xs
xsm
sm
md
lg

สามใบไม่เถา ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สามใบไม่เถา ตอนที่ 13

อินทุอรก้าวเข้ามาในลิฟต์ แล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีกลิ่นฉุนจมูกในลิฟต์ เธอมองไปรอบ ๆ ตัว รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ ภาพเริ่มพร่ามัว
 
อินทุอรพยายามกลั้นหายใจแต่ก็ไม่ทัน เธอเซ หน้ามืด พยายามเกาะผนังลิฟต์แต่ก็หมดสติไป ประตูลิฟต์เปิดออก บุษบาบัณเดินเข้ามา เห็นอินทุอรกองอยู่ที่พื้นก็ตกใจ
“หนูอิน”

ภิสิตคุยโทรศัพท์กับอัปสร
“ก่อนไปญี่ปุ่นเดือนหน้า ผมต้องไปกราบขอพรป้าอยู่แล้วครับ สวัสดีครับ”
ภิสิตวางโทรศัพท์ แล้วก็มีสัญญาณโทรเข้ามา เขาดูที่หน้าจอ เห็นว่าเป็นสายจากอินทุอร ภิสิตประหลาดใจ
“หนูอิน อ้าวบุษ โทรศัพท์ของหนูอินอยู่ที่คุณได้ยังไง ว่าไงนะ”
ภิสิตวางหูแล้วรีบลุกออกไปทันที

ภิสิตเข้ามาในบ้านบุษบาบัณอย่างร้อนใจ บุษบาบัณนั่งรออยู่แล้ว
“หนูอินอยู่ไหน”
“มาเร็วทันใจดีจริง ถ้าเป็นฉันไม่สบาย คุณจะรีบมาอย่างนี้มั้ย”
“คุณทำอะไรหนูอิน”
“เปล่านะคะ ฉันไปดูหนังแล้วเจอหนูอินเป็นลมอยู่ในลิฟต์ก็เลยพากลับมาพักที่นี่”
“อยู่ข้างบนใช่มั้ย”
ภิสิตจะขึ้นข้างบนบ้านทันที บุษบาบัณรีบไปขวาง
“คุณขึ้นไปไม่ได้”
“อย่าขวาง”
ภิสิตดันตัวบุษบาบัณ บุษบาบัณแกล้งทำเป็นเหวี่ยงตัวเองไปกระแทกกับราวบันได
“โอ๊ย”
ภิสิตส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ ขึ้นบ้านไป บุษบาบัณแกล้งทำท่าเจ็บมากจนทรุดลงไปกับพื้น

ภิสิตเปิดประตูเข้ามา อินทุอรนอนสลบอยู่บนเตียง เขาเข้าไปนั่งบนเตียงข้างอินทุอร แล้วก้มลงไปดูอินทุอรใกล้ ๆ ทำให้ดูเหมือนภิสิตก้มลงไปจูบอินทุอร
“หนูอิน ได้ยินอามั้ย”
ภิสิตก้มลงอุ้มอินทุอรออกไปจากห้อง

อุรวสากับอันตราช่วยกันโทรศัพท์ตามหาอินทุอร
“ถ้าหนูอินไปหา บอกให้โทรกลับพี่ด้วยนะคะ”
“หนูอินไม่ได้ไปที่นั่นเหรอคะ ค่ะ ๆ ขอบคุณค่ะ”
อุรวสากับอันตราวางสาย แล้วหันมาส่ายหน้าให้กัน อัษฎากับบราลีกระหืดกระหอบกลับเข้ามาในบ้าน
“หนูอินหายไปไหน”
“หนูอินนัดไปดูหนังกับเพื่อน แต่เพื่อนบอกว่าหนูอินไม่มาตามนัด โทรไปก็ไม่รับสาย”
“เราสองคนโทรไปก็ไม่รับสายเหมือนกันค่ะคุณพ่อ”
ภิสิตอุ้มอินทุอรซึ่งยังไม่ได้สติเข้ามา ทุกคนตกใจ อัษฎามองหน้าภิสิตด้วยความตกใจ

“สิต หนูอินเป็นอะไร”

อุรวสาเอายาดมให้อินทุอรดม อันตราใช้ผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ดหน้า อินทุรค่อย ๆ ฟื้นได้สติ
 
“ฟื้นแล้วค่ะ”
“หนูอินเป็นไงบ้างลูก”
“อินปวดหัว”
“พ่อพาไปให้หมอเช็คที่โรงพยาบาลเลยดีกว่า”
“ลุกไหวมั้ยอิน”
อินทุอรพยายามลุก พี่สาวสองคนช่วยประคอง อัษฎาหันไปสั่งภิสิต
“นายมากับฉัน”
อัษฎาเดินไปกับบราลี ภิสิตเดินตามไปจ๋อย ๆ แต่ใจก็เป็นห่วงอาการของอินทุอร

หมออธิบายให้ครอบครัวชองอินทุอรฟัง
“ร่างกายเป็นปกติดีนะครับ ไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยโดนทำร้าย”
ทุกคนมองหน้ากันงงๆ

อัษฎาเดินนำทุกคนออกมาจากห้องตรวจ อินทุอรเล่าให้ทุกคนฟัง
“ตอนอินอยู่ในลิฟต์ ได้กลิ่นเหม็น ๆ เหมือนสารเคมีค่ะ แล้วก็ไม่รู้สึกตัวไปเลย”
“ระบบระบายอากาศในลิฟต์อาจจะรั่ว พ่อจะโทรไปขอให้เขาตรวจสอบดู”
อัษฎาหันไปถามภิสิตที่ยืนรออยู่หน้าห้องตรวจ
“แล้วนายไปเจอหนูอินได้ยังไง”
“บุษเป็นคนเจอหนูอินเป็นลมในลิฟต์ เลยพาไปที่บ้านแล้วใช้มือถือของหนูอินโทรไปตามผมที่ทำงาน”
ทุกคนมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ
“แล้วทำไมคุณบุษไม่พามาส่งที่บ้านเรา”
“ผมก็ว่ามันแปลก”
ภิสิตกับอินทุอรมองหน้ากันอย่างไม่สบายใจ

