ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 7
ถึงเช้าวันชก บริเวณด้านหน้าเวทีมวยบ้านเหนือ มีป้ายผ้าขนาดใหญ่เขียนว่า “ศึกกำปั้นบ้านเหนือ” และ “จัดโดย ค่ายเมฆดำ” บรรยากาศในงานคึกคัก มีนักมวยจากค่ายต่างๆ มารายงานตัวที่โต๊ะรายงานตัว มีเพชรรวมอยู่ด้วย
อรชร พริม บุญหลง เอื้อย ชาติ กะ แชมป์ ที่ยังใส่เฝือกอยู่ ยืนเกาะกลุ่มดูบรรยากาศอยู่ด้านในงาน
“ตัวกลั่นมากันเพียบเลย” ชาติมองไปรอบๆ
“พวกหน้าใหม่ก็พอจะมีบ้างใช่มั้ย” อรชรว่า
“พวกหน้าใหม่ก็มาจากค่ายดังๆ ทั้งนั้น คิดว่าคงคัดเอาแต่ตัวๆเด็ดมาเปิดตัวกันที่นี่ ไอ้เพชรของเรามันจะรอดเหรอ”
“พูดงี้ได้ไงพี่แชมป์ เค้าคงจับมวยสดให้ต่อยกับมวยสด ไม่น่าจะยากหรอก” อรชรตำหนิ
สักครู่เพชรเดินจ๋องเข้ามา
“ชั้นไปรายงานตัวมาแล้วจ้ะ เค้าบอกให้ชั้นไปชั่งน้ำหนักกับตรวจร่ายกาย เห็นว่าต้องมีแก้ผ้าด้วย ชั้นอายอ่ะ”
“เป็นนักมวยมาอายอะไร ใครๆ ก็ต้องแก้ผ้าชั่งน้ำหนักทั้งนั้น” พริมว่า
“งั้นเธอไปเป็นเพื่อนชั้นหน่อยสิ”
“จะบ้าเหรอ จะให้ชั้นไปดูเธอแก้ผ้าทำไม”
“ไม่เป็นไร ชั้นไปเป็นเพื่อนเอง”
บุญหลงเดินนำไป เพชรเดินติ๋มๆ ตาม
ชาติส่ายหัว “จะรอดมั้ยวะเนี่ย”
ส่วนที่บ้านลิเก จริยากำลังใส่ชุดให้ขนุน รักษ์ สำเริง ลูกดอก แฉะ เตรียมข้าวของสำหรับจะเล่นลิเกคืนนี้
“ใส่ได้มั้ยขนุน” รักษ์มองลุ้น
“หลวมไปหน่อยจ้ะ”
จริยาเหน็บแนมเข้าพกเข้าห่อตัวเอง “ถ้าเป็นชั้นใส่ล่ะก็พอดีเป๊ะเลย เพราะอกชั้นฟูได้รูป”
“ไม่ได้ฟูแต่อกนะ พุงก็ฟู ก้นก็ฟู ขาก็ฟู” แฉะหลอกด่า
“แถวบ้านชั้นเรียกอ้วนนะน้าแฉะ” ลูกดอกผสมโรง
แฉะกับลูกดอกหัวเราะเอิ้กอ้าก จริยาเอาของปา
“ชั้นอ้วนแต่หน้าเป๊ะ ดีกว่าหุ่นเป๊ะ แต่หน้าปลวกย่ะ”
สำเริงชักรำคาญ “เลิกกัดกันซะที จริยา ถ้าชุดต้องแก้ก็รีบแก้เดี๋ยวจะไม่ทัน พรุ่งนี้จะเล่นอยู่แล้ว ลูกดอก เตรียมชุดให้เพชรมันด้วย คืนนี้มันชกเสร็จจะได้ให้มันมาลอง”
“จ้ะ”
เสียงรถเก๋งแล่นมาจอด เบรกดังเอี๊ยด
“ใครวะ” สำเริงชะเง้อไปมองหน้าบ้าน
แม้นมาศเข้ามาในบ้านลิเกท่าทางรีบร้อน รักษ์ ขนุน สำเริง ลูกดอก แฉะ จริยา ลงมาต้อนรับ ยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณแม้นมาศ มาหาแต่เช้าเลยนะครับ”
“ชั้นจะมาดูความเรียบร้อยน่ะ เป็นยังไงซ้อมไปถึงไหนแล้ว”
“คณะพ่อสำเริงซะอย่าง ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ ให้เล่นเดี๋ยวนี้ยังได้เลย”
“อ้อ ได้ยินอย่างนี้ก็สบายใจหน่อย คืองี้จ้ะพ่อเริง ชั้นน่ะนับวันตายแม่ผัวผิดไปวันนึง จริงๆ แล้วครบร้อยวันวันนี้ เราเลยเลื่อนงานเผามาจัดเย็นนี้แล้วจ้ะ”
สำเริงอึ้ง “งั้นแปลว่า ก็ต้องเล่นลิเกวันนี้”
แม้นมาศหน้าจ๋อยๆ “ใช่จ้ะ พร้อมมั้ยจ๊ะ”
รักษ์ ขนุน สำเริง ลูกดอก แฉะ จริยา หน้าเสีย ส่ายหน้าพร้อมๆ กัน
“ม่ายพร้อม”
“อ้าว ไหนบอกว่าให้เล่นเดี๋ยวนี้ยังได้เลยไง”
“พระเอกลิเก ไปต่อยมวยอยู่จ้ะ” รักษ์บอกเสียงอ่อยๆ
บุญหลงเดินหัวเสียออกมา เพชรตามมาจ๋อยๆ สองคนออกมาหา พริม เอื้อย อรชร ชาติ และแชมป์ที่รออยู่
“หลง เป็นอะไร” พริมถามทันที
“เพชรน้ำหนักเกินไปตั้ง 80”
อรชรตกใจ “เป็นไปได้ยังไง! พริม น้าบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้คุมอาหาร”
“ชั้นขอโทษ ชั้นผิดเองจ้ะ ตอนชั้นกลับไปที่บ้าน พ่อเอาข้าวให้ชั้นกินเยอะเลย จะปฏิเสธก็ไม่ได้ ไม่คิดว่ามันจะพุ่งพรวดขนาดนี้” เพชรบอกหน้าเศร้า
“ใช้ไม่ได้ ชั้นบอกแล้วใช่มั้ยว่าต้องมีวินัย หนักตั้ง 80 จะได้ไปชกรุ่นไหนเนี่ย สู้เค้าไหวเหรอ” พริมเม้ง
“อย่าเพิ่งด่ามันเลยรีบไปรีดน้ำหนักก่อนเถอะ ขืนให้ชกรุ่นใหญ่ ร่วงตั้งแต่หมัดแรกแน่ๆ” แชมป์บอก
