xs
xsm
sm
md
lg

ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 3

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 3

จากเหตุการณ์ชีเปลือยหมู่ในค่ายมวยเมื่อคืน เพชรเลยถูกพริมลงโทษให้ขัดส้วมในวันถัดมา โดยเวลานี้พริมยื่นแปรงให้อยู่หน้าส้วมด้านหลังค่าย

“ชั้นมาสมัครเป็นนักมวย ไม่ได้มาเป็นแม่บ้าน ถูเวทีมวยชั้นพอเข้าใจได้ แต่ขัดส้วมนี่ชั้นว่าไม่ใช่แล้ว” เพชรฮึดฮัด
“นักมวยทุกคน ต้องผ่านการขัดส้วมมาก่อนทั้งนั้น ถ้าเธอไม่ขัดส้วม ก็เป็นนักมวยไม่ได้” พริมว่า
“ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย”
“เกี่ยวสิ”
เพชรกะพริมโต้กัน “ไม่เกี่ยว” และ “เกี่ยว” อยู่เป็นนานสองนาน
จนเพชรบอกว่า “เกี่ยว” แล้วพริมเป็นคนบอกว่า “ไม่เกี่ยว” ซะเอง
เพชรหัวเราะฮ่าๆๆชอบใจ ที่สุดท้ายพริมดันบอกว่าไม่เกี่ยวแทน
“เกี่ยวโว้ย” พริมโมโหสุดขีด
“อ่ะ เกี่ยวก็เกี่ยว...แต่ชั้นขัดไม่เป็นอ่ะ เธอขัดให้ดูก่อนซิ”
พริมรู้ทัน “หึ ชั้นไม่ได้โง่ เธอจะมาหลอกใช้ชั้นขัดใช่มั้ย”
เพชรท้า “เธอนั่นแหละที่หลอกชั้น จริงๆ แล้วเธอขัดไม่เป็นละซี่”
พริมแค้นบอกทันที “เป็น”
“งั้นก็ทำให้ดู”
“ไม่”
“งั้นก็แปลว่าไม่เป็น”
“เป็น” พริมยืนกราน
เพชรท้าอีก “ไม่เป็น”
สองคนหันมาทะเลาะว่า “เป็น” กะ ไม่เป็น” แทน
และพอเพชรบอกว่า “เป็น”
พริมกลับหลงกลบอกว่า “ไม่เป็น”
พริมโมโหเอาแปรงขัดส้วมปาใส่เพชรอย่างเสียอารมณ์
“ถ้ายังจะกวนประสาทชั้นอยู่อีก ชั้นจะบอกน้าอรให้ไล่เธอออกไปจากค่าย”
พริมเดินหนีออกไป เพชรหัวเราะขำ ชอบใจ สุขใจ ที่ได้ต่อปากต่อคำกับ แม่ พริมพยัคฆ์ ศ.อรชร

อีกมุมในค่ายมวยเย็นวันนั้น คอห่านวางอยู่ตรงหน้าพวกบ้านลิเก อันมีรักษ์ ลูกดอก แฉะ จริยา และสำเริง
“เผอิญว่าช่วงนี้นักมวยในค่ายจะต้องซ้อมหนักเตรียมตัวไปชกที่ลุมพินี ก็เลยไม่มีคนเปลี่ยนโถส้วมให้ ชั้นว่างานนี้คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงพวกพ่อเริงหรอกนะ”
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ว่าพวกเราเป็นลิเกให้เราทำงานที่เราถนัดดีกว่า” สำเริงว่า
“ให้พวกเราร้องรำทำเพลง สร้างความบันเทิงให้กับนักมวยก็ได้นะ พวกเค้าจะได้ผ่อนคลายไม่เครียดไง คนเรามันก็ต้องพักผ่อนกันบ้าง” จริยาออกไอเดีย
“นักมวยค่ายเราพักผ่อนด้วยการเตะตะกร้อ เตะฟุตบอล เล่นกีฬา ไม่เสียเวลาไปกับความบันเทิงไร้สาระ” เอื้อยลอยหน้าชวนถูกตบ ดูแคลน
สีหน้าพวกลิเกไม่พอใจ
อรชรสำทับท้าทาย “แต่ถ้าพวกพ่อเริงเปลี่ยนโถส้วมไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ ถ้าใช้ดอกด้วยแรงไม่ได้ ก็คงต้องใช้ด้วยเงิน”
“ได้จ้ะได้ เดี๋ยวพวกเราทำให้จ้ะ” รักษ์กลัวเรื่องบานปลายรีบรับปาก
อรชรยิ้มร้ายแล้วเดินออกไป เอื้อยจะตามออกไปแต่ขอทิ้งทวนมาดนางร้านซักหน่อย ระเบิดหัวเราะออกมา
“วะ ฮ่าๆๆๆ วะ ฮ่าๆๆ”
แฉะเรียกไว้ “เอื้อยจ๊ะ”
“อะไร”
“มานั่งให้ดูหน่อยสิจ๊ะ ว่าเวลาเค้านั่งส้วมเค้าต้องหันหน้าไปทางไหน พวกชั้นกลัววางผิดด้าน” แฉะบอก
“เชยจริงๆ พวกนี้ คงเคยแต่ไปทุ่งล่ะสิ” เอื้อยนั่งคอห่านให้ดู “นี่ ต้องหันด้านนี้ออก เวลาปล่อยระเบิดมันก็หล่นปุ๋งลงรูนี้พอดี”
“แล้วเวลาผู้ชายฉี่ล่ะ ต้องเข้าด้านไหน” ลูกดอกถาม
เอื้อยลุกขึ้นทำท่าให้ดู “ต้องยืนด้านนี้ แล้วก็เล็งให้ตรงหลุม”
ลูกดอกแกล้งถาม “ทำไมพี่เอื้อยรู้ล่ะ”
“ก็ชั้นแอบดูนักมวยมันฉี่บ่อยๆ เอ้ย ไอ้บ้า! ชั้นก็เดาๆ เอาแหละ”
เอื้อนอายหนีออกไปแทบไม่ทัน
“คนอะไร นั่งส้วมก็น่ารัก ยืนฉี่ยังน่ารักเลย”

แฉะมองตามตาเยิ้ม

เพชรขัดส้วมไปร้องลิเกอย่างสำราญ

“เป็นกษัตริย์ขัตติยา แต่ต้องมาขัดส้วม
ที่นี่ห้องน้ำรวม ต้องใช้ร่วมกับประชา
ทุกคนนั้นเท่าเทียม จอบเสียมไม่ต้องพกมา...
เตร๊ง เตรง เตร่ง เตร้ง เตรง เตร่ง เตร๊ง เตรง เตร่ง...”

