“จา พนม” โกอินเตอร์สมใจ
“เอกชัย” ดันครบสูตรดราม่าบู๊ระห่ำ
เคยนั่งแท่นเป็นผู้กำกับภาพยนตร์มาหลายเรื่องและเรื่อง “บิวตี้ฟูลบ๊อกเซอร์” น่าจะเป็นอีกหนึ่งสำคัญที่ทำให้ผู้กำกับ “เอกชัย เอื้อครองธรรม” เป็นที่รู้จักในวงการและกรุยทางให้ได้นั่งแท่นเป็นผู้กำกับภาพยนตร์หลากหลายแนวร่วมถึงเรื่องนี้ด้วย “คู่ซัดอันตราย”
จุดเริ่มต้นของภาพยนตร์ “คู่ซัดอันตราย”
“เริ่มมาจากโปรดิวเซอร์ที่อเมริกาและ ดอล์ฟ (ดอล์ฟ ลันด์เกรน - Dolph Lundgren) ได้ดูหนังของผมเรื่อง “ บิวตี้ฟูลบ็อกเซอร์” และ ประกอบกับ ดอล์ฟ เขาเองมีบทภาพยนตร์เรื่องหนึ่งอยู่ในมือแต่ยังไม่มีจังหวะได้นำออกมาสร้างเป็นภาพยนตร์สักทีแล้วตอนนั้นเขาก็มองหาและคิดว่าผู้กำกับภาพยนตร์คนไหนที่น่าจะเหมาะสมกับบทภาพยนตร์ของคน และประกอบกับลูกสาวของดอล์ฟเองก็บอกพ่อว่าต้องทำงานกับผู้กำกับภาพยนตร์คนนี้ หลังจากได้ดูภาพยนตร์ของผม เขาเลยให้ทางโปรดิวเซอร์ติดต่อมาและให้ไปนัดพูดคุยกันที่แอลเอ”
“คู่ซัดอันตราย” เป็นภาพยนตร์สัญชาติอะไร
“95 % เป็นภาพยนตร์ไทยครับ ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่ตั้งใจที่ผลิตงานออกมาเพื่อให้มีศักยภาพที่สามารถไปได้ไกลในตลาดโลกได้ด้วย ซึ่งทางโปรดิวเซอร์ขาก็ทำสำเร็จนะครับ เพราะตอนนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกซื้อไปจัดจำหน่ายเกือบ 100 ประเทศทั่วโลกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง เอเชีย ซึ่งรวมถึงประเทศจีนด้วย ซึ่งในหลายๆ ส่วนที่ทำให้ภาพยนตร์แข็งแรงน่าจะมาจากนักแสดงในเรื่องที่มีศักยภาพอาทิ “จา” ที่ประกบกับแอ็กชั่นไอคอนอย่าง “ดอล์ฟ ลันด์เกรน” (Dolph Lundgren) จาก Rocky 4 และ The Expendables และ “ไมเคิล ไจ ไวท์” ( Michael Jai White) จากThe Dark Knight และ Spawn รวมถึงดาราเจ้าบทบาทอย่าง “รอน เพิร์ลแมน” (Ron Perlman) จาก Hell boy และ “ปีเตอร์ เวลเลอร์” (Peter Weller) จาก Robocop และนางเอกของจาในเรื่องอย่าง “เซลิน่า เจด” (Celina Jade) จากซีรี่ส์ดัง Arrow ที่ได้รับการโหวตเป็นหนึ่งในดาราสาวสายแอ็กชั่นที่เซ็กซี่ที่สุดในโลกโดย Maxim ก็ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูอินเตอร์และเรียกความสนใจให้กับคอภาพยนตร์บู๊ได้เป็นอย่างดี”
ทำงานระดับอินเตอร์ตรงนี้มีกังวลอะไรบ้างมั้ย
“ผมว่าผมโชคดีนะครับที่ทางผู้สร้างบริษัทไทยอย่าง “SC International Pictures” ตั้งใจอยากเห็นศักยภาพของคนไทยในการผลักดันหนังไทยสู่ตลาดโลก ในส่วนของทีมงานนอกจากผมที่ทำหน้าที่ผู้กำกับการแสดงแล้วยังให้ผมระดมคนเก่งๆ มือหนึ่งของเมืองไทยมาเป็นทีมเสริมอีกด้วยทั้ง “เอก เอี่ยมชื่น” มาทำ Production Design ผู้กำกับภาพ“Ben Nott” จากออสเตรเลียของเรื่อง Daybreakers ที่อีธาน ฮอว์ก แสดง ก็มาร่วมถ่ายภาพทำงานแท็กทีมกับตากล้องไทยอย่าง “น้ากล้วย - ณัฐวุฒิ กิตติคุณ” ส่วนด้านตัดต่อเป็น “Victor Du Bois” มือตัดต่อหนังเรื่อง Last Samurai และ Brave heart ด้านคอสตูมดีไซน์เป็นพี่ “นิรชรา วรรณาลัย” ที่เคยร่วมงานกับลุค เบซองมาแล้วในเรื่อง The Lady ก็มาดูแลงานเสริมทีมอย่างใกล้ชิดให้”