ครอบครัวอัษฎาและภิสิตเดินไปที่จอดรถ ผ่านผู้คนก็มองหน้าภิสิตกับอินทุอรแปลก ๆ ภิสิตกับอินทุอรเริ่มรู้สึกตัวว่าโดนมองก็เริ่มอึดอัดใจ บราลีบ่นกับอัษฎา
“ทำไมคนมองภิสิตกับหนูอินจัง”
เสียงไลน์โทรศัพท์ของอัษฎาดังขึ้น อัษฎาหยิบขึ้นมาดู
“คุณวสาส่งรูปอะไรมา”
อัษฎากดขยายรูป แล้วตกใจ
“เฮ้ย”

ในมือถือเป็นภาพบุษบาบัณโดนทำร้ายร่างกาย มีแผลช้ำเต็มตัวและใบหน้า

ภิสิตกำลังดูรูปบุษบาบัณที่เต็มไปด้วยรอยช้ำตามต้นแขน และใบหน้า ด้วยความงง
 
“อาบุษไม่ได้เป็นคนโพสต์ภาพ ล็อคอินใครก็ไม่รู้ค่ะ” อันตราบอก
“มีคำพูดบรรยายภาพด้วยค่ะว่า แผลเก่าดูกี่ครั้งก็ยังเจ็บ แล้วทำแฮชแท็คว่า อดีตคนข้างตัวทำเจ็บ”
“แต่เมื่อกลางวัน เขายังดี ๆ อยู่เลย” ภิสิตยืนยัน
“จะทำไปเพื่ออะไร” อัษฎาครุ่นคิด
“ถ้าเขาทำเพื่อทำร้ายผมยังไม่น่าห่วง แต่อย่าให้เป็นหนูอินเลย”
ภิสิตไม่สบายใจ ได้แต่มองอินทุอรอย่างเป็นห่วง
“ทุกคน มาดูอะไรนี่”
ทุกคนเข้าไปมุงดูโน้ตบุ้คของอันตรา
“เพิ่งมีคนเอาคลิปมาปล่อยเมื่อกี้ค่ะ”
อันตรากดเล่นคลิป คลิปแรก เป็นคลิปภิสิตกับบุษบาบัณกำลังยื้อผลักไสกันไปมา แล้วภิสิตก็จับไหล่บุษบาบัณเหวี่ยงไปกระแทกบันได ภิสิตเดินขึ้นบ้านไป บุษบาบัณทำท่าว่าเจ็บมาก
ภิสิตตกใจ ทุกคนหันมามองหน้าเขางงๆ
“ยังมีคลิปที่สองค่ะ”
อันตราเล่นอีกคลิปหนึ่ง เป็นภาพมุมสูง ภิสิตอยู่ในห้องนอน ก้มลงไปจูบอินทุอรที่นอนอยู่บนเตียง อินทุอรเอามือปิดปากตัวเองด้วยความตกใจสุดขีด
“ไม่จริง”
ทุกคนตกใจช็อค รวมทั้งภิสิตด้วย

ภาพข่าวในโทรทัศน์ บุษบาบัณให้สัมภาษณ์หน้าตาเศร้าสร้อย
“บุษจะปล่อยคลิปให้ตัวเองอับอายทำไมคะ มันเป็นคลิปเก่าสมัยที่บุษยังอยู่กับภิสิต วันนั้นบุษจับได้ว่าเขาพาลูกสาวเพื่อนมานอนที่ห้อง นอนบนเตียงของบุษ บุษก็เลยต้องขอหย่า”
ทุกคนนั่งดูอยู่ ภิสิตโกรธจัด
“โกหก ภาพในคลิปนั่นมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน แล้วผมก็ไม่ได้ทำอะไรเขาด้วย”
“พูดตอนนี้ใครจะเชื่อ ชื่อเสียงลูกสาวฉันป่นปี้หมดแล้ว”
ภิสิตมองทุกคนด้วยความเสียใจ ก่อนจะเดินออกไปจากบ้าน อินทุอรมองตามภิสิต ร้องไห้ พี่สาวสองคนต้องช่วยกันปลอบ

ภิสิตนั่งคุยกับแสงฉานและเวศม์ ทั้งสามคนกลุ้มมาก
“ผมไม่ได้ทำอะไรหนูอินเลย แค่อุ้มออกมาจากที่นั่น เพราะผมไม่ไว้ใจบุษบาบัณ”
“แต่ก็หนีไม่พ้น เป็นเหยื่อของผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนั้นจนได้” แสงฉานเจ็บใจ
“บุษบาบัณใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คเล่นงานเรา”
“ผมยินดีทำทุกอย่าง เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงหนูอินกลับมา ชีวิตเธอต้องไม่พังเพราะผม ผมจะจัดแถลงข่าว เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของหนูอิน”
“ทำแบบนั้นไม่เสี่ยงกับอาชีพไปหน่อยเหรอครับ ที่กระทรวงจะว่ายังไง” แสงฉานท้วง
"อินทุอรต้องไม่ด่างพร้อยในเรื่องที่เธอไม่ได้ทำ” ภิสิตยืนยัน
“ปัญหานี้มันน่าจะมีทางแก้สิ”

เวศม์ครุ่นคิด ทุกคนไม่สบายใจ เสียงโทรศัพท์มือถือเวศม์ดังขึ้น เวศม์ดูชื่อคนโทรมาเห็นว่าเป็นศศิพิมล