เสียงรักษ์ เพชร ลูกดอก แฉะ จริยา และสำเริงคุยกันเข้ามา
“แกล้งเราชัดๆ ให้ทำอะไรไม่ให้ ให้มาเปลี่ยนโถส้วม” สำเริงคุมแค้น
เพชรได้ยินก็ชะโงกหน้าออกมาดู เห็นแฉะกับลูกดอกแบกคอห่านเข้ามาพร้อมกับคนอื่นๆ
พอเห็นสำเริง เพชรก็ตกใจ ดูแปรงขัดพื้นในมือตัวเอง แล้วรีบหลบเข้าห้องน้ำล๊อคประตู
“ถ้าพ่อรู้ว่าชั้นมาอยู่ค่ายมวยแล้วได้มาขัดส้วม พ่อด่าชั้นเละแน่”
ส่วนข้างนอกรักษ์บอกว่า “อย่าบ่นเลยพ่อเริง ก็เราเป็นหนี้เค้า ให้ทำอะไรก็ต้องยอม”
“แล้วพี่เพชรก็มาอยู่กินกับเค้าด้วย ยอมๆ ไปเถอะ เค้าจะได้เอ็นดูพี่เพชร... เออ ว่าแต่ตั้งแต่เราเข้ามา ยังไม่เห็นพี่เพชรเลยนะ” ลูกดอกมองหา
“เออจริง หรือว่ามันจะไปซุ่มซ้อมชกมวยอยู่ที่ไหนสักที่” แฉะพยักหน้าหงึกหงัก
“น้าชาติ น้าแชมป์อาจจะเอาไปฝึกพิเศษ จะได้เป็นเร็วๆ ขึ้นชกได้เร็วๆ” จริยาว่า
สำเริงตัดบท “ช่างหัวมันเหอะ เรารีบๆ ทำ จะได้รีบๆกลับ ไหน เค้าให้เปลี่ยนห้องไหน”
“ห้องที่ 2 นับจากซ้ายจ้ะ...อ้อห้องนี้” รักษ์ชี้บอก
รักษ์เดินนำไปยังห้องที่เพชรหลบอยู่ เปิดประตูไม่ออก
เพชรข้างใน ไม่รู้จะทำยังไง
“อ้าว มีคนอยู่เหรอ” รักษ์ร้องถาม
เพชรรีบดัดเสียงผู้หญิง “ใช่จ้ะ กำลังอึ๊อยู่”
แฉะหันมาพูดกันเอง “ผู้หญิงว่ะ” แล้วหันไปพูดกับคนในห้องน้ำ “แล้วเข้าไปใช้ได้ยังไง เค้าว่าส้วมมันพังไม่ใช่เหรอ”
เพชรดัดเสียงหญิงตอบ “เอ่อ ...ไม่เห็นพังนี่ พวกพี่กลับไปเถอะ”
“กลับไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องเปลี่ยน เค้าบอกให้เปลี่ยนห้องนี้” จริยาบอก
“งั้นพวกพี่ไปเดินเล่นก่อนสิ เดี๋ยวชั้นเสร็จแล้วชั้นออกไป”
“เดินเล่นในค่ายมวยเนี่ยนะ ไม่เอาล่ะ พวกชั้นรอตรงนี้แหละ”
พอพ่อบอกไม่ไป เพชรก็ยิ่งเครียด “ไม่ได้ เอ่อ คือชั้นอายน่ะ ชั้นไม่ชอบให้ใครรู้ว่าชั้นมาอึ๊”
“ทุกคนเกิดมาก็ต้องอึ๊ทั้งนั้นแหละ ออกมาเถอะ ไม่ต้องอาย” ลูกดอกว่า
เพชรจนใจแล้วไม่รู้จะทำยังไง เอาหลังไปพิงฝา ข้างๆ ดันมีจิ้งจกเกาะอยู่
เพชรผู้กลัวจิ้งจกเป็นชีวิตเลยหลุดร้องเสียงผู้ชาย “อ๊าก...”
รักษ์แปลกใจ “เฮ้ย ทำไมมีผู้ชายอยู่ด้วยล่ะ” รักษ์เคาะประตูถาม “เป็นอะไรรึเปล่า”
เพชรปิดปากเงียบ ไม่รู้จะทำไง
“หรือว่าเป็นพวกโรคจิตลากผู้หญิงเข้าไปข่มขืน เฮ้ยพวกเรา พังประตู” แฉะบอก
รักษ์ แฉะ ลูกดอก ช่วยกันพังประตู พอประตูเปิดออกเจอเพชรถือแปรงขัดส้วมอยู่ สำเริงเห็นก็อึ้ง
เพชรรีบโยนแปรงทิ้ง
“นี่น่ะเหรอ มาฝึกเป็นนักมวย”
สำเริงทำเป็นโกรธ ทั้งที่จริงๆ แล้วสงสารลูกชายยิ่งนัก เดินไปเอาเรื่องอรชร

อรชรทำเอกสารอยู่ในสำนักงาน สำเริงเปิดประตูเข้ามาพรวดพราด อรชรแปลกใจ
“แม่อรรับเพชรเข้าค่ายมาในฐานะอะไร”
“เพรชรเค้าสมัครเข้ามาในฐานะอะไร ชั้นก็เราเค้าเข้ามาในฐานะนั้นนั่นแหละ”
“เพชรมันมาสมัครเป็นนักมวย แต่ตอนนี้มันกำลังขัดส้วม”
“ก็ไม่เห็นจะแปลก เพชรมันมากินอยู่ที่นี่ฟรีๆไม่ได้หรอกนะ ตอนนี้ยังออกไปชกหาเงินไม่ได้ก็ต้องทำงานแลก เหมือนที่พ่อเริงมาซ่อมส้วมให้ชั้นไง”
“แล้วเมื่อไหร่เพชรมันถึงจะได้ชก”
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับเพชรแล้วล่ะ ว่าจะเป็นช้าเป็นเร็ว”
“หวังว่ามันคงไม่โดนแกล้งให้ขัดส้วมไปนานๆ นะ”

สำเริงแดกดันก่อนกลับออกไป

อ่านต่อหน้า 2

ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 3 (ต่อ)

ส่วนที่หน้าห้องน้ำเพชรท่าทางหงอยๆ ถูก รักษ์ ลูกดอก แฉะ จริยา ทุกคนผลัดกันถามไถ่อย่างเป็นห่วง

