แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 7
อวัศยายื่นมือมาตรงหน้าลิปดาในขณะที่ทั้งสองคนยืนอยู่ในมุมสวย
ลิปดางง “อะไร”
“โทรศัพท์...หมดเวลาโยกโย้แล้ว วันนี้ฉันเล่นทุกอย่างที่บอสต้องการหมดแล้ว ..และยายก็ดูมีความสุขดี..เห็นไม๊..ยายเล่นคนเดียวได้ ชิลล์ๆ มีความสุขจะตาย”
อวัศยาพยักเพยิดไปทางอรุณใส่ที่สวมหมวกคลุมผมที่ปักด้วยดอกไม้ ใส่แว่นกันแดดเฟี้ยวฟ้าว และใส่บิกินี่โดยโพกผ้าลายเจ็บๆ ผูกคอแบบตะเบงมารที่นอนห่วงยางลอยอยู่ในสระ
“เพราะฉะนั้นฉันทำตามข้อตกลงแล้ว” อวัศยาแบมือ “เอาโทรศัพท์ฉันคืนมา”
ลิปดามองมือแล้วก็มองหน้าอวัศยา “นี่คุณติดโทรศัพท์มือถือมากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
“ฉันไม่ได้ติดโทรศัพท์มือถือ แต่ฉันติด...” อวัศยาชะงักแล้วก็พูดโกหก “ติดงาน..บอสก็รู้ว่าฉันเป็นพวกเวิร์กอะฮอลิค พวกบ้างานที่ฉันอยากได้โทรศัพท์จะได้เอามาเชคเมลล์ลูกค้า แล้วฉันก็..ติดต้องออนไลน์คุยกับลูกค้าด้วย บอสก็รู้ว่างานของเราไม่มีเวลาพัก แต่นี่หายมาทั้งวัน ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นบ้าง”
ลิปดามองอวัศยาแล้วก็ตัดสินใจ
“ได้...ผมจะคืนโทรศัพท์ให้คุณก็ได้”
อวัศยายิ้ม
ลิปดาสวนทันที
“แต่ถ้าผมเห็นคุณใช้โทรศัพท์ต่อหน้ายายคุณเมื่อไหร่ ผมจะยึดมันกลับมาทันที”
“อ้าว บอสทำแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันไม่ยอม”
ลิปดาไม่สนใจก่อนจะเดินนำไปที่ห้องพัก อวัศยารีบเดินตาม
“บอสจะมาบังคับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันเป็นลูกน้องนะ ไม่ใช่ทาส”
อวัศยาเดินโวยวายตามลิปดาไป อรุณผงกหัวขึ้นมาดูด้วยความแปลกใจว่าทั้งสองไปไหนกัน
ลิปดากับอวัศยาเดินเข้ามาในห้องพัก ลิปดาหยิบโทรศัพท์มือถือที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วส่งให้อวัศยา
“ขอบคุณ” อวัศยาพูดกระแทกและกำลังจะเปิดเครื่อง
ลิปดาพูดแทรกขึ้น “คุณรู้หรือเปล่าทำไมผมถึงยึดโทรศัพท์มือถือ”
อวัศยาตอบส่งๆ “บอสอยากจะแกล้งฉันหล่ะสิ..แล้วเป็นไงหล่ะ สนุกหรือเปล่า”
ลิปดาพูดนิ่งๆ “ไม่สนุก..เพราะผมไม่ได้อยากจะแกล้งคุณ..แต่ผมทำเพื่อคุณยาย”
อวัศยาชะงักแล้วเงยหน้ามองลิปดา ลิปดาทำหน้าตาจริงจัง
อรุณใส่ชุดคลุมย่องมาแอบฟังที่หน้าห้องพัก อรุณเงี่ยหูฟังแต่ก็ไม่ได้ยิน อรุณนึกได้ก็ล้วงหยิบ
เครื่องช่วยฟังจากกระเป๋าเสื้อคลุมมาใส่แล้วแอบฟัง
ลิปดาอธิบายต่อ
“นานๆทีคุณยายจะมาหาคุณไม่ใช่เหรอ .. ผมอยากให้คุณอยู่กับท่านอย่างเต็มที่”
เสียงมือถือเปิดเครื่องเริ่มทำงาน “ฉันก็อยู่อยู่แล้ว...นี่ก็หยุดงานมาทั้งวัน”
“อยู่แต่ตัว..แต่ใจคุณกลับไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ ที่อยู่ในมือถือ ! อยู่แบบนี้ เค้าไม่เรียกว่า “อยู่” หรอก” ลิปดาว่า อวัศยาชะงัก “เทคโนโลยี่ทำให้คุณติดต่อสื่อสารกับคนอื่น แต่อย่าลืมที่จะเงยหน้าขึ้นมาพูดคุยสื่อสารกับคนที่อยู่ข้างๆคุณด้วย”
อรุณแอบฟังแล้วก็อมยิ้มถูกใจ Like เลย
ลิปดาพูดต่ออย่างจริงใจและจริงจัง
“ก่อนที่ผมจะมาเปิดบริษัท ผมทำงานหนักมาก เพื่อจะหาลูกค้า หาเงิน ผมติดต่อกับคนเป็นร้อยผ่านทางจอคอมพิวเตอร์ ทางมือถือ .. แต่ผมกลับลืมเงยหน้าขึ้นมาคุยกับคนที่มีตัวตน ที่นั่งอยู่ตรงหน้าผม …คุณยายผมเอง”
ลิปดาเศร้าลง อวัศยาตั้งใจฟังแล้วก็แอบสะอึกเบาๆ
“กว่าผมจะรู้ตัว...ท่านก็ไม่อยู่แล้ว ผมอยากให้คุณ เงยหน้าจากโทรศัพท์และให้ความสำคัญกับคนสำคัญของคุณ ..ก่อนที่จะสายไปเหมือนผม”
อวัศยาอึ้งไปและจุกเบาๆ
อรุณซึ้งเพราะเข้าใจลิปดาและสะท้อนใจที่เขาพูดตรงใจ
อวัศยาคิดแล้วก็ตอบแบบมีฟอร์ม
“ขอบคุณที่เตือน แต่คราวหน้าบอสพูดดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องยึดโทรศัพท์เลย..ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย พูดเฉยๆก็เข้าใจแล้ว”
ลิปดาเหวอ อวัศยาพูดจบก็เดินออกไป ลิปดาแอบเสียใจนิดๆ
อรุณเห็นอวัศยากำลังออกมาก็ตกใจหันรีหันขวางว่าจะเอาไงๆ แล้วก็รีบเดินหลบกลับออกไปที่เดิม
อรุณเดินกลับมาที่เดิมแล้วหันซ้ายหันขวาพอเห็นว่าอวัศยายังไม่มาอรุณก็รีบถอดเสื้อคลุม ถอดเครื่องช่วยฟังเก็บใส่กระเป๋าเสื้อคลุมแล้วรีบลงไปนอนในเรือยางเหมือนเดิมโดยทำเป็นนอนซึมๆ เนียนๆ
อวัศยาเดินมาหาอรุณ อรุณทำเป็นนอนเหงาๆ ถอนใจเบาๆ แบบดราม่าโคตรๆ อวัศยาคิดโดยในมือถือโทรศัพท์อยู่ แล้วเธอก็ตัดสินใจวางโทรศัพท์ไว้ในชุดเสื้อคลุมอรุณ แล้วหันมาเรียก
“ยาย”
อรุณสะดุ้งนิดๆ ทำเป็นตกใจ อวัศยาเดินลุยน้ำลงมาหา อวัศยาคุยต่อ
“วันนี้สนุกมั้ย เหนื่อยหรือเปล่า”
“ก็...สนุกดี ไม่เหนื่อยหรอก..แต่ยายเกรงใจ” อรุณเล่นละคร “ที่หนูต้องหยุดงานพายายมาเที่ยว .. เนี่ยรู้สึกแย่มากเลยนะ” อรุณทำดราม่า
“โธ่..ยายอย่าคิดแบบนั้นสิ หนูต่างหากที่ต้องขอโทษ..ที่ไม่ค่อยได้กลับไปเยี่ยมยาย พอยายมาก็ไม่ค่อยพาไปไหนมาไหน ต้องให้บอสพาเที่ยวแทน แต่ต่อจากนี้ไป ยายไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวหนูจะดูแลยายเอง”
อรุณมองอวัศยา อวัศยาย้ำ
“หนูพูดจริงๆ ยายอยากไปไหน ไปทำอะไร บอกมาเลย หนูจัดให้”
อรุณมองอวัศยาแล้วยิ้มทำเป็นไม่รู้ “ทำไมอยู่ๆอยากจะมาเอาใจยาย..มีอะไรหรือเปล่า”
ลิปดาเดินมาทางด้านหลังอวัศยา ลิปดามองอวัศยาคุยกับอรุณด้วยความสนใจ
อวัศยาคิดแล้วก็พูดตรงๆ “ก็ เรามีกันอยู่แค่สองคนนี่จ๊ะ..ถ้าหนูไม่ดีกับยายแล้วจะให้หนูไปทำดีกับใคร มันยังไม่สายเกินไปใช่มั๊ย ที่หนูเพิ่งคิดได้”
อวัศยามองหน้าอรุณแล้วรู้สึกใจหายวาบเพราะเธอละเลยยายมากเกินไปจริงๆ อรุณยิ้มซึ้งใจก่อนจะโผเข้ามากอดศยาด้วยความรัก ทั้งสองคนกอดกันในสวนน้ำมุมสวย ลิปดาเห็นก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปเก็บไว้อย่างมีความสุข อวัศยาหันมาเห็นพอดีก็เขินๆที่ลิปดาแอบดูอยู่ ลิปดายิ้มและชูนิ้วโป้งให้ อวัศยายิ้มแล้วก็กอดยายอย่างมีความสุขจัง
อวัศยาไม่รู้เลยว่าลิปดาค่อยๆเข้ามาและเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอทีละนิด ทำให้เธอเข้าใจชีวิตมากขึ้น
อรุณนั่งม้าหมุนอย่างมีความสุข ลิปดายืนอยู่ข้างนอกคอถ่ายรูปให้ อรุณหันมาแอคท่าใส่กล้องอย่างสนุกสนาน อวัศยามองลิปดาพลางคิดในใจว่าบอสก็เข้ากับคนแก่ได้ดีแฮะ
อวัศยา อรุณ และลิปดานั่งชิงช้าด้วยกัน อวัศยานั่งด้านเดียวกับอรุณ ลิปดานั่งตรงข้าม
อรุณเพลียจนเอนตัวหลบซบไหล่อวัศยา อวัศยานั่งดูบรรยากาศแล้วก็เคลิ้มจะหลับ อวัศยาเอียงหัวจะชนกับผนังกรงชิงช้า ลิปดาจึงรีบลุกไปนั่งข้างๆ อวัศยาก่อนจะนั่งหันหลังพิงผนังกรงชิงช้า แล้วหันหน้าไปทางอวัศยาเพื่อให้เธอเอียงหัวมาซบที่หน้าอกได้พอดี สุดท้ายอรุณซบอวัศยา แล้วอวัศยาก็ซบลิปดาอีกที ลิปดามองอวัศยาและอรุณที่หลับอย่างมีความสุขก็อบอุ่นใจเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
พริบพราวนุ่งผ้าถุงเป็นกระโจมอกโดยมีผ้าขนหนูคลุมไหล่ เธอเดินมองซ้ายมองขวาเข้ามา
"ดึกป่านนี้ ..คงนอนกันหมดแล้วมั้ง"
พริบพราวเดินมาถึงตุ่มที่วางอยู่หน้าบ้านพัก แล้วได้ยินเสียงคนเดินมา พริบพราวชะงักแล้วหันไปมองก็เห็นปราณนต์นุ่งผ้าขาวม้าทาแป้งจนตัวขาวเดินออกจากบ้านพัก ปราณนต์เห็นพราวแล้วชะงักเหมือนกันเพราะไม่คิดว่าจะเจอเธอตอนนี้
"นายตกกระป๋องแป้งมารึไง" พริบพราวถาม
"เอ้า ! ..มาต่างจังหวัด เขาก็ต้องทาแป้งเย็นนอนกันอย่างนี้แหละ..ถึงจะสบาย น้ำในห้องน้ำไม่ไหลเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ”
พริบพราวพยักหน้า ปราณนต์มองพริบพราวแล้วแอบยิ้ม
พริบพราวดุปราณนต์ "ยิ้มอะไร"
"ก็แค่…ไม่คิดว่าคุณหนูอย่างคุณจะลงทุนเอาใจคุณลุง ยอมนุ่งกระโจมอกเป็นสาวชาวบ้านแบบนี้"
"ฉันไม่ได้ทำเอาใจคุณลุงสักหน่อย ..ตอนแรกคิดว่าจะไปพักโรงแรม เลยไม่ได้เตรียมเสื้อคลุมอาบน้ำมา"
"คุณรีบอาบน้ำเถอะ ..เดี๋ยวผมไปตักนำให้”
พูดเสร็จปราณนต์ก็เดินไปคว้าถังน้ำตักน้ำจากคลองเทใส่โอ่งให้พริบพราว พริบพราวมองน้ำในโอ่งที่ปราณนต์เติมจนเต็มอย่างไม่อยากเชื่อ ปราณนต์เตรียมขัน เตรียมสบู่จัดแจงพื้นที่ให้พริบพราวเตรียมอาบน้ำอย่างตั้งใจ
“ปราณนต์.." พริบพราวเรียก ปราณนต์หันมา “คือ..” พริบพราวอึกอักแล้วก็ยอมพูดต่อ “ขอบใจมากนะ.. ขอบใจที่ใส่ใจ”
ปราณนต์ชะงัก
พริบพราวเขิน “นายออกไปได้แล้ว ฉันจะได้อาบน้ำ"
ปราณนต์ยิ้มให้แล้วเดินออกไป พริบพราวมองตามหลังปราณนต์ยิ้มๆ แล้วก็ตักน้ำขึ้นมา พริบพราวมองไปในขันก็เห็นว่าตนตักกบขึ้นมา กบมองพริบพราวตาแป๋ว พริบพราวกรี๊ดลั่น
“อ๊ายย"
ปราณนต์ชะงักแล้ววิ่งกลับมา
"คุณเป็นอะไร"
พริบพราวเห็นปราณนต์ ด้วยความตกใจเธอจึงพุ่งไปกอดปราณนต์เหมือนใช้ปราณนต์ปกป้องตัวเอง
"กบ ! มีกบอยู่ในขัน! อี๋"
พริบพราวหันไปชี้กบที่อยู่ในขันที่พริบพราวตักขึ้นมา พริบพราวเห็นกบกระโดดมาทางเธอก็ยิ่งตกใจจึงกระโดดโผเข้ากอดปราณนต์ ปราณนต์ตั้งหลักรับตัวพริบพราวที่โถมเข้ามาไม่ทัน ปราณนต์ล้มลง พริบพราวล้มทับ
หน้าพราวกับหน้าปราณนต์อยู่ใกล้กัน ต่างคนต่างก็สบตามองกันอึ้งๆ ปราณนต์กับพริบพราวสบตากันในระยะประชิด พริบพราวรู้สึกตัวว่ากำลังทับปราณนต์อยู่ก็เขินจนต้องถอยห่างออกมาอย่างเร็ว ทำให้เธอเซจนหัวไปกระแทกตุ่ม
“โอ้ย”
ปราณนต์จะขยับเข้าไปดูพริบพราวใกล้ๆ
“คุณเป็นอะไรไหม ขอผมดูหน่อย”
ปราณนต์ลูบหัวปัดผมบนหน้าพริบพราวด้วยความเป็นห่วง
พริบพราวเขินจึงรีบยกมือห้าม “ไม่ต้อง ฉันไม่เป็นอะไร”
พริบพราวพูดจบแล้วรีบจ้วงน้ำ2-3ขันล้างตัวแล้วเข้าห้องตัวเองไปทันที โดยไม่สบตาปราณนต์
ปราณนต์สัมผัสได้ถึงความรู้สึกดีๆ ก็เขินแบบไม่ตั้งตัว
ปราณนต์ตะโกนบอกพริบพราว “ผมอยู่ห้องข้างๆมีอะไรก็เรียกแล้วกัน”
ปราณนต์อยู่หน้าห้องและพริบพราวอยู่ในห้อง ต่างคนต่างก็ยิ้มๆ อย่างมีความสุข
รถลิปดาแล่นเข้ามาจอดหน้าคอนโดมีเนียม ลิปดาจอดรถและหันมาบอกอวัศยา
“ผมจอดส่งตรงนี้นะจะได้เดินใกล้ๆ คุณกับคุณยายลงก่อน ผมค่อยเอารถไปจอด”
อรุณแกล้งและหลับทำเป็นกรน อวัศยาหันมามอง แล้วก็หันมาทางลิปดาก่อนจะพูดเสียงแข็งมาก
“จบไปหนึ่งวัน..ขอบคุณมากนะบอส..ฉันปลุกยายก่อน ง่วงมาก” อวัศยาจะลงแล้วนึกได้หันกลับมา “อ้อ..อีกอย่างทีหลังอย่ามาฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งฉันแบบวันนี้อีก”
อรุณชะงักและเงี่ยหูฟังสุดฤทธิ์ เสียงกรนหายไปหนึ่งห้วง ลิปดาชะงักเพราะรู้สึกผิดสังเกต แต่อวัศยาไม่ได้รู้เรื่องเลย
อวัศยาใส่ต่อ “มาทำเป็นจับมือถือแขน แตะเนื้อต้องตัว ฉันไม่ชอบ”
อรุณแกล้งหลับแต่ตั้งใจฟังจนลืมกรน
ลิปดารู้ชัดเลยรีบแก้เกม “ค้าบ..ผมรู้ว่าคุณเป็นคนถือเนื้อถือตัว ไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆ คุณถึงพิเศษกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผมเคยเจอมา” ลิปดาทำเป็นพูดเล่นแต่ก็คิดจริง
“พูดไรเนี่ย”
ลิปดารีบขยิบตาแล้วพยักเพยิดไปทางอรุณที่อยู่ข้างหลังพร้อมทำปากพูดแบบไม่มีเสียง
“ยังไม่หลับ”
อวัศยางงๆ ลิปดาย้ำ “ไม่หลับ..ไม่ได้หลับ”
อวัศยาค่อยๆปรายตาไปที่อรุณ อรุณเพิ่งรู้ตัวว่าไม่เนียนจึงรีบกรนต่อทันที
“คร่อก !”
