xs
xsm
sm
md
lg

สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 1

ปีพุทธศักราช 2510 สะพานพุทธตั้งตระหง่าน ท่ามกลางพระอาทิตย์ดวงกลมโต ที่โผล่พ้นขอบฟ้า
รถนักเรียนคันหนึ่งแล่นขึ้นสะพานมาแต่ไกล ถนนค่อนข้างโล่ง

ภายในรถ เด็กอนุบาลชายหญิงกำลังร้องเพลง โดยครูสาวที่คุมมาในรถเป็นคนสอนให้เด็กทำท่าทำทางไปกับเพลงใสๆ น่ารักๆ อยู่ด้านหน้ารถใกล้คนขับ ลุงคนขับเงยหน้ามองเด็กทางกระจกมองหลัง ร้องเพลงกับเด็กๆ ไปด้วย
เมื่อคนขับละสายตาจากเด็กๆ มามองไปที่ถนนข้างหน้า ถึงกับตกใจตาค้าง เมื่อเห็นคนนับสิบยืนเรียงแถวขวางถนนอยู่ข้างหน้า โดยมีรถคันหนึ่งจอดอยู่ตรงกลางและมีคนถือปืนยาว ยืนเสื้อคลุมสะบัดอยู่บนนั้น
คนที่ยืนอยู่บนหลังคารถ เป็นมิสเตอร์โอเค ยืนยิ้มแสยะหัวเราะ พลางยกแมชชีนกัน ขึ้นเล็งช้าๆ ไปที่หน้าผากคนขับ
“เมื่อใด ที่ไอ้กระพ้มถามคุณว่า แบบนี้มันโอเค้ ทุกคนต้องตอบว่า”
“โอเค” ลูกสมุนตอบ

ภายในรถ แสงเลเซอร์จุดแดงรูปตัว O กับตัว K จากปืนมิสเตอร์โอเค ส่องมาที่หน้าผากลุงคนขับอย่างแม่นยำ
“มิสเตอร์โอเค ไอ้หัวโจกเหล่าร้ายใจอธรรม ไม่ ผมไม่โอเค”
ลุงคนขับกลัวมาก รีบเหยียบเบรกเอี๊ยด ทำเอาครูสาวและเด็กๆ ในรถคะมำ กรีดร้องลั่น ทันทีที่รถมาเบรกหยุด มิสเตอร์โอเคก็สั่งลูกน้อง
“ไปต้อนไอ้พวกลูกเจี๊ยบน้อยๆ มาหาป๋าเร็ว จิ๊บๆๆ”
ลูกน้องกรูขึ้นรถไปพร้อมอาวุธ กระจายกันทำหน้าที่ ต่อยคนขับ แย่งกุญแจรถ จับมัดมือ ต้อนครู
กับเด็กไปอยู่รวมกัน เด็กพากันกรีดร้องด้วยความกลัว มิสเตอร์โอเคก้าวตามขึ้นมาบนรถ
“หยุด หนวกหู เงียบ ไอ้กระพ้มจะไม่โอเคกับเสียงคันขี้หูเช่นนี้ ถ้าพวกคุณน้องๆ หนูๆ อยากกลับบ้านกันล่ะก็ ตะโกน ตะโกน เรียกใครคนหนึ่ง ที่มันชอบแหย่หนวดมิสเตอร์โอเค”
ไม่ทันขาดคำ มิสเตอร์โอเคก็ต้องหยุดหัวเราะอุดหูแทบไม่ทัน เมื่อเด็กๆ พากันร้องตะโกนเรียกหาเชนระงม แสบแก้วหูทันที เพราะเขาคือ ฮีโร่ของเด็กๆ และทุกคน
“สายลับเชน ช่วยเราด้วย ช่วยหนูที สายลับเชน ผมกลัว สายลับเชนมาช่วยปราบอธรรมที”
“ไม่โอเค เสียงเบายังกะตดมด ขอเสียงอีกเซ่ ล่อมันออกมาให้กระพ้มบี้ประดุจแมลงตัวน้อยๆ เร็วๆ มิสเตอร์โอเคคันหนวด ทนไม่ไหวแล้ว ตะโกนเข้าไป ดังอีก ดังๆ”
เด็กพากันร้องไห้ ต่างตะโกนเรียกหาสายลับเชนดังลั่นกว่าเดิม

ด้านนอกรถ สมุนมิสเตอร์โอคยืนถือปืนคุ้มกันรอบรถอยู่ คอยมองระแวดระวัง เสียงเด็กร้องตะโกนดังลั่นออกมานอกรถก้องไปทั่วสะพานพุทธ ครูสาวพูดขึ้น
“ตราบใดฟากฟ้ายังมีแสงทองแห่งอุทัย พลังเกรียงไกรแห่งธรรมะ ย่อมชนะอธรรมสิ”
“สายลับเชนช่วยหนูด้วย สายลับเชนช่วยด้วยๆๆ ฮือๆๆ”
และแล้วก็มีเสียงรถมอเตอร์ไซค์แล่นมาแต่ไกล สมุนของมิสเตอร์โอเคถือปืนหันมองไปทั่ว ท่าทางตื่นระแวง ที่ปลายสะพาน ลินดาขี่มอเตอร์ไซค์ซิ่งมาด้วยความเร็ว เธอก้มตัวแนบรถ ตาคมกริบมองจ้องไปที่พวกโจร สมุนของมิสเตอร์โอเค ตื่นกลัว เสียงตะกุกตะกัก
“ละ ละ ละ ละ”
“ความสวยไม่คงที่ แต่ความดีสิคงทน แต่ทั้งดี ทั้งสวย ทั้งแสนซน ต้อง ละ ละ”
“ลินดา”
สมุนมิสเตอร์โอเคพูดพร้อมกัน ลินดาบิดเร่งความเร็วพุ่งทะยาน
“คู่หูไอ้สายลับเชน” สมุนพูดขึ้น
“แมนเนจมันเลย” มิสเตอร์โอเคสั่ง
สมุนทำหน้างงๆ
“แมนเนจ”
“จัดการ แมนเนจแปลว่าจัดการ ดูปากโอเคอีกครั้งนะคะ แมนเนจ แมนเนจ จัดการ”
สมุนระดมยิงเข้าใส่ลินดา แต่ลินดาอาศัยความว่องไวขี่รถฉวัดเฉวียนหลบกระสุน ใช้สายตาที่ไวค่อยก้มหัวเอี้ยวตัวหลบกระสุนที่พุ่งมา และสุดท้ายก็ดึงแส้อาวุธคู่กายที่ม้วนอยู่ที่เอวออกมาตวัดปัดลูกกระสุน เหล่าสมุนต่างพากันตกใจที่ยิงกันไม่ถูกสักนัด ลินดาลงจากรถ โพสต์ท่าสวยงาม
“โอว ละ ละ ละ ละ ลินดา สวยจัง”
มิสเตอร์โอเคเข้ามาตบสมุนรายตัว
“แบบนี้ไม่โอเค ไม่โอเค ไม่โอเคเลย”
มิสเตอร์โอเคกระโดดลงจากรถนักเรียนมายืนหน้ารถ สมุนคนหนึ่งแบกแมชชีนกันมาให้ มิสเตอร์โอเคหมุนแมชชีนกันในมือ 1 รอบ ก่อนยกขึ้นเล็งไปที่ลินดา จุดเลเซอร์พุ่งไปที่หน้าผากลินดาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ มิสเตอร์โอเคเหนี่ยวไกยิง เปรี้ยง ปืนเลเซอร์พุ่งไปถูกต่างหูของลินดากระจุยไป
“อ๊าย ตุ้มหูฉันคู่ละกี่บาท แกรู้มั้ย ไอ้มิสเตอร์โอเค”
มิสเตอร์โอเคยิงต่างหูอีกข้างของลินดากระจุยอีก พลางหัวเราะชอบใจ
“ห้าร้อยบาทมั้ง นังลินดา ไอ้สายลับเชนอยู่ที่ไหน ฉันไม่รังแกเพศอ่อนแออย่างเธอ เรียกมันออกมา”
มิสเตอร์โอเคกดปุ่มที่ปืน แล้วยิงออกไป แสงเลเซอร์พุ่งออกไป 5 ลำแสง ถูกมอเตอร์ไซค์ลินดาระเบิด ร่างลินดากระเด็นจากรถ
“อ๊าย”
ลินดากระเด็นมาร่วงลงที่พื้น กลิ้งไปกับถนน นอนเจ็บ หันมองรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งไฟลุกท่วม
“มิสเตอร์โอเค มันจะมากไปแล้ว แกรู้ไหม มอเตอร์ไซค์ฉันกี่บาท”
“สองแสน”
“ผิด”
“สามแสน”
“ผิด”
“อ่า ยอม เฉลยมาเลยมา”
มิสเตอร์โอเคกับสมุนยืนหัวเราะร่วนมองซากรถไฟลุก ขณะนั้นเอง เสียงสายลับเชนก็ดังก้องขึ้น
“หนึ่งแสนห้าหมื่นห้าพันบาทถ้วนเว้ย”
“ห่ะ ไอ้สายลับเชน”

มิสเตอร์โอเคกับสมุนหันมองหาให้ควั่ก และแล้วก็เห็นเชนยืนอยู่บนราวเหล็กบนสะพานเหนือซากรถมอเตอร์ไซค์ที่ไฟลุก

เชนยืนหล่อเท่ ถือปืนคู่กาย ที่คอผูกผ้าพันคอปลิวไสว เด็กๆ ครูและคนขับรถบนรถเห็นเชน ต่างก็พากันดีใจ พูดตะโกนต่อๆ กัน
“สายลับเชนมาแล้ว สายลับเชนมาแล้ว สายลับเชนมาแล้ว”
ลินดาหันมามองเชน ยิ้ม แววตาเทิดทูนบูชาเชนมาก
“เชนมาแล้ว โอเคมั้ย ไอ้มิสเตอร์โอเค”
เชนทำท่าประจำตัว
“คุณธรรมปกป้อง คุ้มครองผู้บริสุทธิ์ หยุดเหล่าร้าย สายลับเชน ฉลาดก็เท่านั้น หล่อก็เท่าโน้น”
“นิสัย เหมือนกันเลย คิคิคิ” ลินดาหัวเราะชอบใจ
มิสเตอร์โอเคเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ไม่เห็นจะหล่อตรงไหน แหวะๆๆ ไอ้สายลับเชน วันนี้ฉันจะกำจัดแกให้สิ้นชื่อ แล้วโลกนี้จะโอเค
เพราะตกเป็นของมิสเตอร์โอเค”
เชนหัวเราะสวน
“คนที่ต้องสิ้นชื่อก็คือแก เพราะแกต้องไปเปลี่ยนชื่อ จากโอเค เป็นไอ้ดุ๊ยดุ่ย เพราะนายธรรมะย่อม
ชนะอธรรม”
“อ๊าก แกกล้าเอ่ยชื่อจริงฉัน แมนเนจมัน”
มิสเตอร์โอเคกับสมุนระดมยิงใส่เชน กระสุนปลิวว่อน เชนกระโดดทิ้งตัวโหนเชือกลงมา ทะลุข้ามควันของกองซากรถที่ไฟลุกท่วม มือข้างหนึ่งโหนเชือก อีกข้างถือปืนยิงสวนมาเป็นชุด จนมิสเตอร์โอเคให้หยุดยิงหลบเข้าที่กำบัง ขณะที่กระสุนของเชน ยิงถูกสมุนล้มตายไปหลายคน
เชนปล่อยเชือก ลงคุกเข่า ขาแตะพื้น เปลี่ยนกระสุนปืน ยิงออกไป 2 นัด เป็นตาข่ายคลุมร่างเหล่าสมุน สมุนคนหนึ่งยิงมา ลินดายิงสมุนคนนั้นกระเด็นไป เชนและลินดาพยักหน้าให้กัน เชนกลิ้งหลบเปลี่ยนกระสุนอีกครั้ง ยิงปัง เป็นระเบิดตูม สมุนกระเด็น มิสเตอร์โอเคเห็นแล้วโกรธมาก ลินดาช่วยเชนเตะต่อยสมุนที่เข้ามา
ระหว่างเชนกำลังบรรจุกระสุนอีกครั้ง แต่ยังไม่เสร็จ สมุนคนหนึ่งเงื้อมีดดาบเข้ามาฟัน เชนกลิ้งตัวหลบ สมุนเข้ามาฟันซ้ำ เชนลุกต่อย กระโดดสับศอกซ้ำ ยกเตะจระเข้ฟาดหางอีกคนที่ปรี่เข้าใส่ ล็อคคออีกคนเหวี่ยงเข้าใส่อีก 2 คน ล้มระเนระนาด แล้วเชนก็ลุกวิ่งไป

เชนเข้ามายืนประกบลินดา มองหญิงสาวอย่างห่วงใย ใช้นิ้วเช็ดเลือดที่มุมปากให้ลินดาอย่างสุภาพบุรุษ
“ละ ละ ละ ละ ลินดา เชนขอโทษ เชนมาช้า”
“แต่ลินดารู้ ยังไงเชนก็ต้องมา ที่ไหนเดือดร้อน ที่นั่นมีเชน”
“ลินดา เธอด่าฉันเหรอ”
“ด่าว่า”
“ฉันเป็นสาเหตุแห่งความเดือดร้อน”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“อ่า ล้อเล่น อืม ลินดากับเชน ยอดมิตรชิดใกล้ จะเคียงคู่สู้เหล่าร้ายด้วยกัน”
แล้วทั้งคู่ก็พูดพร้อมเพรียงกัน
“ตราบใดฟากฟ้ายังมีแสงทองแห่งอุทัย พลังเกรียงไกรแห่งธรรมะ ย่อมชนะอธรรมสิ”
ทั้งสองจับมือกัน
“เวลาของแกทั้งคู่หมดแล้ว เมื่อมิสเตอร์โอเคถามว่าโอเคมั้ย ทุกคนตอบว่า”
“โอเค”
“อ๊าก”
มิสเตอร์โอเคยิงปืนสั้นอีกกระบอกเป็นไฟ พ่นออกมาราวกับไฟโลกันต์ เชนกับลินดาผละหนีไฟออกจากกัน จากนั้นสมุนก็ปรี่เข้าจัดการทั้งคู่ ไม่ใช้ปืน แต่เป็นอาวุธนานาชนิด มีด เหล็ก ขวาน ดาบ ลินดาใช้แส้ตวัดสู้ พร้อมกับเตะสูงสู้กับเหล่าสมุนเพราะไม้ตายของเธอคือแส้และการเตะอันงดงามด้วยช่วงขายาวเรียว และสามารถใช้ขาล็อคคู่ต่อสู้ได้ทุกลีลา
ส่วนเชนวิ่งเข้าใส่เหล่าสมุนที่ดาหน้าเข้ามาด้วยท่าแม่ไม้มวยไทยแบบผสม เชนสามารถจัดการคู่ต่อสู้ได้ครั้งละ 2-3 คน มิสเตอร์โอเคเห็นอย่างนั้นก็โกรธ
“เฮ้ย เอาเจ้าบุ๋มบิ๋มมา”
“ได้ครับนาย”
สมุนรีบส่งแมชชีนกันให้มิสเตอร์โอเค เชนมัวแต่สู้กับสมุน จึงไม่เห็นว่ามิสเตอร์โอเคกำลังใช้แมชชีนกัน เล็งมาที่ตนเอง ลินดารีบวิ่งเข้าไปหา เป็นขณะเดียวกับที่มิสเตอร์โอเคเหนี่ยวไกปืน
“เจอบุ๋มบิ๋มหน่อยว่าโอเคหรือเปล่า”
ลูกปืนออกจากปากกระบอก ขณะที่ลินดากำลังวิ่งไปช่วยเชน ลินดาเข้าไปผลักเชนออกจากวิถีกระสุน แต่เธอกลับโดนกระสุนเอง
“ลินดา”
เชนได้แต่ยืนช็อค

บริเวณแผงขายของใต้สะพานพุทธ ภาพสายลับเชน กลายมาเป็นหน้าปกดีวีดีที่วางขายอยู่บนแผง
“สายลับเจ้าเสน่ห์ เหลือแค่ตอนละแผ่นนะครับ ไม่ผลิตแล้วด้วยครับ ที่นี่ที่เดียว 3 แผ่นร้อยครับ 3แผ่นร้อย”

ระหว่างคนขายตะโกนขายของ หน้าร้านก็มีแฟนคลับ ดร.อาทิตย์ถือป้ายต่อว่าตฤณ เดินผ่านหน้าร้านเป็นกลุ่มไป