“แล้วจะรีดออกซักกี่ขีดกี่กิโล เอาออกมากก็เพลีย ขึ้นไปชกก็ร่วงอยู่ดี แต่ถ้าเอาออกน้อยยังไงก็ต้องเจอรุ่นใหญ่” ชาติบ่น
พริมโมโหจิกตาพิฆาตใส่เพชรที่ก่อเรื่องในวันแข่งจนได้ เพชรจ๋อย
ทุกคนร้อนใจไปหมดสิ้น
แม้นมาศขอร้อง “ช่วยชั้นหน่อยเถอะนะ ตามเพชรกลับมาเล่นลิเกให้ชั้นที ถ้าญาติๆฝ่ายผัวชั้นรู้
ว่าชั้นนับวันผิด ชั้นโดนด่าเละแน่ แล้วยังถูกตัดออกจากกองมรดกด้วยนะ”
“เพชรเค้าตั้งใจเรื่องชกมวยมาก อุตส่าห์ซุ่มซ้อมมานาน ทางค่ายก็หวังจะให้เพชรชนะ ชั้นว่าน้าอรคงไม่ปล่อยเพชรกลับมาง่ายๆ หรอก” ขนุนว่า
ทุกคนกลุ้ม ขนุนถามขึ้น
“น้าแม้นมาศจ๊ะ ลิเกนี่ต้องเล่นกี่โมงเหรอจ๊ะ”
“หลังสวด ก็ราวๆ 6 โมง ทุ่มนึง”
“งั้นเราก็ยังพอมีหวัง เพราะถ้ามวยมีหลายคู่ ให้พี่เพชรขอเค้าไปชกรอบดึกหน่อยก็ได้” ขนุนว่า
“งั้นแปลว่า ให้เพชรมาขึ้นเวทีลิเกก่อน แล้วค่อยกลับไปขึ้นเวทีมวยใช่มั้ย” คำพูดแฉะ ทำให้ทุกคนพอยิ้มออก
ฝ่ายเพชรอยู่ในชุดวอร์มรีดน้ำหนัก และกำลังกระโดดเชือกอยู่ เหงื่อโทรมกาย พริมกับบุญหลงยืนคุม
“นักมวยค่ายเราไม่เคยมีใครน้ำหนักเกินมากขนาดนี้มาก่อน ถ้าเธอไม่มีวินัย ไม่เอาจริงเอาจัง เธอก็เป็นนักมวยค่าย ศ.อรชรไม่ได้”
เพชรกระโดดเชือกไปด้วย “บ่นๆๆ บ่นเป็นยายแก่อีกแล้ว”
พริมยกขาเตะเพรช แต่เพชรหลบอย่างคล่องแคล่วทั้งๆ ที่กระโดดเชือกอยู่
“ที่ชั้นบ่นก็เพื่อให้เธอจำ จะได้ไม่มีครั้งต่อไปอีก”
“จ้า ไม่มีแล้วจ้า”
เสียงโทรศัพท์มือในกระเป๋าบุญหลงดัง บุญหลงหยิบขึ้นมา
“เพชร พี่รักษ์โทร.มา” บุญหลงยื่นมือถือให้เพชรคุย
“ไม่เห็นหรือไงว่าไม่ว่าง”
บุญหลงกดรับ
“พี่รักษ์ นี่หลงนะ เพชรมันไม่ว่างรับ มีอะไรฝากบอกหลงได้ หา! ต้องกลับไปเล่นลิเกเย็นนี้”
เพชรตกใจ สะดุดเชือกเกือบล้ม
ชาวค่ายมวยทุกคนรู้เรื่องพากันเครียดทั้งแถบโดยเฉพาะอรชร
“โอ้ย ทำไมมันสารพัดเรื่องอย่างนี้หา น้ำหนักก็เกิน แล้วนี่ยังจะไปเล่นลิเกอีก ชั้นไม่อนุญาตแล้ว” อรชรโวยลั่น
“น้าอรจ๋า ชั้นรับรองว่าจะกลับมาให้ทันชกจ้ะ ส่วนเรื่องน้ำหนักชั้นชกกับรุ่นใหญ่ก็ได้ น้าอรให้ชั้นไปเถอะนะ นะ นะ นะ” เพชรอ้อนใหญ่
“ถ้าชั้นปล่อยเธอไปเล่นลิเก แล้วเธอไม่กลับมาชกล่ะ แล้วเวลาเค้าประกาศชื่อนักมวยของค่าย ศ.อรชร แล้วไม่มีใครขึ้นไปบนเวที ชั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“ชั้นมาสมัครเป็นนักมวย ชั้นก็มาด้วยตัวชั้นเอง ไม่มีใครบังคับ พอรู้ว่าจะมีแข่งชกมวย ชั้นก็ยินดีมาสมัครเองเหมือนกัน นี่ยังไม่พอจะพิสูจน์ว่าชั้นอยากชกมวยอีกเหรอน้าอร ชั้นตั้งใจมากนะ ชั้นสัญญาว่า ต่อให้ชั้นตกเวทีลิเกตาย ชั้นก็จะเป็นผีกลับมาชกไฟท์นี้ให้ได้”
อรชรเห็นเพชรขอร้องสีหน้าจริงจัง ก็สงสาร ใจอ่อนทุกที
พริมขี่รถเครื่องเพชรซ้อนท้าย สองคนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้
“ก็ได้ ชั้นยอมให้ไปเล่นลิเกก็ได้ นี่ชั้นเห็นแก่เงินรางวัลที่จะเอามาใช้หนี้ชั้นหรอกนะถึงได้ยอม...แต่ชั้นจะไม่ให้เธอไปคนเดียว พริม เธอไปส่งเพชร แล้วก็คอยรับกลับมาด้วย ตอนเพชรแสดง ก็เฝ้าอยู่หน้าเวที อย่าให้คลาดสายตา”
เพชรปลื้มปริ่มซาบซึ้งใจ “ขอบคุณครับน้าอร ขอบคุณครับ”
พริมด่าว่าอย่างหงุดหงิด “เดือดร้อนอื่นไปทั่ว”
หลังเวทีลิเกภายในวัดเย็นนั้น ชาวลิเกทุกคนกำลังแต่งหน้าแต่งตัวยุ่งอยู่ รักษ์แต่งพระรอง ลูกดอก กะ แฉะแต่งเป็นเสนา สำเริงแต่งฤาษี จริยาแต่งพี่เลี้ยง ยกเว้นขนุนยังไม่แต่งอะไรเลย นั่งรออยู่ข้างๆ จริยาที่กำลังบรรจงแต่งหน้าตัวเอง
“รอหน่อยนะจ๊ะ ชั้นต้องสวยก่อน ถึงจะแต่งให้คนอื่นได้ ถ้าไม่อยากรอก็แต่งเอง แต่คนไม่เคยแต่งหน้าลิเกอย่างเธอ ระวังจะวอกออกมาเป็นชะนีผ้าป่านะ”