อวัศยาเริ่มจะเข้าใจจึงพยักหน้ารับมุก
“ผมพูดจริงๆนะ” ลิปดาได้ทีจึงจับมืออวัศยา “ผู้หญิงอายุปูนนี้ คือ..อายุขนาดนี้ยังรักนวลสงวนตัวแบบคุณ..หายากมาก..ขนาดเราเป็นแฟนกันมาตั้งนานคุณยังไม่พาผมไปเปิดตัวกับคุณยาย..ทำให้ท่านเข้าใจผิดเกือบจับคุณแต่งงานกับคุณอื่น...ดูสิวันนี้จะจับมือกันยังโดนต่อว่าเลย...บางทีผมก็น้อยใจเหมือนกันนะ” ลิปดาแอบอ้อนก่อนจะเอามืออวัศยามาแนบแก้มตัวเอง
อรุณยังกรนอยู่แต่แอบหรี่ตามอง พอเห็นลิปดาอ้อนอรุณก็อมยิ้ม
“ฮึฮึ” อวัศยาหัวเราะเยือกเย็น “อย่าน้อยใจไปเลยค่ะ..ยากๆแบบนี้สิดี คุณจะได้เห็นคุณค่า” อวัศยาขยับมือที่แนบแก้มลิปดาอยู่มาตบเบาๆ แปะๆๆ “ปล่อยเถอะค่ะ ถ้าจับนานกว่านี้..ความแรงของการตบจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
ลิปดาปล่อยทันทีแล้วก็ยิ้มแห้งๆ
“แหะๆ .. แค่นี้ผมก็นอนหลับฝันดีแล้ว..แต่ถ้าได้จับนานกว่านี้อีกนิดจะยิ่งดีมากๆ”
“แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ กำลังหลับฝันดี” อวัศยาพูดเบาๆกับลิปดาให้ได้ยินกันแค่สองคน “ถ้านานกว่านี้อาจจะหลับไม่ตื่น” ลิปดาสะดุ้ง อวัศยาหันมาทางอรุณ “ยายคะ..ยาย..ถึงคอนโดแล้วค่ะยาย”
อรุณทำเป็นสะดุ้งตื่นเหรอหราๆ งัวเงียเล่นเยอะเล่นใหญ่มาก
“หะ หะ หะ ถึงแล้วเหรอ นี่ยายหลับไม่รู้เรื่องเลยนะเนี่ย”
อวัศยาส่ายหน้าอย่างรู้ทัน เธอเปิดประตูเดินลงไปและเปิดประตูให้อรุณ
“ไปจ้ะยาย..เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว..จะได้พัก”
อรุณพูดกับลิปดา “ไปก่อนนะพ่อลิป..ขอบใจมาก วันนี้ยายสนุกมากจริงๆ” อรุณเอื้อมมือมาจับไหล่ด้วยความเอ็นดู “ขอบใจมากๆ”
อวัศยาเห็นความอ่อนโยนที่อรุณมีต่อลิปดาแล้วก็จุกเบาๆ และตื้นตัน อรุณลงจากรถ อวัศยาประคองให้เดินไปได้ 4-5 ก้าว แล้วอวัศยาก็ตัดสินใจบอกอรุณ
“ยาย เดี๋ยวหนูมาแป๊บนึงนะ”
ลิปดากำลังจะออกตัวรถ อวัศยาวิ่งมาหา
“บอส”
ลิปดาเบรกแล้วหันมางงๆ อวัศยาวิ่งมาถึงรถ ลิปดากดกระจกลง
อวัศยาพูดตรงๆ ซื่อๆ และจริงใจ “ขอบใจบอสมาก..ขอบใจที่ทำให้ฉันมีช่วงเวลาดีๆกับยาย .. มัน...เป็นช่วงเวลาที่ดีมากจริงๆ” อวัศยาขอบตาร้อนๆ “ขอบใจมาก”
อวัศยายิ้มอย่างมีความสุข ลิปดาอึ้งพลางคิดในใจว่า “นี่แหละรอยยิ้มแบบนี้”
“good night” อวัศยาพูด
อวัศยาหันหลังเดินจากไป ลิปดาได้แต่อึ้งแล้วก็พูดกับตัวเอง
“ยิ่งกว่านี้ผมก็ทำให้คุณได้...ศยา”
ลิปดายิ้มตามอย่างมีความสุข
โทรศัพท์มือถือของปราณนต์ถูกชูขึ้นบนอากาศ ปราณนต์หาคลื่นอยู่ข้างนอก สักพักเขาก็ถอนใจ พริบพราวก็เดินหาคลื่นเหมือนกัน ปราณนต์หันไปเห็น
“ไม่มีหรอกคุณ..ผมพยายามแล้ว” ปราณนต์บอก
พริบพราวเดินมาหาอย่างเซ็งๆ “เป็นไปได้ไงเนี่ย”
“ลุงคงตั้งใจให้คนที่มาได้อยู่กับธรรมชาติจริงๆ เลยไม่พยายามต่อสัญญาณใดๆทั้งสิ้น” ปราณนต์วางมือถือไว้ข้างๆตัวแล้วหันมาถามพริบพราว “คุณเป็นคนติดโทรศัพท์หรือเปล่า ถ้าไม่ได้เชคเฟซ เชคเมลจะหงุดหงิดมั้ย”
พริบพราวเดินมานั่งข้างปราณนต์โดยวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว “แล้วนายหล่ะ ติดหรือเปล่า ติดแชตไรเงี้ย”
ปราณนต์มองหน้าพริบพราวเหมือนจะพยายามหาคำตอบอะไรบางอย่าง “เมื่อก่อนติด แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”
“ทำไม” พริบพราวอยากรู้
ปราณนต์หลิ่วตา “ไม่รู้จริงๆเหรอ ว่าทำไมผมเลิกติดแชต”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง”
ปราณนต์หลิ่วตามองพริบพราว ปราณนต์คิดว่าทำไมพริบพราวไม่รู้เพราะถ้าเป็นแอบรักก็ต้องรู้ว่าเปลี่ยนมาเป็นอีเมลแล้ว หรือพริบพราวอาจจะไม่ใช่แอบรักก็ได้ ปราณนต์ตอบเสียงอ่อยลงนิดๆ
“ก็ไม่มีคนให้แชตด้วย”
“อ้าวแล้ว...” พริบพราวจะถามถึงแอบรักแต่ก็ชะงักไม่ถามเพราะกลัวรู้ว่าสนใจเรื่องนี้ “ไม่มีอะไร”
ปราณนต์กับพริบพราวนั่งข้างกัน โดยต่างคนต่างมีอะไรบางอย่างคิดอยู่ในใจแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ
พริบพราวคิดแล้วก็ถามอ้อมๆ “นี่ถามหน่อย..ตั้งแต่เกิดมาเคยมีคนมาแอบชอบมั้ย”
ปราณนต์หันขวับมาตอบ “ก็มีบ้าง”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าคนคนนั้นเค้าแอบชอบนาย” พริบพราวถามต่อ
“ก็..มีเพื่อนมาบอก”
“แล้วถ้าเพื่อนไม่บอกจะรู้มั้ย”
“ไม่รู้หรอก ก็เค้า “แอบชอบ” เราจะไปรู้ได้ยังไง ถ้ารู้เค้าก็ไม่เรียกว่า “แอบ” แล้ว”
“งั้นถ้ามีใครในออฟฟิศแอบชอบนาย..นายก็ไม่รู้น่ะสิ”
ปราณนต์ส่ายหน้า พริบพราวเซ็งจึงบ่นเบาๆ
“เซ็งเลย..อย่างนี้ถามอะไรก็คงไม่รู้เรื่อง”
ปราณนต์คิดแล้วถามตรงๆ “แล้วคุณหล่ะ... เคย “แอบรัก” ใครหรือเปล่า”
พริบพราวชะงักก่อนจะคิดแล้วก็ตอบเสียงจริงจัง
“เคย” พริบพราวตอบ ปราณนต์หูผึ่งและตั้งใจฟังมาก “เค้าเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้ฉันรู้จักความรัก เค้าคือความอบอุ่น จริงใจ และแสนดี” พริบพราวยิ้มอย่างเคลิ้มฝัน “ตอนนั้นฉันอยู่อนุบาล 2ทับ 4”
“กร๊าก” ปราณนต์ขำพรวดออกมา “อนุบาล 2 !! แก่แดดนะเนี่ย” ปราณนต์พูดขำๆ
พริบพราวหันขวับแล้วฟาดแขนใส่ปราณนต์ดังผลัก
ปราณนต์ร้อง “โอ้ย”
“เค้าเรียกว่าความรักบริสุทธิ์ย่ะ ก็คิดดูฉันกับเค้าเกิดวันเดียวกัน บ้านก็อยู่ติดกัน นั่งเรียนโต๊ะก็ติดกัน เข้าแถวก็อยู่ติดกัน ถือพานคู่กัน เชิญธงชาติคู่กัน..แล้วจะไม่ให้คิดว่าเค้าเป็นเนื้อคู่ได้ยังไง”
“แล้วตอนนี้เค้าเป็นยังไง”
พริบพราวเสียงเซ็ง “ได้ข่าวว่าเป็นเกย์”
“กร๊าก” ปราณนต์สะใจ
“แต่อย่างน้อย..ฉันก็ไม่เสียเค้าให้ผู้หญิงคนอื่นก็แล้วกัน”
ปราณนต์หัวเราะ “ฮ่าๆๆๆ เออก็เป็นวิธีปลอบใจที่แปลกดี”
พริบพราวหน้าง้ำเพราะเซ็งมาก ปราณนต์มองพริบพราวแล้วก็ขำๆ และยังขำค้างจนพริบพราวค้อน ปราณนต์มีความสุข เขาพูดขึ้นลอยๆ
“ผมต้องขอบคุณที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์”
พริบพราวหันมามองงงๆ
ปราณนต์หันมาพูดต่อ “ทำให้ผมกับคุณได้มานั่งคุยกันตรงนี้” ปราณนต์ยิ้ม
ปราณนต์ยิ้มอบอุ่น พริบพราวชะงักแล้วก็หัวเราะออกมา
“เออจริง”
ปราณนต์กับพริบพราวหัวเราะเบาๆออกมาพร้อมกันเพราะรู้สึกดีจริงๆ ทั้งปราณนต์และพริบ
พราวไม่มีใครพูดอะไรต่อ ต่างคนต่างนั่งเงียบๆ และฟังเสียงลม เสียงน้ำ เสียงหริ่งเรไรที่ดังคลอฟังไพเราะ
อรุณนอนหลับสนิทอยู่ในห้องโดยกรนเบาๆ อวัศยาห่มผ้าให้อรุณด้วยความรักแล้วก็ค่อยๆเดินออกมา
รันนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกด้วยท่านั่งที่แมนมากทั้งถ่างแข้งถ่างขา หน้าเข้ม อวัศยาเดินมาเห็นก็บอก
“ยายหลับแล้ว”
รันแอ๊บแตก ตัวเหี่ยว ขาหนีบ ตวัดขาขึ้นมาไขว้ห้างทันที “ดี! จะได้ไม่ต้องขมิบแมน เฮ่อ” รันนึกได้ “เออนี่ !! วันนี้เป็นไงบ้าง หายเงียบไปเลยนะหล่อน”
“ก็ดี..สนุกดี บอสบังคับให้ฉันเล่นเครื่องเล่นโน่นนี่นี่นั่นเต็มไปหมดเลย แต่จะว่าไปมันก็มันส์ดีนะ ถ้าฉันเครียดๆเรื่องงานฉันจะชวนเธอไปเล่นด้วย”
รันหลิ่วตา “วันนี้แปลกๆนะ พูดถึงบอสแล้วแววตาฟรุ้งฟริ้ง..มีอะไรหรือเปล่า”
อวัศยาเสียงแข็ง “ฉันกับบอสเนี่ยนะ มีก็บ้าแล้ว !! นี่..” อวัศยามองซ้ายมองขวา “วันนี้ที่ออฟฟิศเป็นไงบ้าง มีข่าวของเด็กนั่นกับปราณนต์หรือเปล่า”
“ไม่มี เงียบกริบ ! แสนดีกับนิดาก็ติดต่อไม่ได้ แล้วณนต์ไม่ได้ตอบเมลมาเลยเหรอ”
อวัศยาส่ายหน้า “เมลสุดท้ายที่ส่งมาบอกว่า..พริบพราวเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดในออฟฟิศ แล้วก็หายไปเลย” อวัศยาเครียด “รัน..สองคนนั้นจะ..แบบว่า..หรือเปล่า”
รันงง “อะไรของหล่อน ไอ้แบบว่า..มันแบบไหน”
“คนสองคนไปค้างด้วยกัน แล้วก็เงียบหายไป..มันจะมีอะไรๆหรือเปล่า ถ้าฉันโทร.ไปถามจะดูแปลกๆมั้ย เด็กพราวต้องรู้แน่ๆว่าฉันหึง หรือฉันควรจะตามไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น รัน ฉันควรจะทำยังไงดี “
รันพูดนิ่งๆ “ควรจะอยู่นิ่งๆ” อวัศยาชะงัก “ไม่ต้องนอยด์ !! พรุ่งนี้ฉันต้องไปดูโรงงานลูกค้าแถวนั้น ฉันจะไปเช้าหน่อยแล้วแวะเข้าไปดูให้ก่อนก็แล้วกันว่าสองคนนั้นเป็นยังไงบ้าง โอเคป่ะ”
อวัศยาพยักหน้ารับทั้งที่ในใจก็ยังนอยด์อยู่ดี
พริบพราวกับปราณนต์ทวนคำพนักงานด้วยความข้องใจ
“ลุงไกรออกไปแล้ว”
“ครับลุงมีประชุมกับอบจ.ในเมือง น่าจะกลับเที่ยง” พนักงานบอก
“เที่ยง”
“ครับ ลุงฝากบอกว่าถ้ารอไม่ได้ ให้มาวันหลังครับ” พนักงานพูดจบก็เดินไปเลย
พริบพราวกับปราณนต์มองหน้ากันว่าจะเอาไง ปราณนต์คิดแล้วก็บอก
“ผมจะรอเอง ถ้าคุณไม่อยากรอกลับไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมกลับเอง”
“อ้าว จะไล่ฉันกลับได้ไง นี่ก็งานฉันเหมือนกัน เที่ยงก็เที่ยง รอก็รอ”
ปราณนต์ยิ้มนิดๆ เพราะถูกใจ
พริบพราวดูนาฬิกา “เรามีเวลาอีกตั้งเกือบสามชั่วโมงกว่าลุงจะกลับ เราจะทำอะไรดี”
“ผมรู้ว่าผมจะทำอะไร แต่สิ่งที่ผมทำ ไม่รู้ว่าคุณจะทำได้หรือเปล่า”
ปราณนต์ยิ้มกวนๆ พริบพราวหลิ่วตาแล้วถาม
“ทำอะไร”
ต้นกล้าวางอยู่ในเรือ พริบพราวยืนมองงงๆ
“ปลูกต้นไม้เนี่ยนะ”
ปราณนต์กับพริบพราวยืนอยู่ที่ริมป่าชายเลนโดยมีเรือใส่ต้นกล้าจอดอยู่
“ใช่..ผมไปดูคลิปข่าวของลุง..ลุงแกเพาะกล้าไม้พวกนี้เอาไว้ให้คนที่มาเที่ยวช่วยกันปลูกป่าชายเลน เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่า..ผมตั้งใจไว้ว่าพอคุยงานกับลุงเสร็จ ถ้ามีเวลาผมจะปลูกไว้สักสิบยี่สิบต้น”
“แล้วนายปลูกเป็นเหรอ”
“เป็นสิ ดูคลิปตั้งหลายรอบ ไม่ยากเลย..คุณก็นั่งเล่นรออยู่แถวนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวผมมา”
ปราณนต์ถอดรองเท้าเตรียมถลกขากางเกงขึ้น พริบพราวพูด
“ฉันทำด้วย”
ปราณนต์หันมา “หือ คุณเนี่ยนะ..แน่ใจ มันทั้งเลอะ ทั้งร้อนนะ ไหวเหรอ”
“นายนี่..ชอบดูถูกฉันจริงๆนะ ตั้งแต่เมื่อวานแหละ คิดว่าฉันเป็นคุณหนูตุ๊กตาบาร์บี้อยู่ในตู้โชว์ทำอะไรไม่เป็นหรือไงหะ”
“ก็...มันขัดกับลุคคุณนี่ ใครจะไปรู้ว่าคุณหนูก็ลุยเป็น”
พริบพราวยื่นหน้ามา “ฉันยังเป็นอะไรอีกมากที่นายไม่รู้”
ปราณนต์ยิ้มรับ พริบพราวพูดจบก็ถอดรองเท้า พับขากางเกงแล้วก็เดินลุยลงโคลนไปแบบเซๆ ปราณนต์เข้ามาช่วย
“เอ้าๆ ค่อยๆๆ รู้แล้วว่าลุย ไม่ต้องรีบ” ปราณนต์ขำ
“นี่ไม่ต้องมาแซว อะไร ยังไง ต้องทำยังไงบ้างเนี่ย ไหนบอกว่าดูคลิปมาอย่างดี สาธิตสิ”
“คร้าบ..ไฟแรงจริงๆ..นี่เราเริ่มต้นจากลากเรือไปตรงโน้นก่อน..แล้วค่อยเริ่มปลูกตามแนวที่เค้าวางไว้” ปราณนต์เดินนำไป “เดินระวังๆ มานี่”
ปราณนต์ส่งมือมาให้พริบพราวจับ พริบพราวจับมือปราณนต์ด้วยความไว้วางใจ ปราณนต์จูงมือพริบพราวเดินลุยโคลนไปช้าๆ พริบพราวลอบมองปราณนต์จากด้านหลังและมองมือปราณนต์ที่จับอยู่ ในวูบนั้นพริบพราวรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด เธอยิ้มนิดๆ
รถของรันแล่นเข้ามาจอดบริเวณหน้าโฮมสเตย์ รันก้าวลงจากรถ ถอดแว่นดำ และจิกหางตาเล็กๆ
พริบพราวกับปราณนต์ช่วยกันปลูกต้นไม้ในเลนเละๆ ปราณนต์สาธิตการปลูก
“นี่นะคุณ..เริ่มต้นเราต้องเอาถุงออกก่อน แล้วก็แยกต้นออกจากกัน แล้วก็ขุดหลุม ประมาณ 4-5 นิ้ว แล้วก็เอาหย่อนลงไป เอาดินกลบ ผูกเชือกไว้แบบนี้”
ปราณนต์สาธิตอย่างคล่องแคล่ว พริบพราวตั้งใจฟัง
“อ๋อ.ไม่เห็นยากเลย มานี่” พริบพราวหยิบต้นไม้มา “เอาถุงออก” พริบพราวดึงถุงพลาสติกคลุมรากออก “แล้วก็แยกแบบนี้”
ทันใดนั้นโคลนก็กระเด็นเข้าปากพริบพราว พริบพราวถุยออกแทบไม่ทัน
“ว้าย แหวะ” พริบพราวทั้งพ่นทิ้ง ทั้งเอามือเช็ด “ดินเข้าปาก”
ปราณนต์ขำ “ฮ่าๆๆๆ นี่แหละ ธรรมชาติอยากจะบอกว่า .. รีบๆทำไปไม่ต้องพูดมาก”
“ไม่พูดก็ได้”
พริบพราวค้อนใส่แล้วก็หันไปปลูกต้นไม้ด้วยความตั้งใจ ปราณนต์มองพริบพราวแล้วก็ยิ้มในความน่ารัก ความตั้งใจที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
รันนั่งเรือหางยาวตามมาอีกลำ รันมองหาพริบพราวและปราณนต์ สักพักรันก็ชะงักกึก
พริบพราวกับปราณนต์ช่วยกันปลูกต้นไม้อย่างสมัครสมานสามัคคีโดยส่งต้นไม้ให้กัน ทั้งลุยโคลน ทั้งจับมือประคับประคองกันอย่างเป็นธรรมชาติ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น
“ทำอะไรกัน”
พริบพราวกับปราณนต์หันมาเห็นไกรสรยืนอยู่
“คุณลุง”
“เอ่อคือ..ผมเห็นว่าคุณลุงจะกลับมาตอนเที่ยง ผมไม่อยากอยู่เฉยๆ ก็เลยใช้เวลาว่างมาปลูกป่าน่ะครับ”
“แต่ถ้าคุณลุงสะดวกจะคุยงานตอนนี้เดี๋ยวพราวกับณนต์รีบขึ้นไปล้างตัว แล้วคุยได้เลยค่ะ”
ไกรสรถามต่อ “คิดยังไงมาปลูกป่า ทำไมไม่เอาเวลาไปทำอย่างอื่น”
พริบพราวกับปราณนต์ชะงักมองหน้ากัน ปราณนต์ตอบตรงๆ ด้วยความจริงใจ
“ก่อนมา..ผมดูรายการทุกรายการที่คุณลุงเคยไปออก ผมเห็นว่าคุณลุงจะเน้นเรื่องการปลูกป่าชายเลนเพื่อรักษาสมดุลของธรรมชาติ ฟื้นฟูแหล่งที่อยู่ของสัตว์ และป่าก็เป็นแนวกันภัยธรรมชาติด้วย .. มันเป็นโครงการที่ดีมากๆ ไหนๆก็มาถึงที่นี่แล้ว ผมก็อยากช่วยคุณลุงปลูกบ้าง มันอาจจะไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำเลย”
ระหว่างที่ปราณนต์ตอบ พริบพราวก็มองปราณนต์ด้วยความชื่นชมและเคลิ้ม เพราะปราณนต์ดูหล่อมาก
รันแอบดูอยู่ไกลๆ เขาเห็นพริบพราวกับปราณนต์คุยกับไกรสรแต่ก็เห็นไม่ชัด รันหยิบโทรศัพท์มือถือมาส่องและซูมอินเพื่อดูให้ชัดขึ้น
ปราณนต์หันมาถามพริบพราว
“ใช่มั้ย พราว”
“อ่อ ใช่ค่ะ ทั้งสองวันที่เราอยู่ที่นี่ เราเห็นความทุ่มเท และความใส่ใจของคุณลุง .. พวกเราก็อยากช่วยด้วยอีกแรงค่ะ”
ไกรสรมองปราณนต์และพริบพราวแล้วก็พยักหน้า
“เอาหล่ะ..ตกลงฉันจะยอมเปิดพอร์ตกับพวกเธอ”
ปราณนต์กับพริบพราวช็อค “เปิดพอร์ต”
“ใช่..ฉันเห็นความตั้งใจของพวกเธอตั้งแต่เมื่อวาน เธอเป็นคู่ที่อึดที่สุด บริษัทอื่นกลับไปตั้งแต่ตอนเก็บหอยแล้ว หรือถ้ารอก็รอแบบเบื่อๆ ไม่มีใครออกไปลุยเหมือนพวกเธอ..และข้อมูลที่หามาก็แม่นยำ ใส่ใจ ทำให้ฉันไว้ใจว่าเธอจะดูแลเงินของฉันอย่างเต็มที่และขอเพิ่มจาก 30 ล้านเป็น 50 ล้าน”
ปราณนต์กับพริบพราวอึ้ง “50 ล้าน”
“พวกเธอเตรียมเอกสารให้พร้อม จะให้เซ็นอะไรก็จัดมา ฉันจะไปรอที่ห้องทำงาน”
“ค่ะๆ ได้เลยค่ะ เดี๋ยวพราวจะรีบไปจัดเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
ไกรสรยิ้มรับและเดินกลับไป พริบพราวรีบหันมาหาปราณนต์
“เราทำสำเร็จแล้ว เย้”
พริบพราวกระโดดกอดปราณนต์อย่างแรงจนปราณนต์เซนิดๆ พริบพราวกระโดดดีใจเหมือนเด็กๆ
“เราทำสำเร็จแล้ว ..ไม่อยากจะเชื่อเลย สุดยอด”
รันตกใจ “ว้าย !”
