สื่อริษยา ตอนที่ 14
ศรัณนัดเจอปัญชลีกับเก้ ชวนมากินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เก้ทานไปเม้าท์ไป จนมาถึงเรื่องความบาดหมางระหว่างภานุกะแพรพรรณ อยากให้ศรัณรับรู้จะได้ไม่ตกข่าว
“พวกเราเชียร์แทบตาย แม่นุโทร.มาด่าทีเดียว วงแตก แพรถอยกรูด บอกเลิกนุ เซ็งเป็ดเซ็งไก่”
ศรัณขำสำนวนของเก้ “เซ็งทั้งเล้าเลยนะครับ”
จู่ๆ ภาสกรกับภานุเดินตรงเข้ามาหา ปัญชลีแปลกใจ
“ภาส นุ มากินข้าวเหรอ”
“คุณศรัณครับ คุณรู้มั้ย ดาวอยู่ไหน” ภาสกรมองจับผิดศรัณไม่วางตา
ศรัณหน้าตาไม่สู้ดี ไม่อยากโกหกภาสกร ภานุจ้องอยู่ ดูออก
“นึกไม่ผิด พี่ศรัณต้องมีเอี่ยวกับเรื่องนี้”
“อ่า...คุณภาสกรครับ ดาวขอไม่ให้ผมบอกคุณ”
“คุณต้องบอก ผมเป็นห่วงดาวกับลูกในท้องมาก”
“ผมรับปากแม่ดาว จะไม่พูด”
“ตกลงดาว หรือ แม่ดาว ขอไม่ให้พี่พูด” ภานุชักไม่พอใจศรัณ
ปัญชลีเห็นท่าไม่ดี “ศรัณรู้อะไรก็บอกมาเถอะ ทุกคนเป็นห่วงดาวมาก”
“ให้ดาวบอกเองดีกว่าครับ ผมเป็นคนนอก ไม่ควรยุ่ง”
ภาสกรไม่พอใจมาก “คุณไม่ใช่คนนอกตั้งแต่พาดาวไปแล้ว คุณยุ่งกับลูกเมียผม”
ศรัณเริ่มไม่พอใจเหมือนกัน “ก็คุณไม่ดูแลเมียตัวเองให้ดี ผมเลยต้องช่วยดูแล”
ภาสกรโมโห ภานุออกโรงแทนพี่ชาย ก้าวเท้าไปยืนเผชิญหน้าศรัณ
ปัญชลีดุ “ถอยไปนะนุ”
ภานุเกรงใจ ยอมถอยห่าง แต่จ้องหน้าศรัณอย่างไม่พอใจ
“ไม่รอกินของหวานแล้วนะครับพี่ลี วันหลังผมมากรุงเทพฯ จะโทร.หาพี่อีก”
ศรัณกลับออกไป เก้แปลกใจมาก
“ศรัณกับดาวมีความลับอะไร”
ปัญชลีกับภาสกรมองตามศรัณอย่างสงสัย ส่วนภานุเคืองศรัณ มองเขาในแง่ไม่ดีเสียแล้ว
ทั้งหมดออกมาที่รถตัวเอง มีเก้รอขึ้นรถปัญชลี
ภานุยังยัวะศรัณไม่หาย “คิดว่าเป็นคนดี คนซื่อ ที่ไหนได้ พี่ศรัณแทงข้างหลังพี่ภาส”
“อย่าด่วนตัดสินศรัณสินุ” ปัญชลีติง
“เค้าบริสุทธิ์ใจ ก็บอกเราแล้วครับพี่ลี ดาวอยู่ไหน ต้องแอบไปทำเรื่องไม่ดี ถึงไม่กล้าพูด”
“ภาสอย่าคิดมากนะคะ รอดาวกลับมาก่อน อาจไม่มีอะไรในกอไผ่”
“ผมไม่สน ดาวกับคุณศรัณจะมีลับลมคมนัยอะไรกัน ผมห่วงลูก อยากรู้ที่ดาวปวดท้อง ลูกในท้องมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ใบหน้าภาสกรเต็มไปด้วยริ้วรอยความทุกข์ ชายหนุ่มห่วงลูกในท้องดาวมาก
ปัญชลียิ้มให้กำลังใจ “ลูกของภาสต้องเกิดมาสุขภาพแข็งแรง น่ารักน่าชัง แล้วภาสกับดาวก็จะมีลูกอีกหลายคน ภาสรักเด็ก เคยบอกลี ภาสอยากมีลูกซัก 5 คน ว่าที่คุณพ่อลูกดก”
ภาสกรยิ้มเศร้าๆ ให้ปัญชลี เขาอยากให้ปัญชลีเป็นแม่ของลูกไม่ใช่ดาว ชายหนุ่มรู้สึกผิด สลัดความคิดนั้นทิ้งอย่างรวดเร็ว
“นุ วันนี้ประชุมฝ่ายรายการแทนพี่ทีนะ พี่จะกลับบ้าน”
“ได้ครับพี่ภาส”
ภาสกรขึ้นรถ ขับกลับไปก่อน
“เราก็ไปกันเก้” ปัญชลีขึ้นรถ
เก้ถอนใจ “เห็นสายตาที่เค้ามองกันมั้ยนุ ยังตัดกันไม่ขาด พี่ไม่อยากให้พี่ลีทำงาน THAI KK ต่อเลย อีกหน่อยพี่ภาสพาลูกมาที่ทำงาน พี่ลีต้องช้ำใจ”
ภานุกับเก้หันไปมองปัญชลีที่นั่งเศร้าในรถ ด้วยความสงสาร
ภาสกรกลับถึงบ้าน เข้าห้องมาหยิบเสื้อผ้าในตู้จะเปลี่ยนชุด พ่อแม่เข้ามาหา
“คนใช้บอกว่าภาสกลับมา แม่ให้ตานุเอาเสื้อผ้าไปให้แล้วนี่ลูก”
“ผมจะอาบน้ำครับ”
“หน้าตาภาสดูโรยๆ อดนอนสิ”
“หลับไม่ลงครับคุณพ่อ ห่วงลูก เอ้อ...ลืมสนิท เลขาไลน์มาบอก วันนี้บ่าย 3 มีประชุมกับฝ่ายลงทุน นุประชุมแทนไม่ได้”
“ภาสพักเถอะ พ่อไปประชุมเอง พ่อเคยเป็นผู้จัดการฝ่ายลงทุน”
“รบกวนคุณพ่อหน่อยนะครับ”
ภานุเรียกประชุมพนักงานฝ่ายรายการทั้งหมด รอกันให้ครบ แพรพรรณมาแล้ว ภานุกับแพรพรรณหมางเมินใส่กัน ตั้งแต่ตอนกลับจากสมุทรสงคราม
ศินีนาฏพาพนักงานมาอีก 2 คน
“ตามมาได้แค่นี้ค่ะคุณนุ พวกที่เหลือออกกอง ไม่ก็ไปทำข่าวข้างนอก”
“ประชุมกันแค่นี้ก็ได้ครับ ทุกคนคงทราบแล้ว รายการที่สถานีเราส่งไปประกวด TV AWARDS ที่สิงคโปร์ พลาดรางวัล รายการที่ชนะเลิศส่วนใหญ่ มีเนื้อหาเกี่ยวกับประชาคมอาเซียน ผมอยากให้รูปแบบรายการปีหน้า เพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับประเทศอาเซียน”
ภานุพูดหน้าตาซีเรียส
เก้กระซิบบอกแพรพรรณ “เมื่อกี้พี่กับพี่ลีไปกินข้าวกับศรัณ แพรติดจัดรายการ เลยไม่ได้ชวน”
“เสียดายจัง”
“นุเกือบมีเรื่องกับศรัณแน่ะ นุหาว่าศรัณพาดาวหนีพี่ภาส”
แพรพรรณโกรธที่ภานุดูหมิ่นเกียรติศรัณ เหลียวขวับไปจ้องภานุที่กำลังพูดอยู่
หลังประชุมเสร็จ ภานุจะกลับขึ้นห้องทำงานชั้น 3 แพรพรรณตามออกมาต่อว่า
“พี่ศรัณมีศักดิ์ศรี ไม่ลักกินขโมยกินของใครหรอก”
ภานุน้อยใจจนพาลแพรพรรณ “แตะพี่ชายคนดีของคุณไม่ได้เลยนะ”
พนักงานผ่านมา มองกันใหญ่
“คนดีๆ ชั้นก็ต้องยกไว้บนหิ้งสิ ไม่เหมือนนาย จิตอกุศล มองคนแง่ร้าย”
ปัญชลี ศินีนาฏ และเก้ ออกมาชงกาแฟ เห็นสองคนทะเลาะกันก็มาปราม
“อย่าทะเลาะกันตรงนี้” ปัญชลีบอก แต่ภานุเครื่องติดแล้ว
“คนดีของคุณกระโดดลงจากหิ้ง เอามีดปักหลังพี่ชายผม”
“อย่าใส่ร้ายพี่ศรัณนะ”
“ไม่เอาน่าแพร” เก้จะพาแพรพรรณกลับไปฝ่ายรายการ แต่แพรพรรณขืนตัวไม่กลับ
“พี่ศรัณของคุณพาเมียพี่ชายผมหนีไป พอโดนจับได้ ก็อ้างโน้นอ้างนี่ มันนิสัยของ ชายชู้”
“ถ้าพี่ศรัณเป็นอย่างคุณว่า คงเป็นชู้กับชั้นตอนคบกับดาวแล้ว”
“แล้ว พวกคุณ...เป็นชู้กันหรือเปล่า”
แพรพรรณโมโหถึงขีดสุด ตบหน้าภานุ ฉาดใหญ่!