สำเริงสั่งการ “จริยา หน้าตัวเองน่ะประโคมแต่งยังไงมันก็ได้เท่านั้น เอาเวลาไปแต่งให้ขนุนมันดีกว่า รักษ์...ไอ้เพชรมันว่าไงมั่ง จะมาทันมั้ย พระสวดจะเสร็จอยู่แล้ว”
พริมขี่รถเครื่องแล่นมา มีเพชรซ้อน วิ่งไปได้ซักพัก รถเกิดกระตุกๆ แล้วดับลง
“รถเป็นอะไร”
พริมบอก “น้ำมันหมด”
“แล้วทำไงอ่ะ” เพชรเซ็งยิ่งรีบๆ
“ก็ต้องจูงไป”
“จูงไปถึงวัดเลยเหรอ อีกไกลนะ”
“จูงไปหาปั๊มสิ! เซ่อ”
“ไม่ใช่ใกล้ๆ นะน่ะ” เพชรบ่นงึม
“แล้วจะให้ทำไง”
“งั้นเธอรอตรงนี้ ชั้นจะโบกรถไปที่ปั๊ม ซื้อน้ำมันใส่แกลลอนมา”
“ก็ดี”
“งั้นรอตรงนี้นะ”
เพชรเดินไปจะโบกรถ แล้วกลับมาหาพริม
“ยืมตังค์หน่อยดิ”
หลังเวที ทุกคนแต่งหน้าแต่งตัววุ่นวาย ขนุนยังรอคิวจริยาอยู่ รักษ์คุยโทรศัพท์กับเพชร หน้าเครียด
“น้ำมันหมด แล้วนี่อยู่ไหนแล้ว โห อีกตั้งไกล เออๆ รีบๆ ละกัน”
แม้นมาศแต่งชุดดำเข้ามา สอดตามองหาเพชร
“เป็นไงบ้าง พระเอกมารึยัง”
“ใกล้แล้วครับ อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว”
“พระสวดเสร็จแล้วนะ จะแต่งหน้าแต่งตัวทันเหรอ”
“พวกเรามือาชีพอยู่แล้วแต่งแป๊บเดียวเสร็จ”
“รีบๆ หน่อยแล้วกัน คุณปลัดเค้าจะมาดูด้วย”
“ไม่ต้องห่วงครับ เชิญคุณแม้นมาศรอข้างนอกลมเย็นๆ ให้สบายใจดีกว่าครับ ในนี้มันอุดอู้น่ะครับ”
แม้นมาศยังไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่ แต่ก็ออกไป
“พี่เริง ถ้าไอ้เพชรมันมาไม่ทัน จะทำยังไง” แฉะถาม
“ก็ต้องเอาไอ้ลูกดอกมันเล่นแทน” สำเริงบอกกับลูกดอก “เอ็งจำบทเพชรได้ใช่มั้ย”
“ก็พอได้ แต่คุณแม้นมาศเค้าจะไม่ว่าเอาเหรอน้าเริง เค้าอยากดูพี่เพชรนี่”
ทุกคนกลุ้มใจทั้งแถบ
อ่านต่อหน้า 2
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 7 (ต่อ)
พริมนั่งรออยู่ข้างทาง ชะเง้อมอง รอสักครู่ใหญ่ๆ เพชรซ้อนรถเครื่องชาวบ้านมาพร้อมแกลลอนน้ำมัน เพชรลงรีบจากรถเครื่องชาวบ้าน
“ขอบใจมากจ้ะ คืนนี้อย่าลืมไปดูลิเกที่วัดทุ่งไก่หลงนะ”
ชาวบ้านอึกอัก “เอ้อ”
“มาแล้วพริม”
เพชรเปิดเบาะเทน้ำมัน ปิดฝา พริมสตาร์ตเครื่องบิดคันเร่ง ออกตัวฉิว จนเพชรแทบเสียหลักตกรถ
“เฮ้ย”
ชาวบ้านเริ่มมาจับจองที่นั่งหน้าเวทีลิเก ทั้งลูกเด็กเล็กแดง ผู้เฒ่าผู้แก่ ลิลลี่เดินเข้ามาท่าทางงงๆเอี้ยงวิ่งเข้ามาจองที่ตรงกลาง กล้าเข้ามาเบิ้ดกะโหลกเอี้ยงไปทีนึง เอี้ยงขยับให้กล้านั่ง
“กล้าๆ ลิเกมันเล่นพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ”
“เค้าเลื่อนมาเป็นวันนี้แล้ว ไม่รู้เรื่องเล้ย” กล้าบอก
“อ้าว แต่วันนี้เพชรเค้าไปชกมวยนี่ แล้วใครจะเป็นพระเอกล่ะ”
“ใครจะเป็นพระเอกชั้นไม่สนหรอก แต่ได้ข่าวว่าวันนี้จะมีนางเอกใหม่ ชั้นมารอดูนางเอก”
“นางเอกใหม่สวยสุดยอดเลยนะพี่ลิลลี่” เอี้ยงคุย
“รู้ได้ไง แกเห็นแล้วเหรอ” กล้างง
“ยัง ชั้นเดาเอา”
กล้าจะเบิ้ดกะโหลกเอี้ยงแต่ เอี้ยงหลบได้ วิ่งไปแอบหลังลิลลี่
ค่ำแล้วรักษ์ เพิ่งจะแง้มฉากดูหน้าโรง แล้วเข้ามา
“น้าเริง ทำไงดี คนมารอกันเต็มแล้ว”
“เอาอย่างนี้แล้วกัน เราต้องแสดงฉากนางเอกก่อน เป็นการเปิดตัวนางเอกใหม่ด้วย” พลางหันไปเรียกขนุน “ขนุน แต่งตัวเสร็จรึยัง”
“เสร็จแล้วจ้ะ”
ขนุนเปิดม่าน เดินออกมาจากหลืบที่แต่งตัว สวยพริ้ง อย่างไม่เคยเห็นมาก่อน ขนาดรักษ์มองตาค้าง
“สวย... สวยจังเลย”
ลูกดอกแซว “ถึงขั้นเพ้อเลยเหรอพี่เรา”
“เพ้ออะไรล่ะ ก็แค่เห็นว่าแปลกตาดี ไม่เคยเห็นขนุนแต่งอย่างนี้” รักษ์แก้เก้อ
“ชั้นก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน มันเขินๆ ยังไงไม่รู้” ขนุนออกอาการเหนียมๆ