เหตุผลที่ตัดสินใจรั้งตำแหน่งผู้กำกับภาพยนตร์ “คู่ซัดอันตราย”
“ก่อนที่ผมจะตัดสินใจทำงานผมเองก็อ่านบทอยู่หลายครั้งพออ่านแล้วก็เห็นว่ามันเป็น Genre ที่ไม่เคยทำมาก่อน มันเป็นภพยนตร์แอ็กชั่นตลาดๆ เต็มรูปแบบ แต่ขณะเดียวกันก็ประกอบไปด้วยคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจที่ผมน่าจะทำให้มีมิติได้ดีไปพร้อมกับบทภาพยนตร์ ซึ่งในด้านธีมผมมองว่ามันน่าสนใจเพราะเป็นเรื่องของตัวละครที่มีบาดแผล ทั้งสดและที่อยู่ลึกๆ และการจัดการกับบาดแผลในชีวิตของพวกเขา และแน่นอนสิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นคือการที่จะได้ร่วมงานกับ “จา” ตอนที่อ่านบทผมรู้สึกว่าเมื่อจะมีโอกาสได้เห็นมุมอื่นๆ ที่จะพัฒนาในตัว“จา” ในหนังเพราะนอกจากแอ็กชั่นแล้วยังมีซีนดราม่า , ตลก และเลิฟซีนกับนางเอกอีกด้วย การได้ร่วมงานกับดารามากฝีมือและทีมงานจากฮอลลีวู้ดก็เป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจสำคัญ เพราะผมจะได้มีโอกาสเรียนรู้จากพวกเขาด้วยทั้งเรื่องของงานและแวดวงการภาพยนตร์รวมถึงมิตรภาพที่จะสัมผัสได้จากการทำงาน
ความน่าสนใจอื่นๆ ของ “คู่ซัดอันตราย”
“เป็นการรวมตัวกันของตัวของแอ็กชั่นสตาร์ทั้งระดับฮอลลีวู้ด และเมืองไทยไว้ด้วยกัน ซึ่งแต่ละคนก็มีสไตล์เป็นของตัวเอง อย่าง “จา” ก็จะเป็นสายมวยไทย สวยงามแต่ดุดัน เข้มข้น “ไมเคิล ไจ ไวท์” ก็จะเป็น สายโคคุชิน รุนแรงและรวดเร็วแบบสายฟ้าแลบ หรืออย่าง “ดอล์ฟ” ก็จะเป็นแบบร็อกกี้ มวยสากล ถาโถมจัดหนัก ในภาพยนตร์เรื่องนี้ผมวางให้ฉากแอ็กชั่นต่างๆ มาในจุดที่ตัวละครไม่สามารถจะใช้เพียงคำพูดในการสื่อสารกันได้แล้ว อารมณ์และความรู้สึกของพวกต้องได้เดินทางมาถึงจุดที่ปรอทแตกเดือด จนต้องระห่ำใส่กันด้วยพลังและการต่อสู้ด้วย”
พอต้องมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์แอ็กชั่นแล้วเป็นอย่างไงบ้าง
“เรื่องนี้เป็นแอ็กชั่นระห่ำที่สุดที่ผมเคยทำมา และโชคดีที่ตัวเนื้องานถูกล้อมรอบด้วยทีมงานที่เก่งมาก ๆ อย่างฉาก เฮลิคอปเตอร์ระเบิด เขาก็จะมีระบบที่เซฟตี้มาก ๆโดยมีทีมที่ทำ The Expendables มาจัดการร่วมกับทีมงานของไทย มีฉากยิงกันมีเยอะมาก ซึ่งในภาพยนตร์ถ้าหากอยากได้อะไรก็คิดและบอกภาพที่เห็นในใจกับทีมงาน แล้วพวกเขาก็ทำให้มันเกิดได้อย่างที่ต้องการ”
สุดท้ายอยากให้ฝากถึงผลงานล่าสุดและความมุ่งหวังของคนดูจาก “คู่ซัดอันตราย”
“ผมว่าคาดหวังที่จะให้คนดูเห็นถึงศักยภาพของทีมงานไทย อยากให้ประทับใจ ได้เห็นคนดูเห็นมิติต่างๆของนักแสดงที่เล่นในหนังเรื่องนี้ ในส่วนของรายได้ ณ จุดนี้ผมคิดว่าหนังขายได้ทุกประเทศก็ถือว่าผ่านแล้วไม่ต้องกังวล เพราะเดี๋ยวนี้ภาพยนตร์ขายกันไม่ง่าย ขายยากมาก ขนาดหนังเกาหลีดีๆ บางเรื่องยังขายในตลาดอินเตอร์ไม่ได้ ตลาดภาพยนตร์เดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ซื้อขายกันคล่อง ทีมงานทุกคนทำเรื่องนี้ด้วยความตั้งใจและผลลัพธ์จะออกมาเป็นที่พอใจคนดูหรือไม่มาถึงจุดนี้ ณ ตอนนี้ ผมว่ามันน่าภูมิใจแทนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยนะครับ และอย่าลืมไปชมกัน “คู่ซัดอันตราย” 23 เม.ย. นี้ทุกโรงภาพยนตร์”