พ.ศ.2557 ที่สำนักพิมพ์คมคิดลึก ตฤณถือต้นฉบับการ์ตูนเดินมาอย่างเร่งรีบ ระหว่างนั้นมีเสียงกลุ่มคนตะโกนเรียก “ตฤณ ตรงวุฒิ” ดังมาซ้ำๆ ตฤณเดินไปที่กระจก มองออกไปภายนอก พลางคิด
“ตฤณ ตรงวุฒิ นักวาดการ์ตูนล้อเลียนชื่อดังของยุคนี้ วาดอะไรเป็นโดน เป็นใช่ ปริมาณแฟนคลับผม ไม่สิๆ ต้องเรียกว่าติ่ง ผมไม่อยากจะคุย เอาเป็นว่า เจมส์จิชิดซ้าย มาริโอ้ชิดขวา”
ตฤณมองออกไปที่ด้านนอก เห็นแฟนคลับของดร.อาทิตย์กลุ่มใหญ่ที่ใส่เสื้อสกรีนรูปหน้าดร.อาทิตย์ยิ้ม สองมือโอบอุ้มลูกโลก พร้อมสโลแกน “ศรัทธาสร้างพลัง พลังเปลี่ยนโลก” เหล่าแฟนคลับต่างถือป้ายที่มีข้อความ “นสพ.หมกเม็ด” “ตฤณ ตรงวุฒิ นักเขียนการ์ตูนบาปหนา” “ดร.อาทิตย์ผู้นำแห่งจิตวิญญาณ” “ดร.อาทิตย์ถูกใส่ร้าย” ตะโกนประท้วงอยู่หน้าสำนักพิมพ์ และฉีกหนังสือพิมพ์ จุดไฟเผา ตฤณคิดในใจ
“เห็นมั้ย ความคลุ้มคลั่งที่พวกติ่งมีให้กับผม เซ็งอะ ยังกะซุปตาร์”
แฟนคลับเห็นตฤณที่กระจก ชี้ขึ้นมา ส่งเสียงอาฆาตแค้น
“ออกมา ออกมา”
ในห้องบรรณาธิการ ตฤณกำลังยืนมองม็อบแฟนคลับผ่านกระจกออกไป
“มิตรรักแฟนเพลงตะโกนเรียกใครให้ออกไปครับนาย”
นิกร บรรณาธิการ นั่งหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะ เบื้องหลัง มีโปสเตอร์หนังละครเก่าๆ ใส่กรอบประดับอยู่ที่ผนังนับสิบเรื่อง หนึ่งในนั้นคือเรื่อง สายลับเจ้าเสน่ห์ ตฤณคิดอีก
“บก.ของผม คุณนิกร แกก็ติ่งผม ติ่งตัวพ่อเลย แกรู้ว่าไม่มีใครเรียกเรตติ้งให้สำนักพิมพ์ได้ดีเท่ากับผมอีกแล้ว ผมคือทรัพย์สินที่มีค่าสูงสุดที่สำนักพิมพ์จะเสียไปไม่ได้”
“ไอ้ตฤณ ตรงวุฒิ แกไปวาดการ์ตูนล้อเลียนดร.อาทิตย์ทำไม”
นิกรตวาดตฤณ พลางวางหนังสือพิมพ์ตรงหน้าโครม เห็นกรอบการ์ตูนล้อเลียน เป็นรูปดร.อาทิตย์หลอกให้คนกราบไหว้ แต่เบื้องหลังกลับเป็นพวกต้มตุ๋น มีเงินมีทองกินอยู่หรูหรา
“ไม่รู้หรือไงว่าคนเขาชื่นชมกันทั่วบ้านทั่วเมือง แล้วฉัน ฉันดันขี้เกียจใส่แว่นสายตายาว มันใส่แล้วปวดหัว เลยไม่อ่านให้ดีก่อน นึกว่าแกล้อเรื่องละครทีวีที่กำลังฮิตตอนนี้ เลยซวยกันหมดเลย ฮือ แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดฉัน เป็นความผิดแก”
ตฤณคิด
“ถึงเป็นคนเขียนการ์ตูน ก็ต้องรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ใช่สักแต่เขียนให้ความบันเทิงอย่างเดียว เมื่อสังคมมีอะไรไม่ชอบมาพากล เราก็ต้องสะกิดเตือน”
สิ่งที่ตฤณคิดห้าวหาญมาก แต่ตฤณกลับตอบไปสั้นๆ จ๋อยๆ ว่า
“ครับ”
“แกจะรับผิดชอบสำนักพิมพ์ของฉันยังไง ห่ะ รับผิดชอบยังไง แฟนคลับพวกนั้นจะถล่มสำนักพิมพ์ของฉันอยู่แล้ว”
“แต่ความรับผิดชอบ เป็นหน้าที่ของบก. โธ่นาย ไม่น่าเลย ผมทำให้นายเดือดร้อน เขาจะมากระทืบนายใช่ไหมครับ ผมเสียใจๆ”
“ไม่ต้องเสียใจ พอดี มันเป็นการ์ตูน ลายเซ็นทุกอย่าง มันผูกมัดแก เขากลับไม่สนใจฉันเลยว่ะ ฮ่ะๆ”
“โอเค ผมจะออกไป”
“ห่ะ แกจะออกไปขอโทษเขาเหรอ”
“ผมจะออกไปทางประตูหลัง ถ้าพวกนั้นบุกเข้ามา ก็บอกว่าผมไปแล้วนะครับ”
ตฤณตะเบะให้นิกรแล้วคว้าเป้ที่มีม้วนกระดาษ เปิดประตูรีบออกจากห้องไปทันที แต่ก่อนจะออกพ้นประตูไป เขาชะงัก หันกลับมามองหน้าบก. คิดอะไรบางอย่าง
“ตั้งแต่นี้ไป บก.ไม่ใช่ติ่งคนสำคัญของผมอีก พอกันที”
ตฤณรีบออกไป นิกรงง ว่าตฤณจ้องหน้าเขาทำไม
“นี่แกด่าฉันในใจใช่มั้ยไอ้ตฤณ โธ่เว้ย”
นิกรหัวเสีย

ตฤณสะพายเป้เปิดประตูออกมาจากประตูหลังตึก ก็เจอกับแฟนคลับของดร.อาทิตย์กลุ่มหนึ่งเดินมาพอดี เป็นผู้ชายล้วน เขาชะงัก แต่ทำนิ่งเดินไป คิดว่ากลุ่มแฟนคลับคงไม่รู้จักหน้าเขา จะเดินผ่านรอดอยู่แล้ว แต่มีแฟนคลับคนหนึ่งจำได้
“เฮ้ย ไอ้นี่แหละตฤณ ตรงวุฒิ”
ตฤณลืมตัวดีใจ ว่านักเขียนไส้แห้งอย่างเขาก็มีคนรู้จัก ยิ้มยกมือทักทาย
“โฮ้ว หวัดดีครับ รู้จักผมด้วยเหรอ”
“ไอ้นักวาดการ์ตูนลบหลู่ด็อกเตอร์ วันนี้ฉันจะสั่งสอนแก”
แฟนคลับขว้างปาขวดน้ำ ข้าวของในมือใส่ตฤณ ตฤณหลบทัน ข่มใจไม่สู้ ออกวิ่ง
“ใจเย็นก่อนครับติ่ง ยังไม่ว่างแจกลายเซ็น”
“อย่าหนีนะ”
ตฤณวิ่งหนีอย่างคล่องแคล่วมาตามตรอกซอกซอยด้านหลังดึก โดยมีกลุ่มแฟนคลับชายไล่ตาม เขาจะกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง แต่โดดไม่พ้น หงายเก๋งไปกับพื้น พวกแฟนคลับวิ่งตามมา ตฤณรีบวิ่งหนีต่อไป

ตฤณวิ่งเลี้ยวมา คิดว่าขืนวิ่งต่อคงยาวแน่ เลยหลบผลุบเข้าซอกข้างทางที่เห็น โหนอยู่กับโครงเหล็กของกันสาดเตี้ยๆ กลุ่มแฟนคลับวิ่งตามมาหยุด ยืนหันมองหาอยู่ใกล้ๆ ตฤณอาศัยชายผ้าใบกันสาดบังตัว
“มันหายไปไหนแล้ว”
“ไปดูทางโน้น”
แฟนคลับทั้งหมดวิ่งไป ตฤณรอจนแน่ใจว่าไปแล้ว ก็ชะโงกหน้าออกมามอง พลางคิด
“แค่คิดต่าง ก็ต้องใช้กำลัง มันไม่ใช่อะ แต่ผมไม่โกรธพวกเขาหรอกนะครับ สไปเดอร์แมนสอนผม หน้าที่อันยิ่งใหญ่มาพร้อมความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง ผมก็ไม่ต่างอะไรจากฮีโร่ในหนังการ์ตูน คือ เป็นคนดี มีหน้าที่ปราบคนพาล อภิบาลคนดี เพราะนี่แหละคือภารกิจของฮีโร่”
ตฤณโหนตัวลงมาจากกันสาด แต่พลาดเพราะพื้นบริเวณนั้นลื่น เลยไถลล้มนั่งก้นจ้ำเบ้า พลางคิดในใจ
“บางครั้งฮีโร่ก็ต้องทำตัวเป็นคนธรรมดาๆ เพื่อไม่ให้คนรู้ความจริง จริงมั้ยครับ”
ตฤณเจ็บก้น ระบม แล้วนึกได้ ก้มลงดูนาฬิกาต้องตกใจ
“สายอีกแล้ว”
ตฤณรีบออกวิ่งย้อนไปทางเดิมหน้าตั้ง

จอขนาดใหญ่บนยอดตึก มีวีทีอาร์โฆษณารายการของดร.อาทิตย์ ชื่อ “Faith ศรัทธาสร้างพลัง” มีภาพดร.อาทิตย์ยิ้มอ่อนโยน อยู่ในลีลาใช้ 2 มือ ทำท่าคล้ายนักมายากล ปรากฏคล้ายดวงดาวสว่างจ้าอยู่ในมือ ดร.อาทิตย์ส่งยิ้มอ่อนโยนมา พร้อมพูดสโลแกนว่า “ศรัทธาสร้างพลัง พลังเปลี่ยนโลก” ตามมาด้วยภาพตัวหนังสือ ออกอากาศทางบิ๊กสมายล์ทีวี เคเบิ้ลทีวีเพื่อชีวิตที่ดีกว่า ทุกวันศุกร์เวลา 20.30 น.

หน้าตึกในโรงเรียนประถมที่อยู่กลางเมือง บริเวณสนามเด็กเล่น ด.ช.กังฟู กำลังแสดงลีลาเหมือนนักมายากลเลียนแบบดร.อาทิตย์ ใช้ 2 มือซ่อนท็อฟฟี่ไปมา ท่าทางเหมือนรำมวยกังฟูไทเก๊กมาก
“ฟับ ฟับ ฟับ”

แล้วกังฟูขี้คุยขี้อวดก็หงายมือทั้งสอง พบว่าว่า ท็อฟฟี่หายไปแล้ว

น้องสมายล์ และพรรคพวกอีก 2 คน คือ โลมา กับ แมงกะพรุน หน้าตาใสซื่อ อ้าปากค้าง

“ว้าว หายไปแล้ว กังฟูนายทำได้ยังไง นายเสกท็อฟฟี่หายตัวได้”
“เหลือเชื่อ” โลมางง
“โอ้มายก็อด” แมงกะพรุนแปลกใจ
“หึๆๆ ศรัทธาสร้างพลังไง เราต้องมีศรัทธารู้ไหมกุ้งเต้น แล้วถึงทำได้ ฮะๆๆ”
“คว่ำมือดิ” ตังตังบอก
“ห่ะ”
กังฟูเบรกหัวแทบไม่ทัน ตังตังนั่งดูอยู่ด้วย
“ฉันบอกให้คว่ำมือไง”
“เอ่อ คว่ำไมอ่ะ”
ตังตังทำหน้าเอือม รู้ทัน จับมือกังฟูคว่ำลง เห็นนิ้วอูมๆ ของกังฟูหนีบท็อฟฟี่อยู่ข้างล่าง
“ท็อฟฟี่อยู่นี่ไง ศรัทธาสร้างพลัง หรือต้มตุ๋นกันแน่ มันมายากลชัดๆ”
“อ้าวกังฟู” สมายล์เซ็ง
กังฟูรีบแถเปลี่ยนเรื่อง
“ตังตัง เธอลบหลู่ดร.อาทิตย์ ระวังให้ดีเหอะ แม่เราบอกว่า ใครลบหลู่จะต้องมีอันเป็นไป”
“เป็นอะไรไปเหรอ”
“เป็นไป ก็คือ เป็นไปนั่นล่ะ”
“ก็เป็นอะไรไปล่ะ”
“เป็นอะไรที่ ที่ มัน แบบว่าๆ”
“เฮลโหลว อาร์ยูเร้ดี้”
จันทร์เจ้าเดินเป็นคุณนายเข้ามา
“มาก่อนใครเลย รักลูกมากก็เงี้ย ครอบครัวอบอุ่น ฮะๆๆ” กังฟูเยาะๆ
แม่ของโลมากับแมงกะพรุนก็เข้ามารับลูก โลมากับแมงกะพรุนรีบวิ่งดีใจไปหาแม่ มีขบวนรถมาจอด เห็นสติ๊กเกอร์ข้างรถว่าเป็นรถจากสถานีสมายล์ทีวี พวกลูกน้องประมุขเปิดประตูลงมาอย่างรวดเร็ว จัดแถวสวยงาม เปิดทางให้แม่บ้านคนสนิทของสมายล์เดินเข้ามา
“น้องสมายล์ขา วันนี้คุณพ่อไม่สะดวกมารับ เชิญค่ะ”
“พาน้องสมายล์ไปห้างก่อนนะคะ น้องสมายล์อยากได้ชุดซัมเมอร์ใหม่ๆ มาใส่ตอนไปเที่ยวหัวหิน ไปนะตังตัง ไว้ว่างๆ จะไปหานะ”
“อืม แล้วเจอกัน ชุดซัมเมอร์ไปหัวหินเหรอ”
ตังตังมองแล้วซึมๆ ใครๆ ก็มีแม่มารับ จันทร์เจ้ามองตังตัง ตามนิสัยชอบสังเกต ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน
“ได้บอกน้ารึเปล่าจ้ะหนูตังตัง ว่าวันนี้สอบวันสุดท้าย สอบเสร็จปุ๊บ โรงเรียนก็ปิดเทอมปั๊บ ให้รีบมารับ”
“เรา น้าหลาน เข้าใจกันเสมอค่ะ”
“ศรัทธาจ้ะหนูตังตัง หนูต้องมีศรัทธาแล้วเดี๋ยวน้าหนูก็จะมารับ งั้นน้าไปก่อนนะจ๊ะ ไปลูกกังฟู อยากไปไหน หม่ำอะไรลูก เดี๋ยวแม่จะพาไปเลี้ยงฉลองปิดเทอม”
“กังฟูจะกินพิซซ่า ไก่ทอด ไอติม โดนัท แฮมเบอเกอร์ ซูชิ สปาเก๊ตตี้”
กังฟูเดินฟุ้งไป
“ชิ ไอ้อ้วน”
ตังตังนั่งถอนใจอยู่คนเดียว ล้วงโยโย่ออกมานั่งเล่นอย่างชำนาญ โรงเรียนค่อยๆ เงียบลง เวลาผ่านไป เด็กๆ มีพ่อแม่มารับ ค่อยๆ หายกลับบ้านไปทีละคนจนหมด ตังตังถอนใจอย่างรู้ชะตากรรมว่าต้องกลับเองเหมือนเคย เธอลุกขึ้นยืนถอนใจเฮือกใหญ่ สะพายกระเป๋า เดินเหวี่ยงโยโย่ไป

ตฤณสะพายเป้วิ่งลงบันไดรถไฟใต้ดินมา ฝ่าผู้คนที่มาใช้บริการรถไฟฟ้าคับคั่ง ตรงมายังสถานีที่รู้ว่าตังตังจะมาขึ้นรถไฟเป็นประจำทุกครั้งที่เขาไปรับสาย
“ขอโทษครับ ขอทางครับ ขอโทษครับ”
ตฤณวิ่งผ่านจอที่มีโฆษณาของรายการ “Faith ศรัทธาสร้างพลัง” ของดร.อาทิตย์ ติดโปรโมทไปทั่วสถานีรถไฟฟ้า เขาแปะบัตรรายเดือนที่ซื้อไว้ วิ่งผ่านทางเข้าอัตโนมัติไปตรงไปที่ชานชลา และแล้วก็เห็นตังตังตัวเล็กนิดเดียว กำลังยืนเลี้ยงโยโย่ระหว่างรอรถไฟฟ้าท่ามกลางผู้คนที่หันมาสนใจ ตฤณยิ้มอย่างโล่งอก
“ตังตัง”
ตฤณแหกปากตะโกนลั่น ทุกคนหันมามอง ตังตังหันมามอง ยิ้ม ตฤณคิด
“หลานสาวผมเองครับ พี่สาวผมต้องไปทำงานเมืองนอก เลยฝากให้ผมช่วยดูแล ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย เพราะผมกับตังตัง เราเข้ากันได้ดีมาก คือแบบ ผมเป็นไอด้อลของหลานอ่ะครับ อิอิ”
ตังตังที่ยิ้มอยู่ ก็หุบยิ้ม แล้วค้อน หันหน้ากลับ รถไฟฟ้ามาจอดที่ชานชาลาพอดี ตังตังเก็บโยโย่ก้าวเข้ารถไฟไป ตฤณตะโกน
“เฮ้ย ตังตัง รอน้าด้วย ขอทางคร้าบๆ”
ตฤณลื่นไถลตัวกับราวบันได รีบพุ่งไปที่โบกี้รถไฟฟ้าคนละโบกี้กับตังตัง ที่ประตูกำลังจะปิด
“อย่าเพิ่งปิด รอด้วย”
ตฤณเข้าไปได้อย่างฉิ่วเฉียด รถไฟฟ้าปิดประตูแล่นออกไป