“เลิกบิดได้แล้วขนุน เดี๋ยวจะมีเปลี่ยนบทนิดหน่อย จะเริ่มเรื่องด้วยนางเอกก่อน พอจะด้นกลอนสดได้มั้ย”
ขนุนตกใจ “ด้นกลอนสด ชั้นด้นไม่เป็น ชั้นไม่มีหัวทางนี้เลย แล้วก็ไม่เคยฝึกด้วย”
“งั้นก็ต้องรีบแต่งใหม่แล้วก็รีบท่อง” แฉะว่า
“ท่องตอนนี้เนี่ยนะ ไอ้ที่มีอยู่ยังจำไม่ค่อยจะได้เลย ถ้ามีอันใหม่มาคงตีกันยุ่ง” ขนุนบอก
จริยาจ้องเสียบ “งั้นก็เปลี่ยนให้ชั้นเป็นนางเอกสิ ชั้นด้นกลอนได้ 3 วัน 8 วันไม่มีตันเลยนะ”
“พอๆๆ ขืนให้แกออกไปฉากแรกคนก็ลุกกลับบ้านหมด” แฉะเซ็ง
“แล้วจะถ่วงเวลายังไงล่ะทีนี้”
“เอางี้สิจ๊ะ เราเริ่มด้วยการร้องเพลงลูกทุ่งก่อน คณะไหนๆ เค้าก็ทำกันทั้งนั้นแหละ” ขนุนเสนอ
ทุกคนมองหน้ากัน คิดว่าเป็นไอเดียที่บรรเจิด เห็นดีเห็นงามตามกัน
แฉะออกแขกเสร็จ ทำหน้าที่ดำเนินรายการ แม้นมาศ ปลัด ลิลลี่ กล้า และเอี้ยง นั่งปนกับชาวบ้านดูอยู่แถวหน้า
“กราบสวัสดีท่านพ่อแม่พี่น้อง คืนนี้คณะลิเกเพชรสำเริง บันเทิงศิลป์ กลับมารับใช้พ่อแม่พี่น้องอีกครั้งคราแล้ว ตัวกระผมอยากจะบอกว่าคิดถึงท่านพ่อแม่พ่อน้องสุดหัวใจเหลือเกิน และในค่ำคืนนี้ก่อนที่จะไปชมลิเกสนุกๆ ทางคณะลิเกเพชรสำเริงบันเทิงศิลป์ มีบทเพลงเพราะๆ มาฝาก เชิญรับชมรับฟังกันเลยครับ”
ปี่พาทย์เล่นเพลง “รักจงรอ” ของ กุ้ง สุทธิราช แฉะเข้าหลังเวที รักษ์ออกมาร้องเพลง “รักจงรอ” เสียงเหมือนกุ้งเด๊ะ ยังกะโคลนกันมา ผู้ชมปรบมือเกรียว
“วันนี้มาแปลก ทุกทีไม่เห็นมีร้องเพลง” ลิลลี่แปลกใจ
กล้าร้องตาม เอี้ยงก็ร้องด้วย
“ร้องเป็นด้วยเหรอไอ้เอี้ยง”
“เพลงเค้าดังจะตาย ใครๆ ก็ร้องเป็น”
เอี้ยงร้องต่อ ทำสีหน้าท่าทางอินกับเพลงมาก
“แก่แดดจริงๆ”
พริมขี่รถเครื่องเข้ามาหลังโรงลิเก เพชรซ้อนท้าย ถึงตรงที่คนดูนั่ง
“จอดๆๆๆ”
พริมจอด เพชรลงรถ
“รอชั้นอยู่ตรงนี้นะ”
เพชรวิ่งไปหลังเวที พริมไปหาที่นั่งดูฆ่าเวลา
รักษ์ร้องเพลงดังมาจากด้านหน้าเวที ขนุนแง้มฉาก ดูรักษ์ร้องเพลง สำเริง ลูกดอก แฉะ รอเพชรอย่างร้อนใจ จริยายังนั่งปัดขนตาอยู่ เพชรวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“มาแล้วววว”
เพชรตรงไปที่กระบะแต่งหน้าแล้วจัดการแต่งอย่างรวดเร็ว
“ทำไมช้านักวะ จะให้ชั้นหัวใจวายตายรึไง” สำเริงบ่น
“ชั้นก็มาแล้วไง พ่อก็ยังไม่ตายนี่”
ลูกดอกไปเตรียมชุดมารอไว้พร้อมสวม รักษ์ร้องใกล้จบ ขนุนหันมาบอก
“พี่รักษ์ร้องเพลงจะจบแล้ว ทำไงดี”
“พี่เพชรเสร็จไม่ทันหรอก” ลูกดอกบอก
“งั้นชั้นขึ้นไปต่ออีกเพลงนึง” จริยาเสนอตัว
สำเริงคิดปราดเดียว “ขนุน ขึ้นไปร้องต่อ”
“เพลงอะไรขนุน” แฉะถาม
“เอ่อ...รอเพราะรัก”
รักษ์ร้องจบพอดี แฉะออกไปหน้าโรง ขนุนไปรอเตรียมออก
“จบไปแล้วนะครับกับเพลง รักจงรอ จากพี่รักษ์เสียงหวานของเรา หวานเหมือนต้นฉบับมาร้องเองอย่างไงอย่างงั้นเลยนะครับ สำหรับเพลงต่อไปขอเชิญท่านพบกับ นางเอกสาวเสียงหวาน เป็นนางเอกหน้าใหม่ของคณะเรา เธอจะมาในบทเพลง รอเพราะรัก”
ขนุนในชุดนางเอกลิเก ออกไปหน้าเวที
เพชรนึกอะไรได้ ร้องออกมาอย่างตกใจมาก “เฮ้ย”
ลูกดอกงง “อะไร พี่เพชร”
“พริม พริมดูอยู่หน้าเวที”
อ่านต่อหน้า 3
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 7 (ต่อ)
ขนุนจัดเต็มครวญเพลง “รอเพราะรัก” อย่างเพราะพริ้ง ชาวบ้านให้ความสนใจในความสวย และสุ้มเสียงอันไพเราะ กล้ากับเอี้ยงเห็นก็ตาค้าง
“โอ้ววว ว้าววว”
“คนหรือนางฟ้ากันแน่เนี่ย” เอี้ยงเพ้อ
ลิลลี่หมั่นไส้ “น้อยๆ หน่อยไอ้เอี้ยง”
พริมนั่งดูอยู่ ชักคุ้นๆ หน้า
“คุ้นหน้าจัง”
ขนุนกำลังร้องเพลงอยู่ มองไปเห็นพริมก็ตกใจ ร้องตะกุกตะกักลืมเนื้อซะงั้น ขนุนหลบตา แล้วหันหลังร้อง