สามใบไม่เถา ตอนที่ 13 (ต่อ)

งานแถลงข่าวของภิสิตจัดในร้านอาหารเล็ก ๆ มีนักข่าวสังคมให้ความสนใจมารอทำข่าวมากมาย บุษบาบัณกับพงษ์ชัยยืนดูอยู่อย่างสะใจ ศศิพิมลเดินเข้ามาหาบุษบาบัณ
 
“มาทำไม”
“มาดูความสะใจไง”
“เธอเป็นเพื่อนดีกว่าที่ฉันคิด”
พงษ์ชัยหันมาถามกับศศิพิมล
“สบายดีรึเปล่า”
“ตั้งแต่เลิกโง่ สบายขึ้นเยอะค่ะ”
ภิสิตเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะแถลงข่าว ช่างภาพถ่ายรูปกันวูบวาบ ทั้งสามคนจึงหันไปมองทางเวที
“สวัสดีครับพี่น้องนักข่าวทุกท่าน ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องคลิป ผมขอสารภาพผิดอะไรบางอย่าง เรื่องแรก ผมยอมรับว่าผิดจริงที่ยอมแต่งงานเพื่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ทำให้ชีวิตคู่ของผมกับบุษบาบัณต้องจบลงอย่างไม่มีความสุข”
บุษบาบัณฟังแล้วทำหน้าเหยียด ๆ
“เรื่องที่สอง ผมผิดจริงที่หลงรักลูกสาวของพี่ชายที่ผมเคารพ แต่เป็นรักข้างเดียว อินทุอรไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย มันเป็นความรักที่บริสุทธิ์ใจ ผมไม่ได้หวังอะไรจากเธอเลยสักนิด”
อัษฎายืนฟังอยู่ในมุมสงบของร้านคนเดียว นักข่าวยกมือขึ้นถาม
“แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในคลิปล่ะคะ”
“ผมมีหลักฐานอธิบายได้ว่าคลิปนั้นถูกจัดทำขึ้น โดยผู้ไม่หวังดี”
เวศม์กดเล่นคลิปวิดิโอ ฉายบนจอโปรเจ็คเตอร์ ภาพบนจอโปรเจ็คเตอร์เป็นภาพวิดิโอถ่ายจากในรถที่จอดแอบอยู่ที่หน้าบ้านบุษบาบัณ มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งพับครึ่งวางอยู่บนคอนโซลรถ กล้องซูมอินเห็นวันที่ชัดเจน
“คลิปนี้เพิ่งถ่ายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา”
ที่จอโปรเจ็คเตอร์ เห็นรถของพงษ์ชัยแล่นมาจอด แล้วพงษ์ชัยก็ช่วยบุษบาบัณอุ้มอินทุอรเข้ามาในบ้าน มีการเร่งภาพฟาสต์สปีดจนถึงช่วงพงษ์ชัยเดินออกมาจากบ้าน ขับรถออกไป
“มีการทำให้คุณอินทุอรสลบ”
บุษบาบัณกับพงษ์ชัยหันมามองหน้ากัน ไม่คิดว่าภิสิตจะมีไม้เด็ดมาแฉ
“มันเอาภาพนี้มาได้ยังไง”
อัษฎามองภาพ ทึ่ง ประหลาดใจมาก นักข่าวทุกคนฮือฮา ที่จอโปรเจ็คเตอร์ ภิสิตขับรถมาจอดอย่างร้อนใจ วิ่งเข้าไปในบ้าน แล้วภาพก็เร่งสปีด จนภิสิตอุ้มอินทุอรออกมา
“คลิปนั่นเป็นการจัดฉากขึ้นโดยภรรยาเก่าของผมเอง”
ภิสิตชี้มาที่บุษบาบัณ นักข่าวต่างพากันหันมาจ้องบุษบาบัน บุษบาบัณตะโกน

“ไม่จริง ฉันไม่ได้ทำ”

นักข่าวตามบุษบาบัณกับพงษ์ชัยที่เดินหนีออกมาอีกทาง แล้วกรูกันมาถ่ายรูป
 
“มาถ่ายอะไรฉัน ไปถ่ายภิสิตโน่น”
แสงฉานพาตำรวจเข้ามาหาบุษบาบัณและพงษ์ชัย
“เชิญไปอธิบายกับตำรวจที่โรงพักดีกว่านะครับ”
บุษบาบัณกับพงษ์ชัยหน้าซีด ภิสิตกับเวศม์เดินมาสมทบแสงฉาน ภิสิตบอกศศิพิมล
“ตำรวจอาจจะเชิญคุณศศิพิมลไปให้ปากคำเพิ่มเติมนะครับ”
“ศิยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ค่ะ”
บุษบาบัณกับพงษ์ชัยงง
“นี่มันอะไรกัน เธอไปเกี่ยวอะไรด้วย”
“เพราะฉันเป็นพยานคดีนี้”
“พยานบ้าบออะไร เธอกลับไปเตรียมเงินมาประกันตัวฉันกับคุณพงษ์ชัยดีกว่า”
“ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้”
“ทำไม”
ศศิพิมลเล่าเรื่องในอดีต ขณะภิสิตอุ้มอินทุอรขึ้นรถแล้วขับพาออกไป เธอเป็นคนถ่ายวิดิโออยู่ในรถที่แอบจอดอยู่หน้าบ้านบุษบาบัณนั่นเอง
ศศิพิมลพูดกับบุษบาบัณอย่างเจ็บแค้นฝังลึก
“ฉันตามดูตามสืบ จนรู้ว่าเธอเล่นชู้กับสามีเฮงซวยของฉันมานานแล้ว”
ศศิพิมลมองหน้าพงษ์ชัยอย่างเกลียดชัง พงษ์ชัยมองศศิพิมลตอบ แค้นจัดเช่นกัน
“วันนี้เป็นวันที่ฉันจะให้บทเรียนกับเธอว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”
ศศิพิมลยิ้มหยัน ๆ แล้วเดินออกไป บุษบาบัณกับพงษ์ชัยมอง สายตาแทบจะลุกเป็นไฟ