ตฤณยืนพิงประตูรถเป่าปากโล่งอก แต่พอจะเดินไปหาตังตัง เขากลับกระเด้งหลังกลับ
“เฮ้ย”
ตฤณเหลียวไปมองหลัง ชายเสื้อเชิ้ตของเขาถูกประตูหนีบอยู่ เขาพยายามออกแรงดึง คนทั้งรถไฟหันไปมองขำ รวมทั้งตังตังที่นั่งอยู่มุมไกลยื่นหน้ามามองตฤณแล้วส่ายหน้าระอา ตังตังไม่อยากสนใจ เสียบหูฟังเพลง แล้วตฤณก็ดึงเสื้อออกได้แต่ขาดแคว่ก จนหน้าคะมำ เขารีบถอดเสื้อเชิ้ตผูกไว้ที่เอวเหลือแต่เสื้อยืดคอกลมแขนกุดด้านใน เดินเข้ามาหาตังตัง
“ตังตัง”
ตังตังไม่ได้ยิน ตฤณเลยถอดหูฟังออกตะโกนใส่หู
“ตังตัง”
“โอ๊ย นี่สำนึกผิดจนเป็นบ้าไปแล้วเหรอ น้าตฤณ”
คนหันมามอง ทำหน้าเอือมๆ กับตฤณ
“โทษนะที่ไปรับที่โรงเรียนสาย คือน้า”
“น้าก็สายทั้งปีอยู่แล้วนี่ ตั้งแต่เปิดเทอมยันปิดเทอม”
“เออใช่ ปิดเทอมแล้วนี่ บอกมาดิ ปิดเทอมปีนี้อยากทำอะไร”
“ไปหาพ่อแม่ที่เมืองนอก ไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ ไปหามิกกี้เม้าท์กับโดนัลดั๊ก”
ตฤณยิ้มแหย
“ไกลจัง ค่าตั๋วก็แพง อีกปีเดียวพ่อกับแม่ก็กลับมาแล้วนะ ไปเที่ยวห้างแถวบ้านเราแล้วกัน มีมิกกี้เม้าท์กับโดนัลดั๊กเหมือนกันเดี๊ย”
ตังตังหน้าหงิก
“น้าตฤณ ตัวจริงกับตัวปลอม มันเหมือนกันที่ไหน”
“ไอ้ตัวที่อยู่ดิสนีย์แลนด์มันก็ตัวปลอมเหมือนกันนั่นแหละตังตัง มันเป็นมาสคอส คนใส่หุ่น”
“โฮ่ย ตังตังไม่พูดกับน้าแล้ว น้าไม่มีจินตนาการ ไม่รู้เขียนการ์ตูนได้ไง ปิดเทอมทีไร ตังตังอยู่แต่บ้านๆๆ”
ตังตังเงยหน้ามองไปที่จอตรงหน้ามีวีทีอาร์โฆษณารายการของดร.อาทิตย์ ดร.อาทิตย์ทำมือมายากลเสกดวงดาวมาอยู่ในมือแล้วพูดด้วยสีหน้าอ่อนโยน อิ่มบุญ
“ศรัทธาสร้างพลัง พลังเปลี่ยนโลก”
“ถ้าศรัทธาเปลี่ยนโลกได้จริงๆ อย่างดร.อาทิตย์บอก ก็น่าจะเปลี่ยนน้าตฤณได้เหมือนกัน”
“เฮ้ย จะมาเปลี่ยนน้าทำไม น้าเป็นอย่างงี้ของน้าก็ดีอยู่แล้ว ไปเชื่ออะไรกับตาดร.อาทิตย์ มันก็แค่นักมายากลหลอกลวงชาวบ้าน ไปเชื่อมันอยู่ได้”
ตฤณมองจ้องดร.อาทิตย์ไปที่วีทีอาร์ โดยไม่รู้ว่าคนทั้งรถไฟฟ้าได้ยินและกำลังมองจ้องเขาอย่างไม่พอใจ ตังตังเห็นแล้วเสียว รีบทำไม่รู้ไม่ชี้เสียบหูฟังเพลงดีกว่า

ตฤณมองจ้องดร.อาทิตย์ในวีทีอาร์ด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ ไม่เชื่อถือ

อ่านต่อหน้า 2

สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 1 (ต่อ)

ภายในห้องส่งของเดอะซันฮอลล์ มีภาพวีทีอาร์ของดร.อาทิตย์ที่มีแสงพระอาทิตย์มาจากด้านหลัง มีปีกสยายออกมาจากหลังของเขา พร้อมดนตรี แสงสีเสียงที่ปลุกเร้าอารมณ์อย่างลึกลับ ผู้ชมที่มีเกียรตินั่งประจำที่ตามโต๊ะกลม มีโต๊ะเล็กอยู่ตรงหน้า บนโต๊ะเล็กมีเชิงเทียนวางอยู่ดูหรูหรา ด้านหลังของกลุ่มผู้ชมที่มีเกียรติเป็นส่วนที่นั่งของแฟนคลับ มีทั้งวัยรุ่นและคนมีอายุแล้ว บ้างแต่งตัวธรรมดา บ้างใส่เสื้อทีมยืนรอดูดร.อาทิตย์ด้วยท่าทางตื่นเต้น เสียงทีมงานดังขึ้น
“ห้า สี่ สาม สอง”
ทันใดนั้นมีเสียงพูดสโลแกนขึ้น
“ศรัทธาสร้างพลัง พลังเปลี่ยนโลก ขอต้อนรับทุกท่านที่มีพลังแห่งศรัทธาเข้าสู่ The Faith มิติแห่งจินตนาการ จุดกำเนิดแห่งสรรพสิ่ง ด้วยพลังแห่งพระอาทิตย์”
สิ้นเสียง ดวงอาทิตย์ที่ฉากเบื้องหลังเหมือนกับระเบิดพุ่งแสงจ้าออกมา เสียงผู้ชมฮือฮา ปรากฏร่างหญิงสาวสะโอดสะองบนส้นสูงเดินขึ้นมาจากทางด้านข้างของเวที ไฟที่เวทีค่อยๆ ขึ้น นารีเดินออกมายืนที่กลางเวที ก่อนที่จะมี Backstage ท่าทางนิ่งๆ เท่ๆ เดินถือผ้าลูกไม้ออกมาผูกตาของนารีให้ ภายใต้ผ้าลูกไม้เผยให้เห็นชัดเจนว่าเธอหลับตาสนิท
“ขอเชิญท่านพบกับนารี เธอผู้มีศรัทธา พลังความสามารถพิเศษของเธอเกิดขึ้นเพราะศรัทธา”
นารีหยิบมีดเล็ก 4 เล่มคีบไว้ที่มือ ก่อนจะนั่งลงยองๆ แล้วปามีดออกไป มีดไปตัดโซ่ทีละเส้นที่แขวนแชนเดอเลียหรูขนาดใหญ่กลางฮอลล์ร่วงลงมาทันที ผู้ชมพากันตกใจ บ้างก็กรีดร้อง เพียงชั่วพริบตา เศษแก้วช่อไฟพวกนั้นก็กลายเป็นฝูงพิราบสีขาวแตกฮือบินว่อนไปทั่วฮอลล์แทน ผู้ชมพากันฮือฮาปรบมือแทบไม่เชื่อสายตา
ท่ามกลางฝูงพิราบสีขาว มีผ้าขนนกร่วงลงมา ปรากฏร่างอินทุม้วนตัวห้อยโหนลงมากับเชือก ผู้คนต่างตกตะลึงไปชั่วขณะ
“อินทุ เขาผู้มีศรัทธาพลังความสามารถพิเศษของเขาเกิดขึ้นเพราะศรัทธา”
อินทุห้อยตัวลงมารับตัวของนารีขึ้นไปโพสต์ท่าสวยบนอากาศ ผู้ชมพากันชื่นชมลุกขึ้นปรบมือ แล้วอินทุและนารีก็โหนผ้าปล่อยตัวลงมาเหยียบพื้นเวที

ดร.อาทิตย์เดินมาจากท้ายเวทีอย่างสง่างามและน่าเกรงขาม ระหว่างที่เดินมา มีเปลวไฟพุ่งขึ้นมาทั้งสองข้างของเขา มีแผ่นอะลูมิเนียมสะท้อนเงาและไฟที่พุ่งขึ้นมา ด้านหน้าของดร.อาทิตย์มีกองไฟลุกโชนอยู่ ดร.เดินผ่านมาได้อย่างง่ายๆ กลายเป็นดร.อาทิตย์ในชุดหรูหราแต่ดูขลัง เขากรีดไพ่ในมือแล้วโยนเข้าไปที่คนดู ดวงตาของคนดูตื่นตะลึง ตกใจ
ไพ่จะลอยเข้ามาถึงตัวคนดู เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นขนนก คนดูกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่ของพวกเขาจะดูเคลิบเคลิ้มเหมือนถูกสะกดจิต ดร.อาทิตย์กางสองแขนต้อนรับผู้ชม เสียงตบมือและกรีดร้องดังขึ้นลั่นฮออล์ บางคนถึงกับสลบเป็นลมไป ผู้ชมต่างลุกขึ้นปรบมือต้อนรับไอดอลแห่งจิตวิญญาณของพวกเขา
“ขอต้อนรับ ผู้สร้างศรัทธาแก่เรา ดร.อาทิตย์”
ลูกไฟระเบิดขึ้นหน้าเวทีหลายจุด ต้อนรับดร.อาทิตย์ ผู้ชมพากันปรบมือลั่นสนั่นฮอลล์ ดร.อาทิตย์พูดขึ้น
“ไม่ใช่แค่นารีกับอินทุ ทุกคนมีพลังเดอะซันอยู่ในตัวทุกคน เราตื่น และหลับพร้อมพลังแห่งแสงอาทิตย์ เพียงแค่เรามีศรัทธา เราก็จะสามารถดึงพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวของเราออกมาใช้ได้ ผมจะพิสูจน์ให้ทุกท่านดู เอาล่ะ ผมจะสุ่มเลือกท่านผู้มีเกียรติขึ้นมาบนเวที 2 ท่าน”
กล่องแก้วอะคริลิครูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงสูงไม่ใหญ่มากเลื่อนขึ้นมาจากพื้นเวที แสงสีส้มเป็นประกายออกมา ด้านในมีต้นขั้วตั๋วและขนนกที่ถูกลมเป่าลอยอยู่ในนั้น
“ผมจะจับผู้โชคดีล่ะนะ”
ผู้ชมต่างตื่นเต้นอยากจะเป็นผู้โชคดีได้ขึ้นไปบนเวที ดร.อาทิตย์ล้วงมือไปคว้าต้นขั้วตั๋วออกมา 2 อัน แล้วยื่นให้นารีกับอินทุ เปิดดูคนละอัน นารีอ่านหมายเลข
“ขอเชิญผู้ที่นั่งเก้าอี้หมายเลข C 63”
นารีโชว์ต้นขั้วให้ดู หญิงสาวคนหนึ่งก้มลงมองบัตรแล้วลุกขึ้นกรีดร้องดีใจลั่น
“และขอเชิญ ผู้ที่นั่งเก้าอี้หมายเลข A 88 ครับ”
อินทุโชว์ต้นขั้วเช่นเดียวกับนารี พิภพผู้จัดการธนาคารที่มาดูกับภรรยาก็จับมือกันดีใจ ดร.อาทิตย์มองยิ้ม จับจ้องไปที่พิภพ เพราะคืนนี้ พิภพคือเป้าหมายของเขา
“ขอเชิญท่านผู้มีเกียรติทั้งสองท่านบนเวทีครับ”
พิภพก้าวขึ้นเวทีไปหาดร.อาทิตย์พร้อมกับหญิงสาว ผู้ชมปรบมือ
“สวัสดีครับ ชื่ออะไรครับ”
“ผมพิภพครับ”
“พิมดาวค่ะ”
กระจกบานเดิมที่มีภาพเปลวเพลิงอยู่ด้านในที่ดร.อาทิตย์เดินผ่านก่อนหน้านี้เลื่อนขึ้นมาจากพื้นเวทีอีกครั้ง ดร.อาทิตย์หยิบแผ่นกระดาษออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วจ่อไปในเปลวเพลิงในบานกระจก ปรากฏว่ากระดาษไหม้อย่างรวดเร็วหายวับไปกับตา
“เอาล่ะคุณพิมดาว คุณเชื่อหรือไม่ว่าคุณสามารถเดินผ่านกระจกไฟที่ร้อนแรงนี้ได้”
หญิงสาวมองอย่างกล้าๆ กลัวๆ พยายามยื่นมือออกไปข้างหน้า สายตาหันมามองดร.อาทิตย์เป็นระยะๆ อย่างไม่ค่อยมั่นใจ คนดูต่างลุ้นใจจดใจจ่อ พอหญิงสาวเอามือเข้าใกล้เปลวไฟก็ร้อน ชักมือกลับทันที
“ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกค่ะ”

“ได้ซิครับ สร้างศรัทธาแล้วมองตาผม”

ดร.อาทิตย์ยกมือสะกดจิตหญิงสาว ใช้มือแตะๆ ไปที่ตัวเธอ เพียงชั่วพริบตา หญิงสาวมีอาการตกอยู่ในการสะกดจิต
“เอาล่ะ ทีนี้เปลวเพลิงนั้นทำอะไรคุณไม่ได้แล้ว”
หญิงสาวยืนหน้านิ่งก่อนจะยื่นมือเข้าไปใกล้เปลวเพลิงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูมั่นใจกว่าเดิม ผู้คนมองทึ่ง ไม่กะพริบตา
“อย่างนั่นแหละครับ ดีมาก ส่วนคุณพิภพ มองตาผมซิ แล้วบอกมาว่าหมายเลขบัตรประชาชน
ของผมหมายเลขอะไร”
“โห ผมจะทายถูกได้ยังไง ไม่มีทางเป็นไปได้”
“สร้างศรัทธาแล้วมองตาผมซิ”
ดร.อาทิตย์ตบไหล่ ตบแก้มพิภพเบาๆ สะกดจิตเขาให้นิ่งได้ ระหว่างนั้นหญิงสาวก็กำลังยื่นมือผ่านกองเพลิงไปได้โดยไม่รู้สึกร้อนใดๆ คนมัวแต่ไปส่งเสียงกรี๊ดสนใจหญิงสาว ไม่ทันสังเกตว่าดร.อาทิตย์แอบกระซิบหลอกถามตัวเลขบางอย่างมาจากพิภพ ก่อนจะทำเป็นถามเสียงดังออกมา
“เอาล่ะคุณพิภพ หมายเลขบัตรประชาชนของผมเลขอะไร พูดออกมา”
ระหว่างนั้นนารียกป้ายตัวเลขบัตรประชาชนของดร.อาทิตย์ให้ผู้ชมดู โดยที่พิภพไม่เห็น พิภพค่อยๆ พูดตัวเลขออกมาทีละตัว ผู้ชมลุ้นตาม และพิภพก็พูดถูกทุกตัว ผู้ชมปรบมือ ขณะที่หญิงสาวก็เดินผ่านกองเพลิงและกระจกไปได้ในที่สุด ผู้ชมยิ่งปรบมือเสียงดังฮือฮาอย่างอัศจรรย์ใจ ดร.อาทิตย์ดีดนิ้ว คนทั้งสองตื่นขึ้นจากการสะกดจิต
“เห็นหรือยังครับทุกท่าน แค่มีศรัทธา คุณก็มีพลังพิเศษได้ เพราะศรัทธาสร้างพลัง พลังเปลี่ยนโลกได้”
ผู้ชมลุกขึ้นปรบมือ ดร.อาทิตย์ นารี อินทุ โบกมือให้ทุกคนไปรอบๆ

บนรถไฟฟ้า ตฤณมองค้างอยู่ที่จอ ตังตังกระตุกแขน
“น้าตฤณ เจริญแล้ว”
ตฤณหลุดจากภวังค์
“ชิบโป๋ง นี่มันสถานีไรแล้วอ้า”
ตฤณรีบจูงมือตังตังวิ่งออกจากรถไฟฟ้าไป เขาพาตังตังเดินออกมาตามทางอย่างงงๆ
“เพราะน้าตฤณคนเดียว สถานีนี้เลยสถานีเรามาตั้งสองหรือสามป้าย ไม่เคยมาด้วย ไกลแค่ไหนก็ไม่รู้”
“ชิ้ว ตัวแค่นี้ ขี้บ่นจัง ยังไงน้าก็พาเรากลับบ้านได้แหละน่า ทำไมสถานีนี้มันเหมือนร้างๆ หว่า คนหายไปไหนหมด”
“ก็ใช่น่ะดิ วังเวงชะมัด”
ตฤณเห็นบันไดเลื่อน
“อ่ะ นั่นไง บันไดเลื่อนๆๆ”
ตฤณกำลังจูงมือตังตังเดินมาตรงบันไดเลื่อน เพื่อจะขึ้นไปข้างบน แต่พอมาถึง พบว่าบันไดเลื่อนมีพนักงานเอาเชือกมากั้น
“อ้าว ไม่ให้ขึ้นซะงั้น”
“คงจะเสียมั้ง หรือไม่ก็ยังทำไม่เสร็จ”
ตฤณหันมาเห็นป้ายลูกศรเขียนชี้ว่า “ทางออก”
“โน่นๆ เขาให้ไปทางโน้น เดินตามป้ายนี้ไป เดี๋ยวก็เจอทางขึ้น ไป”
ตฤณจูงตังตังเดินไปตามลูกศรที่เขียนชี้บอกไปตลอดทางลดเลี้ยว ทางยิ่งวังเวง บรรยากาศดูลึกลับขึ้นเรื่อยๆ
“น้าตฤณ เดินมาตั้งนานแล้วนะ เมื่อไหร่จะเจอทางออกอ่ะ”
“นั่นดิ”
“อ้าว ทำไมพูดงั้นอ่ะ”
ตฤณเห็นบันไดทางขึ้น
“ฮ่ะๆๆ เจอแล้วจ้ะหลานรัก โน่นไงบันได”
ตฤณจับ 2 แก้มหลานขยี้อย่างหมั่นเขี้ยว แล้วจับให้หันไปมอง ตังตังปัดมือน้าชายออกอย่างงอนๆ แล้วน้าหลานก็รีบเดินไปที่บันไดทางขึ้น ทั้งสองเดินมาหยุดยืน แหงนมองขึ้นไป เห็นแสงสว่างจ้าส่องลงมา
“ข้างบน มันจะทะลุไปไหนอ่ะ”
“อีกมิติหนึ่งมั้ง อยากรู้ก็ตามขึ้นมา”
ตฤณวิ่งขึ้นบันไดไป
“อ๊าย น้าตฤณขี้โกง รอด้วยดิ”
สองน้าหลานวิ่งไล่ขึ้นบันไดไป ยื้อยุดหัวเราะกัน

ตฤณกับตังตังวิ่งไล่กันขึ้นบันไดมาข้างบนก็วิ่งหัวเราะกันมาตามซอย ตังตังหยุดยืนหอบ
“โฮ่ย น้าตฤณหยุดก่อน”
“หึๆ ยอมแพ้แล้วเหรอไอ้ตัวแสบ”
“ยอมแพ้ที่ไหน หนูอยากกลับบ้านแล้ว แต่จะกลับไง เราอยู่ไหนก็ไม่รู้”
“ไม่เห็นยาก ก็กลับแท็กซี่ไงน้อง”
“เพ่มีตังค์เอ๋อ”
“อ่ะ มีดิ นี่ไง”
ตฤณล้วงแบงค์พันออกมาแกว่งโชว์ยักคิ้ว อยู่ๆ ก็มีลมพัดวืด แบงค์พันปลิวไป
“เฮ้ยๆ”
ตฤณกับตังตังรีบไล่ตะครุบแบงค์พันทันที แต่พอจะหยิบได้ ลมก็พัดแบงค์ปลิวไปอีก ทันใดนั้น แบงค์พันก็ปลิวมาหยุดที่หน้าร้านเนรมิต เป็นร้านที่ตกแต่งแบบมั่วๆ จับโน่นผสมนี่ ทั้งของเก่าของใหม่เต็มไปหมด ดูทึมๆ น่ากลัว ตฤณกับตังตังวิ่งตามมาเห็น
“นั่นไงน้า ตังค์อยู่หน้าร้านนั่น”
สองน้าหลานกระโจนเข้ามาตะครุบแบงค์ แต่แบงค์พันก็ปลิวเข้าใต้ร่องประตูร้านเนรมิตไป
“เฮ้ย เข้าไปได้ไงวะนั่น”
ตฤณ ตังตังแหงนหน้ามองป้ายร้าน
“ร้านเนรมิต”