ปัญชลีและเก้ตะลึงตะไล ศินีนาฏตกใจร้องลั่น “ว้าย”
โชคร้ายวิไลลักษณ์กับโอภาสขึ้นบันไดมาเห็นพอดี วิไลลักษณ์นั้นโกรธมาก
“แพรพรรณ กล้าดียังไง ตบลูกชายชั้น”
“พนักงานมองกันเต็มเลย นุ พาคุณแม่ขึ้นข้างบน”
โอภาสกับภานุช่วยกันรุนหลังวิไลลักษณ์ขึ้นชั้น 3 ไป วิไลลักษณ์ยังไม่วายหันมาชี้นิ้วคาดโทษแพรพรรณ
ส่วนแพรพรรณได้สติมองมือตัวเอง แล้ววิ่งร้องไห้เข้าฝ่ายรายการไป
แพรพรรณวิ่งร้องไห้เข้ามา ปัญชลีและเก้ตามมาปลอบใจ มีศินีนาฏตามมาดูเหตุการณ์เฉย ๆ
“แพรโมโหจนหน้ามืด นุต้องโกรธแพรมาก”
“ห่วงผิดคนแล้วจ้ะ ห่วงคุณวิไลลักษณ์นู้น ไม่ให้อภัยเธอแน่ๆ” ศินีนาฏว่า
แพรพรรณยิ่งใจเสีย ร้องไห้หนักกว่าเดิม
ปัญชลีมองตำหนิศินีนาฏ ซ้ำเติมอยู่ได้ “มีโอภาสเหมาะๆ พี่จะพาแพรไปขอโทษคุณแม่”
“แม่นุเกลียดแพรแล้วล่ะค่ะ”
“เป็นชั้นๆ ก็เกลียด มาตบลูกชั้น” ศินีนาฏบอกอีกดอก
“เราไปเม้าท์กันข้างนอกนะครับคุณศิ”
เก้ดึงศินีนาฏออกไปจนได้
“พี่ลี แพรเสียนุไปจริงๆ แล้ว”
ปัญชลีกอดปลอบแพรพรรณที่เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด
อ่านต่อหน้า 2
สื่อริษยา ตอนที่ 14 (ต่อ)
ทางฝ่ายวิไลลักษณ์ยังเดือดดาล โมโหกรุ่นๆ อยู่ แพรพรรณตบหน้าลูกชายคนเล็กต่อหน้าต่อตา
“คราวก่อนก็ต่อยนุตาเขียว คราวนี้ตบนุต่อหน้าแม่ แม่จะสั่งพักงานแพรพรรณ”
“เด็กไม่ได้ทำผิดกฎสถานี โดนพักงานด้วยสาเหตุส่วนตัว เราต้องโดนครหา ใช้อำนาจเกินขอบเขต”
“เด็กนั่นล้ำเส้นก่อน ใช้กำลัง”
“ผมสมควรโดนตบครับคุณแม่ ไปพูดกับแพรแบบนั้น ไม่ให้เกียรติแพร” ภานุว่า
วิไลลักษณ์หมั่นไส้ “เอ้า โดนเค้าตบ แล้วรับผิดแทนเค้า”
“แพรต้องเกลียดผม”
ภานุหน้าเศร้ามาก กลัวสูญเสียแพรพรรณ พ่อตบบ่าให้กำลังใจลูกชาย
พอวิไลลักษณ์เห็นลูกเศร้าก็เลิกโวย กลับกลายเป็นสงสาร ดูออกว่าลูกชายรักเด็กคนนั้นมาก
อีกฟากสมพรรอรับดาวออกจากห้องน้ำ ดาวยังเจ็บแผลผ่าตัด เดินกระย่องกระแย่ง ดาวเห็นตุ่นเปิดมือถือก็แว้ดใส่ทันที
“ดาวสั่งแล้วไงให้ปิดมือถือ เดี๋ยวคุณภาสโทรมา”
“ขอคุย Line กับปั๋วแพร๊บ... ปั๋วคนเนี้ยเพิ่งเกี่ยวมาได้”
“ดาวจะไม่ให้เงินเจ๊ใช้“
“อ่ะๆๆๆ ปิดก็ปิด ขอลาปั๋วก่อน”
ตุ่นพิมพ์ไลน์ลาผัว แต่เห็นมีไลน์ที่ไม่ได้อ่าน จึงเปิดดู เป็นข้อความที่ปัญชลีส่งมาหลอกตุ่น
“มีงานอีเว้นท์ให้ทำ ค่าจ้างหมื่นนึง โทร.กลับด่วน”
ตุ่นตาวาว อยากได้เงินจ๊อบ
“ปิดมือถือแล้วน้า” ตุ่นยื่นมือถือให้ดาวดู ปิดแล้วจริงๆ “เจ๊ลงไปซื้อกาแฟนะ”
แต่พอตุ่นออกไปหน้าห้องก็รีบเปิดมือถือ โทร.กลับไปเบอร์ที่ไลน์มาจ้างงาน
ปัญชลีตรวจสคริปต์ข่าวอยู่ พนักงานรีบมาบอก
“เจ๊ตุ่นโทร.มาแล้วครับ”
“บอกให้มาเจอที่ร้านสีฟ้าฟ้าแถวหน้าสถานีตอนบ่ายสอง”
พนักงานรับสายตุ่น “เจ๊ตุ่น ผมต้น Creative ฝ่ายรายการนะครับ”
ตุ่นคุยสายกับต้น
“ได้ เจ๊จะไปเจอที่ร้าน แล้วเราค่อยคุยรายละเอียดงานกัน” ตุ่นวางสายฝันหวานถึงเงินจ๊อบงามๆ “วันเดียวได้หมื่นนึง จองรถให้ปั๋วได้สบาย”
ที่ฝ่ายรายการ ปัญชลียิ้มมั่นใจ แววตาลึกล้ำ ต้องจับให้ได้ว่าตุ่นพาดาวหนีไปไหน
ปัญชลีนั่งซุ่มรอในรถสักพักแล้ว จนเห็นตุ่นเดินหน้ามู่ทู่ออกมาจากในร้าน
“ไอ้บ้า นัดมารอเก้อ โทร.ไปก็ไม่รับ ทุเรศสาด...”
ตุ่นโบกแท็กซี่ขึ้นไป โดยไม่รู้ว่าปัญชลีขับรถตามแท๊กซี่
ปัญชลีขับรถตามแท็กซี่ตุ่นมาถึงโรงพยาบาล ตุ่นจ่ายค่ารถก็เข้าโรงพยาบาลไป ส่วนปัญชลีเสียเวลาวนหาที่จอดรถ
ปัญชลีเดินกึ่งวิ่งเข้ามาในล็อบบี้โรงพยาบาล มองหาตุ่นไปทั่ว ตุ่นรอลิฟท์อยู่เข้าลิฟท์ไปก่อนปัญชลีหันมาเห็น รอดหวุดหวิด
ปัญชลีหาตุ่นไม่เจอ เลยไปถามเจ้าหน้าที่ตรงเคาน์เตอร์
“ดิชั้นมาเยี่ยมลูกน้อง ไม่ทราบอยู่ห้องไหน ชื่อ ดารินกานต์ กิตติวงศ์ค่ะ”
“ซักครู่นะคะ” เจ้าหน้าที่เช็คในคอมพิวเตอร์ “ไม่มีคนไข้ชื่อดารินกานต์ค่ะ”
ปัญชลีกวาดตามองหาตุ่นอีกรอบทั่วโถง แต่ไม่มีวี่แวว ปัญชลีผิดหวังหาตัวดาวไม่สำเร็จ
ภาสุรีเข้าบ้านมา เห็นพี่ชายกำลังจะออกไปข้างนอก
“ไปไหนคะพี่ภาส”
“พี่จะไปรอดาวที่คอนโด
“ภาว่านะคะ ดาวไม่ได้หนีไปพักใจต่างจังหวัด ต้องหลบหน้าพวกเรา แอบไปทำอะไรซักอย่างที่เป็นความลับ”
“พี่สงสัยว่า ดาวอาจหายไปกับแฟนเก่า”
ภาสุรีตกใจ “นี่ดาวหนีตามผู้ชาย”
“ไม่ใช่ ภาโทรถามลีแล้วกัน ลีรู้จักแฟนเก่าดาว พี่ไปก่อนนะ”
ภาสกรขึ้นรถขับออกไป
ภาสุรีกดโทร.หาปัญชลี “เล่าให้ชั้นฟังสิลี แฟนเก่าดาวมาเกี่ยวอะไรกับที่ดาวหายไป ชั้นไม่ไว้ใจดาวเลย”
ภาสุรีเดินคุยโทรศัพท์เข้าบ้านไป
เช้าวันเสาร์ สมพรกับเจ๊ตุ่นช่วยกันเก็บของ ดาวจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ ทั้งที่ยังเจ็บแผลเดินเหินยังไม่ปกตินัก สักครู่พยาบาลเข้ามา
“ดิชั้นโทร.ถามคุณหมอ แผลคุณยังไม่แห้งดี คุณหมออยากให้อยู่ต่ออีกวันค่ะ”
“สามีดิชั้นรออยู่ ดิชั้นต้องออกวันนี้ค่ะ”
“งั้น จะนัดมาให้คุณหมอดูแผลนะคะ”
ดาวพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ รอจนพยาบาลออกไป สมพรเอ่ยขึ้นว่า
“แม่ว่าดาวอยู่ต่ออีกหน่อยก็ดีนะลูก ให้คุณพยาบาลทำแผล”
ดาวไม่สนใจแม่ “เจ๊ เปิดมือถือดาวไลน์บอกคุณภาส ดาวจะกลับบ้านคุณภาสวันนี้”
“ลูกยังเดินกระย่องกระแย่งเป็นนกกระยางอยู่เลยนะ”
“ดาวคิดไว้แล้วค่ะ จะหาทางแก้ตัวยังไง”
ดาวทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ คิดแผนเอาตัวรอดไว้แล้ว
ครอบครัวภาสกรรีบออกมารับดาวพร้อมหน้า ดาวลงจากรถตุ่น ช่วงข้อเท้าดาวมีผ้าพันแผลไว้
“ดาวซุ่มซ่าม ตกบันไดโรงแรมค่ะ”
ดาวเดินกระย่องกระแย่ง แสร้งว่าเจ็บข้อเท้า ที่จริงเจ็บแผลผ่าตัด ภาสกรประคองดาว
“ตกแรงหรือเปล่า กระเทือนลูกในท้องมั้ย”
“ไปหาหมอมาแล้วค่ะ หมอว่าไม่กระเทือนถึงลูก”