ภิสิตกับอัษฎาเดินเข้ามาหากัน ต่างคนต่างมองหน้ากันนิ่งๆ
“ขอบใจนะที่ปกป้องชื่อเสียงของหนูอิน”
“มันเป็นหน้าที่ของผม”
“แล้วจะย้ายไปญี่ปุ่นเมื่อไหร่”
“พอคลิปถูกแชร์ ทางกระทรวงพักเรื่องย้ายไปรับตำแหน่งอย่างไม่มีกำหนด คิดว่าคงไม่ได้ไปแล้วล่ะครับ”
“พี่เข้าใจว่าภาพลักษณ์และชื่อเสียงสำคัญกับอาชีพของภิสิตมาก แต่ถ้าไม่ได้ทำความผิด ก็ไม่ควรต้องรับโทษ”
“ผมทำผิดต่อมิตรภาพที่พี่เคยไว้ใจ สมควรแล้วที่ต้องเป็นแบบนี้”
อัษฎาดึงภิสิตมากอด แล้วตบไหล่แรง ๆ อย่างเห็นใจ ภิสิตรู้สึกดีใจและประหลาดใจกับการกระทำของอัษฎามาก ที่เหมือนจะเข้าใจเขา แสงฉานกับเวศม์ ยืนมองอยู่มุมหนึ่ง
“งานนี้อาสิตมีลุ้น”
“เอาน่ะ เสียงานแต่ได้มิตรภาพกลับคืน ก็ถือว่าไม่เลว”

เวศม์มองอัษฎาคุยกับภิสิตด้วยรอยยิ้ม

คืนนั้น สามสาวคุยกันในเต็นท์ อินทุอรตะลึงเมื่อฟังเรื่องจากพี่สาว
 
“อาสิตไม่ได้ย้ายไปญี่ปุ่น ต้องเป็นเพราะอินแน่ ๆ เลย”
“เพราะอาบุษต่างหาก”
“อาสิตคงเสียใจมาก”
อินทุอรไม่สบายใจ ทำท่าจะร้องไห้ อุรวสาปลอบ
“จะร้องไห้ทำไม ไม่ต้องอยู่ไกลกับอาสิตแล้ว หนูอินน่าจะดีใจ”
“เวลาเรารักใคร เราย่อมอยากให้เขาได้สิ่งที่ดีและเหมาะสมกับตัวเขาที่สุด ไม่ใช่เหรอคะพี่วสา”
อุรวสากลับร้องไห้ออกมาเสียเอง เพราะมันคือสิ่งที่เธอกำลังพยายามทำให้แสงฉาน
“จริงจ้ะ หนูอินพูดถูก”
“อ้าว คุณวสาร้องไห้ทำไม”
อินทุอรก็พลอยร้องไห้ไปด้วย อุรวสากับอินทุอรกอดกันร้องไห้ อันตราทำอะไรไม่ถูก ได้แต่กอดพี่สาวกับน้องสาว

ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 20 ปี มาพบอันตราที่สำนักงานสืบ ยื่นรูปเด็กผู้ชายวัย 5 ขวบให้
“ให้ดิฉันตามหาผู้ชายชื่อวัติ แต่มีหลักฐานให้ดิฉันแค่รูปตอน 5 ขวบ ทราบมั้ยคะว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร”
“ไม่ทราบครับ รู้แต่ว่าบ้านเดิมอยู่ที่ชุมชนหลังวัดริมคลอง”
“มีข้อมูลแค่นี้คงหาไม่เจอหรอกค่ะ คุณหานักสืบคนอื่นดีกว่า”
อันตรายื่นรูปถ่ายคืนให้ชายคนนั้น แต่ชายคนนั้นยื่นกลับไปหาอันตราอีก
“แต่ใคร ๆ ก็บอกว่าคุณคือนักสืบที่เก่งที่สุด ช่วยผมหน่อยเถอะครับ ผู้ชายในรูปมีบุญคุณกับผมมาก ที่ผมได้เรียนหนังสือ มีงานทำเป็นตัวเป็นตนก็เพราะเขา ให้ผมได้มีโอกาสตอบแทนเขาสักครั้งเถอะ”
อันตราลำบากใจ


อันตรามาที่ชุดชมหลังวัดริมคลอง เดินถามชาวบ้านไปเรื่อย ๆ ด้วยการเอารูปเด็กชายวัติให้ดู แต่ทุกคนส่ายหน้า ไม่มีใครจำได้ อันตราอัดเทปแล้วพูด
“ดิฉันถามชาวบ้านเกือบทั้งชุมชน แต่ไม่มีใครจำเด็กคนนี้ได้”
ชาวบ้านคนหนึ่งชี้ทางให้อันตราไป
“มีคนแนะนำให้ดิฉันไปถามหลวงตาที่วัด”

หลวงตาดูรูปเด็กชายวัติ แล้วระลึกความทรงจำ เล่าให้อันตราฟัง
“พ่อแม่ของเด็กคนนี้เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำเสียชีวิตทั้งคู่ ทิ้งเด็กให้อดอยากอยู่คนเดียว ไม่ได้ไปโรงเรียน หลวงตาเลยให้มาอาศัยซุกหัวนอนที่วัด กินข้าวก้นบาตร จนมีญาติมารับไป แต่ไม่รู้ว่าย้ายไปไหน”
อันตรากราบขอบคุณหลวงตา แล้วรับรูปเด็กชายวัติคืนมา เธอมองรูปเด็กชายวัติแล้วรู้สึกสงสารในโชคชะตา