ตฤณกับตังตังเปิดประตูเดินเข้าร้านเนรมิตมาพร้อมเสียงกระดิ่งประตูดังขึ้น ตังตังทึ่ง
“โห ร้านอะไรเนี่ย เจ๋งอ่ะ”
ตฤณกับตังตังเดินมองของในร้านอย่างตื่นตาตื่นใจ ภายในร้านเต็มไปด้วยของแปลกประหลาด เช่น รถยนต์สีดำแบบเรื่องแบ็ค ทู เดอะฟิวเจอร์ ดาบโบราณสมัยกรุงศรี กระจกบานใหญ่ที่มีรอยแตกร้าวแบบเรื่องทวิ และยังมีของประหลาดอีกมากมาย วางอยู่เต็มร้านไปหมด ขณะที่ตังตังกำลังเพลิดเพลินกับการดูของเล่น ตฤณเหลือบไปเห็นแบงค์พัน ที่ปลิวเข้ามาตกอยู่บนพื้นมุมหนึ่ง

“อยู่นั่นเอง หายล่ะซีดเลย ทั้งเนื้อทั้งตัว เหลืออยู่พันเดียว”

ตฤณเดินเข้าไปก้มลงเก็บ ก็เห็นเท้าใส่รองเท้าหนังเก่าๆ หัวโตแบบการ์ตูน ก้าวมายืนอยู่ใกล้แบงค์ เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง เห็นชายแก่ท่าทางเหมือนนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง หัวยุ่งๆ หน้าตาถมึงทึงน่ากลัวยืนมองอยู่ เจิดตะคอก
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ หาของอะไรอยู่ไม่ทราบ”
ตฤณผงะเล็กน้อย ตังตังหันมาตกใจ เห็นเจิดถือไม้เบสบอลอยู่ เลยคว้าดาบโบราณใกล้มือขึ้นมาทำท่าราวกับฮีโร่ในหนังการ์ตูน
“อย่าทำอะไรน้าฉันนะ”
“เฮ้ยๆ นังหนู อย่าชักดาบฟ้าฟาดออกจากฝักนะโว้ย เดี๋ยวได้โผล่ไปตอนกรุงแตกหรอก”
เจิดแย่งดาบไปเก็บ ตังตังยิ้ม มองดาบ
“จริงเหรอลุง”
ตฤณไม่เชื่อ เดินเข้ามาคว้าดาบจากมือตังตังไปดู
“ดาบเนี่ยนะ จะพาย้อนอดีตไปสมัยอยุธยาได้ หึ หลอกเด็กแล้วลุง”
“ไม่รู้จักดาบฟ้าฟาด แห่งหัวใจรักข้ามภพล่ะสิ ถ้าโง่ก็ถอยไปเลย ฉันไม่ได้พูดพล่อยๆ รู้เอาไว้ไอ้หนุ่ม ของในร้านเนรมิตนี้ ทุกชิ้น มันมีที่มา มันมีอดีต และมันก็เป็นของจริง ทั้งนั้น”
ตังตังจินตนาการไปตามที่เจิดพูด
“ตื่นเต้นจังเลย แล้ว แล้วในร้านลุงมีไทม์แมชชีนรึเปล่า”
“มี โน่นไงนังหนู”
เจิดชี้ไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ
“ห่ะ โต๊ะหนังสือเนี่ยนะเป็นไทม์แมชชีน อ๋อ เหมือนในเรื่องโดเรม่อนใช่ไหมลุง เปิดลิ้นชักออกมาแล้วเข้าไปในลิ้นชัก อยากไปไหน ก็ไปได้ใช่ไหม งั้นหนูอยากเห็นไดโนเสาร์ พาไปหน่อยดิค่ะ”
“ลิ้นชักมันเสีย เปิดไม่ออก”
“อ้าว พอจะลองของ ก็เสียซะงั้น” ตฤณดักคอ
เจิดของขึ้นหนักกว่าเดิม
“อยากลองของนักใช่มั้ย ได้ จัดให้ มาทางนี้”
เจิดดึงดาบในมือตฤณไปวางที่เดิม แล้วดึงแขนตฤณให้ไปกับตน ตังตังเห็นผู้ใหญ่เถียงกันเลยทำหน้าเซ็ง เดินแยกไปดูของในร้านอีกทาง หยิบโน่นนี่ขึ้นมาดู ก่อนจะไปสะดุดตากับแว่นอันหนึ่ง หน้าตาแปลกประหลาด มีป้ายเขียนติดเอาไว้ว่า “แว่นสามมิติ 3DDD”
“แว่น 3 มิติเหรอ”
ตังตังสงสัย เพราะแว่นอันนี้ เป็นของอันเดียวในร้านที่ใส่กล่องแก้วไว้อย่างดี ไม่เหมือนของอื่นที่วางเกลื่อน หยิบมาดูได้ง่ายๆ ตังตังหันซ้ายมองขวา แน่ใจว่าลุงเจ้าของร้านไม่เห็น เลยเปิดกล่องแก้ว หยิบแว่นตาออกมาด้วยความสนใจ ก่อนจะลองใส่ดู ตังตังผงะ
“3 มิติตรงไหน ไม่เห็นมีอะไรเลย”
ตังตังหันไปเห็นของอีกอย่างน่าสนใจ เลยลืมตัวเอาแว่นสวมหัวแทนที่คาดผม แล้วเดินดูของอย่างอื่น

อีกมุมของร้าน เจิดหยิบแว่นอันหนึ่งส่งให้ตฤณ
“เอ้า แน่จริงก็สวมเลย หายอยากแน่”
“แว่นอะไรล่ะลุง”
“แว่นส่องผี ไม่ว่าจะผีตายโหง ผีตายท้องกลม กระสือ กระหัง หรือผีก็องกอย ใส่เข้าไปแล้วเห็นชัดทุกรูขุมขน แต่ถ้าไม่กล้า จะเปลี่ยนใจก็ได้นะ”
ตฤณหัวเราะ
“ขู่ก่อนเลยนะ กะว่าถ้าผมกลัว ลุงจะได้ไม่หน้าแตกใช่มั้ยล่ะ อ้อ ไหนดูซิ ว่าจะเห็นแคสเปอร์หรือคิวทาโร่”
ตฤณกำลังจะสวมแว่น แต่ทันใดนั้น ประตูร้านเปิดออก ตฤณหันไปมองแล้วตกใจ เมื่อเห็นชายฉกรรจ์ 2 คนเปิดประตูร้านออกให้ดร.อาทิตย์เดินเข้ามาในร้าน โดยมีนารีและอินทุเดินตามหลังขนาบข้างเข้ามา ตฤณหันหน้าหลบ เข้าใจผิด พึมพำกับตัวเอง
“มันตามมาเอาเรื่องเราถึงนี่เลยเหรอวะ ตังตังไปไหนแล้ววะ”
ตฤณวางแว่น แล้วรีบเดินชิ่งหลบเข้าซอกไป ขณะที่เจิดยืนหน้าซีดเผือดตัวแข็งมองดร.อาทิตย์ซึ่งก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ ด้วยมาดราวเจ้าพ่อ ไม่อ่อนโยนอย่างที่สร้างภาพในจอ มองจ้องหน้าเจิด
“ของที่ฉันสั่ง ทำเสร็จหรือยัง”
“เอ่อ สะ เสร็จแล้วครับ”
“ไหนอยู่ไหน ไปเอามา”
“ทะ ทางนี้ครับ”
เจิดเดินนำไปที่ยังกล่องแก้วเก็บแว่น 3 มิติ แล้วต้องตกใจ เมื่อแว่นหายไป เหลือแต่กล่องเปิดอ้าอยู่
“ห่ะ แว่นหายไปไหนแล้ว”
“ว่าไงนะ หายเหรอ”

ตฤณดึงตังตังไปที่ประตูหลังร้าน โดยที่ตังตังมีแว่น 3 มิติคาดอยู่ที่หัว
“ไปเร็วๆ ซี อยากกลับบ้านไม่ใช่เหรอ”
“แล้วทำไมต้องรีบขนาดนี้ด้วยล่ะ ประตูหน้ามีก็ไม่ออก”
ตฤณรีบปิดปากตังตัง
“อย่าเสียงดังซีปัดโธ่ 18 แปดหลอดจริงๆ ไปๆ รีบออกไป”
ตฤณพาตังตังออกจากประตูไป ในขณะที่ดร.อาทิตย์กำลังหัวเสียที่แว่นหายไป ปัดข้าวของในร้าน พลางให้ลูกน้องเค้นถามเจิดว่าแว่นหายไปได้อย่างไร เจิดยกมือไหว้ กลัวดร.อาทิตย์หัวหด
“ผมเก็บแว่นตานั้นไว้ตรงนี้จริงๆ ครับ ผมสาบานได้”
“ฉันไม่สนว่าแกจะเก็บไว้ที่ไหน แกเอามันมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ไม่งั้น นารี”
นารีชูมือขึ้นมา ในนิ้วของนารีมีมีดสั้น 2 อัน วาววับ คมกริบ เจิดตาโต ตกใจกลัว

ที่บ้านเช่า ทีวากำลังอ่านหนังสือ “ศรัทธาสร้างพลัง” ของดร.อาทิตย์ อย่างศรัทธามาก
“พ่อพระจริงจิ๊ง ดร.อาทิตย์ ดูดิ บริจาคช่วยสังคมสงเคราะห์ทีเป็นล้านๆ”
ตฤณเดินเข้าประตูรั้วมากับตังตัง เห็นทิวาก็ตกใจ คว้าแขนตังตังดึงไว้
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งเข้าไป”
“อะไรอีกอ่ะน้าตฤณ ตังตังเหนื่อยแล้วนะ”
“น้าว่าเราไปเข้าทางหลังบ้านดีกว่า”
ตฤณดึงตังตังแอบย่องเดินไป แต่ต้องตกใจ เมื่อเห็นราตรียืนดักอยู่
“จะย่องไปไหนจ๊ะ จ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ รวมทั้งค่าเก็บขยะมาซะดีๆ”
ตังตังตกใจ รีบชิ่งวิ่งหลบเข้าบ้านไปก่อน ทิ้งตฤณยืนหน้าแห้งคนเดียว ขณะที่ทิวาลดหนังสือลง หันมามอง ลุกเดินมาทันที
“เอ่อ จ่ายหมดทุกอย่างเลยเหรอครับ”
“อ้าว ก็นี่มันเลยสิ้นเดือนมาหลายวันแล้ว ไม่จ่ายหมดวันนี้ แล้วจ่ายเมื่อไหร่”
“เอ่อ คือ ผมยังเบิกค่าเขียนการ์ตูนไม่ได้สักเจ้าเลยครับ”
“เบิกไม่ได้ทั้งปี เลิกเขียนการ์ตูนไปขายก๋วยเตี๋ยวดีกว่ามั้ง”
“ปากเหรอที่พูดน่ะห่ะ ถึงจะเขียนการ์ตูนแต่ก็ทำมาหากินสุจริต ทำไมไม่รู้จักให้กำลังใจกัน” ทิวาต่อว่า
“ชีวิตฉันไม่ได้อยู่ได้ด้วยกำลังใจ แต่อยู่ได้ด้วยกำลังเงินย่ะ นี่ จะจ่ายไม่จ่าย”
“เอ่อ ผมขอเวลาอีก 2-3 วัน”
“ไม่ได้”
“ได้” ทิวาอนุญาต
“เอ๊ะ ฉันบอกว่าไม่ได้”
“ฉันบอกว่าได้ ไปเถอะตฤณ พาหนูตังตังเข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวทางนี้น้าจะเคลียร์เอง อ้อ ตะกี้หนูเจนโทรมาหาจ้ะ โทรเข้ามือถือตฤณไม่ติด น้าจดโน้ตวางไว้ในบ้านแน่ะ”
“ขอบคุณครับน้าทิวา”
ตฤณออกวิ่ง ราตรีโอบ 2 มือจะคว้าตัว

“อ๊าย จะไปไหน”

ตฤณก้มหลบวืด หนีเข้าบ้านไปได้ ราตรีแทบกรี๊ดจะตามเข้าบ้าน

“จ่ายแค่ค่าเช่าบ้านมาก่อนก็ได้”
ทิวาขวางไว้
“หล่อนจะหน้าเลือดไปถึงไหนห่ะ ตาตฤณก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน ญาติกันแท้ๆ นู้นไปเก็บหลังอื่นๆ นั้นไป”
ทิวารีบดึงราตรีไป

ตฤณรีบเปิดประตูเข้ามาในห้อง หยิบการ์ดใบหนึ่งที่ทำเองกับมือเป็นการ์ตูนหน้าเขากับเจนพร้อมกับคำอวยพร Happy Birthday
“น้าตฤณดูไรอยู่”
“เอ่อ เปล่า”
ตฤณซ่อนการ์ดไว้ หันไปมองตังตังที่ยืนกินขนมปังอยู่ที่ประตู ยืนอ่านกระดาษแผ่นหนึ่งที่แปะประตู แบบโพสท์อิท แล้วแกะออกมา ส่งให้น้า
“น้าตฤณเห็นยัง หน้าเจนให้ไปหาที่นี่”
“อ้าว เฮ้ย ไม่ทันมอง ขอบใจมากนะตังตัง หาอะไรในตู้เย็นกินไปก่อน เดี๋ยวน้ามานะ”
ตฤณรับกระดาษจะเดินออกจากห้องไป
“วันนี้วันเกิดน้าเจน ตังตังจำได้ ทำไมน้าเจนไม่มา ไม่พาตังตังไปเลี้ยงเลย”
ตฤณชะงัก หันมามองหน้าหลานที่ซึมๆ ไป
“วันนี้น้าเจนเขาติดงาน เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงพาตังตังไปเลี้ยง น้าไปก่อนล่ะ”
ตฤณรีบวิ่งไป ตังตังยืนมองอย่างเหงาๆ

ตฤณรีบร้อนมา ถือการ์ดใบหนึ่งมาด้วย เห็นไทยมุงอยู่มุมหนึ่ง เดินเข้าไปก็เห็นคนที่ตัวเองตั้งใจมาหา เจนจิรากำลังเดินถือไมโครโฟนสัมภาษณ์กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่กำลังมีปัญหาถูกไล่ที่ อยู่กลางตลาดนัด โดยมีช้าง ตากล้องคู่ใจทำหน้าที่ถ่ายภาพ
“สุดท้ายนะคะ ตัวแทนพ่อค้าแม่ค้ามีอะไรจะฝากไว้ไหมคะ”
“อย่าไล่ที่เราเลยค่ะ เราขายของหากินที่นี่มาเป็น 10 ปี คุณจะขึ้นค่าเช่าที่เราก็ยอม แต่จะมาไล่ที่เรา ให้เจ้าอื่นมาขายของแทนแบบนี้ พวกเราก็ตายซี มีลูกมีพ่อแม่ต้องเลี้ยงดู ใครจะมารับผิดชอบ”
ตฤณมองเจนจิราอย่างแสนภูมิใจในความเก่งของแฟนสาว
“ขอบคุณค่ะ ต่อจากนี้ก็คงจะเข้าสู่กระบวนของศาลที่จะเป็นคนตัดสิน กลุ่มคนหาเช้ากินค่ำที่นี่ ว่าจะอยู่ทำกินต่อ หรือต้องไปหาที่ทำมากินใหม่เอาดาบหน้า ดิฉัน เจนจิรา แก้วสุขศรี การันต์ถ่ายภาพ สวัส...”
อยู่ๆ มีรถบรรทุกแล่นเข้ามา พุ่งชนแผงพ่อค้าแม่ค้ากระจุยกระจาย แล้วชายในชุดดำกลุ่มหนึ่งก็กระโดดลงจากรถ เข้าไปรื้อทำลายร้านค้าไม่เลือก รวดเร็ว รุนแรง พวกชาวบ้านโวยวาย ร้องห้าม และมีชาวบ้านคนหนึ่งถูกผลักมาทางเจนจิรา พวกชาวบ้านบางส่วนเข้าไปปะทะกับกลุ่มชายฉกรรจ์ เป็นเรื่องราว เสียงดังระงม ชายฉกรรจ์คว้าท่อนไม้เงื้อขู่ แต่เจนจิรากลับไม่ได้หวั่นเกรง คิดจะถ่ายภาพต่อด้วยซ้ำ
“นี่คือภาพเหตุการณ์สดๆ ที่กำลังเกิดขึ้นค่ะคุณผู้ชม กลุ่มชายฉกรรจ์ไม่ทราบจำนวน บุกเข้ามารื้อทำลาย”
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งหันมาเห็นเจนจิรายังทำข่าวไม่หยุด หันมาชี้หน้า
“หยุดถ่าย”
“เจน”
ตฤณอยากเข้าไปช่วยเจนจิรา แต่ก็ถูกคนกระแทกจนกระเด็นออกไป การ์ดในมือหล่นกระเด็นไป คนละทาง ตฤณมองหาการ์ดวันเกิด
“การ์ด ไปไหนแล้ว”
เจนจิราคว้ากล้องจากช่างภาพมา เอามาถ่ายชายฉกรรจ์เอง
“ไม่ว่าผลการตัดสินเรื่องนี้จะเป็นยังไง แต่การพาคนมาบุกรื้อทำลาย ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ สิ่งนี้ สะท้อนให้เห็นค่านิยมบ้าอำนาจ ผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย คนรวยรังแกคนจน เรื่องพวกนี้มันควรจะหมดไปจากสังคมไทยได้แล้ว”
“บอกให้หยุดไง”
ชายฉกรรจ์กระชากแขนเจนจิรามา จะแย่งกล้อง
“เอามา”
ตฤณเห็นเจนจิราตกอยู่ในอันตราย ไม่สนใจการ์ดแล้ว รีบวิ่งเข้าไป
“อย่าทำอะไรเจน”
“อย่ายุ่ง”
ชายฉกรรจ์ชกตฤณ เปรี้ยง ตฤณคว่ำไปกับพื้น
“ตฤณ พวกคุณคิดว่าจะทำอะไรกับใครก็ได้เหรอ”
เจนจิราเตะผ่าหมากทันที ชายฉกรรจ์ทรุด ชายฉกรรจ์อีกกลุ่มจะเข้ามาทำร้ายเจนจิรา แต่พวกชาวบ้านหญิงถือไม้เข้ามาปกป้อง
“ลองทำอะไรนักข่าวสิ ลองสิ”
“เรื่องนี้ไม่จบแน่ ฉันจะเอาออกรายการวันนี้เลย”
เสียงรถตำรวจแล่นเข้ามา
“เฮ้ย ตำรวจมา ไปๆๆ”
พวกชายฉกรรจ์หนีไป ตฤณนั่งเจ็บอยู่กับพื้น คว้าการ์ดวันเกิดขึ้นมา เจนจิราหันไปหาตฤณ กำลังจะเดินเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง แต่อยู่ๆ รถของบารมีแล่นมาจอด บารมีรีบลงจากรถมา ในชุดหล่อ ขาว สะอาดดั่งเทพบุตร วิ่งเข้ามาจับตัวเจนจิราไว้อย่างห่วงใย
“เจน เกิดอะไรขึ้นครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่บาดเจ็บ ไม่มีร่องรอยตรงไหนใช่มั้ย ไม่เป็นไรนะคนดี ขวัญเอ๋ยขวัญมา”