วิไลลักษณ์บอก “เธอท้องอยู่ เดินเหินต้องระวัง”
“พาดาวเข้าบ้านเถอะ”
ครอบครัวภาสกรเป็นห่วงเป็ยใยดาว เดินมารุมล้อม พาดาวเข้าบ้าน ตุ่นไม่ได้ตามเข้าไป
ภาสุรีหันมาหา “ตุ่น”
“ขาคุณภา”
“พาดาวไปไหนมา”
ตุ่นโกหกโดยไม่ต้องคิด “ปากช่องค่ะ น้องดาวอยากไปสัมผัสอากาศหนาว”
ภาสุรีเยื้อนยิ้มพยักหน้ารับรู้ พอตุ่นขับรถกลับไป ใบหน้าเปลี่ยนเป็นตึงเปรี้ยะ มั่นใจว่าตุ่นโกหก ภาสุรีเข้าบ้านไปจับโกหกดาวอีกคน
ภาสกรประคองดาวลงนอนบนเตียง ดาวเจ็บแผลผ่าตัด เผลอเอามือแตะท้อง
“ลีบอกว่าดาวปวดท้องมาก ยังไม่หายเหรอ”
“เป็นๆ หายๆ ค่ะ ดาวเป็นโรคกระเพาะ” ดาวโกหกไปเรื่อย
“ท้องว่างสิ ถึงได้ปวด พ่อลงไปสั่งคนใช้ให้ทำกับข้าวให้”
โอภาสออกไป สวนกับภาสุรีที่เข้ามาเพื่อจับโกหกดาว เธอฉลาดพอไม่ออกอาการให้ดาวรู้ทัน ถามลวงเรื่อยๆ
“หนีไปเที่ยวไหนมาดาว”
“ไปต่างจังหวัดค่ะ”
“จังหวัดไหน ไปไกลหรือเปล่า รู้มั้ย เธอทำให้ทุกคนเป็นห่วง”
“ดาวไปแค่เมืองกาญจน์ฯ เองค่ะ สัญญา จะไม่หนีไปไหนอีกแล้ว”
“จะหนีคราวหน้า ก็คลอดลูกก่อน จะไปเหยียบดวงจันทร์ ไปปักธงบนดาวอังคาร พวกชั้นก็ไม่ตาม”
ดาวหน้ามุ่ย วิไลลักษณ์แสดงออกชัดเจน ต้องการแต่หลาน ไม่ต้องการดาว
ภาสุรียืนกอดอกมองดาว และพี่ชายที่ดูแลดาวอย่างดี คอยหยิบหมอนมาหนุนหลังให้ ภาสุรีเบ้ปากรังเกียจ มั่นใจว่าดาวไม่ได้ไปต่างจังหวัด
ภาสุรีนัดเจอ ปัญชลี ศินีนาฏ และเก้ ที่ร้านอาหาร พอทุกคนมาพร้อมหน้าก็บอกขึ้นว่า
“คนนึงบอกไปปากช่อง คนนึงบอกไปเมืองกาญจน์ฯ ไม่ได้เตี๊ยมกันไว้”
“เมื่อวานชั้นแอบตามตุ่นไปถึงโรงพยาบาล แต่คลาดกัน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบอกว่า ไม่มีคนไข้ชื่อดารินกานต์ กิตติวงศ์”
“ทำไมลีไม่เล่าให้ฟัง”
“ตุ่นอาจไปเยี่ยมคนรู้จัก ไม่เกี่ยวกับดาวก็ได้”
“ดาวไม่อยู่โรงพยาบาล งั้น อาจหนีไปอยู่บ้านศรัณ” เก้ว่า
ศินีนาฏเหยียดยิ้มสะอิดสะเอียน “อุ๊ยต๊าย.... ไม่ทันไร เล่นชู้”
“ศรัณไม่ใช่ผู้ชายประเภทนั้น” ปัญชลีมั่นใจ
“รู้จักเค้าดี ถึงกับการันตีเลยเหรอลี”
ปัญชลีเงียบไป เธอเองก็มีเขวเหมือนกัน หรือศรัณไม่ดีจริง
“จะยากอะไร โทร.ถามคนชื่อศรัณเลย อาจจะโป๊ะแตก หลุดปากอีกคน” ศินีนาฏบอก
“ผมโทร.เองครับ” เก้กดโทร.หาศรัณทันที
ฝ่ายศรัณกำลังนอนหนุนตักแม่อยู่ ขณะเก้โทร.เข้ามา
“สวัสดีครับคุณเก้”
เก้อยู่ที่ร้านอาหาร มีปัญชลี ภาสุรี และ ศินีนาฎ ลุ้นฟังเก้คุยสายกับศรัณ
“ดาวกลับบ้านพี่ภาสแล้วนะครับ แหม คุณศรัณพาดาวหนีไปเมืองกาญจน์ ก็ไม่ยอมบอก”
“เมืองกาญจน์ฯ ผมไม่ได้ไปกาญจน์ นานแล้วครับ”
“ยอมรับมาเถอะครับ ผมไม่ใช่นุ ไม่ได้โทร.มาต่อว่า” เก้ตีขลุม
“ดาวเค้าพูดอะไรอีกครับ”
“เล่าว่า ตกบันไดโรงแรมข้อเท้าซ้น เลยเดินกระย่องกระแย่ง”
ศรัณไม่พอใจ ดาวโกหกไม่เลิก “ฝากคุณเก้บอกพี่ลี ไม่ว่าดาวสร้างปัญหาอะไรให้พี่ลี ผมจะแก้ไขให้ถูกต้อง” เขาวางสายเก้ไป
แม่มองหน้าลูกชาย “ศรัณ แม่ไม่อยากลูกยุ่งกับดาวอีก”
“ครั้งสุดท้ายแล้วครับแม่ ดาวต้องเลิกทำร้ายคนอื่นซะที”
ศรัณหน้าตาเคร่งขรึม ซีเรียสมากกว่าครั้งไหนๆ
อ่านต่อหน้า 3
สื่อริษยา ตอนที่ 14 (ต่อ)
“คุณศรัณไม่ได้ไปเมืองกาญจน์ฯ กับดาว ให้ผมบอกพี่ลี จะแก้ปัญหาเรื่องดาวให้” เก้วางสายแล้วหันมาบอกทุกคน
ปัญชลีฉงน “ศรัณจะทำอะไร”
“ไม่ได้บอกครับ”
ศินีนาฏเบ้ปาก แดกดัน “น่าเอาเรื่องดาวกับแฟนเก่าไปสร้างละครนะคะ ลึกลับซับซ้อนน่าดู”
ปัญชลีกับภาสุรีกังวล ว่าจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นมาอีก
ท้องทะเลที่สมุทรสงครามยามเช้าวันนี้ พระอาทิตย์ลอยตัวขึ้นเหนือน่านน้ำ ทอแสงสวยงามระยิบระยับ
ศรัณกับพ่อและแม่ ตักบาตรด้วยกัน พระให้พรเสร็จแล้วเดินจากไป ศรัณมองตามผู้ทรงศีล ด้วยความรู้สึกอิ่มเอิบใจ เดือนหน้าตนจะบวช ให้บุพการีได้เห็นผ้าผ้าเหลืองคลุมกายเขา
“เดือนหน้าพ่อแม่ก็ได้ใส่บาตรลูกแล้ว”
พ่อว่าพลางเดินนำจะเข้าบ้าน ศรัณถือขันข้าว พ่อถือถาดใส่อาหาร
“เดี๋ยวผมจะเข้ากรุงเทพฯเลยนะครับ รีบไปรีบกลับ ต้องมารับแม่ไปวัดตอนบ่าย ไม่อยากให้หลวงพ่อท่านรอนาน”
“ขากลับแวะซื้อปลาหมึกทรงเครื่องที่มหาชัยให้แม่ถุงนึง ร้านประจำแม่”
“บ้านเราก็มีปลาหมึกทรงเครื่องขายนะแม่”
“แม่ชอบรสชาติปลาหมึกร้านนั้นนี่ เผ็ดสะใจดี”
ศรัณท้วงอีก “กินเผ็ดมากๆ ไม่ดีนะครับ”
“แม่แก่แล้ว ให้แม่ตามใจปากเถอะ เคาะโลงเรียกแม่กิน แม่ลุกมากินไม่ได้”
“อย่าพูดอย่างนี้ซีครับแม่ แม่ต้องอยู่กับผมอีกนาน”
ศรัณเดินโอบแม่เข้าบ้าน พ่อยิ้มสุขใจ ครอบครัวรักใคร่กันดี
ศรัณขับรถที่บ้านหิรัญกุล เพื่อพบภาสกร ใช้บูลธูทคุยถามทางกับเก้
“บ้านคุณภาสกรเลขที่เท่าไหร่นะครับคุณเก้ อ้อ เจอแล้วครับ”
ศรัณจอดรถข้างรั้วบ้านภาสกร ตุ่นขับรถเข้ามา เห็นศรัณลงจากรถพอดี
“ผัวเก่าดาวมา”
คนใช้เปิดประตูรั้วให้ตุ่นขับรถเข้าบ้าน ตุ่นรีบลงจากรถ ถลาไปบอกคนใช้
“มีคนมาหาคุณภาสกรกับดาว ไปบอกว่าไม่อยู่ มานู้นแล้ว” ตุ่นรีบฉากหลบศรัณทันควัน
ขณะศรัณกำลังจะกดกริ่งหน้าบ้าน คนใช้ตรงมาหา
“ผมมาขอพบคุณภาสกรครับ”
“คุณภาสกรไม่อยู่ค่ะ”
“ดาวล่ะครับ”
“คุณดาวก็ไม่อยู่ค่ะ”
ศรัณเซ็ง เดินกลับไปที่รถ กดโทรศัพท์ไปด้วย
ตุ่นมองจ้องอยู่ “ต้องโทร.หาคุณภาสกร”
ตุ่นรีบวิ่งแจ้นเข้าบ้านไปบอกดาว
ตุ่นวิ่งแจ้นเข้ามา เห็นดาวทานผลไม้อยู่ ภาสกรนั่งข้างๆ อ่านหนังสือพิมพ์
“มาแล้วเหรอเจ๊”
“กินผลไม้สิตุ่น” ภาสกรว่า
เสียงโทรศัพท์มือถือดัง ตุ่นรีบมองหา จนเห็นภาสกรชาร์จมือถือไว้ และจะลุกไปรับโทรศัพท์
ตุ่นทำปากบอกดาว โดยไม่มีเสียงว่า “ศรัณโทร.มา”
ดาวอ่านปากตุ่นไม่ออก
ตุ่นทำปากบอกอีก อ้าปากกว้างกว่าเดิม “ผัวลูกโทร.มา”