กล้าชะเง้อคอตาม งงมาก
“อ้าว หันไปไหนอ่ะ”
“เค้าเขินสายตาชั้นน่ะสิ”
ไอ้เอี้ยงเด็กผีส่งสายตาปิ๊งๆ ให้ นางเอกลิเกป้ายแดง
เพชรแต่งหน้าเสร็จแล้ว มีลูกดอกช่วยแต่งตัวให้ใกล้เสร็จ ท่าทางกังวลไม่หาย
“ไม่มีใครจำได้หรอก ชั้นขุดหน้านังขนุนจากนักมวยหน้าดำๆ มันๆ จนกลายเป็นนางเอกซุปเปอร์สตาร์ซะขนาดนั้น” จริยาว่า
“ขอให้จำไม่ได้จริงๆ เถอะ”
ชายชุดดำลูกน้องพ่อรักษ์ทะเล่อทะล่าเข้ามา
“ขอโทษนะครับ ผมมาหาคุณรักษ์”
รักษ์เห็นเข้าตกใจ “เฮ้ย”
ชายชุดดำร้อง “อ้าว คุณ...”
“ชูวส์” รักษ์เอามือจุ๊ปาก หันไปบอกชาวคณะ “เดี๋ยวชั้นมานะ”
รักษ์ดึงแขนชายชุดดดำออกไปข้างนอก ทุกคนมองตามงง
“ใคร ไม่เคยเห็นเลย” จริยาสงสัย
“นั่นสิ ไม่ใช่คนบ้านนี้แน่ๆ”
ลูกดอกกับจริยาชะโงกคอยืดคอยาวดู
รักษ์กับชายชุดดำคุยกันท่าทางเครียดจัด อยู่มุมหนึ่ง
สุดท้ายรักษ์รีบเดินกลับมาหลังโรงลิเก สีหน้าเป็นกังวล ชายชุดดำเดินไปอีกทาง
“มีอะไรเหรอพี่รักษ์”
รักษ์ร้อนใจมาก “พ่อชั้น...พ่อชั้นป่วยหนักมาก ตอนนี้อาการทรุด...แม่อยากให้ชั้นกลับไปดูใจพ่อ...ก่อนที่พ่อจะ...”
แฉะถาม “ตอนนี้เนี่ยนะ”
รักษ์พยักหน้าเศร้าๆ
สำเริงบอกทันที “ไปเถอะรักษ์”
“แต่...” รักษ์ห่วงคณะ
“ไปเถอะ กลับไปทำหน้าที่ลูก ตรงนี้ชั้นจัดการเองได้”
“ขอโทษด้วยนะน้าเริง”
รักษ์ถอดเครื่องประดับศีรษะส่งให้สำเริง แล้วรีบออกไป ทุกคนมองตามอย่างเป็นห่วง
“แล้วใครจะเล่นแทนพี่รักษ์ล่ะ”
สำเริงดูเครื่องประดับศีรษะในมือสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
วงปี่พาทย์บรรเลงเปิดเรื่อง เป็นฉากป่า เพชรรำป้อออกมาลีลาสวยงาม ใบหน้าหล่อน่าร๊าก ชาวบ้านปรบมือ ชี้ชวนกันดู ชื่นชม
แม้นมาศปรบมือยิ้มใหญ่ออกนอกหน้า ปลัดนั่งข้างๆ เหล่มองแล้วกระแอม แม้นมาศค้อน
ฝ่ายพริมเพิ่งเคยดูเพชรรำลิเกชัดๆ ครั้งแรก
เพชรรำเปิดตัวเสร็จไปหยิบดาบ
“ข้ามีใจรักกระบี่กระบองชอบประลองต่อสู้
จึงฝากตัวกับขรัวครู อาศัยอยู่กับพระฤษี
จริงแล้วข้าเป็นโอรส นามปรากฏว่าเพชรแท้แก้วมณี”
พริมอึ้งเลย เพิ่งเคยเห็นความสามารถด้านลิเกของเพชรแบบเต็มๆ ตาก็คราวนี้
บนเวที สำเริงออกโรงมาในมาดพระฤาษี มานั่งที่ตั่ง เพชรเข้าไปกราบ
“เจ้าชายเพชรแท้ เมื่อกี้ข้าเข้าฌาน เห็นว่าพระเชษฐาของเจ้ากำลังมาตามตัวเจ้ากลับเมืองไปแต่งงาน”
“แต่ข้ายังฝึกวิชาไม่สำเร็จเลยนะพระเจ้าตา”
“ข้าจะให้เวลาเจ้าไตร่ตรองว่าจะเลือกอย่างไหน ข้าขอไปทำธุระก่อน”
สำเริงออกจากฉากกลับเข้าหลังเวทีไป
ลูกดอก แฉะเตรียมชุดอีกชุดไว้รอท่า จริยา กับขนุน รอลุ้น
สำเริงเข้ามาถอดชุดโดยไวให้จริยารับมา ลูกดอก กะ แฉะรีบเข้าช่วยแต่งตัวเป็นตัวพระ
ความรีบร้อน เกิดความวุ่นวาย เช่น หนวดพันกับเลื่อม รูดซิปไม่ขึ้น
“เร็วเว้ย...เฮ้ยระวัง!...เบาๆ”
สำเริง ถอดไป แต่งไป แล้วก็เดินไปอีกฝั่งของเวทีไปด้วยควบสองบทบาท
เพชรเล่นบทเจรจาอยู่ “ถ้าพี่ชายเรามาตามเรากลับ เราจะทำอย่างไรดี”
สำเริงออกมา ในสภาพชุดแต่งไม่ค่อยเรียบร้อย
“เพชรแท้น้องรัก ในที่สุดข้าก็ตามเจ้าจนเจอ พระบิดามาให้ข้าตามตัวเจ้ากลับพระนคร”
สำเริงออกมาในชุดฤาษี
“ฝากไปบอกพี่ชายเจ้าด้วยว่าเพราะเจ้ายังเรียนวิชาไม่ครบกระบวน ถ้าหยุดกลางครันจะเป็นอันตรายต่อตัวเจ้าเอง”
สำเริงรีบเข้าหลังโรง
สำเริงแต่งตัวพระรอง คราวนี้ออกมาแบบชุ่ยๆ
“ฝากบอกพระฤษีด้วยว่า เจ้าต้องกลับไปอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงจินตรา ถ้าไม่เช่นนนั้นก็อาจเกิดศึกระหว่างเมืองได้ ถ้าพระฤษีไม่อนุญาต เห็นทีข้าจำเป็นต้องใช้กำลัง”
สำเริงแต่งฤาษี งวดนี้ลืมใส่หนวดออกมา
“ฝากบอกพี่ชายเจ้าด้วยว่า...”