บารมีดึงเจนจิราเข้ามากอด ตฤณเงยหน้ามา เห็นเจนจิรากอดอยู่กับบารมี ได้แต่อึ้ง ตะลึงตะไล

อ่านต่อหน้า 3

สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 1 (ต่อ)

บารมียื่นช่อดอกไม้ให้เจนจิรา ที่ช่อดอกไม้มีตุ๊กตาหมีติดมาด้วย

“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับเจน”
เจนจิรายิ้ม
“น่ารักจังเลย ขอบคุณมากค่ะหมอ”
บารมีจับมือข้างหนึ่งของเจนจิราแล้วอวยพร
“ขอให้เจนมีความสุขมากๆ นะครับ แต่ที่อยากขอที่สุด ผมอยากให้เจนทำข่าวอย่างนี้ต่อไป ผมรู้ว่ามันเสี่ยง แต่มันดีกับตัวคุณ เพราะยิ่งเสี่ยงมาก ก็ยิ่งดังมาก”
“คุณไม่ห่วงเจนจะมีอันตรายเหรอคะ”
“ห่วงสิคะ แต่ผมรู้ว่าให้ห้ามยังไง เจนก็ไม่ฟังอยู่ดี เจนมีสัญชาตญาณนักข่าวเต็มเปี่ยม ผมภูมิใจในตัวเจนนะ ผมเลยขอเป็นห่วงเจน และขอดูแลเจนนอกเวลางานให้ดีที่สุดแทน”
บารมีไม่ทันพูดจบ ตฤณก็ก้าวเข้ามา เจนจิรากับบารมีหันมามองตฤณ ตฤณมองมือเจนจิราที่บารมีจับอยู่อย่างหึงหวงและไม่เข้าใจ เจนจิรามองตฤณอย่างหมดเยื่อใย ส่วนบารมีมองตฤณอย่างดูแคลน
“นี่มันอะไรกันตัวเอง ผู้ชายคนนี้เป็นใคร”
เจนจิรามองมือตัวเองที่บารมีจับอยู่
“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ตฤณ”
“เจน”
หัวใจตฤณแตกสบลาย

ตังตังอยู่บ้านคนเดียว เศร้าๆ คิดถึงพ่อแม่
“ทำไมต้องทำงานย้ายประเทศตะลอนๆ อยู่ตลอดๆ ด้วย อีกตั้งปีกว่าจะกลับ ตกลงเป็นคนไทยหรือเป็นยิปซีอ่ะพ่อจ๋า แม่จ๋า”
ตังตังยกโทรศัพท์ขึ้นมาทำท่าจะโทรหา แต่ตัดสินใจไม่โทร ตังตังดูรูปต่อ เป็นภาพตังตังกับปู่ที่ใส่ชุดเลียนแบบสายลับเชน กำลังตั้งท่าต่อสู้กับตังตังในวัยเด็ก
“คุณปู่ ฮ้า นึกได้แล้ว”
ตังตังนึกถึงหนังเก่า เรื่อง สายลับเจ้าเสน่ห์ ที่ชอบดูกับคุณปู่ แล้วรีบวิ่งไปรื้อตู้ที่เก็บหนังมากมาย ส่วนใหญ่เป็นหนังเก่า ทั้งภาพสี ภาพขาวดำ และแล้วตังตังก็มาหยุดที่วิดีโอสายลับเจ้าเสน่ห์หลายม้วน หน้าปกเป็นเชนกำลังต่อสู้กับมิสเตอร์โอเค
“อยู่นี่เอง สายลับเจ้าเสน่ห์”
ตังตังเลือกๆ แล้วก็ตัดสินใจหยิบมาม้วนหนึ่ง
“ม้วนนี้แล้วกัน จับรถนักเรียน”
ตังตังเอาวิดีโอใส่เข้าไปในเครื่องเล่นรุ่นเก่า แล้วก็รีบลุกไปนั่งดูที่โซฟา
“อยากให้คุณปู่อยู่ดูหนังกับตังตังเหมือนสมัยก่อนจัง”
ตังตังเอื้อมไปหยิบขนมมากิน ปรากฏมีแว่นสามมิติจากร้านเนรมิตตกอยู่ที่พื้น
“แว่นสามมิติ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ตังตังลุกไปหยิบแว่นขึ้นมา นั่งโซฟาตามเดิม มองๆ แว่นอย่างอยากรู้อยากเห็น

ภาพในจอทีวีเป็นเหตุการณ์ ลินดาถูกมิสเตอร์โอเคยิงปืนแมชชีนกันจนหมดเรี่ยวแรง โดนจับเป็นตัวประกัน ร้องเรียกหาเชนช่วย
“เชน”
“ลินดา”
“หยุดอยู่ตรงนั้น ไม่งั้นละ ละ ละ ลินดา คู่หูแสนซนคนสวยของแก ไม่โอเคแน่ๆ ฮ่ะๆๆ”
ตังตังหันมามองจอทีวี แล้วมองแว่นสามมิติ จึงตัดสินใจใส่แว่นแล้วหันมามองจอทีวี กรอบแว่นเริ่มเปล่งแสง มีไฟวิ่งรอบเป็นประกายเล็กๆ ขึ้นมา แต่ตังตังยังไม่รู้ตัว กินขนมไปดูหนังไป กลไกข้างแว่นเริ่มเคลื่อนไหว ตัวเลขบอกปีพ.ศ.บนแว่น เริ่มหมุนเร็วเปลี่ยนปีถอยหลังไปเรื่อยๆ ช้าๆ เชนได้แต่ยืนช็อค มองภาพลินดาอยู่ในกำมือของมิสเตอร์โอเค
“ไอ้สายลับเชน วางปืน”
“อย่าวางนะเชน”
“หึๆ เก่งนักนะน้องสาว”
“ฉันไม่ใช่น้องสาวแก ไอ้ดุ๊ยดุ่ย”
“ฉันชื่อโอเค ถ้าอย่างงั้นฉันจำเป็นต้องสั่งสอนเธอ สั่งสอนมัน”
สมุน 3 คน เดินเข้ามา อบรมสั่งสอนลินดา
“จำไว้นะ เสียมารยาท อย่าเรียกนายว่าดุ๊ยดุ่ย”
“ใช่ เป็นผู้หญิงน่ะ หัดแต่งตัวให้มิดชิดหน่อย อะไรกัน เปิดนั่นเปิดนี่”
“เข้าใจไหม ทำตัวซะใหม่นะ กิริยามารยาทก็ใช้ไม่ได้”
“เฮ่ย พวกแกทำไร” มิสเตอร์โอเคงง
“สั่งสอนมันครับ”
“ไอ้พวกโง่เอ๊ย”
เชนตัดสินใจ จะเข้าชาร์จ
“หยุด ไอ้สายลับเชน ไอ้กระผมไม่ได้เผลอ จ้องนายอยู่ตลอด ลากเชือกมา”
มิสเตอร์โอเคหันไปสั่งสมุน เชนตกใจ
“ห่ะ แกจะทำอะไร”

ที่ตลาดนัด ตฤณอึ้ง มองเจนจิราที่ยื่นกล่องๆ หนึ่งให้
“เจน”
“ที่เขานัดตัวเองมาวันนี้ เพื่อจะคืนกล่องนี้ให้ แล้วก็จะบอกว่า”
“เจน”
ตฤณรีบขัดเจนจิราไว้ เพราะรู้ว่าเจนจิรากำลังจะพูดอะไร
“นึกถึงเวลา 3 ปีที่เราคบกันมาซิ”
“ก็เพราะว่าคิดน่ะดิ เขาถึงตัดสินใจ ว่าคบกับตัวเองไป ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เขาทนกับนิสัยไม่สนใจคนอื่นเลย แล้วก็ปล่อยชีวิตเรื่อยเฉื่อย สบายใจตามใจชอบของตัวเองคนเดียวไปวันๆ ไม่ไหวแล้ว มันมองไม่เห็นอนาคตเลย เราเลิกกันเถอะตะเอง เอาของตัวเองคืนไป”
เจนจิรายัดกล่องใส่อกตฤณที่ยืนอึ้งตัวชา แล้วเธอก็เดินจากไปหาบารมีซึ่งจอดรถสปอร์ตหรูรออยู่ บารมีเปิดประตูให้เจนจิราก้าวขึ้นรถไป พลางหันมายิ้มเยาะๆ ตฤณ เจนจิรานั่งมองตฤณมาจากในรถ รู้สึกเสียใจ ใจหายเหมือนกัน แต่เธอจำเป็นต้องตัดใจ
บารมีขับรถออกไป ตฤณได้แต่ยืนมองอย่างเสียใจ จนรถลับตาไป เขาค่อยๆ เปิดกล่องออกดูอย่างสะเทือนใจ เสียใจ เห็นว่าของในกล่องล้วนแล้วแต่เป็นของที่เขาทำให้เจนจิรา ไม่มีค่าราคาแพงอะไรแต่เป็นของที่เขาทำเองทั้งนั้น ตฤณหยิบสมุดเล่มเล็กๆ ขึ้นมาเปิดดู เป็นรูปเขากับเจนจิรา พอพลิกหน้าเร็วๆ ภาพการ์ตูนตฤณกับเจนจิราก็เคลื่อนไหว เป็นท่าทางน่ารักๆ ตฤณคุกเข่าขอความรัก ยื่นดอกกุหลาบให้ มีคำพูดว่า “เป็นแฟนกันนะเจน” แล้วตฤณก็หอมแก้มเจนจิรา
“เขาพยายามแล้ว แต่ตัวเองไม่รอ”

ตฤณหยิบการ์ดที่เพิ่งทำเสร็จออกมาจากกระเป๋า วางลงไปเก็บสมทบในกล่อง

รถของบารมีจอดที่สมายล์ทีวี เจนจิรานั่งนิ่งอยู่ในรถ

“อย่าคิดมากเลยครับเจน เจนเลิกกับเขาได้ ดีที่สุดแล้ว พวกนักเขียน ร้อยทั้งร้อยติสรับประทานทั้งนั้น วันนี้มันอิน มันก็ทำ วันไหนมันไม่มีอารมณ์ มันก็ไม่ทำ ชีวิตคนพวกนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้เลย ใครไปฝากความหวังไว้ ต้องทำใจเตรียมชอกช้ำเก้าสิบเปอร์เซ็นต์”
“อย่าเหมารวมสิ ศิลปินที่เขาดีๆ ไม่เป็นอย่างนั้นก็มีเยอะแยะ”
“แต่ไม่ใช่เขา เจนครับ คนเราจะรักกันได้ มันต้องส่งเสริมกันและกัน เหมือนเราสองคน ผมช่วยรักษาหน้าตาภาพลักษณ์ให้เจน เจนก็ช่วยโปโมทคลินิกให้ผม เรามีศีลเสมอกัน นี่แหละคู่แท้”
เจนจิรายิ้มแห้งๆ ให้กำลังใจตัวเอง
“เจนกับตฤณไม่ใช่คู่กันจริงๆ ส่วนคุณ ค่อยๆ ดูกันไปนะคะ เจนไม่อยากรีบ”
“ครับ ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ผมจะรอเจนอย่างใจเย็นครับ”
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
เจนจิราลงจากรถไป ตั้งสติ สูดลมหายใจ ไล่ความเครียดเรื่องตฤณ แล้วไปทำงานต่อ

ตังตังยังคงนั่งดูวิดีโอสายลับเชน โดยไม่รู้ว่ากลไกฟันเฟืองที่แว่น 3 มิติ กำลังเคลื่อนไหวหมุนราวกับเครื่องจักรเริ่มทำงาน ตัวเลขพ.ศ.บนแว่นสามมิติหมุนถอยหลังเรื่อยๆ
ภาพในจอทีวี สมุน 2 คน ไปลากเชือกที่มีชักรอกอยู่หน้ารถ มาทำเป็นบ่วงบาศมัดตัวลินดาไว้ แล้วมิสเตอร์โอเคก็แบกลินดาขึ้นใส่บ่าพาเดินไปที่ขอบสะพาน
“ไอ้มิสเตอร์โอเคจิตวิปริต แน่จริงอย่าทำผู้หญิงสิวะ”
“ไม่ทำผู้หญิงก็โง่ดิ”
“ไม่ต้องห่วงลินดา เชน ยิงมันเลย”
เชนเล็งปืนไปจะยิงมิสเตอร์โอเค แต่ไม่กล้ายิงกลัวโดนลินดา
“ยิงมันซี เดี๋ยวลินดาหลบได้ อ๊าย”
ลินดาต้องร้องลั่น เพราะมิสเตอร์โอเคหย่อนตัวลินดาที่มีเชือกพันมัดรอบตัวไว้ ลงไปที่ราวสะพาน ตัวห้อยอยู่กับอากาศ ที่เบื้องล่างแม่น้ำสูง โดยมีเชือกชักรอกติดไว้กับรถ ลินดาส่งเสียงกรีดร้องเมื่อมิสเตอร์โอเคปล่อยชักรอกให้เชือกหย่อนลินดาร่วงลง เป็นการขู่
“ฮ่ะๆๆ”
“โอเคๆ ก็ได้ ฉันยอมแล้ว แกปล่อยลินดา ฉันจะยอมวางปืน”
“อย่าเชน อย่าไปหลงกลมัน ถึงวางปืน มันก็ไม่ปล่อยฉันหรอก”
“ปากดีนัก ปล่อยเชือก”
“อย่า ฉันวางปืนแล้ว”
เชนทำเป็นวางปืนคู่กายลง แต่กลับฉวยโอกาส ยิงไปยังสมุนที่กำลังบังคับชักรอกที่รถตาย แล้วก็ยิงไปที่สมุนรอบๆ ตายเป็นเบือ ยิงไปที่มิสเตอร์โอเคจนผละออกจากเชือกที่ขึงชักรอกลินดา มิสเตอร์โอเคต้องหลบเข้าหลังรถอย่างเจ็บใจ
“ไอ้คนร้อยเล่ห์ ไอ้สายลับเชน แต่วันนี้ ฉันจะไม่ยอมให้แกหนีรอดไปได้อีก”
มิสเตอร์โอเคหยิบปืนฉมวกออกมาจากท้ายรถ แล้วยิงฉมวกที่มีเชือกพุ่งไปหาเชน
“ไม่ใช่โอกาสทองของนาย”
เชนตกใจ ตีหลังกาหลบหัวฉมวกพ้น แต่ไม่พ้นเชือก เชือกพันรอบเอวเขาไว้ได้โดยมีระเบิดเวลาผูกติดไว้ด้วย
“ฮ่ะๆๆ เสร็จฉัน”
“ห่ะ ระเบิดเวลา”
เชนพยายามแกะเชือกออกจากเอว แต่แกะไม่ออก
“ฮ่ะๆๆ แบบนี้เขาเรียกว่าเงื่อนตายไงล่ะเพื่อน ระเบิดมันก็ทำงานแล้ว บ๊ายบายสายลับเชน วันนี้ โลกจะเป็นของมิสเตอร์โอเค ทุกอย่างจะโอเค ฮ่ะๆๆ”
ตังตังกำลังลุ้นอย่างสนุกตื่นเต้น พูดตามมิสเตอร์โอเคได้ เพราะดูมาหลายรอบ
“โลกจะเป็นของมิสเตอร์โอเค ทุกอย่างจะโอเค ฮ่ะๆๆ”
ทันใดนั้นตังตังก็รู้สึกว่าแว่นสามมิติที่ใส่อยู่ฟันเฟืองหมุนติ้ว แว่นทั้งอันเปล่งแสงจ้าราวกับสปอร์ตไลท์
“ห่ะ แสงไรอ่ะ”
ตัวเลขบอกพ.ศ.หมุนถอยหลังมาหยุดที่ปี 2510 แล้วแสงนั้นก็อาบไปทั้งตัวของตังตัง ก่อนจะพุ่งไปที่จอทีวี พาตัวตังตัง หายวับเข้าไปในจอทีวีทันที