“คุณน่าสงสารจัง ฉันจะตามหาคุณให้เจอนะ”

สามใบไม่เถา ตอนที่ 13 (ต่อ)

อันตรามาที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงเรียนรัฐบาลไม่หรูหรา เธอนั่งรออยู่ที่ห้องพักครู ครูถือหนังสือรุ่นมาเปิดให้อันตราดู
 
“คนนี้ค่ะ เด็กชายวัติที่คุณตามหา”
ครูชี้รูปเด็กชายวัติ ในวัยรุ่น อายุประมาณ 14 ปี อันตรามองด้วยความรู้สึกคุ้นหน้ามาก แต่นึกไม่ออก ครูพาอันตราเดินชมโรงเรียนเก่าของวัติ
“ครูประจำชั้นบอกว่าเด็กชายวัติเป็นกำพร้าตอนอยู่ชั้น ม.1 ต้องไปอาศัยวัดอยู่ แต่ยังขยันเรียนมากสอบได้ที่หนึ่งตลอด”
ครูพาอันตรามาถึงโรงอาหารซึ่งมีแม่ครัวกับลูกจ้างกำลังทำความสะอาด อันตราบันทึกเสียงตัวเอง
“เด็กชายวัติต้องรับจ้างล้างจานและทำความสะอาดโรงอาหาร ว่างก็ไปรับจ้างเข็นผักที่ตลาด เพื่อหาค่าเทอม”
ครูพาอันตรามาที่ทางเดินหน้าห้องเรียน อันตรามองเข้าไปในห้องที่มีนักเรียน เธอบันทึกเสียงไว้อีก
“ต่อมาทางโรงเรียนให้ทุนนักเรียนดีเด่น แต่เด็กชายวัติก็ยังไปทำงานที่ตลาดทุกวัน”
ครูประจำชั้นของวัติยื่นกระดาษจดที่อยู่ให้อันตรา
“ที่อยู่ของบ้านญาติเด็กชายวัติที่ต่างจังหวัดค่ะ”

อันตรากลับมาที่สำนักงาน เปิดหนังสือรุ่นที่มีรูปวัติตอนอายุ 14 ปีให้ชายคนที่มาจ้างดู
“พอจบม.3 ก็มีญาติห่าง ๆ ติดต่อมาแล้วรับไปอยู่ต่างจังหวัดค่ะ”
“ได้ที่อยู่มาแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ แต่ก็ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ เวลาผ่านมาตั้ง 15 ปี แต่วางใจเถอะค่ะ คุณวัติเป็นคนดี ดิฉันจะพยายามตามหาเขาให้ได้ค่ะ”

ชายคนนั้นเดินออกมาจากสำนักงานนักสืบ มองซ้ายมองขวาแล้วรีบเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ตรงข้ามสำนักงาน ขึ้นรถมานั่งข้าง ๆ คนขับรถคือศศิพิมล
“ผมใจไม่ดีเลย กลัวคุณอันตราจับได้”
“เราวางแผนมาดีแล้ว ทำตามแผนไป”

ศศิพิมลเจ้าเล่ห์และลึกลับ ไม่รู้ว่ามีแผนร้ายหรือดี

ที่เปลี่ยวริมถนน มีทางแยกเข้าไปในชุมชน รถเก่า ๆ จอดอยู่ ชายลูกค้าของอันตรายืนคุยโทรศัพท์อยู่
 
“ผมดักรออยู่ที่ทางเข้าบ้านญาติพี่วัติแล้วครับคุณศศิ ไม่ต้องห่วงครับ ทุกอย่างต้องเรียบร้อยตามแผน”
ชายคนนั้นวางสาย อันตราขับรถเข้ามา เขารีบหลบหลังที่กำบังแถวนั้น อันตราจอดรถ แล้วหยิบของ อุปกรณ์กล้องถ่ายรูป เดินเข้าไปในทางแยกไปชุมชน ชายคนนั้นรีบสะกดรอยตามไป

อันตราเดินเข้ามาในชุมชน พลางถ่ายรูปทางไปบ้านญาติของวัติไปด้วย เธอมองไปข้างหน้า เจอชายลูกค้าเดินดิ่งเข้ามาหาอันตราพร้อมกับไม้ในมือ
“คุณ มาได้ยังไง”
ชายเงื้อไม้ชี้
“หยุด!!”
อันตราตกใจ ถีบเข้าที่ลำตัวชายคนนั้นจนล้มลงทันที ชายคนนั้นจุกแต่ยังคงชี้มือไปด้านหลังอันตรา อันตราหันไปด้านหลัง เห็นวัยรุ่นสองคนเงื้อไม้จะตีอันตรา อันตราใช้วิชาบู๊เล่นงานวัยรุ่นสองคนจนวิ่งหนีไป
แล้วหันมาชี้หน้าด่าชายลูกค้า
“อยากตายเรอะถึงหลอกฉันมาหมกป่า รู้รึเปล่าว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร”
“ผมเปล่าทำร้ายคุณ ไอ้สองคนนั้นมันตามคุณมาตั้งแต่ถนนใหญ่ คงกะจี้เอากล้องกับมือถือ ผมก็เลยเข้ามาช่วย”
“อ้าว”
อันตรารู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดก็เสียใจ
“ฉันขอโทษ นึกว่าคุณจะทำร้ายฉัน”
ชายลูกค้าลุกขึ้นมา อันตราหรี่ตามองแบบจับผิด
“แล้วคุณรู้ได้ไงว่าฉันจะมาที่นี่”
ชายลูกค้าอึกอัก