ลูกดอก ออกมายื่นหนวดให้สำเริงแล้วรีบผลุบกลับเข้าไป สำเริงใส่หนวดต่อหน้าคนดู กลายเป็นคนดูหัวเราะชอบใจ
“เห็นว่าข้าแก่ล่ะสิถึงได้พูดอย่างนี้ ได้ อยากรู้เหมือนกันว่าคนหนุ่มฝีมือเป็นจะยังไง”
อีกฟาก บุญหลง เอื้อย อรชร ชาติ แชมป์ รออยู่ที่มุมหนึ่งของเวทีมวย เสียงวงปี่กลองแว่วมา เสียงเชียร์มวยดังเฮ้วๆ
“หลง โทร.ตามซิ”
บุญหลงกำลังจะหยิบโทรศัพท์ เสียงหัวเราะของใครคนหนึ่งดังขึ้นแว่วมา
“เดี๋ยวๆ ทุกคนฟังสิ” เอื้อยเงี่ยหูฟัง
บุญหลงจำได้ “เสียงหัวเราะนี่มัน”
แชมป์มั่นใจมาก “ใช่แล้ว”
ชาติบอก “ทุกคนระวังตัวด้วย”
เงาสลัวๆ ของใครคนหนึ่งกำลังหัวเราะเดินเข้ามา มีชายฉกรรจ์เดินตามอีก 3 คน
เสียงหัวเราะชัดขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับร่างนั้นค่อยๆ ชัดขึ้น อรชร เอื้อย บุญหลง ชาติ และแชมป์ ยิ่งระวังตัว
ร่างทั้ง 4 เดินเข้ามาในแสงไฟ เห็นเป็น เมฆดำ จีบัน และ เม่นกับเก้ง
เมฆดำเห็นพวกอรชรก็แสยะยิ้ม จีบันเองก็หน้าตาดูมีเลศนัย เม่นกับเก้ง กร่างมาดนักเลง
“ฮะๆ ฮ่า นึกว่าใคร ที่แท้ก็พวกค่าย ศ.อรชร มาหลบมุมกันอยู่ตรงนี้นี่เอง สบายดีนะแม่อรชร” เมฆดำทัก
“ถ้าไม่สบายชั้นก็คงจะนอนอยู่บ้าน ไม่พานักมวยมาเยือนเวทีเมฆดำถึงที่นี่หรอก”
“แหม ยังปากคมเหมือนเดิม...อ้าว พี่ชาติ กับน้องแชมป์ แข้งขาไปโดนอะไรมาล่ะนั่น” เมฆดำเยาะเย้ยในที
แชมป์บอก “ซ้อมมวยเล่นแล้วเผลอแรงไปหน่อย ขอบใจนะที่เป็นห่วง”
“อายุเยอะแล้วก็อย่างนี้แหละนะ ระวังหน่อยแล้วกัน กลัวว่าถ้าพี่ชาติ น้องแชมป์ พิกลพิการไป แล้วจะไม่มีคนปั้นนักมวยเก่งๆ มาชกกับนักมวยค่ายชั้นน่ะสิ อ้อ แล้วไหนล่ะนักมวยใหม่ที่จะขึ้นชกคืนนี้” เมฆดำเยาะหยันพลางสอดตามองหา
อรชร เอื้อย บุญหลง ชาติ แชมป์ มองหน้ากัน พยายามเก็บอาการ
“ของดีก็ต้องอุบไว้ก่อน เอาไว้รอดูบนเวที”
“ได้ จะรอดู อยากรู้เหมือนกันว่าเด็กปั้นใหม่ของ ศ.อรชร ฝีมือจะขนาดไหน ถึงขนาดกล้าเอามาเปิดตัวที่เวทีของเมฆดำ ชั้นขอเอาไอ้จีบันไปเตรียมตัวก่อนนะ ยังไม่รู้เลยว่าวันนี้ใครจะเป็นผู้โชคร้ายมาให้มันเชือด ฮ่าๆๆ”
พวกเมฆดำเดินออกไปท่าทางสบายใจ เมฆดำหัวเราะไปตลอดทาง
อรชร เอื้อย บุญหลง ชาติ และ แชมป์ กังวลทั้งแถบ
อ่านต่อหน้า 4
ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 7 (ต่อ)
ขนุนร่ายรำออกมาอ่อนช้อยและสวยงาม แต่คราวนี้นางเอกมีไฝติดตรงหางตาเม็ดใหญ่ คนดูปรบมือเกรียว คุณปลัดปรบมืออกนอกหน้า แม้นมาศเหล่ไม่พอใจ
ปลัดมองฉงน “เอ๊ะ เมื่อกี้ยังไม่มีไฝนี่”
พริมเขม้นมอง คุ้นหน้า แต่นึกไม่ออก ก็เลยไม่ติดใจอะไร
ขนุนนั่งตั่ง จริยานั่งพื้นข้างๆ
“ชีวิตข้าน่าสงสาร ต้องแต่งงานกับคนไม่รัก
หน้าตารึก็ไม่รู้จัก ใจร้ายเหมือนยักษ์หรือไม่
วันนี้เขาจะมา หวั่นอุราอยู่ข้างใน”
เวลาผ่านไป การแสดงยิ่งเข้มข้น
เพชรกำลังเจรจาเกี้ยวขนุน ลูกดอกอยู่ข้างเพชร จริยาอยู่ข้างขนุน
สำเริงแต่งพระรอง แอบดูอยู่ ท่าทางเศร้า แฉะอยู่ข้างสำเริง
“ถ้าข้ารู้ว่าคนที่จะต้องแต่งงานด้วยคือเจ้า ข้ากลับมาตั้งนานแล้วล่ะ ไม่หลงไปอยู่ในป่าเสียตั้งนานหรอก”
ฝ่ายพริมกำลังคุยโทรศัพท์กับเอื้อย