รันรีบกดรัวถ่ายรูปเก็บไว้ทันทีแชะ ๆๆ พริบพราวกระโดดกอดปราณนต์ สักพักเธอก็เริ่มรู้สึกตัวจึงรีบผละออกมาอย่างเขินๆ ปราณนต์ก็อายๆ ต่างคนต่างรู้สึกเก้อๆ
“ฉันขอโทษ..ดีใจมากไปหน่อย” แล้วพริบพราวก็รีบเปลี่ยนเรื่อง “ฉันรีบไปล้างตัว เตรียมเอกสารก่อนนะ”
พริบพราวยิ้มเขินๆ แล้วก็รีบเดินลุยโคลนไปแต่ก็นึกได้จึงเดินกลับมาพูดกับปราณนต์
“ฉันขอบอกเลยว่าเราได้งานนี้เพราะ “ความเป็นคนดี” ของนาย !! ถ้าฉันมาคนเดียว ฉันคงจะกลับไปเหมือนคนบริษัทอื่นเหมือนกัน” พริบพราวยิ้ม “ขอบใจมาก”
พริบพราวพูดชมแบบตรงไปตรงมาแล้วก็หันหลังเดินไป ปราณนต์รู้สึกว่าใจพองโตอย่างบอกไม่ถูก ปราณนต์ยิ้มกับตัวเองอย่างมีความสุข
รันเห็นทุกสิ่งโดยเฉพาะหน้าตอนที่ปราณนต์มีความสุข
“แย่แล้วศยา”
รันเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมาทันที
อ่านต่อหน้าที่ 2
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
อวัศยากำลังคุยโทรศัพท์ออฟฟิศกับลูกค้าอยู่
“ศยาจะให้น้องๆดูแลคุณหญิงให้อย่างดีเหมือนเป็น VIP ของที่นี่เลยค่ะ”
ทันใดนั้นก็มีสายเข้าที่มือถืออวัศยา อวัศยาหยิบมาดูก็เห็นว่าเป็นรัน
“คุณหญิงไม่ต้องห่วงนะคะ..ค่ะสวัสดีค่ะ”
อวัศยาวางสายก่อนจะรับโทรศัพท์รัน
“รัน...ว่าไง”
“ฉันโทร.มารายงานตัวว่าฉันถึงที่หมายเรียบร้อยแล้ว”
อวัศยาตาวาวทันที เธอรีบเดินไปล็อคประตูเพราะกลัวคนจะพรวดพราดเข้ามา
“แล้ว..เจอมั้ย” อวัศยาถาม
รันอึกอัก “ก็......”
“ก็อะไร เจอสองคนนั้นมั้ย”
รันนึกถึงตอนที่ทั้งสองคนกอดกัน และเขาก็ถ่ายรูปเก็บไว้
รันแอบไขว้นิ้วแล้วก็โกหก “เอาเป็นว่ายังไม่เจอตอนนี้ดีกว่า”
อวัศยาถอนใจ “โธ่!”
รันเบ้หน้าด้วยความรู้สึกผิด
“คือฉันจะโทร.มาบอกแกว่าในที่พักไม่มีสัญญาณมือถือ เน็ตก็ไม่มี ฉันไม่แปลกใจทำไมถึงติดต่อณนต์กับพราวไม่ได้ เอ่อ..นี่ๆศยาวันนี้ฉันคงยุ่งมว๊าก เอาเป็นว่าไว้ฉันกลับเข้ากรุงเทพแล้วเราค่อยคุยกัน..อุ่ย...ลูกค้ามาแล้ว...SEE YOU นะเพื่อน”
รันรีบวางสายไปเลย อวัศยารีบเรียก
“เดี๋ยวก่อนสิรัน รัน รัน” แต่รันวางไปแล้ว
อวัศยาวางสายตามไปด้วยความเซ็ง
“ขอโทษนะศยา ฉันไม่อยากให้นอยด์ตอนที่ฉันไม่อยู่ เดี๋ยวจะไม่มีใครดูแล”
รันพึมพำด้วยความเป็นห่วงอวัศยา รันเปิดรูปดูอีกทีอย่างหนักใจ รูปคู่ของปราณนต์กับพริบพราวที่กอดกันในโคลนโชว์หราที่หน้าจอ
พริบพราวยืนดูแฟ้มลูกค้าที่เซ็นเรียบร้อยด้วยความพอใจ พริบพราวคิดด้วยแววตาแอบร้าย ปราณนต์เดินถือกระเป๋าเสื้อผ้ามาหา
พริบพราวหันมา “ณนต์” พริบพราวเรียกด้วยเสียงหวานผิดปกติ
ปราณนต์ชะงักนิดๆ แบบแอบเขิน “เป็นไร เรียกซะหวานเลย”
“ถ่ายรูปกัน เก็บไว้เป็นที่ระลึก งานนี้เป็นงานแรกที่เราสองคนร่วมมือกันและสำเร็จไปได้อย่างสวยงาม ลุงไกรเพิ่มวงเงิน และเพื่อนของลุงอีกสองคนที่ฉันติดต่อไว้ ก็ยินดีจะเปิดด้วย เพราะไว้ใจการตัดสินใจของลุง ถ้าลุงเชื่อเรา เค้าก็เชื่อ เพราะฉะนั้น..วันนี้เราได้ลูกค้า 3 คน!! 110 ล้าน !! แบบนี้ต้อง..ถ่ายรูป”
ปราณนต์ขำ “คุณนี่...บ้ากล้องได้โล่จริงๆ”
“เอาน่า..ยิ้มหน่อยเร็ว”
พริบพราวเอียงตัวเข้าหาปราณนต์และถ่ายรูปคู่กันอย่างแนบชิดเพราะตั้งใจแกล้งอวัศยา พริบพราวรัวถ่ายรูป 8 แอ็คอย่างเมามัน พอถ่ายเสร็จก็เช็ครูปด้วยความพอใจ
“เดี๋ยวฉันมานะ” พริบพราวบอก
ปราณนต์ถาม “ไปไหน”
“ไปหาสัญญาณอินเตอร์เน็ต พนักงานบอกว่ามีสัญญาณบนเนินเขาทางด้านโน้น..เดี๋ยวฉันมานะ”
“แล้วคุณจะเข้าเน็ตทำไม ? นี่คุณ .. คุณ ..”
พริบพราวรีบเดินไปโดยไม่ตอบ ปราณนต์คิดแล้วดูนาฬิกา
อวัศยาเดินไปเดินมาอยู่ในห้องแล้วก็ตัดสินใจเดินมาที่คอมพิวเตอร์ เธอเปิดอีเมล Love in a mist แล้วก็พิมพ์อีเมลตอบ
“ปราณนต์ .. ขอโทษด้วยที่เพิ่งจะมีเวลาตอบเมลคุณ การเดินทาง การทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ? ราบรื่นดีหรือเปล่า ฉันหวังว่า..เพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดของคุณ คงจะช่วยงานคุณได้อย่างเต็มที่.. เล่าสู่กันฟังบ้างนะ...แอบรัก”
อวัศยากดส่งไป
อวัศยารอด้วยความตื่นเต้น ทันใดนั้นก็มีอีเมลเด้งกลับมา
“ตอบมาแล้ว”
อวัศยารีบเปิดแต่กลับเป็นอีเมลจากพริบพราวที่ส่งเข้ามาอีกบัญชี อวัศยาหน้าเครียด
“พริบพราว”
อวัศยารีบเปิดแล้วก็อึ้งเพราะที่หน้าจอเป็นรูปของพริบพราวและปราณนต์ดูสวีตกันในมุมต่างๆ ตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง เก็บหอย เปลี่ยนชุด ใส่ผ้าถุงน่ารัก และสุดท้ายฉลองที่ได้ลูกค้า
อวัศยาอ่าน “ขอบคุณพี่ศยามากนะคะที่ส่งพราวมาทำงานนี้...ตอนนี้พราวได้ลูก 3 รายและยอดเงินทะลุเป้าที่วางไว้ นอกจากลูกค้า และเงินแล้ว..พราวยังได้รู้จักกับณนต์เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ... ความดี ความน่ารัก ความอบอุ่นของปราณนต์ทำให้พราวเข้าใจแล้วว่าทำไมหัวใจอันเย็นชาของพี่ศยาถึงได้หวั่นไหว...ณนต์น่ารักจริงๆค่ะ .. ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ทำให้เราสองคนได้เรียนรู้กันมากขึ้น คราวหน้าส่งพราวมาทำงานแบบนี้อีกนะคะ พราวช๊อบ..ชอบ ^^” ปิดท้ายอีเมลล์ด้วยรูปคู่หวานแหวว
อวัศยาแทบกรี๊ด เธอใจสั่นเมื่อเห็นรูปทั้งสองคนสนิทสนมกันแล้วก็เครียดว่าจะทำยังไงดี
ปราณนต์ยืนรออยู่ที่รถ เขาดูนาฬิกาแบบแอบร้อนใจนิดๆ เพราะอยากรีบเข้าออฟฟิศ ปราณนต์ชะเง้อมองหาพริบพราว พริบพราวเดินอมยิ้มลงมาจากเนินเขา
“ยิ้มอะไร” ปราณนต์มองเหมือนจะจับผิด “ดูมีความสุข ไปแอบทำอะไรมา”
“ก็..ฉันบอกแล้วไง..ไปส่งเมลมา”
ปราณนต์ชะงัก “ส่งหาใคร ผมหรือเปล่า” พริบพราวงง “คือ...ผมรู้จักหรือเปล่า”
พริบพราวยิ้มๆ “ไม่บอก..รีบไปกันดีกว่า..ฉันคิดถึงออฟฟิศจะแย่อยู่แล้ว”
พริบพราวพูดจบก็เดินขึ้นรถ ปราณนต์มองตามแล้วก็คิดเพราะรู้สึกคาใจ
อวัศยาเดินไปเดินมาโดยพยายามโทรหารันแต่ก็โทรไม่ติด
“รันปิดเครื่องทำไมเนี่ย”
อวัศยาพยายามโทรต่อไปแต่ก็ยังไม่ติดอยู่ดี ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ลิปดาเปิดเข้ามา
“เมื่อกี้คุณไกรสรโทร.มาบอกว่าตัดสินใจเปิดพอร์ตกับพราวและปราณนต์แล้วนะ..ขอเพิ่มวงเงินจากสามสิบล้านเป็นห้าสิบล้าน คุณรู้เรื่องหรือยัง”
“รู้แล้ว..พราวเพิ่งส่งเมลมาบอกเมื่อกี๊นี้เอง” อวัศยาพยายามจะโทรหารันแต่ก็โทรไม่ติด
ลิปดาเห็นความผิดปกติก็ถาม “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ทำไมดูคุณร้อนรนแปลกๆ”
“ร้อนรนอะไร ฉันไม่ได้ร้อนรนสักหน่อย ฉันแค่แปลกใจที่ทำไมติดต่อรันไม่ได้ โทร.ไปก็ไม่มีสัญญาณ” อวัศยาหงุดหงิด “ปิดเครื่องทำไมเนี่ย .. เปิดสิ”
“ทำไมถึงอยากติดต่อหาคุณรัน ตอนนี้เค้าไปดูลูกค้านอกสถานที่ไม่ใช่เหรอ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นโรงงานที่อยู่ใกล้ๆกับโฮมสเตย์ลุงไกร” ลิปดาบอก
ลิปดาชะงักและคิดในใจ “เอ๊ะ..หรือว่า” ในขณะที่อวัศยาชะงักคิดในใจว่า “โอ๊ะ..แย่แล้ว” อวัศยารีบเล่นละครทันที
“อ้าวเหรอ...ใกล้กันเหรอ ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย..แหม..บังเอิญจัง” อวัศยารีบเปลี่ยนเรื่อง “เออบอส..เย็นนี้เรามีนัดทานข้าวกับยายนะคะ”
ลิปดาผงะ
นิดาเดินมาพอดีพอได้ยินก็ถึงกับชะงัก
“มีนัดทานข้าวกับยาย”
นิดาจะเปิดประตูเข้าไปเลยชะงักหยุดฟังก่อน
อวัศยาจากในห้อง “อย่าลืมสิว่า..ภาระกิจ “แฟน” ยังไม่สิ้นสุด”
นิดาอึ้ง “แฟน ?”
ลิปดารู้ทัน
“ผมไม่ลืมหรอกน่า..แต่คุณไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเร็วขนาดนี้ก็ได้..ตกลงคุณไม่รู้จริงๆเหรอว่าคุณรันอยู่แถวๆที่ปราณนต์กับพริบพราวไปหาลูกค้า”
“ไม่รู๊ ! แต่ถึงรู้ก็ไม่สำคัญนี่ ฉันไม่ได้มีอะไรกับสองคนนั้น พราวก็เพิ่งเมลมารายงานทุกอย่างหมดแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้อง..อยากรู้อะไรสักหน่อย” อวัศยาทำหน้าซื่อ
ลิปดาไม่เชื่อ แต่ก็รู้ว่าอวัศยาคงไม่บอก “ก็ดี..เพราะถ้าผมรู้ว่าคุณร้อนอกร้อนใจอยากติดต่อคุณรันเพราะปราณนต์..ในฐานะที่เป็นผมเป็นแฟน ผมคง “หึง” มาก”
นิดาเหวอ “หึง !”