ตังตังถูกดูดเข้ามาในฉากหนัง มายืนอยู่ที่สะพานพุทธ มุมหนึ่งกลายเป็นภาพขาวดำทันที โดยยังใส่แว่นสามมิติอยู่
“ห่ะ สะพานพุทธ เย้ย หรือตังตังเมาขนมปัง หรือฝัน หรือจริง หรือ”
เสียงของมิสเตอร์โอเคทำให้ตังตังหันไปสนใจ
“ฮ่ะๆๆ แกคงคิดไม่ถึงล่ะสิสายลับเชน ว่าฉันจะมาไม้นี้ อย่าดิ้นรนไปเลย ยังไงเสีย ตายแน่ วันนี้แกก็ต้องตายแน่ๆ โอเค้”
“ไม่โอเคเว้ย คนอย่างสายลับเชนไม่เคยยอมแพ้คนชั่ว”
ตังตังเห็นอยู่ตรงหน้า ยิ่งทำให้แทบไมเชื่อสายตาตัวเอง เชนพยายามดิ้น แต่เชือกยิ่งมัดแน่นมาก
“ฮ่ะๆๆ เงื่อนตายของฉัน มันชื่อว่าเงื่อนตายหยังเขียด ยิ่งดิ้น มันก็จะยิ่งมัดแน่นขึ้น”
ตังตังมองเชนอย่างเป็นห่วง
“เงื่อนตายหยังเขียด ไม่นะ สายลับเชนไม่เคยแพ้มิสเตอร์โอเคนี่นา”
ตังตังรีบวิ่งเข้าไปช่วยเชน
“สายลับเชน หนูมาช่วยแล้ว”
“เฮ้ย ใครปล่อยให้เด็กอนุบาลลงมาจากรถวะ ทำไมไม่เฝ้าไว้ให้ดี”
เหล่าสมุนพากันส่ายหน้างงๆ ตังตังวิ่งปรู๊ดเข้าไปถึงตัวเชน พยายามช่วยแก้มัดเชน แต่เชือกมัดแน่นมาก เกินกำลังเด็กอย่างตังตังจะแก้ได้
“หนูเป็นใคร ไม่ต้องมาช่วยเชน หนีไป”
“หนูจะช่วยปลดชนวนระเบิดให้”
“งั้นก็ ดึงสายสีน้ำเงิน”
“เส้นไหนสีน้ำเงิน มันเป็นขาวดำไปหมดเลย อันนี้ก็แล้วกัน”
ตังตังดึงสายชนวนออกหนึ่งเส้น ปรากฏว่านาฬิกาเดินเร็วกว่าเดิม เชนตกใจ
“เฮ้ย นั่นมันเร่งให้ระเบิดเร็วกว่าเดิม”
“งั้นทำไงดีล่ะ เชนเป็นพระเอก เชนไม่มีทางตายแน่นอน”
“ผมตายไม่ได้ ถ้าผมตาย ใครจะคอยปราบเหล่าร้ายล่ะ เชนผู้มีปัญญาไว แต่ถ้าไร้สติ ก็จะไร้ปัญญา ไม่ เราต้องไม่กดดัน ฮี่โธ่เอ๊ย นี่มันเงื่อนพิรอดธรรมดาๆ นี่เอง”
เชนลงมือแก้เชือก ขณะที่นาฬิการะเบิดก็เดินใกล้เลข 0 ไปทุกที
“สายลับเชนอย่ามือสั่น สายลับเชนเป็นคนมั่นใจ ไม่เคยทำอะไรไม่สำเร็จ”
เชนแก้เชือกสำเร็จ
“ใช่แล้ว”
เวลาก็เดินครบรอบ ระเบิดทำงานพอดี
“แต่ว่า เย้ย ระวัง”
ทันใดนั้นเอง ระเบิดก็ทำงาน ตูม เชนรีบโผเข้ากอดตังตังไว้ ใช้ร่างตัวเองบังแรงระเบิดไว้เพื่อช่วยตังตัง แต่แรงระเบิดกระแทกร่างของทั้งเชนและตังตังกระเด็นลอยละลิ่วไปด้วยกันที่ท้องฟ้า ภาพสุดท้ายที่เชนเห็น คือเชือกที่มัดลินดาถูกระเบิดขาด พาร่างลินดาลอยดิ่งสู่เบื้องล่างสะพาน โดยที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้
“อ๊าย เชน”

“ลินดา”

ภายในบ้านเช่า แสงสว่างจ้า พร้อมกับร่างตังตังที่หล่นตุ้บลงบนโซฟาพร้อมกลุ่มควันจากระเบิด แว่นสามมิติที่ใส่อยู่กระเด็นหลุดออก จนหล่นลงบนพื้น กระจกแว่นแตกปริออกเป็นลายงาข้างหนึ่ง

ส่วนตัวตังตังทับรีโมตทีวี ทำให้ทีวีเปลี่ยนมาเป็นช่องรายการจากเคเบิ้ลแทนวิดีโอ
“อ๊าย”
ภายนอกหน้าต่าง ร่างเชนหล่นตุ้บลงที่สวนมืดๆ ควันลอยกรุ่น

ตฤณกำลังเดินถือกล่องคอตกอกหักกลับมา เห็นแสงสว่างวาบขึ้นในบ้านก็ตกใจแทบช็อค
“ห่ะ ตังตัง”
ตฤณรีบวิ่งผลักประตูรั้วพุ่งไปที่บ้านทันทีด้วยความห่วงหลาน
“ตังตัง”
ภาพที่เห็นคือตังตังนอนบิดจุกอยู่ที่โซฟา
“อู๊ย”
“ตังตัง เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น น้าเห็นเหมือนไฟช็อต ไฟไหม้ในบ้าน”
“หนูไม่รู้”
“ไม่รู้ได้ไง ก็เมื่อกี้หน้าเห็นเต็มสองตา แสงอะไรสว่างพรึ่บขึ้นในบ้าน ห่ะตังตัง เราเล่นไฟเหรอ”
“หนูเปล่า”
ตังตัง งง มึน

ภายในสวน นอกบ้านเช่า มีหลุมรูปคนควันกรุ่น ร่างเชนนอนฟุบอยู่ในหลุมตื้นๆ ตรงนั้น เชนพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่รู้สึกเจ็บจุกที่ท้องหน้าอก
“โอ๊ย ความรู้สึกนี้ นี่มัน คืออะไร ใช่เจ็บรึเปล่า แต่สายลับเชนไม่เคยเจ็บมาก่อน จุกด้วย โอ๊ว เจ็บ จุก มันเป็นอย่างนี้นี่เอง”
เชนยันตัวลุกขึ้นยืน มองไปรอบๆ เห็นเป็นที่แปลกตา
“ระเบิดพาเรากระเด็นมาถึงไหนเนี่ย แล้วทำไมท้องฟ้าถึงมืดแบบนี้”
ขณะนั้นเอง เสียงละครโทรทัศน์ดังมาจากในบ้าน
“อย่าเข้ามานะ อย่าทำฉัน ผัวะๆๆ ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
“ห่ะ”
เชนผงะตกใจ หันมองผ่านประตูกระจกเข้าไปในบ้าน ต้องขบกรามแน่น เพราะภาพที่เห็นคือตฤณกำลังดึงตัวตังตังที่ล้มอยู่ที่พื้นขึ้นมา
“นังหนู วันนี้แกตายแน่ ฮ่ะๆๆ”
“นั่นมัน”
เชนออกวิ่งไปที่บ้าน พุ่งกระโดดชนประตูกระจกเข้าไปเลย พร้อมทำท่าประจำตัว
“คุณธรรมปกป้อง คุ้มครองผู้บริสุทธิ์ หยุดเหล่าร้าย สายลับเชน ฉลาดก็เท่านั้น หล่อก็เท่าโน้น”

เพล้ง เชนวิ่งชนประตูกระจกเข้าเต็มแรง กระจกแตกกระจาย ตฤณกับตังตังสะดุ้งตกใจ น้าหลานกอดกันกลม ทั้งคู่หันมามองตาเหลือก เห็นเชนล้มคะมำลงที่พื้น พร้อมเศษกระจกร่วงรอบตัว
“ใครวะเนี่ย”
“เชนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองอย่างมึนๆ มีรอยเลือดที่ใบหน้า ตังตังอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะเป็นเชน
“ห่ะ นั่นมัน”
“เชนดึงเศษกระจกออกจากหน้า เห็นเลือดติดเศษกระจก
“เลือด เชนเลือดออก”
เชนตะลึง แล้วเป็นลมไปเลย ตังตัง งง
“อ้าว เห็นเลือดแค่นี้ ถึงลมใส่เลยเหรอ โธ่เอ๊ย เสียฟอร์มหมดเลย”
ตังตังจะกระโดดเข้าไปหาเชน แต่ตฤณดึงตัวไว้
“อย่าเข้าไป คนบ้ารึเปล่าก็ไม่รู้ น้าแจ้งตำรวจก่อน”
“คนบ้าที่ไหนกันน้าตฤณ เนี่ย สายลับเชน สายลับเจ้าเสน่ห์ ไอดอลของหนูไงน้าตฤณ”
“สายลับเชน เฮ้ย ไอ้หนังทีวีขาวดำสมัยคุณปู่ยังหนุ่ม ที่คุณปู่เอามาอัพเป็นแผ่นแล้วชอบชวนตังตังดูตอนเด็กอ่ะนะ”
ตฤณรีบเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วตกใจ คว้ากล่องแผ่นบนโต๊ะมาดูหน้าปกเปรียบเทียบ
“หน้าเหมือนเชนในหนังจริงๆ ด้วย แล้วนี่อยู่ๆ โผล่มาได้ไง”
“เอ่อ คือ น้าต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่าเขาหลุดมาจากในทีวีเนี่ย”
“ว่าไงนะ หลุดมาจากในทีวี”
ขณะนั้นมีเสียงทิวาราตรีตะโกนมาจากนอกบ้านแต่ไกล
“นายตฤณ”
“หนูตังตัง เกิดอะไรขึ้น”
“หนูว่าน้าตฤณช่วยสายลับเชนก่อนเถอะ”
“ช่วยยังไง ต้องช่วยเราสองคนจากกรงเล็บป้าทิวาป้าราตรีก่อนอื่นมั้ย”

ตฤณชี้ที่กระจกที่แตก

ทิวากับราตรีรีบเดินมาเคาะประตูบ้าน

“เสียงกระจกแตกที่ไหนเนี่ย”
“เกิดอะไรขึ้นในบ้านห่ะหนูตังตัง”
ทิวากับราตรีเคาะประตู
“ตฤณ”
“หนูตังตัง”
ตังตังเปิดประตูออกมา ทำเป็นอ้าปากหาวหวอด
“มีอะไรเหรอคะคุณป้าทิวา คุณป้าราตรี”
“ป้าได้ยินเสียงกระจกแตก”
“กระจกบ้านเรารึเปล่า”
“เปล่านี่คะ ตังตังไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลย ป้า 2 คน หูแว่วไปเองรึเปล่า หาว ตังตังนอนก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
ตังตังปิดประตูทันที

ภายในบ้าน ตฤณกำลังแบกเชนใส่หลังขึ้นบันไดไปอย่างทุลักทุเล
“ฮึ๊บ คนหรือกระทิงเนี่ย ทำไมตัวมันหนักอย่างนี้ แล้วนี่อะไร กล้ามหรือหนอก แข็งยังกะหิน อึ้บ”
ตฤณแบกเชนเข้าห้องนอนของตังตัง วางเชนลงนอนบนเตียง แล้วตัวเองก็หงายหลังแทบหมดแรงไปด้วย เขาหันไปมองหน้าเชน เห็นเป็นขาวดำ ก็รีบผุดลุกขึ้นยืนดูจดๆ จ้องๆ งงไปหมด
“หลุดมาจากในหนัง เฮ้ย นี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย”
“เรื่องจริงซิน้าตฤณ ตังตังจะโกหกน้าทำไม”
ตังตังรีบเดินกลับขึ้นมา เข้ามาในห้อง มองเชนนอนอยู่บนเตียงสีหวานของตังตัง มีตุ๊กตุ่น ซุปเปอร์ฮีโร่รอบตัว
“ให้นอนที่นี่ไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
หัวเตียงตังตังเป็นรูปโปสเตอร์หนัง สายลับเจ้าเสน่ห์ ที่มีเชนยืนโพสต์ท่าเท่

เวลาต่อมา ตฤณทำแผลให้เชน โดยมีตังตังช่วยอย่างมึนๆ
“ไม่อยากเชื่อ ทุกอย่างในตัวเขาเป็นเหมือนภาพในทีวีขาวดำ แต่เลือดกลับแดงเหมือนพวกเรา”
“ทำไมเขาไม่เก่งเหมือนในทีวีเลยอ่ะ โดนกระจกบาดเข้าด้วย นึกว่าจะเหนียวซะอีก”
ตฤณจับหน้าเชนพลิกไปมา
“มันเชนจริงๆ เชนตัวเป็นๆ ไม่ใช่คนแต่งคอสเพลย์ด้วย”
“ก็ตัวจริงสิน้าตฤณ ตังตังไปเจอเขามาในทีวีด้วยตัวของตังตังเองไง”
“ตังตังไปเจอเขามาในอะไรนะ”
“ทีวี ตังตังไปช่วยเขากับลินดา เชนกำลังจะแก้เชือกได้ แต่พอดีมันเกิดระเบิด”
“อะไรนะ เอาใหม่ซิ”
“พูดกี่ทีก็เหมือนเดิมน่า น้าตฤณเห็นว่าตังตังขี้โกหกเหรอ”
“ตังตังอาจจจะฝัน”
“แล้วนี่ล่ะ เรากำลังฝันหรือเปล่าล่ะ”
“เปล่า”
“ก็ถ้าเชนออกมาจากทีวีจริง ตังตังก็ต้องไปเจอเขาจริง ถูกไหมล่ะ อย่าว่าแต่เชนเลย ลินดา มิสเตอร์โอเค ตังตังก็เจอ”
“แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไง”
“ตังตังก็ไม่รู้”
“ไหนตังตังลองเล่าให้ละเอียดซิ ว่า ตังตังกำลังทำอะไรอยู่ ก่อนจะเข้าไปอยู่ในทีวี”
“ตังตังก็เปิดดูทีวี ดูแผ่นเรื่องสายลับเชนนี่ไง”
“แล้วตอนนั้นตังตังทำอะไรไปด้วย ตังตังต้องนึกดีๆ เพราะหนังเรื่องนี้ตังตังก็ดูอยู่ทุกวัน แต่วันนี้ มันมีอะไรที่ไม่เหมือนเดิม”

ตฤณกับตังตังมายืนอยู่หน้าทีวี
“เนี่ย ตังตังก็นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา แล้ว อ๋อ นึกได้ละ ตังตังทำอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิม”
“อะไร”
“ตังตังใส่แว่นสามมิติ 3DDD ที่อยู่ในร้านเนรมิตอันนั้น”
“ฮะ อะไรนะ ตังตังขโมยของเขามาเหรอ”
“ตังตังไม่ตั้งใจ”
“เฮ้ย ได้ไง ทำไมมีนิสัยมือไวใจเร็วแบบนี้ ถ้าพ่อแม่กลับมา จะหาว่าน้าไม่สอนนะเนี่ย”
“ตังตังไม่รู้ตัวจริงๆ ว่าเอามันมาตอนไหน ยังไง แต่มาเจอว่าเอามันมา ก็ตอนอยู่ในบ้านแล้วอ่า”
ตฤณหันไปเห็นแว่นที่ร่วงอยู่พอดี รีบโดดไปหยิบมา
“นี่ไง เดี๋ยวเช้าปุ๊บ รีบเอากลับไปคืนเขาเลย เฮ้ย มันแตกนี่นา แบบนี้เราก็ต้องชดใช้ตังค์เขาน่ะสิ จะแพงรึป่าวก็ไม่รู้”
“แตกมากเลยหรอ เดี๋ยว น้าตฤณ ร้านนั้นขายดาบฟ้าฟาดย้อนเวลาได้ แล้วก็พวกของวิเศษที่มีคุณสมบัติแปลกประหลาดทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้น ต้องเป็นเพราะตังตังใส่แว่นอันนี้แน่ๆ เลย ใช่แล้ว ตอนนั้น ดูทีวีอยู่ แล้วตังตังเห็นเป็นแสงๆ ออกมา”
“เป็นไปได้เหรอ”
สองคนจ้องดูแว่น เห็นพวกเลข วันเดือนปีต่างๆ

ตฤณกลัว รีบวางแว่นลง มือสั่น สองน้าหลานถอยหลังออกห่างจากแว่น

อ่านต่อหน้า 4

สายลับ 3 มิติ ตอนที่ 1 (ต่อ)

ตอนเช้า เชนลืมตาตื่นขึ้นมาก็ตกใจ กระโดดลุกพรวดขึ้นมาตั้งการ์ดระวังตัว แล้วมองไปรอบๆ ทุกอย่างดูแปลกไป

“ใครจับเชนมาที่นี่ ที่นี่มันที่ไหน”
เชนจับหัวตัวเอง ยังมึนๆ อยู่
“เชนเป็นไร ทำไมเจ็บหัวอีกที่หนึ่งแล้ว โอ๊ย”
เชนชักปืนตัวเองออกมา เปิดประตูห้องนอนออกอย่างระแวดระวัง
“นี่มันคือดินแดนแห่งสีสันรึไง ทำไมทุกอย่าง มันเป็นสีๆ ไปหมด ไอ้โอเคแน่นอน มันจับเชนมา”

เชนเดินลงบันไดลงมาอย่างระแวดระวัง มองซ้ายมองขวา ทันใดนั้น ตฤณเดินถือกาแฟขนมปังเข้ามาพอดี เชนเห็นตฤณเป็นคนแรกก็เล็งปืนไป ตฤณเงยหน้าขึ้นเห็นปืน ก็ตาสว่างทันที จานขนมปังร่วงลงพื้น
“ยกมือขึ้น”
“ยก ยกแล้ว”
มือหนึ่งของตฤณว่าง อีกมือที่ถือถ้วยกาแฟอยู่ยกขึ้น ทำให้กาแฟร้อนๆ หกรดแขน ตฤณร้องลั่น
“อ๊าก ร้อนๆ”
“เฮ้ย อะไร หยุด เงียบ”
“โอ๊ยๆ”
“ใครมา แกเป็นพวกมิสเตอร์โอเค ใช่ไหม“
ต่างคนต่างแย่งกันโวยวาย ดูวุ่นวาย ขณะนั้นตังตังได้ยินเสียง วิ่งเข้ามาพอดี
“สายลับเชน อย่าทำอะไรน้าหนูนะ”
เชนหันมาเห็นตังตังก็จำได้
“หนูนี่เอง”
“เย้ เชนจำตังตังได้”
“แล้วที่นี่ที่ไหน”
ตฤณเอามือลง เชนหันไปเห็นพอดี
“นายยกมือขึ้น”
“ยกๆ”
ตฤณตกใจยกมือขึ้น
“นายเป็นใคร แล้วหนูเป็นใคร เชนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“นี่บ้านหนูเอง เราสองคนโดนระเบิด หลุดออกมาจากหนังสายลับเจ้าเสน่ห์ จำได้มั้ยคะ”
“หลุดออกมาจาก อะไรนะ”
เชนงงเป็นไก่ตาแตก
“ใช่ หลุดออกมาจากหนังทีวี”
“หลุดออกมา ไม่ใช่ นายพูดโกหก เป็นไปไม่ได้”
ตฤณกับตังตังมองหน้ากัน งานนี้หนักแน่ๆ