ดาวเก็ตทันควัน ถลันไปหาภาสกร ก่อนที่อีกฝ่ายจะหยิบโทรศัพท์นิดเดียว
“ประกันชีวิตน่ะค่ะเมื่อกี้ตอนคุณภาสขึ้นไปข้างบน ก็โทร.มารอบนึงแล้ว” พลางหยิบโทรศัพท์ภาสกรมา “เบอร์เมื่อกี้” แล้วกดตัดสายทิ้ง
ภาสกรหลงเชื่อ “บางทีโทร.มาตอนผมประชุม หงุดหงิดมาก”
ภาสกรกลับไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ตุ่นไปหากระซิบบอกดาว “ผัวเก่าลูกอยู่หน้าบ้าน”
ดาวไม่พอใจมาก ศรัณบุกมาถึงบ้านภาสกร ดาวใช้มือถือภาสกรพิมพ์ไลน์ถึงศรัณ ภาสกรนั่งหันหลังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ดาวพิมพ์ไปว่า “ผมติดธุระ อยากเจอผม ไปรอที่คอนโดดาว ผมจะเข้าไปตอนเที่ยง”
ศรัณอยู่หน้าบ้าน ได้ข้อความไลน์จากภาสร ให้ไปเจอที่คอนโดดาว
ภาสกรอาสาจะขับรถพาดาวกับเจ๊ตุ่นไปข้างนอก แต่ดาวอยากไปเอง ต้องการไปเคลียร์ปัญหากับศรัณให้จบ
“ไปเดินห้างแค่นี้ ดาวไปกับเจ๊ตุ่นได้ค่ะคุณภาส”
“ผมไม่ปล่อยคุณไปอีกแล้ว เดี๋ยวคุณก็หายไปอีก”
ตุ่นช่วยดาวหว่านล้อม “เราจะไปช้อปปิ้งกัน คุณภาสกรรอนาน เบื่อนะคะ”
“ผมเอาหนังสือไปด้วย จะหาร้านกาแฟนั่งรอ”
“รอที่บ้านก็ได้ค่ะ เย็นๆ ดาวก็กลับ”
ภาสกรเสียงเข้ม “ผมจะไปส่งคุณ แล้วนั่งรออยู่ที่ห้าง”
ดาวกับเจ๊ตุ่นจนปัญญา จำใจขึ้นรถภาสกรออกไป
ภาสกรเลือกร้านกาแฟในห้างเพื่อนั่งรอสองคน ชายหนุ่มถือหนังสือธุรกิจจากบ้านมาอ่านฆ่าเวลา
“คุณจะเดินกี่ชั่วโมง”
“สองสามชั่วโมงก็ได้ค่ะ เกรงใจคุณภาส มานั่งรอ”
“เวลาเดินก็ดูดี ๆ ล่ะดาว ตรงไหนพื้นลื่น เดินช้าๆ ฝากดาวด้วยนะตุ่น”
“ตุ่นจะประคบประหงมดาวอย่างดีเลยค่ะ”
ภาสกรเข้าร้านตรงไปยังเค้าน์เตอร์ เลือกสั่งกาแฟ
“รีบไปเร็วเจ๊”
ดาวกับเจ๊ตุ่นรีบไปทันที ดาวยังเดินกระย่องกระแย่งอยู่เล็กน้อย
ดาวกับตุ่นนั่งแท็กซี่มาลงที่หน้าคอนโดของดาว
“ไปเคลียร์กับปั๋วอย่างด่วนเลยลูก เราต้องรีบกลับไปหาคุณภาสกรที่ห้าง”
“เจ๊รอข้างล่างนะคะ” ดาวลงรถไปก่อน
“อ้าว ให้เจ๊จ่ายค่ารถ” ตุ่นเซ็ง
ดาวเดินหน้าบึ้งมาหาศรัณที่รออยู่หน้าห้อง
“ดาวเป็นคนไลน์หาพี่ ไม่ใช่คุณภาสกร” ศรัณส่ายหน้า ดาวเจ้าเล่ห์มาก
“วันนี้เราต้องเคลียร์กันให้รู้เรื่อง”
ดาวไขประตูห้องเข้าไป ศรัณหน้าบึ้งพอกัน อยากเคลียร์ให้จบเหมือนกัน
ระหว่างรอดาวเคลียร์กับผัวเก่าอยู่บนห้อง ตุ่นก็คุยไลน์กับผัวตัวเองอยู่หน้าตึก พิมพ์ไปหัวเราะระริกระรี้ไป
“Miss U จุงเบย จุ๊บๆ จ๊วบๆๆ”
จู่ๆ มีร่างๆ หนึ่งหล่นลงมากระแทกพื้นตรงหน้าตุ่นพอดิบพอดี เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ตุ่นร้องวี้ด ช็อกตาค้างตะลึงตะไล เมื่อเห็นชัดๆ ว่าร่างนั้นคือศรัณ
สภาพที่เห็นบ่งบอกชัดว่า ศรัณ หนุ่มลูกน้ำเค็มคนซื่อแสนดีตายคาที่!
ดาวอยู่บนระเบียงห้อง ก้มมองลงไปยังพื้นเบื้องล่าง เห็นร่างศรัณนอนตายคาที่ มีตุ่นกำลังสติแตกอยู่ข้างๆ และคนเริ่มมามุงดูศพศรัณมากขึ้นๆ ดาวลนลาน ทำอะไรไม่ถูก เดินวนรอบห้องสติแตกอยู่ครู่หนึ่ง จนรวบรวมสติได้ หยิบกุญแจห้องรีบเผ่นออกไปทันที
ดาวตื่นตระหนกลงมาข้างล่าง ตุ่นหน้าซีดเป็นไก่ต้มดูศพศรัณอยู่ พอหันมาเห็นก็ปราดมาหา
“ลูก เกิดอะไรขึ้น”
“ไปเร็วเจ๊” ดาวรีบดึงแขนตุ่นพาหนีไปจากตรงนี้
มีคนมองดาวแล้วจำได้ ว่าเป็นแฟนผู้ชายที่นอนตายอยู่
ศพศรัณ เลือดไหลออกปากออกจมูก และร่างกายส่วนที่แตกหัก เลือดไหลนองไปทั่วพื้นชวนสยดสยองอย่างยิ่ง
ดาวกับเจ๊ตุ่นเรียกแท็กซี่กลับบ้านหิรัญกุลเลย พอลงรถดาวรีบร้อนเข้าบ้านยังตระหนกตกใจไม่หาย ตุ่นคว้าแขนไว้
“บอกเจ๊มาก่อน คุณศรัณตกลงมาได้ยังไง ลูกเอาแต่นั่งเงียบตัวสั่นมาตลอดทาง”
“ดาว...ดาวไม่รู้ค่ะ ดาวละสายตาจากพี่ศรัณแป๊บเดียว หันกลับมา พี่ศรัณก็หายไป ดาวสังหรณ์ใจ ไปชะโงกดูตรงระเบียง เห็นพี่ศรัณนอนตายอยู่ข้างล่าง”
“คุณศรัณพลัดตกลงมาเอง”
“ค่ะ”
“ซวยอะไรอย่างนี้ลูก แทนที่จะได้เคลียร์ปัญหาให้จบ ดันมีปัญหาใหม่ หนักกว่าเดิมสิบเท่า” ตุ่นบ่น
ภาสกรโทร.มาหาดาวพอดี
“ตายแล้ว ดาวลืม คุณภาสรออยู่ที่ห้าง” หล่อนรีบกดรับสาย “ดาวกลับมาบ้านแล้วค่ะ”
ภาสกรอยู่หน้าร้านกาแฟในห้าง คุยสายกับดาวด้วยท่าทีโมโห
“จะกลับก่อนก็ไม่บอกผม”
“เวียนหัวน่ะค่ะ อยากรีบกลับมานอน ลืมไปเลย คุณภาสรออยู่ ขอโทษนะคะ”
“น้ำเสียงคุณฟังดูแปร่ง ๆ ตกใจอะไร”
“เอ่อคือ...คือ...แท็กซี่ที่ดาวนั่งมา เกือบชนกับรถตู้ ดาวเลยตกใจค่ะ”
“คุณนอนพักแล้วกัน ผมจะรีบกลับ” ภาสกรวางสาย ด้วยท่าทางหงุดหงิด
ส่วนที่หน้าคฤหาสน์บ้านหิรัญกุล ตุ่นออกอาการว้าวุ่นกับเหตุการณ์ร้ายแรงถึงขั้นศรัณตกตึกตาย
“ดาว เราหนีออกมาแบบนี้ คนต้องสงสัยเรา”
“ใครถาม เจ๊ก็บอก เป็นอุบัติเหตุ”
ตุ่นพยักหน้าเอาตามกัน “เจ๊กลับก่อนนะ ไปให้ผัวเรียกขวัญ ภาพตอนคุณศรัณตกลงมา ยังติดตาอยู่เลย สยองมาก”
ตุ่นเดินหน้าตาหวาดกลัวสยองขวัญกลับไป
ดาวเองก็หวาดกลัว ขวัญเสียยิ่งกว่าตุ่นซะอีก ภาพศพศรัณนอนตายอยู่ข้างล่าง ติดตาดาวไม่หาย
ทางด้านแม่ศรัณชะเง้อรอลูกชายอยู่หน้าบ้าน ศรัณไปกรุงเทพฯตั้งแต่เช้า ป่านนี้ยังไม่กลับ พ่อออกมาหาแม่
“บอกจะกลับถึงบ้านบ่ายๆ นี่ 3 โมงเย็นแล้ว”
“กรุงเทพฯรถติด ลูกเลยช้าน่ะ”
แม่โทร.หาอีก “ศรัณไม่รับสายอีก”
“คงขับรถอยู่”
พ่อกลับเข้าบ้าน แม่ยังรอศรัณอยู่หน้าบ้าน
ฝ่ายแพรพรรณอยู่ที่สถานี ดูสร้อยที่ภานุซื้อให้สีหน้าเศร้า คิดถึงภานุที่เพิ่งทะเลาะกัน สักครู่ปัญชลีเดินเข้ามา แพรพรรณรีบเก็บสร้อยใส่กระเป๋ากางเกง
“วันนี้วันอาทิตย์ พี่ลีมาทำอะไรคะ”
“พี่มีประชุมหมายข่าว แพรล่ะ มาทำไม”
“อยู่บ้านเซ็งๆ เลยมานั่ง...เอิ่ม..อ่านข่าวที่สถานีค่ะ” แพรพรรณเปิดคอมพิวเตอร์ คลิกอ่านข่าวในเว็บไซต์ข่าว สายตาแพรพรรณเจอข่าวด่วน “ผู้ชายตกคอนโดดับ” เธออ่านเนื้อข่าวแล้วนิ่งไปเลย กึ่งๆ ช็อก!