ลูกดอกโมโห “นี่เค้าใช้งานพี่ขนาดนี้เลยเหรอ”
“อือ”
“ไม่เป็นไรหรอก อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ...แล้วเค้าฝึกมวยให้ไปถึงไหนแล้ว” แฉะถามตอนท้าย
เพชรบอก “ยังไม่เริ่มเลย”
จริยายัวะ “เฮ้ย นี่มันแกล้งกันรึเปล่า งานก็ใช้ แต่ไม่ยอมฝึกมวยให้ แล้วจะทนอยู่ไปให้มันได้อะไรขึ้นมา”
“อย่าเพิ่งมองโลกในแง่ร้ายน่า เค้าอาจจะกำลังทดสอบความอดทนก็ได้” รักษ์ปลอบในที
“จริงๆ เค้าก็จะฝึกให้ชั้นแล้วแหละ แต่เค้าบอกว่ามันยังไม่ถึงเวลา”
ลูกดอกเซ็ง “แล้วเมื่อไหร่ล่ะ ถึงจะถึงเวลา”
“ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน ...ชั้นว่ายิ่งนานพ่อก็ยิ่งโกรธ เป็นลิเกดีๆ ไม่ชอบ แต่จะมาขัดส้วม”
“พ่อเริงเค้าไม่ได้โกรธแกอะไรมากมายหรอก แต่เค้าสงสารแกมากกว่า”
เพชรอึ้งเมื่อฟังรักษ์บอก “สงสารเหรอ”
นั่นทำให้เพชรรู้สึกแย่กว่าเดิม

ด้านลิลลี่นั่งเล่นเกมมือถืออยู่ในร้าน กล้า ขี่จักรยานมีเอี้ยงซ้อนท้าย เข้ามาที่ร้านกาแฟ
“อ้าว แปะไปไหนล่ะ จะเอากาแฟดำให้หลวงพ่อ” กล้ามองหา
“ไปเข้าห้องน้ำ รอแป๊บ”
“เธอชงให้ไม่ได้เหรอ ขี้เกียจรอ” กล้าว่า
“ชั้นไม่ชง กลัวน้ำร้อนลวก ผิวเสีย”
“พี่กล้าก็ชงเองเลยสิ”
“งั้นชั้นชงเองนะ”
“ชงเป็นก็เชิญ” ลิลลี่นั่งเล่นเกมมือถือ ไม่สนใจโลก
กล้าเข้าไปชงกาแฟเอง มองๆ อุปกรณ์ ก็งงๆ เพราะเป็นกาแฟโบราณ
“งงเหรอ มานี่ชั้นทำเอง” เอี้ยงบอก
“เฮ้ยอย่ายุ่งน่า ชั้นเคยดูอยู่หลายที ชั้นทำได้”
กล้าหยิบถุงตะเคียวที่พักอยู่ในกระป๋องไปจ่อใส่แก้ว
เอี้ยงท้วง “อย่าเพิ่ง มันต้องใส่ผงกาแฟลงไปก่อน”
“รู้น่า กำลังจะใส่อยู่นี่ไง”
กล้าอวดรู้ตักผงกาแฟใส่ถุงตะคียวไป 1 ช้อน ลังเลอยู่นิดๆ แล้วก็ตักใส่ไปอีก 4-5 ช้อน จากนั้นกล้าตักน้ำร้อนราดถุงตะเคียว น้ำไหลลงแก้วที่รองอยู่
“นี่ไง มันจะไปยากอะไรเล่า ตักน้ำแข็งมาซิไอ้เอี้ยง”
“ยัง พี่ต้องราดอีกทีนึง จะได้เข้มๆ”
“รู้น่า”
กล้าคุยโต เอาแก้วมาอีกใบ แล้วเทน้ำราดกลับไปกลับมาอยู่อีกหลายรอบ
ระหว่างนี้เอี้ยงตักน้ำแข็งใส่ถุง กล้าเอากาแฟเทใส่ แล้วเอาหนังยางรัดปากถุง
“ง่ายจะตาย ชั้นว่าชั้นเปิดร้านกาแฟแข่งกับแปะดีกว่า”
ลิลลี่เดินมา “10 บาท”
กล้าต่อรอง “ถุงนี้ชั้นจ่ายแค่ 8 บาท อีก 2 บาทถือว่าเป็นค่าแรงที่ชั้นชงเอง”
ลิลลี่ด่า “ไอ้เวร”
กล้าจ่ายเงินให้ ลิลลี่รับกลับไปนั่งเล่นเกมต่อ กล้ากับเอี้ยงกำลังจะกลับ
“พี่กล้า พี่ก็ต้องแบ่งชั้นบาทนึง เพราะชั้นช่วยตักน้ำแข็ง”
กล้าเบิ้ดกะโหลกเอี้ยงไปที “เอาไปทีนึงก่อนละกัน”
กล้ากับเอี้ยงขี่จักรยานออกไป

หลวงพ่อนั่งสมาธิอยู่บนกุฎี สัปหงกเป็นพักๆ มัคนายกน้อยนั่งอ่านหนังสือธรรมมะไป
เอี้ยงส่งเสียงดังนำมา “มาแล้ว! มาแล้ว! กาแฟมาแล้ว”
หลวงพ่อสะดุ้งแทบหงายหลัง เอี้ยงวิ่งตึงตังเข้ามา ตามมาด้วยกล้า
“บอกกี่ทีแล้วว่าอย่าเสียงดัง ข้านั่งสมาธิอยู่ สอนไม่จำ”
“นั่งสมาธิหรือหลับกันแน่หลวงพ่อ” กล้าแหย่
“ไอ้นี่ทะลึ่ง ไหนล่ะกาแฟ”
กล้ายื่นกาแฟให้คุ้ยฟุ้ง “นี่จ้ะ ชั้นชงเองกะมือเลยนะ”
“หา ชงเองกะมือ แล้วมันจะกินเข้าไปได้เหรอ” ตาน้อยสยอง
“อย่าดูถูกกันนะตาน้อย หลวงพ่อลองชิมสิ” กล้าบอก
“เอี้ยงก็ช่วยชงด้วยนะ”
หลวงพ่อส่ายหัว “จะไม่กล้ากินก็เพราะพวกเอ็งช่วยกันชงเนี่ยแหละ”
“ชิมก่อนสิหลวงพ่อ ปื๊ดเดียวจะติดใจ” เอี้ยงคะยั้นคะยอ
หลวงพ่อดูดกาแฟปื๊ดหนึ่ง แทบสำลัก กำลังจะพ่นพรวดออกมา แต่กล้าเอามืออุดปากหลวงพ่อไว้
“อย่านะหลวงพ่อ นี่ชั้นอุตส่าชงให้หลวงพ่อจากใจเลยนะ”
“ถ้าหลวงพ่อบ้วนทิ้งพวกเราจะเสียใจไปตลอดชีวิต” เอี้ยงเสริม
“โห มันพูดกันขนาดนี้แล้ว รสชาติเฮงซวยยังไงก็ต้องกลืนแล้วล่ะ”
หลวงพ่อจำใจกระเดือกลงคอ
“เฮ้ย ที่บ้านเอ็งมีไร่กาแฟรึไงวะ ทำไมมันขมขนาดนี้เนี่ย”
“เข้มข้นไงหลวงพ่อ จะได้นั่งสมาธิทนๆ ไม่หลับไปซะก่อน” กล้าบอก
“หลวงพ่อกินให้หมดด้วยนะ หลวงพ่อเคยสอนว่าอย่ากินทิ้งกินขว้าง”