เชนเดินไปสำรวจทีวีด้านหน้า แล้วก้มไปมองด้านหลัง มองดูความบางของทีวีแล้วเกาหัว เอามือวาดไปหลังทีวีก็มีแต่อากาศ
“สายลับเชนจำได้ไหม ที่เราอยู่ที่สะพานพุทธ ลินดาถูกจับ แล้วสายลับเชนแก้เชือกสำเร็จแล้ว”
“ใช่แล้ว เงื่อนพิรอด”
“แล้วระเบิดเวลามันก็ระเบิดขึ้นพอดี แล้วจากนั้น หนูก็มารู้ตัวอยู่หน้าทีวีนี่”
“จริงด้วย แล้วเชนก็มารู้ตัวที่”
เชนหันไปรอบตัว เห็นผนังกระจกที่ยังแตก และมีพลาสติกแปะไว้แก้ขัด เขาดึงพลาสติกออกวิ่งออกไปที่สนาม ตฤณและตังตังวิ่งตามไปติดๆ

ที่สนาม หน้าผนังกระจกที่แตก เชนจับแผล มองรอบๆ
“ตรงนี้ไง ที่เชนพบว่าตัวเองตกลงมาจากสะพาน ตอนกลางวัน แล้วกลับมานอนอยู่ในสวนนี่ ตอนกลางคืน แล้วเชนรู้สึกเจ็บ เจ็บมาก เจ็บหลายแห่งเลย เจ็บครั้งแรกในชีวิต ไม่น่าเชื่อเลย”
“นั่นแหละ แล้วจู่ๆ ลุงก็วิ่งทะลุกระจกเข้าไปในบ้านผม”
“นายเรียกเชนว่าอะไรนะ”
“เอ่อ น้า เอ๊ย พี่เชน เอ่อ สายลับเชน”
“น้าตฤณ เร็ว”
ตังตังทำท่าประจำตัวเชน
“คุณธรรมปกป้อง คุ้มครองผู้บริสุทธิ์”
ตฤณรีบมายืนข้างๆ และทำท่าไปพร้อมๆ ตังตัง
“หยุดเหล่าร้าย สายลับเชน ฉลาดก็เท่านั้น หล่อก็เท่าโน้น”
เชนตะลึง
“โหว ทำไมทำได้”
“ทำไมจะทำไม่ได้”
“ดูมาแล้วเป็นร้อยๆ รอบ”
“หมายความว่าไง”
“ก็สายลับเชนอยู่ในหนังทีวี แล้วพวกเราเป็นคนดู ดูทีวีไง แล้วหนังเรื่องสายลับเจ้าเสน่ห์มันเป็นหนังขาวดำ เพราะเป็นหนังสมัยก่อนไง ทีวีมีแต่ขาวดำ ตัวสายลับเชนถึงเป็นแบบนี้ไง”
เชนอึ้ง

สองน้าหลานเอาแว่นตามาให้เชนดู
“แว่น3DDDอันนี้แหละค่ะ ที่พาตังตังไปพบสายลับเชน”
“แว่น3DDD หมายถึง ทรีไดเมนชั่น แปลว่าสามมิติ น่ะเหรอ”
“เห้ย รู้จักด้วย”
“อย่าลืมสิ น้าตฤณ สายลับเชนมีปัญญาเป็นอาวุธนะ เขาต้องฉลาดสิ”
“อืม ตามหลักการ เรามีทฤษฎีเกี่ยวกับโลกคู่ขนาน หรือการเดินทางผ่านจากมิติหนึ่ง ไปยังมิติอื่นได้ หรือผ่านเวลาก็ยังได้”
เชนคิดๆ แล้วสะดุ้งเฮือก
“ถ้าเช่นนั้น คุณหนูช่วยพาเชนกลับไปที่เดิมเดี๋ยวนี้ได้ไหม เชนต้องไปช่วยลินดา ลินดากำลังตกอยู่ในอันตราย”
“แต่แว่นมัน แตก”
“ลองดูก่อน น้าตฤณ สายลับเชน ตังตังจะพาสายลับเชนกลับไปเอง”
ว่าแล้วตังตังก็หยิบแผ่นใส่เข้าไปในเครื่อง กดเล่น ตังตังใส่แว่น แล้วจับมือเชน

“ไป สายลับเชน ไปช่วย ละ ละ ละ ลินดา”

ที่จอทีวี เป็นภาพเหตุการณ์ที่สะพานพุทธ ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่พอถึงช่วงที่เชนออกมา กลับว่างเปล่า ไม่มีใครเป็นเชนในจอ พวกมิสเตอร์โอเคก็พูดไปตามบทพูดเดิม แต่ไม่มีเชนอยู่ในเรื่อง ตังตังตกใจมาก“เฮ้ย เชนหายไปไหน”
“เออ พวกนี้มันสู้กับใคร”
เชนพยายามจะวิ่งไปที่จอ
“มิสเตอร์โอเค แก ลินดา”
“เดี๋ยว จะไปไหน นั่นมันทีวี”
น้าหลานช่วยกันจับเชนเอาไว้ ตฤณกดรีบฟอร์เวิร์ดไปข้างหน้า เห็นภาพมิสเตอร์โอเคและพวกลูกน้อง อุ้มลินดาที่ถูกมัดลงมาจากขอบสะพาน ลินดากะพริบตาถี่สวยๆ หมดแรง แล้วสลบ ฟุบลง มิสเตอร์โอเครับตัวไว้ได้พอดี
“แม่ลูกแมวน้อย ช่างแสนซนนัก”
มิสเตอร์โอเคอุ้มลินดามาวางในรถ
“แม่ลูกแมวน้อย ละ ละ ละ ลินดา จงไปเป็นของฉันซะดีๆ หุๆๆ ต่อไปนี้ ทุกอย่างจะโอเค”
พวกลูกน้องโห่ฮิ้วกัน
“ทะลึ่ง ไปให้พ้น ไอ้พวกโง่”
ลูกน้องแตกฮือ มิสเตอร์โอเคขับรถพาลินดาจากไป เชนช็อค
“ลินดา ไม่”
ภาพในทีวี เหตุการณ์ที่สถานที่อื่น วันอื่น เป็นภาพธนาคาร มิสเตอร์โอเคโกยเงินออกมา ลูกน้องหอบเงินตาม วิ่งขึ้นรถ แล้วหนีไป ที่ถนนซอยตึกเก่า รถพวกมิสเตอร์โอเคขับ แล้วรถตำรวจไล่ตาม เปิดไซเรน รถตำรวจแล่นมาจนมุม รถพวกมิสเตอร์โอเคมารุมล้อม พวกสมุนมิสเตอร์โอเคกรูมา เข้าล้อมจับตัวตำรวจเอาไว้ บางคนเอาปืนจ่อตำรวจ บางคนจับตำรวจมัด มิสเตอร์โอเคก้าวเข้ามาพร้อมแมชชีนกันประจำตัว
“ทุกอย่าง โอเค จริงไหม สารวัตร”
มิสเตอร์โอเคเอาปืนประจำตัวประทับ เตรียมยิง สารวัตรยอมแพ้
“โอเค โอเคๆๆ”
หนังจบ เชนตกใจ
“ไม่จริง อธรรมจะชนะธรรมะไม่ได้ ตราบใดฟากฟ้ายังมีแสงทองแห่งอุทัย พลังเกรียงไกรแห่งธรรมะ ย่อมชนะอธรรมสิ”

กล่องปกดีวีดีเรื่อง สายลับเจ้าเสน่ห์ เปลี่ยนไป จากปกรูปเชนสู้กับเหล่าร้าย และเขียนชื่อว่า “สายลับเจ้าเสน่ห์” ก็เปลี่ยนเป็น รูปมิสเตอร์โอเคตัวใหญ่ ปีนตึกสูง ในมือจับลินดาเอาไว้ ชื่อเรื่องก็เปลี่ยนเป็น “มิสเตอร์โอเค วายร้ายถล่มโลก” ตังตังตกใจ
“อ๊า เป็นอย่างงี้ได้ไง”
ตฤณหยิบมาดู พอเห็นว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปก็ตกใจ
“ทำไมโอเคกลายเป็นพระเอกล่ะ แล้วเชนไปไหน” ตังตังงง
“ก็เขาออกมาอยู่ที่นี่ไง ในหนังถึงไม่มีเชนอีกต่อไปแล้ว”
“เชนจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้ โลกต้องการสายลับเชนให้ปราบคนพาล อภิบาลคนดี ถ้าไม่มีเชนอยู่สักคน โลกต้องถึงกาลอวสานแน่”
ตฤณเซ็งๆ
“เว่อร์ไปๆ ยุคนี้มีฮีโร่เยอะแยะ ทั้งไอ้มดแดง ขบวนการห้าสี เอ็กซ์เมน ซูปเปอร์แมน โลกไม่อวสานหรอก”
“น้าตฤณพูดอย่างงี้ได้ไง”
ตฤณมองในทีวี ที่หนังจบไปแล้ว แล้วหันมาหาตังตัง
“เฮ้ย เดี๋ยวๆๆ หยุดเถียงกันแป๊บ ตังตัง หนังก็จบแล้ว แต่ทำไมแว่นตา3DDDนี่ก็ไม่เห็นทำงานเลย”
“จริงด้วย”
ตังตังถอดแว่น
“หรือที่มันไม่ทำงาน เพราะมันพังแล้ว”
“แล้วเชนจะกลับไปในหนังได้ยังไง ลินดาถูกจับไปแล้ว ลินดากำลังตกอยู่ในอันตราย เชนต้องรีบกลับไป”
“งั้นเราคงต้องรีบไปที่ร้าน เผื่อว่าลุงคนนั้นแกจะซ่อมได้” ตังตังเสนอ
เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น ทั้งสามสะดุ้ง

เจนจิรากดออดแล้วรออยู่ ยืนหน้าเย็นชา ตฤณมาโผล่ดู พอเห็นว่าเป็นเจนจิรา ก็รีบวิ่งมาหาอย่างตื่นเต้น
“ตัวเองเปลี่ยนใจไม่ทิ้งเขาไปแล้วใช่มั้ย”
เจนจิราหันมาถอดแว่นกันแดดออก ยิ้มให้ ตฤณดีใจ เข้าไปโอบหญิงสาว
“เขานึกแล้วว่าตัวเองรักเขาจะตาย จะเลิกกับเขาได้ยังไง เขาสัญญานะว่าเขาจะปรับปรุงตัว เขาจะเอาใจใส่ตัวเองมากกว่านี้”
เจนจิราสะบัดมือตฤณออก
“ใช่ ตัวเอง จะเอาใจใส่ตัวของตัวเองมากกว่านี้ ก็บอกมาเถอะ สายไปแล้วตัวเอง เขาตัดสินใจแล้ว เขามาวันนี้เพื่อมาเอาของๆ เขา”
เจนจิราเดินเข้าไป ตฤณรีบวิ่งแซง เจนจิราเดินปังๆ เข้ามาในบ้าน เห็นกระจกแตก แปะพลาสติกหลุดรุ่ย ทำหน้าดูถูก
มุมหนึ่ง ตังตังจับเชนซ่อนใต้โต๊ะ ดึงผ้าปูโต๊ะมาบัง
“แต่เราต้องรีบไปซ่อมแว่น3DDDเดี๋ยวนี้”
“ชู่ว”
ตังตังปิดปากเชน เจนจิราเดินไป คว้าของน่ารักต่างๆ ที่ตนเคยทำให้ตฤณ มีดาวกระดาษในโถแก้ว หมอนผ้าเย็บมือทำด้วยผ้าลายจุ๋มจิ๋มเป็นรูปหัวใจ จับยัดใส่ถุงผ้าที่เตรียมมา แล้วเปิดลิ้นชักโต๊ะ เปิดๆๆ รื้อๆๆ หันไปเห็นที่ชั้นหลังโต๊ะทำงาน ที่มีกล่องสังกะสี เปิดกล่องมา ในนั้นคือการ์ดทำมือต่างๆ เก่าแก่หลายใบ เจนจิรายัดทั้งกล่องลงกระเป๋า
ตฤณวิ่งเข้ามา มองอย่างตะลึง ทำอะไรไม่ถูก ตังตัง เชน พลอยแอบดูไปด้วย ตฤณได้สติ เข้ามายื้อแย่งถุงนั้น
“ไม่ยอม ห้ามตัวเองเอาของพวกนี้คืนไปเด็ดขาด ตัวเองโยนหัวใจเขาทิ้งให้หมากินไปแล้ว ยังจะมาเอาความทรงจำดีๆ ของเขาไปอีกเหรอ”
ตฤณแย่งสุดตัว เจนจิราแกล้งปล่อย ตฤณดึงอยู่ จึงเสียหลัก ล้มมาทับตรงที่ตังตังกับเชนแอบอยู่ ตังตังกับเชนตาเหลือก รีบซุกตัวหลบสุดชีวิต
“น้ำเน่าที่สุด ได้ อยากได้ก็เอาไป แล้วมันก็จะกลายเป็นขยะไปในที่สุด ถ้างั้น บ่ายวันนี้ ไปเจอกันที่ธนาคารนะ เขาจะปิดบัญชีร่วมของเรา”
“แต่นั่นมันเป็นบัญชีที่เราเก็บไว้ซื้อเรือนหอนะ”
“แต่เราเลิกกันแล้ว”
ตฤณคอตก
“บ่ายสอง ห้ามสายล่ะ”
เจนจิราสวมแว่นกันแดด เดินกลับไป ตฤณยืนมองเศร้า เชนมองเหตุการณ์ตาปริบๆ ตังตังเศร้า

ตฤณกอดสมบัติทั้งถุงนั้นไว้ นั่งร้องไห้ ตังตังเข้ามาสะกิด ตฤณเงยหน้ามา เช็ดน้ำตา ตังตังยืนจูงมือเชนอยู่ เชนมองอย่างเห็นใจ
“ทำใจนะน้าตฤณ แต่เราควรรีบไปร้านเนรมิตกันเถอะ เราต้องรีบพาสายลับเชนกลับไป”
เชนพยักหน้า ยิ้มเอาใจเชิงขอร้อง ตฤณอึ้ง

ชาวบ้านผ่านไปผ่านมา ต่างหันมามองเชนด้วยท่าทางสนอกสนใจ ที่นอกจากเชนจะสีขาวดำแล้ว ยังตื่นเต้นกับรถไฟฟ้ายกใหญ่
“โอ ในที่สุด กรุงเทพฯของเราก็มีของแบบนี้จริงๆ รถไฟข้ามหัว”
“รถไฟฟ้ามหานครค่ะ ใต้ดินก็มีรถไฟใต้ดินด้วยนะ”
“แม่เจ้าโว้ย นอกจากเป็นโลกแห่งสีสันแล้ว ยังเป็นโลกแห่งความศรีวิไลอีกด้วย มีแต่ตึกสูงๆ เต็มไปหมดเลย ต้นไม้ก็ไม่ค่อยมี กรุงเทพฯเปลี่ยนไปมากมายจริงๆ แล้วสมัยนี้มีเหล่าร้ายไหม ธรรมะยังชนะอธรรมอยู่หรือเปล่า”
ตฤณรำพึงเบาๆ อย่างไม่สนใจอะไร
“เจนเขาคงไม่กลับมาแล้วจริงๆ เจนจะออกไปจากชีวิตของเราแล้วจริงๆ”
รถไฟฟ้าแล่นมาจอด ตฤณเดินเข้าไป ตังตังจูงเชนเข้ารถ เชนตื่นเต้นมาก พอเสียงประตูดังปิ๊บๆๆ จะปิด เชนกระโดดควักปืนออกมา ทุกคนตกใจ ตังตังรีบดึงปืนมา
“ปืนของเล่นค่ะ ปืนของเล่น เราประกวดแต่งคอสเพลย์ตัวละครจากหนังยุคคุณปู่ไงคะ”
ทุกคนหัวเราะ เข้าใจ บางคนเอาโทรศัพท์มาถ่าย บ้างขอถ่ายรูปด้วยกับเชน เชนงงๆ แล้วโพสท่าเท่ ไม่ยอมเสียฟอร์ม ตฤณยังเลื่อนลอยไม่เลิก

“ปิดบัญชีเรือนหอของเรา มันจบแล้ว มันจบจริงๆ”

หน้าร้านเนรมิต มีป้ายเขียนว่า “ปิด” ตังตังยืนมองหน้าร้านที่ปิดสนิท ด้วยอาการปากอ้าตาค้าง แต่ตฤณยังเลื่อนลอย