“ไม่ใช่ ต้องไม่ใช่”
ปัญชลีเขียนหมายข่าวอยู่ หันไปมองแพรพรรณ “มีข่าวอะไรแพร”
แพรพรรณพูดไม่ออก ลำคอแห้งผากไปหมด
ปัญชลีอยากรู้ ลุกไปอ่านข่าวตรงคอมพิวเตอร์หน้าแพรพรรณ “เมื่อเที่ยงของวันนี้ เกิดเหตุผู้ชายตกคอนโดดับ พบบัตรประชาชนในตัว ชื่อ นาย ศรัณ สินสาคร เป็นคนจังหวัดสมุทรสงคราม” ปัญชลีตกใจหันมามองแพรพรรณ “ศรัณเหรอ”
แพรพรรณรับไม่ได้ “ข่าวในเว็บไม่ค่อยเช็คข้อมูล ต้องผิด ไม่ใช่พี่ศรัณ”
ปัญชลีอ่านข่าวโดยละเอียดอีกครั้ง
ส่วนแพรพรรณส่ายหน้าไม่ยอมรับ คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ศรัณต้องไม่โชคร้ายตกตึกตายแน่
อ่านต่อหน้า 4
สื่อริษยา ตอนที่ 14 (ต่อ)
ไม่นานต่อมา ปัญชลี และแพรพรรณ เดินทางมาที่ห้องดับจิตโรงพยาบาลเพื่อยืนยันศพผู้ตาย แพรพรรณนั้นส่ายหน้าเหมือนไม่พร้อม และทำใจไม่ได้ขณะเจ้าหน้าที่พามา ปัญชลีดูออก
“แพรไปรอข้างนอกนะ”
“แพรดูได้ค่ะ ไม่ใช่พี่ศรัณอยู่แล้ว”
ปัญชลีโอบแพรพรรณไว้เผื่อเป็นลม พลางปัญชลีพยักหน้าบอกเจ้าหน้าที่ให้เลิกผ้าคลุมศพได้ พอผ้าคลุมถูกเลิกขึ้น เห็นใบหน้าศพชัดเจน แพรพรรณปล่อยโฮ เป็นศรัณจริง ๆ
“ไม่ ไม่ใช่”
ปัญชลีเองก็ร้องไห้ออกมาด้วยความสะเทือนใจ เพราะแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้รู้จักมักคุ้น แต่ศรัณเป็นน้องชายที่เธอถูกชะตา รักและเอ็นดู
ถัดจากนั้นปัญชลีกับแพรพรรณออกมานั่งรอพ่อและแม่ศรัณตรงล็อบบี้ แพรพรรณร้องไห้ตลอดเวลา
พ่อแม่ศรัณมาถึง เห็นปัญชลีก็รีบกรากมาหา
“ลูกผมอยู่ไหนครับคุณปัญชลี”
ปัญชลียังไม่กล้าบอกพ่อแม่ศรัณว่าลูกชายตายแล้ว
“ที่คุณปัญชลีโทร.ไปบอก ศรัณเกิดอุบัติเหตุ รถชนเหรอคะ ลูกดิชั้นเป็นอะไรมากหรือเปล่า” แม่นั้นใจคอไม่ดีตั้งแต่บ่ายแล้ว
“เอ่อ...คุณแม่คะ คุณพ่อ...ศรัณ...อืม...”
จังหวะนี้มีตำรวจ 2 นายเดินตรงมาหาปัญชลี
“เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบอกว่า คุณปัญชลีเป็นคนยืนยันศพนายศรัณ สินสาคร เกี่ยวข้องกับผู้ตายยังไงครับ”
พ่อแม่ศรัณได้ยินตำรวจ 1 พูด แทบไม่เชื่อหูตัวเอง ทั้งสองคนหันขวับมามองปัญชลี ต้องการฟังจากปากเธอ
ปัญชลีอัดอั้นอึดอัดสุดจะประมาณ แต่ต้องบอกไป “ลีเสียใจด้วยนะคะ...ศรัณ...เสียแล้ว”
“ลูกแม่” แม่ศรัณเป็นลมพับไป
พยาบาลรีบวิ่งมาช่วยแม่ พ่อกอดแม่ไว้ร้องไห้โฮ
ตำรวจ 1 บอกเพิ่ม “พยานบอกว่า ผู้หญิงที่เคยอยู่กับผู้ตาย คนที่เคยเป็นพิธีกรรายการข่าว หนีจากที่เกิดเหตุ”
“ดาว ดาวต้องผลักพี่ศรัณตกตึก” แพรพรรณคุมแค้น ปักใจเชื่อทันที
ฝ่ายดาวนั่งเสียขวัญจากเหตุการณ์ศรัณตกคอนโดตายอยู่ในห้องรับแขก ภาสกรมานั่งข้างดาว ชายหนุ่มหยิบรีโมทจะเปิดทีวีดู
“เย็นวันอาทิตย์ ไม่มีรายการน่าดูค่ะ”
“ผมจะดูข่าว”
กลัวภาสกรรู้ข่าวศรัณตาย ดาวชิงเอารีโมทมาจากมือเขาอ้างว่า “ข่าวก็ซ้ำๆ”
ภาสกรแปลกใจท่าทางดาวมาก “เป็นอะไรน่ะดาว ตั้งแต่ผมกลับมา เห็นคุณดูกลัวๆ สติไม่
อยู่กับเนื้อกับตัว”
สักพักหนึ่งคนใช้เดินนำปัญชลี แพรพรรณ และตำรวจ 2 นายเข้ามา พอเห็นตำรวจดาวยิ่งออกอาการผวาหนัก ถึงขั้นลนลาน หน้าตาเลิ่กลั่ก
“ภาสคะ ตำรวจมาขอสอบปากคำดาว หาสาเหตุการตายของศรัณ”
ภานุเดินลงมาจากชั้นบนได้ยินพอดี
“พี่ศรัณตาย”
“นังฆาตกร” แพรพรรณถลันใส่ดาว ทุบตีพัลวันด้วยความแค้น
ภาสกรปกป้องดาว ภานุกับปัญชลีก็ช่วยกันดึงแพรพรรณออกมา ไม่ให้ทำร้ายดาว
“จิตใจเธอทำด้วยอะไรดาว ฆ่าพี่ศรัณได้ลงคอ นังคนใจบาปหยาบชั่ว”
แพรพรรณจะเข้าไปทำร้ายดาวอีก ปัญชลีกับภานุจับตัวไว้
เวลานี้ดาวกลัวไปหมด กลัวตำรวจ กลัวแพรพรรณ ต้องหลบหลังภาสกร เกาะเขาไว้แน่น
“เชิญคุณดารินกานต์ไปให้ปากคำที่โรงพักครับ”
“ผมเป็นสามีคุณดารินกานต์ ผมจะไปด้วย”
ดาวมองวิงวอนภาสกรน้ำตาคลอ เป็นเชิงขอร้องให้ช่วย ภาสกรบีบมือดาวปลอบ
ดาวโดนตำรวจเค้นสอบปากคำมานานกว่าชั่วโมงแล้ว และเริ่มสติแตก
“ก็ดิชั้นบอกแล้วไงคะ ดิชั้นไม่รู้ พี่ศรัณตกลงไปได้ยังไง”
“ตอนหันหลังให้คุณศรัณ คุณยืนอยู่ตรงไหนครับ” ตำรวจ 1 ซัก
“จำไม่ได้”
“ทีแรกคุณบอก คุณกำลังยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัว”
“คุณตำรวจถามวนไปวนมา ดิชั้นสับสน”
ทุกคนรอดาวที่ให้ปากคำตำรวจอยู่ในห้องสอบสวน แพรพรรณหน้าตาคั่งแค้นดาวมาก ปัญชลีต้องคุมไว้ กลัวอาละวาดใส่ดาวอีก ภาสกรกับภานุนั่งห่างออกไป ภาสกรเครียดจัด
ภานุปลอบใจพี่ชาย “ดาวไม่ได้ฆ่าพี่ศรัณหรอกครับ”
แพรพรรณโกรธภานุพาลพาโลใส่ “เปลี่ยนข้างไวจังนะ นายเคยไม่ชอบดาว ตอนนี้มาเข้าข้าง”
“ไม่ชอบก็ส่วนไม่ชอบ ผมไม่ใช้อารมณ์ตัดสินคนอื่น ผมเชื่อว่าพี่ศรัณฆ่าตัวตาย”
“คนจะฆ่าตัวตาย ต้องมีสาเหตุนะนุ” ปัญชลีทักท้วง
“ตอนเราไปเที่ยวสมุทรสงคราม ผมโทร.ชวนพี่ศรัณออกมากินข้าวกันสองคน พี่ศรัณเล่าให้ผมฟัง พี่ศรัณเคยเกือบโดดทะเลฆ่าตัวตาย เพราะโดนดาวทิ้ง พี่ศรัณยังพูดว่า...”