อวัศยาทำเป็นขำกลบเกลื่อน
“ฮ่าๆๆๆ “หึง” เนี่ยนะ..ไร้สาระแล้วบอส..นี่มีนัดลูกค้าตอนบ่าย 2 ไม่ใช่เหรอ รีบไปได้แล้วเดี๋ยวก็สายกันพอดี แล้วอย่าลืมเย็นนี้ เจอกันที่ห้องเลยนะ”
นิดาตาโต
“เจอกันที่ห้อง”
ประตูกำลังจะเปิดออก นิดารีบวิ่งถอยหลังออกไปตั้งหลัก ประตูเปิดออก ลิปดาเดินออกมาด้วยหน้าตาที่ยังครุ่นคิดเพราะยังคาใจ นิดารีบหยุดเดินถอยหลังและเดินหน้าปกติเหมือนเพิ่งเดินมาถึงด้วยแอคติ้งที่เนียนมาก
“บอสคะ..มีเอกสารด่วนให้บอสเซ็นก่อนไปค่ะ” นิดายื่นแฟ้มให้แล้วยิ้มใส เหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย
พอลิปหาก้มหน้าจะเซ็น แววตาค้างคาใจของนิดาก็ผุดขึ้นมาทันที
ลิปดานึกขึ้นมาได้ “คุณนิดา..ให้คุณรุจน์ไปเจอผมที่หน้าออฟฟิศ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ค่ะ”
นิดารับคำพร้อมรอยยิ้ม พอลิปดาก้มเซ็นเอกสารนิดาก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นครุ่นคิด ค้างคา และอยากเม้าท์ทันที
รุจน์ถามด้วยความแปลกใจ
“บอสรู้เรื่องไอ้ณนต์กับผู้หญิงในแชตด้วยเหรอครับ”
ลิปดากับรุจน์คุยกันที่มุมหนึ่งหน้าบริษัท
“ผมรู้ทุกเรื่องในบริษัท..ว่าไง..ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง แล้วรู้หรือยังว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
รุจน์คิด “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าเป็นใคร และตอนนี้เป็นยังไง ..แต่เท่าที่เห็นไอ้ณนต์มันไม่แชตแล้วนะครับ..เมื่อก่อนพิมพ์ไปยิ้มไปเห็นชัดเลยว่าคุยกับหญิงแน่นอน ตอนนี้ก็เห็นมองๆโทรศัพท์แต่ไม่เห็นหยิบมาส่งข้อความอะไร”
ลิปดาฟังแล้วก็พยักหน้าตามโดยในใจก็แอบโล่งอก
“บอสอยากรู้มากกว่านี้มั๊ยครับ ผมจะได้ไปถามไอ้ณนต์”
ลิปดารีบพูด “ไม่ต้อง ผมอยากรู้แค่นี้ .. เห็นเป็นพนักงานใหม่ไม่อยากให้ติดแชตจนเสียงาน เสียดายอนาคต..เออแล้ว..คุณก็ไม่ต้องบอกคนอื่นว่าผมถามเรื่องนี้”
“ครับ”
“ผมมีเรื่องสงสัยแค่นี้ .. ไม่มีอะไรแล้ว”
ลิปดาเดินไปขึ้นรถประจำตำแหน่งที่จอดรออยู่รุจน์มองตามแล้วก็คิดรู้สึกแปลกๆที่ลิปดาถามเรื่องนี้
อวัศยาพยายามโทรหารันแต่ก็โทรไม่ติด เธอเดินไปเดินมาด้วยความร้อนใจ
แสนดีโวยวายด้วยความตกใจ
“บอสกับยัยมิสคานทองเป็นแฟนกัน”
ลิลลี่รีบปิดปากแสนดี ส่วนนิดาจุ๊ปากให้เธอพูดเบาๆ พีระยืนคุมตรงประตูรีบหันซ้ายหันขวาว่ามีคนอื่นได้ยินหรือเปล่า
“เบาๆ !! เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหมด” นิดาบอก
แสนดีสะบัดตัวออกมาจากการปิดปากของลิลลี่ “ก็มันน่าตกใจนี่ มันจะเป็นไปได้ยังไง คุณนิดาแน่ใจนะว่าฟังไม่ผิด”
“ไม่ผิดแน่นอน ได้ยินเต็มสองหู นี่ๆ ก่อนบอสออกไปยังนัดเจอกันที่ห้องด้วย”
แสนดี พีระ และลิลลี่สะดุ้งพร้อมกัน “เฮ้ย”
“แล้วยังมีการแซวๆกัน ถึงน้องณนต์ด้วยนะ” นิดาเล่าต่อ
ลิลลี่หูผึ่ง “เกี่ยวอะไรกับณนต์คะ”
“อันนี้ได้ยินไม่ชัด แต่เหมือนกับบอสจะหึงน้องณนต์”
แสนดี พีระ และลิลลี่สะดุ้งพร้อมกันอีกที “หะ หึงณนต์”
ทันใดนั้นรุจน์ก็เดินเข้ามาพร้อมกับบ่นเสียงดัง
“วันนี้บอสดูแปลกๆ ..อยู่ๆก็เรียกไปถามเรื่องไอ้ณนต์”
แสนดี พีระ ลิลลี่ และนิดาหันขวับไปทางรุจน์และถามขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“บอสถามว่าอะไร”
รุจน์สะดุ้ง ผงะ และมองทั้งสี่คนด้วยความตกใจก่อนจะตอบเสียงจ๋อยๆ
“บอสไม่ให้บอก...อ่ะ”
ลิลลี่ยื่นหน้ามาทันที “พี่รุจน์จะบอกหรือไม่บอก..ถ้าไม่บอกอย่ามาคุยกันตลอดชีวิต”
รุจน์หน้าเสีย “บอกก็ได้...อ่ะ”
รุจน์จำต้องยอมพ่ายแพ้ต่ออิทธิพลเถื่อน
ลิปดาที่นั่งอยู่ในรถคิดเรื่องอวัศยากับปราณนต์
คำพูดของรุจน์ดังก้อง “แต่เท่าที่เห็นไอ้ณนต์มันไม่แชตแล้วนะครับ..เมื่อก่อนพิมพ์ไปยิ้มไปเห็นชัดเลยว่าคุยกับหญิงแน่นอน ตอนนี้ก็เห็นมองๆโทรศัพท์แต่ไม่เห็นหยิบมาส่งข้อความอะไร”
ลิปดายิ้มนิดๆ ด้วยความสบายใจ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ลิปดาหยิบมาดูแล้วทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะกดรับ
“พี่องศาสวัสดีครับ”
องศายืนอยู่ที่สนามในบ้าน ส่วนรุ้งลดากำลังคุมคนงานจัดงานอยู่ด้านหลัง
“เสาร์อาทิตย์นี้ว่างหรือเปล่า ฉันจะชวนนายมางานวันเกิดฉัน .. ปีนี้จัดใหญ่หน่อยเพราะอยากจะเชิญผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นลูกค้าที่ธนาคารมาเลี้ยงขอบคุณด้วย”
“ยังไม่แน่ใจครับว่าจะว่างหรือเปล่า”
องศาไม่พอใจ คิด แล้วก็ตอบกลับไป “ไม่ได้ ไม่ว่างไม่ได้ งานนี้พ่อแม่ฉันกำชับว่าให้ชวนนายมาให้ได้”
ลิปดาทำหน้าเซ็ง
องศาพูดต่อ “บอกว่าถ้านายไม่มา จะโทรไปฟ้องพ่อแม่นายที่เมกา..”
รุ้งลดาเดินมาคุมงานอยู่ใกล้ๆ องศา
“งานปีนี้ฉันจัดเป็นธีมย้อนยุค อาหาร ดนตรี เต้นรำ จัดเต็ม อ้อ..แล้วห้ามมาคนเดียวต้องพาหญิงมาด้วย แกก็เลือกมาสักคนแล้วกัน จะกิ๊ก จะกั๊ก หรือ..จะชวนลูกน้องแกที่ชื่อพริบพราวมาด้วยก็ได้นะ” องศาพูด
รุ้งลดาชะงักกึกก่อนจะหันมามององศาด้วยความแค้นใจและหึงปรี๊ดขึ้นมาทันที
ลิปดานิ่งคิดแล้วก็นึกถึงอวัศยา
“โอเค..ผมรับคำเชิญ” ลิปดาตอบ
ลิปดายิ้มนิดๆ
อวัศยายังเดินงุ่นง่านโทรศัพท์หารันแล้วก็โทรติดจนได้ อวัศยารีบถามแบบไม่ได้โวยวายหรือเหวี่ยง
“รัน! อยู่ไหน ทำอะไรอยู่ โทร.ไปตั้งแต่เช้าทำไมไม่ติด ติดก็ไม่รับ”
รันเดินออกมาจากโรงงานตรงมาที่รถ
“ฉันเพิ่งคุยกับลูกค้าเสร็จ...นี่ปราณนต์กับพราวยังไม่ถึงออฟฟิศอีกเหรอ”
อวัศยารีบพูดต่อโดยถามเป็นชุดแต่ยังดูมีสติพอสมควร
“ยัง..แล้วสถานการณ์เมื่อเช้าที่เธอเห็นเป็นยังไงบ้าง สองคนนั้นเป็นยังไง มีอะไรที่น่าเป็นห่วงหรือเปล่า”
รันคิดแล้วก็ตัดสินใจบอก
“ศยา...ถ้าฉันส่งอะไรให้เธอดู...เธอรับปากฉันได้มั๊ยว่าจะไม่ปรี๊ด ไม่จี๊ด และจะดูอย่างมีสติ ไม่ใช้อารมณ์”
อวัศยาใจสั่นแต่ก็พยายามตอบอย่างมีสติ
“ได้..ฉันรับปาก มีอะไรส่งมาเลย..ฉันรับได้”
เสียงอีเมลเข้าดังตึ่ง อวัศยารีบเปิดดูแล้วก็อึ้งที่เห็นรูปปราณนต์กับพริบพราวกอดกันในโคลน อวัศยาอึ้งและใจสั่นเพราะรับไม่ได้
ประตูบริษัทเปิดเข้ามา พริบพราวกับปราณนต์เดินเข้ามาราวกับเป็นฮีโร่ พริบพราวเดินมาหาลิลลี่
“พราวกับณนต์ทำยอดให้ทีมได้เพิ่มอีกหนึ่งร้อยสิบล้าน จากยอดนี้ทำให้ทีมของเราจะได้ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในเดือนนี้ โค่นแชมป์อย่างพี่พีได้เป็นครั้งแรกค่ะ”
ลิลลี่ พีระ และรุจน์หันมาด้วยความสนใจ
“เดี๋ยวพราวเอาเอกสารไปให้พี่แสนดีจัดการก่อนนะคะ”
พริบพราวเดินไปอย่างร่าเริง ลิลลี่ พีระ และรุจน์หันมาทางปราณนต์
รุจน์จับไหล่ “ผลงานดีนะไอ้ณนต์..ยินดีด้วย ดูท่าทางดวงจะกำลังขึ้น มีนารีอุปถัมภ์”
รุจน์พูดจบก็หันไปทำงานต่อ ปราณนต์ฟังแล้วรู้สึกทะแม่งๆ เพราะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร
อวัศยายังอึ้งกับรูปที่ค้างอยู่หน้าจอ เธอถอยออกมาโดยพยายามทำใจให้นิ่ง ไม่เครียด ไม่หวั่นไหว พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นปราณนต์ อวัศยาเดินออกไปหาทันที โดยที่ภาพปราณนต์กับพริบพราวยังค้างอยู่ที่หน้าจอ
พริบพราวส่งเอกสารให้แสนดี
“พี่แสนดีค่ะ นี่เป็นรายละเอียดของลูกค้าใหม่คุณไกรสรค่ะ ฝากพี่แสนดีเชคข้อมูลและเตรียมเอกสารยืนยันการเปิดพอร์ตให้ด้วยนะคะ”
แสนดีรับมา “ได้เลยค่ะ เดี๋ยวพี่จัดให้”
พริบพราวคิดแล้วก็ยิ้มมีแผนก่อนจะหันไปทางแสนดี “เดี๋ยวค่ะพี่แสนดี..พราวขอเอาใบเซ็นเปิดพอร์ตของลูกค้าไปให้ศยาดูก่อนนะคะ..พี่ศยาจะได้รู้ว่าพราวทำงานที่รับมอบหมายสำเร็จสิ้นไปได้อย่างดี”
พริบพราวยิ้มพอใจแล้วก็เดินพุ่งไปที่ห้องอวัศยาทันที
อวัศยาเดินมาหาปราณนต์
“ปราณนต์”
ปราณนต์หันไปเห็นอวัศยา ทุกคนหันตามขวับ ตาวาวเป็นประกายขึ้นมาทันที
“เชิญมาคุยกับฉันที่ห้องหน่อย” อวัศยาพูด
ปราณนต์รับคำ “ครับ”
อวัศยาเดินนำไป ปราณนต์เดินตาม พีระ รุจน์ และลิลลี่มองตามกันเป็นตาเดียวด้วยความอยากรู้อยากเห็นจนตาเป็นประกาย
พริบพราวเดินมาที่ห้องอวัศยาโดยยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข พริบพราวเคาะประตูแต่ก็ไม่มีเสียงตอบ พริบพราวจึงเปิดเข้าไป
อวัศยากับปราณนต์กำลังเดินมา
พริบพราวเดินเข้ามาในห้องอวัศยาที่ว่างเปล่า พริบพราวเดินมาที่โต๊ะแล้วจะหาที่วางเอกสารแต่บังเอิญทั้งโต๊ะเต็มไปด้วยแฟ้มงาน พริบพราวลองวางแล้วแต่ก็ไม่เด่น ไม่สะใจ เธอเห็นข้างๆเม้าส์มีที่ว่างจึ
งเดินไปและวางเอกสารไว้ข้างๆเม้าส์แต่มือเลื่อนไปโดนเม้าส์ทำให้เม้าส์ขยับ ภาพหน้าจอที่พักไว้หายไป
กลายเป็นภาพหวานระหว่างเธอกับปราณนต์กลางโคลนแทน
พริบพราวกวาดสายตาไปเห็นก็ถึงกับอึ้ง เธอเพ่งมองด้วยความช๊อคว่าภาพนี้มาได้ยังไง ทันใดนั้นเสียงอวัศยาก็ดังขึ้น
“ทำอะไร”
พริบพราวตกใจเมื่อหันขวับมาเห็นอวัศยายืนอยู่กับปราณนต์
รุจน์ ลิลลี่ และพีระพากันมาที่มุมหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องอวัศยาก่อนจะเปิดฉากเม้าท์สนั่น
“เมื่อกี๊เห็นหรือเปล่า พอไอ้ณนต์มาถึง พี่ศยาก็มาเรียกไปเลย..ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมบอสถึงหึงไอ้ณนต์..” รุจน์ว่า
“เดี๋ยวๆ..ตกลงเราสรุปกันแล้วว่าบอสกับคุณศยาเป็นแฟนกัน แล้วคุณศยาก็กิ๊กกับปราณนต์จริงๆ งั้นเหรอ ถามจริง” พีระยังไม่อยากเชื่อตามประสาผู้ใหญ่
“มันก็น่าคิดนะพี่พี..ดูสิ..อยู่ๆณนต์กับพราวก็ได้ลูกค้ารายใหญ่เปิดพอร์ตตั้งร้อยกว่าล้าน .. ถ้าพี่ศยาไม่ช่วยจะได้แบบนี้เหรอ” ลิลลี่บอก
รุจน์พยักหน้าแต่พีระยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี ทันใดนั้นเสียงอวัศยาก็ดังขึ้น
“ฉันถามว่าทำอะไร”
รุจน์ ลิลลี่ และพีระหันขวับไปทันที
อวัศยาเดินเข้ามาหาพริบพราวโดยในใจยังเต้นเร่าๆ แต่พยายามทำนิ่ง ปราณนต์ยืนอยู่แถวๆประตู
พริบพราวใส่ทันที
“รูปพวกนี้คืออะไร พี่ศยาส่งคนไปแอบดูเราสองคนทำไมคะ”
ปราณนต์ชะงักกึก อวัศยายืนนิ่งตั้งสติ พริบพราวใส่เป็นชุดเสียงดัง
“นี่มันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างรุนแรง ที่ผ่านมาพราวพยายามจะไม่โวยวายไม่ว่าจะโดนกลั่นแกล้งแค่ไหน แต่สำหรับเรื่องนี้ พราวรับไม่ได้”
ปราณนต์ปราม “พราว..ใจเย็นๆ”
“ผู้หญิงคนนี้ส่งคนไปแอบถ่ายรูปเราสองคน นายรู้แล้วจะใจเย็นก็ตามใจ แต่ฉันเย็นไม่ลง”
ปราณนต์ชะงักกึกแล้วหันมาทางอวัศยาแบบงงๆ อวัศยาเจ็บจี๊ด
พีระ รุจน์ และลิลลี่วิ่งมาจากอีกทางในสภาพหน้าตาเลิ่กลั่ก แสนดีกับนิดาวิ่งมาจากอีกทางด้วยท่าทางเลิ่กลั่กพอกัน
นิดาพูดเบาๆ “เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่รู้เหมือนกัน ได้ยินเสียงพี่ศยาโวยวายก็เลยเดินมาดู”
แสนดีจุ๊ปาก “ชู่ว!”
ทุกคนเงียบแล้วเงี่ยหูฟังต่อ
พริบพราวยังปรี๊ดไม่เลิก
“ถ้านายไม่เชื่อก็มาดูรูปนี้เลย” พริบพราวจะมาลากปราณนต์ไปดู “เห็นแล้วก็จะรู้เองว่าทำไมฉันถึงปรี๊ดแบบนี้”
อวัศยาขัดขึ้น “หยุด !! ตั้งสติและฟังให้ดีๆ..ฉันจะไม่อธิบายมากและไม่พูดซ้ำ..ที่ฉันทำแบบนี้ก็เพราะเธอ” อวัศยาหันมาทางพริบพราว “ทำตัวไม่น่าไว้วางใจ”
“พราวเนี่ยนะไม่น่าไว้วางใจ แล้วการที่คุณส่งคนไปแอบถ่ายรูปเราสองคน มันน่าไว้ใจตรงไหนคะ โรคจิตชัดๆ”
อวัศยาสวน “มันจะมากเกินไปแล้วนะ..ที่ฉันส่งคนไป เพราะต้องการสอดส่องติดตามดูการทำงานของพวกเธอ ฉันแค่อยากมั่นใจว่าเธอไม่ได้เอาเวลางานไปทำ “ธุระส่วนตัว” และที่ฉันไม่ไว้ใจ..ก็เพราะรูปที่เธอส่งมาให้ฉัน”
พริบพราวสะอึก
ภาพเซฟฟี่คู่กับปราณนต์ที่ส่งมาให้ศยาแวบเข้ามาในหัวพริบพราวทันที
พริบพราวจุก ปราณนต์งงหนัก
อวัศยาพูดต่อ “หรือเธออยากให้คนอื่นเห็นรูปที่เธอส่งมาให้ฉัน...แล้วให้พวกเขาเป็นคนตัดสินว่าฉันควรจะไม่ไว้ใจเธอหรือเปล่า”
อวัศยาปรายตาออกไปนอกห้องที่มีหมู่มวลมหาประชาอยากรู้ยืนอยู่ พออวัศยาปรายตามาปุ๊บแต่ละคนก็ทำเป็นยืนคุยงาน อ่านเอกสาร เหมือนจะไม่ใส่ใจ พริบพราวหันไปมองตามพอเห็นคนอื่นยืนอยู่เต็มก็หน้าเจื่อน
“รูปพวกนั้นมันทำให้ฉันคิดว่า..เธออาจจะไม่ได้ไปทำงานแต่ไปทำอย่างอื่น” อวัศยาว่า
ทุกคนมองหน้ากัน แล้วต่อมอยากรู้ก็ทำงานทันทีว่ารูปอะไร ทำอะไร
อวัศยายังใส่ต่อ
“ที่ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัท..ถ้าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่เห็นจะต้องเดือดร้อน”
“พราวไม่เชื่อ”
ปราณนต์จับแขนพริบพราว “พราว...พอแล้ว” พริบพราวหันมา ปราณนต์ส่งสายตาปราม “พี่ศยาพูดถูก บริษัทมีสิทธิ์ที่จะส่งคนไปติดตามการทำงาน ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ไม่เห็นจะต้องร้อนตัว”
อวัศยามองปราณนต์อย่างเป็นปลื้มที่เขาคิดได้
พริบพราวสะกดอารมณ์ก่อนจะสะบัดแขนออกจากปราณนต์แล้วเดินไปหาอวัศยา
“พราว”
พริบพราวเดินมาหยิบเอกสารแล้วชูขึ้นที่หน้าอวัศยา “นี่เป็นใบขอเปิดพอร์ตจากลูกค้า พราวทำงานที่ได้รับมอบหมายเรียบร้อย!! ขอบคุณที่มอบหมายงานใหญ่ให้ และเสียใจด้วยถ้าคิดว่าฉันจะทำไม่สำเร็จ” พริบพราววางกระแทกลงบนโต๊ะ
พริบพราวยื่นหน้ามาทางอวัศยาและพูดแบบให้ได้ยินกันแค่สองคน
“พราวรู้ว่าพี่ศยาไม่ได้ทำเพราะหวังดีกับบริษัท .. ถ้าพราวหาหลักฐานได้ว่าพี่ทำเพราะเจตนาอื่น พราวจะแฉให้หมด ทุกคนจะได้รู้สักทีว่าพี่ไม่ได้เป็นหัวหน้าที่ดีอย่างที่ทุกคนเห็น โดยเฉพาะปราณนต์”
พริบพราวขู่ทิ้งท้ายไว้แล้วก็รีบเดินออกไป อวัศยาจุก แก็งขาเม้าแตกกระจาย พริบพราวเดินหน้าง้ำออกมาอย่างเคียดแค้น
ปราณนต์มองอวัศยา
“พี่ศยา..มีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”
อวัศยาเสียงอ่อย “ไม่มีอะไรแล้ว..ออกไปได้”
ปราณนต์เป็นห่วง “ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย บอกได้เลยนะครับ” ปราณนต์จะเดินออกไป แต่คิดแล้วก็หันกลับมา “ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น..แต่ผมเชื่อว่า..พี่ศยาทำทุกอย่างเพื่องาน..เพื่อบริษัทจริงๆ.. ผมอยากบอกแค่นี้ครับ”
อวัศยาอึ้งเพราะรู้ว่าไม่ใช่ ปราณนต์ยิ้มอย่างจริงใจและให้กำลังใจก่อนจะเดินจากไป อวัศยาถึงกับทรุด “แพ้ๆๆ” อวัศยาปรายตามาเห็นรูปพริบพราวกับปราณนต์กอดกันในโคลนก็ยิ่งจี๊ด เธอรีบกดลบรูปนั้นทิ้งทันที
อ่านต่อหน้าที่ 3
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
พริบพราวเดินมานั่งที่โต๊ะในสภาพหน้าบึ้งตึง ลิลลี่ รุจน์ และพีระที่นั่งอยู่รอบๆ แอบมองด้วยแววตาโคตรอยากจะรู้ อยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูด แสนดีกับนิดาทำเป็นยืนดูเอกสารอยู่ไม่ห่างโดยมองมาเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม
พริบพราวมองไปรอบๆ พอเห็นสายตาของคนอื่นที่มองมาด้วยความอยากรู้ พริบพราวสบตาก็หลบวูบวาบๆ พริบพราวยิ่งแค้นใจที่อวัศยาทำให้เธอดูแย่ในสายตาคนอื่น ปราณนต์เดินตามมานั่ง พอเห็นบรรยากาศโดยรวมแล้วเขาก็พอจะเข้าใจ ปราณนต์มองพริบพราวด้วยความเห็นใจ
อวัศยาเดินไปมาในห้อง แล้วก็ครุ่นคิดด้วยความหนักใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พริบพราวพยายามจะทำงานแต่จิตใจพลุ่งพล่านไม่สงบ ปราณนต์มองพริบพราวเป็นระยะๆ ด้วยความเป็นห่วง
อวัศยายืนคิดอยู่ในห้องที่มองเห็นปราณนต์ ปราณนต์นั่งอยู่ที่โต๊ะโดยมองมาที่พริบพราว พริบพราวหงุดหงิดนั่งเซ็งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ในใจหมกหมุ่นกับเรื่องเอาคืนอวัศยาเป็นวังวนที่วุ่นวายไม่มีทางออก
ขนมเค้ก 5 ชิ้นวางอยู่เต็มโต๊ะ พริบพราวจ้วงกินด้วยความแค้นและเครียด ทันใดนั้นปราณนต์
ก็มานั่งตรงหน้า
“อ้วน” ปราณนต์ว่า
พริบพราวมองหน้าโดยช้อนยังคาอยู่ที่ปาก “ฉัน - ไม่ - แคร์” พริบพราวกินต่อ
ปราณนต์มองแล้วก็ขำ “คุณรู้หรือเปล่า .. ชีวิตคนเรามีวิธีสร้างความสมดุลให้เราอย่างแนบเนียน ถ้าเราสังเกตสักนิด เราจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข”
“มาเทศน์อะไรเนี่ย ไม่มีอารมณ์จะฟัง”
“ไม่ได้เทศน์ แค่ชี้ทางสว่าง..คุณคิดดู..เมื่อเช้าตอนที่ลุงไกรเปิดพอร์ต เราดีใจกันขนาดไหน และเมื่อตอนบ่ายคุณก็มีเรื่องทะเลาะกับพี่ศยา..จิตตกลงไปขนาดไหน..นี่แหละชีวิตกำลังจะสอนให้คุณรู้ว่า..มีขึ้นก็ต้องมีลง..ปลงซะ”
พริบพราวแกล้งยกมือไหว้ท่วมหัว “ซ๊าธุ !”