“ทำไมถึงมาปิดเอาตอนนี้นี่ น้าตฤณ ทำยังไงดี”
ตฤณเคาะประตูหน้าร้าน
“ลุงๆ อยู่ไหมครับ ลุง มีใครอยู่บ้างไหมครับ”
“คุณลุงขา คุณลุง”
เชนขยับ ปราดไปซ้ายสุด แล้วขวาสุด ส่องดูในร้าน และรอบๆ บริเวณ ดูสภาพรอยเท้า เศษของที่ตกต่างๆ
“สายลับเชนวิเคราะห์ว่าต้องเกิดเหตุร้ายขึ้นภายในร้านเป็นแน่”
เชนพูดด้วยเสียงเข้มอยู่ในท่าพร้อมพิทักษ์เหล่าร้าย ตฤณหันมามอง คิดว่าเชนไร้สาระ เชนตั้งท่าเตรียมตัวระวังภัย ขบกรามหันขวับมามองตฤณ ตฤณผงะ
“นายไม่เห็นรึว่า ข้าวของในร้านน่ะกระจายระเนระนาด มันผิดปกติ”
“ไหนอ่ะ”
ตฤณกับตังตังมาป้องตามองผ่านกระจกโชว์หน้าร้านเข้าไป เห็นข้าวของภายในร้าน เหมือนถูกรื้อค้นกระจุย แตกกระจาย
“ห่ะ จริงด้วย ข้างในเละเลยอ่ะ”
“เชนคาดว่าต้องไม่ใช่การปิดร้านธรรมดาแน่ๆ”
“ร้านถูกปล้น” ตังตังเดา
“หรือมีการลักพาตัว” เชนคิด
“ฆาตกรรม”
ตังตังพูดอย่างตื่นเต้น

เชนทุบกระจกประตูร้าน แล้วเอื้อมมือมาเปิดประตู เดินเข้ามาในร้าน ตังตัง ตฤณตามเข้ามา
“เฮ้ย นี่คุณบุกรุกร้านเขา เดี๋ยวเขาฟ้องตำรวจจับเข้าคุกหรอก”
“ไม่มีทาง เชนทำแบบนี้ทีไรไม่เห็นเคยมีตำรวจมาเลย”
“ใช่ เพราะตำรวจจะมาสุดท้ายตลอด ในหนัง ที่พระเอกต้องสู้กับผู้ร้ายจนจบก่อน”
เชนทำท่างงที่ตังตังพูด แต่แล้วก็กลับไปสนใจสภาพภายในร้านแทน
“มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เจ้าของร้านเขาอาจจะปิดปรับปรุงทำร้านใหม่ ข้าวของถึงได้รกแบบนั้น รีบไปจากที่นี่เถอะ ไว้ค่อยเอาแว่นมาซ่อมวันหลังก็แล้วกัน ตังตังพาสายลับเชนกลับบ้านก่อน น้า เอ่อ มีนัดกับน้าเจน นัดสำคัญ”
“แต่เชนไม่กลับ”
เชนพูดพลางหันเดินทื่อๆ ไป แต่ตฤณยังยืนเท้าเอวบ่น
“โอ๊ย เรียกตัวเองว่าเชนๆ อยู่ได้ น่ารักตาย”
“น้าก็ยืนบ่นอยู่ได้ เชนไปโน่นแล้ว”
“อ้าวเฮ้ย”

เชนเดินเข้ามาอีกด้านของร้านเนรมิต มองสำรวจ พิจารณาในมาดสายลับ แววตาคมกริบราวกับเหยี่ยว มองซ้าย ขวา บน ล่าง ทั่วบริเวณ ตังตังตามประกบ มองดูลีลาของเชนอย่างทึ่งๆ
“ฮ้า เชนกำลังใช้สายตาอันมีวิชั่วพิจารณาหลักฐานอยู่ เหมือนในหนังใช่มั้ย”
“เงียบก่อนเด็กน้อย”
ตังตังรีบปิดปาก ตฤณเดินตามหลังมาห่างๆ อย่างเซ็งๆ
“อืม ท่าทางจะเกิดเรื่องไม่ดี มีคนมากกว่าหนึ่ง บุกเข้ามาในร้านนี้ เจตนาไม่ดี”
“รู้ได้ไง ใช้จิตสัมผัสเหรอ” ตฤณประชด
“โน่น ประตูเข้าห้องด้านใน มีรอยถูกยิง คนร้ายมีปืน และมันกร่างมากพอที่จะยิงอย่างอุกอาจ และนี่ ร่องรอยฝุ่นตรงนี้ มันหายไป เพราะก่อนหน้านี้มันเคยมีของบางอย่างตั้งอยู่ แต่”
เชนมองหาที่พื้น เจอกล่องจูแมนจี้ตกอยู่ หยิบมาวางลงไปบนรอยฝุ่น
“นี่ไง พอดี มันรื้อหาของอะไรบางอย่าง และมันอาจจะหาไม่เจอ ถึงรื้อทั่วร้านอย่างนี้”
“ว้าว วิเคราะห์ได้ชัดเจนเฉียบคมมากเลยสายลับเชน”
ตังตังดีใจ ตฤณเซ็ง หมั่นไส้
“โชว์เก่งเสร็จยัง ฉันมีธุระ เข้าใจมั้ย”
เชนวิ่งไปอีกด้าน ตฤณเซ็ง ไม่เสร็จเสียที

เชนเดินเลี้ยวมาที่มุมถนนไม่ไกลจากร้านเนรมิต เดินอาดๆ เท่ๆ มา สีหน้ามุ่งมั่น คนเดินผ่านไปผ่านมาหันมามอง นึกว่าพวกไปงานคอสเพลย์เดินผ่านมา ตฤณกับตังตังรีบวิ่งมาคว้าแขนดึงไว้คนละข้าง
“เดี๋ยวๆๆ สายลับเชน จะไปไหน”
“เชนต้องไปช่วยลินดา”
“คุณเชนจะไปหาลินดาที่ไหนกันคร้าบ”
“เราหล่นลงมาจากสะพานพุทธ จริงไหม ตังตัง เชนก็จะไปตามหาร่องรองครั้งสุดท้ายของเราที่สะพานพุทธ”
“หา สะพานพุทธ”


เจนจิราผลักประตูเข้ามาในธนาคาร มองซ้ายขวาหาตฤณแต่ไม่เจอ
“สวัสดีค่ะ มาติดต่อเรื่องอะไรคะ”
“มาปิดบัญชีค่ะ”
ระหว่างนั้น พิภพ หัวหน้าฝ่ายการเงินเดินเข้าธนาคารมา ถือกระเป๋าเจมส์บอนด์ผ่านหลังเจนจิราไป พนักงานพากันยกมือไหว้ พนักงานกำลังจะกดบัตรคิวให้เจนจิรา
“เอ่อ เดี๋ยวก็ได้ค่ะ รอเพื่อนอีกคนค่ะ”
“เชิญนั่งรอสักครู่นะคะ”
เจนจิราเดินไปหาที่นั่ง
“ไม่เคยเลยสักครั้ง ที่จะมาก่อน หรือมาตรงเวลา มีแต่เราที่จะต้องรอๆๆ”
เจนจิรานั่งลงรอ ท่ามกลางผู้คนที่มารออยู่เต็ม 4 คนในนั้นเป็นลูกน้องของดร.อาทิตย์ที่ปลอมตัวมาแฝงตัวอยู่
“มัวทำอะไรอยู่ ไม่รีบมา ทั้งๆ ที่วันนี้ เราจะได้เจอหน้ากันเป็นวันสุดท้ายแล้ว”
เจนจิราพูดพลางอดใจหายไม่ได้ อย่างไรก็ยังรักอยู่ ระหว่างนั้นชาย 4 คน ดูมีพฤติกรรมน่าสงสัย คนหนึ่งยืนอยู่ที่มุมหนึ่งคอยสอดส่ายสายตาไปทั่วทั้งธนาคาร อีก 2 คนใส่แจ็คเก็ตยืนทำเป็นรอกรอกเอกสารใบรับฝากเงิน อีกคนนั่งอยู่หน้าประตูทางเข้าใส่หมวกแก๊ป

เชนวิ่งนำขึ้นสะพานพุทธมาอย่างเร็ว ขณะที่ตฤณกับตังตังวิ่งตามหน้าตั้งมาข้างหลัง เชนวิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุ แล้วก้มลงดูร่องรอยต่างๆ ขณะที่ตฤณกับตังตังก็วิ่งหอบแฮ่ก ตะโกนตามหลังมา
“เชน รอด้วย”
“พวกซูเปอร์ฮีโร่นี่เขาวิ่งเร็วเป็นม้าแบบนี้ทุกคนสินะ แฮ่กๆๆ”
เชนวิ่งมาหยุดที่ราวสะพานตรงที่เห็นลินดาถูกมัด ชะโงกมองลงไปที่แม่น้ำเจ้าพระยา
“ลินดา”
ตฤณตกใจรีบถลาเข้ามาดึงเชนไว้
“เดี๋ยวได้ร่วงตกไปหรอก”
“แล้วตกลง ลินดาตกลงไปในน้ำ แบบที่เราเห็นครั้งสุดท้าย หรือว่าโดนมิสเตอร์โอเคจับไป แบบในหนังที่เราดูกันแน่” เชนคิด
ทั้งสามมองรอบๆ
“ตอนนี้ เชนกับลินดาอยู่กันคนละมิติ แต่เราอาจจะใช้จุดนี้เป็นจุดเชื่อมต่อกันก็ได้ หนูตังตังลองเอาแว่นมาลองอีกทีซิ”
“จะยังไง ก็ไม่ทันแล้ว ถ้าลินดาตกลงไปจริงๆ ป่านนี้ก็ตายแล้ว หรือถ้าโดนมิสเตอร์โอเคจับไปจริงๆ ป่านนี้ ก็เสร็จโก๋ไปละ” ตฤณขัด
เชนคว้าคอเสื้อตฤณทันที ทำให้ตัวตฤณลอยขึ้น
“พ่อแม่นายอบรมบ้างหรือเปล่า พูดจาสุนัขไม่รับประทานแบบนี้”
“โห ด่าแรงอ่ะ”
“ลินดาต้องปลอดภัย สายลับเชน ลินดาต้องไม่ตาย ปล่อยน้าตฤณนะเชน”
เชนได้สติ ปล่อยมือจากคอเสื้อตฤณ ตฤณร่วงพลั่ก ก้นกระแทก
“โอ๊ย ปล่อยดีๆ ไม่ได้เหรอไง เฮ้ย”
เชนนั่งลง ชันเข่าก้มหัวลงอย่างเท่ๆ
“เชนขอโทษ เชนไม่ได้ตั้งใจจะก้าวร้าวรุนแรง”
“บอกเลย จากประสบการณ์ที่อ่านโดราเอม่อนมามาก ว่ามาที่สะพานนี่มันช่วยอะไรไม่ได้ ต้องหาทางกลับไปด้วยแว่นสามมิติเท่านั้น แล้วต้องผ่านทีวีบ้านเรา แต่ว่า เราต้องซ่อมแว่นตาให้กลับมาเหมือนเดิมก่อน เชื่อเราสินายนักสืบรุ่นปู่”
“เอ๊ะ ไอ้นี่”
ระหว่างนั้น เสียงสัญญาณเตือนไลน์ในมือถือตฤณดังขึ้น เชนตกใจชักปืนออกมา
“สัญญาณเตือนภัย พวกเหล่าร้ายบุก”
“เฮ้ยๆ เหล่าร้ายที่ไหน มือถือผมเอง”
“มือถือ”
เชนมองตฤณควักมือถือออกมาเปิดดู เริ่มเรียนรู้ว่าสิ่งที่เห็นคือมือถือ ตฤณเห็นข้อความเตือน
“นัดเจนจิราที่แบงค์”
ตฤณถึงกับตาเหลือก

“เฮ้ย โธ่เอ๊ย ฉันผิดนัดเจนอีกจนได้”

เหตุการณ์ที่ธนาคาร ชายน่าสงสัยยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู แล้วหันไปมองตาอีก 3 คน พยักหน้าให้สัญญาณ

แล้วทั้งสี่ก็เอาถุงน่องมาคลุมหน้าตัวเองทันที โจรทั้งหมดดึงปืนที่ซ่อนอยู่ในแจ็กเก็ตออกมา คนหนึ่งยิงปืนขึ้น ทุกคนในธนาคารตกใจ
“ทุกคนก้มลงหมอบเดี๋ยวนี้”
“เร็วๆๆ หมอบๆๆ”
เจนจิราหันไปมองโจรทั้งหมดทันที ลูกค้าบางคนก้มหมอบ บางคนตกใจยืนตัวแข็ง โจรเตะต่อยรปภ.จนคว่ำสลบ แย่งปืนมาได้ จับมัดมือด้วยเชือกที่เตรียมมาอย่างรวดเร็วชำนาญ อีก 2 คนกระโดดข้ามเคาน์เตอร์ฝากไปจัดการดึงสายโทรศัพท์และสัญญาณกันขโมยทิ้ง
“บอกให้หมอบ หมอบลง”
พิภพซึ่งเป็นผู้จัดการธนาคารวิ่งออกมาพอดี
“จะเอาอะไรบอกผม อย่าทำร้ายอะไรใครเลยนะครับ”
โจรเดินเข้ามาหาพิภพ พลันตบด้วยปืน พิภพสลบกลางอากาศ
“ไม่เอาอะไรทั้งนั้น เพราะพวกเราได้มาแล้ว ฮ่าๆๆ”
โจรคนหนึ่งตรงไปล็อคคอเจนจิราจี้ด้วยปืน
“ว้าย ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
“เฮ้ย เงียบ หยุด หยุด”
เจนจิราหุบปากทันที ทุกคนเงียบ
“แสบแก้วหู พูดอะไรไม่รู้เรื่องเลย”
“เงียบแล้ว”
“ทุกคนฟังคำสั่งจากข้าพเจ้าแต่เพียงคนเดียว อย่าขัดขืน ไม่งั้น”
โจรอีกคนกระโดดไปตัดสายโทรศัพท์และสัญญาณกันขโมยทิ้ง รีบชิงพูด
“ตาย ฮ่าๆๆ”
“เรียบร้อยยัง”
“สายโทรศัพท์ สัญญาณกันขโมยไปเรียบร้อย”
“ดี”
โจรคนหนึ่งจะทำเท่ห์กระโดข้ามเคาน์เตอร์กลับมา แต่สะดุด ล้มโครม โจรอีกคนส่ายหน้าเอือมระอา

รถแท็กซี่คันหนึ่งขับเร็วเข้ามาจอดหน้าธนาคาร ตฤณรีบจ่ายเงิน
“เร็วได้ใจมากลุง รักที่สุด เอาไป ไม่ต้องทอนลุง เร็วซีตังตัง ลงๆ นายด้วย เร็วๆๆ ฉันรีบ”
ตฤณรีบต้อนตังตังกับเชนลงจากรถ
“เชนไม่เคยผิดเวลานัดใคร”
“ยังจะมาพูดอีก ก็เพราะใครล่ะพาฉันไปสะพานพุทธ ฉันถึงมาช้าเนี่ย”
“แล้วทำไมน้าเจนต้องนัดน้าตฤณมาที่ธนาคารด้วย มาทำไรกันอ่ะ”
“เอ่อ เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ต้องรู้ทุกเรื่องหรอกน่า”
“ไม่บอกก็ไม่ง้อ ถามน้าเจนก็ได้”
ตังตังจะเดินเข้าไปแต่ตฤณดึงคอเสื้อไว้
“ไม่ต้องเลย ไม่ต้องตามเข้าไป รออยู่กับพ่อฮีโร่ตัวขาวดำของเธอที่ร้านขายน้ำนี่แหละ”
ระหว่างที่น้าหลานเถียงกันอยู่นั้น เชนก็หันมองไปรอบๆ อย่างแปลกที่แปลกตา
“นี่นาย ฝากหลานฉันด้วยนะ เดี๋ยวมา เอาตังค์ไปซื้อน้ำกินฆ่าเวลาก่อนนะ”
ตฤณยัดแบงค์ร้อยใส่มือตังตังแล้วรีบเดินผละไป เชนมองแบงค์ในมืออย่างไม่คุ้น
“ห่ะ ให้ตั้งร้อยบาท น้ำอะไรร้อยบาท”
“ไม่ถึงหรอกค่ะ มา ไปกับหนู”
ตังตังดึงเชนออกไป

ตฤณผลักประตูหน้าธนาคารเข้ามา พบเจนจิรานั่งอยู่ที่เก้าอี้ชุดรับแขกกลางธนาคาร
“เจน
ตฤณรีบเข้ามาหา โดยไม่ได้มองอะไร
“ตัวเอง เขาขอโทษ”
เจนจิราหันมาเม้มปากอยากจะเตือน แต่ตฤณยกนิ้วขึ้นจรดปากเจนจิรา
“เขาก็มาแล้วไงตัวเอง”
เจนจิรานิ่งทำปากบู้เบ้
“อะไร ตัวเองจะพูดอะไร อย่าโกรธเขาเลยนะ”
เจนจิราหน่ายใจ คอตก ตฤณจึงเริ่มสังเกตมองไปที่อื่น พบว่าธนาคารโดนปล้น
“อะไรกัน”
ตฤณพูดไม่จบประโยคหันมาเจอโจรถือปืนจ่ออยู่
“ดีจัง วันนี้คงไม่ได้ปิดบัญชีแล้ว” ตฤณยิ้มแหยๆ

โจรคนหนึ่งกำลังเปิดเซฟอยู่ หมุนไปมาอย่างช้าๆ โจรอีกคนวิ่งเข้ามา
“เปิดเซฟได้หรือยังวะ ชักช้าเดี๋ยวญาติผู้ใหญ่แกก็ปี๊ป่อๆๆ มาหรอก”
“ใจเย็นๆ ดิ งานศิลปะโว้ย”
โจรพูดจบหมุนเลขรหัสเซฟเป็นตัวสุดท้าย ได้ยินเสียงเซฟปลดล็อค โจรหันมายิ้มให้กัน ช่วยกันดึงประตูเซฟที่หนักเปิดกว้างออก มีทองแท่งวางเรียงจำนวนมากกับเงินอีกนับไม่ถ้วน โจรหัวเราะร่า
“เจ้านายครับ ดูซี่ อร่ามมั้ย อร่ามมั้ย”
“อร้าม อร่าม นะครับ เจ้านาย”
ดร.อาทิตย์ดูภาพการปล้นของโจรทั้งสี่อยู่ในห้องบัญชาการ มีสัญลักษณ์เดอะวันขนาดใหญ่ข้างหลังห้อง
“ฮ่ะๆๆ ขนออกมาให้หมด”
ดร.อาทิตย์กดวางสาย แล้วหันไปมองนารีและอินทุ

“ศรัทธาสร้างพลัง พลังเปลี่ยนมนุษย์ได้ หึๆๆ”

อ่านต่อตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น