หลวงพ่อหน้าเจื่อน จำใจดูดไปอีกปื๊ดหนึ่ง

ที่ค่ายมวยตอนเย็น แชมป์กับชาติ กำลังสอนมวยให้พริมกับขนุน ที่จับคู่ซ้อมกัน เพชรถือไม้กวาดทำเป็นกวาดๆ ค่อยเขยิบเข้ามา

“เก่งจังเลยพริม”
แชมป์คุย “ให้มันรู้ซะบ้างว่าลูกศิษย์ใคร”
ชาติหัวเราะ “ฮ่าๆๆ ก็รู้ศิษย์ชั้นน่ะสิ”
“อ้าวพี่ พริมมันลูกศิษย์ชั้น ลูกศิษย์พี่น่ะนังขนุน”
“นังขนุนมันลูกสาว” แชมป์ว่า
“เอาเถอะจ้ะ จะลูกศิษย์ใครก็เก่งจ้ะ ชั้นอยากเก่งอย่างนี้บ้างจัง” เพชรยิ้มประจบ
“งั้นมานี่ชั้นสอนให้”
พริมกับแชมป์รีบห้าม
“ไม่ด้าย ตัวอ่อนปวกเปียกแบบนี้ ยังสอนให้ไม่ได้หรอก”
“เดี๋ยวก็แขนเดาะขาเดี้ยงอย่างคราวที่แล้วอีก”
“แต่ถ้าซ้อมไปเรื่อยๆ ร่างกายมันก็จะแข็งแรงเองไม่ใช่เหรอ ชั้นว่าเริ่มซ้อมเลยดีกว่า ซ้อมกับชั้นเบาๆ ก่อนก็ได้” ขนุนบอก
“เฮ้ย ไม่ได้นะ ผู้หญิงจะซ้อมกับผู้ชายได้ไง” ชาติท้วง
“อ้าว ทีชั้นกับพี่พริมยังซ้อมกับพ่อกับน้าชาติได้เลย” ขนุนแย้ง
“เออว่ะ งั้นเอ็งก็ไปซ้อมให้เพชรมันที” แชมป์ชักงง
“เฮ้ย บอกว่ายังก็ยังซี่ ไอ้เพชร จะไปกวาดที่ไหนก็ไปไป๊ เกะกะ”
ถูกชาติไล่ตะเพิด เพชรเดินออกมาเซ็งๆ
“น้าชาติ อย่าลืมสิว่าเราจะไม่ฝึกมวยให้เพชรมัน มันจะได้รีบๆ กลับบ้านไป”
แชมป์นวดขมับให้ชาติ “จูนหน่อยพี่ชาติ”

คืนนั้นเพชรนอนก่ายหน้าผาก บุญช่วยนอนหลับไปนานแล้ว
เพชรนึกถึงเหตุการณ์ตอนบ่าย ตอนประตูเปิดออก เขาถือแปรงขัดส้วมอยู่ต่อหน้าพวกลิเก สำเริงเห็นก็อึ้ง เพชรรีบโยนแปรงทิ้ง
“นี่น่ะเหรอ มาฝึกเป็นนักมวย”
สำเริงโกรธ เดินออกไป
เพชรลุกขึ้นมานั่ง คิดเครียด นึกถึงตอนเห็นพริมกะขนุนซ้อมมวย
“เอาเถอะจ้ะ จะลูกศิษย์ใครก็เก่งจ้ะ ชั้นอยากเก่งอย่างนี้บ้างจัง”
“งั้นมานี่ชั้นสอนให้” ชาติว่า
พริมกับแชมป์รีบห้าม
“ไม่ด้าย ตัวอ่อนปวกเปียกแบบนี้ ยังสอนให้ไม่ได้หรอก” แชมป์อ้าง
“เดี๋ยวก็แขนเดาะขาเดี้ยงอย่างคราวที่แล้วอีก” พริมแดกดัน
เพชรลุกขึ้น เดินออกไปเงียบๆ ไม่ให้บุญช่วยตื่น

เพชรออกมายกน้ำหนักที่ยิมในค่าย เปิดไฟเพียงสลัวๆ เขาเล่นท่าด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ซิทอัพด้วยหน้าตามุ่งมั่น ตั้งใจ จนเหงื่อไหลโทรมกาย
เพชรพยายามยกลูกเหล็กที่หนักมาก ยกไม่ขึ้นก็ยังพยายามฝืน
ลูกเหล็กตกใส่หัวแม่โป้งเท้า เพชรจะร้องแต่ก็เอามือตัวเองมากัดไว้ไม่ให้ร้อง
เวลาผ่านไป เพชรเล่นจนเหนื่อย หมดแรง ล้มนอนแผ่
ระหว่างนี้ขนุนย่องเข้ามา มองซ้ายมองขวา กลัวใครจะเห็น ขนุนเดินมาเจอเพชรนอนแผ่อยู่ก็ตกใจ เพชรก็ตกใจ จะร้องทั้งคู่ แต่ก็เอามืออุดปากตัวเองไว้ทัน
“พี่เพชรมาทำอะไร ดึกๆ ดื่นๆ เนี่ย”
“พี่มาออกกำลังกาย น้าชาติน้าแชมป์จะได้ฝึกมวยให้ชั้นไวๆ ไง”
“ดีๆ ฟิตเข้านะพี่” ขนุนยิ้มให้กำลังใจ
“แล้วขนุนล่ะ จะไปไหน”
“เอ่อ... ไป... เอ่อ... ขนุนมีนัด”
“มีนัดตอนนี้เนี่ยนะ นัดกะใคร”
ขนุนอ้ำอึ้ง มีเสียงรถเครื่องแล่นมาจอดหน้าบ้าน มีแสงจากรถเครื่อง เพชรมองออกไปเห็นรักษ์ขี่รถเครื่อง
“เฮ้ย พี่รักษ์นี่”
เพชรเดินออกไปหา ขนุนร้อนรนรีบตามออกไป
“พี่รักษ์ มาทำอะไร”
รักษ์เจอเพชรก็ตกใจ
“เฮ้ยไอ้เพชร!...เอ่อ...ชั้นมา...”
ขนุนยืนอยู่ข้างหลังเพชรเอานิ้วจุ๊ปาก เพชรหันไปดู ขนุนรีบเอามือลง
“พี่รักษ์กับขนุนนัดกันเหรอ”
สองคนร้องลั่น “เปล่าๆๆๆ”
“อย่าบอกนะว่าเป็นแฟนกัน” เพชรจ้องหน้ารักษ์ทีขนุนที
“เฮ้ย ไม่ใช่นะเว้ย”
“แล้วนัดทำอะไรกันดึกๆ”
รักษ์กับขนุนมองหน้ากัน