ชายลูกค้าเดินนำอันตรามาที่หน้าบ้านญาติวัติ
“พี่วัติย้ายมาอยู่ที่นี่จนเรียนจบม.6 เรียนต่อมหาวิทยาลัย ทำงานไปด้วย เก็บเงินจนไปเรียนต่อเมืองนอก”
“แล้ววัติเป็นอะไรกับคุณ”
“ผมเป็นลูกศิษย์หลวงตารุ่นน้องพี่วัติ ฐานะยากจน พี่วัติคอยส่งเงินมาเป็นค่าเทอมให้ผมกับน้อง ๆ อีกหลายคนในวัดจนจบมหาวิทยาลัย”
“อ้าว ถ้าอย่างงั้นคุณก็ยังติดต่อพี่วัติของคุณได้สิ”
“ครับ”
“งั้นคุณมาจ้างฉันสืบหาตัวเขาทำไม”
อันตราเดินมาถึงตัวบ้าน เงยหน้ามองที่ฝาบ้าน เห็นรูปเวศม์ตอนเรียนอยู่เมืองนอกใส่กรอบแขวนอยู่ข้างฝา อันตราอ้าปากค้าง
“นั่นมันเวศม์”
“ใช่ครับ ก่อนไปเมืองนอก พี่วัติเปลี่ยนชื่อเป็นเวศม์”

อันตราอึ้ง ช็อค

อันตราเดินหน้าตาเอาเรื่อง มาที่บ้านเวศม์ กดกริ่งรัว ๆ ด้วยความโมโห เวศม์เดินมึน ๆ หัวฟู เพิ่งตื่น ยังอยู่ในชุดนอนเดินออกมาจากบ้าน อันตราเห็นหน้าก็ใส่ไม่เลี้ยง
 
“นายจอมเจ้าเล่ห์ ไอ้จิ้งจอกหลอกลวง หลอกได้หลอกดี เป็นคนหรือผีกันแน่ ฮะ”
เวศม์งง รีบยกมือห้ามอันตรา
“สต็อป อย่าเพิ่งด่า เข้าบ้านก่อน”
เวศม์จับมืออันตรา ดึงเข้าบ้านหน้าตาเฉย อันตราไม่ยอม
“หลอกฉันเข้าไปในบ้าน จะใช้แผนอะไรอีก”
“เปล่า แต่อายเพื่อนบ้าน เดี๋ยวเขาคิดว่าผมโดนเมียด่าแต่เช้า”
“ไอ้บ้า”
เวศม์ดึงอันตราเข้าบ้าน พลางบ่น
“เพิ่งจะแหกขี้ตาตื่น น้ำก็ยังไม่อาบ แล้วไปหลอกอะไรคุณตอนไหน”
“ที่นายใช้หน้าม้าไปหลอกฉันให้สืบประวัตินายไง”
“ประวัติผม”
“เด็กชายวัติที่เป็นกำพร้าพ่อแม่ มีชีวิตที่น่าสงสาร แต่ก็รักดี ทำงานหาเลี้ยงตัวเอง นายเป็นคนดีน่าชื่นชมมาก แต่เสียใจ ฉันไม่ใจอ่อนหรอก”
เวศม์เงียบไปพักหนึ่งจนอันตราแปลกใจ หันไปมอง แอบเป็นห่วงนิด ๆ
“เงียบเลย เป็นอะไรรึเปล่า”
เวศม์หน้าขรึม ๆ พูดอย่างจริงจังไม่เล่นเหมือนทุกที
“ชีวิตผมเคยลำบากก็จริง แต่ผมไม่เคยหยิบเรื่องนี้มาเรียกความสงสารจากใคร โดยเฉพาะคุณ ผมอยากให้คุณรู้จักผมในปัจจุบันมากกว่า”
“ทำไม”
“เพราะนายเวศม์ในอดีตมีแต่ความทะเยอทะยานเพื่อหลีกหนีความยากจน บางครั้งใช้คนอื่นเป็นบันไดขึ้นไปหาความสำเร็จ”
เวศม์จ้องเข้าไปในดวงตาของอันตรา
“ที่เป็นแบบนั้น เพราะยังไม่รู้จักผู้หญิงที่ชื่อ อันตรา”
อันตรามองเวศม์อึ้ง ๆ เวศม์พยายามบอกว่าเพราะเธอที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป

“คุณทำให้ผมอยากเป็นผู้ชายที่ดีขึ้น”

สามใบไม่เถา ตอนที่ 13 (ต่อ)

หัวใจอันตราอ่อนยวบ เพราะสายตาของเวศม์บอกชัดว่าเขารักเธอจริง อันตรารู้สึกใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เกือบจะใจอ่อน
ในมุมหนึ่งของบ้าน ศศิพิมลเดินมายืนฟังสิ่งที่เวศม์และอันตราคุยกัน แต่ทั้งสองไม่เห็น เวศม์เดินเข้ามาจับมืออันตรา
“ผมอยากให้เราทำความรู้จักกันมากกว่านี้ ใช้เวลาด้วยกันมากกว่านี้ ผมมั่นใจว่าเราต้องไปกันได้ด้วยดี เพราะเรามีอะไรที่คล้ายกันหลายอย่าง ที่สำคัญ ใจเราตรงกัน”
เวศม์สบตาอันตราแน่วแน่ลึกซึ้ง อันตรารู้สึกเขินอายอย่างประหลาดเหมือนถูกมองทะลุเข้าไปถึงหัวใจ
“คุณรู้ได้ไง”
“คุณรู้ใช่มั้ยว่าผมชอบคุณ”
อันตราพยักหน้าเขิน ๆ
“คุณรู้ได้ยังไง ผมก็รู้ได้อย่างนั้น ว่าคุณก็ชอบผม”
คำพูดนั้นทำให้อันตราตะลึง เธอเพิ่งรู้ใจตัวเองชัดว่าเธอชอบเวศม์เช่นกัน ศศิพิมลทำท่าเหมือนจะถอยหลัง แต่มือดันไปปัดของหล่นเสียงดัง เวศม์กับอันตราหันขวับไปมองพร้อมกัน อันตราอึ้งที่เห็นศศิพิมล หันมาต่อว่าเวศม์ด้วยสายตา คิดว่าเขาหลอกเธออีก

