก้วให้สำเริงแทน
ยอดสร้อยคิดชั่ว เทเหล้าเอาไปให้เพชร คะยั้นคะยอให้ดื่ม
“นิดเดียวน่าเพชร แก้วเดียวก็ได้”
“อย่าดีกว่าพี่สร้อย ชั้นต้องตื่นเช้าไปวิ่ง เดี๋ยวจะมึนหัว”
“ถือว่าดื่มให้พี่ก็ละกัน พี่กลับมาทั้งที ดื่มต้อนรับกันหน่อยไม่ได้เหรอ”
“แต่...”
ยอดสร้อยเอาแก้วจ่อปากเพชรแล้วกรอก เพชรจำใจต้องดื่ม ยอดสร้อยยิ้มมีเลศนัย พวกลิเกฉลองกันสนุกสนาน
รุ่งเช้า พริมยืดเส้นยืดสายรอเพชรอยู่หน้าค่าย บุญหลงวิ่งเหยาะๆ วอร์ม
“ชั้นไปตามเพชรให้มั้ยพริม”
“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวก็มาแล้วล่ะ นัดกันไว้แล้ว หลงนำไปก่อนเลย”
“ชั้นรอเป็นเพื่อน”
“ไม่ต้อง นี่สายแล้วนะ ไปเถอะ”
บุญหลงออกวิ่งไป ยังพะวงหันกลับมามองพริมอีกหน
พริมชะเง้อหาเพชร แล้วสุดท้ายวิ่งไปอีกทาง เพื่อไปตามเพชร
พริมวิ่งมาหน้าบ้านลิเกตะโกนเรียก
“เพชร...” เงียบกริบ พริมเรียกดังขึ้น “เพชร... สายแล้วนะ ตื่นรึยัง... เพชร” พริมรำพึง “หรือจะออกไปวิ่งแล้ว”
สุดท้ายพริมวิ่งกลับออกไป แต่แล้วก็วกกลับมา เพื่อความแน่ใจ พริมขึ้นไปดูบนบ้านดีกว่า
พริมเดินขึ้นมาบนบ้านมองหา แล้วพริมก็ตกใจ เห็น รักษ์ สำเริง ลูกดอก แฉะ จริยา นอนระเกะระกะ อาหารและขวดเหล้าเบียร์เกลื่อน
พริมมองหาเพชร จนเห็นเพชรนอนหนุนตักยอดสร้อยมือกอดขวดเหล้า สภาพเมาปลิ้นน่าอเนจอนาถ
พริมเสียใจ แค้นใจสุดจะประมาณ
อ่านต่อตอนที่ 11