ภานุเล่าเหตุการณ์ในร้านอาหารที่เขาคุยกับศรัณ
“ภูมิคุ้มกันทางใจคนเราไม่เท่ากัน บางคนแบกรับความทุกข์ไม่ไหว เลยฆ่าตัวตายหนีโลกนี้ไปซะ”
อีกคำที่เขาจำได้แม่นศรัณบอกว่า “หมดลมหายใจ ก็หมดความอาลัยอาดูร”
เล่าถึงตอนนี้ ภานุอธิบายเหตุผลตามความคิดเขาเสริมว่า
“พี่ศรัณยังรักดาว ทำใจไม่ได้ที่ดาวจะแต่งงานกับพี่ภาส เลย...ฆ่าตัวตายหนีปัญหาความรัก”
แพรพรรณร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ “ให้เกียรติคนตายมั่ง นายไม่รู้จักพี่ศรัณดีเท่าชั้น พี่ศรัณเป็นคนเข้มแข็ง ไม่ตัดช่องน้อยแต่พอตัว หนีปัญหาอย่างที่นายใส่ร้าย”
“คนเรา ชอบมองแต่ข้อดีของคนที่ตัวเองรัก ลองเปิดใจดู แพรก็จะรู้ พี่ศรัณหัวใจอ่อนแอ”
แพรพรรณพูดแทบเป็นตวาด “หยุดว่าพี่ศรัณนะ ไอ้คนใจร้าย ไอ้...”
“ไปนั่งรอข้างนอกเถอะแพร”
ปัญชลีตัดบทพาแพรพรรณออกไปก่อนทะเลาะกับภานุใหญ่โต
ทนายความมาถึงในจังหวะนี้ ภาสกรรีบบอกทนาย
“ภรรยาผมถูกตำรวจสอบปากคำอยู่ครับ”
ดาวถูกตำรวจเค้นหนัก บรรยากาศในห้องสอบปากคำตึงเครียดถึงขีดสุด
“เกิดอะไรขึ้นบนห้อง พวกคุณทะเลาะกันเรื่องอะไร”
ทนายเคาะประตูแล้วเปิดเดินเข้ามา
“ผมเป็นทนายคุณดารินกานต์ ถ้าไม่มีหลักฐานเอาผิด ผมขอพาลูกความผมกลับครับ”
ทนายพยักหน้าบอกดาวให้ลุก ดาวเริ่มคุมสติตัวเองได้
“ดิชั้นต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ยินดีให้ปากคำค่ะ”
“พอลำดับเหตุการณ์ให้ฟังได้มั้ยครับ” นายตำรวจ 1 ซัก
“ดิชั้นกับพี่ศรัณนัดเจอกันที่คอนโด เราเริ่มมีปากเสียงกัน”
ดาวเล่าเหตุการณ์เป็นฉากๆ จนเห็นเป็นภาพศรัณเถียงกับดาว
“พอเห็นว่าดิชั้นใจแข็ง ไม่ยอมคืนดี พี่ศรัณก็เปลี่ยนทีท่าเป็นอ้อนวอน”
ศรัณคุกเข่า อ้อนวอนขอดาวคืนดี
“มันไม่ได้ผล ดิชั้นหมดรักพี่ศรัณแล้ว ดิชั้นหันไปหยิบกุญแจ จะกลับ พอหันไปอีกที ก็เห็นพี่ศรัณปีนขอบระเบียงห้อง”
ศรัณปีนขอบระเบียงคอนโด
“แล้วพี่ศรัณก็กระโดดลงไป”
ศรัณตั้งใจกระโดดตึกฆ่าตัวตาย
เล่าจบ ดาวยืนยันหนักแน่น
“พี่ศรัณฆ่าตัวตายเอง ดิชั้นไม่ได้ทำ”
“ไปได้แล้วครับ” ทนายความพาดาวออกไป
นายตำรวจ 1 มองตามด้วยสีหน้าฉงน ยังไม่ตัดดาวออกจากผู้ต้องสงสัย
ทนายความพาดาวออกมา นายตำรวจ 1 ตามออกมาด้วย
“ถ้าพบหลักฐานเพิ่มเติม จะเชิญคุณดารินกานต์มาให้ปากคำอีกนะครับ”
“ติดต่อผ่านทนายนะครับ” ภาสกรเยื้อนยิ้ม
“คุณภาสคะ ดาวไม่ได้ฆ่าพี่ศรัณ พี่ศรัณกระโดดตึกตายเอง”
“ผมเชื่อคุณ”
แพรพรรณกับปัญชลีเข้ามา
“จับนังฆาตกรใจโหดนี่เข้าคุกเลยค่ะคุณตำรวจ ขังลืมไปเลย เอาให้ตายคาคุก”
ภาสกรปกป้องดาว โอบพาออกไป แพรพรรณจะตามไปด่า โดนภานุขวางไว้
“ทำไมคุณถึงปักเชื่อว่าดาวผลักพี่ศรัณตกตึก”
“เป็นไปไม่ได้ที่พี่ศรัณจะโดดตึกตาย พี่ศรัณกลัวความสูง”
“แพรรู้ได้ยังไง” ปัญชลีสนใจข้อมูล
“สมัยเรียน พี่ศรัณนั่งรถตู้ออกค่ายอาสา รถตกเขา พี่ศรัณเกือบตาย เพื่อนร่วมชมรมตายไป 1 คน พี่ศรัณเลยกลายเป็นคนกลัวความสูง”
ภานุแย้ง “ห้องดาวอยู่แค่ชั้น 4”
“ที่มหาลัยมีระเบียงหน้าห้องเล็คเชอร์ พี่ศรัณไม่กล้ายืนเกาะขอบระเบียง ยกเว้นระเบียงชั้น 2”
ภานุไม่เชื่ออยู่ดี “มีเหตุผลแค่เนี้ย คุณก็จินตนาการต่อเอาเองว่า ดาวลากพี่ศรัณมาที่ระเบียง แล้วผลักตก พี่ศรัณไม่ได้ตัวเล็กๆ นะแพร ยอมรับเถอะ พี่ศรัณของคุณ...อ่อนแอ คนอ่อนแอมักพ่ายแพ้ให้โลกอันโหดร้าย”
“นายนี่ไง คนใจคอโหดร้าย ว่าได้แม้กระทั่งคนตาย”
แพรพรรณโกรธสุดขีด ล้วงหยิบสร้อยในกระเป๋าปาสร้อยใส่หน้าภานุ
“ชั้นก็อ่อนแอ ชั้นยอมแพ้ผู้ชายใจร้ายอย่างนาย”
ภานุก้มหยิบสร้อยขึ้นมา มองแพรพรรณด้วยสายตาเคืองขุ่นเหมือนกัน
“คุณมันไร้เหตุผล”
ภานุผลุนผลันกลับไป
“ไม่มีใครเชื่อแพร ดาวฆ่าพี่ศรัณ” แพรพรรณคร่ำครวญ
“เราไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์ ตอนนี้ต้องรอหลักฐานจากที่เกิดเหตุอย่างเดียว”
“พี่ลีก็คิดว่าพี่ศรัณฆ่าตัวตายเหรอคะ”
“เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พี่ไม่ตัดประเด็นไหนออก เป็นไปได้ทุกทาง ดาวผลักศรัณ ศรัณกระโดดลงไปเอง หรือ เป็นการพลัดตกอุบัติเหตุ”
แพรพรรณเถียงลั่น “มันคือการฆาตกรรมค่ะ”
แพรพรรณปาดน้ำตาคับแค้นใจมาก มั่นใจว่าศรัณถูกดาวฆ่าตายแน่
ส่วนปัญชลีเองไม่กล้าฟันธง สีหน้าครุ่นคิดตริตรอง อะไรคือสาเหตุการตายของศรัณ
เถียงกับแพรพรรณที่โรงพักแล้ว กลับมาบ้านภานุก็เถียงกับภาสุรีอีก
“พี่ก็คิดเหมือนแพรพรรณ ดาวผลักแฟนเก่าตกตึก”
“น้ำเสียงพี่ภามั่นใจมาก พี่เคยเจอพี่ศรัณกี่ครั้งครับ”
“ดาวจะฆ่าคุณศรัณเพื่ออะไร ก็เลิกกันแล้ว”
“ช่วงที่ดาวหายตัวไป แฟนเก่าดาวมีส่วนด้วย สองคนนั่นต้องแอบทำอะไรซักอย่าง แฟนเก่าดาวจะแฉ ดาวเลยฆ่าปิดปาก” ภาสุรีประติดปะต่อเรื่องราว
ภาสกรที่ฟังอยู่นานเอ่ยขึ้น “โอเค พี่เองก็ไม่ค่อยเชื่อว่าดาวไปต่างจังหวัดกับตุ่น แต่ฆ่าคุณศรัณปิดปากเนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้ ดาวเป็นคนฉลาด ไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงกับคุกกับตะรางหรอก”
“ฆาตกรบางคนก็ลงมือฆ่าเพราะสถานการณ์บีบบังคับ”
พ่อแม่ฟังลูกๆ เถียงกันจนพลอยเครียดไปด้วย
วิไลลักษณ์ดุลูกๆ “เถียงกันให้ได้อะไรขึ้นมาฮึ แล้วนี่ดาวอยู่ไหน”