กลายเป็นว่า สามคนมานั่งคุยกันที่มุมๆ หนึ่ง ที่คิดว่าจะไม่มีคนเห็น
“ขนุนเรียนร้องเพลงกับพี่รักษ์เนี่ยนะ”
“ใช่ ทุกทีก็เรียนกลางวันแหละ แต่วันนี้ต้องมาซ่อมโถส้วม ก็เลยต้องเปลี่ยนมาเป็นกลางคืน แล้วก็กลัวว่าถ้าขนุนไปวัดคนเดียวมืดๆ มันอันตราย ชั้นก็เลยเอารถเครื่องมารับ”
“พี่เพชรอย่าไปบอกนะ ถ้าคนที่ค่ายรู้ชั้นโดนหนักแน่” ขนุนขอร้อง
“อือ ชั้นไม่บอกหรอก แต่...”
“แต่อีกแล้ว พวกพี่ชอบมีแต่อยู่เรื่อยเลย” ขนุนเซ็ง
“แหม มันก็ไม่ได้ยากอะไรหรอก แค่ขนุนไปเกลี้ยกล่อมให้น้าชาติสอนมวยชั้นก็แค่นั้นเอง”
“จริงๆ แล้วพ่อไม่เรื่องมากหรอก แต่พี่พริมน่ะสิ คอยจะห้ามไม่ให้สอนตลอดเลย”
“อย่างนี้จงใจแกล้งกันนี่ จะไม่ยอมสอนแต่แรกแล้วรับเข้าค่ายทำไม”
“ไม่เป็นไรพี่รักษ์ แกล้งได้แกล้งไป ชั้นจะเอาชนะเธอให้ได้ พริม”

ยิ่งนึกถึงหน้าแม่พริมพยัคฆ์ เพชรยิ่งอยากเอาชนะ

อ่านต่อหน้า 3

ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 3 (ต่อ)

ดึกแล้ว กล้า กับเอี้ยงนอนหลับอุตุอยู่ที่พื้นกุฎิ หลวงพ่อนอนบนเตียง กระสับกระส่ายไปมายังไงก็ไม่หลับ สุดท้ายหลวงพ่อลุกขึ้น

“ไอ้เอี้ยง...ไอ้เอี้ยง”
เอี้ยงหลับไม่รู้เรื่อง
“ไอ้กล้า...ไอ้กล้าตื่นซิ”
กล้าพลิกตัวทีนึง แต่ไม่ตื่น หลวงพ่อคิดหาทางปลุก เลยขันเสียงไก่
“เอ้ก อิ๊เอ้กเอ้ก ...เอ้ก อิ๊เอ้กเอ้ก”
ได้ผลกล้างัวเงียตื่น หลวงพ่อยังร้องเสียงไก่ต่อ
“ทำไมวันนี้มันเช้าเร็วจังวะ...ไอ้เอี้ยงตื่น”
กล้าเขย่าให้เอี้ยงตื่น เอี้ยงตื่นมาท่าทางงัวเงีย กล้าเพิ่งเห็นว่าหลวงพ่อเป็นคนทำเสียงไก่
“อ้าว หลวงพ่อหลอกกันนี่” กล้าเซ็ง
“ไม่ได้หลอกเว้ย ข้านอนไม่หลับก็เลยทำเสียงไก่เล่น พวกเอ็งตื่นก็ดีแล้ว ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าหน่อยซิ”
“ไปกับพี่กล้าเถอะหลวงพ่อ เอี้ยงเป็นเด็กต้องนอนเยอะๆ ถึงจะแข็งแรง”
เอี้ยงล้มตัวลงนอนต่อ หลวงพ่อไปจับให้ลุกขึ้นมา
“พวกเอ็งต้องไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้า โทษฐานที่เอากาแฟอภิมหาขมให้ข้ากิน ไปเร็ว ลุก”

เพชรเดินกลับเข้ามาไปนอนยกบาร์เบล พริมเดินเข้ามาดู เพชรยังไม่เห็น
“ทำอะไร”
เพชรตกใจบาร์เบลหล่นทับคอตัวเอง “โอยๆ ช่วยด้วย”
พริมเข้าไปช่วยยกบาร์เบลออก
“ทำไมไม่หลับไม่นอนอีก”
“ชั้นควรจะเป็นคนถามเธอมากกว่า” พริมย้อน
“ชั้นกำลังฟิตอยู่ไม่เห็นเหรอ ตอนกลางวันโดนใช้แต่งานจะเอาเวลาที่ไหนฟิต”
“คิดว่าดีก็ทำต่อไป”
พริมจะเดินไป เพชรเข้าไปขวาง
“เดี๋ยวๆๆ เค้าจะสอนมวยให้ชั้นได้เมื่อไหร่”
“เมื่อพร้อม”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ”
“ก็เมื่อพร้อมไง”
“ก็แล้วเมื่อไหร่ล่ะ”
“ชั้นไม่รู้ เพราะชั้นไม่ใช่คนสอน”
“แต่ชั้นรู้นะ ว่าเธอเป็นคนคอยห้ามไม่ให้น้าชาติกับน้าแชมป์สอนชั้น”
พริมอึ้งไปนิด “รู้ได้ไง”
“รู้ได้ไงไม่สำคัญ แต่มันจริงใช่มั้ย”
“ใช่ เพราะชั้นไม่อยากให้เธอเป็นนักมวยในค่ายชั้น ชัดมั้ย”
“ทำไม”
“เกลียดขี้หน้า”
พริมสะบัดตัวจะเดินออกไป เพชรจับข้อมือไว้ “เดี๋ยว”
อาศัยความว่องไว พริมบิดข้อมือเพชรหลุดแล้วถีบเพชรกระเด็น
“โอ้ย”
“อ่ะ สอนให้แล้วท่านึง”
เพชรเจ็บใจ