“กลางเรื่องแล้ว พระนางจีบกันอยู่ คงอีกซักครึ่งชั่วโมงก็จบแล้วมั้ง”
เวลาล่วงเลยไป
ถึงตอนสำเริงกำลังทะเลาะกับเพชร มีขนุนอยู่ตรงกลาง
“เจ้าเป็นพี่ชายประสาอะไร แย่งได้แม้กระทั่งเมียน้องชายตัวเอง ถ้าข้าปล่อยเจ้าไป ก็อย่าเรียกข้าว่าเพชรแท้เลย”
เพชรกับสำเริงเปิดฉากต่อสู้กัน ขนุนร้องห้าม
พริมกำลังคุยโทรศัพท์รายงานเอื้อยที่โทร.มาตาม
“ตอนนี้กำลังฟันกันอยู่ ใกล้จะจบแล้ว”
บนเวทีสำเริงถูกแทงนอนตายอยู่ที่พื้น ขนุนเข้าไปจับมือสำเริง ร้องไห้โฮ
“ข้าเพิ่งรู้ใจตัวเองก็วันนี้ ว่าจริงๆ แล้วข้ารักท่าน หาใช่เพชรแท้ไม่ ข้าขอโทษ”
ขนุนหยิบดาบขึ้นมาแทงตัว
“ข้าขอตามไปอยู่กับท่าน”
ขนุนฟุบตายบนตัวสำเริง
คนดูอิน ฟิน แต่เศร้า บางคนร้องไห้ตามก็มี
“จินตรา ทำไมเจ้าทำแบบนี้ โธ่” เพชรคร่ำครวญ
พริมร้อนใจลุกขึ้นลุ้น อยากจะวิ่งไปอุ้มเพชรลงมาเดี๋ยวนี้เลย
เวลาผ่านไปอีก เพชร ขนุน สำเริง ลูกดอก แฉะ และจริยา ออกมายืนเรียงหน้าเวที ลาคนดู ปี่พาทย์บรรเลงส่ง เพชรชะเง้อมองไปยังพริมอย่างร้อนรน
พริมยืนอยู่รออยู่อย่สางร้อนใจ
“และขอได้รับคำขอบคุณจาก พวกเราชาวคณะเพชรสำเริง บันเทิงศิลป์มา ณ โอกาสนี้ด้วย ขอขอบคุณเจ้าภาพ ท่านปลัด และคุณนายแม้นมาศ ติดตามลิเกของเราได้อีก 2 คืน เวลาและสถานที่เดียวกันนี้ ขอบคุณครับ”
ทันทีที่แฉะประกาศจบ เพชรไหว้ลาแล้วรีบกระโดดลงเวทีวิ่งไปหาพริมโดยไว พริมขึ้นคร่อมรถสตาร์ตเครื่อง
“เร็วเข้า อีกไม่กี่คู่ก็ถึงตาเธอชกแล้ว”
เพชรรีบวิ่งตรงมา แฟนคลับกรูมาหาเพชร รวมทั้งแม้นมาศและลิลลี่
“เล่นดีมากเลยจ้ะน้องเพชร ชั้นนี่เสียทิชชู่ไปหลายห่อเลย”
“พี่เพชร นังจินตราไม่รักพี่เพชรก็ไม่เป็นไรนะ ยังมีลิลลี่อยู่นะจ๊ะ” ลิลลี่อินเวอร์
ป้า 1 ปลื้ม “ดูใกล้ๆ แล้วหล่อกว่าบนเวทีอีกเนาะ”
เพชรละล้าละลัง เกรงใจเอฟซี “จ้ะๆ ขอบคุณจ้ะ”
ป้า 2 มาจ่อคิว “ขอถ่ายรูปหน่อยนะ จะเอาไปอวดหลาน”
ป้า 2 ยกโทรศัพท์ขึ้นเซลฟี่กับเพชร
พริมยืนมองร้อนใจจะตายอยู่แล้ว
ป้า 1 ขอมั่ง “ชั้นขอถ่ายด้วย ขอยืมกล้องหน่อยสิเอ็ง”
ป้า 2 ถ่ายรูปให้ป้า1
“พอๆๆ ตาชั้นมั่ง”
แม้นมาศกำลังจะยกกล้องถ่าย พริมเข้ามาดึงตัวเพชรไป
“ขอโทษนะป้า กำลังรีบ”
พริมลากเพชรไปขึ้นรถเครื่อง บึ่งออกไปเร็วจี๋ ท่านกลางความงุนงงของบรรดาแฟนคลับ
ลิลลี่กรี๊ด เต้นเร่าๆ “แอร๊ย... นังพริม! คาบไปซะแล้ว”
ที่เวทีบ้านเหนือ อรชร ชาติ แชมป์ รอพริมกับเพชรอย่างร้อนใจ เอื้อยกำลังกดโทรศัพท์หาพริม
“พริมไม่รับสาย”
แชมป์บอก “อาจจะกำลังขี่รถอยู่”
ชาติว่า “หรือไม่ก็แบตหมด”
บุญหลงวิ่งเข้ามา
“คู่นี้ชกเสร็จก็จะตาเราแล้ว เอาไงดี”
อรชรนั่งไม่ติด เอื้อยโทร.ติดแล้ว
“ฮัลโหล ฮัลโหล อยู่ไหนกันแล้ว”
พริมขี่รถเร็วราวกับจะบิน เพชรยังอยู่ในชุดลิเกเต็มยศซ้อนท้าย กำลังคุยสายจากเอื้อย
“ใกล้แล้วจ้ะ อีก 10 นาทีถึง จ้ะๆ รีบที่สุดแล้วจ้ะ” เขาวางสายบอกพริมว่า “พริม เค้าบอกว่าใกล้ถึงตาชั้นแล้ว”
พริมเร่งเครื่องแรงขึ้นอีกแทบจะบินไป
บนเวทีมวยบ้านเหนือตอนนี้ มีคนขึ้นไปถูคราบเหงื่อคราบน้ำ คนดูรอบๆ รอดูคู่ชกต่อไป เสียงโฆษกประกาศ