อันตราเดินออกมาจากบ้านด้วยความเจ็บใจ คิดว่าตัวเองโดนหลอก แล้วก็เจ็บใจที่เกือบหลงเชื่อ เวศม์วิ่งตามออกมาจากบ้าน ดึงแขนอันตราไว้
“คุณอัน ฟังผมก่อน”
อันตรามองเวศม์อย่างเย็นชา
“พอเถอะค่ะ ฉันเสียเวลามากพอแล้ว”
เวศม์เห็นสายตาเย็นชาของอันตราก็ยอมปล่อยแขนเธอ ศศิพิมลเดินตามออกมาสมทบ มองอันตราด้วยสายตาขอร้อง
“คุณอันตราคะ กรุณาฟังฉันหน่อยได้ไหมคะ”
ทั้งอันตราและเวศม์หันไปมองศศิพิมล

เวศม์ อันตรา ศศิพิมลนั่งเผชิญหน้ากัน ศศิพิมลดูไม่เหลือความร้ายอยู่เลย
“เรื่องที่ให้คุณสืบประวัติของเวศม์ เป็นแผนของฉันเองค่ะ เวศม์ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”
ทั้งเวศม์และอันตรามองศศิพิมล ทั้งสองคนงงพอกัน
“ฉันอยากให้คุณเห็นว่าเวศม์มีคุณสมบัติพร้อมที่จะดูแลคุณได้ เขามีความพยายาม มีน้ำใจ ที่สำคัญคือ ผู้ชายคนนี้มีความซื่อสัตย์ค่ะ ฉันขอยืนยัน”
“พี่ศศิ”
“เวศม์ พี่ทำทั้งหมดนี้เพื่อแทนคำขอโทษ พี่อยากให้เวศม์มีความสุขกับคนที่เวศม์รัก คุณอันตราคะวันนี้ฉันแค่กลับมาเอาของที่ลืมไว้ ฉันจะไปพักผ่อนที่เชียงใหม่ ก่อนถึงวันเดินทางไปออสเตรเลีย”
“ไปออสเตรลีย”
“ค่ะ ฉันจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น”
“แต่พงษ์ชัยไม่ปล่อยพี่ไว้แน่ ๆ มันต้องตามไปเอาคืน พี่มาอยู่กับผมก่อนไม่ดีกว่าเหรอครับ”
อันตราเหลือบมองเวศม์แบบเคือง ๆ ที่ชวนให้ศศิมาอยู่ด้วยอีก ศศิพิมลเหลือบมองอันตรายิ้ม ๆ นึกรู้ว่าหึง
“พี่ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องห่วง พี่ขอบใจในความหวังดีของเวศม์ อืม แต่เวศม์ไม่คิดบ้างเหรอ ว่ามีสาวสวยมานอนร่วมบ้าน อาจจะมีคนคิดมากนะ”
เวศม์นึกได้ รีบหันมองอันตรา อันตราหน้าเหวอ ก่อนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สนใจ เวศม์อมยิ้มมีความสุข ที่ทุกอย่างคลี่คลาย

อันตราช่วยอินทุอรปอกมันฝรั่งไปเงียบ ๆ ผิดปกติ อุรวสานั่งอยู่ด้วย อินทุอรมองอันตราอย่างเป็นห่วง
 
“ฟังที่พี่อันเล่า คุณเวศม์ก็เป็นคนดีมากนะคะ แถมยังขยันสร้างเนื้อสร้างตัวจากไม่มีอะไรจนมีบริษัทเป็นของตัวเอง แล้วยังมีน้ำใจเผื่อแผ่ไปถึงเด็กยากจนคนอื่น อินว่าเขามีส่วนคล้ายคุณพ่อมากนะคะ”
“พี่บอกมาตั้งนานแล้วว่าเวศม์เป็นคนดี ก็ไม่เชื่อ”
“ก็ความดีกับความน่าไว้ใจมันเป็นคนละเรื่องกันนี่คะ คุณวสา”
“งั้นตอนนี้ก็ถือว่าไว้ใจได้แล้วใช่ไหมคะ แหม แต่ดันจะชวนให้คุณศศิไปอยู่ด้วยอีก ทำใจยากจริง ๆ”
“ช่างเขา พี่ไม่สนใจอยู่แล้ว”
“สนซะหน่อยก็ดีนะ ป่านนี้เวศม์คงลุ้นจนตัวโก่งล่ะว่าจะมีหวังรึเปล่า อืม พี่ขอถามแทนเวศม์หน่อยเถอะ ว่าตกลงเขามีหวังไหม”
อันตราดูนิ่ง ๆ อึ้ง ๆ ไป ก่อนถอนหายใจออกมา
“อันกลัวค่ะคุณวสา อันเคยเจ็บมาแล้ว อันไม่อยากเจ็บอีก”
อุรวสามองน้องอย่างเข้าใจ เธอเดินมาโอบไหล่อันตรา
“เวศม์เองก็เคยเจ็บมาแล้วเหมือนกัน แต่เขาก็เปิดใจให้อันไม่ใช่เหรอ คนเราไม่มีใครรู้หรอกนะ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ถ้าอันมัวแต่ใช้ชีวิตจมอยู่กับความกลัวอดีต อันก็จะไม่มีทางก้าวไปข้างหน้าได้ ลองคิดดูให้ดีนะ”
อินทุอรจับมืออันตราไว้
“ที่สำคัญในทุกก้าวของพวกเรา ไม่ว่าจะล้มลุกคลุกคลานยังไง พวกเรายังมีกันอยู่นะคะ”
สามสาวพี่น้องมองตากันด้วยความรัก ไม่มีวันที่จะทิ้งกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