น้อย กล้า เอี้ยง เดินง่วงๆ หงอยๆ ตามหลวงพ่อที่ตรวจตราความสะอาดรอบๆ วัด ตอนกลางดึก
“ไอ้กล้า เก็บกวาดตรงนี้หน่อยซิ ปล่อยให้รกเลอะเทอะอย่างนี้ได้ยังไง”
“ไว้รอให้เช้าก่อนไม่ได้เหรอหลวงพ่อ” กล้าหาวหวอดๆ
“ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว ก็มาทำซะเลย”
“มีหลวงพ่อตื่นอยู่คนเดียวน่ะสิ คนอื่นเค้าง่วงจะตายอยู่แล้ว ชั้นนอนของชั้นอยู่ดีๆ ก็ไปงัดมาจากเตียงให้มาเดินเป็นเพื่อน ไอ้กล้ากับไอ้เอี้ยง 2 คนไม่พอรึไง” ตาน้อยบ่น
“หลวงพ่อเค้ากลัวผี เลยต้องอยู่กันหลายๆ คน” เอี้ยงว่า
“ไอ้เอี้ยงเดี๋ยวจะโดน พระที่ไหนกลัวผี”
มีเสียงรักษ์เอื้อนลูกคอ โหยหวนแว่วเข้ามา
“เฮ้ย เสียงไรวะ”
ทุกคนเงี่ยหูฟัง เสียงขนุนเอื้อนลูกคอแว่วเข้ามา
“ผะ ผะ ผะ ผะ...” เอี้ยงปากคอสั่น
“หยุดเลย ไม่ต้องพูด ไป เรากลับไปนอนกันเถอะ” หลวงพ่อบอก
กล้าอวดเก่ง “อย่าเพิ่งดิหลวงพ่อ เราควรจะไปพิสูจน์ให้เห็นกับตานะว่าเสียงอะไร”
“จริง ชั้นว่ามันดังมาจากทางหลังวัดนะ” น้อยเอาด้วย
เอี้ยงผวากลัว “หลังวัดมันเป็นที่อยู่ของผีไม่ใช่เหรอ”
“อย่าปอดแหกสิวะ เราต้องไปดูกันว่ามันเสียงอะไร” กล้าว่า
“ไหนว่าพวกเอ็งง่วงไง กลับไปนอนเถอะไป...กลับๆๆ” หลวงพ่อโวยกลบความกลัว
“หลวงพ่อเป็นพระนะ จะให้ใครเค้าว่าเป็นพระแล้วกลัวผีรึไง”

โดนมัคนายกปรามาส หลวงพ่อกลืนน้ำลายเอื้อก

ส่วนที่ศาลาหลังวัดรักษ์กับขนุนซ้อมร้องเพลงกันอยู่

“รักเธอไม่คลาย สุดหัวใจ สุดหัวใจ จะหลับจะนอนครั้งใดยังส่งใจไปหาทุกที”
“รักเธอไม่คลาย สุดหัวใจ สุดหัวใจ จะหลับจะนอนครั้งใดยังส่งใจไปหาทุกที”
เสียงหลวงพ่อ น้อย กล้า เอี้ยงเดินคุยกันใกล้เข้ามา เอี้ยงนั้นออกอาการกลัวๆ คอยหลบหลังหลวงพ่อ ส่วนหลวงพ่อก็กลัวแต่ข่มใจไว้
“มีคนมา” รักษ์กับขนุนเลิ่กลั่กรีบหาที่ซ่อน
เอี้ยงบอกว่า “เสียงโหยหวนนี่แหละ ชั้นได้ยินมาหลายวันแล้ว”
น้อยตั้งข้อสังเกต “ชั้นว่าเสียงมันเหมือนใครร้องเพลงนะ”
“หรือว่าจะเป็นผีนักร้องมาขอส่วนบุญ” กล้าว่า
หลวงพ่อพนมมือ “วิญญาณเร่ร่อน สัมพเวสี โอปปาติกะที่อยู่แถวนี้ อาตมาขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ให้แก่พวกเจ้าได้ไปผุดไปเกิด อย่าได้มาร้องโหยหวนอีกเลย”
รักษ์กับขนุนที่ซ่อนตัวอยู่ลุ้นขี้แตก ขนุนกำลังจะจาม รักษ์เอามือปิดปากให้ แต่ก็ยังเกิดเสียงอู้ๆ
เอี้ยงมองหา “เสียงอะไรอ่ะ”
“ใครอยู่แถวนี้วะ”
ขาดคำกล้าหยิบก้อนหินโยนไปตรงที่ซ่อน โดนหัวรักษ์จังๆ ขนุนเอามือปิดปากรักษ์ไม่ให้ร้อง
“ไม่มีหรอก หมาแมวมั้ง ไปๆๆ กลับไปนอน”
หลวงพ่อกับเอี้ยงรีบออกไปก่อน น้อยกับกล้ามองๆ หา แล้วตามออกไป
ขนุนกระซิบบอกเสียงเบา “พี่รักษ์วันนี้พอแค่นี้เถอะ”
รักษ์พยักหน้า เห็นกล่องกระดาษทิ้งอยู่แถวนั้น 2 ใบพอดี
“เราเอากล่องนี่คลุมหัวออกไป เผื่อพวกหลวงพ่อเห็นเข้าจะได้ไม่รู้ว่าเป็นใคร”
ขนุนพยักหน้าเห็นด้วย

หลวงพ่อกับเอี้ยงเดินเร็วรี่ จะกลับกุฎิ ตามมาด้วยน้อยกับกล้า โดยกล้าบ่นมาตลอดทาง
“หลวงพ่ออ่ะ รีบออกมาทำไม ชั้นอยากพิสูจน์ให้มันรู้แจ้งเห็นจริงว่ามันเสียงอะไรกันแน่”
“งั้นเอ็งก็กลับไปพิสูจน์คนเดียว ข้าจะไปนอนแล้ว”
รักษ์ขี่รถเครื่องมีขนุนซ้อนหลัง ทั้ง 2 มีกล่องกระดาษครอบหัว เจาะตาเอาไว้มองทาง
แสงสลัวๆ ในยามค่ำคืนทำให้เห็นไม่ชัดเหมือนผีขี่รถเครื่อง ตรงเข้ามาหา
“หลวงพ่อ! ผะผะผะผะ...”
หลวงพ่อ น้อย และกล้า ร้องกันลั่น “ผี”
กล้า เอี้ยง น้อย โกยแนบ พอวิ่งไปได้สักพักไม่เห็นหลวงพ่อวิ่งมา น้อยจึงหันไปมอง พบว่าหลวงพ่อยังยืนอยู่กับที่
“โห หลวงพ่อท่านเก่งจริงๆ ท่านไม่กลัวผี” ตาน้อยทึ่ง
หลวงพ่อบอกเสียงสั่น “กลัววว...”
“อ้าว กลัวแล้วทำไมไม่หนีล่ะหลวงพ่อ” กล้งเง็ง
“ก้าวขาไม่ออก... มาช่วยที”
กล้าต้องรีบกลับไปแบกหลวงพ่อวิ่ง