“มวยคู่ต่อไปเป็นที่น่าจับตามาก นักมวยหน้าใหม่จากค่าย ศ.อรชร มาในน้ำหนัก 80 กิโลกรัม ถือว่าใหญ่ยักษ์เลยทีดียว ส่วนจะได้จับคู่ชกกับใครนั้น ต้องรอลุ้นตอนจับฉลาก ตอนนี้ขอเวลาเคลียร์เวทีสักครู่”
อรชร เอื้อย บุญหลง ชาติ แชมป์ ที่ยืนรอร้อนใจอยู่ เมฆดำเดินมาหา พร้อมเก้งกับเม่น และไข่เค็ม
“แม่อร นักมวยของแม่อรอยู่ไหน ยังไม่ไปเตรียมตัวอีก หรือว่าสละสิทธิ์ไปแล้ว”
“รออีกหน่อยเถอะ เค้าติดธุระกำลังมา”
“อีกหน่อยนี่นานแค่ไหน มีคู่อื่นเค้ารอชกต่ออีกนะ ถ้าไม่มาภายใน 1 นาทีนี้ก็คงต้องให้แพ้บาย”
คำพูดเย้ยของเมฆดำทำเอาอรชรกลุ้มหนัก
คนดู 1มองไปเห็น “เฮ้ย ลิเกหลงโรงเว้ยเฮ้ย”
อรชร เอื้อย บุญหลง ชาติ แชมป์ เมฆดำ และคนแถวนั้นมองตามเป็นตาเดียว
ทุกคนเห็นพริมกับเพชรในชุดลิเกเต็มยศวิ่งเข้ามา
เพชรหอบแฮก “มาแล้ว โอย ถ้ามีวิชาหายตัวเหมือนลิเกที่เล่น ก็คงจะดีเนาะ”
“ยังจะพูดมากอีก รีบเข้าไปเตรียมตัว ด่วนเลย! พี่ชาติ พี่แชมป์ ฝากด้วยนะ”
เพชรกับพริมเห็นไข่เค็มอยู่ข้างเมฆดำก็จำได้ กำลังจะทัก ไข่เค็มรีบจุ๊ปาก
“เพชร มาเตรียมตัวทางนี้”
บุญหลง พาเพชรไปเตรียมตัว ชาติ กะ แชมป์ ตามไปเป็นพี่เลี้ยง
“แม่อรอย่าบอกนะว่า ฮ่าๆๆๆ นี่เล่นตลกอะไรกันเนี่ยแม่อร ขาดนักมวยจนถึงขั้นต้องไปจับลิเกมาชกเหลยเหรอ ฮ่าๆๆ” เมฆดำหัวร่อ พูดจาดูแคลน
“หัวเราะไปเถอะพ่อเมฆ คอยดูเอาเองแล้วกัน”
“จ้ะ ชั้นจะรอดู หวังว่าคงไม่ได้มาต่อยกันหลอกๆเหมือนอย่างในลิเกนะ ฮ่าๆๆ”
เมฆดำขำก๊ากเดินออกไป เก้ง กะ เม่นตาม
พริมสงสัย “ตกลงเพชรได้ต่อยกับใคร”
“ยังไม่รู้ ต้องรอจับฉลาก”
อรชรมีสีหน้าเป็นกังวลมาก
เพชรถอดชุดลิเก สวมกระจับ สวมกางเกงมวย ขึ้นนอนบนเตียงนวด ชาติ แชมป์นวดให้ จากนั้นพันผ้าพันมือ ผืนเดิมที่พริมให้ พอเสร็จจึงสวมนวม ชาติสวดคาถาแล้วสวมมงคลให้ เป่ากระหม่อม สวมกระเจียดรัดแขนเรียบร้อย
พวกพริม อรชร เอื้อย อยู่ล่างเวทีฝั่งแดง เมฆดำ เม่น เก้ง ไข่เค็ม นั่งดูอยู่ด้านหนึ่ง บุญหลง ชาติ และ แชมป์เข้ามาสมทบกับพวกอรชร
บนเวทีมีโฆษกกำลังทำหน้าที่
“และคู่ต่อไปที่จะทำการชก ได้แก่นักมวยหน้าใหม่ใสสดซิงนามว่า เพชร ศ.อรชร!”
เพชรออกมา ใบหน้ายังแต่งลิเกเต็มไม่มีเวลาลบ เพชรปีนขึ้นเวที คนดูหัวเราะขำยกใหญ่
“พี่แชมป์ ทำไมไม่ล้างหน้ามันก่อนล่ะ” อรชรโวย
“ก็มันรีบ ไม่มีเวลาล้าง”
เมฆดำแสยะยิ้มขำ เม่น กะ เก้ง ก็ขำ
“ชั้นว่าไปตั้งแต่ยกแรก ว่ามั้ยพี่” เม่นสอพลอ
“ชั้นว่านาทีแรกมากกว่า” เมฆดำบอก
บนเวทีเพชรเต้นอบอุ่นร่างกาย ไม่สนเสียงหัวเราะ
โฆษกล้อเลียน “นี่ไม่ทราบว่าชื่อเต็มๆ ว่าเพชรพริ้ง หรือเพชรพลอยกันแน่ฮะ”
พวกอรชรโกรธ พริมนึกได้ทันควันตะโกนไปว่า “เพชรแท้ เค้าชื่อเพชรแท้ ศ.อรชร”
“อ้อ เขียนตกไปนะครับ จริงๆ ชื่อเพชรแท้ ศ.อรชร แต่จะเพชรแท้หรือเพชรเทียมต้องมาคอยดูกัน เดี๋ยวเรามาลุ้นกันนะ ว่าน้องเพชรแท้จะได้ชกกับใคร”
มีคนส่งกล่องใส่ฉลากให้โฆษก โฆษกโชว์ให้ดูว่ามือว่างเปล่าว๊อย เอามือลงคนๆ แล้วจับฉลากชูขึ้นเปิดอ่าน
“และคนที่จะมาชกกับเพชรแท้ ศ.อรชร ก็คือ...” โฆษกอ่านฉลาก
“จีบัน เมฆดำยิม”
อา...คู่ชกเปิดซิงเพชรแท้ ศ.อรชร คือ นักชกฉายา เพชฌฆาตร้อยศพ!
อ่านต่อตอนที่ 8