ปราณนต์ชะงักแล้วทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
“ฮ่าๆๆๆ”
พริบพราวรู้สึกเบาขึ้น ปราณนต์ยิ้มที่พริบพราวหัวเราะออกมาได้
“ก็จริง..เฮ่อ..ฉันก็ไม่ได้จะอะไรมาก ถ้าจังหวะลง มันลงโดยธรรมชาติฉันก็พอรับได้ แต่ลงเพราะโดนคนถีบเนี่ย..รับไม่ได้”
พริบพราวยังแค้น ปราณนต์ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย พริบพราวคิดแล้วก็ถามเลย
“นี่...นายเคยรู้สึกมั๊ยว่าพี่ศยาชอบนาย”
ปราณนต์สะอึกแล้วเงยหน้ามองพริบพราว
“บ้า จะไปรู้สึกได้ยังไง”
“ถามจริงๆ ไม่รู้สึกเหรอ .. ฉันยังรู้สึกเลย”
“นี่..น้ำตาลในเลือดมากเกินไปหรือเปล่า เพ้อเจ้อ มันจะเป็นไปได้ยังไง”
“ไม่รู้..แต่มันก็มีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้ ไม่เชื่อลองคิดย้อนกลับไปดูเองก็แล้วกัน ว่าพี่ศยาเค้าพยายามเข้ามาใกล้ชิด สนิทสนมกับนายจนเกินความเป็นเจ้านายลูกน้องหรือเปล่า..รู้คำตอบแล้วบอกฉันด้วย”
พริบพราวทิ้งท้ายอย่างหนักแน่น ปราณนต์อึ้ง
ปราณนต์เพิ่งกลับถึงบ้านก็รีบพุ่งมาที่คอมพิวเตอร์ ปราณนต์เปิดคอมพิวเตอร์ เปิดอีเมลก็เห็นอีเมลของแอบรัก ปราณนต์ยิ้มพอใจ
“ขอโทษด้วยที่เพิ่งจะมีเวลาตอบเมลคุณ การเดินทาง การทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ราบรื่นดีหรือเปล่า ฉันหวังว่า..เพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดของคุณ คงจะช่วยงานคุณได้อย่างเต็มที่.. เล่าสู่กันฟังบ้างนะ...แอบรัก”
ปราณนต์คิดแล้วก็พิมพ์ตอบกลับไป
“ผมอยากเล่าให้คุณฟังนะครับ..แต่..ไม่อยากเล่าด้วยการพิมพ์ ผมอยาก..เล่าให้คุณฟังด้วยตัวเอง .. คุณแอบรัก” ปราณนต์ลังเลแล้วก็ตัดสินใจพิมพ์ต่อ “เรามาเจอกันดีกว่านะครับ..ถ้าคุณมาผมจะเล่าทุกอย่างให้คุณฟังหมดเลย อยากรู้อะไรถามมาได้เลยครับ”
อวัศยาที่ยังอยู่ในชุดทำงานกำลังทำงานเห็นอีเมลจากปราณนต์ก็ตาวาวรีบวางเอกสารทันที อวัศยาอ่านแล้วก็อึ้ง
“มาเจอกัน”
ปราณนต์อ่านอีเมลแล้วก็หน้าเสียนิดๆ
“เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะคุณจะไม่ตามสืบ ไม่ พยายายามหาว่าฉันเป็นใคร ถ้าคุณยังไม่เลิกล้มความคิดนี้...เห็นทีเมื่อสายหมอกจางคุณจะไม่เจอใครยืนรออยู่เลย..ฉันจะหายไปเหมือนครั้งที่แล้ว ต่างตรงที่ฉันจะไม่กลับมา”
ปราณนต์ตกใจ
“เฮ้ย” ปราณนต์รีบพิมพ์ตอบทันที “เดี๋ยวครับคุณแอบรัก..ผมล้อเล่นน่ะครับ ผมไม่ลืมข้อตกลงระหว่างเรา..ได้ครับผมจะไม่พูดเรื่องนี้อีก ไม่พยายามสืบ และไม่เซ้าซี้อะไรทั้งนั้น..ขอแค่คุณอย่าหายไปอีกนะครับ”
อวัศยาอ่านแล้วก็โล่งอก
“ฉันจะหายไปหรือยังอยู่ ขึ้นกับความประพฤติของคุณ...ฉันให้คำตอบสำหรับอนาคตไม่ได้..ฉันให้ได้แต่คำตอบในคือปัจจุบัน..คือฉันยังอยู่รอฟังเรื่องของคุณ “กับเพื่อนสนิท” ของคุณอย่างตั้งใจ”
ปราณนต์เริ่มต้นเล่า
“ได้ครับ..การเดินทางไปทำงานราบรื่นดีมากครับ เพื่อนสนิทของผมทำ เราเข้าขากันได้ดีมาก ร่วมมือกันจนงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี .. ดีเกินคาด”
อวัศยาตั้งใจอ่านมาก
ปราณณนต์เพิ่มเล่าเรื่องต่างๆนานาๆอย่างสนุกสนาน
อวัศยาอ่านไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นสุดๆ
เวลาล่วงมาถึงกลางคืน อวัศยาถามย้อนด้วยความตกใจ
“ยายจะให้หนูไปงานวันเกิดญาติบอสเนี่ยนะ”
อรุณรีบเอาเครื่องช่วยฟังออก
“โอ้ย..ศยาพูดเบาๆก็ได้ ยายใส่เครื่องช่วยฟังอยู่ ไม่ต้องตะโกน พูดเบาๆก็ได้ยิน” อรุณใส่เครื่องไปที่หูเหมือนเดิม “ใช่..พ่อลิปเค้ามาปรึกษายายว่าอยากชวนศยาไป แต่กลัวว่าศยาจะห่วงงานจนไม่ยอมไป”
อรุณพูดไปจัดอาหารบนโต๊ะไปด้วย อวัศยาไม่ยอม
“ใช่ ! หนูไม่ไป”
“ถ้าหนูไม่ไป ยายก็ไม่กลับบ้าน”
“อ้าว !! เกี่ยวอะไรกันด้วยคะ”
“เกี่ยวสิ..เกี่ยวมากๆด้วย..จำไว้นะศยา..ชีวิตคู่ ไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน..พอเราแต่งงานไปแล้ว เข้าไปอยู่บ้านเค้า เราก็ต้องไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเค้า เราต้องรู้จักปรับตัว .. ไปรู้จักญาติโกโหติกาเค้าไว้บ้าง..ไม่ใช่แยกตัวออกมาไม่สุงสิงกับใคร เดี๋ยวเค้าจะหาว่ายายไม่สั่งสอน”
อวัศยากลอกตา เสียงออดดัง อวัศยาหันขวับพร้อมกับคิดในใจว่า “อีบอส!”
ประตูห้องเปิดออก อวัศยาชะงักเพราะข้างหน้าคือชุดราตรีย้อนยุคสวยเก๋ เสียงลิปดาดังอยู่หลังชุด
“แท่น แทน แท๊นนนน !!! ผมเตรียมชุดไปงานให้คุณเรียบร้อยแล้ว”
อวัศยาดึงชุดลงจนเห็นหน้าลิปดา เธอพูดเค้นให้ได้ยินกันแค่สองคน “บอสหลอกใช้ยายเป็นเครื่องมือบังคับให้ฉันไปใช่มั๊ย”
“ผมไม่ได้หลอกสักหน่อย ผมแค่ขอให้คุณยายช่วย” ลิปดายิ้มแฉ่ง
อวัศยาผลักทั้งลิปดาและชุดออกไปนอกห้อง ส่วนตัวเองก็เดินดิ่งตามออกมา
“บอสเล่นบ้าอะไรของบอสอีกเนี่ย งานเลี้ยง ! ครอบครัว! ชุดราตรี ! นี่มันจะ Go Sooooo Big กันไปใหญ่แล้ว”
“บิ๊กอะไร..คิดมาก ก็แค่งานเลี้ยงวันเกิดพี่องศาเค้าจัดปาร์ตี้ย้อนยุค แล้วให้ผมหาคู่ควงไปร่วมงาน..ผมสังหรณ์ใจว่า..เค้าต้องเตรียมคุยเรื่องบริษัทใหม่แน่ๆ ถึงได้พยายามมัดมือชกเอาพ่อแม่เค้ามาอ้าง..ผมก็เลยตั้งใจว่าจะชวนคุณไปด้วย..ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล จะได้มีคนช่วยผมรับมือ”
อวัศยาเหล่ “เรื่องแค่นี้ บอสถึงกับให้ยายมาบังคับฉันเลยเหรอ”
“บังคับ ก็แรงไป..จริงๆสถานการณ์นี้วิน-วิน นะคุณ..ถ้าคุณไป ผมก็มีผู้ช่วย ยายคุณก็จะยิ่งวางใจ ผ่านงานนี้ไปรับรองยกเลิกโปรเจคหาคู่ให้คุณแน่ๆ”
ลิปดาโน้มน้าวใจสุดๆ อวัศยานิ่งคิด ลิปดาชูชุดขึ้นมาอีกทีพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ไปนะ..แค่แป๊บเดียว..ไม่ต้องโดนจับแต่งงานคุ้มจะตาย”
อวัศยาตัดสินใจ “ไปก็ได้ แต่งานนี้จะเป็นงานสุดท้าย !! และห้ามบอสแนะนำกับญาติว่าฉันเป็นแฟนโดยเด็ดขาด”
อวัศยาดึงชุดกลับมาจากลิปดาฟึ่บ แล้วก็เดินกลับเข้าห้องไปทันที ลิปดายิ้มตามด้วยความดีใจ แล้วก็นึกได้
“อ้าวคุณ...เปิดประตูก่อน..ผมกินข้าวด้วย”
ลิปดากดออดรัวๆ อีกที
ตกกลางคืน ปราณนต์เดินออกมาหน้าบ้านพร้อมกับจูงจักรยานออกมาด้วย ทันใดนั้นเสียงรุ้งลดาก็ดังขึ้น
“ณนต์....”
ปราณนต์เงยหน้าเห็นรุ้งลดายืนอยู่ ปราณนต์ชะงักกึก
รุ้งลดายิ้มหวานอย่างเป็นมิตรแต่บรรยากาศโดยรวมมาคุชอบกล
ปราณนต์ตอบเสียงนิ่งๆ และห่างเหิน
“ขอบคุณที่ชวน แต่ผมคงไม่ไป..งานวันเกิดแฟนรุ้งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม”
ปราณนต์และรุ้งลดาคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่งในสวนสาธารณะไม่ไกลจากบ้านของปราณนต์
“เกี่ยวสิ..ก็ณนต์เป็น “เพื่อน” ที่รุ้งรักและไว้วางใจมากที่สุดนะ” รุ้งลดายิ้มแล้วก็จับมือปราณนต์แบบเนียนๆ และแสนดี “ณนต์ก็รู้ว่าความรู้สึกดีๆของเรายังอยู่..มันไม่เคยหายไปไหน เพียงแต่เปลี่ยนสถานะแค่นั้นเอง งานวันเกิดพี่องศาเป็นงานสำคัญ รุ้งอยากให้ณนต์ไปในฐานะ..เพื่อนรักของรุ้ง”
รุ้งลดายิ้มสดใส ปราณนต์มองมือรุ้งลดาที่จับมือตัวเองอยู่แล้วก็ค่อยๆดึงออก
“ขอบคุณมากที่คิดแบบนั้น..แต่ผมก็ไม่อยากไปอยู่ดี ขอโทษด้วย” ปราณนต์หันหลังจะเดินกลับ
รุ้งลดาพูดดักคอ “หรือว่าณนต์ยังรับไม่ได้ที่รุ้งมีคนอื่น”
ปราณนต์ชะงักกึก รุ้งลดาพูดต่อ
“ณนต์เลยไม่อยากเห็นรุ้งอยู่กับพี่องศา ไม่อยากเห็นรุ้งมีความสุขเวลาอยู่กับผู้ชายคนอื่น” รุ้งลดาเน้น “ณนต์ยังหึงรุ้งอยู่ใช่มั๊ย”
ปราณนต์หันมา “ไม่ใช่ .. ความรู้สึกแบบนั้นมันไม่มีอยู่ในหัวผมแม้แต่นิดเดียว”
รุ้งลดารู้สึกเข้าทาง “ถ้าไม่ใช่..ณนต์ก็ต้องไปงานนี้ เพื่อพิสูจน์ว่าณนต์ไม่ได้คิดแบบนั้น”
รุ้งลดาท้าทายอยู่ในที ปราณนต์คิด
ปราณนต์ยืนอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ คำพูดของรุ้งลดายังดังต่อเนื่อง
“ณนต์เคยบอกรุ้งเอง..เรายิ่งวิ่งหนีอะไรเราก็จะเจอสิ่งนั้น..รุ้งก็แค่อยากให้เราสองคนกล้าเผชิญหน้ากับความจริง”
ปราณนต์คิดไม่ตกว่าไป ไม่ไป ไป ไม่ไป ปราณนต์หันไปมองคอมพิวเตอร์แล้วก็คิดถึง “แอบรัก”
ชุดราตรีแขวนไว้ที่ตู้ อวัศยายืนมอง
“ฉันต้องใส่ชุดนี้จริงๆเหรอเนี่ย..บอสนะบอส หาเรื่องจริงๆ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงอีเมลล์เข้าดังตึ่ง อวัศยาหันไปดูเห็นที่หน้าคอมพิวเตอร์เห็นชื่ออีเมล pranont14@hotmail.com
“ณนต์” อวัศยารีบพุ่งไปเปิดอีเมลล์อ่าน
“คุณแอบรัก...คุณกำลังทำอะไรอยู่ครับ วันนี้อากาศไม่ค่อยแจ่มใส มีเมฆหมอกความข้องใจปกคลุมอยู่ในหัวสมอง ไม่รู้จะทำยังไงให้สมองโปร่ง เจอคำตอบที่กำลังครุ่นคิดอยู่..แล้วอากาศในสมองคุณเป็นยังไงบ้างครับ ? ขอให้สดใสมากกว่าผม....ฝันดีครับ/ปราณนต์”
อวัศยาอ่านแล้วก็ยิ้มก่อนจะรีบพิมพ์กลับไป
“อากาศตอนนี้..แจ่มใส ปลอดโปร่งพอประมาณ แม้จะมืดแล้วแต่ยังพอเห็นแสงสว่างอยู่บ้างในความคิด..อยากรู้จังเมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่ในสมองคุณ..คืออะไร เผื่อจะแบ่งปันแสงสว่างของฉันไปนำทางให้คุณได้บ้าง.....ตอนนี้ฉันยังไม่ง่วงค่ะ แต่ก็ขอบคุณ / แอบรัก”
ปราณนต์กำลังนั่งเซ็งๆ หันขวับมาและรีบเปิดอ่าน ปราณนต์ยิ้มมีแววตาสดใสขึ้น ปราณนต์คิด
และพิมพ์ตอบไป
“ถ้าคนที่คุณเคยรักมาชวนคุณไปเจอกับแฟนของเค้า..คุณจะไปหรือเปล่า”
อวัศยาพิมพ์ตอบกลับไป
“ก่อนจะตอบว่า...จะไปหรือเปล่า ฉันขอถามว่า ... ทำไมจะไม่ไป”
ปราณนต์อ่านแล้วก็ชะงัก
“เออ..นั่นสิ”
ปราณนต์ก้มอ่านต่อ
อวัศยาพิมพ์ตอบต่อเนื่อง
“การที่คนเราจะไม่ไปเผชิญหน้ากับคนที่ได้ชื่อว่า “เป็นคนเคยรัก” มี 3 เหตุผลใหญ่ๆคือ หนึ่ง เกลียดมาก..เกลียดจนไม่อยากเจอ สอง รักมากและยังทำใจไม่ได้ที่จะเห็นเค้ามีคนอื่น และสาม....”
ปราณนต์อ่านโดยเสียงที่ดังเข้ามาในความคิดของปราณนต์กลับเป็นเสียงของพริบพราว
“เฉยๆ ไม่ได้คิดอะไร..เธอไม่มีอิทธิพลอะไรกับคุณอีกต่อไป แต่ขี้เกียจออกจากบ้าน รถติด ร้อน อยากนอนดูคลิป อ่านเอนิเมะออนไลน์อยู่บ้าน”
“ฮ่า” ปราณนต์ขำแล้วก็ชะงักกึก “ทำไมเมื่อกี๊เราเหมือนได้ยินเสียงพริบพราวอยู่ในหัว”
ปราณนต์ก้มหน้าอ่านต่อ เสียงพริบพราวดังมาอีก
“ความรู้สึกที่คุณมีคือข้อไหน”
ภาพในมโนของปราณนต์คือพริบพราวที่กำลังพิมพ์คุยกับเขาอย่างสนุกสนาน
“ถ้าเป็นข้อแรก..ไม่ต้องไปเสียเวลา ไม่ต้องพยายามเอาชนะความเกลียดตัวเองฝืนใจเหนื่อยเปล่าๆ.. ถ้าเป็นข้อสองก็ไม่ต้องไป..ถ้ายังรักเห็นเค้ากับคนอื่นก็เจ็บเปล่าๆ แต่ถ้าเป็นข้อสาม....”