ฝ่ายรักษ์ขี่รถเครื่องมา มีขนุนซ้อน โดยถอดกล่องที่ครอบหัวแล้ว เมื่อถึงหน้าค่ายขนุนลงจากรถ
“หลังว่าคงไม่มีใครจำเราได้นะ”
“ไม่หรอกมั้ง ดีเหมือนกันที่เค้านึกว่าเราเป็นผี”
ขนุนหนักอกหนักใจ “เฮ้อ...เส้นทางการเป็นนักร้องของชั้นทำไมมันลำบากลำบนอย่างนี้นะ”
“รีบกลับเข้าค่ายเถอะ เดี๋ยวน้าชาติตื่นมาไม่เจอแล้วจะเดือดร้อน”
“ขอบใจนะพี่”

ขนุนกลับเข้าค่าย รักษ์มองตามอย่างเห็นใจ

อ่านต่อหน้า 3

ลิเกหมัดสั่ง ตอนที่ 3 (ต่อ)

รุ่งเช้าของวันใหม่ อรชร พริม และขนุน ยืนรอใส่บาตรอยู่ หลวงพ่อ กล้า เอี้ยงเดินมาแต่ไกล

“นิมนต์ค่ะหลวงพ่อ”
หลวงพ่อ กล้า เอี้ยงเดินเข้ามาใกล้ ทุกคนที่รอใส่บาตรพบว่าหลวงพ่อขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า ส่วน กล้า กะ เอี้ยงผมตั้งชี้
สามแม่ลูกร้อง “ว้าย”
“หลวงพ่อไปทำอะไรมาคะ ไอ้เอี้ยงไอ้กล้าด้วย”
“เมื่อคืนชั้นนอนไม่ค่อยจะหลับน่ะ กินกาแฟเยอะไปหน่อย” หลวงพ่อบอก
“แล้วไอ้เอี้ยงไอ้กล้าล่ะ ทำไมผมเป็นอย่างนั้น” อรชรแปลกใจ
“เมื่อคืนเราเจอผีหลอก”
ขนุนหน้าเสีย
อรชรฉงนฉงาย “ผีเหรอ? ผีอะไร”
“ผีเผออะไร ไอ้เอี้ยงก็พูดไปเรื่อย”
“โห่...หลวงพ่อก็เจอเหมือนกัน ถ้าหลวงพ่อมีผมนะ ผมหลวงพ่อก็ตั้งเหมือนพวกเรานั่นแหละ”
“ไอ้กล้า เดี๋ยวจะโดน”
“หลวงพ่อคะ แล้วผีที่ไหน ผีอะไรคะ ที่หลอกหลวงพ่อ” อรชรถามท่าทีสงสัยมาก
“ผีหลังวัดจ๊ะป้าอร มันขี่รถเครื่องได้ด้วยนะ” เอี้ยงว่า
“ขี่รถเครื่อง ตายแล้วเฮี้ยนจริงๆ เลย” อรชรยิ่งประหลาดใจ
“มันมีสองตัว ตัวนึงขี่ตัวนึงซ้อน หันโตๆ ไม่มีหน้า มีแต่ลูกตา” กล้าบอก
ขนุนเงียบ หน้าเสียหนัก
“ขนุน” พริมเรียกน้องเสียงดัง
ขนุนสะดุ้ง “อะ อะ อะไรพี่พริม”
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นน่ะ”
“ชั้น ชั้นกลัวผี”

ส่วนที่บ้านลิเก รักษ์ ลูกดอก แฉะ และ สำเริง ทุกคนล้อมวงคุยกัน โดยมีจริยารายงานข่าวรับอรุณ
“ที่ตลาดเค้าคุยกัน ว่าเมื่อคืนหลวงพ่อโดนผีหลอก”
แฉะไม่ค่อยเชื่อ “ผีอะไรวะกล้าหลอกพระ”
“ก็ผีหลังวัดน่ะสิ” จริยาย้ำ
ลูกดอกตาโต “หา หลังวัดที่เราเคยไปตั้งโรงลิเกน่ะนะ”
“ใช่ ดีนะ วันนั้นเราไม่โดนหลอก”
สำเริงถามไปงั้นๆ “แล้วไอ้ผีที่ว่านี่หน้าตามันเป็นยังไง”
“เค้าว่าหัวมันเหลี่ยมๆ โตๆ ขี่รถเครื่อง”
คำพูดจริยา ทำเอารักษ์หน้าเสีย
สำเริงไม่เชื่อ “ขี่รถเครื่อง มันไม่ตลกไปหน่อยเหรอวะ ผีขี่รถเครื่อง”
“มันอาจจะเป็นผีที่ไม่ใส่หมวกกันน็อคแล้วหัวฟาดพื้นตายก็ได้นะ” แฉะว่า
ลูกดอกทำหน้าสยองปนแขยง “อี๊ ก่อนตายคงสมองไหลออกมาข้างนอกกระจายเต็มพื้น”
“พอกลายเป็นผีก็เลยต้องรวบรวมเศษสมองมายัดกลับใส่กะโหลก แต่พอสมองมันเน่าก็เลยเกิดหนอนเป็นพันๆตัว ก็เลยกลายเป็นผีสมองบวมหัวโตเท่าลูกแตงโม มีหนอนยั้วเยียะไชกินเศษสมองเน่า...”
รักษ์ทนฟังไม่ไหว วิ่งออกไปอ้วก
“อ้าวพี่รักษ์ เป็นอะไร”
ลูกดอกกะคนอื่นๆ มองตามงงๆ