“กินยาแก้ปวดหัว นอนหลับไปแล้วครับ”
“พ่อว่า เราไม่ควรตัดสินดาว ให้ตำรวจหาหลักฐานให้ครบถ้วนก่อน”
ภาสุรีนิ่งขึงไม่พอใจพี่ชายกับน้องชาย ที่พากันเข้าข้างดาว ส่วนตัวภาสุรีเชื่อว่าดาวฆ่าศรัณแน่
ดึกแล้วภานุนอนไม่หลับ ออกมานั่งเศร้าดูสร้อยในมือ สร้อยเส้นที่แพรพรรณปาใส่เขาบนโรงพักวันนี้ วิไลลักษณ์เดินมาเห็นลูกชายคนเล็กนั่งซึมกะทือ ก็เดินเข้ามาดู เห็นสร้อยในมือภานุ
“สร้อยเรา หรือใครให้มา”
“ผมซื้อให้แพรครับ เข้าคู่กับสร้อยของผม แพรเค้าไม่ยอมใส่ เพิ่งคืนผมมา”
วิไลลักษณ์มองสร้อยที่คอลูกชาย “แต่นุใส่”
ภานุหน้าเศร้าชัดแจ้ง คิดถึงแต่แพรพรรณ
วิไลลักษณ์ถอยออกมา เจอสามีเดินมาตาม พ่อแม่มองลูกชายคนเล็กอยู่ห่างๆ ด้วยใจเป็นห่วง
“ชั้นไม่เคยเห็นนุเศร้าอย่างนี้เลยค่ะ” วิไลลักษณ์สงสารลูกชายจับจิต
“อย่าขวางลูกอีกเลยคุณ ผมไม่อยากเห็นเจ้านุมีชะตากรรมแบบเดียวกับภาส ให้ลูกเลือกผู้หญิงเองเถอะ สถานะทางสังคมเป็นแค่เปลือกนอก ความสุขในครอบครัวต่างหาก คือ เนื้อในที่แท้จริง”
แววตาวิไลลักษณ์อ่อนลงมาก ไม่เหมือนนางพญาผู้เย่อหยิ่งคนเดิม
ภานุนั่งดื่มกินความเศร้าความเหงาอยู่เพียงลำพัง
แพรพรรณเองก็เศร้าเสียใจไม่ต่างกันที่เลิกกับภานุ แอบหลบมานั่งร้องไห้เงียบๆ คนเดียว
แม่ก้อยเดินหาลูกสาว จนมาเห็นแพรพรรณร้องไห้อยู่ตรงม้านั่ง ใกล้ป้ายรถเมล์หน้าบ้าน
“โทร.บอกแม่ว่าออกจากโรงพักตอนเย็น จะเที่ยงคืนแล้วยังไม่เข้าบ้าน แม่เลยออกมาตาม”
“แพรไม่อยากร้องไห้ให้แม่เห็นค่ะ กลัวแม่เป็นห่วง”
“พี่ศรัณเค้าไปดีแล้วลูก”
“วันนี้แพรเสียคนที่รักไปพร้อมกันสองคน พี่ชายที่แสนดี กับ ผู้ชายที่แพรรัก”
ก้อยดึงลูกสาวมากอดให้ร้องไห้กับอกแม่ แพรพรรณร้องไห้สะอึกสะอื้น ระบายความเจ็บปวดรวดร้าวออกมา
ภาสกรหลับแล้วแต่ดาวยังไม่หลับ ภาพศพศรัณยังติดตา คอยตามมาหลอกหลอนไม่เลิกรา ดาวหวาดกลัวผวาตัวซุกกอดภาสกรหาที่พึ่ง จนภาสกรตื่น
“อยู่กับผม คุณไม่เป็นไร”
“ดาวกลัวค่ะ”
ภาสกรกอดกระชับดาวปลอบขวัญ ดาวก็ยังข่มตาไม่ลงอยู่ดี ภาสกรเลยพลอยหลับไม่ลงไปด้วย สองคนนอนลืมตาโพลงในความมืดสลัวนั้น
งานศพศรัณจัดที่วัดใกล้บ้าน เป็นพิธีรดน้ำศพ พ่อแม่นั่งเฝ้าข้างศพลูกชาย ร้องไห้คร่ำครวญปิ่มว่าใจจะขาดตาม ญาติๆ และเพื่อบ้านสงสาร หลายคนอดไมไหวต้องร้องไห้ตาม
“มีคนมาแน่ะลุง”
ปัญชลี แพรพรรณ และ เก้ นำพวงหรีดมาเคารพศพ เขียนชื่อทั้งสามคน “ด้วยความอาลัยรัก พี่ลี
พี่เก้ แพร”
พอขึ้นศาลามาเห็นศพศรัณใกล้ๆ พาให้ทุกคนที่เศร้าอยู่แล้ว สะเทือนใจโศกาอาดูรมากขึ้นไปอีกทบทวี
ปัญชลีรดน้ำบอกกับศพศรัณว่า “ถึงรู้จักกันไม่นาน พี่ก็รู้ ศรัณเป็นคนดี น้องพี่คนนี้ต้องขึ้นสวรรค์ ไปดีแล้วนะ หมดทุกข์หมดโศกแล้ว”
เก้รดน้ำศพ น้ำตาคลอ “พี่กะจะชวนศรัณไปเที่ยวเชียงใหม่เดือนหน้า มาจากไปซะก่อน”
แพรพรรณจับมือแม่ศรัณตลอดเวลา “พี่ศรัณต้องไม่ตายฟรีค่ะ วิญญาณพี่ศรัณต้องได้รับความเป็น
ธรรม ดาวต้องติดคุก”
เสียง ญาติ 1ร้องโวยวายขึ้น “มาทำไม กลับไป”
ทุกคนมองไปนอกศาลา เห็นสมพรเดินหน้าเศร้ามา
แม่ศรัณโกรธแค้นดาวมาก ลุกไปเอาเรื่องสมพร
“นังสมพร แกเลี้ยงลูกยังไงให้เป็นฆาตกร ลูกสาวแกฆ่าลูกชายชั้น”
สมพรไหว้แม่ศรัณ “ชั้นขอโทษ ขอชั้นรดน้ำศพพ่อศรัณนะ”
แม่ศรัณไม่ยอมระเบิดใส่ “อย่ารังควานวิญญาณลูกชั้น ลูกชั้นกำลังจะขึ้นสวรรค์ ส่วนลูกแก ต้องลงนรก ลงมันตอนเป็นๆ นี่แหละนังดาวต้องติดคุกจนตาย”
พ่อศรัณไม่โกรธสมพรเท่ากับเมียตัวเอง “กลับไปเถอะสมพร”
สมพรเสียใจเดินร้องไห้ออกไป ญาติๆ พาแม่ศรัณกลับเข้าศาลา ปัญชลีสงสารแม่ดาวจึงตามไป
“คุณน้าก็เป็นแม่ เข้าใจหัวอกแม่ที่สูญเสียลูกนะคะ”
“พ่อแม่ต้องเผาศพลูกตัวเอง มันน่ารันทดนัก คุณคะ ชั้นได้ยินคนที่ตลาดคุยกัน ดาวผลักพ่อศรัณตกตึก มันไม่จริงเลยค่ะ ลูกสาวชั้นไม่ใช่คนใจคอโหดร้าย”
“ค่ะ”
สมพรเดินร้องไห้ตัดพ้อชีวิตไป สงสารลูกสาวถูกใส่ร้าย มั่นใจว่าดาวไม่ได้ฆ่าศรัณ
“แม่ดาวดูเป็นคนดี น่าสงสาร มีลูกเลว”
งานศพเต็มไปด้วยความโศกเศร้า แขกไหว้เคารพศพแล้วออกมานั่งรอพระสวด ญาติๆ เดินแจกน้ำดื่ม ปัญชลีกับเก้นั่งรวมกับแขก แพรพรรณอยู่ในศาลากับพ่อแม่ศรัณ
รถยนต์ตู้หรูแล่นมาจอด หน้าศาลา ครอบครัวภาสกรมาเคารพศพ ภาสกรพาดาวมาด้วย ตุ่นตามมาเป็นเพื่อนดาว ภานุถือพวงหรีด “ด้วยความอาลัยยิ่ง จาก สถานีไทยเคเค - ครอบครัวหิรัญกุล”
ดาวไม่อยากเข้าไปในงานเอ่ยขึ้น “แม่ดาวโทร.มาบอก แม่พี่ศรัณไม่ยอมให้รดน้ำศพ เค้าต้องไล่ดาว”
“ฆ่าลูกเค้าตาย จะให้เค้าปูพรมแดงต้อนรับรึไง” ภาสุรีแดกดัน
ภาสกรปราม “ภา เลิกตัดสินดาวซะที ตำรวจยังไม่สรุป คุณศรัณตายด้วยสาเหตุอะไร”
“นั่นซีคะ ขนาดตำรวจยังไม่สรุป พี่ภาสกับนุสรุปเองเสร็จสรรพ แฟนเก่าดาวฆ่าตัวตาย” ภาสุรีย้อน
“ผมมีเหตุผลครับ”
โดยไม่มีใครคาดคิด แม่ศรัณถือแก้วน้ำอัดลม เดินตรงมาสาดใส่ดาวจังๆ
“อีฆาตกร ยังกล้ามาอีกเหรอ”
“ผมเป็นสามีดาวครับ เอาพวงหรีดมาแสดงความเสียใจ” ภาสกรแนะนำตัว
“ผัวเมียกัน มันก็เลวพอกันนั่นแหละ”
ปัญชลีมาช่วยแก้สถานการณ์
“ศรัณกับคุณภาสกรเป็นมิตรที่ดีต่อกันค่ะคุณแม่ ครอบครัวคุณภาสกรก็เสียใจกับการสูญเสียศรัณ”