พงษ์ชัยนั่งดูคลิปที่มีภาพตัวเองคุยกับผู้ชายอีกคนในไอแพดของศศิพิมล อนุวัติเอาปืนจ่อผู้ชายคนนั้นที่ถูกมัดนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น
“แกจะยอมขายที่ดินติดรีสอร์ทให้ฉันซะ หรือจะหายสาปสูญไปจากโลกนี้ แล้วฉันค่อยไปหาทางซื้อที่ดินจากลูกเมียแก เลือกเอา”
ผู้ชายคนนั้นมองพงษ์ชัยอย่างเจ็บแค้น อนุวัติเอาปืนตีเข้าที่หน้า
“เลือกสิวะ เจ้านายฉันเขาใจดีให้แกเลือกแล้ว ยังจะอะไรอีก”
“ฉันขาย”
พงษ์ชัยระเบิดหัวเราะออกมา ก่อนยิ้มร้ายกาจ
“อนุวัตรเอาเอกสารให้มันเซ็น”
ศศิพิมลดึงไอแพดกลับคืนมา
“นอกจากคลิป ฉันยังมีเอกสารยืนยันว่าคุณรุกล้ำที่ดินอุทยานอีกหลายที่”
“ต้องการอะไร เงินใช่มั้ย ว่ามา จะเอาเท่าไหร่”
“ฉันไม่ต้องการ ที่ชีวิตฉันตกต่ำทุกวันนี้ก็เพราะเงินสกปรกของคุณนั่นแหละ ฉันจะไปเริ่มต้นใหม่ ก็แค่อยากมาบอกคุณให้เลิกทำชั่วได้แล้ว ถ้าไม่อยากเดือดร้อนมากไปกว่านี้ เรื่องที่ผ่านมา ฉันอโหสิกรรมให้ แต่ถ้ายังคิดจะจองเวรกับฉันกับเวศม์ เราได้เห็นดีกันแน่”
ศศิพิมลเดินออกไป พงษ์ชัยมองตาม แค้น อนุวัติมายืนข้างนาย
“จะเอายังไงกับนังนี่ดีครับนาย มันร้ายกว่าที่คิดเยอะ”

พงษ์ชัยหน้านิ่ง แต่แววตาเป็นประกายร้ายกาจ

แสงฉานเปิดประตูห้องให้ภิสิตกับเวศม์เข้ามา แสงฉานมีหูฟังห้อยคอ ภิสิตกับเวศม์มองเข้าไปในห้องอย่างประหลาดใจมาก
 
บนโต๊ะกาแฟในห้องรับแขกคอนโด มีหนังสือคู่มือแม่และเด็กเป็นตั้ง ๆ บนโต๊ะอาหารมีถ้วยอาหารสำหรับเด็กใส่อาหารเด็กเล็กเด็กโต ตกแต่งเป็นรูปการ์ตูนน่ารักสดใส
“ผมว่างก็เลยคิดเมนูอาหารสำหรับเด็กตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป”
“แต่ลูกคุณยังอยู่ในท้องเลยนะแสง” ภิสิตท้วง
แสงฉานหัวเราะเขินๆ
“เตรียมไว้ก่อนครับ”
ภิสิตเดินเข้ามาก้มดูอาหารที่วางเรียงกันหลายถ้วยมีป้ายกำกับตามพัฒนาการวัยต่างๆ
“หอมน่ากินมากเลยแสง”
“ตำราบอกว่า เมื่อเด็กถึงวัยหนึ่ง อาจจะเริ่มเลือกและกินยาก ต้องหาวิธีจูงใจด้วยสีสันและกลิ่นจากธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่งรส ปลอดสารพิษ”
เวศม์มองจานอาหารสำหรับเด็กที่เรียงกันเป็นตับ
“ผมมีไอเดียอะไรดี ๆ แล้ว”
เวศม์คิดอะไรได้

เวศม์พาแสงฉานกับภิสิตมาที่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่ตกแต่งเป็นร้านอาหารเล็ก ๆ แต่หน้าร้านติดป้ายขาย
“ร้านนี้ใกล้กับโครงการคอนโดฯคุณพ่อวสา ครอบครัวหนุ่มสาวสมัยใหม่อยากให้ลูกได้รับอาหารดี ๆ ปลอดภัย แต่ไม่มีเวลาทำเอง ถ้าคุณมีอาหารสำหรับเด็กให้ บริการที่ร้านและเดลิเวอรี่ถึงคอนโดฯ เน้นสะอาด ปลอดสารพิษ อร่อย น่าจะไปได้ดีนะครับ”
“ตัวบ้านก็น่ารักดี ตกแต่งเป็นร้านสไตล์อังกฤษ ตอนเย็นหรือเสาร์อาทิตย์ พ่อแม่พาลูกมานั่งกินอาหาร ใช้เวลาร่วมกันเหมือนอยู่ในบ้านตัวเองสบาย ๆ” ภิสิตบรรยาย
แสงฉานมองร้านตาเป็นประกาย
“ร้านในฝันของผมเป็นแบบนี้เลย”

แสงฉานตื่นตา
 
จบตอนที่ 13 
 
อ่านต่อตอนที่ 14 ตอนอวสาน พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.


กำลังโหลดความคิดเห็น