ปราณนต์ก้มหน้าอ่านต่อถึงตอนนี้เสียงพริบพราวค่อยๆเปลี่ยนเป็นเสียงอวัศยา
“ฉันขอแนะนำให้ไป...”
ปราณนต์ชะงักกึก..
“ทำไมเมื่อกี๊..เหมือนเราได้ยินเสียงพี่ศยา”
ปราณนต์รีบอ่านต่อ
“..ไปให้เห็นว่าเราไม่ได้เกลียด และ ไม่ได้รักเค้าแล้ว”
อวัศยากำลังนั่งพิมพ์คอมพิวเตอร์อยู่
“ไปโดยที่เราไม่ต้องรู้สึก “เหนื่อย” หรือ “เจ็บปวด” .. ถ้าไปด้วยความรู้สึกเฉยๆแบบนี้ได้..ก็ไปเถอะค่ะ เค้าจะได้รู้ว่า..เค้าทำอะไรคุณไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะทำให้สุขหรือทำให้ทุกข์ ... คุณลองถามตัวเองดูไม่ต้องตอบฉันก็ได้นะคะ แค่ตอบตัวเองให้ได้ก็พอ... ขอให้เจอแสงสว่างในความคิดนะคะ”
“บ้า...เป็นไปไม่ได้” ปราณนต์รีบปิดคอมพิวเตอร์ทันที “พี่ศยา..แอบรัก เนี่ยนะ..เป็น-ไป-ไม่-ได้”
ปราณนต์ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ ถึงคิดถึงประเด็นนี้แล้วก็พลันใจเต้น
ในหัวของปราณนต์มีภาพตอนที่พริบพราวพูดถึงอวัศยาซ้อนกับภาพตอนที่อวัศยามาที่บ้าน ตอนที่นวดให้กัน ตอนยิ้มและหัวเราะ ตอนแนะนำงาน และตอนนั่งคุยกัน
เสียงพริบพราวดังก้องในหัวของเขา “นายเคยรู้สึกมั๊ยว่าพี่ศยาชอบนาย .... ไม่เชื่อลองคิดย้อนกลับไปดูเองก็แล้วกัน ว่าพี่ศยาเค้าพยายามเข้ามาใกล้ชิด สนิทสนมกับนายจนเกินความเป็นเจ้านายลูกน้องหรือเปล่า..รู้คำตอบแล้วบอกฉันด้วย”
ปราณนต์อึ้งแต่ยังย้ำกับตัวเอง
“เป็น-ไป-ไม่ได้ !! ไร้สาระจริงๆคิดเข้าข้างตัวเองมากไปแหละ” ปราณนต์หัวเราะขำตัวเอง “บ้าไปใหญ่แล้ว มันจะเป็นไปได้ยังไง” แล้วปราณนต์ก็เปิดคอมพิวเตอร์อีกทีก่อนจะพิมพ์แต๊กๆๆ
อวัศยานั่งเคาะนิ้วรออีเมล สักพักเสียงอีเมลเข้าก็ดังตึ่ง อวัศยารีบเปิดอ่าน
“ผมตอบตัวเองได้แล้ว..ผมไปครับ ไปโดยไม่เหนื่อยและไม่ต้องเจ็บ..ไปแบบชิลล์ๆ” อวัศยายิ้ม “แต่..ผมต้องมีคู่ควงไปด้วยนี่สิครับ..ผมควรจะควงใครไปดี”
อวัศยาคิดแล้วก็อมยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ
“คุณควรจะชวนคนที่คุณรู้สึกดีด้วย เข้าใจ เข้าขา .. ฉันหมายถึง..รับ ส่งมุกกันได้ดี” อวัศยาคิดก่อนพิมพ์ “ฉันว่า..ชวนคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่ไปด้วยก็ดีนะคะ..จะได้ช่วยกันเผื่อจะต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยกัน..ฝันดีค่ะ / แอบรัก”
อวัศยากดส่งแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์สุดๆ
ปราณนต์อ่านแล้วก็คิดว่าเป็นใครแล้วเขาก็คิดออก
ปราณนต์ยืนอยู่หน้ากระจกร้านเสื้อผ้าเก๋ๆ แนวย้อนยุค ปราณนต์อยู่ในชุดสูทเท่มีกลิ่นอายคุณชาย คุณหลวง เขายืนมองตัวเองอายๆ เพราะไม่คุ้น ทันใดนั้นเสียงพนักงานก็ดังขึ้น
“คุณปราณนต์คะ...พร้อมแล้วค่ะ”
ปราณนต์หันไปมองพนักงานที่ยืนอยู่ที่หน้าห้องลองชุดค่อยๆเปิดม่านออกช้าๆ
ม่านค่อยๆถูกรูดเปิดออก เผยให้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ในชุดราตรีย้อนยุค ผู้หญิงคนนั้นค่อยๆ
หันหน้ามาทำให้เห็นว่าเป็นพริบพราว
พริบพราวอยู่ในชุดราตรีย้อนยุคเก๋ไก๋ เสื้อผ้า หน้า ผม สวยโดดเด่นและแปลกตา
ปราณนต์ถึงกับร้องออกมา “ว้าว”
พริบพราวเดินยิ้มมาหา
“อึ้งๆๆ สวยหล่ะสิ”
ปราณนต์อยากจะชมแต่ก็เขิน “อื้อ ก็ดูดีกว่าที่คิด”
“แหม..จะชมก็ยังไม่กล้า กลัวเสียฟอร์มหรือไง..แต่ถึงไม่ชมฉันก็มั่นใจว่าฉัน..สวย” พริบพราวว่า
พริบพราวเชิดใส่ด้วยความมั่นใจมาก ปราณนต์หัวเราะ
“ฮ่าๆๆๆ อ่ะจ้า..มั่นใจแล้วก็ไป” ปราณนต์จะเดินไป
“เดี๋ยว! ตอบฉันมาก่อน ทำไมถึงชวนฉันไปงานวันเกิดแฟนใหม่ของแฟนเก่า”
“เพราะผมช่วยคุณไว้หลายครั้งแล้ว ถึงเวลาที่คุณต้องช่วยผมบ้าง”
“แค่นั้น”
“ก็...มีมากกว่านั้นอีกนิดหน่อย” ปราณนต์บอก พริบพราวรอฟัง ปราณนต์ยื่นหน้ามาพูดต่อ “แต่ถึงผมไม่ตอบ คุณก็น่าจะรู้ว่าทำไม”
ตัวหนังสือจากการแชตเมื่อคืนย้อนกลับมา
“คุณควรจะชวนคนที่คุณรู้สึกดีด้วย เข้าใจ เข้าขา .. ฉันหมายถึง..รับ ส่งมุกกันได้ดี”
ปราณนต์ยิ้มแต่พริบพราวงง
“งานใกล้จะเริ่มแล้ว” ปราณนต์ตั้งแขนให้ควง “เชิญครับคุณผู้หญิง..คนสวย”
พริบพราวยิ้มออกก่อนจะถอนสายบัวและควงแขนปราณนต์
“ขอบคุณค่ะ..คุณชายสุดหล่อ”
ปราณนต์กับพริบพราวหัวเราะคิกคักก่อนจะพากันเดินออกไปอย่างสวยงาม ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนตอนนี้เป็นเหมือนเพื่อนที่ถูกคอ เข้าใจ และรู้ใจกันอย่างดีเป็นความสุข สบาย โดยไม่ต้องประดิษฐ์
แขกเดินควงกันเข้ามาร่วมงานวันเกิดองศาที่บรรยากาศงานเป็นแนวย้อนยุค เก๋ไก๋ และคึกคักไปด้วยแขกที่มาร่วมงานในชุดราตรีสโมสร องศากำลังดูงานโดยภาพรวมด้วยความพึงพอใจ รุ้งลดาในชุดราตรีสีแซ่บเดินมาหา
“เป็นยังไงบ้างคะ งานคืนนี้รุ้งจัดได้ถูกใจคุณหรือเปล่า”
องศาหันมายิ้ม “ถูกใจสิจ้ะ..ถูกใจมาก..รุ้งไม่เคยทำให้ผมผิดหวังจริงๆ”
รุ้งลดายิ้มรับก่อนจะยื่นมือมาจับมือองศา “ถ้าถูกใจมากแบบนี้..ต้องมีรางวัลให้รุ้งหน่อยนะคะ”
รุ้งลดายิ้มอ้อน องศายิ้มรับ เสียงแม่ขององศาดังขึ้น
“องศา..”
องศาตกใจจึงรีบสะบัดมือออกจากมือรุ้งลดา รุ้งลดาชะงักและหน้าเสียเพราะเซ็ง อิงอรเดินมา
“ครับแม่”
“แก้วน้ำทางด้านโน้นหมดแล้ว..ให้หนูผู้ช่วยคนนี้” อิงอรพยักเพยิดมาทางรุ้งลดา “ไปจัดเพิ่มให้หน่อยนะ”
“ครับ”
รุ้งลดารีบเสนอหน้า “ได้ค่ะ..คุณแม่..เดี๋ยว “รุ้ง” จัดให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ..แต่อย่าเรียกฉันว่า “แม่” เลยนะ เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิด”
อิงอรพูดนิ่มๆ แบบผู้ดี รุ้งลดาสะอึกและหน้าชา อิงอรเดินกลับไป รุ้งลดาหันมาทางองศา
“พี่องศาคะ..เมื่อไหร่พี่องศาจะแนะนำรุ้งกับที่บ้านพี่สักทีคะ รุ้งไม่อยากเป็นแค่ “เด็กผู้ช่วย” นะคะ”
“เอาน่า..ใจเย็นๆ อีกไม่นาน พี่พามาแนะนำแน่..แต่ตอนนี้ไปจัดแก้วให้คุณแม่พี่ก่อนก็แล้วกัน..พี่จะไปดูรับรองแขกคุณพ่อ”
องศาย้ำเพื่อฝากงานแล้วก็เดินไป รุ้งลดากัดฟันกรอดด้วยความแค้น สายตาของรุ้งลดาตวัดไปเจอแขกผู้มาใหม่ซึ่งเป็นคนที่ทำให้รุ้งลดาถึงกับอึ้ง
“ณนต์....”
ปราณนต์เดินควงพริบพราวเข้ามาในงานอย่างสวย หล่อ สมกันมากๆ คนในงานหันไปมองเป็นตาเดียว ทั้งสองคนดูมีความสุขมาก องศายืนคุยกับแขกผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่ง พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นพริบพราวแล้วก็อึ้ง องศามองพริบพราวไม่วางตา แต่พอปรายมาเห็นปราณนต์เขาก็ชักสีหน้านิดๆ ปราณนต์กับพริบพราวยืนอยู่กลางงาน ทั้งสองมองซ้ายมองขวา ทันใดนั้นเสียงรุ้งลดาก็ดังขึ้น
“ณนต์....”
ปราณนต์และพริบพราวหันไปตามเสียง รุ้งลดาเดินยิ้มหวานเข้ามาหา รุ้งลดาเดินผ่านพริบพราวไปเลยแบบไม่ใส่ใจ พริบพราวมองตามด้วยหางตาแบบวอนซะแล้ว
“รุ้งดีใจที่ณนต์มา..ณนต์หล่อมาก คนมองทั้งงานเลย..เดินมายังกะคุณชาย”
พริบพราวชักสีหน้านิดๆ ด้วยความหมั่นไส้แล้วก็ปั้นหน้ายิ้มใส่ก่อนจะกระชับควงแขนแน่นกว่าเดิม
“ขอบคุณมากนะคะที่ชม “แฟน” ฉัน แต่เธอจะแน่ใจได้ยังไงว่าคนในงานมองณนต์ เค้าอาจจะมองฉันก็ได้..ขนาดแฟนเธอ..ยังมองไม่วางตาเลย” พริบพราวข่ม
รุ้งลดาชักสีหน้าแล้วก็หันขวับไปที่องศาจึงเห็นว่าองศากำลังมองอยู่จริงๆ รุ้งลดากัดฟันกรอดแล้วหันขวับมาทางพริบพราว ปราณนต์เริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศตึงเครียด
ปราณนต์ปรามเบาๆ “พราว...”
พริบพราวยังไม่หยุด “ถ้าเธอบอกว่าณนต์เหมือนคุณชาย ฉันก็อาจจะเป็นเจ้าหญิงในสายตาแฟนเธอก็ได้นะ..ดูสิ..พูดไม่ทันขาดคำเดินมาโน่นแล้ว”
รุ้งลดาหันไปที่องศาอีกที องศาเดินมาจริงๆ พริบพราวยิ้มสะใจ ปราณนต์มองหน้าเพื่อปรามด้วยสายตา พริบพราวยักไหล่แบบไม่สนใจ องศาเดินมาสมทบพร้อมรอยยิ้ม
“สวัสดีครับวันนี้น้องพราวสวยมากเลยนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าชุดแบบนี้จะเข้ากับผู้หญิงทันสมัยอย่างน้องพราว”
รุ้งลดาชักสีหน้าและหน้าหงิกอย่างแรง พริบพราวยิ้มรับหน้า องศาหยอดต่อ
“แต่งตัวสวยแบบนี้ต้องให้เกียรติ์เต้นรำกับเจ้าภาพสักเพลง สองเพลง สามเพลงนะครับ” องศาพูดกับปราณนต์ “หวังว่า..น้องคงไม่ว่าอะไรนะ” องศาพูดเสียงแมนๆเหยียดๆ
“ถ้าพราวยินดี ผมจะว่าอะไรได้..ผมเป็นคนไม่ขัดใจใครอยู่แล้ว..ถ้าอยากจะไปผมก็ปล่อย” ปราณนต์ปรายตามาทางรุ้งลดานิดๆ
พริบพราวรับมุก “ณนต์ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พราวไม่ใช่คนที่จะทิ้ง “แฟน” ตัวเองไปหาผู้ชายอื่น” พริบพราวพูดกับองศา “ต้องขอโทษด้วยนะคะ พราวคงเต้นรำกับใครไม่ได้นอกจากณนต์”
องศาชะงักนิดๆ แล้วมองปราณนต์ด้วยความหมั่นไส้ รุ้งลดาเบ้ปากนิดๆ ด้วยความหมั่นไส้และอิจฉา
พริบพราวนึกได้ “อ้อ..เกือบลืม..สุขสันต์วันเกิดนะคะ ขอให้มีความสุขมากๆค่ะ” พริบพราวหันมาทางรุ้งลดา “แล้วก็ต้องขอบคุณเธอด้วยนะ ที่ไปเชิญปราณนต์ถึงที่บ้าน”
องศาชะงักกึกแล้วหันมาทางรุ้งลดา รุ้งลดาหน้าเสียนิดๆ พริบพราวหันมาทางปราณนต์
“ไปหาอะไรทานกันดีกว่าค่ะณนต์..พราวหิวแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”
พริบพราวลากปราณนต์เพื่อจะเดินไป องศาหันมามองรุ้งลดาแบบจิกตา องศากำลังจะอ้าปากโวย แต่รุ้งลดาเหลือบไปเห็นลิปดาซะก่อนจึงโพล่งขึ้นมาเพื่อเอาตัวรอด
“คุณลิปดามาแล้วค่ะ”
องศาหันไปตามสายตาของรุ้งลดา
ลิปดากับอวัศยาเดินเข้ามาในงานอย่างเท่ โดยลิปดาอยู่ในชุดสูทเนี้ยบกริบแอบเก๋ตามสไตล์ย้อนยุคแกสบี้ อวัศยามาในชุดราตรีย้อนยุคที่ลิปดาเตรียมไว้ให้ แบบหน้าและผมเป๊ะเว่อร์และไม่ได้ใส่แว่น
รุ้งลดารีบชิ่ง
“รุ้งไปจัดการเรื่องแก้วน้ำให้แม่คุณก่อนนะคะ”
รุ้งลดาชิ่งไปทันที ส่วนองศายังยืนอยู่ที่เดิม
ลิปดากับอวัศยาเดินฝ่าดงสายตาของคนในงานที่มองมาด้วยความชื่นชม ปราณนต์เริ่มสงสัยว่าคนมองอะไร ปราณนต์มองตามสายตาคนในงานไปแล้วก็อึ้งก่อนจะโพล่งอย่างลืมตัว
“พี่ศยา”
องศาหันไปตามเสียงปราณนต์ ปราณนต์มองอย่างอึ้งๆ
พริบพราวมองตามไปจนเห็นอวัศยาดูสวยสง่าแตกต่างจากอวัศยาป้าแว่นคนเดิม ลิปดายกมือไหว้ญาติผู้ใหญ่และคนรู้จักมาตามทาง อวัศยายกมือไหว้อย่างนอบน้อมจนดูเผินๆ เหมือนเป็นแฟนกันจริงๆ พริบพราวสงสัย
“พี่ลิปมากับพี่ศยาได้ยังไงเนี่ย นายรู้หรือเปล่า”
ปราณนต์ไม่ตอบ เขาได้แต่ยืนอึ้งมองอวัศยาตาค้าง ในสายตาปราณนต์นั้นอวัศยาดูราวกับเจ้าหญิง มีแสงส่องรำไรเป็นออร่าอยู่ด้านหลัง ปราณนต์อึ้ง องศามองปราณนต์ด้วยความแปลกใจ
พริบพราวกระตุกแขนปราณนต์
“นี่! ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง”
ปราณนต์สะดุ้งแล้วหันมา “ถามอะไรนะ”
พริบพราวหมั่นไส้จึงคว้าแขนปราณนต์มาควง
“ฉันไม่ถามนายแล้ว ฉันจะไปถามเจ้าตัวเองดีกว่า”
พริบพราวยิ้มแล้วก็ควงปราณนต์เดินไปหาอวัศยาทันที
องศายืนมองแล้วก็คิดไปด้วย เขาเริ่มเห็นอะไรแปลกๆในความสัมพันธ์ของคนทั้งสี่
ลิปดาหันมาบอกอวัศยา
“เดี๋ยวผมพาไปแนะนำให้รู้จักกับคุณลุงคุณป้าพ่อแม่พี่องศา”
อวัศยาพยักหน้ารับ ลิปดาเดินพาอวัศยาไป ทันใดนั้นเสียงพริบพราวก็ดังขึ้น
“พี่ลิป..พี่ศยา”
ทั้งสองคนหันไปตามเสียง อวัศยาหันมาเห็นพริบพราวเดินควงมากับปราณนต์ อวัศยาถึงกับช๊อค
“ณนต์”
ข้อความเมื่อคืนแว่บเข้ามาในสมองอวัศยาทันที
ปราณนต์พิมพ์มาว่า “ผมต้องมีคู่ควงไปด้วยนี่สิครับ..ผมควรจะควงใครไปดี”
อวัศยาพิมพ์ตอบ “คุณควรจะชวนคนที่คุณรู้สึกดีด้วย เข้าใจ เข้าขา .. ฉันหมายถึง..รับ ส่งมุกกันได้ดี”
อวัศยามองปราณนต์กับพริบพราวแล้วก็อึ้งว่า “คนนี้เหรอ” ขณะที่อวัศยากำลังอึ้งและแอบเศร้า เสียงปราณนต์ก็ดังขึ้น
ปราณนต์พูดตรงๆ “วันนี้พี่ศยาสวยมากเลยครับ..สวยจนผมจำไม่ได้เลยครับ”
จิตใจอวัศยาที่ตกดิ่งกลับลอยล่องขึ้นมาทันที
อวัศยายิ้มอายๆ แบบเก็บอาการเกือบไม่อยู่ “ขอบใจ..เธอก็..ดูดีนะ แต่ฉันจำเธอได้”
ปราณนต์ยิ้มเขินๆ
องศายืนแอบดูอยู่ไม่ไกล เขาเห็นอาการของปราณนต์และอวัศยาก็คิดๆ แล้วก็เดินแยกไป
พริบพราวกับลิปดามองคู่ของตัวเองแล้วก็ของคู่ของอีกฝ่าย แล้วพริบพราวก็โพล่งขึ้นมา
“พี่ลิปก็ดูดีมากเลยนะคะ เท่ๆ เหมือนหลุดออกมาจากหนังย้อนยุคของอังกฤษเลยค่ะ” คำพูดของพริบพราวพูดทำลายความโรแมนติก
“พราวก็สวยมากๆเหมือนกันจ้ะ” ลิปดาชมแบบไม่อิน “เออแล้วนี่พราวกับปราณนต์มาด้วยกันได้ยังไง พี่แปลกใจมากๆเลยที่เจอเราสองคนที่นี่”
พริบพราวยิ้ม แล้วก็รีบควงโชว์ “เราสองคนเป็นแฟนกันค่ะ”
อวัศยาหน้าเปลี่ยนสี ทั้งอึ้งทั้งเหวอ ปราณนต์อึ้ง ลิปดามองหน้าพริบพราวกับที่ยิ้มกว้างและ
ปราณนต์ที่เหวอนิดๆ แล้วก็หันมาทางอวัศยาที่ยืนนิ่ง ใจเต้นแรงอยู่ อวัศยาพยายามเก็บอาการแต่ก็ทำได้ยากเย็น
อ่านต่อหน้าที่ 4
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
รุ้งลดากำลังจัดงานอยู่อีกมุม องศาเดินมา
“รุ้ง”