หลังมื้อเช้า นักมวยในค่ายศ.อรชร กำลังต่างคนต่างซ้อม พริมซ้อมกับระสอบทรายอยู่ เพชรเข้ามาที่กระสอบทรายลูกข้างๆ ทำเป็นเมียงๆ มองๆ แล้วเริ่มทำท่าตาม
พอพริมชก เพชรก็ชก พริมเตะ เพชรก็เตะ ไม่ว่าพริมจะศอกจะเข่า เพชรทำตามหมด
ทีแรกพริมไม่สนใจ สักพักชักผิดสังเกต เลยหยุดแล้วมองเพชร เพชรทำเป็นเฉไฉไม่รู้ไม่ชี้
พริมเริ่มซ้อมต่อ เพชรทำท่าตาม รวมทั้งการออกเสียง เฮช เฮช ก็ไม่เว้น

สักพักพริมรำคาญเดินหนีไป เพชรมองตาม

พริมเดินมานั่งพัก เพชรเดินมานั่งมั่ง พริมเอาผ้ามาซับเหงื่อ เพชรหยิบผ้าใครไม่รู้แถวนั้นมาซับตาม

พอพริมแกะผมที่มัดไว้ สยายออกแล้วมัดใหม่ เพชรก็ทำท่าตามทั้งที่หัวโปก พริมชักโมโห
“นี่”
เพชรก็ “นี่”
“ไม่มีอะไรจะทำรึไง” พริมว่า
เพชรบอก “ไม่มีอะไรจะทำรึไง”
เพชรพูดตามพริมจนคำแทบซ้อนกัน
พริมว่า “ถ้ายังไม่หยุดนะ”
เพชรว่าตาม “ถ้ายังไม่หยุดนะ”
พริมเงื้อหมัดจะชกเพชร เพชรรีบยกมือขึ้นบัง
“อย่าๆๆ”
“ถ้ายังจะตามชั้นอีกนะ ชั้นชกหน้าแหกแน่”
“ก็ไม่มีใครยอมสอนมวยชั้น ชั้นก็ต้องอาศัยครูพักลักจำเอาสิ” เพชรอ้าง
“ไปจำคนอื่น ไม่ต้องมาจำชั้น”
มีรถกระบะติดเครื่องขยายเสียง แล่นผ่าน ข้างรถกระบะติดป้ายผ้า “ศึกกำปั้นบ้านเหนือ...โดย เมฆดำยิม” พร้อมเสียงโฆษณา
“ขอเชิญพ่อแม่พี่น้อง ร่วมชมร่วมเชียร์ ศึกกำปั้นบ้านเหนือ การแข่งชันชกมวยสุดมันจัดโดยค่ายมวยเมฆดำยิม ขอเชิญผู้สนใจร่วมสมัครแข่งขันประลองฝีมือได้ที่ เมฆดำยิม ต.บ้านเหนือ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป...”
พริมมองตามรถไป คิดอะไรได้ ยิ้มมีเลศนัย

เวลาผ่านไป เพชร พริม แต่งตัวใหม่ จะออกไปข้างนอก พริมถือกุญแจรถเข้ามา เพชรตาม
“อย่าทำเป็นมีลับลมคมในได้มั้ย ชั้นขี้เกียจจะเดา”
“เธออยากเป็นมวยเร็วๆ รึเปล่า”
“ยังต้องถามอีกเหรอ ขึ้นชกวันนี้พรุ่งนี้ได้ก็ยิ่งดี”
“ถ้าอยากเป็นเร็ว มัวซ้อมอยู่แต่ในค่ายมันไม่ได้เรื่องหรอก”
พริมขึ้นขี่รถเครื่อง
“ขึ้นมา”
เพชรขึ้นซ้อนงงๆ

บรรยากาศในค่ายเมฆดำยิมดูเงียบๆ ร้างๆ พริมขี่รถเครื่องเข้ามาจอดหน้าค่าย เพชรลง พริมลง
พริมเดินนำเข้ามา เพชรเห็นป้าย เมฆดำยิม เดามั่วเริ่มโวยวาย
“นี่รังเกียจชั้นถึงขนาดเอาชั้นมาให้ค่ายอื่นสอนเลยเหรอ ไม่เอา ชั้นจะอยู่ ศ.อรชร เธอพาชั้นกลับเดี๋ยวนี้นะพริม”
“เลิกโวยวายแล้วตามชั้นมา”
พริมเดินนำลิ่วไป เพชรรีบตาม

พริมเดินไปที่โต๊ะรับสมัคร มีลุงนั่งสัปหงกอยู่ พริมเห็นลุงหลับก็เกรงใจ
“ลุง” ตาลุงเงียบกริบ “ลุง”
เพชรเห็นแล้วรำคาญ ก็เลยตบโต๊ะเสียงดัง “ลุง”
ลุงตกใจลุกพรวดปล่อยหมัดใส่เพชร พริมยกมือปัด ได้อย่างว่องไว เพชรเหวอ ลุงมองหน้าพริมชัดๆ
“นี่มัน พริมพยัคฆ์ ศ.อรชร นี่ จะมาสมัครชกกับเค้าเหมือนกันเรอะ”
“เปล่า ชั้นพาเด็กใหม่มาลองสนาม”
ลุงหันมองเพชร ดูสารรูป
“ไอ้หย็องกรอดเนี่ยนะ”
เพชรฉุน “อ้าว ลุงมาว่าชั้นงี้ได้ไง”
“เงียบ” พริมตวาดเพช แล้วถามลุง “จะรับมั้ยลุง หรือว่าค่ายเมฆดำกลัวค่าย ศ.อรชร ถึงขั้นกะอีแค่เด็กใหม่ก็ไม่กล้าชกด้วย”
เพชรงง

พริมเดินกลับออกมาที่รถเครื่อง เพชรตามมา งงๆ อยู่
“ทำไมอยู่ๆ เธอยอมให้ชั้นลงแข่งล่ะ ชั้นยังต่อยมวยไม่เป็นเลยนะ”
“ไม่เป็นก็จะได้เป็นที่นี้แหละ ขึ้นเวทีจริง เรียนกับสถานการณ์จริง เป็นเร็ว”
เพชรตื่นเต้น “จริงเหรอพริม ขอบใจมากนะ ไม่นึกเลยว่าจริงแล้วเธอก็หวังดีกับชั้นเหมือนกัน แล้วถ้าชั้นฟลุคชกชนะ ชั้นจะแบ่งเงินรางวัลให้เธอด้วย ชั้นไม่ลิมบุญคุณเธอแน่ๆ”
“จ้ะ รอให้ชนะก่อนเถอะ”

พริมแอบยิ้มสะใจที่ได้แกล้ง ส่วนเพชรดีใจดี๊ด๊าไม่รู้ชะตาว่ากำลังเจอกับอะไร

อ่านต่อตอนที่ 4
กำลังโหลดความคิดเห็น