พ่อศรัณรับพวงหรีดจากภานุ “เชิญไปไหว้ลูกผมในศาลาครับ”
พ่อพาแม่ไป แม่ยังโกรธแค้นอยู่มาก แพรพรรณอยู่ข้างแม่ศรัณเต็มที่ คอยเดินตามดูแลตลอด
“คุณภาสไปไหว้ก่อนเลยค่ะ ดาวจะไปล้างตัว”
“ตุ่นไปเป็นเพื่อนดาวเองค่ะ”
ตุ่นรีบพาดาวไป กลัวแม่ศรัณเอาเรื่อง
แพรพรรณจุดธูปดอกเดียวส่งให้ภาสุรีไหว้ศพศรัณ ไม่ยอมจุดให้ภาสกรกับภานุ
“ผมจุดให้ครับพี่ภาส” เก้จุดธูปให้ภาสกร
“อีกคนห้ามไหว้ ไม่เคารพคนตาย ก็อย่าเสแสร้ง” แพรพรรณจ้องภานุอย่างโกรธขึ้ง
แม้ไม่มีธูปภานุก็พนมมือไหว้ก้มกราบศพศรัณ แล้วลุกออกจากศาลาหายไปเลย
ภาสกรไหว้เสร็จ ปลีกตัวไปนั่งเก้าอี้ในศาลา เลี่ยงสายตาแพรพรรณที่มองมาอย่างขุ่นเคือง
“ช่วยคุยกับพี่ภาสหน่อยสิลี พี่ภาสน่าจะยอมฟังลี”
ปัญชลีฉงน “คุยเรื่องอะไร”
“ที่พี่ภาสเข้าข้างดาวสุดลิ่มทิ่มประตู เพราะดาวอุ้มท้องลูกพี่ภาสอยู่ ชั้นอยากให้พี่ภาสเผื่อใจไว้บ้าง ตำรวจเจอหลักฐานเอาผิดดาว ลูกพี่ภาสต้องไปลืมตาดูโลกในคุก”
ปัญชลีมองไปที่ภาสกร เข้าใจและเห็นใจอดีตคนรักมาก
ครู่ต่อมา ปัญชลีเดินนำภาสกรมามุมลับตาคน
“คุยตรงนี้แหละลี ไม่มีคน ลีมีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับผม”
“ภาสอยู่กับดาวทุกวัน ในความเห็นภาส มีโอกาสมากน้อยแค่ไหน ที่ดาวจะผลักศรัณตกตึก”
“ผมไม่เห็นเหตุผลที่ดาวอยากให้คุณศรัณตาย ดาวได้ประโยชน์อะไร”
“เกิดตำรวจพบแรงจูงใจล่ะคะ”
ดาวกับตุ่นเดินมาจากห้องน้ำ ดาวไปล้างตัวมาเห็นปัญชลีแอบมาคุยกับภาสกร ก็หึง
“นังจิ้งจอก เผลอเป็นไม่ได้”
ภาสกรเสริมว่า “ถ้ามีหลักฐานแน่นหนา ผมก็จะปล่อยให้กฎหมายจัดการ เราทุกคนอยู่ใต้กฎหมายเดียวกัน ผู้สูญเสียควรได้รับความยุติธรรม”
“ภาสพูดอย่างนี้ลีก็เบาใจค่ะ แสดงว่าภาสเผื่อใจไว้บ้าง”
“แค่นี้ใช่มั้ยลี ผมกลับศาลานะ”
ภาสกรเดินหน้าเครียดกลับไปทางศาลา
ปัญชลีกำลังจะเดินกลับ ดาวกับตุ่นเดินมาดักไว้ซะก่อน
“ในวัดก็ไม่เว้นนะนังจิ้งจอก”
ปัญชลีไม่อยากเสี่ยงมีเรื่องกับดาว เธอเองก็เชื่อว่าดาวโหดเหี้ยมขนาดฆ่าศรัณตาย จึงเดินเลี่ยงหนี
“อุ๊ย แกกลัวชั้น” ดาวจับแขนปัญชลีหมับแล้วบีบเต็มแรง แกล้งขู่ให้ปัญชลีกลัว “อันที่จริง ศพแรกที่ชั้นอยากฆ่า ไม่ใช่พี่ศรัณหรอก แต่เป็น แก นังปัญชลี”
ดาวถลึงตาใส่ปัญชลี อากัปกิริยาของดาวตอนนี้ ทำให้ปัญชลีขนลุกซู่ เธอข่มความกลัวสบตาดาวกลับ
ภาสกรกลับมานั่งเก้าอี้ข้างภาสุรี
“ไปคุยกับลีมาเป็นยังไงบ้างคะ พี่ภาสต้องเชื่อลีนะคะ”
“ภานี่เอง ให้ลีคุยกับพี่” ภาสกรหงุดหงิดน้องสาว
“ภาห่วงพี่ภาสนี่คะ”
เก้มองหาปัญชลีไม่เจอ จึงลุกมาถามพี่ภาส
“เห็นพี่ลีมั้ยครับ”
ปัญชลีพยายามดึงแขนออกจากการคุกคามของดาว ที่บีบแน่นจนเล็กจิกเนื้อปัญชลี
“ปัญชลี ชั้นฆ่าแกซะตรงนี้เลยดีมั้ย”
ปัญชลีใช้มืออีกข้างกระชากผมดาวติดมือออกมา
“โอ๊ย แกทำบ้าอะไรน่ะ”
“รากผมมีดีเอ็นเอ เจอศพชั้น ก็เจอหลักฐานเอาผิดเธอ”
ตุ่นฉกแย่งเส้นผมดาวในมือปัญชลีมาโปรยทิ้ง “หลักฐานหายไปในอากาศแล้ว”
“ตอนเราต่อสู้กัน ชั้นจะข่วนแขนเธอ เศษผิวหนังในซอกเล็บ ก็ตรวจหาดีเอ็นเอคนร้ายได้”
“อวดเก่งนักใช่มั้ย”
ดาวตบหน้าปัญชลีเปรี้ยง
เก้เดินหาเห็นปัญชลีถูกดาวตบพบดี เก้วิ่งถลามาผลักดาวจนล้ม ดาวเจ็บแผลผ่าตัดที่ท้อง
“ตบมันเจ๊”
เก้ไม่รอให้ตุ่นตบเกย์ครับผมถีบตุ่นเต็มบาทาจนล้มครืน
“อีเก้ มึงตาย”
เก้กับตุ่นซัดกันนัว ล้มกลิ้งผลัดกันตบผลัดกันต่อย
ดาวเชียร์ตุ่น “จิกตามันเลยเจ๊”
ปัญชลีห้ามไม่อยากให้ตีกันในวัด “พอแล้วเก้”
เก้ไม่ฟังวันนี้ต้องอัดตุ่นให้เละ ระหว่างนี้ภานุวิ่งมาแยกเก้กับตุ่น ต้องใช้แรงผู้ชายระดับภานุถึงจับแยกกะเทยสติแตกตีกันได้
“ให้เกียรติพี่ศรัณบ้างครับ นี่งานศพพี่ศรัณ”
ปัญชลีช่วยจัดผมเผ้าเสื้อผ้าเก้ให้เรียบร้อย เก้ซัดกับตุ่นซะเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ผมยุ่ง ปัญชลีพาเก้กลับเข้างานศพไปก่อน
“เมื่อกี้ที่ล้มเป็นอะไรมั้ยดาว เห็นเอามือจับท้อง”
“รู้สึกเจ็บนิดหน่อย ไม่กระเทือนถึงลูกในท้องหรอกค่ะ”
ภานุมองตำหนิตุ่น หาเรื่องตบตีในงานศพ ตุ่นสะบัดป๊อบ ไม่แคร์ แต่แค้นโดนเก้ต่อย
ภานุพาดาวกับตุ่นกลับเข้างานมา แขกทั้งศาลาหันมองดาวเป็นตาเดียว ทุกสายตาชิงชังรังเกียจดาว อีฆาตกร เจอรุมจ้องขนาดนี้ ทำเอาดาวสะท้านสะเทือนเดินตัวลีบเล็กไปหาภาสกร
“ดาวอยากกลับแล้วค่ะคุณภาส”
ภาสกรเห็นดาวโดนรุมจ้อง
“ไหว้คุณศรัณแล้ว ไม่รออยู่ฟังพระสวด คงไม่น่าเกลียดเท่าไหร่”
“ภาไม่กลับด้วยนะคะ อยากอยู่รอพระสวด จะติดรถลีกลับ”
เห็นแม่ศรัณกับแพรพรรณตรงมาเอาเรื่องดาวอีก ภานุบอก “รีบไปเถอะครับพี่ภาส”
ภาสกรกับภานุรีบพาดาวออกจากงาน ตุ่นเผ่นกลับไปพร้อมกัน
“โถอีตุ่น นึกว่าจะแน่ อยู่ต่อคนเดียว” เกย์เก้คุมแค้น
“อย่าเอาทองไปลู่กระเบื้องเลยเก้ เราจะเสียเปล่าๆ”
“ก็มันทำพี่ลี หายเจ็บหรือยังครับ”
ปัญชลีพยักหน้า สายตาแลเลยไปยังรูปถ่ายหน้าโลงศพ พ่อแม่ศรัณเลือกรูปถ่ายลูกชายตอนยิ้มสดใส ใต้รูปเขียนวันเดือนปีที่ศรัณเกิด และ วันตาย
นาย ศรัณ สินสาคร
ชาตะ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2532
มรณะ 16 มกราคม พ.ศ. 2558
อนิจจา หนุ่มคนซื่อแสนดี อายุเพียงแค่ 26 ปี ก็ต้องจากโลกนี้ไปแล้ว
อ่านต่อตอนที่ 15 (อวสาน)