รุ้งลดาหันมาเห็นองศาหน้าเครียดก็คิดแล้วรีบตอบ “รุ้งชวนณนต์มา เพราะเห็นว่าพี่องศาอยากให้ยัยพริบพราวมางานนี้ด้วย..เค้าสองคนเป็นแฟนกัน..ณนต์มาพราวก็ต้องมา รุ้งทำไปเพราะพี่องศานะคะ”
จากหน้าดุสีหน้าองศาก็เปลี่ยนเป็นยิ้ม “ดีมาก ทำได้ดีมาก”
รุ้งลดางง
องศาพูดต่อ “พี่กำลังคิดว่า..ระหว่างปราณนต์ พริบพราว ศยา และลิปดามันต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่แน่ๆ .. และคืนนี้เราจะได้รู้กัน” องศากระดิกนิ้วเรียกรุ้งลดา “พี่มีอะไรให้รุ้งช่วย”
รุ้งลดาขยับเข้ามาใกล้ องศากระซิบบอกแผน
อวัศยาหน้าเสียนิดๆ กับคำว่า ”แฟน” ลิปดางง ปราณนต์อึกอัก ส่วนพริบพราวยิ้มร่าเริง
“พี่ลิปกับพี่ศยาหล่ะคะ..ทำไมถึงได้มาด้วยกัน แล้ว..ควงกันมาในฐานะอะไรคะ” พริบพราวถาม
อวัศยารีบควงแขนลิปดาแล้วพูด “ฉันมาในฐานะ.. “แฟน” บอส”
อวัศยาฝืนยิ้มร่าเริง ลิปดางงแล้วก็มองอวัศยาด้วยแววตาเหมือนจะรู้ทัน พริบพราวแปลกใจ ส่วนปราณนต์อึ้งและรู้สึกใจหายนิดๆ อย่างไม่รู้ว่าทำไม
พริบพราวพูดกับลิปดา “จริงเหรอคะ .. พี่ลิป”
อวัศยาลุ้น ปราณนต์รอ สักพักลิปดาก็ตอบ
ลิปดากระชับมืออวัศยาที่ควงแขนเขาอยู่แล้วตอบแมนๆ “จริงครับ..ศยามางานนี้ในฐานะแฟนพี่เอง..เดี๋ยวก็คงจะพาแนะนำให้รู้จักกับคนอื่นๆในครอบครัว ลุงป้าน้าอาพี่ต้องตกใจแน่เลย..เพราะพี่ไม่เคยพาผู้หญิงมางานของครอบครัว .. ศยาเป็นคนแรก” ลิปดามองอวัศยาแล้วยิ้มจริงใจ
อวัศยามองลิปดาและยิ้มซึ้งใจที่เขาช่วยโกหกให้ “ขอบคุณค่ะบอส”
ปราณนต์รู้สึกจี๊ดๆ แปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก พริบพราวเขม่นตาไม่เชื่อ ปราณนต์พูดขึ้น
“เอ่อ..คุณหิวน้ำมั๊ย เดี๋ยวผมไปหยิบเครื่องดื่มกับขนมมาให้นะ”
“ขอบคุณค่ะ ณนต์เนี่ยรู้ใจจริงๆ” พริบพราวเล่นใหญ่มาก “พราวแค่คิด ไม่ต้องเอ่ยปากพูดซักคำ..ขอบคุณนะคะ”
“ด้วยความยินดี รอแป๊บนึงนะ”
ปราณนต์หันมาทางอวัศยา
“พี่ศยากับบอสจะดื่มจะทานอะไรมั๊ยครับ เดี๋ยวผมเอามาให้”
“ไม่เป็นไรจ้ะ..เดี๋ยวฉันไปเอามาให้บอสเอง” อวัศยาพูดกับลิปดา “บอสรอตรงนี้นะคะ..เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำ ขนม ผลไม้ มาให้เอง” อวัศยายิ้มหวานพยายามทำเป็นแฟนที่แสนดี “ไปจ้ะณนต์”
อวัศยากำลังจะเดินไป ลิปดาคว้ามือเธอไว้
“ไม่ได้!! ผมจะให้ผู้หญิงเดินไปหยิบอาหารมาให้ได้ยังไง..เสียชื่อหมด..คุณรออยู่กับพราวตรงนี้..เดี๋ยวผมกับปราณนต์ไปหยิบอาหารมาให้เอง”
อวัศยาจะแย้งแต่ลิปดาไม่สน เขาเดินไปเลย ปราณนต์รีบเดินตามทำให้เหลือพริบพราวกับอวัศยายืนกันอยู่สองคน
รุ้งลดาและองศาเดินมาที่วงดนตรี ทั้งสองคนพยักเพยิดให้กันเพื่อเตรียมแผน รุ้งลดาไปคุยกับนักลีลาศที่นั่งรอคิวแสดง องศาเดินมาคุยซุบซิบกับนักดนตรี
พริบพราวยืนอยู่กับอวัศยาภายใต้บรรยากาศมาคุโคตรๆ
พริบพราวพูดขึ้นด้วยเสียงรู้ทัน “พราวรู้ว่าพี่ศยาไม่ได้เป็นแฟนกับพี่ลิป”
พริบพราวพูดเชิดๆ ด้วยความมั่นใจ อวัศยาปรายตามองแล้วก็พูดเชือดๆ
“ฉันก็ไม่เชื่อ...ว่าเธอเป็นแฟนกับปราณนต์”
พริบพราวลดความเชิดลงก่อนจะหันมาสวน
“ทำไมไม่เชื่อ” พริบพราวถาม
อวัศยายิ้มเหมือนเหนือกว่าแต่ไม่ตอบอะไร
องศาขึ้นไปพูดบนเวที
“ขอต้อนรับทุกท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับ” เสียงปรบมือดังขึ้น
อวัศยาทำเป็นไม่สนใจพริบพราวก่อนจะหันมาปรบมือและมองมาที่เวที พริบพราวยังอยากรู้
“ตอบมาสิคะ..ว่าทำไมไม่เชื่อ..ในเมื่อเราสองคนเป็นแฟนกันจริงๆ”
อวัศยาไม่ตอบแต่ลอยหน้ากวนๆ
“งานเริ่มแล้ว..ให้เกียรติ์เจ้าภาพหน่อยสิ”
เสียงองศาดังมาจากเวที “ผมในนามของเจ้าภาพขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ์ทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้..”
พริบพราวแค้นมาก
องศาพูดต่อ
“เพื่อเป็นการเพิ่มความสนุกสนานและทำให้ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนแห่งการย้อนอดีตอย่างสมบูรณ์แบบ”
ปราณนต์กำลังตักอาหารอย่างตั้งใจ ลิปดาตักอยู่ห่างออกไป มีเค้กวันเกิดวางอยู่ไม่ไกลจากฟลอร์เต้นรำ
องศาพูดจากเวที “ผมขอเชิญผู้ที่สนใจมาเต้นรำร่วมกัน..สำหรับนักเต้นรำมือใหม่ที่ไม่เคยเต้นมาก่อน ผมมีครูมาฝึกให้เป็นการส่วนตัว”
องศาพยักหน้าให้รุ้ง รุ้งพยักหน้าให้ครูสอนและชี้เป้า
“ขอเสียงปรบมือ..ต้อนรับ แขกผู้เกียรติ์สองท่านที่ได้รับเลือกมาเปิดฟลอร์ในค่ำคืนนี้ครับ”
องศาปรบมือนำ คนในงานปรบมือตามและมองตามครูลีลาศที่เดินไป
นักลีลาศชายเดินมาหาอวัศยาและโค้งก่อนจะจูงอวัศยาไปโดยที่เจ้าตัวงงๆ
“เอ่อ..คือ..ฉันเต้นรำไม่เป็น”
พริบพราวได้ทีก็รีบดัน “ไปเลยค่ะ..เอาไปเลยค่ะ” พริบพราวพูดกับอวัศยา “ให้เกียรติ์เจ้าของงานหน่อยสิคะ”
อวัศยาหันขวับมามองพริบพราว พริบพราวยิ้มลอยหน้ากวนๆ อวัศยาแค้นพร้อมกับคิดในใจว่า “นังนี่ย้อน”
นักลีลาศหญิงเดินมาหาปราณนต์แล้วก็หยิบจานอาหารออกไปจากมือ ปราณนต์งงๆ แล้วเขาก็ถูกจูงไปที่ฟลอร์
“เอ่อ..เดี๋ยวครับ..ผม..ไม่เคยเต้น”
ปราณนต์โดนพาไปที่ฟลอร์ ผู้คนปรบมือทำให้ปราณนต์ยิ่งทำตัวไม่ถูกและไม่กล้าปฎิเสธเพราะกลัวเสียมารยาท ลิปดามองตามยิ้มๆ เหมือนไม่ใส่ใจ
พริบพราวยิ้มสะใจที่เห็นอวัศยาทำหน้าเหวอๆ อยู่บนฟลอร์ แต่พอปราดตาไปเห็นว่าปราณนต์ก็ถูกพามาขึ้นฟลอร์อีกคนเธอก็หุบยิ้มทันที
“เฮ้ย”
อวัศยากับปราณนต์มองหน้ากันแล้วก็อึ้งๆ
ลิปดาชะงักกึก จากที่ไม่สนใจเขาต้องหันมามอง
องศาพยักหน้าให้เพลงขึ้น นักลีลาศหญิงจับคู่กับปราณนต์ ส่วนนักลีลาศชายจับคู่กับอวัศยา ทั้งสี่คนก็เริ่มเต้นรำในจังหวะบีกิน นักลีลาศสอนอวัศยากับปราณนต์ช้าๆ ทั้งสองคนเต้นรำตามไปอย่างว่าง่ายและเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
ปราณนต์เต้นรำกับนักลีลาศหญิง ปราณนต์เต้นรำได้คล่องแคล่วมากขึ้น เรียนรู้เร็วมาก ในขณะที่อวัศยาก็เรียนรู้ได้เร็วไม่น้อยหน้า ทั้งสองคู่เต้นรำได้คล่องแคล่วขึ้นเรื่อยๆ องศาพยักหน้าให้นักลีลาศ
นักลีลาศหาจังหวะสลับคู่ ทันใดนั้นนักลีลาศก็หมุนอวัศยาไปหาปราณนต์ทำให้อวัศยากลายเป็นคู่
เต้นของปราณนต์ไปในทันใด อวัศยาอึ้ง คนปรบมือเรียกสติของทั้งสองคนมาทันที
ปราณนต์พูด “เราคงต้องเต้นกันเองแล้วหล่ะครับ.. เดี๋ยวผมนำให้นะครับ”
อวัศยามองอย่างซาบซึ้ง “ได้..ฉันจะตามเธอเอง”
ปราณนต์ยิ้ม ในวูบนั้นต่อมความเป็นชายที่ชอบเป็นผู้นำของเขาก็พลุกพล่าน ปราณนต์เต้นรำกับศยาได้อย่างลื่นไหล เข้าขากันได้เป็นอย่างดี ทั้งสองคนรู้สึกเหมือนเคลิ้มลอยอยู่ในความฝัน
ลิปดามองด้วยความขุ่นใจ พริบพราวใจเต้นจี๊ดๆ เธอหันขวับไปทางลิปดาแล้วก็เดินไปหาเขาทันที
“พี่ลิปดาเต้นรำเป็นมั๊ยคะ” พริบพราวถาม
“เซียนเลย..ขอบอก” ลิปดาคุย
พริบพราวยื่นมือมา “สักเพลงมั้ยคะ”
ลิปดาจับมือพริบพราว “เชิญครับ”
ลิปดากับพริบพราวเดินมาที่ฟลอร์เต้นรำ
อวัศยากับปราณนต์ยังเต้นรำล่องลอยเหมือนอยู่ในความฝัน ทันใดนั้นอวัศยาก็หันมาเห็นว่าลิปดากับพริบพราวยืนอยู่บนฟลอร์เตรียมเต้น อวัศยาหน้าเสียคิดในใจว่าม่ายนะ
ลิปดากับพริบพราวเริ่มเต้นรำอย่างพลิ้วไหว คล่องแคล่ว และสง่างาม คู่อื่นๆ เริ่มทยอยมาเต้นรำกันมากขึ้น
ทั้งสองคู่เต้นอยู่คนละมุม ในขณะที่คู่อื่นๆกระจายกันออกไป คู่อวัศยากับปราณนต์เต้นแบบสวยใส คู่ลิปดากับพริบพราวเต้นคล่องแคล่วดุดันและขยับเข้ามาใกล้คู่อวัศยามากขึ้นเรื่อยๆ
องศายืนมองแล้วก็หัวเราะคนเดียว รุ้งลดาเดินมาถาม
“พี่องศากำลังทำอะไรอยู่คะ”
“ทำให้บริษัทนารากร..มาถึงจุดแตกหัก” องศาบอก
องศายิ้มร้าย
การเต้นรำดำเนินไปภายใต้บรรยากาศมาคุสุดๆ อวัศยาสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่อง พริบพราวจ้องหน้าเธอแบบจะมีเรื่อง
อวัศยาเต้นรำกับปราณนต์ด้วยความหวาดระแวงเพราะเริ่มได้กลิ่นความผิดปกติ แต่ปราณนต์ยังเต้นรำอย่างมีสมาธิและสนุกสนานเหมือนไม่ได้ใส่ใจใดๆ ลิปดาเต้นรำกับพริบพราวอย่างพลิ้วไหวและขยับเข้าไปใกล้อวัศยากับปราณนต์เข้ามาเรื่อยๆ
จังหวะนั้นเอง ที่ลิปดากับพริบพราวมองหน้ากันและพยักหน้าส่งสัญญาณ ลิปดาจับพริบพราวหมุน..หมุน..หมุน..หมุนจนเข้ามาใกล้ ปราณนต์ก็จับอวัศยาหมุน ในจังหวะที่ต่างคนต่างหมุนนั้นเอง พริบพราวก็ใช้ความเก๋าเสียบแทรกเข้ามาอยู่ในอ้อมอกของปราณนต์แทนอวัศยาทันที อวัศยาถึงกับเงิบ
ลิปดาได้ทีก็รีบดึงตัวอวัศยามาเป็นคู่เต้นแทน
“บอส ฉันเต้นกับปราณนต์อยู่” อวัศยาบอก
“หมดเวลาสำหรับคู่ซ้อม ตอนนี้เป็นเวลาของตัวจริง”
ลิปดายิ้มกวนแล้วก็เต้นรำพาอวัศยาแยกออกมาจากปราณนต์ แต่อวัศยาขืนตัวไม่อยากไป
พริบพราวกับปราณนต์เต้นต่ออย่างเนียนมาก
“เสต็ปฉันเทพมากนะ..นายจะตามทันหรือเปล่า” พริบพราวท้ากวนๆ
ปราณนต์ยิ้มรับ “ถึงผมจะเพิ่งหัด แต่อย่าลืม..ผมความจำดี เรียนรู้ไว ใจสู้ ลองดูก็ได้”
“แหม..มาเป็นคำขวัญเลยนะ .. งั้นก็ลองไฝว้กันดู”
พริบพราวกับปราณนต์ขยับแล้วออกเสต๊ปกันอย่างสนุกสนานพร้อมทั้งยิ้มร่าเริงอย่างมีความสุข
อวัศยามองปราณนต์กับพริบพราวมีความสุขแล้วก็เจ็บจี๊ดจนสมาธิไม่อยู่กับการเต้นทำให้เต้นไปเหยียบเท้าลิปดาไป
“โอ้ย ! คุณ..มีสมาธิหน่อย เหยียบผมหลายรอบแล้วนะ” ลิปดาว่า
“ไม่อยากโดนเหยียบ บอสก็เอาขาหลบไปสิ”
“แน้ !” ลิปดาเซ็งที่ถูกย้อน
อวัศยาพยายามจะกลับมาตั้งสมาธิ เธอคิดแล้วก็หันมาบอกลิปดา
“โอเคฉันจะตั้งใจเต้นให้มากกว่านี้ค่ะ บอสตามฉันให้ทันก็แล้วกัน”
ลิปดาหลิ่วตางงๆ ว่าอวัศยาจะนำไปไหน พูดจบอวัศยาก็ตั้งใจเต้นอย่างแรงแบบเสต๊ปเริ่มมา
องศายืนดูแล้วก็ยิ้มพอใจ เขาหันไปทางรุ้งลดา
“ไปบอกนักดนตรีให้เร่งจังหวะเร็วขึ้นอีก” องศาสั่ง
รุ้งลดารับคำ “ค่ะ”
รุ้งเดินไปตามคำสั่ง องศายิ้มด้วยสีหน้าร้าย
ดนตรีเล่นเพลงเร็วขึ้น ปราณนต์กับพริบพราวขยับจังหวะการเต้นตามอย่างสนุกสนาน ทั้งหัวเราะ และยิ้มกันอย่างมีความสุข
อวัศยาเร่งจังหวะเต้นตามเพลง ลิปดาตามทันและเข้าขากันได้ดี ลิปดาตามเสต๊ปของศยาอย่าง
ระมัดระวังและรอบคอบ อวัศยาเต้นไปก็พยายามขยับเข้าไปใกล้พริบพราวอย่างแนบเนียน สุดท้ายอวัศยาก็เข้ามาเต้นประกบคู่ของพริบพราวและปราณนต์จนได้
ในจังหวะที่ปราณนต์เหวี่ยงและหมุนพริบพราว อวัศยาก็เหลือบไปเห็นพอดีจึงแกล้งเอาขามาสกัดแบบเนียนๆ พริบพราวสะดุดจนหน้าเกือบขมำ
“ว้าย”
ปราณนต์จับแขนพริบพราวไว้ทัน ทำให้พริบพราวยังหน้าไม่คว่ำ พริบพราวหันขวับมาทางอวัศยา
อวัศยาพูดหน้าซื่อ “Oops! ขอโทษที..ไม่ได้ตั้งใจ”
อวัศยาตอบหน้าซื่อๆ แต่พริบพราวไม่เชื่อ ลิปดามองอวัศยาเหมือนจะรู้ทัน อวัศยากับลิปดาเต้นรำกันต่อ พริบพราวมองด้วยความแค้น
องศาที่มองไม่วางตาเริ่มยิ้มร้ายที่มุมปาก ปราณนต์ถามพริบพราว
“เหนื่อยหรือยัง จะพักก่อนมั้ย”
“ไม่..ฉันไม่เหนื่อย” พริบพราวพูดเบาๆ “ฉันต้องเอาคืนก่อน”
พูดจบพริบพราวก็หันมาตั้งท่าเต้นกับปราณนต์ทันทีแล้วเริ่มเต้นโดยพุ่งเป้าไปที่อวัศยา
จังหวะดนตรีเร่งเร้าขึ้น อวัศยากับลิปดาเต้นและขยับเข้ามาใกล้ขนมเค้กที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างฟลอร์ อวัศยายังหาจังหวะกลับมาหาปราณนต์ พริบพราวเล็งอวัศยาโดยเต้นไปหาจังหวะเอาคืนไปด้วย พริบพราวคิดแผนจนกระทั่งคิดออก
พริบพราวตั้งใจเต้นท่าหมุนตัวออกจากปราณนต์เพื่อให้อวัศยาเห็นช่องว่างที่จะมาแทรก อวัศยาเห็นว่าพริบพราวหมุนในจังหวะที่ออกห่างจากปราณนต์ เธอก็หมุนบ้าง
ในจังหวะที่ปราณนต์หมุนพริบพราวออกไปจากตัว อวัศยาก็หมุนตัวออกจากลิปดาแล้วปล่อยมือ กะจะหมุนมาหาปราณนต์ พริบพราวตั้งใจยื่นขาออกไปสกัดขาของอวัศยา อวัศยากำลังหมุนอย่างสวยงาม ทันใดนั้นก็สะดุดขาพริบพราวจนเสียหลักหน้าทิ่ม อวัศยาเซแถดๆ ไปทางเค้ก ในวินาทีนั้นเหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุน อวัศยาเห็นเค้กตรงหน้าก็ร้องอยู่ในใจว่า “เฮ้ย”
ลิปดากับปราณนต์ตกใจ
“ศยา”
อวัศยายั้งตัวไม่อยู่ ทั้งตัวจึงพุ่งตรงไปที่ขนมเค้กทำให้ใบหน้าจุ่มลงไปในเค้กเต็มๆ ดังแผละ เสียงกรีดร้องของคนในงานทั้งหญิงและชายดังตามมา
“ว้าย / เฮ้ย”
ทุกคนช๊อค ลิปดา ปราณนต์ องศา รุ้งลดา และแขกในงานอึ้งกันไปหนึ่งอึดใจ อวัศยาค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นมาจากขนมเค้กด้วยความอับอาย ทั้งตัวอวัศยาเปรอะเปื้อนขนมเค้กแบบเละเทะสุดๆ พริบพราวเป็นเพียงคนเดียวที่หัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
“ฮ่าๆๆ”
ปราณนต์หันมามองพริบพราวเป็นการตำหนิ พริบพราวชะงักแล้วหยุดหัวเราะ ลิปดาพุ่งตัวเข้าไปช่วยแต่ปราณนต์พุ่งเข้าไปเร็วกว่า
“พี่ศยาผมช่วยครับ”
ลิปดาชะงักกึก ปราณนต์เดินปาดหน้าเข้าไปประคองอวัศยา
“ค่อยๆลุกนะครับ” ปราณนต์ประคองอย่างอ่อนโยน
ลิปดาสะอึก ส่วนพริบพราวไม่พอใจ
“ณนต์” พริบพราวจะเดินไปหาปราณนต์
ลิปดาจับแขนพริบพราวไว้ “พราว !! มาคุยกับพี่ก่อน”
“แต่...”
“พี่บอกให้มานี่”
ลิปดาดึงตัวพริบพราวออกไป
ปราณนต์ประคองอวัศยาให้ลุกขึ้น อวัศยาโคตรจะอาย
“รีบพาฉันออกไปจากตรงนี้”
“ครับ”
ปราณนต์รีบประคองอวัศยาออกไปจากฟลอร์ด้วยความสงสารและเป็นห่วง องศามองตามปราณนต์กับอวัศยาแล้วก็หันมาทางลิปดาและพริบพราวที่เดินไปอีกทาง องศายิ้มร้ายเพราะสิ่งที่เขาคิดนั้นชัดเจน
ลิปดาลากพริบพราวมาที่มุมสงบมุมหนึ่ง
“พี่ลิปจะลากพราวมาตรงนี้ทำไมเนี่ย”
ลิปดาหันมา “ลากมาระงับสติอารมณ์”
พริบพราวขึ้นเลย “คนที่พี่ลิปควรลากมาตรงนี้คือ พี่ศยาไม่ใช่พราว..เค้าคือคนที่เริ่มก่อน พี่ลิปอย่าบอกนะคะว่าไม่เห็น เขาเริ่มมาขัดขาพราวก่อน”
“แต่เราก็ไม่ควรจะตอบโต้รุนแรงแบบนี้..เห็นหรือเปล่าว่างานเสียหายขนาดไหน”
พริบพราวทั้งเสียใจ น้อยใจ
“พราวไม่เข้าใจ ทำไมเวลาพราวไฟ้ว์กับพี่ศยา สุดท้ายพราวต้องกลายเป็นนางมารร้ายอยู่คนเดียว เพราะพราวไม่ได้วางท่าน่าเชื่อถือ มือถือสากปากถือศีลเหมือนเค้าใช่มั๊ยคะ”
“ศยาไม่ได้เป็นคนแบบนั้น..พราวเข้าใจผิด และพี่คิดว่าพราวควรจะไปขอโทษศยา” ลิปดาว่า
พริบพราวผิดหวังอย่างแรง “พี่ลิปลำเอียง ! ทั้งลำเอียง ทั้งเข้าข้างพี่ศยา พราวไม่รู้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของพี่กับเค้าคืออะไร”
พริบพราวอารมณ์ขึ้นได้ที่
องศาเดินมาเงียบๆ ที่มุมหนึ่งไม่ไกลและแอบฟัง
พริบพราวใส่ต่อ
“ถ้าเค้าเป็นแฟนพี่ลิปจริง แสดงว่าเค้าหลอกพี่ แต่ถ้าไม่ใช่..แสดงว่าเค้าต้องการจะหลอกพราว ซึ่งมันไม่ได้ผล พราวไม่เชื่อ!! เพราะพี่ศยาไม่ได้ชอบพี่ลิป คนที่เค้าชอบคือ ปราณนต์”
ลิปดาจุกเบาๆ พริบพราวพูดสรุป
“พี่ลิปเองก็น่าจะดูออก แต่ถ้าดูไม่ออก แสดงว่าไม่อยากเห็น หรือ เห็นแต่ไม่อยากจะยอมรับ ! พราวขอย้ำ...พราวจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของเค้า..ถ้าเค้าไม่มายุ่งกับพราวก่อน”
พริบพราวพูดจบก็สะบัดบ๊อบเดินกลับเข้าไปในงานทันที ลิปดาพยายามจะเรียกไว้
“พราว..” ลิปดาปราม พริบพราวไม่ยอมหยุด “พราว”
พริบพราวไม่แคร์ เธอเดินกระฟัดกระเฟียดกลับเข้าไปในงาน ลิปดาถอนใจแบบคิดหนักและหวั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด
องศายืนยิ้มเจ้าเล่ห์
อวัศยานั่งเยินอยู่ที่มุมหนึ่งที่เงียบงันเพราะไม่มีคน ทั้งหน้า ผม เสื้อผ้าของเธอเลอะเค้กเต็มไปหมด อวัศยาเอามือเช็ดหน้าและป้ายกระโปรงด้วยสีหน้าเครียดและเซ็ง ปราณนต์เดินมานั่งข้างๆ พร้อมกับกระดาษและผ้าชุบน้ำ
“ผมเช็ดให้ครับ” ปราณนต์ยื่นมือมาจะเช็ดที่หน้าให้
อวัศยาชะงักและหลบ “ไม่เป็นไรฉันทำเองได้”
อวัศยารับผ้าจากปราณนต์มาและเช็ดหน้าตัวเอง อวัศยาทำตัวไม่ถูกเพราะทั้งอาย ทั้งเสียฟอร์ม
“งั้นผมเช็ดผมข้างหลังให้นะครับ..เค้กติดเต็มเลย พี่ศยาเช็ดเองไม่ได้แน่ๆ”
อวัศยาเสียงดัง “ฉันบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ ฉันดูแลตัวเองได้ เธอ...กลับไปที่งานเถอะ”
กลไกป้องกันตัวเองของอวัศยาทำงานอัตโนมัติด้วยการเผลอทำตัวแข็งเพื่อกลบเกลื่อนความอ่อนไหวข้างใน ปราณนต์จ๋อยๆ แล้วก็พูดออกมาตรงๆ แบบรู้สึกผิดโคตรๆ
“ผมขอโทษนะครับ ขอโทษที่เป็นต้นเหตุทำให้พี่ศยาเป็นแบบนี้ ถ้าผมไม่มางาน ไม่ชวนพราวมา เหตุการณ์นี้ก็คงไม่เกิดขึ้น”
อวัศยาสงสารแต่ก็ยังตอบเสียงแข็ง “เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับเธอ”
“ถ้าไม่เกี่ยว ทำไมผมจะช่วยพี่ก็ไม่ยอม ยังจะไล่ให้ไปไกลๆ พี่ศยาพูดเหมือนโกรธผม”
อวัศยาสวน “ฉันไม่ได้โกรธเธอ”
“ไม่โกรธแล้วหงุดหงิดใส่ผมทำไมครับ” ปราณนต์พูดตรงๆ
“เอ่อ...” อวัศยาสะอึก
อวัศยาสะอึกจนพูดไม่ออก
ปราณนต์ถามต่อ “ถ้าไม่โกรธทำไมไม่ให้ช่วย ถ้าไม่โกรธทำไมต้องไล่ด้วย ถ้าไม่โกรธทำไม..”
อวัศยาตัดบท “เออๆๆๆ อยากจะเช็ดก็เช็ด ถามเป็นเจ้าหนูจำไมไปได้” อวัศยาหันหลังให้ “อะ อยากเช็ดนักใช่มั๊ย เช็ดให้สะอาดเลยนะ ถ้ามีเค้กเหลืออยู่แม้แต่นิดเดียวฉันจะ..จะโกรธเธอจริงๆแล้ว”
อวัศยาทำเป็นเหวี่ยงๆ ปิดบังความรู้สึกในใจที่หวั่นไหวและคิดในใจว่า “เด็กบ้า”
พริบพราวเดินเข้ามาในงานที่บรรยากาศกลับคืนสู่ปกติแล้ว ทีมงานยกเค้กที่กระจัดกระจายออกไป
และเคลียร์สถานที่ทำให้คนเต้นรำ ดนตรีเล่นได้ตามปกติ พริบพราวมองหาปราณนต์ รุ้งลดาเดินมาหา
“ถ้ากำลังมองหาแฟนเธออยู่” รุ้งลดาว่า พริบพราวหันมา “ฉันเห็นเค้าเดินไปกับคุณศยาตรงมุมโน้น”
รุ้งพูดน้ำเสียงเย้ยหยันอยู่ในที พริบพราวเชิดหน้าขึ้นแล้วก็สะบัดบ๊อบเดินไปตามทิศที่รุ้งลดาบอก
รุ้งลดามองตามแบบเริ่มได้กลิ่นความผิดปกติที่โชยมาบางๆ
อวัศยานั่งที่เดิมพลางใช้กระดาษเช็ดหน้าตัวเอง ปราณนต์เช็ดผมและเสื้อผ้าด้านหลังให้อย่างใส่ใจ
อวัศยาเปรยขึ้น “ฉันไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่”
“รุ้งเค้าชวนมาน่ะครับ”
อวัศยาคิดถึงตอนที่ปราณนต์ปรึกษาในไลน์แว่บเข้ามา “ถ้าคนที่คุณเคยรักมาชวนคุณไป
เจอกับแฟนของเค้า..คุณจะไปหรือเปล่า ?”
ปราณนต์พูดต่อ “ตอนแรกก็ไม่คิดจะมา แต่พอดี...มีคนแนะนำให้มา เหตุผลเค้าดีมาก ผมก็เลยมาเพราะผมเชื่อเค้า” ปราณนต์ยิ้ม
อวัศยาคิดถึงคำแนะนำที่เธอให้ปราณนต์ “การที่คนเราจะไม่ไปเผชิญหน้ากับคนที่ได้ชื่อว่า “เป็นคนเคยรัก” มี3เหตุผลใหญ่ๆคือ หนึ่ง เกลียดมาก สองรักมาก และสามเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไร ถ้าเป็นข้อสาม ฉันขอแนะนำให้ไป .ไปให้เห็นว่าเราไม่ได้เกลียด และ ไม่ได้รักเค้าแล้ว”
อวัศยายิ้ม “มาก็ดีแล้ว .. รุ้งเค้าจะได้รู้ว่าเธอไม่ได้คิดอะไร”
ปราณนต์ชะงัก อวัศยาสะอึกคิดในใจว่าแย่แล้วที่หลุดปากพูดออกไป ปราณนต์ลุกขึ้นเดินมาตรงหน้าอวัศยา
“ทำไมพี่ศยาถึงพูดประโยคนี้ออกมาครับ” ปราณนต์ถาม
อวัศยาทำเป็นงง “ละ..แล้วทำไมฉันจะพูดไม่ได้..มันมีอะไรเหรอ”
ปราณนต์มองอวัศยาเหมือนจะจับผิด “คนที่แนะนำผมเค้าก็พูดประโยคนี้..เหมือนกันเป๊ะเลย .. แล้วพี่ศยารู้เรื่องผมกับรุ้งได้ยังไง”
ปราณนต์รอคำตอบด้วยสีหน้าจริงจัง อวัศยาอึกอักอึดใจหนึ่งแล้วก็ฟอร์มเนียนต่อ
“โธ่ ! ฉันก็นึกว่าอะไร .. ฉันรู้ว่าเธอกับรุ้งเคยเป็นแฟนกัน เพราะคุณองศาเป็นคนบอกฉันเอง และที่ฉันพูดประโยคนี้ก็เพราะมันเป็นตรรกะง่ายๆ..ถ้าเธอกล้ามาเผชิญหน้าก็แปลว่าไม่ได้คิดอะไรแล้ว..ใครๆก็พูดแบบนี้ได้ ไม่เห็นจะแปลก”
ปราณนต์ยังคาใจ อวัศยารีบเนียนเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วใครเป็นคนแนะนำเธอ.. แหม เมื่อกี๊ตอนพูดถึงน้ำเสียงแอบฟรุ้งฟริ้ง .. หรือว่า .. คนที่เธอเคยคุยออนไลน์คนนั้น คนที่เธอเล่าให้ฟัง .. ใช่คนนั้นหรือเปล่า”
ปราณนต์พยักหน้า อวัศยารีบตีเนียนต่อ
“เห็นมั๊ยฉันบอกแล้วเดี๋ยวเค้าก็กลับมา..ดีใจด้วยนะ”
อวัศยาพยายามยิ้มแย้มเพื่อกลบพิรุธ ปราณนต์ยิ้มตามนิดๆ แต่ก็ยังคาใจ
พริบพราวเดินมาแล้วก็ชะงักที่เห็นอวัศยายิ้มแย้ม ส่วนปราณนต์นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า พริบพราวเจ็บจี๊ดในใจเพราะรู้สึกขัดใจและโกรธ พริบพราวจะพุ่งไปใส่แต่ก็ชะงักคิดว่าไม่เอาดีกว่า แล้วพริบพราวก็ยิ้มเจ้าเล่ห์
อวัศยาคิดหาประเด็นเปลี่ยนเรื่องได้ก็รีบบอก
“นี่ฉันก็หาคนมาเป็นแฟนหลอกยายได้แล้วเหมือนกัน..คิดไม่ถึงหล่ะสิว่าบอสจะยอมมาเล่นละครเป็นแฟนฉัน”
ปราณนต์ชะงัก “อ้าว พี่ศยากับบอสไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆเหรอครับ”
อวัศยาเปลี่ยนเรื่องได้สำเร็จก็หัวเราะกลบเกลื่อน
“ไม่จริ๊ง ! เธออย่าไปบอกใครหล่ะ แล้ว..เธอกับพราวเป็นแฟนกันจริงๆหรือเปล่า”
“อ๋อ..ก็ไม่จริงเหมือนกันครับ..คือ ผมกับพราวก็แค่เล่นละครหลอกรุ้งน่ะครับ”
อวัศยาถึงบางอ้อ ทันใดนั้นเสียงพริบพราวก็ดังขึ้น
“ณนต์ !! ฉันอยากกลับบ้านแล้ว”
อวัศยาชักสีหน้านิดๆ ปราณนต์หันไป พริบพราวเดินทำหน้าป่วยๆ เข้ามาหา
“ปวดหัว..สงสัยตอนเต้นรำจะหมุนมากไปหน่อย มึนๆ..อยากกลับไปนอน”
พริบพราวทำหน้าอ่อนเพลียใส่ อวัศยามอง ปราณนต์มองพริบพราวที อวัศยาทีแล้วก็คิด อวัศยารอลุ้นคำตอบ พริบพราวแกล้งทำเป็นเซๆ จะล้ม ปราณนต์รีบเข้าไปประคอง
“ระวัง”
ปราณนต์ประคองพริบพราวที่ทำเป็นหมดแรง อวัศยาลุ้นรอคำตอบ ปราณนต์ตัดสินใจพูด
“งั้นผมพาพราวกลับบ้านก่อนนะครับ...สวัสดีครับพี่ศยา”
อวัศยาใจหายแว๊บที่เขาเลือกเธอ พริบพราวแอบอมยิ้มที่มุมปากอย่างสะใจแล้วก็สำออยต่อ
ปราณนต์หันมาประคองพริบพราวเดินออกไป อวัศยามองตามแบบแอบเสียใจ พริบพราวค่อยๆหันมาทางอวัศยาแล้วก็อมยิ้มนิดๆ พร้อมกับขยิบตาให้อย่างยียวน
อวัศยายิ่งจี๊ดในใจ เธอนั่งอึ้งมองปราณนต์ประคองพริบพราวเดินไป แล้วก็ก้มดูสารรูปตัวเองที่เยินมาก อวัศยาถอนใจกับชะตาชีวิตตัวเอง ทันใดนั้นเสื้อสูทของลิปดาก็มาคลุมที่ตัวศยา อวัศยาหันไปเห็นลิปดายืนอยู่ข้างๆ ราวกับอัศวินขี่ม้าขาวที่เข้ามาช่วย
“เหนื่อยมามากแล้ว...กลับบ้านเถอะ” ลิปดายื่นมือมาตรงหน้าอวัศยา
อวัศยามองมือลิปดาแล้วก็ค่อยๆวางมือตัวเองไว้ในมือลิปดา ลิปดาดึงตัวอวัศยาขึ้นอย่างอ่อนโยน และจับมือเธอพาเดินไป อวัศยาเดินคู่ไปกับลิปดา ลิปดามองอวัศยาที่อยู่ในสภาพเยินๆ แล้วก็สงสารและเห็นใจ อวัศยาเดินไปโดยในใจคิดถึงแต่ปราณนต์โดยไม่รู้ตัวเลยว่าผู้ชายที่ทำให้เธออบอุ่นใจและลงตัวกับเธอมากที่สุดคือคนที่เดินอยู่ข้างๆ เธอนี่เอง
รถลิปดามาจอดเทียบที่หน้าคอนโดมีเนียมอวัศยา
อวัศยาเหนื่อย “ขอบคุณมากค่ะ” อวัศยาจะลงจากรถ
“เดี๋ยว” ลิปดาเรียกไว้ อวัศยาหันมา “แน่ใจเหรอว่าอยากให้ยายเห็นคุณในสภาพแบบนี้”
อวัศยาฉุกคิดแล้วก็มองดูสภาพตัวเองก่อนจะหยิบผมที่เลอะเค้กเกาะกันเป็นก้อนมาดูแล้วก็เห็นด้วยกับลิปดา
อ่านต่อตอนที่ 8